TCI 20171018122755

ึ ษาวิจ ัยกฎหมายการจ ัดตงั โครงการศก องค์กรภาคร ัฐ ่ เสริม ทีท ี า ํ หน้า้ ทีส ี ง SME ิ และสน ัับสนุน SMEs ของประเทศไทย...

0 downloads 88 Views 81MB Size
ึ ษาวิจ ัยกฎหมายการจ ัดตงั โครงการศก องค์กรภาคร ัฐ ่ เสริม ทีท ี า ํ หน้า้ ทีส ี ง SME ิ และสน ัับสนุน SMEs ของประเทศไทยเปรียบเทียบก ับ ต่างประเทศ

รายงานฉบ ับสมบูรณ์ (Final Repo t) Report)

รายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาวิจัยกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีทําหน้ าทีส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs ของประเทศไทยเปรียบเทียบกับต่ างประเทศ

เสนอ

สํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

25 ธันวาคม 2556

ทีปรึกษาโครงการ รองศาสตราจารย์วนิ ยั

ลําเลิศ

ทีปรึ กษาโครงการ

ทีมงานวิจยั ผูช้ ่ วยศาสตราจารย์ ดร.วริ ยา ดร.ดวงทิพย์ ดร.ไกลกังวล นายธนาชัย นายพีรพล นางสาวภัทรพร

ลําเลิศ บุญปลูก บุญปลูก สุ นทรอนันตชัย เจตโรจนานนท์ เย็นบุตร

หัวหน้าโครงการ นัก วิจยั นัก วิจยั นัก วิจยั นัก วิจยั ผูช้ ่ วยวิจยั

สารบัญ หนา บทที่ 1

บทที่ 2

บทนํา

1-9

1.1 หลักการและเหตุผล

1

1.2 วัตถุประสงคของการศึกษา

4

1.3 วิธีการดําเนินงานวิจัย และขอบเขตการศึกษา

4

1.4 แผนการดําเนินงานวิจัยภาคสนาม

8

1.5 ประโยชนที่คาดวาจะไดรับ

9

ภาพรวม บทบาท และความสําคัญของ SMEs

10 - 36

2.1 ประเทศไทย

10 - 13

2.1.1 ความสําคัญของ SMEs

10

2.1.2 คําจํากัดความของ SMEs

11

2.1.3 วิวัฒนาการของนโยบายการพัฒนา SMEs

12

2.2 ประเทศญี่ปุน

13 - 17

2.2.1 ความสําคัญของ SMEs

13

2.2.2 คําจํากัดความของ SMEs

14

2.2.3 วิวัฒนาการของนโยบายการพัฒนา SMEs

14 - 17

2.3 สาธารณรัฐสิงคโปร

17 - 20

2.3.1 ความสําคัญของ SMEs

17

2.3.2 คําจํากัดความของ SMEs

17

2.3.3 วิวัฒนาการของนโยบายการพัฒนา SMEs

19

2.4 สาธารณรัฐเกาหลี

20 - 29

2.4.1 ความสําคัญของ SMEs

20

2.4.2 คําจํากัดความของ SMEs

21

2.4.3 วิวัฒนาการของนโยบายการพัฒนา SMEs

26

2 2.5 สาธารณรัฐฝรั่งเศส 2.5.1 ความสําคัญของ SMEs

29

2.5.2 คําจํากัดความของ SMEs

31

2.5.3 วิวัฒนาการของนโยบายการพัฒนา SMEs

31

2.6 เครือรัฐออสเตรเลีย

บทที่ 3

29 - 33

34 - 36

2.6.1 ความสําคัญของ SMEs

34

2.6.2 คําจํากัดความของ SMEs

34

2.6.3 วิวัฒนาการของนโยบายการพัฒนา SMEs

36

เปรียบเทียบนโยบาย กฎหมาย และมาตรการในการจัดตั้งองคกรภาครัฐที่สงเสริม 37 - 150 และสนับสนุน SMEs ของไทยและตางประเทศ 3.1 ประเทศไทย

37 - 62

3.1.1 ความเปนมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐ 37 3.1.2 ขอบเขตลักษณะโครงสรางการบริหารและโครงสรางองคกร 38 3.1.3 วัตถุประสงคและอํานาจหนาที่

45

3.1.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ

47

3.1.5 รูปแบบการสงเสริมและสนับสนุนของภาครัฐและปจจัย

48

ที่สงผลตอความสําเร็จของ SMEs 3.2 ประเทศญี่ปุน

63 - 87

3.2.1 ความเปนมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐ 63 3.2.2 ขอบเขตลักษณะโครงสรางการบริหารและโครงสรางองคกร 64 3.2.3 วัตถุประสงคและอํานาจหนาที่

71

3.2.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ

79

3.2.5 รูปแบบการสงเสริมและสนับสนุนของภาครัฐและปจจัย

81

ที่สงผลตอความสําเร็จของ SMEs 3.3 สาธารณรัฐสิงคโปร

88 - 97

3.3.1 ความเปนมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐ 88

3 3.3.2 ขอบเขตลักษณะโครงสรางการบริหารและโครงสรางองคกร 90 3.3.3 วัตถุประสงคและอํานาจหนาที่

94

3.3.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ

96

3.3.5 รูปแบบการสงเสริมและสนับสนุนของภาครัฐและปจจัย

97

ที่สงผลตอความสําเร็จของ SMEs 3.4 สาธารณรัฐเกาหลี

98 - 117

3.4.1 ความเปนมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐ 99 3.4.2 ขอบเขตลักษณะโครงสรางการบริหารและโครงสรางองคกร 102 3.4.3 วัตถุประสงคและอํานาจหนาที่

105

3.4.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ

108

3.4.5 รูปแบบการสงเสริมและสนับสนุน SMEs

109

3.5 สาธารณรัฐฝรั่งเศส

118 - 127

3.5.1 ความเปนมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐ 118 3.5.2 ขอบเขตลักษณะโครงสรางการบริหารและโครงสรางองคกร 121 3.5.3 วัตถุประสงคและอํานาจหนาที่

123

3.5.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ

125

3.5.5 รูปแบบการสงเสริมและสนับสนุนของภาครัฐและปจจัย

126

ที่สงผลตอความสําเร็จของ SMEs 3.6 เครือรัฐออสเตรเลีย

128 - 151

3.6.1ความเปนมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตัง้ องคกรภาครัฐ 128 3.6.2 ขอบเขตลักษณะโครงสรางการบริหารและโครงสรางองคกร 132 3.6.3 วัตถุประสงคและอํานาจหนาที่

137

3.6.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ

141

3.6.5 รูปแบบการสงเสริมและสนับสนุนของภาครัฐและปจจัย

145

ที่สงผลตอความสําเร็จของ SMEs

4 บทที่ 4

ศึกษาเปรียบเทียบขอดีและขอเสียของกฎหมายการจัดตั้งองคกรภาครัฐที่ทําหนาที่ 151-178 ในการสงเสริมและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทยและตางประเทศ 4.1 ประเทศญี่ปุน

151

4.2 สาธารณรัฐสิงคโปร

154

4.3 สาธารณรัฐเกาหลี

157

4.4 สาธารณรัฐฝรั่งเศส

161

4.5 เครือรัฐออเสเตรเลีย

165

4.6 ตารางสรุปเปรียบเทียบขอดี-ขอเสียของกฎหมายจัดตั้งองคกร 170 - 179 ภาครัฐที่สงเสริม SMEs ของตางประเทศ จํานวน 5 ประเทศ บทที่ 5

บทที่ 6

ประมวลผลการศึกษาและการวิจัยภาคสนาม

181 - 297

5.1 สรุปประเด็นบทสัมภาษณ

181

5.2 ผลสรุปประเด็นจากการสัมมนาครั้งที่ 1

218

5.3 ผลสรุปประเด็นจากการสัมมนาครั้งที่ 2

227

5.4 ผลสรุปประเด็นจากการสัมมนาครั้งที่ 3

237

5.5 สรุปการศึกษาดูงาน ณ ประเทศญี่ปุน

242

5.6 สรุปการศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร

255

5.7 ผลการวิเคราะหขอมูลจากแบบสอบถาม

264

ขอเสนอแนะในการแกไขกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐที่ทําหนาที่สงเสริม และสนับสนุน SMEs ในประเทศไทย

ภาคผนวก

ก.

บทสัมภาษณงานวิจัยภาคสนาม

ข.

เอกสารการนําเสนอศึกษาดูงานประเทศญี่ปุน

ค.

เอกสารการนําเสนอศึกษาดูงานสาธารณรัฐสิงคโปร

ง.

ตัวอยางแบบสอบถาม

จ.

เอกสารประกอบการประชุมเสนอผลงานวิจัยและรับฟงขอเสนอแนะ

ฉ.

รูปประชุมระดมความคิดเห็นสวนกลาง

ช.

รูปประชุมระดมความคิดเห็นสวนภูมิภาค

299 - 313

5 ซ.

รูปศึกษาดูงานตางประเทศ

ฌ.

รูปประชุมนําเสนอผลงานวิจัยและรับฟงขอเสนอแนะ

ญ.

รายชื่อผูเขารวมประชุมระดมความคิดเห็นสวนกลาง

ฎ.

รายชื่อผูเขารวมประชุมระดมความคิดเห็นสวนภูมิภาค

ฏ.

รายชื่อผูเขารวมนําเสนอผลงานวิจัยและรับฟงขอเสนอแนะ

บทที 1 บทนํา 1.1 หลักการและเหตุผล จากสถานการณ์ ในอดี ตของประเทศไทย ทีเคยประสบปั ญ หาวิกฤตเศรษฐกิ จ “ต้มยํากุ้ง” ในช่ วง พ.ศ. 2540 เพือแก้ไขปั ญหาสถานการณ์ เศรษฐกิ จของประเทศดังกล่าว ประเทศไทยจําเป็ นต้อ งส่ งเสริ ม การขับเคลือนเศรษฐกิจโดยการให้ความสําคัญกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ งมีจาํ นวน มากถึ งร้ อ ยละ 99.8 ของวิส าหกิ จทังหมดของไทย เพราะเป็ นหน่ วยธุ รกิ จที ประเทศไทยมี ศ ักยภาพใน การแข่ ง ขัน มากกว่าหน่ วยธุ ร กิ จ ขนาดใหญ่ และการส่ ง เสริ ม ดัง กล่ า วจะต้อ งเปิ ดเสรี ท างการลงทุ น การบริ การและการค้า เพิ มมากขึน โดยที การเปิ ดเสรี นีย่อมส่ งผลให้ SMEs ประสบภาวะทีต้องแข่งขันกับ กิ จการค้าทํานองเดียวกัน มากยิ งขึน ทังระดับภายในประเทศและระดับนานาชาติ ดังนัน เพื อเพิ มขี ด ความสามารถการแข่งขันดังกล่าวจึงได้มีการยกร่ างพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่อม พ.ศ. 2543 ขึนเป็ นกฎหมายทีกําหนดมาตรการช่ วยเหลือ ส่ งเสริ ม และสนับสนุ น รวมถึ งมาตรการ เกี ยวกับการให้สิทธิ ประโยชน์ทงหลายแก่ ั วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในพระราชบัญญัติ ส่งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ได้กําหนดโครงสร้ าง หน่วยงานภาครัฐทีรับผิดชอบเกียวกับการส่ งเสริ ม SMEs เป็ น 2 ส่ วน คือ ส่ วนทีอยู่ในความรับผิดชอบของ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ งเป็ นหน่วยงานที รั บผิดชอบเรื องนี โดยตรง และส่ วนทีอยู่ในความรับผิดชอบของส่ วนราชการ หรื อหน่วยงานของรัฐอืน ๆ โดยทีพระราชบัญญัติส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 กําหนดให้จดั ตัง สสว. ขึนเป็ นนิติบุคคลทีมี ภารกิ จในการเป็ น ศูนย์กลางประสานระบบการทํางานของส่ วนราชการ องค์กรของรั ฐ หรื อรั ฐ วิส าหกิ จ ที มีหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs เพือให้เกิ ดความต่ อเนื องและสอดคล้องไปในทิ ศ ทางเดียวกัน โดยมีวตั ถุ ประสงค์ในการส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs หลายประการ ดังปรากฏเป็ นประการสํ าคัญยิง ในมาตรา 16 (8) แห่ งพระราชบัญญัติดงั กล่ าวได้บญั ญัติไว้เป็ นสาระสําคัญให้ สสว. เป็ นผูเ้ สนอให้มีก ารยก ร่ างกฎหมายแก้ไขเพิ มเติม หรื อปรับปรุ งกฎหมายทีเกียวกับการส่ งเสริ ม SMEs ต่อส่ วนราชการ หน่วยงาน ของรัฐ หรื อรัฐวิสาหกิ จทีเกียวข้อง ซึ งย่อมรวมถึงการปรับปรุ งพระราชบัญญัตินีด้วย

2 ในระยะเวลาหนึ งปี ทีผ่านมาเป็ นทีประจักษ์วา่ หลายหน่ วยงานทังภาครัฐ และภาคเอกชน รวมทัง สสว. เองก็มีค วามพยายามอย่างยิ งที จะเร่ งสร้ างความรู ้ ความเข้าใจเกียวกับ “ประชาคมเศรษฐกิ จอาเซี ยน” (ASEAN Economic Community) หรื อในชื อย่อว่า “AEC” ให้เป็ นทีรู ้ จกั อย่างแพร่ หลาย ทังนี สื บเนื องจาก ระยะเวลาเริ มมีผลใช้บงั คับของการจัดตัง AEC นันใกล้เข้ามาทุกขณะ ซึ งเป้ าหมายของการรวมกลุ่มทาง เศรษฐกิ จก็ เพือให้เป็ น “ตลาดและฐานการผลิตเดี ยว” ที จะอนุ ญ าตให้เกิ ด การเคลื อนย้ายสิ น ค้า บริ การ การลงทุน และแรงงานมีฝีมือ ในกลุ่มประเทศสมาชิ กอาเซี ยนได้อย่างเสรี ภายในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) เพือกําหนดทิศทางในการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศให้เกิดความเข้มแข็งและเป็ นตัวจักรทีสําคัญ ในการพัฒนาประเทศ นัน สสว. ได้ตระหนักถึงผลกระทบของ AEC ทีจะเกิดขึนกับ SMEs จึงระบุประเด็น การส่ งเสริ ม SMEs ให้เตรี ยมพร้อมรองรับความเปลียนแปลงทีจะเกิดขึนนีไว้ในแผนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาด กลางและขนาดย่อ ม ฉบับที 3 (พ.ศ. 2555 – 2559) ทีจัดทําขึนเพือเป็ นแนวทางในการพัฒนาและส่ งเสริ ม SMEs ของไทยให้เ ติบ โตอย่ างต่ อ เนื อง ยังยืน และสามารถแข่ งขัน ได้ในบริ บทที เปลี ยนแปลงไปของ ประชาคมโลกในสถานการณ์ ปั จจุ บ ัน โดยมี ส่ วนที สํ า คัญ ปรากฏในยุ ท ธศาสตร์ ที 4 ซึ งกล่ า วถึ ง การเสริ มสร้ างศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เชือมโยงกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศด้วย เพราะการเชื อมโยงวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มให้ส ามารถรองรั บกับกระแสโลกาภิ วฒั น์ แ ละ เชื อมโยงกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศเป็ นเรื องทีมีความจําเป็ นอย่างยิงในสถานการณ์ปัจจุบนั จนถึ ง ปั จจุ บ ั น สสว. ได้ จ ัด ตังขึ นและดํา เนิ น การตามวัต ถุ ป ระสงค์ แ ละอํ า นาจหน้ า ที ตาม พระราชบัญญัติ ส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 มาแล้วประมาณ 13 ปี ประกอบกับ สถานการณ์ การเข้าสู่ AEC จึงควรมีการศึ กษาเปรี ยบเทียบกฎหมายจัดตังองค์กรภาครั ฐของไทยทีมี หน้าที ในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs กับกฎหมายจัดตังองค์กรภาครั ฐของต่างประเทศทีทําหน้าทีส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs และทําให้ ธุ ร กิ จ SMEs ของประเทศนันๆ ประสบผลสํ า เร็ จในการดําเนิ น การ 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศญีปุ่ น สาธารณรัฐสิ งคโปร์ สาธารณรัฐสาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐฝรั งเศส และ เครื อรัฐออสเตรเลี ย โดยศึ กษาเปรี ยบเทียบทังด้านโครงสร้ างองค์กร โครงสร้างการบริ หาร วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าที งบประมาณสนับสนุนจากรัฐในการดําเนินงานขององค์กร การส่ งเสริ มและสนับสนุนของรัฐ สําหรับ SMEs และการเพิกถอนการส่ งเสริ มและการสนับสนุนของรัฐ เพือให้ได้ขอ้ มูล รอบด้าน การศึ กษาดังกล่าว ก็ เป็ นไปเพื อให้ทราบถึงองค์กรภาครัฐทีทําหน้าที ส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ในแต่ ล ะประเทศว่า โครงสร้ า งขององค์ ก รและการดํา เนิ น การมี ล ัก ษณะอย่ า งไร มี วตั ถุ ป ระสงค์ใ น การดําเนิ นการอย่างไร มีอ ํานาจหน้ าที กระทําการอย่างไร รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุ น ของรั ฐ มี ลัก ษณะอย่างไร และสามารถดําเนิ น การประสบผลสําเร็ จมากน้อยเพี ยงใด ทังนี ย่อมเป็ น การสมควรที

3 สสว. ในฐานะทีเป็ น หน่ วยงานกลางของการประสานงานและการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs อี กทัง ยังเป็ นหน่ ว ยงานที รั บ ผิ ด ชอบการดํา เนิ น งานตามกฎหมายจะได้ มี ก ารศึ ก ษาวิจ ัยถึ ง สาระสํ า คัญ ของ พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 กฎหมายจัดตังองค์ก รภาครัฐ อืนๆ ทีเกี ยวข้อ งกับการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs และนโยบายภาครั ฐในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ทังทีดําเนินการผ่าน สสว. และหน่วยงานภาครัฐอืนๆ เพือศึกษาข้อมูลให้ชดั เจนว่าตามกฎหมายทังหลายได้ กํา หนดโครงสร้ างองค์ ก ร และอํานาจหน้ าที ทังหลายขององค์ต่ างๆ ที เกี ยวข้อ งกับ การส่ งเสริ ม และ สนับสนุ น SMEs มีความซําซ้อนหรื อคาบเกียวกันอันอาจไม่เหมาะสมต่อการพัฒนาขีดความสามารถของ SMEs ในปั จจุบนั เช่น อํานาจหน้าทีทีซําซ้อนคาบเกียวกันของหน่วยงานภายใต้การกํากับดูแลของกระทรวง พาณิ ชย์ กับหน่วยงานภายใต้การกํากับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรม เป็ นต้น อนึ ง การที ในสถานการณ์ ปั จจุบ ัน สํ า นัก งานเศรษฐกิ จการคลัง (สสค.) ได้จ ัดตังกองทุ น เพื อ ช่ ว ยเหลื อ SMEs โดยมุ่ ง ประสงค์ จ ะฟื นฟู ก องทุ นต่ า งๆ ที ได้ ให้ ก ารสนั บ สนุ น SMEs อยู่ แ ล้ วให้ มี ประสิ ทธิ ภ าพมากยิ งขึนและเป็ นการให้ภ าคเอกชนเข้ามามี ส่ วนร่ วมบริ หารจัดการกองทุ น ดังกล่ าวด้วย นอกจากนี สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยร่ วมกับสํานักงานคณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุนยังได้แสดง ความประสงค์ให้ภาครั ฐจัดตังกองทุน ช่ วยเหลื อ SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ งการแก้ไขปั ญหาด้านมาตรการ ทางภาษี และการกํา หนดอัต ราดอกเบียเงิ นกู้ยืมทีเหมาะสม ในขณะที สสว. เองก็มีอ าํ นาจหน้าทีเกี ยวกับ การบริ หารจัด การกองทุน ส่ งเสริ ม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มด้วย ซึ งวัตถุประสงค์ข องกองทุ น ดังกล่าวก็เป็ นไปเพือส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs เช่นเดียวกัน ดังนัน เพือให้หน่วยงานภาครัฐได้ประสาน ความร่ วมมือในการให้เงินช่ วยเหลื อหรื อกู้ยืมในการสนับสนุ น SMEs อย่างเป็ นระบบ และสอดคล้องกับ สถานการณ์ จึงจําเป็ นต้องมีการศึกษาวิจยั ถึงกฎหมายทีเกียวข้องกับการบริ หารจัดการการสนับสนุ นเงินทุน ช่วยเหลือ SMEs ให้เหมาะสมด้วย เมื อได้วิเคราะห์แ ละสั งเคราะห์ ก ฎหมายไทยที เกี ยวข้อ งในประเด็น ดัง กล่ าวแล้ว ก็ จะสามารถ นําเสนอการวิเ คราะห์เชิ งเปรี ยบเทียบกับกฎหมายของต่างประเทศ 5 ประเทศข้างต้น เพือให้สามารถนําผล การศึกษาวิจยั ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการเสนอแนะให้มีการปรับปรุ งหรื อแก้ไขพระราชบัญญัติส่งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม พ.ศ. 2543 หรื อ กฎหมายจัด ตังองค์ก รภาครั ฐ อื นที เกี ยวข้อ ง และ เสนอแนะเกี ยวกับการกําหนดนโยบายภาครั ฐในการปรั บปรุ งองค์กรภาครัฐ ของไทยในการส่ งเสริ มและ สนับสนุน SMEs ให้มีความเหมาะสมตามภารกิจต่อไป

4 1.2 วัตถุประสงค์ของการศึกษา 1. เพื อทราบและเข้ าใจถึ งโครงสร้ า งขององค์ก ร โครงสร้ า งการบริ ห าร วัต ถุ ประสงค์ อํา นาจ หน้าที งบประมาณสนับสนุ นจากภาครัฐ การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของ สสว. ตามพระราชบัญญัติ ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 องค์กรภาครั ฐอืนๆ ทีเกี ยวข้องกับการส่ ง เสริ มและ สนับสนุน SMEs และนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs โดยผ่านทางหน่วยงานภาครัฐอืน ๆ 2. เพื อวิเ คราะห์ ก ฎหมายจัดตังองค์ ก รภาครั ฐของต่ างประเทศที ทําหน้า ที เกี ยวกับการส่ งเสริ ม สนับสนุ น และพัฒนา SMEs ให้เข้มแข็งและประสบความสําเร็ จโดยศึ กษาเปรี ยบเที ยบกับกฎหมายจัดตัง สสว. และองค์กรภาครัฐของไทย ทังนี การศึกษาเปรี ยบเทียบดังกล่าวทําให้ทราบและเข้าใจถึ งหลักสําคัญ ของกฎหมายจัด ตังองค์ ก รภาครั ฐ และขอบเขตของลัก ษณะโครงสร้ างองค์ก ร โครงสร้ า งการบริ ห าร วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าที งบประมาณสนับสนุ นจากภาครั ฐ รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs และการดําเนินการทีประสบผลสําเร็ จ 3. เพื อศึ ก ษาวิจยั กฎหมายจัด ตังองค์ ก รภาครั ฐ ที ทําหน้าที ส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ได้แ ก่ พระราชบัญ ญัติ ส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อม พ.ศ. 2543 เพือนําไปสู่ ก ารเสนอแนะแก้ไ ข เพิ มเติมหรื อปรับปรุ งกฎหมายนีให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบนั 4. เพื อทราบและเข้ า ใจถึ ง โอกาสและผลกระทบของการเข้ า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จอาเซี ยน ต่ อ SMEs ไทย เพื อให้ สสว. สามารถสนับ สนุ น ให้ ผู้ป ระกอบการ SMEs รวมทังองค์ก รภาครั ฐและ ภาคเอกชนทีเกียวข้องสามารถเพิ มขีดความสามารถในการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน 1.3 วิธีการดําเนิ นงานวิจัย และขอบเขตการศึกษา ในการศึ กษาวิจยั ครังนี ผูว้ ิจยั ได้มีก ารดําเนิ น การวิจยั โดยใช้วิธี ผสมผสาน ทังการวิจยั ข้อ มู ลเชิ ง เอกสาร และการวิจยั ภาคสนาม ซึงมีทงการวิ ั จยั เชิงปริ มาณ และเชิ งคุณภาพ เพือให้ได้ขอ้ มูลในหลากหลาย มิติ อัน นํามาสู่ การตอบคําถามตามวัตถุประสงค์ของการศึกษา โดยมีรายละเอียดของวิธี ดาํ เนิ นการวิจยั และ ขอบเขตการศึกษา ดังนี 1. วิจยั ข้อ มูลเชิ งเอกสาร โดยมี ก ารศึ กษารวบรวมข้อมู ล กฎหมายการจัดตัง สสว. กฎหมายจัดตัง องค์ กรภาครั ฐ อื น ๆ และแนวนโยบายภาครัฐ ของไทยที เกี ยวข้องในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs รวมถึงบทความวิช าการ บทความวิจยั และรายงานการวิจยั ฉบับ สมบู รณ์ ในรู ป แบบสื อตี พิมพ์แ ละสื อ

5 อิเ ล็กทรอนิ ก ส์ ตลอดจนศึก ษารวบรวมกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐของต่ างประเทศที มีอาํ นาจหน้าทีใน การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs พร้ อ มแนวนโยบายภาครั ฐ ในการส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs โดย คัดเลือ กมาจํานวน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศญีปุ่น สาธารณรัฐสิ งคโปร์ (ซึ งเป็ นประเทศในกลุ่มประชาคม เศรษฐกิจอาเซี ยนที มีค วามเข้มแข็งทางเศรษฐกิ จ) สาธารณรัฐสาธารณรัฐ เกาหลี สาธารณรัฐฝรั งเศส และ เครื อ รั ฐ ออสเตรเลี ย ทังนี โดยมี ก ารวิ เคราะห์ เปรี ยบเที ย บโครงสร้ า งองค์ก ร โครงสร้ างการบริ ห าร วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าทีงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุนของรัฐ และ ปั จจัยทีส่ งผลต่อความสําเร็ จทังของไทย และของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศดังกล่าว 2. วิจยั ภาคสนาม โดยใช้แบบสอบถาม การสัม ภาษณ์ และการประชุ มระดมความคิ ดเห็น ของ ผูม้ ี ส่วนเกี ยวข้อง เช่ น องค์กรภาครั ฐ องค์กรภาคเอกชน ผูเ้ ชียวชาญ นักวิชาการ ผูป้ ระกอบการ SMEs ทังส่ วนกลางและส่ วนภู มิภ าค และศึ ก ษาดู ง านกฎหมายจัดตังองค์ ก รภาครั ฐ ของประเทศที ทําหน้ า ที เกี ยวกับการส่ งเสริ มสนับสนุ นและพัฒนา SMEs ให้เข้มแข็ง จํานวน 2 ประเทศจากกลุ่มประเทศเป้ าหมาย 5 ประเทศในข้อ 1 โดยมีรายละเอียดดังนี 2.1 แบบสอบถาม ผู ้วิ จยั ใช้แ บบสอบถามในการเก็ บข้ อ มูล จากผู ้ประกอบการวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทย เพื อรวบรวมข้อ มูลความคิดเห็น ตลอดจนข้อ เสนอแนะของผู ้ที เกี ยวข้องอันนํามาสู่ การปรั บปรุ งแก้ไขกฎหมายจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยเก็ บ ข้อ มู ล จากแบบสอบถาม จํานวนไม่ น้ อ ยกว่า 500 ชุ ด ทังนี กลุ่ ม ตัว อย่ า งของการวิ จ ยั ผูว้ ิจยั ได้จากการสุ่ มแบบเจาะจง (Purposive sampling) เพือให้ได้แ หล่งเก็บรวบรวมข้อมู ล ทังในส่ วนกลาง และภูมิภาคทีสามารถได้ขอ้ มูลเพือตอบคําถามการวิจยั ได้อย่างครอบคลุม ซึ งแบ่งได้ดงั นี (1) กรุ งเทพมหานคร (ส่ วนกลาง ) จํานวนไม่นอ้ ยกว่า 200 ชุด (2) ส่ วนภูมิภาค จํานวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ ภาค ตะวันออก ภาคใต้ และภาคกลาง โดยแต่ละภูมิภาคจํานวนไม่น้อ ยกว่า 50 ชุด และจํานวนรวมทุ กภาคแล้ว ต้องไม่น้อยกว่า 300 ชุด 2.2 การสัมภาษณ์ผูท้ ีมีส่วนเกียวข้อง ผูว้ ิจยั จะสัมภาษณ์ผู้ทีมีส่วนเกี ยวข้อง จํานวนไม่นอ้ ย กว่า 50 ท่าน แบ่งเป็ นการสัมภาษณ์ผู ้ทีมีส่วนเกี ยวข้องจากส่ วนกลางไม่นอ้ ยกว่า 10 ท่าน และการสัมภาษณ์ ผูท้ ีมีส่วนเกี ยวข้องจากส่ วนภูมิภาคไม่นอ้ ยกว่า 40 ท่าน โดยภูมิภาคหนึงไม่นอ้ ยกว่า 5 ท่าน ซึ งมีรายละเอียด ดังนี

6 (1) การสัมภาษณ์ผทู ้ ีมีส่วนเกียวข้องจากกรุ งเทพมหานคร (ส่ วนกลาง) ประกอบด้วย (1.1) กลุ่ ม ระดับ นโยบาย ได้แ ก่ ตั ว แทนในคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อม ซึ งคณะกรรมการแต่ละชุด รวมจํานวนทังสิ นไม่นอ้ ยกว่า 6 ท่าน (1.2) กลุ่มระดับผูบ้ ริ หาร และเจ้าหน้าที ได้แก่ (1.2.1) ผู้อาํ นวยการสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่ อ ม หรื อ รองผู้ อ ํานวยการฯ กลุ่ ม ยุ ท ธศาสตร์ รองผู ้อ ํ านวยการฯ กลุ่ ม เครื อข่ ายความร่ วมมื อ รองผู ้อ ํานวยการฯ กลุ่ม ความช่ วยเหลือ สนับสนุ น รองผู ้อ าํ นวยการสํ านักงานฯ กลุ่ มบริ หารจัดการ รวม จํานวนทังสิ นไม่นอ้ ยกว่า 3 ท่าน (1.2.2) ตัวแทนเจ้าหน้าที ที ปฏิ บ ัติ งานที เกี ยวข้อ งกั บประเด็ น การศึกษาวิจยั จํานวนไม่นอ้ ยกว่า 3 ท่าน (1.3) กลุ่ ม ผู ้ป ระกอบการวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม (SMEs) จํานวนไม่นอ้ ยกว่า 10 ท่าน (2) การสั มภาษณ์ ผู ้ทีมี ส่วนเกี ยวข้อ งจากส่ วนภู มิภ าค จํานวน 5 ภู มิภ าค ได้แ ก่ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉี ยงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคกลาง โดยแต่ละภูมิภาคประกอบด้วย (2.1) ประธานหอการค้าจังหวัดหรื อผูแ้ ทน จํานวนอย่างน้อย 1 ท่าน (2.2) ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหรื อผูแ้ ทน จํานวนอย่างน้อย 1 ท่าน (2.3) ผูป้ ระกอบการวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จํานวน ไม่นอ้ ยกว่า 4 ท่าน 2.3 การจัดประชุ มระดมความคิดเห็นของผูท้ ีมีส่วนเกียวข้อง ผูว้ จิ ยั จะดําเนินการจัดประชุ ม เพื อรั บ ฟั ง ความคิ ด เห็ น จากผู้ที มี ส่ วนเกี ยวข้อ ง เช่ น องค์ ก รภาครั ฐ องค์ ก รภาคเอกชน ผู ้เชี ยวชาญ นัก วิชาการ ผูป้ ระกอบการ SMEs เป็ นต้น จํานวนไม่น้อยกว่า 2 ครัง ในหัวข้อ “การดําเนิ นการโดยผ่ าน นโยบาย มาตรการ และกฎหมายของ สสว. ในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ในปั จจุบนั ” โดยแบ่งเป็ น

7 การจัด ประชุ มในส่ วนกลางไม่ น้ อ ยกว่า 1 ครัง และในส่ วนภู มิภ าคไม่ น้ อ ยกว่า 1 ครั ง ซึ งในแต่ ล ะครัง จะต้องมีผมู ้ ีส่วนเกียวข้องเข้าร่ วมจํานวนไม่น้อยกว่า 50 ราย 2.4 การศึ ก ษาดู ง าน ผู ้วิจยั จะเดิ น ทางไปศึ ก ษาดู งานด้า นกฎหมายจัด ตังองค์ก รภาครั ฐ ของประเทศทีทําหน้าทีเกี ยวกับ การส่ งเสริ ม สนับสนุ น และพัฒ นา SMEs ให้เข้มแข็ง จํานวน 2 ประเทศ ได้แก่ ประเทศญีปุ่ น และสาธารณรัฐสิ งคโปร์ 3. ประมวลผลการศึ ก ษา/การวิจยั ภาคสนาม/การรั บ ฟั ง ความคิ ดเห็ น พร้ อ มทังข้อ เสนอแนะ การปรั บ ปรุ ง แก้ ไ ขกฎหมายจัดตังองค์ ก รภาครั ฐ ของไทยในการส่ ง เสริ ม และสนั บ สนุ น SMEs และ ข้อเสนอแนะเกี ยวกับการกําหนดนโยบายภาครัฐในการปรับปรุ งองค์กรภาครัฐของไทยในการส่ งเสริ มและ สนับสนุน SMEs ให้เหมาะสม โดยเปรี ยบเทียบข้อดีขอ้ เสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครั ฐของไทยและ ของต่างประเทศทีได้ทาํ การศึกษามา 4. จัด ประชุ ม หน่ วยงานที เกี ยวข้อ งเพื อนํ า เสนอ เผยแพร่ และรั บ ฟั งข้ อ เสนอแนะต่ อ ร่ า งผล การศึกษาวิจยั จํานวน 1 ครัง โดยมีผูม้ ีส่วนเกี ยวข้องเข้าร่ วม จํานวนไม่นอ้ ยกว่า 200 ราย 5. จัดทํารายงานผลการศึก ษาวิจยั กฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐที ทําหน้าที ส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของประเทศไทยเปรี ยบเทียบกับต่างประเทศ (รายงานฉบับสมบูรณ์) ซึ งประกอบด้วย 5.1 ผลการรวบรวมข้อ มู ล กฎหมายการจัดตัง สสว. และกฎหมายจัดตังองค์ก รภาครั ฐ อืน ๆ ทีเกียวข้องในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของไทย และผลการรวบรวมแนวนโยบายภาครัฐ ของ ไทยในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของไทย 5.2 ผลการรวบรวมกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐของต่างประเทศพร้อมแนวนโยบายภาครัฐ ในการเสริ มและสนับสนุน SMEs จํานวน 5 ประเทศ ทีมีอาํ นาจหน้าทีในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs และเป็ นประเทศทีประสบผลสําเร็ จหรื อมีความเข้มแข็งในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs 5.3 ผลวิเคราะห์เปรี ยบเทียบโครงสร้างองค์กร โครงสร้ างการบริ หาร วัตถุประสงค์ อํานาจ หน้าที งบประมาณสนับสนุ นจากภาครั ฐ รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุ นของรัฐ และปั จจัยที ส่ งผลต่ อ ความสําเร็ จทังของไทย และของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศทีได้ทาํ การคัดเลือก 5.4 ประมวลผลการศึก ษาและการวิจยั ภาคสนาม (แบบสอบถาม การสั มภาษณ์ การรับฟั ง ความคิดเห็น การศึกษาดูงาน)

8 5.5 ผลเปรี ยบเทียบข้อดีขอ้ เสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครั ฐของไทยและต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ ทีได้ค ดั เลือกและทําการศึกษามา 5.6 ข้อ เสนอแนะการปรั บปรุ งแก้ไขกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ ของไทยในการส่ งเสริ ม และสนับสนุน SMEs และข้อเสนอแนะเกี ยวกับการกําหนดนโยบายภาครัฐในการปรับปรุ งองค์กรภาครั ฐ ของไทยในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs จากการได้ศึกษาวิจยั มาทังหมด 1.4 แผนการดําเนิ นงานวิจัยภาคสนาม จากวิธีการดําเนินงานวิจยั ภาคสนามในข้อ 3.2 ผูว้ จิ ยั ได้มีการวางแผนการดําเนิ นการวิจยั ภาคสนาม ซึ งจะดําเนินการหลังจากการผ่านการตรวจรับงานในงวดที 2 ดังนี การดําเนิ นงาน 1. การเก็บข้อมูลโดยใช้แบบสอบถาม 2. การเก็บข้อมูลโดยใช้การสัมภาษณ์ 3. การจัดประชุมระดมความคิดเห็น 4. การศึกษาดูงาน 5. การประมวลผลข้อมูล จากแบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การจัดประชุ ม และการศึ กษา ดูงาน 6. การวิเ คราะห์และสังเคราะห์ขอ้ มูลทังหมด และจัดทําร่ างรายงานสําหรับการส่ งงานงวด ที 3

สิ งหาคม

กันยายน

ตุลาคม

พฤศจิกายน

ทังนี แผนการดําเนินงานวิจยั ภาคสนามข้างต้น อาจมีการปรับเปลียนรายละเอียดตามความเหมาะสม อัน เนื องมาจากต้อ งรอผ่านการพิ จารณาจากคณะกรรมการการตรวจรั บ ในการตรวจรับ งานในงวดที 2 จึงจะสามารถดําเนินการได้ อย่างไรก็ตาม ระยะเวลาในการดําเนินงานยังอยูภ่ ายใต้กรอบระยะเวลาทีต้องส่ ง งานในงวดที 3 ตาม TOR

9 1.5. ประโยชน์ ทีคาดว่ าจะได้ รับ 1. ทําให้ทราบและเข้าใจถึงโครงสร้างขององค์กร โครงสร้างการบริ หาร วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าที งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของ สสว. ตามพระราชบัญญัติส่งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 องค์กรภาครัฐอืนๆ ทีเกียวข้องกับการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs และนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs โดยผ่านทางหน่วยงานภาครัฐอืนๆ 2. สามารถวิเคราะห์กฎหมายจัดตังองค์ก รภาครัฐ ของต่างประเทศที ทําหน้าทีเกี ยวกับการส่ งเสริ ม สนับสนุนและพัฒนา SMEs ให้เข้มแข็งและประสบผลสําเร็ จ โดยศึ กษาเปรี ยบเทียบกับกฎหมายจัดตัง สสว. และองค์กรภาครัฐ ของไทย ทังนี การศึ ก ษาเปรี ยบเที ยบดังกล่าวทําให้ท ราบและเข้าใจถึงหลัก สําคัญ ของ กฎหมายจัด ตังองค์ ก รภาครั ฐ และขอบเขตของลัก ษณะโครงสร้ า งขององค์ก ร โครงสร้ า งการบริ ห าร วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าที งบประมาณสนับสนุ นจากภาครั ฐ รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs และการดําเนินการทีประสบผลสําเร็ จ 3. ทําให้ได้ผลการศึกษาวิจยั แนวทางแก้ไขเพิ มเติมกฎหมายจัดตังองค์กรภาครั ฐทีทําหน้าที ส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs คือ พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 เพือให้มี ความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบนั 4. สามารถสนับสนุ นให้ผปู ้ ระกอบกิ จการ SMEs รวมทังองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนทีเกี ยวข้อง เพิ มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน ผ่านการดําเนินงานของ สสว. ได้

บทที 2 ภาพรวม บทบาท และความสําคัญของ SMEs 2.1 ประเทศไทย 2.1.1 ความสําคัญของ SMEs ในแผนพัฒนาเศรษฐกิ จและสังคมแห่ งชาติ ตังแต่ฉบับที 8 (พ.ศ. 2540 – 2544) เป็ นต้น มาจนถึง ฉบับปั จจุบนั คือ แผนพัฒนาเศรษฐกิ จและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที 11 (พ.ศ. 2555 – 2559) ล้วนกําหนดขึน โดยอาศัยหลัก “ปรั ช ญาเศรษฐกิ จพอเพี ย ง” ซึ งได้ก ํา หนดให้ ก ารพัฒ นาเศรษฐกิ จเป็ นไปอย่ า งสมดุ ล อัน จําเป็ นต้องอาศัยการวิเคราะห์อ ย่าง “มี เหตุ ผ ล” มี “ความพอประมาณ” และเตรี ยม “ระบบภูมิคุ ้มกัน ” สําหรับผลกระทบจากการเปลียนแปลงทังโดยเหตุปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ1 เพือให้เป็ นไปตามหลักการทีปรากฏในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติดงั กล่าว การพัฒนา ในด้านหนึ งที สํ าคัญคื อ การพัฒนาการส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (Small and Medium Enterprise หรื อ SMEs) ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันเพิ มมากขึนท่ามกลางสถานการณ์ทีเปลียนแปลง ไปในกระแสโลกยุคปั จจุบนั ทังด้านเทคโนโลยี การผลิต การจัดการ การตลาด และการเงิน เพราะจาก ข้อ มู ลของธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าแห่ ง ประเทศไทย (Export-Import Bank of Thailand) พบว่า SMEs ของไทย มีบทบาทสําคัญอย่างมากต่อเศรษฐกิจไทย เนืองจากผูป้ ระกอบการทังประเทศเป็ นลักษณะ SMEs ถึ งกว่าร้ อ ยละ

และเป็ นหน่ วยสร้ างผลผลิต (GDP) ปริ มาณมากถึ งร้ อ ยละ

รวมถึ งนํามาซึ ง

การจ้างงานเกือบร้ อยละ ของจํานวนแรงงานทังประเทศ2 ซึ งจากความสําคัญของ SMEs ดังกล่าว ทําให้มี หน่วยงานทังภาครัฐและภาคเอกชนหลายองค์กรทีให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการดําเนินธุ รกิจ SMEs และ อาศัยกฎหมายเป็ นเครื องมือในการส่ งเสริ ม SMEs ด้วย

1 2

แผนพัฒ นาเศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติ ฉบับที 11 (พ.ศ. 2555 – 2559), 43 – 44.

ธนาคารเพือการส่ ง ออกและนําเข้าแห่ งประเทศไทย, SMEs Analysis, (กันยายน 2555) .

11 2.1.2 คําจํากัดความของ SMEs ปั จจุบนั ประเทศไทยได้มีการออกกฎกระทรวงกําหนดจํานวนการจ้างงานและมูลค่าสิ นทรัพย์ถาวร ของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2545 ไว้เพือให้ทราบถึงองค์ก รธุ รกิจหรื อกิจการทีมีลกั ษณะ เป็ น SMEs ดังตารางต่อไปนี3 ตารางสรุ ปลักษณะของ SMEs ประเภทกิ จการ

กิจการผลิต กิจการค้าส่ ง กิจการค้าปลีก กิจการบริ การ

วิสาหกิจขนาดย่อม การจ้างงาน มูลค่าสิ นทรัพย์ ถาวร ไม่เกิน 50 คน ไม่เกิน 50 ล้านบาท ไม่เกิน 25 คน ไม่เกิน 50 ล้านบาท ไม่เกิน 15 คน ไม่เกิน 30 ล้านบาท ไม่เกิน 50 คน ไม่เกิน 50 ล้านบาท

วิสาหกิจขนาดกลาง การจ้างงาน มูลค่าสิ นทรัพย์ ถาวร 51 – 200 คน เกิน 50 – 200 ล้านบาท 26 – 50 คน เกิน 50 – 100 ล้านบาท 16 – 30 คน เกิน 30 – 60 ล้านบาท 51 – 200 คน เกิน 50 – 200 ล้านบาท

ทังนี หากจํานวนการจ้างงานของกิ จการใดต้อ งด้วยหลักเกณฑ์ของวิส าหกิ จขนาดย่อม แต่มูลค่า สิ นทรัพย์ถาวรเป็ นตามหลักเกณฑ์ของวิสาหกิ จขนาดกลาง หรื อจํานวนการจ้างงานต้องด้วยหลักเกณฑ์ของ วิสาหกิ จขนาดกลาง แต่มูลค่ าสิ นทรั พย์ถาวรเป็ นตามหลักเกณฑ์ของวิสาหกิจขนาดย่อม กฎหมายให้ถือ จํานวนการจ้างงาน หรื อมูลค่าสิ นทรัพย์ถาวรทีน้อยกว่าเป็ นสําคัญ โดยทีกิจการตามลักษณะของ SMEs ดังกล่าว ได้แก่ 4 - กิ จการผลิ ต สิ น ค้า หมายความครอบคลุ ม ถึ ง การผลิ ต ที เป็ นลัก ษณะของการประกอบการ อุ ต สาหกรรมทุ กประเภท โดยความหมายที เป็ นสากลของการผลิ ต ซึ งก็ คื อ การเปลี ยนรู ป วัตถุ ให้เป็ น 3

ข้อ แห่ งกฎกระทรวงก ําหนดจํานวนการจ้างงานและมูลค่าสิ นทรัพย์ถาวรของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2545.

4

สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, นิยาม SMEs .

12 ผลิตภัณฑ์ชนิ ตใหม่ดว้ ยเครื องจักรกล หรื อเคมีภณั ฑ์ โดยไม่คาํ นึงว่างานนันทําโดยเครื องจักรหรื อด้วยมือ ทังนี กิ จการผลิตสิ นค้าในทีนีรวมถึงการแปรรู ปผลิตผลการเกษตรอย่างง่ายทีมีลกั ษณะเป็ นการอุตสาหกรรม การผลิตทีมีลกั ษณะเป็ นวิสาหกิ จชุ มชน และการผลิตทีเป็ นการประกอบอุตสาหกรรมในครัวเรื อนด้วย - กิ จการค้าส่ งและค้าปลีก หมายถึง การให้บริ การเกี ยวกับการค้า โดยทีการค้าส่ ง หมายถึง การขาย สิ นค้าใหม่และสิ นค้าใช้แล้วให้แก่ผูค้ า้ ปลีก ผูใ้ ช้ในงานอุตสาหกรรม งานพาณิ ชยกรรม สถาบัน ผูใ้ ช้ในงาน วิชาชีพ และรวมทังการขายให้แก่ผูค้ า้ ส่ งด้วยกันเอง ส่ วนการค้าปลีก หมายถึง การขายโดยไม่มีการเปลียน รู ปสิ นค้าทังสิ นค้าใหม่และสิ นค้าใช้แล้วให้กบั ประชาชนทัวไปเพือการบริ โภคหรื อการใช้ประโยชน์เฉพาะ ส่ วนบุ ค คลในครัวเรื อน ซึ งการค้าในทีนี มี ความหมายรวมถึ ง การเป็ นนายหน้าหรื อ ตัวแทนการซื อขาย สถานี บริ การนํามัน และสหกรณ์ผบู ้ ริ โภคด้วย - กิ จการการบริ การ หมายความครอบคลุ มถึง การศึ ก ษา การสุ ข ภาพ การบัน เทิ ง การขนส่ ง การก่อสร้างและอสังหาริ มทรัพย์ การโรงแรมและหอพัก การภัตตาคาร การขายอาหาร การขายเครื องดืม ของภัตตาคารและร้านอาหาร การให้บริ การเช่ าสิ งบันเทิ งและการพัก ผ่อ นหย่อ นใจ การให้บริ การส่ วน บุคคล บริ ก ารในครั วเรื อน บริ การทีให้ก ับธุ รกิ จ การซ่ อมแซมทุ ก ชนิ ด และการท่ องเทียวและธุ รกิ จที เกี ยวเนืองกับการท่องเทียว 2.1.3 วิวฒั นาการของนโยบายการพัฒนา SMEs จากสถานการณ์วิกฤตทางเศรษฐกิ จ เมือปี พ.ศ. 2540 ทําให้ทงภาครั ั ฐและภาคเอกชนต่างก็พยายาม ทีจะผ่ านพ้นวิกฤตนีไปให้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ งการอาศัยความพยายามในการเร่ งส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ทีมี เป็ นจํานวนมากในประเทศไทย รวมถึ งยังกระจายพืนทีดําเนิ นกิ จการครอบคลุมทัวทุกภูมิภาค ของไทย ซึ งการส่ งเสริ ม SMEs นี ย่อมมีส่วนช่ วยให้ธุรกิจขนาดใหญ่สามารถประคองตัวจนดําเนิ นกิจการ ต่อไป เป็ นการช่วยแก้ไขปั ญหาการว่างงานอีกทางหนึงด้วย5 อย่างไรก็ตาม ในปั จจุบนั SMEs ของไทยยังประสบปั ญหาทังด้านการจัดการความรู ้ และการบริ หาร กิจการทีเกี ยวข้องกับเทคโนโลยี เงินทุน แรงงาน กฎหมาย เป็ นอาทิ ซึ งการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ใน ประเทศไทยทีผ่านมาก็ ได้อาศัยความช่ วยเหลือจากหน่ วยงานภาครัฐ เช่ น ธนาคารพัฒนาวิสาหกิ จขนาด กลางและขนาดย่อ มแห่ งประเทศไทย (ธพว.) หรื อ เอสเอ็มอีแบงก์ (SME Bank) ธนาคารเพือการส่ งออก 5

วีระศักดิ กิตติภาณุ กุล, ปัญหาและอุปสรรคทางกฎหมายต่อการประกอบธุรกิจเงินร่ วมลงทุน (Venture Capital) ในประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริ ญญานิ ติศาสตร์ มหาบัณฑิต เสนอต่อมหาวิทยาลัยรามคําแห่ง.หน้า 24.

13 และนําเข้าแห่ง ประเทศไทย (ธสน.) ฯลฯ อีกทังยังมีหน่วยงานภาคเอกชนทีให้ค วามช่วยเหลือ เช่น สภา หอการค้า แห่ งประเทศไทยและหอการค้า ไทย สภาอุ ตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย สมาคมส่ งเสริ ม ผูป้ ระกอบการ SMEs6 จากการทีมีหน่ วยงานช่วยเหลือ SMEs อย่างหลากหลายจนกระทังมีโครงการหรื อกิจกรรมส่ งเสริ ม SMEs ทีซับซ้อนและขาดความเป็ นเอกภาพอยู่หลายโครงการหรื อ กิ จกรรม ทําให้มีความจําเป็ นทีจะต้อ ง จัดตังหน่ วยงานภาครั ฐ คือ สํ า นักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ขึนมาในปี พ.ศ. 2543 โดยมี วตั ถุประสงค์ ของการจัดตังเพื อให้ทาํ หน้าที พิจารณากรอบทิศทางการวางนโยบายและจัดทํา แผนการส่ งเสริ ม SMEs ตลอดจนทํางานอย่างบูรณาการความร่ วมมือกับหน่วยงานทังภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงสถาบันการศึ กษาทีเกียวข้องกับการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ด้วย7 2.2 ประเทศญีปุ่ น 2.2.1 ความสําคัญของ SMEs ประเทศญีปุ่นเป็ นประเทศที มีวสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (SMEs) อยูเ่ ป็ นจํานวนมาก และ ถือเป็ นประเภทองค์กรธุ รกิ จทีได้สร้างความเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิ จให้แก่ ประเทศเป็ นหลัก โดยจากสถิ ติ ในปี 2006 พบว่า สัดส่ วนทางเศรษฐกิจของ SMEs ในประเทศญีปุ่นคิดเป็ น ร้ อยละ 99.7 ของระบบเศรษฐกิจ ทังหมด และหากพิจารณาจํานวนแรงงานทีอยู่ในระบบแล้ว ก็พบว่ามี แรงงานทีอยูใ่ น SMEs คิดเป็ นร้ อยละ 69 ของแรงงานทังหมด โดยส่ วนทีเหลืออีกร้อยละ 31 จะอยู่ในธุ รกิจขนาดใหญ่8 ซึ งมีมูลค่าทางเศรษฐกิ จ คิดเป็ นร้ อยละ 53 ของมูลค่าทางเศรษฐกิ จทังหมด9 ในภาพรวมจึงนับได้วา่ SMEs ถือเป็ นองค์กรธุ รกิจหลัก ของประเทศญีปุ่ นอย่างแท้จริ ง โดยหากพิ จารณาสัด ส่ วนของประเภทกิ จการ SMEs ของประเทศญี ปุ่ น จะพบว่า ส่ วนใหญ่เป็ น ธุ ร กิ จค้า ปลี ก (ร้ อ ยละ 20) รองลงมาเป็ นอุ ตสาหกรรมบริ ก าร (ร้ อ ยละ 18) ธุ รกิ จที พักและร้ า นอาหาร 6

จิรพันธ์ สกุณา และวีระพงศ์ มาลัย, วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อมกับการส่ งเสริ มจากหน่ วยงานภาครั ฐ, Excusive Journal, หน้า 219

7

เพิ งอ้าง

8

Rika Nakagawa. The Policy Approach In Promoting Small And Medium Sized Enterprises In Japan, International Business & Economics Research Journal (October 2012, Volume 11, Number 10), 1087. . 9

Economist Intelligence Unit 2010. SMEs in Japan A new growth driver?, (2010) .

14 (ร้ อยละ 15) การก่อสร้าง (ร้อยละ 12) การผลิต (ร้ อยละ 11) ธุ จกิจอสังหาริ มทรัพย์ (ร้ อยละ 7) ธุรกิจค้าส่ ง (ร้ อ ยละ 6) นอกจากนันทีเหลื ออี ก ร้ อยละ 11 เป็ นประเภทธุ รกิ จทีเกี ยวกับสุ ข ภาพ สวัส ดิการ การศึ กษา การขนส่ ง เทคโนโลยี การเงิน และการประกันภัย10 2.2.2 คําจํากัดความของ SMEs การให้คาํ จํา กัดความของ SMEs ในประเทศญีปุ่ น จะปรากฏอยู่ในคํานิ ยามมาตรา 211 ของ Small and Medium-sized Enterprise Basic Act ปี 1999 ทีกําหนดประเภทแยกตามประเภทของกิจการ ว่า (1) SMEs ซึ งมีเงินทุ นไม่เกิน 300 ล้านเยน หรื อมีจาํ นวนคนงานน้อ ยกว่า 300 คน โดยอยู่ ในภาคการผลิต การก่อสร้าง การขนส่ งหรื อธุ รกิจประเภทอืนๆ ยกเว้นประเภทกิ จการในข้อ (2) และ (4) (2) SMEs ซึ งมีเงินทุ นไม่ เกิน 100 ล้านเยน หรื อจํานวนคนงานน้อยกว่า 100 คน โดยอยูใ่ น ภาคการค้าส่ ง (3) SMEs ซึ งมีเงินทุนไม่ เกิ น 50 ล้านเยน หรื อจํานวนคนงานน้อยกว่า 100 คน โดยอยู่ใน ภาคการบริ การ (4) SMEs ซึ งมีเงินทุ นไม่ เกิ น 50 ล้านเยน หรื อจํานวนคนงานน้อยกว่า 50 คน โดยอยู่ใน ภาคการค้าปลีก นอกจากนันแล้ว ยังได้มีการกําหนดนิยามขององค์กรขนาดเล็ก (Micro Company/Small Business) เพิ มเติม ซึ งหมายถึง กิจการทัวไปทีมีค นงานไม่เ กิ น 20 คน (หรื อ กรณี ภ าคการค้าหรื อบริ ก ารให้หมายถึ ง กิจการทีมีคนงานไม่เกิน 5 คน) ไว้ในกฎหมายฉบับเดียวกันอีกด้วย 2.2.3 วิวฒั นาการของนโยบายการพัฒนา SMEs หากจะพิจารณาพัฒนาการของนโยบายการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่ นนัน มีพฒั นาการมา ยาวนาน โดยสามารถแบ่งช่วงเวลา ออกได้เป็ น 6 ยุคด้วยกัน12 โดยสรุ ปได้ดงั ตาราง

10 11

Ibid

Small and Medium Enterprise Agency, Small and Medium-sized Enterprise Basic Law : CHAPTER 1 GENERAL PROVISIONS, (2013) .

15 ตารางยุคช่วงระยะเวลาพัฒนาการของนโยบายการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศญี ปุ่ น ระยะที/ปี ค.ศ. 1 (1945-1954)

ชือยุค ยุคแห่งการปฏิรูปและเริ มต้นนโยบาย SMEs

ลักษณะการดําเนิ นการทีสําคัญ 1. จัด ตังสํานักงานวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาด ย่ อ ม (Small and Medium Enterprise Agency (SMEA)) ในปี 1948 2. จัดทําและปรับปรุ งด้านต่างๆ เพือรองรั บนโยบาย การส่ ง เสริ ม SMEs ได้แ ก่ ด้า นการเงิ น การรวม ก่อตังองค์กรธุรกิจ การให้คาํ ปรึ กษาและคําแนะนํา ในธุรกิจของ SMEs

2 (1955-1962)

ยุคแห่งการเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงต้น

1. ดําเนิ นนโยบายในการแก้ไขปั ญหาความซําซ้อน ความได้เ ปรี ยบเสี ย เปรี ย บ และช่ อ งว่า งระหว่าง ธุรกิจขนาดใหญ่ และ SMEs 2. ขยายขอบเขตของกฎหมาย และมาตการต่ างๆ เพื อสนับสนุน SMEs เพิ มขึนต่อเนื องจากยุคแรก 3. การออกกฎหมายคุม้ ครองผูร้ ับจ้างช่วง

3 (1963-1972)

ยุคแห่งการเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจช่วงปลาย 1. การออกกฎหมายพืนฐานเกียวกับวิส าหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise Basic Law) ในปี 1963 2. การส่ งเสริ มเพื อยกระดับ SMEs ให้ทนั สมัย 3. ระบบกองทุนเพือพัฒนาประสิ ทธิ ภาพ SMEs 4. การขยายวงเงินทุนจดทะเบียน SMEs

4 (1973-1984)

ยุคแห่งการเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจที มันคง

1.การจัดการด้า นความรู ้ และทรั พ ยากรต่ า งๆ ที เกียวกับ SMEs 2.จัด ตังสถาบัน เกี ยวกับ การบริ หารจั ด การและ เทคโนโลยีสาํ หรับธุรกิจขนาดเล็ก 3.จัดตังศูนย์ขอ้ มูลทางธุรกิจขนาดเล็ก 4.จัดตังศูนย์ขอ้ มูล SMEs ในระดับภูมิภาค

5 (1985-1999)

ยุคแห่งการเปลียนแปลงช่วงที 1

1. การเปลี ยนแปลงโครงสร้ างและการรวมตัวใน อุตสาหกรรม

12

ปรับปรุ งจาก Small and Medium Enterprise Agency, Japan’s SME Policies in Relation to the Country’s Economic Development”, (2013) .

16 ระยะที/ปี ค.ศ.

ชือยุค

ลักษณะการดําเนิ นการทีสําคัญ 2. กําหนดมาตรการสนับสนุนการเริ มต้นธุรกิจและ ธุรกิจทีเกิดขึนใหม่ 3. กฎหมายทีกําหนดมาตรการชัวคราวในการส่งเสริ ม การประกอบการทางธุรกิจที สร้างสรรค์ของ SMEs

6 (1999-ปัจจุบนั ) ยุคแห่งการเปลียนแปลงช่วงที 2

1. การแก้ไ ขกฎหมายพื นฐานเกี ยวกับ วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่ อ ม (Small and Medium Enterprise Basic Law) ในปี 1999 2. การพั ฒ นา การส่ งเสริ มความหลากหลายและ สร้างความเจริ ญเติบโตอย่างแข็งแกร่ งให้แก่ SMEs 3.การส่ งเสริ ม นวัตกรรมทางธุรกิ จและการเริ มต้น ธุรกิจใหม่ๆ 4. การสร้ างความเข้มแข็งในการบริ ห ารจัดการใน ด้านพืนฐานของ SMEs 5. การปรับตัวของปั จจัยต่างๆ ต่อการเปลียนแปลง ทางเศรษฐกิจและสังคม

จากยุคช่วงระยะเวลาข้างต้นจะเห็นได้ถึงพัฒนาการในการส่ งเสริ มนโยบายเกียวกับ SMEs ทีเป็ นไป อย่างต่อเนื อง โดยเฉพาะการออกกฎหมายพืนฐานเกียวกับวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise Basic Law) ในปี 1963 ซึ งได้มีการปรับปรุ งแก้ ไขในปี 1999 ถื อว่าเป็ นกฎหมายที มี ส่ วนผลักดันให้วสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถเจริ ญเติบโตจนกลายเป็ นองค์กรทางธุ รกิ จที สร้าง รายได้ทางเศรษฐกิจหลักให้แก่ประเทศ โดยมีการกําหนดหลักการพืนฐาน นโยบายพืนฐาน และมาตรการ อืนๆ ทีเกี ยวกับวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ตลอดจนกํา หนดความรั บผิดชอบที ชัดเจนทังของรั ฐ และหน่วยงานส่ วนท้องถิน เพือนําไปสู่ การพัฒนาทางด้านเศรษฐกิจของประเทศ และคุณภาพชีวติ ของผูค้ น นอกจากกฎหมายข้างต้นแล้ว กฎหมายอี กฉบับทีมีค วามสํา คัญในการกําหนดองค์กรภาครัฐที จะ ทําหน้าทีในการสนับสนุ นส่ งเสริ มการดําเนินงานของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ก็ คือ กฎหมาย เกี ยวกับการจัดตังสํ า นัก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (Small and Medium Enterprise Agency (SMEA)) ในปี 1948 ซึ งถือเป็ นองค์กรหลักทีดําเนินนโยบายเกี ยวกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ

17 เป็ นองค์ก รทีผู ้วจิ ยั จะใช้เป็ นองค์กรหลักในการศึ ก ษาวิจยั ครังนี เพื อนําไปเปรี ยบเทียบกับกฎหมายจัดตัง องค์กรภาครัฐของประเทศไทย 2.3 สาธารณรั ฐสิงคโปร์ 2.3.1 ความสําคัญของ SMEs วิส าหกิ จ ขนาดย่ อ มและขนาดกลาง (Small and Medium Enterprises หรื อ SMEs) เป็ นหน่ ว ย ประกอบการทางเศรษฐกิจทีแพร่ หลายมากทีสุ ดในประเทศสิ งคโปร์ โดยทีจํานวนกว่าร้ อยละเก้าสิ บเก้าของ ผูป้ ระกอบการ (บริ ษทั ห้างหุ ้นส่ วน หรื อรู ปแบบธุ รกิ จแบบอืนๆ) ในสิ งคโปร์ จะเป็ น SMEs ซึ งเป็ นผูจ้ า้ ง งานสําคัญทีจ้างแรงงานถึงร้ อยละเจ็ดสิ บของอัตราการจ้างงานทังหมดในประเทศ และเป็ นภาคธุรกิจทีสร้าง รายได้มวลรวมใกล้เคียงกับครึ งหนึงของรายได้มวลรวมประชาชาติ (GDP) ของประเทศทังหมด 2.3.2 คําจํากัดความของ SMEs SMEs ในประเทศสิ งคโปร์ เป็ นรู ปแบบของการประกอบธุ รกิ จอย่างหนึงทีไม่ได้มีกฎหมายกําหนด สถานะไว้เป็ นการเฉพาะ ดังนัน จึงอาจอยู่ในรู ปแบบการดําเนินธุ รกิจประเภทใดประเภทหนึงก็ได้ กล่าวคือ อาจอยู่ในรู ป แบบการดําเนิ น ธุ ร กิ จโดยบุ ค คลคนเดี ยว (Individual Proprietorship) กิ จการห้ างหุ ้น ส่ วน (Partnership) หรื อบริ ษทั จํากัด (Limited Company) ด้วยเหตุ ทีประเทศสิ งคโปร์ ไม่ มีการบัญญัติก ฎหมายทีนํามาปรั บใช้แ ก่ กรณี ก ารส่ งเสริ ม SMEs โดยตรงเป็ นการเฉพาะ ดังนัน จึงไม่ มีการให้คาํ จํากัดความอย่างเป็ นทางการโดยกฎหมายของ SMES แต่ อย่างใด อย่างไรก็ตาม แม้ไม่มีการกําหนดคํานิยามทีเป็ นทางการของ SMEs เอาไว้ แต่อาจพบคํานิ ยามนีใน กฎหมายอื น อัน ได้แก่ คํานิ ยามที ปรากฏอยู่ในกฎกระทรวง “Competition (Fees) Regulations 2007” ซึ ง ออกมาตามความของมาตรา

แห่ งรั ฐ บัญญัติวา่ ด้วยการแข่งขัน ค.ศ.

(Competition Act 2004) โดย

คณะกรรมาธิ การการแข่ งขันสิ งคโปร์ (the Competition Commission of Singapore) ตามความเห็นชอบจาก กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม มาตรา ( ) แห่ ง “Competition (Fees) Regulations และขนาดย่อมไว้ดงั นี

” ได้ให้คาํ นิ ยามของวิส าหกิ จขนาดกลาง

18 “Small or medium sized «enterprise” means an undertaking (a) having an annual sales turnover of not more than $ (b) having not more than

million; or

employees”13

คณะกรรมการการสร้ า งมาตรฐาน การเพิ มผลผลิ ต และการสร้ า งนวัต กรรม หรื อ Standard, Productivity And Innovation Board (SPRING Singapore) ของสิ งคโปร์ (ต่อ ไปนีจะเรี ยกว่า “คณะกรรมการ SPRING” และเรี ย กหน่ วยงานว่า SPRING Singapore) ซึ งเป็ นหน่ วยงานของรั ฐ ที มี หน้าที เกี ยวข้อ งกับ SMEs โดยตรงได้นาํ เอาคํานิยามนี มาใช้เป็ นหลักเกณฑ์การจําแนกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หลักเกณฑ์การเป็ น SMEs ของคณะกรรมการ SPRING ที ใช้อยู่ในปั จจุบนั มีลกั ษณะเดียวกันกับ คํานิยามทีปรากฏในกฎกระทรวง Competition (Fees) Regulations มีรายได้จากการขายประจําปี ไม่เกิ นกว่า

โดยถือว่า SMEs คือ ) วิสาหกิจที

ล้านเหรี ยญ หรื อ ) วิสาหกิจทีมีลูกจ้างไม่เกินกว่า

คน

ทังนี คณะกรรมการ SPRING ได้ก ํ า หนดเพิ มเติ ม ให้ SMEs ที สามารถได้รั บ การสนั บ สนุ น การประกอบธุ รกิ จจากคณะกรรมการ SPRING เป็ นประการที ) คื อ ต้อ งมี สั ด ส่ วนการถื อ หุ ้น โดยคน สิ งคโปร์ อย่างน้อยร้อยละ ของหุน้ ทังหมดด้วย คณะกรรมการ SPRING ได้กาํ หนดหลักเกณฑ์นีขึนมาใช้ เป็ นต้นมา14

นับตังแต่วนั ที เมษายน ค.ศ.

ก่ อ นหน้านี คณะกรรมการ SPRING ได้เคยกําหนดหลัก เกณฑ์ก ารเป็ น SMEs เอาไว้แ ล้วเช่ นกัน โดยกําหนดให้ตอ้ งเป็ นวิสาหกิ จทีมีสินทรัพย์อย่างน้อยร้อยละ อยูใ่ นสิ งคโปร์ มีสิ นทรัพย์คงทีไม่เกินกว่า

13

“วิสาหกิจขนาดย่ อมและขนาดกลาง หมายถึงผู้ประกอบการทางเศรษฐกิจ ที (ก) มีรายได้ จากการขายในแต่ ละปี ไม่ เกินกว่ าจํานวน (ข) มีลูกจ้ างไม่ เกินกว่ า

ล้านเหรี ยญ หรื อ

คน”

(แปลโดยผูเ้ ขียน) ทังนี รัฐบัญญัติการแข่งขัน ค.ศ.

ได้ให้ค วามหมายของ “Undertaking” ไว้ว่าหมายถึง “any person, being an individual, a

body corporate, an unincorporated body of persons or any other entity, capable of carrying on commercial or economic activities relating to goods or services.” 14

โปรดดู .

19 ล้านเหรี ยญ และหากเป็ นวิสาหกิ จทีประกอบธุ รการด้านการให้บริ การจะต้องมี ลูก จ้างไม่เกิ น กว่า คน15 อย่างไรก็ตาม คํานิยามของ SMEs ทีคณะกรรมการ SPRING นํามาใช้นีไม่ได้เป็ นคํานิยามอย่างเป็ น ทางการของ SMEs แต่อ ย่างใด แต่ เป็ น การกําหนดขึนมาเพียงเพือใช้เป็ น หลักเกณฑ์เบืองต้นในการระบุ ผูป้ ระกอบการทีสามารถขอรับการช่วยเหลือตามแผนงานสนับสนุน SMEs ทีคณะกรรมการ SPRING จัดทํา ขึนเท่านัน 2.3.3 วิวฒั นาการของนโยบายการพัฒนา SMEs ด้วยสิ งคโปร์ เป็ น ประเทศที มี จาํ นวนประชากรทีค่อนข้างจะจํากัด การจะพัฒ นาระบบเศรษฐกิ จ ภายในประเทศโดยการลงทุ นภายในและพลเมือ งสิ งคโปร์ เพียงอย่างเดียวอาจทําให้ไม่สามารถทําให้เกิ ด การเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิ จเพียงพอกับทีคาดหมายไว้ได้ รัฐบาลสิ งคโปร์ จึงมีน โยบายที สนับสนุ นอย่าง เต็มทีให้มีก ารลงทุ นจากต่างชาติและสนับสนุ นให้มีการประกอบธุ รกิ จทุก ประเภท ทังนี ไม่ว่าผู ้ประกอบ ธุรกิจนันจะเป็ นพลเมืองหรื อผูเ้ ข้ามาอาศัยในดินแดนก็ตาม การประกอบธุ รกิจของผูเ้ ข้ามาอาศัยในดินแดน และรวมทังพลเมือ งสิ งคโปร์ ส่วนใหญ่จะเป็ นการประกอบธุ รกิ จในลัก ษณะทีเป็ น SMEs ดังนัน รัฐบาล สิ งคโปร์ จึงให้การสนับสนุ นวิสาหกิ จดังกล่ า วนี ให้พฒั นาไปสู่ ก ารเป็ นธุ รกิ จขนาดใหญ่ทีมันคงและยังยืน ซึ งจะส่ งผลในทางทีดีต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศโดยอีกทอดหนึง การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMES เป็ นนโยบายสําคัญในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจของสิ งคโปร์ โดยได้มีการจัดทํานโยบายเพือส่ งเสริ ม สนับสนุน วิสาหกิจต่างๆ มาเป็ นเวลายาวนาน ทังนี เนืองจากรัฐบาล สิ งคโปร์ ไ ด้มุ่งหมายให้ SMEs เป็ นกลไกสํ า คัญ ในการขับเคลื อนการพัฒ นาทางเศรษฐกิ จของประเทศ และให้ SMEs สิ งคโปร์ ให้มีบทบาทในทางการค้าการลงทุนระหว่างประเทศด้วย นับตังแต่ประเทศสิ งคโปร์ ได้รับเอกราชเป็ นต้นมา รั ฐบาลสิ งคโปร์ จึงได้จดั ตังหน่วยงานขึนมาหลายหน่ วยงานเพือให้ทาํ หน้าทีด้าน การพัฒนาการเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิจ หน่วยงานทีสําคัญทีมีบทบาทมากทีสุ ดด้านการพัฒนาเศรษฐกิ จคือ คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ (Economic Development Board) จัดตังขึนตังแต่ปี ค.ศ. ในด้านการพัฒนา SMEs นัน ได้มีการจัดตังหน่ วยงานขึนหลายหน่ วยงานด้วยกัน โดยมีการจัดตัง สํานักงานวิส าหกิ จขนาดย่อม (Small Enterprise Bureau) ขึนในปี ค.ศ. 15

เพือให้ เป็ นหน่ วยงานพัฒนา

Association of Bank in Singapore, (2007), Financial Handbook for SMEs, Singapore .

20 SMEs โดยเฉพาะ หน่ วยงานนี จะทํา งานร่ วมกั น อย่ างใกล้ชิ ด กับ คณะกรรมการพัฒ นาเศรษฐกิ จใน การบริ หาร การจัดทําแผนงานด้านการพัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs ต่างๆ เช่น ในปี ค.ศ.

ได้มีการจัดทํา

แผนการเงินอุตสาหกรรมขนาดเล็ก (Small Industry Finance Scheme) เพือให้การสนับสนุนทางการเงินโดย มีค่าใช้จา่ ยตําให้กบั วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดเล็กในภาคการผลิตและการบริ การทีเกียวข้องกับการผลิต หรื อแผนการใช้ค วามช่ วยเหลื อ ทางเทคนิ ค อุตสาหกรรมขนาดเล็ก (Small Industry Technical Assistance Scheme) ทีจัดทําขึนในปี ค.ศ.

เป็ นต้น

นอกจากนี ยังมีการจัดตังคณะกรรมการเพิ มผลผลิตแห่งชาติ (National Productivity Board) ขึนใน ปี ค.ศ.

เพือพัฒนาการเพิ มผลผลิตในทุกภาคส่ วนทางเศรษฐกิ จ โดยมุ่งพัฒนาศักยภาพของทังปัจเจก

บุค คลและศักยภาพขององค์กรธุ รกิ จ ให้กา้ วสู่ การเป็ นระบบเศรษฐกิจทีมีศักยภาพสู ง คณะกรรมการนี จะ ส่ งเสริ มโครงการต่างๆ ทีมีเป้ าหมายเพือเพิ มศักยภาพในการทํางานและการเพิ มผลผลิต และในทุกๆ ปี ได้มี การจัดทําคําคติพจน์ขึนมาเพือแสดงนโยบายในการดําเนิ น การ เช่ น ในปี ค.ศ. Up – Be the Best You can Be” เป็ นต้น ในปี ค.ศ.

ได้มีคติพจน์ว่า “Train

คณะกรรมการการเพิ มผลผลิตแห่งชาติได้ควบรวม

องค์กรกับสถาบันศึกษาวิจยั ด้านการมาตรฐานและอุตสาหกรรมสิ งคโปร์ (Singapore Institute of Standards and Industrial Research) และกลายเป็ นหน่วยงานทีทําหน้าทีด้านการพัฒนาศักยภาพของผูป้ ระกอบการ ซึ ง รวมถึง SMEs ของสิ งคโปร์ ทังในด้านการพัฒนามาตรฐาน การเพิ มผลผลิตและการสร้างนวัตกรรม ในปี ค.ศ.

คณะกรรมการการเพิ มผลผลิต แห่ งชาติ ได้มีก ารปรั บปรุ งองค์ก รใหม่ แ ละได้มี

การเปลี ยนชื อมาเป็ น คณะกรรมการการสร้ างมาตรฐาน การเพิ มผลผลิ ต และการสร้ างนวัตกรรม หรื อ Standard, Productivity And Innovation Board (SPRING Singapore) อันเป็ นหน่วยงานหลักของสิ งคโปร์ ทีมี หน้าทีหลักคือการพัฒนา ส่ งเสริ ม ให้การสนับสนุ นผูป้ ระกอบการสิ งคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิงการสนับสนุน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 2.4 สาธารณรั ฐเกาหลี 2.4.1 ความสําคัญของ SMEs สาธารณรั ฐ เกาหลี ไ ด้ ให้ ค วามสํ า คัญ แก่ ก ารเจริ ญเติ บ โตของวิส าหกิ จ ขนาดเล็ ก และขนาด ย่ อ ม (SMEs) เนื องจาก SMEs ในสาธารณรั ฐ เกาหลี เปรี ยบได้ ก ับ ตั ว จัก รสํ า คัญ ในการขั บ เคลื อน เศรษฐกิจของชาติ ไม่วา่ จะเป็ นการสร้ างอาชีพ สร้ างรายได้แก่ประชาชน หรื อ การส่ งออกซึ งนํารายได้มาสู่ ประเทศ เมือพิจารณาจากผลสํารวจปริ มาณ SMEs และอัตราการจ้างงานเมือปี 2010 พบว่าปั จจุบนั นี SMEs

21 ในสาธารณรั ฐเกาหลี มีจาํ นวนมากถึ งกว่า 3,122,000 ราย อี กทังยัง มีจาํ นวนพนัก งานที ได้รับการจ้างงาน ทังหมดประมาณ 12,263,000 คน อยู่ในระบบเศรษฐกิ จ โดยสิ งทีน่าสนใจอย่างยิ งคือตัวเลขปริ มาณ SMEs และปริ มาณพนักงานดังกล่ าว ได้เพิ มขึนจากปี ก่ อ นหน้านันถึง 55,848 ราย และ 511,513 คน ตามลําดับ16 หากพิจารณาจากสถิติปริ มาณ SMEs และอัตราการจ้างงานย้อนหลัง จะพบว่าตัวเลขดังกล่าวได้มีแนวโน้มที เพิ มขึนอย่างต่อเนืองมาโดยตลอด ดังตารางต่อไปนี ตารางแสดงสถิติปริ มาณ SMEs และ การจ้างงานในสาธารณรัฐเกาหลีรายปี

แหล่งทีมา: Small and Medium Business Administration จากตารางสถิติปริ มาณ SMEs และการจ้างงานในสาธารณรัฐ เกาหลีตงแต่ ั ปี 2008 ถึง 2010 พบว่า SMEs เป็ นหน่วยธุ รกิ จทีมีปริ มาณเพิ มขึนเรื อยๆ ตลอด 3 ปี อีกทังสิ งทีน่าสังเกตคือ ปริ มาณ SMEs เมือเทียบ กับปริ มาณรวมขององค์กรธุรกิจในประเทศแล้ว SMEs ถือเป็ นหน่วยธุ รกิจส่ วนใหญ่ข องประเทศ กล่าวคือ 99.9% ขององค์กรธุ รกิ จในสาธารณรัฐเกาหลีเป็ นธุ รกิ จ SMEs ทังสิ น และมี ปริ มาณการจ้างงานสู งถึง 87% โ





ประมาณในแต่ละปี ด้วยเหตุนี จึงเป็ นผลสะท้อนให้เกิดอัตราการจ้างงานทีเพิมสู งขึนตามในแต่ละปี เห็นได้ ชัดว่าภายในระยะเวลาอันสัน SMEs ในสาธารณรัฐเกาหลี ได้เจริ ญเติบโตอย่างมาก และมี บทบาทในการ ขับเคลือนระบบเศรษฐกิจของประเทศ เช่ นเดียวกันกับประเทศไทยทีมีปริ มาณธุรกิจประเภท SMEs คิดเป็ น ร้ อ ยละ 99 นํามาสู่ ก ารจ้า งงานเกื อ บร้ อ ยละ 80 ของจํานวนแรงงานทังประเทศ ความสําคัญ ของตัวเลข ดังกล่าวทังในประเทศไทยและสาธารณรัฐเกาหลี ชีให้เห็นว่า SMEs เป็ นหน่วยย่อยทีสําคัญต่อการขับเคลือน เศรษฐกิจ ดังนันภาครัฐสมควรเข้ามาสนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs อย่างจริ งจัง

16

Small and Medium Business Administration, Status of Korean SMEs (25 July 2013) .

22

2.4.2 คําจํากัดความของ SMEs เพื อทําความเข้าใจถึ งการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ในสาธารณรั ฐเกาหลี สมควรพิ จารณา เบืองต้นก่อนว่าธุ รกิจหรื อกิจการทีมีลกั ษณะเป็ นอย่างไรจึงเรี ยกได้วา่ เป็ น SMEs ซึ งอยู่ภายใต้การสนับสนุน และส่ งเสริ มโดยภาครัฐ ทังนี สาธารณรัฐ เกาหลีได้กาํ หนดนิยามและเกณฑ์ของการเป็ น SMEs เอาไว้อย่าง ชัดเจนภายใต้กฎหมายทีชือว่า Framework Act on Small and Medium Enterprises ซึงกฎหมายฉบับนีได้ถูก ตราขึนเพื อส่ ง เสริ มการเจริ ญ เติ บ โตของ SMEs อี ก ทังยัง ผลัก ดัน ให้เ กิ ดความก้าวหน้า ของโครงสร้ า ง อุตสาหกรรม การพัฒนาทีสมดุลของเศรษฐกิจในประเทศ โดยการกําหนดทิศทางและแนวนโยบายพืนฐาน แก่ SMEs ในสาธารณรัฐเกาหลี17 Article 2(1) ของกฎหมายฉบับนีได้กาํ หนดลักษณะของ SMEs ว่า เจ้าของ หรื อผูป้ ระกอบกิจการวิสาหกิจขนาดเล็กและขนาดย่อมซึ งจะอยู่ภายใต้การส่ งเสริ มโดยรัฐจะต้องเป็ นบุคคล ซึ งประกอบกิ จการที มี ล ัก ษณะเป็ นไปตามเกณฑ์ม าตรฐานทีถู ก ระบุ โ ดยข้อ บัง คับประธานาธิ บ ดี (the Presidential Decree)18 โดยมีเกณฑ์มาตรฐานตามข้อบังคับดังกล่าวมีรายละเอียด ดังตารางต่อไปนี

17

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 1.

18

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 2(1).

23 ตารางแสดง SMEs ของสาธารณรัฐเกาหลีทีอยู่ภายใต้การสนับสนุนและส่ งเสริ มของรัฐ

แหล่งทีมา: Small and Medium Business Administration เมื อพิ จารณาจากตารางด้านบนแล้ว พบว่ากฎหมายได้จาํ แนก SMEs ออกเป็ น 3 ประเภท ได้แ ก่ ประเภทที 1 คือ Small and Medium Enterprises ประเภทที 2 คือ Small Businesses และประเภทที 3 คื อ Micro-Enterprises โดยการจําแนกดังกล่ าวเป็ นการจําแนกตามขนาดของกิ จการเป็ นหลัก ซึ งประเภทแรก เป็ นการรวมวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มเอาไว้ด้วยกัน ประเภทที 2 จะเป็ นกิ จการที เป็ นการค้า ที เล็กกว่าประเภทแรก และประเภทที 3 จะเป็ นกิ จการทีมีขนาดเล็กมากทีสุ ดในระบบเศรษฐกิจ ดัง แผนภาพ ต่อไปนี

24 แผนภาพแสดงลําดับขนาดของประเภท SMEs ในสาธารณรัฐเกาหลี

นอกจากนี กฎหมายยังกําหนดประเภทธุ รกิ จทีเข้าเกณฑ์ก ารเป็ น Small and Medium Enterprises หรื อ Small Businesses หรื อ Micro-Enterprises ออกเป็ น 6 ประเภท โดยธุ รกิจแต่ละประเภทต้องมีจาํ นวน พนัก งาน รวมถึ งมูล ค่ าสิ นทรั พย์หรื อมู ลค่ าการขาย ตามเกณฑ์ที SMEs แต่ ละประเภทกําหนดไว้ ซึ งหาก ผูป้ ระกอบกิจการรายใดประกอบธุ รกิ จทีมีลกั ษณะเป็ นไปตามเกณฑ์ดงั กล่าวแล้ว จะถูก นิยามให้เป็ น SMEs ตามกฎหมาย และอยู่ภายใต้การส่ งเสริ มและสนับสนุนของรัฐ ธุ รกิ จทีมี ลกั ษณะดังต่อไปนี จะถูกจัดเป็ น Small and Medium Enterprises กล่ าวคื อ ธุ รกิ จประเภท ที 1 ได้แก่ ธุ รกิจเกียวกับการผลิตด้วยเครื องจักร ทีมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 300 คน และมีมูลค่าสิ นทรัพย์ ไม่เกิ น 8 ล้านเหรี ยญ ธุ รกิจประเภทที 2 ได้แก่ ธุ รกิจเกียวกับการทําเหมือง ก่ อสร้ าง และการคมนาคมขนส่ ง ทีมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 300 คน และมีมูล ค่าสิ นทรั พย์ไม่เกิน 3 ล้านเหรี ยญ ธุ รกิจประเภทที 3 ได้แ ก่ ธุ รกิจเกี ยวกับการขายปลี ก โรงแรม การสันทนาการ การติดต่ อสื อสาร กิจการอืนๆ ทีเกียวกับอุตสาหกรรม คอมพิวเตอร์ การบริ การด้านวิศวกรรม ทีมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 300 คน และมีมูลค่าการขายไม่เกิ น 30 ล้านเหรี ยญ ธุ รกิ จประเภทที 4 ได้แก่ ธุ รกิ จเกียวกับการเกษตร ประมง ไฟฟ้ า แก๊ส ประปา ผลิตภัณฑ์ยา ธุ รกิจทีเป็ นการซือขายทางไปรษณีย์ การขายตรง การท่อ งเทียว การบริ ก ารด้านเทคโนโลยี ธุ รกิจภาพยนตร์ สิ งบันเทิง และสวนสนุ ก ทีมี จาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 200 คน และมีมูลค่าการขายไม่เกิ น

ล้านเหรี ยญ

ธุ รกิจประเภทที 5 ได้แก่ ธุ รกิ จทีมีลกั ษณะเป็ นพ่อค้าคนกลาง ธุ รกิจให้เช่าเครื องจักรกลสําหรับอุตสาหกรรม การวิจยั และพัฒ นาด้านวิทยาศาสตร์ การบําบัดนําเสี ย สวนสัตว์ การบริ ก ารทําความสะอาด ที มี จาํ นวน พนัก งานน้ อ ยกว่า 100 คน และมี มูลค่ าการขายไม่ เกิ น

ล้านเหรี ยญ และธุ รกิ จประเภทสุ ดท้าย ได้แ ก่

ธุ รกิ จประเภทอื นๆ ที ไม่ ร วมอยู่ใ น 5 ประเภทแรก และมี จาํ นวนพนัก งานน้ อ ยกว่า 50 คน และมี มู ล ค่ า การขายไม่เกิน 5 ล้านเหรี ยญ

25 ธุ รกิ จที มี ล กั ษณะดังต่อ ไปนีจะถูกจัดเป็ น Small Businesses ซึ งเป็ น SMEs ประเภททีมี ข นาดเล็ก ลงกว่า Small and Medium Enterprises และได้พิจารณาเฉพาะจํานวนพนักงานในธุ รกิ จแต่ละประเภทเท่านัน กล่าวคือ ธุรกิจประเภทที 1 ได้แก่ ธุ รกิจเกี ยวกับการผลิตด้วยเครื องจักร ทีมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 50 คน ธุรกิจประเภทที 2 ได้แก่ ธุ รกิจเกียวกับการทําเหมือง ก่ อสร้ าง และการคมนาคมขนส่ ง ทีมี จาํ นวนพนัก งาน น้อ ยกว่า 50 คน ธุ รกิ จประเภทที 3 ได้แก่ ธุ รกิ จเกี ยวกับการขายปลีก โรงแรม การสัน ทนาการ การติดต่อ สื อสาร กิ จการอื นๆ ทีเกี ยวกับอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์ การบริ การด้านวิศ วกรรม ที มี จาํ นวนพนัก งาน น้อยกว่า 10 คน ธุ รกิจประเภทที 4 ได้แก่ ธุ รกิ จเกียวกับการเกษตร ประมง ไฟฟ้ า แก๊ส ประปา ผลิตภัณฑ์ยา ธุรกิจทีเป็ นการซื อขายทางไปรษณีย์ การขายตรง การท่องเทียว การบริ การด้านเทคโนโลยีธุรกิจภาพยนตร์ สิ งบันเทิง และสวนสนุ ก ทีมี จาํ นวนพนัก งานน้อยกว่า 10 คน ธุ รกิ จประเภทที 5 ได้แก่ ธุ รกิ จทีมีลกั ษณะ เป็ นพ่อ ค้าคนกลาง ธุ รกิ จให้เช่ าเครื องจักรกลสําหรั บอุตสาหกรรม การวิจยั และพัฒ นาด้านวิทยาศาสตร์ การบําบัด นํา เสี ย สวนสั ตว์ การบริ ก ารทําความสะอาด ที มี จาํ นวนพนัก งานน้อ ยกว่า 10 คน และธุ รกิ จ ประเภทสุ ดท้าย ได้แก่ ธุ รกิ จประเภทอื นๆที ไม่รวมอยู่ใน 5 ประเภทแรกและมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 10 คน กรณี สุดท้าย ธุ รกิจทีมีลกั ษณะดังต่อไปนีจะถูกจัดเป็ น Micro-Enterprises ซึ งเป็ น SMEs ประเภททีมี ขนาดเล็กทีสุ ดในระบบเศรษฐกิจ และได้พิจารณาเฉพาะจํานวนพนักงานในธุ รกิจแต่ละประเภทเช่นเดียวกัน กล่าวคือ ธุ รกิ จประเภทที 1 ได้แก่ ธุ รกิจเกียวกับการผลิตด้วยเครื องจักร ทีมี จาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 10 คน ธุรกิจประเภทที 2 ได้แก่ ธุ รกิจเกียวกับการทําเหมือง ก่ อสร้ าง และการคมนาคมขนส่ ง ทีมี จาํ นวนพนัก งาน น้อ ยกว่า 10 คน ธุ รกิ จประเภทที 3 ได้แก่ ธุ รกิ จเกียวกับการขายปลีก โรงแรม การสัน ทนาการ การติดต่อ สื อสาร กิจการอื นๆที เกี ยวกับอุต สาหกรรมคอมพิ วเตอร์ การบริ ก ารด้า นวิศวกรรมที มีจาํ นวนพนัก งาน น้อยกว่า 5 คน ธุ รกิจประเภทที 4 ได้แก่ ธุ รกิ จเกี ยวกับการเกษตร ประมง ไฟฟ้ า แก๊ส ประปา ผลิตภัณฑ์ยา ธุรกิจทีเป็ นการซือขายทางไปรษณีย์ การขายตรง การท่องเทียว การบริ การด้านเทคโนโลยี ธุ รกิจภาพยนตร์ สิ งบันเทิง และสวนสนุก ทีมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 5 คน ธุ รกิจประเภทที 5 ได้แก่ ธุ รกิจทีมีลกั ษณะเป็ น พ่ อ ค้าคนกลาง ธุ รกิ จให้ เช่ า เครื องจัก รกลสํ า หรั บ อุ ต สาหกรรม การวิจ ัยและพัฒ นาด้า นวิท ยาศาสตร์ การบําบัดนําเสี ย สวนสัตว์ การบริ ก ารทําความสะอาด ทีมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 5 คน และธุ รกิ จประเภท สุ ดท้าย ได้แก่ ธุ รกิจประเภทอืนๆทีไม่รวมอยูใ่ น 5 ประเภทแรก และมีจาํ นวนพนักงานน้อยกว่า 5 คน

26 เป็ นทีน่าสังเกตว่า กฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลีมีรายละเอียดปลีกย่อยทีชัดเจนอย่างยิง เนืองจาก แม้แต่คาํ ว่า SMEs ยังถูกแบ่งย่อยเป็ น 3 ประเภทตามขนาดกิจการ อีกทังเกณฑ์การนิยาม SMEs ตามกฎหมาย สาธารณรัฐเกาหลียงั เป็ นเกณฑ์ทีค่อนข้างเปิ ดกว้าง ซึงหากพิจารณาจากประเภทธุ รกิ จแล้ว พบว่า ธุ รกิจเกือบ ทุกประเภทสามารถเป็ น SMEs ได้ทงสิ ั น โดยมุ่งเน้นไปทีจํานวนพนักงาน และมูลค่าสิ น ทรั พย์ หรื อมูลค่า การขายเป็ นหลักในการพิจารณา ซึ งกรณีนีคล้ายคลึงกับการพิจารณาประเภทธุ รกิ จ SMEs ของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม ทีได้กําหนดนิยามไว้ในกฎหมายลําดับ รอง ให้พิจารณาความเป็ น SMEs จากการจ้างงานและมูลค่าสิ นทรัพย์เช่ นเดียวกัน หากแต่ สาธารณรั ฐเกาหลี ได้ กํา หนดให้มีร ายละเอียดปลี ก ย่อ ยมากกว่าประเทศไทย โดยให้มี ก ารพิ จารณามู ล ค่ า การขายแทนมู ล ค่ า สิ นทรัพย์ในธุ รกิจบางประเภท 2.4.3 วิวฒ ั นาการของนโยบายการพัฒนา SMEs แนวความคิดในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ในสาธารณรัฐเกาหลีมีมานานหลายทศวรรษแล้ว โดยความสําคัญของ SMEs ได้เริ มเข้ามามีบทบาทสําคัญในระบบเศรษฐกิ จของสาธารณรัฐเกาหลี ภายหลัง จากทีระบบกลุ่มธุ รกิจขนาดใหญ่ทีเรี ยกกันว่า “แชโบล (Chaebol)” เสื อมถอยลงไป ด้วยเหตุนี แนวนโยบาย เกี ยวกับการพัฒ นาการส่ งเสริ ม SMEs จึง เริ มต้น ขึน โดยถู กจัดทําผ่ านการดําเนิ น งานของ SMBA ตังแต่ ปี 1998 ผูว้ จิ ยั พบว่าจากอดีตจนถึงปั จจุบนั นโยบายของการพัฒนา SMEs ได้มุ่งเน้นไปทีด้านเทคโนโลยี ด้าน การพัฒนา SMEs ให้ก ้าวสู่ ระดับนานาประเทศ และการผลิตสิ นค้า ผูว้ ิจยั จึงสรุ ปแนวนโยบายการพัฒนา SMEs ในปั จจุบนั ดังรายละเอียดดังต่อไปนี SMBA ได้กาํ หนดนโยบายออกมา 2 ลักษณะ ได้แก่ นโยบายรายปี (Policy Direction of the Year) ซึ งจะเป็ นทิศทางและเป็ นกรอบกว้างๆ ในการส่ งเสริ ม SMEs ในแต่ละปี และจะได้รับการทบทวนปรับปรุ ง แก้ ไขรายปี เพื อให้ส อดคล้อ งกับสถานการณ์ ปั จจุ บนั และนโยบายด้าน SME (SME Policies) ซึ งจะมี ความเฉพาะเจาะจงไปทีการส่ งเสริ ม SMEs ในเรื องต่างๆ เพือให้ SMBA นําไปทําให้เกิดผล โดยการกําหนด เป็ นมาตรการ และมีรายละเอียดของนโยบายทังสองลักษณะดังต่อไปนี - Policy Direction of the Year (2013) นโยบายรายปี เปรี ยบเสมือ นทิ ศ ทางของการส่ งเสริ ม SMEs เพือให้ทุกหน่ วยทีเกี ยวข้อ ง เข้าใจตรงกันว่าประเทศเกาหลีจะดําเนิ นการไปในทิศทางใด โดยนโยบายปี 2013 ถูกแบ่งออกเป็ น 2 หมวด

27 ได้แ ก่ หมวด Major Focuses และ หมวด Major Cooperative Tasks โดยแต่ ละหมวดจะแบ่ งเป็ นแนวทาง ย่อยต่างๆ ได้แก่ Major Focuses มีรายละเอียดดังต่อไปนี (1) การมุ่งเน้นการเสริ มสร้ างระบบนิ เวศทางเศรษฐกิ จทีสร้ างสรรค์ โดย SMBA จะต้อง ส่ งเสริ มการริ เริ มธุ รกิ จ SMEs ทําเป็ นโครงการระดับชาติในช่ วงครึ งปี หลัง และ SMBA ต้องสร้างสภาพ แวดล้ อ มให้ เ หมาะสมแก่ ก ารลงทุ น รวมถึ ง การฟื นฟู ก ารลงทุ น ให้ ก ลับ คื น มา และต้ อ งส่ งเสริ มให้ มี การปรับปรุ งระบบต่างๆเพือการเริ มต้นใหม่19 ( ) การฟื นฟู บนั ไดสู่ โอกาสของ SMEs โดย SMBA ต้องพยายามขจัดอุ ปสรรคทีกีดขวาง การเจริ ญ เติ บ โตของ SMEs เช่ น การลดภาษี การช่ วยเหลื อ ด้านการเงิ น และต้ อ งส่ ง เสริ ม ศั ก ยภาพใน การเจริ ญเติบโตของ SMEs เช่ น ขยายการส่ งเสริ มการวิจยั และพัฒนา (Research and Development: R&D) การขยายการพัฒนาเทคโนโลยี การขยายตลาดไปสู่ ระดับสากล อีกทัง SMBA ต้องสนับสนุน การค้าทีเป็ น ธรรมระหว่าง SMEs และกิ จการขนาดใหญ่ดว้ ย20 (3) การสร้ างเครื อข่ ายการค้า และความสุ ข ของกิ จการ กล่ าวคื อ SMBA จะต้องยกระดับ ระบบฐานข้อมูลตลาดและเขตการค้า เพิ มการแข่งขันด้านราคา และการแบ่งปั นข้อ มู ลแก่ ผปู ้ ระกอบการ SMEs อย่างทัวถึง อีกทัง SMBA ต้องผสมผสานระหว่างการค้าขายแบบดังเดิม และการใช้เทคโนโลยีขอ้ มูล ข่าวสาร (ICT) ให้มีความกลมกลืนส่ งเสริ มกันและกัน21 ในส่ วนของ Major Cooperative Tasks มุ่ ง เน้ น ให้ SMBA ต้ อ งจัด ให้ มี ก ารส่ งเสริ ม มหาวิทยาลัยในฐานะผูจ้ ุดประกายการเริ มต้นธุรกิจ โดยการสนับสนุน ให้คนรุ่ นใหม่หนั มาให้ความสําคัญ ในการประกอบธุ รกิ จ ซึ ง SMBA จะต้องประสานงานกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและการวางแผน

19

Small and Medium Business Administration, Policy Direction of the Year: content1 (25 July 2013) . 20

Small and Medium Business Administration, Policy Direction of the Year: content2 (25 July 2013) . 21

Small and Medium Business Administration, Policy Direction of the Year: content3 (25 July 2013) .

28 อนาคต และกระทรวงศึกษาธิ การ นอกจากนี SMBA จะต้องประสานงานกับกระทรวงสถิติและการคลัง เพือ สร้ างระบบการจัดการและวิเคราะห์ขอ้ มูล SMEs ด้วย22 - SME Policies SME Policies จําแนกออกเป็ นการส่ งเสริ ม SMEs ใน 7 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการเริ มต้นธุ รกิ จและธุ รกิจทีมีความเสี ยง โดย SMBA ต้องเตรี ยมความพร้ อมให้กับ ธุรกิจทีจะเกิ ดขึนใหม่พร้ อมทังจัดหานวัตกรรมใหม่ๆ ขึนมารองรั บ โดยคํานึ งถึงความสําคัญในการขับเคลือน เศรษฐกิจของประเทศเป็ นสําคัญ23 (2) ด้ านทรั พ ยากรบุ ค คล โดย SMBA ต้อ งกําหนดให้ ก ารพัฒ นาทรั พยากรบุ ค คลเป็ น ความสําคัญอันดับต้นๆ ผลักดันให้เกิดความเข้าใจใน SMEs และ ขยายความต้องการพืนฐานด้านการศึกษา และการฝึ กงานโดยให้มีความเชือมโยงกับความต้องการในการจ้างงาน24 (3) ด้านการเงิน โดย SMBA ต้องขยายการเข้าถึงแหล่งทุน ของ SMEs และช่ วยเหลือธุ รกิ จ ในการก่ อ ตัง หรื อ ขยายการดําเนิ น งาน การพัฒ นาสิ น ค้าผลิ ตภัณ ฑ์ ใหม่ ๆ หรื อ การลงทุ น ในสิ งอํา นวย ความสะดวกต่างๆ25 (4) ด้านการตลาด เนืองจากความต้องการตลาดทีมีความหลากหลาย และมีการเปลียนแปลง อย่างรวดเร็ วทังในประเทศและต่ างประเทศ SMBA ต้องส่ งเสริ มอุปสงค์ในประเทศเป็ นหลัก ขณะเดียวกัน ต้องสร้างระบบการตลาดในระดับนานาชาติให้เข้มแข็งด้วย รวมถึงการจัดการการเข้าถึงบริ การส่ งออก 26

22

Small and Medium Business Administration, Policy Direction of the Year: content4 (25 July 2013) . 23

Small and Medium Business Administration, SME Policies: content1 (25 July 2013) . 24

Small and Medium Business Administration, SME Policies: content2 (25 July 2013) . 25

Small and Medium Business Administration, SME Policies: content3 (25 July 2013) . 26

Small and Medium Business Administration, SME Policies: content4 (25 July 2013) .

29 ( ) ด้านเทคโนโลยี โดย SMBA ต้องส่ งเสริ มนวัตกรรมด้านเทคโนโลยีแก่ SMEs เนืองด้วย ความเชื อทีว่าเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเกาหลีในอนาคตจะต้องพึงพาเทคโนโลยีเป็ นหลัก27 ( ) ด้าน Micro-Enterprises ดังทีกล่าวมาแล้ว SMEs ในสาธารณรัฐเกาหลี แ บ่ งย่อยเป็ น 3 ประเภท โดย Micro-Enterprises จัดเป็ น SMEs ที มี ขนาดเล็ก ที สุ ด โดย SMBA ต้อ งจัด ให้มี โปรแกรมที หลากหลายสํ า หรั บ การช่ วยเหลื อ กิ จการและการตลาดแบบดั งเดิ ม ส่ งเสริ มให้ Micro-Enterprises มี การพัฒนากิจกรรมด้านธุ รกิ จทีหลากหลาย28 ( ) ด้านระบบ SME Clinic และการส่ งเสริ มอืนๆ โดย SMBA จัดให้มีโปรแกรมเกี ยวกับ การสร้ างเสริ มความเข้ม แข็ งให้แ ก่ SMEs ทังการจัดการความเสี ยง เพือเพิ มอัตราความอยู่รอดของธุ รกิ จ ซึ งกรณี ดงั กล่าวคล้ายกับการดูแลบุคคลให้เจริ ญเติบโตอย่างแข็งแรงและมันคง29 2.5 สาธารณรั ฐฝรั งเศส 2.5.1 ความสําคัญของ SMEs การส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศฝรั งเศสจะดําเนิ น การโดยองค์ ก รหลายองค์ก รด้วยกัน ซึ งแต่ล ะ องค์กรจะให้ก ารส่ งเสริ ม SMEs ในรู ปแบบทีแตกต่างกัน ออกไป โดยมี ทงองค์ ั กรของรัฐในระดับท้องถิ น และองค์กรในระดับชาติ องค์กรในระดับท้องถิ นทีให้ความช่ วยเหลือแก่ SMEs30 คื อ องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นต่ างๆ ทีมี อํานาจตามกฎหมายทีจะให้ความช่วยเหลือ และส่ งเสริ มการประกอบกิจการของ SMEs ทีตังอยู่ในพืนทีของ องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นเหล่ านัน31 องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นของฝรั งเศสเหล่ านี เป็ นหน่วยงานรัฐ 27

Small and Medium Business Administration, SME Policies: content5 (25 July 2013) . 28

Small and Medium Business Administration, SME Policies: content6 (25 July 2013) . 29

Small and Medium Business Administration, SME Policies: content7 (25 July 2013) . 30 วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในภาษาฝรั งเศสเรี ยกว่า “Les Petites et Moyennes Entreprises (PMEs)” 31

ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ นของฝรั งเศส (Code général des collectivités territoriales) มาตรา L.

- ถึง มาตรา

L.1511-5 ให้อาํ นาจแก่แคว้น (Région) และองค์กรส่ วนท้องถิ นต่างๆ ทีจะให้การสนับสนุนโครงการพัฒนา หรื อโครงการการลงทุนของ SMEs ทีตังอยู่ในเขตพืนทีขององค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นนัน ทังนี การให้การสนับสนุนขององค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นดังกล่าวต้องอยู่

30 โดยแท้หรื อเป็ น หน่ วยงานฝ่ ายปกครอง ทีเป็ นส่ วนหนึ งของการปกครองแบบกระจายอํานาจของฝรั งเศส โดยมีหน้าทีหลายๆ ด้านด้วยกัน การให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs เป็ นเพียงหน้าทีด้านเศรษฐกิ จขององค์ก ร ปกครองส่ วนท้องถิ นเท่านัน องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นของฝรั งเศสเหล่านีมีรูปแบบองค์กรที มีลกั ษณะ เดียวกันทัวทังประเทศตามลักษณะการจัดตังทีกําหนดไว้ในประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ น (Code général des collectivités territoriales)32 อย่างไรก็ ตาม เนื องจากองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นไม่ไ ด้ เป็ นองค์กรทีตังขึนมาเพือทําหน้าทีสนับสนุ น SMEs ในฝรั งเศสโดยตรงและเป็ นการเฉพาะ ดังนัน จึงจะไม่ นํามากล่าวไว้ในส่ วนนี การส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศฝรั งเศสนัน ในปั จจุบัน ยังไม่มีก ารจัด ตังองค์ก รทีเป็ นองค์ก รรั ฐ โดยแท้ เพือทําหน้าทีในการให้การสนับสนุน ส่ งเสริ ม หรื อให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs เป็ นการเฉพาะและ มีหน้าที ในระดับประเทศในลักษณะทัวไปแต่อ ย่างใด อย่างไรก็ตาม ภาครั ฐของประเทศฝรั งเศส ได้ให้ ความสําคัญ แก่ การให้ก ารส่ งเสริ ม SMEs อยู่เสมอโดยได้มีการออกกฎหมายหลายฉบับเพือส่ งเสริ ม SMEs โดยเริ มตังแต่การส่ งเสริ มให้มีการจัดตังธุ รกิ จ การส่ งเสริ มให้จดั ตังธุ รกิ จของตนเอง หรื อการออกกฎหมาย เพือเอือผลประโยชน์ทางด้านภาษี และการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่างๆ33 เป็ นต้น การให้ก ารสนับสนุ น SMEs ในประเทศฝรั งเศสจึงเป็ นการที รั ฐ ออกกฎหมายขึนมา เพื อนําเอา นโยบายในด้านการส่ งเสริ ม SMEs มาปฏิ บตั ิ ให้ เป็ นรู ปธรรม และหน่ วยงานรั ฐที อยู่ภ ายใต้อ าํ นาจบังคับ บัญ ชาของรั ฐ บาลจะเป็ นผู ้นําเอากฎหมายที เกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs นันไปบังคับใช้ ทังนี โดยไม่ มี การสร้ างหน่ วยงานใดหน่ วยงานหนึ งที เป็ นหน่ วยงานฝ่ ายปกครองทีมี หน้าที รั บผิ ดชอบในการส่ งเสริ ม SMEs ขึนมาโดยเฉพาะ ภายใต้กฎเกณฑ์ของประชาคมยุโรป เลขที

/

ของคณะกรรมาธิ การยุโรป ลงวันที สิ งหาคม

(กําหนดประเภทของ

ความช่วยเหลือทีสอดคล้องกับการเป็ นตลาดร่ วม) โปรดดู เช่น แผนงานให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs ของแคว้น Yveslines . 32

ประมวลกฎหมายองค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นของฝรั งเศส . 33

กฎหมายของฝรั งเศสทีมีจุดมุ่งหมายเพือส่งเสริ ม SMEs ทีสําคัญ ได้แก่ รัฐบัญญัติว่าด้วยการริ เริ มทางเศรษฐกิจ ค.ศ.

(Loi n° 2003-

721 du 1 août 2003 pour l'initiative économique) ซึงมีจุดมุ่งหมายให้ความสะดวกในการจัดตังบริ ษทั หรื อจัดตังองค์กรธุรกิจ รัฐบัญญัติว่า ด้วยการให้การสนับสนุ น SMEs ค.ศ.

(Loi n° 2005-882 du 2 août 2005 en faveur des petites et moyennes entreprises) รัฐบัญญัติว่า

ด้วยการปรับปรุ งเศรษฐกิจให้ทนั สมัย ปี ค.ศ.

(Loi n° 2008-776 du 4 août 2008 de modernisation de l'économie) เป็ นต้น

31 อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศฝรั งเศสจะไม่มีหน่ วยงานรัฐทีทําหน้าทีด้านการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง แต่ ก็ได้มี การจัดตังองค์กรขึนมาทําหน้าที ช่ วยเหลื อ และสนับสนุ น SMEs โดยเป็ นองค์ก รทีเกิ ดขึนจาก ความริ เริ มของภาครั ฐ ซึ งอาจเป็ นองค์กรของรัฐทีจัดตังขึนในรู ปแบบทีเป็ นองค์กรมหาชนหรื อรั ฐวิสาหกิ จ (Etablissement public หรื อ Entreprise publique) หรื อ เป็ นสมาคม (Association) และปั จจุ บนั มี อ งค์ก รที จัดตังขึนโดยความริ เริ มของรัฐบาลฝรั งเศส เพื อให้ทาํ หน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศฝรั งเศสที สํ าคัญ ได้แ ก่ รั ฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe และ Agence pour la création de l’entreprise (APCE) ส่ วนกฎหมายของ ฝรั งเศสทีมีจุดมุ่งหมายเพือส่ งเสริ ม SMEs ทีสําคัญ ได้แก่ รัฐบัญญัติวา่ ด้วยการริ เริ มทางเศรษฐกิ จ ค.ศ. (Loi n° 2003-721 du 1 août 2003 pour l'initiative économique) ซึ งมี จุด มุ่ งหมายให้ ค วามสะดวกในการ จัดตังบริ ษทั หรื อจัดตังองค์กรธุ รกิ จ รัฐบัญญัติว่าด้วยการให้การสนับสนุ น SMEs ค.ศ.

(Loi n° 2005-

882 du 2 août 2005 en faveur des petites et moyennes entreprises) รัฐ บัญ ญัติวา่ ด้วยการปรั บปรุ งเศรษฐกิ จ ให้ทนั สมัย ปี ค.ศ.

(Loi n° 2008-776 du 4 août 2008 de modernisation de l'économie) เป็ นต้น

การศึกษากฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีทําหน้าทีเกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศฝรั งเศส จึงจะศึกษาองค์กร รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe และ Agence pour la création de l’entreprise นี 2.5.2 คําจํากัดความของ SMEs กฎหมายของประเทศฝรั งเศสไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะทีกําหนดคํานิยามของ SMEs ไว้แ ต่อย่างใด มี แต่ เพียงกฎหมายปี ค.ศ.

(loi sur la modernisation de l’économie) เท่านัน ที ได้กล่ าวถึง SMEs เอาไว้

แต่คาํ นิ ยามที BPI-Groupe นํามาใช้นี เป็ นคํานิยามตามกฎหมายยุโรป ซึ งกําหนดให้วสิ าหกิจทีจะมีลกั ษณะ เป็ น SMEs นัน จะต้ อ งเป็ นวิ ส าหกิ จ ที มี ก ารจ้า งงานน้ อ ยกว่า การประกอบการทีแจ้งไว้ในแต่ละปี น้อยกว่า

คน มี จ ํา นวนรายรั บ รายจ่ ายจาก

ล้านยูโร ทังนี รายได้ประกอบการโดยรวมต้องไม่เกินกว่า

ล้านยูโร และต้องเป็ นอิสระ คือ มีผถู ้ ือหุน้ ทีไม่ใช่ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมน้อยกว่าร้ อยละ ของหุน้ ทังหมด 2.5.3 วิวฒั นาการของนโยบายการพัฒนา SMEs รั ฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe หรื อ ที รู ้ จ ัก ก่ อ นหน้ า นี ในนาม Oséo และ Agence pour la création de l’entreprise (APCE) ต่างก็ เป็ นองค์กรทีจัดตังขึนภายใต้การริ เริ มของภาครั ฐ ถึงแม้วา่ วิธีการดําเนินงานและ รู ปแบบการจัด ตังของ BPI-Groupe และ APCE จะมีค วามแตกต่ างกัน แต่ ทงสององค์ ั ก รต่ างมีเ ป้ าหมาย เดียวกันคือการสนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ของฝรั งเศส

32 รั ฐวิสาหกิจ BPI-Groupe หรื อปัจจุบันคือ BPIFrance รั ฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe จัดตังขึนในรู ปแบบของบริ ษ ทั ในฐานะทีเป็ น “ธนาคาร” และเป็ น ส่ วน หนึ งของ BPI-Groupe ซึ งสื บทอดมาจาก SA Oséo34 รัฐ วิส าหกิ จในเครื อของของ Oséo35 ที จัดตังขึ นเมือปี ค.ศ.

โดยรัฐกําหนด (Ordonnance) เลขที

-

ลงวันที

มิถุนายน ค.ศ.

ว่าด้วยการจัดตัง

องค์ ก รมหาชน EPIC OSEO และการเปลี ยนแปลงหน่ ว ยงานรั ฐ จากหน่ ว ยงานเพื อการเพิ มมู ล ค่ า การค้นคว้าวิจยั เป็ นรัฐวิสาหกิจ36 รัฐกําหนดดังกล่ าวได้วางหลักเกณฑ์ก าํ หนดให้มีก ารจัดตัง EPIC OSEO ซึ งเป็ นองค์กรมหาชนทีมี วัต ถุ ป ระสงค์ ใ นด้ า นอุ ต สาหกรรมและพาณิ ชยกรรม (Etablissement Public à caractère Industriel et Commercial หรื อ EPIC) มีหน้าทีในการสนับสนุนการจัดตัง การพัฒนา และการเงินของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม37 โดยมีการจัดตัง SA Oséo ไปขณะเดียวกัน และให้เป็ นรัฐวิสาหกิจทีมีส ถานะเป็ นธนาคาร ขึนมาเพือดําเนินการตามเป้ าหมายในการส่ งเสริ มทางการเงินให้กบั SMEs ของ EPIC OSEO38 สํ าหรั บ รั ฐ วิส าหกิ จ SA Oséo39 นัน เดิ มจัด ตังขึนโดยรั ฐ กํา หนด (Ordonnance) เลขที ลงวัน ที

มิ ถุนายน ค.ศ.

(Décret) เลขที

-

-

และข้อ บังคับของบริ ษทั ได้รับการเห็น ชอบจากรัฐ ตามของรัฐกฤษฎีก า ลงวัน ที

ธั น วาคม ค.ศ.

เพื อให้ค วามเห็ นชอบเกี ยวกับ สถานะของ

รัฐวิสาหกิจ SA OSéo และว่าด้วยบทเบ็ดเตล็ดเกี ยวกับการดําเนินงานของรัฐวิสาหกิ จ SA OSéo40

34

มีชือเต็มว่า “La Société Anonyme Oséo” Oséo เป็ นชือเรี ยกของการรวมกลุ่มองค์กรหลายองค์กร ทีเรี ยกว่า Le groupe OSEO โดยรวมเอาองค์กรทีมี หน้าทีดําเนิ นงานเพือ ประโยชน์ส่วนรวม ด้านการสนับสนุ น SMEs หลายองค์กรมารวมกลุ่มเพือทําหน้าทีร่ วมกัน ได้แก่ ธนาคารเพือการพัฒ นา SMEs (Banque de development des PME) รวมทังบริ ษทั ในเครื อของธนาคาร คือ Sofaris หน่วยงานเพือการเพิมมูลค่าการค้นคว้าวิจยั เป็ นบริ ษทั จํากัด (Agence national de valorisation de la recherche หรื อ ANVAR) และ GIE Agence des PME และปัจจุบันได้เปลียนชือเป็ น Bpi-Groupe 36 Ordonnance n° 2005-722 du 29 juin 2005 relative à la création de l’établissement public OSEO et à la transformation de l’établissement public Agence national de valorisation de la recherche en société anonyme, JORF n° 151 du 31 juin 2005, p. 10774 37 Ordonnance n° - du juin มาตรา . 35

38

EPIC OSEO และ SA Oséo เป็ นองค์กร องค์กรทีแตกต่างกัน EPIC OSEO จะมีสถานะเป็ น องค์การมหาชน แต่ SA Oséo เป็ น รัฐวิสาหกิจ EPIC OSEO จะเป็ นผูถ้ ือหุน้ ใหญ่ในนามของภาครัฐใน SA Oséo 39 โปรดดูขอ้ มูลเพิ มเติมจากเว็บไซต์ขององค์กรได้จาก . 40

Décret n° - du décembre approuvant les statuts de la société anonyme OSEO et portant diverses dispositions relatives à son fonctionnement .

33 องค์การมหาชน EPIC OSEO ได้มีก ารปรั บปรุ งองค์กรหลายครังกัน ปั จจุบนั ได้เปลี ยนชื อมาเป็ น EPIC BPI-Groupe นับตังแต่วนั ที กุมภาพันธ์ ค.ศ. การลงทุนสาธารณะ ค.ศ.

41

เป็ นต้นมา ตามรัฐบัญญัติวา่ ด้วยการจัดตังธนาคาร

ทังนี หน้าทีด้านการให้การส่ งเสริ มแก่ SMEs ของ EPIC BPI-Groupe ใน

ปั จจุบนั จะดําเนินการโดย la Société anonyme Bpi-Groupe ซึ งเป็ นรัฐวิสาหกิ จทีมีสถานะเป็ นธนาคาร โดย รัฐเป็ นผูถ้ ือหุน้ รายใหญ่42 แม้ SA Oséo ได้กลายมาเป็ น la Société anonyme Bpi-Groupe หรื อทีอาจเรี ยกว่า รั ฐวิสาหกิ จ BpiGroupe โดยผลของรั ฐ บัญ ญัติ ว่า ด้ วยการจัด ตังธนาคารการลงทุ น สาธารณะ 43 แต่ ห น้ า ที ในการให้ การสนับสนุน SMEs ยังไม่เปลียนแปลงแต่อย่างใด รัฐวิสาหกิ จ Bpi-Groupe ในฝรั งเศสมีวตั ถุประสงค์เพือดําเนินกิจการทีเป็ นประโยชน์ส่วนรวมโดย อยู่ภายใต้การกํากับดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจ การคลังและอุตสาหกรรม (Ministère de l’économie, des Finance et de l’industrie) และกระทรวงการศึ ก ษาระดับ สู ง และการวิจัย (Ministère de l’Enseignement supérieur et de la Recherche) สมาคมเพือการจัด ตังวิสาหกิจหรื อ Agence pour la Création de l’entreprise (APCE) APCE44 เป็ นอี ก หนึ งองค์ก รที มีส่ วนสํ าคัญในการส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศฝรั งเศส โดยเป็ น องค์ก รทีจัดตังขึนเมือ ปี ค.ศ. ปี ค.ศ.

45

ในรู ปแบบของสมาคม (Association) ตามกฎหมายการจัดตังสมาคม

โดยความริ เริ มของภาครัฐ มีวตั ถุ ประสงค์หลัก คื อการให้ความช่ วยเหลื อในการจัดตัง และ

การพัฒนาวิสาหกิจต่างๆ แม้สมาคม APCE จะไม่ได้เป็ นหน่วยงานรัฐหรื อองค์กรภาครัฐ แต่ก็เป็ นองค์กรทีมีบทบาทเป็ นอย่าง มากและเป็ นทีรู้จกั อย่างกว้างขวางในการส่ งเสริ มการประกอบการ SMEs ในประเทศฝรั งเศส 41

เกิดขึนจากรัฐบัญญัติว่าด้วยการจัดตังธนาคารการลงทุนสาธารณะ ค.ศ. (Loi n° 2012-1559 du 31 décembre 2012 relative à la création de la Banque publique d'investissement, JOFR n°0001 du 1 janvier 2013, p. 44 42 ปั จจุบัน ผูถ้ ือหุ ้นของ SA Oséo (หรื อรัฐวิส าหกิจ BPI-Groupe จะประกอบไปด้วย EPIC OSEO ถือหุ ้นร้ อยละ . Caisse des dépôts ถือหุน้ ร้อยละ . ธนาคารต่างๆ ถือหุน้ ร้อยละ . และมีผถู้ ือหุน้ รายอืนๆ อีก ร้อยละ . 43 Loi n° 2012-1559 du 31 décembre 2012 relative à la création de la Banque publique d'investissement มาตรา . 44

โปรดดู เพิมเติมจากเว็บไซต์ .

45

Loi du 1er juillet 1901 relative au contrat d'association .

34 2.6 ประเทศออสเตรเลีย 2.6.1 ความสําคัญของ SMEs

ประเทศออสเตรเลียจัดได้วา่ เป็ นประเทศทีมี เศรษฐกิ จแข็งแกร่ งทีสุ ดแห่งหนึ งในโลก กล่ าวคื อ มีศกั ยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกสู ง เป็ นแหล่งลงทุนทีน่าสนใจยิง มีโครงสร้างทางสถาบันทีทันสมัย และมันคงซึ งช่วยสร้ างความแน่นอนให้แก่การดําเนิ นธุ รกิ จ อี กทังยังมีอุปสรรคทางการค้าและการลงทุน ทีตํา เช่ น มีมาตรการจัดเก็บภาษีทีเอือต่อภาคธุ รกิ จ มีตลาดแรงงานทีมีความยืดหยุด่ และเป็ นแรงงานที มี ทักษะสู ง เป็ นต้น ทังนี เป็ นเพราะออสเตรเลียมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิ ด หรื อแนวนโยบายเศรษฐกิจแบบ เสรี นิยม ซึ งเน้นการบริ หารจัดการอย่างมีประสิ ทธิ ภาพจากทังภาครัฐและเอกชนโดยการปฏิรูปโครงสร้ าง การดําเนิ นงานทีช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกอย่างไม่หยุดยัง และด้วยระบบเสรี นิ ยมนี เอง ออสเตรเลี ยจึงไม่ มุ่ง จําเพาะเจาะจงในการคุ้ม ครองหรื อให้สิ ทธิ ป ระโยชน์ ทีเป็ นการเอือต่ อ อุตสาหกรรมและวิสาหกิจเฉพาะราย หากแต่ได้มีความพยายามทีจะเปิ ดโอกาสเพือให้ทุกกิจการเข้าสู่ ตลาด และสามารถแข่งขันกันอย่างเสรี มีความเสมอภาคเท่าเที ยมกัน ซึ งย่อมรวมถึงการสร้างโอกาสการพัฒนา ศักยภาพของ SMEs ด้วย 2.6.2 คําจํากัดความของ SMEs ประเทศออสเตรเลียไม่มีคาํ จํากัดความของ SMEs ทีเป็ นมาตรฐานเดียวกันในระดับประเทศอย่างใน ประเทศไทย โดยคําจํากัดความของ SMEs จะขึนอยู่กบั หน่ วยงานและกฎเกณฑ์ทีกําหนดขึนสําหรับ SMEs ดังทีปรากฏการให้คาํ จํากัดความไว้ในตัวอย่างองค์กรต่อไปนี (1) สํานักงานสถิติออสเตรเลีย (Australian Bureau of Statistics) ได้กาํ หนดนิยาม SMEs ไว้ ดังนี46 1) วิสาหกิ จขนาดย่อม ได้แ ก่ วิสาหกิ จทีมีเจ้าของคนเดี ยวหรื อมีหุ้น ส่ วนจํานวน น้อ ย ควบคุมการบริ หารโดยเจ้าของเชิ งบุคคลมากกว่าทางโครงสร้ างการบริ หารอย่างเป็ นทางการอันเป็ น ลําดับขัน และดําเนินการอย่างมีอิสระไม่สังกัดกลุ่มธุ รกิจขนาดใหญ่รายใด ได้แก่ - ภาคอุตสาหกรรม ทีมีจาํ นวนคนงานน้อยกว่า 100 คน 46

Department of Innovation, Industry, Science and Research, Australian small business KEY STATISTICS, (2011 ) .

35 - ภาคก่อสร้างและบริ การ ทีมีจาํ นวนคนงานน้อยกว่า 20 คน 2) วิสาหกิ จขนาดกลาง ได้แก่ - ภาคอุตสาหกรรม ทีมีจาํ นวนคนงานมากกว่า 100 คน แต่ไม่เกิ น 200 คน - ภาคก่อสร้างและบริ การ ทีมีจาํ นวนคนงานมากว่า 20 คน แต่ไม่เกิน 200 คน (2) สํานักงานภาษีออสเตรเลีย (Australian Tax Office) ได้กาํ หนดนิยามของธุ รกิจขนาดเล็ก ไว้ ได้แก่ กิจการทีมีรายได้ไม่เกิ น 1 ล้าน ดอลลาร์ ออสเตรเลีย47 (3) AusIndustry เป็ นหน่ วยงานภาครั ฐ ทีสนับสนุ น อุตสาหกรรม ได้ก ําหนดนิ ยามธุ รกิ จ ขนาดเล็กไว้ ได้แก่ กิจการทีมีรายได้ไม่เกิ น 5 ล้าน ดอลลาร์ ออสเตรเลีย48 นอกจากนี วิสาหกิจขนาดย่อมทีพบในออสเตรเลียมักจะมีลกั ษณะเป็ นเจ้าของเพียงคนเดียว หรื อมีหุ้นส่ วนจํานวนน้อย มีการควบคุมบริ หารโดยเจ้าของในลักษณะบุคคลมากกว่าโครงสร้างการบริ หาร แบบทางการทีมีลาํ ดับชัน และมีการดําเนินธุรกิจทีเป็ นอิสระไม่สังกัดกลุ่มธุ รกิ จขนาดใหญ่49 จากนิยามดังกล่าว จะเห็นได้วา่ ออสเตรเลียได้กาํ หนดลักษณะองค์กรธุ รกิจโดยพิจารณาจาก จํานวนการจ้างงาน และจํานวนรายได้ ซึ งแตกต่างจากประเทศไทยที ใช้เกณฑ์จาํ นวนการจ้า งงาน และ มูลค่าของสิ นทรัพย์ถาวร

47

คณะกรรมการพัฒนากฎหมาย สํานักงานคณะกรรมการกฤษฎี กา , ภาพรวมของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของ 4 ประเทศ, (ม.ป.ป.) .ดูเพิมเติมที ศุภชั ศุภชลาสัย และคณะ, การดําเนินมาตรการ สนับสนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ส่งเสริ มประเทศญีปุ่น ไต้ หวัน อิตาลี และออสเตรเลีย), เสนอต่อ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน ). See also Australian Taxation Office at 48

Ibid. See also AusIndustry at < http://www.ausindustry.gov.au/programs/innovation-rd/rd-

taxincentive/SmalltoMediumsizedEnterprises%28SMEs%29/Pages/default.aspx> 49 49 ศุภชั ศุภชลาสัย และคณะ, การดําเนิ นมาตรการสนับสนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ส่งเสริ มประเทศญีปุ่น ไต้ หวัน อิตาลี และ

ออสเตรเลีย), เสนอต่อ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน หน้า 6-6.

),

36 2.6.3 วิวฒั นาการของนโยบายการพัฒนา SMEs การพัฒนา SMEs ของประเทศออสเตรเลีย เริ มต้นขึนในปี พ .ศ.2530 ซึ งสถานการณ์ในประเทศ ออสเตรเลียก่อ นหน้านัน มีการกี ดกันทางการค้าต่างประเทศที เป็ นรู ปแบบการตังกําแพงภาษีค่อนข้างสู ง ในขณะที ตลาดภายในประเทศมี ก ารแข่ ง ขัน กั น น้ อ ย วิ ส าหกิ จ ขนาดใหญ่ ค รอบงํา ตลาด รวมถึ ง ตลาดแรงงานประสบปั ญหาการต่อรองของสหภาพแรงงานทีเข้มแข็ง และเกิดภาวะเศรษฐกิจตกตําขันวิกฤต ในปี พ.ศ. 2530 – 2533 เพื อแก้ ไขปั ญ หาดัง กล่ า ว รั ฐ บาลจึ ง วางนโยบายการค้า เสรี และหัน มาให้ ความสํ าคัญ กับ มาตรการส่ งเสริ ม SMEs โดยเฉพาะอย่างยิงนโยบายการส่ งเสริ ม SMEs ทีเน้ นการพัฒนา ธุรกิ จขนาดเล็ก เนืองจากเป็ นหน่วยธุ รกิ จทีส่ วนใหญ่ประสบปัญหาในการติดต่อราชการ การปฏิ บตั ิตาม กฎหมาย และอนุ บญ ั ญัติต่า งๆ ของภาครั ฐ การเสี ยภาษี ตลอดจนการขอความช่ วยเหลือ อื นๆ 50 และ ประเด็นการส่ งเสริ ม SMEs นัน จะเน้นการวิจยั และพัฒ นา (R&D) การส่ งเสริ มการนําเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ป ระโยชน์เชิ งพาณิ ช ย์มากขึน โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านสารสนเทศและเทคโนโลยีชี วภาพ และ การส่ งเสริ มการส่ งออก เป็ นสําคัญ51 นอกจากนี รั ฐ บาลออสเตรเลี ยยังสนับสนุ นด้านการลงทุ น ให้กับ SMEs โดยการสร้ า งเครื อ ข่า ย SMEs เพือเพิ มแหล่ งเงิ นทุน เพิ มช่องทางให้ SMEs ได้เข้าร่ วมดําเนิ นการจัดซื อจัดจ้างภาครั ฐ และให้เงิ น อุดหนุนแก่ SMEs เพือใช้ในการจ้างทีปรึ กษาทางธุ รกิจ ซึ งต่อมาได้จดั ตังองค์กรทีมีอาํ นาจหน้าทีโดยตรงที สําคัญยิ งในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs คือ AusIndustry และ Austrade อีกทังยังมีคณะกรรมาธิ การด้า น ผลิ ตภาพแห่ งออสเตรเลี ย (Productivity Commission) ซึ งมี บ ทบาทเป็ นอย่ างมากในการตัดสิ น ใจด้า น นโยบายของรัฐ บาลออสเตรเลี ยในหลากหลายประเด็น รวมถึ งการประเมิ นมาตรการภาครั ฐ ในการให้ ความช่วยเหลือแก่ ภาคเอกชนในการปรับตัวเข้าสู่ ระบบการค้าเสรี 52 50

ศุภชั ศุภชลาสัย และคณะ, การดําเนิ นมาตรการสนับสนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ส่งเสริ มประเทศญีปุ่น ไต้ หวัน อิตาลี และ ออสเตรเลีย), เสนอต่อ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน หน้า 6-6, 6-7.

),

51

ศุภชั ศุภชลาสัย และคณะ, การดําเนิ นมาตรการสนับสนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ส่งเสริ มประเทศญีปุ่น ไต้ หวัน อิตาลี และ ออสเตรเลีย), เสนอต่อ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน หน้า 6-11 จนถึง 6- 14. 52

สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, รายงานสถานการณ์วิสาหกิจรายย่อย (Micro Enterprises) ปี 2551 See also Productivity Commission, The Role of Commission .

),

บทที 3 เปรี ยบเทียบนโยบาย กฎหมาย และมาตรการในการจัดตังองค์ กรภาครัฐ ทีส่ งเสริมและสนับสนุ น SMEs ของไทยและต่ างประเทศ 3.1 ประเทศไทย 3.1.1 ความเป็ นมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ ในช่ วงหลัง จากที ประเทศไทยต้อ งเผชิ ญ กับ วิก ฤตการณ์ ท างเศรษฐกิ จ ประเทศไทยก็ ได้ มี การตรากฎหมายซึ งเป็ นกลไกในการจัดตังองค์กรหลัก เพือสนับสนุ นกระบวนการช่ วยเหลื อ และกําหนด นโยบายหรื อวางมาตรการด้านสิ ทธิ ประโยชน์ต่างๆ ให้กับ SMEs ได้แ ก่ พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 โดยที พระราชบัญญัติฉ บับนี ได้ก ําหนดไว้ในมาตรา 161 ให้จดั ตัง สํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ขึน เป็ นหน่วยงานของรัฐทีเป็ นนิ ติบุคคล แต่ ไม่ใช่ส่วนราชการหรื อ รัฐวิสาหกิจ เพือให้เกิดการคล่ องตัวในการบริ หารองค์กรและส่ งเสริ ม SMEs ได้ทนั ต่อสถานการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิ จต่างๆ โดย สสว. จะเป็ นองค์กรศูนย์กลางในการประสานการทํางาน ทังในระบบราชการ องค์ก รของรัฐ หรื อ รัฐ วิส าหกิ จ ทังหลาย ซึ งต่ างก็มี หน้าที ช่ วยส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs เพือให้การดําเนินการต่างๆ มีความต่อเนืองและเป็ นไปในแนวทางเดียวกัน2 ในการประกาศใช้กฎหมายจัดตังองค์กรทีทําหน้าทีเฉพาะกิจเพือส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ซึ ง ได้แก่ การจัดตัง สสว. นี ย่อมเป็ นผลดีต่อแนวทางในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เติบโตก้าวหน้า โดยที การจัดตัง สสว. ขึนเป็ นองค์กรทีไม่ใช่ ทงส่ ั วนราชการและรั ฐวิสาหกิ จก็เพือให้ สสว. เป็ นองค์กรที เหมาะสมและคล่ อ งตัวในการบริ หารจัดการกระบวนการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ให้สามารถสร้ าง ภูมิคมุ ้ กันเพือปรับตัวให้ทนั ต่อสถานการณ์การแข่งขันของภาคธุ รกิ จในปั จจุบนั ซึ งก็เป็ นไปโดยสอดคล้อง กับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติทีได้วางกรอบการพัฒนาในแนวปรัชญาเศรษฐกิ จพอเพียงดังทีได้ กล่าวมาแล้วในบทที 2 หัวข้อ 2.1 อีกด้วย

1

มาตรา 16 แห่งพระราชบัญ ญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

2

หมายเหตุทา้ ยพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

38 3.1.2 ขอบเขตลักษณะโครงสร้ างองค์กรและโครงสร้างการบริ หาร เนืองจาก สสว. เป็ นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรมทีมิใช่ส่วนราชการหรื อ รัฐวิสาหกิ จ จึงได้มีก ารกําหนดโครงสร้ างองค์ กรในรู ปแบบของคณะกรรมการที จะช่วยวางนโยบายให้ สสว. นําไป ปฏิบตั ิอย่างเป็ นรู ปธรรม คือ คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม หมวด 1 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ได้บญั ญัติไว้ เป็ นสาระสําคัญให้คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีองค์ประกอบดังนี 3 - นายกรัฐมนตรี

ประธานกรรมการ

- รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงอุตสาหกรรม

รองประธานกรรมการ

- รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการคลัง

กรรมการ

- รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรรมการ

- รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงพาณิชย์

กรรมการ

- ปลัดกระทรวงแรงงาน

กรรมการ

- ปลัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี

กรรมการ

- ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

กรรมการ

- เลขาธิ การคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติกรรมการ - เลขาธิ การคณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุน

กรรมการ

- ผูแ้ ทนสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย

กรรมการ

- ผูแ้ ทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย

กรรมการ

ผูท้ รงคุณวุฒิจาํ นวนไม่เกิ น 12 คนซึ งแต่งตังโดยคณะรัฐมนตรี กรรมการ และมาจากองค์การเอกชนอย่างน้อย 6 คน โดยทีอย่างน้อย 3 คน ต้องเป็ นผูป้ ระกอบการ SMEs ในภูมิภาค - ผูอ้ าํ นวยการสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อม

กรรมการและ เลขานุการ

จากองค์ประกอบของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมดังกล่าว จะเห็ นได้วา่ มีหน่วยงานระดับกระทรวงทีช่ วยกําหนดนโยบายเพือให้ สสว. นําไปปฏิบตั ิ ถึง 6 กระทรวงที 3

มาตรา 6 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

39 เกี ยวข้ อ งโดยตรงกั บ การส่ ง เสริ ม SMEs อี ก ทั งยัง มี สํ า นั ก งานคณ ะกรรมการส่ ง เสริ ม การลงทุ น คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หอการค้าแห่ งประเทศไทย และสภาอุ ตสาหกรรมแห่ง ประเทศไทย ร่ วมกําหนดนโยบายด้วย อย่างไรก็ ตาม สั ดส่ ว นของกรรมการมี ข ้อ น่ าสั งเกตว่า นอกจาก กรรมการโดยตําแหน่งจํานวนกว่าสิ บท่านแล้ว ยังมีกรรมการผูท้ รงคุ ณวุฒิทีคณะรัฐมนตรี แต่งตังอีกไม่เกิ น สิ บ สองคนอี ก ด้วย ซึ งอาจเป็ นช่ อ งทางหนึ งที ถู ก แทรกแซงการบริ ห ารงานต่ า งๆ ได้ เว้น แต่ จะได้มี การกําหนดหลักเกณฑ์คุณสมบัติของกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิให้เหมาะสม คณะกรรมการดังกล่าวมีอาํ นาจหน้าทีทีสําคัญ คือ4 1) กําหนดนโยบายและแผนการส่ งเสริ ม SMEs เพือเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี 2) กําหนดลักษณะของกิ จการอื นทีปรากฏในนิ ยาม “วิส าหกิ จ” เสนอต่อ รัฐ มนตรี เพื อ ดําเนินการประกาศในราชกิ จจานุเบกษา 3) กําหนดลักษณะของ SMEs เสนอต่อรัฐมนตรี ในการออกกฎกระทรวง 4) เสนอรายงานเกี ยวกับสถานการณ์ SMEs ของประเทศ ต่อ คณะรัฐมนตรี และจัดให้มี การเผยแพร่ รายงานดังกล่าวต่อสาธารณชนอย่างน้อยปี ละหนึงครัง 5) พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs 6) ให้ค าํ แนะนําแก่ ส่ วนราชการ หน่ วยงานของรัฐ รั ฐ วิส าหกิ จ หรื อ องค์ก ารเอกชนที เกี ยวข้องในการปฏิ บตั ิตามแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs 7) เสนอแนะมาตรการด้า นการเงิ น การคลัง การภาษี อ ากร หรื อ ด้า นอื น เพื อส่ งเสริ ม การปฏิ บตั ิตามนโยบายและแผนการส่ งเสริ ม SMEs ต่ อส่ วนราชการ หน่ วยงานของรัฐ หรื อ รั ฐวิสาหกิ จที เกี ยวข้อง 8) เสนอให้ มี ก ฎหมาย หรื อ ให้ มี ก ารแก้ ไ ขเพิ มเติ ม หรื อ ปรั บ ปรุ งกฎหมายเกี ยวกั บ การส่ งเสริ ม SMEs ต่อส่ วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรื อรัฐวิสาหกิจทีเกี ยวข้อง

4

มาตรา 11 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

40 9) กําหนดมาตรการเพือเสริ มสร้ างความร่ วมมื อ และประสานงานระหว่า งส่ วนราชการ หน่ วยงานของรัฐ รัฐ วิส าหกิ จ องค์ก ารเอกชนทังในและต่ างประเทศ และองค์ก รระหว่างประเทศใน การส่ งเสริ ม SMEs ทังในประเทศและต่างประเทศ 10) กํากับการดําเนินงานของคณะกรรมการบริ หารสํานัก งานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม 11) ปฏิบตั ิการอืนใดตามทีกฎหมายกําหนดให้เป็ นอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการ นอกจากการมี ค ณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มทีช่ วยกําหนด นโยบายในการดําเนิ นงานให้ สสว. แล้ว ตามพระราชบัญญัติส่ง เสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ยังได้กาํ หนดให้มีคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมขึน เพื อช่ วยกํากับดู แ ลและอนุ มัติก ารปฏิ บตั ิ งานของ สสว. โดยที ในหมวด แห่ งพระราชบัญ ญัติส่ งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มได้กําหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการบริ หารสํานัก งานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม5 ไว้ดงั นี - ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม

ประธานกรรมการ

- ผูอ้ าํ นวยการสํานักงบประมาณ

กรรมการ

- ผูแ้ ทนกระทรวงการคลัง

กรรมการ

- ผูแ้ ทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

กรรมการ

- ผูแ้ ทนกระทรวงพาณิ ชย์

กรรมการ

- ผูแ้ ทนสํานักงานคณะกรมการส่ งเสริ มการลงทุน

กรรมการ

- อธิ บดีกรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม

กรรมการ

- ผูท้ รงคุณวุฒิ 7 คน ซึ งคณะกรรมการแต่งตัง

กรรมการ

- ผูอ้ าํ นวยการของ สสว.

กรรมการและ เลขานุการ

5

มาตรา 18 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

41 โดยทีคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม มีอาํ นาจ หน้าที คือ6 ) พิจารณาอนุ มตั ิ การดําเนิ นการของ สสว. เพือเสนอให้ค ณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อมพิจารณา ) เสนอแนะและให้ความเห็นต่อคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และรัฐมนตรี วา่ การกระทรวงอุตสาหกรรมในเรื องทีเกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs 3) อนุ มตั ิแผนการดําเนินงาน แผนการเงินและงบประมาณที สสว. จะดําเนินการในแต่ละปี ) กําหนดนโยบายและควบคุมดูแลการบริ หารกองทุนของ สสว. รวมถึงพิจารณาจัดสรร เงินกองทุนโดยได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแล้วด้วย ) กํ า หนดจํานวน ตําแหน่ ง ระยะเวลาจ้าง อัต ราเงินเดื อ น ค่ าจ้า ง และเงิ น อื นของ พนักงานและลูกจ้าง ) ออกข้อบังคับในเรื องต่างๆ ดังนี - การบัญชีและการเงิน ของ สสว. - การจัดแบ่งส่ วนงาน การบริ หารงาน และการปฏิบตั ิงานของ สสว. - การบรรจุ การแต่ งตัง การกําหนดตําแหน่ ง การกําหนดอัตราเงิน เดื อ นหรื อ ค่าจ้าง การเลือนเงิ นเดือนหรื อค่าจ้าง การออกจากงาน วินยั การลงโทษและการอุทธรณ์ การลงโทษทาง วินยั การร้ องทุกข์ของพนักงานและลูกจ้าง และการบริ หารงานบุคคลโดยทัวไป - การคัดเลือกผูอ้ าํ นวยการ การปฏิบตั ิงานของผูอ้ าํ นวยการ และการมอบให้ผูอ้ ืน รักษาการแทนหรื อปฏิบตั ิการแทนผูอ้ าํ นวยการ สสว. - สวัสดิการหรื อการสงเคราะห์อืนแก่ พนักงานและลูกจ้าง ) วางระเบี ย บในเรื องต่ างๆ ซึ งต้อ งได้รับ ความเห็ น ชอบจากคณะกรรมการส่ ง เสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ดังนี

6

มาตรา

แห่ งพระราชบัญ ญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

42 - หลัก เกณฑ์ เงื อนไข และวิ ธี ก ารกู้ ยื ม เงิ น และการให้ กู้ ยื ม เงิ น รวมทัง การลงทุน การให้ความอุดหนุน หรื อการให้ความช่วยเหลือ จากเงินกองทุน หรื อการเข้าร่ วมกิ จการ หรื อ ถือหุน้ - อํานาจหน้าทีและวิธีการบริ หารหรื อจัดการกองทุนของผูจ้ ดั การกองทุน - การรับและเบิกจ่ายเงินของกองทุน ) จัดทํารายงานการรั บและการจ่ายเงิน ของกองทุ น เพือเสนอต่อคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม จากองค์ประกอบดังกล่ าว พบว่า คณะกรรมการบริ หารยังคงอยู่ภายใต้อ าํ นาจหน้าทีของ กระทรวงทัง 6 กระทรวง และสํานักงานคณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุ น และจะเห็น ได้วา่ อํานาจหน้า ที ของคณะกรรมการส่ ง เสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม มี ค วามสั ม พัน ธ์ ก ับ อํา นาจหน้า ที ของ คณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ งสามารถสรุ ปความเกี ยวข้อง ดังกล่าว ได้ดงั ตารางเปรี ยบเทียบต่อไปนี ตารางเปรี ยบเทียบอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กับ คณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ประเด็นอํานาจหน้าที

คณะกรรมการส่ งเสริ ม

คณะกรรมการบริ หารสํานักงาน

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและ

(คณะกรรมการ)

ขนาดย่อม (คณะกรรมการบริ หาร)

การกําหนดประเภทและ

- กําหนดลักษณะของ SMEs

ลักษณะของ SMEs

- เสนอแนะและให้ความเห็นต่อ คณะกรรมการและรัฐมนตรี เกียวกับการส่ งเสริ ม SMEs

การนโยบายและแผน

- กําหนดนโยบายและแผนการส่ งเสริ ม - เสนอแนะและให้ SMEs

ความเห็นต่อคณะกรรมการและ

- ให้ความเห็นชอบแผนปฏิบตั ิการ

รัฐมนตรี เกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs

ส่ งเสริ ม SMEs

- อนุมตั ิการดําเนินงานของ สสว.

43

ประเด็นอํานาจหน้าที

คณะกรรมการส่ งเสริ ม

คณะกรรมการบริ หารสํานักงาน

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและ

(คณะกรรมการ)

ขนาดย่อม (คณะกรรมการบริ หาร)

กฎหมาย อนุ บญั ญัติและ

- เสนอให้มีกฎหมาย หรื อให้แก้ไข

- ออกข้อบังคับเกี ยวกับการบัญชีและ

มาตรการต่างๆ

เพิ มเติมปรับปรุ งกฎหมายเกี ยวกับ

การเงิน การบริ หารงานบุคคล

การส่ งเสริ ม SMEs

สวัสดิการและสิ ทธิประโยชน์ต่างๆ

- กําหนดมาตรการเพือความร่ วมมือ

ของ สสว.

กับส่ วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนทังในและ ต่างประเทศ และองค์กรระหว่าง ประเทศ ในการส่ งเสริ ม SMEs เงินทุนสนับสนุน SMEs

- เสนอแนะมาตรการด้านการเงิน

- วางระเบียบเกียวกับการกู้ยมื เงิน

การคลัง ภาษีอากร หรื อด้านอืนๆ

และการให้กู้ยมื เงิน การลงทุน

เพือส่ งเสริ ม SMEs ต่อส่ วนราชการ

การให้ความช่วยเหลือจากเงิน

หน่วยงานของรัฐ หรื อรัฐวิสาหกิจ

กองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อเข้าร่ วม

- ให้ความเห็นชอบวงเงินการกูย้ ืม ให้ กิจการ หรื อถือหุน้ การบริ หารจัดการ กูย้ ืม การลงทุน การช่วยเหลือจาก

กองทุนส่ งเสริ ม SMEs ซึ งรวมถึง

เงินกองทุนส่ งเสริ ม SMEs ทีเกินกว่าที กําหนดวงเงินดังกล่าวไว้ในระเบียบ คณะกรรมการบริ หารกําหนด - มีมติให้ความเห็นชอบเกี ยวกับ

- กําหนดนโยบายและควบคุมดูแล

นโยบายการบริ หารกองทุนส่ งเสริ ม

การบริ หารกองทุนของ สสว.

SMEs

รวมถึงพิจารณาจัดสรรเงินกองทุน

ทังนี จะเห็ น ได้ว่า ทังสองคณะกรรมการมี อ ํา นาจหน้ า ที ในการมี มติ เกี ยวกับนโยบาย การบริ หารกองทุนส่ งเสริ ม SMEs จึงจําเป็ นต้องมีหลักเกณฑ์การอนุมตั ิใช้จา่ ยเงินกองทุนทีเหมาะสมทันต่อ สถานการณ์ และชัดเจนว่าคณะกรรมการใดจะมีขอบเขตการวางนโยบายได้มากน้อยเพียงใด โดยทีนโยบาย ทังหมดจะต้อ งผ่ า นความเห็ น ชอบของคณะกรรมการส่ ง เสริ ม SMEs ซึ งอาจให้ ค วามเห็ น ชอบไว้เป็ น การจัดทําอนุบญั ญัติภายในองค์กร หรื อให้ความเห็นชอบเป็ นรายกรณี ก็ได้

44 ในการบริ หารงานภายในองค์กรของ สสว. ซึ งมีผอู้ าํ นวยการเป็ นผูบ้ งั คับบัญ ชาสู งสุ ด ได้ จัดรู ปแบบโครงสร้ างองค์กรแบ่งเป็ น 4 กลุ่มหลัก ซึ งแต่ละกลุ่มมี รองผูอ้ าํ นวยการ สสว. เป็ นผูบ้ งั คับบัญชา สู งสุ ดของกลุ่ม คือ7 - กลุ่ มยุทธศาสตร์ เป็ นผู้ปฏิ บตั ิ งานด้านข้อ มูล สถิติ วิจยั การจัดทํา แผนและนโยบายทัง ภายในประเทศและระหว่างประเทศ และติดตามประเมินผลโครงการต่างๆ ของ สสว. - กลุ่มเครื อข่ายความร่ วมมือ เป็ นผูป้ ฏิบตั ิงานประสานความร่ วมมือทังภายในประเทศและ ระหว่างประเทศ รวมถึงให้คาํ ปรึ กษาและให้บริ การข้อมูลต่างๆ แก่ผูป้ ระกอบการ SMEs - กลุ่มความช่ วยเหลือสนับสนุ น เป็ นผูป้ ฏิ บตั ิงานเกี ยวกับการสนับสนุน ด้านการเงิน ให้แ ก่ SMEs - กลุ่ มบริ หารจัดการ เป็ นผู ้ปฏิ บตั ิ งานเกี ยวกับการบริ หารภายใน สสว. ทังด้านการบัญ ชี พัสดุจดั ซือจัดจ้าง การบริ หารทรัพยากรบุคคล และกฎหมาย ทังนี สามารถสรุ ปผังโครงสร้ างการบริ หารงานภายใน สสว. ได้ดงั ตารางต่อไปนี

7

สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, โครงสร้ างองค์ กร .

45 ตารางผังโครงสร้ างการบริ หารงานภายในของ สสว.

แหล่งทีมา : โครงสร้างองค์กร

3.1.3 วัตถุประสงค์และอํานาจหน้าที จากหลักการสําคัญในกฎหมายทีให้อาํ นาจจัดตัง สสว. นํามาซึ งการกําหนดวัตถุประสงค์และอํานาจ หน้าทีของ สสว. ตามหมวด 2 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ซึงได้บญั ญัติไว้เป็ นสาระสําคัญ สรุ ปได้ดงั นี8

8

มาตรา 16 และมาตรา 17 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

46 1) กําหนดหลักเกณฑ์เกี ยวกับการกําหนดประเภทและขนาด SMEs เพือให้สอดคล้องกับ สภาพเศรษฐกิ จและสังคม 2) กําหนดประเภทและขนาดของ SMEs ที สมควรได้รับ การส่ งเสริ ม รวมทังเสนอแนะ นโยบายและแผนการส่ งเสริ ม SMEs 3) ประสานและจัดทําแผนปฏิ บัติการส่ งเสริ ม SMEs กับส่ วนราชการ หน่ วยงานของรั ฐ รัฐวิสาหกิจ หรื อองค์การเอกชนทีเกียวข้อง 4) ศึกษาและจัดทํารายงานสถานการณ์ SMEs ของประเทศ 5) เสนอแนะต่ อ คณะกรรมการส่ ง เสริ มวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่ อ มเกี ยวกั บ การปรั บ ปรุ ง พระราชบัญ ญัติ นี ตลอดจนการดําเนิ น การให้ มีก ฎหมายใหม่ การแก้ ไ ขเพิ มเติ ม หรื อ การปรับปรุ งกฎหมายเกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs 6) บริ หารกองทุนตามนโยบายและมติของคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม 7) ดํา เนิ น งานธุ รการของคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม คณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะอนุ กรรมการ ซึ ง คณะกรรมการหรื อคณะกรรมการบริ หารแต่งตัง 8) ปฏิ บตั ิงานอืนใดตามทีกฎหมายกําหนดให้เป็ นอํานาจหน้า ที ของสํานักงาน หรื อ ตามที คณะกรรมการหรื อคณะกรรมการบริ หารมอบหมาย 9) จัดให้ได้มา ถือกรรมสิ ทธิ มีสิทธิ ค รอบครองหรื อมีทรัพยสิ ทธิ ต่างๆ เช่า ให้เช่า เช่ า ซื อ ให้ เช่ า ซื อ โอนหรื อ รั บ โอนสิ ท ธิ ก ารเช่ า หรื อ สิ ท ธิ ก ารเช่ า ซื อ ขายหรื อจํา หน่ า ยโดยวิธี อื นใด ซึ ง สังหาริ มทรัพย์หรื ออสังหาริ มทรัพย์ ตลอดจนรับทรัพย์สินทีมีผอู ้ ุทิศให้ 10) กูย้ ืมเงิน หรื อ ให้กู้ยมื เงิ นโดยมี หลักประกันด้วยบุคคลหรื อทรัพย์สินหรื อลงทุน เพือ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs ให้มีประสิ ทธิ ภาพเพิ มขึนโดยรวม 11) ให้ความอุดหนุ นช่วยเหลือหรื อส่ งเสริ ม SMEs

47 12) ร่ วมมือกับส่ วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรื อองค์การเอกชน ทังในและ ต่างประเทศ เพือประโยชน์ในการส่ งเสริ ม SMEs 3.1.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ ในปี พ.ศ. 2550 – 2552 รัฐได้จดั สรรงบประมาณในการส่ งเสริ ม SMEs ให้ในจํานวนทีลดลงอย่าง ต่อ เนื อง ได้แ ก่ จํานวน 4,469,710,000 บาท ในปี พ.ศ. 2550 จํานวน 3,154,190,000 บาท ในปี พ.ศ. 2551 และ 2,239,810,000 บาท ในปี พ.ศ. 2552 โดยเฉพาะอย่างยิ ง SMEs ในภาคการค้าได้รับงบประมาณส่ งเสริ ม น้อ ย9 และยังคงจัดสรรงบประมาณลดลงอี ก ในปี พ.ศ. 2554 เหลื อ เพี ยง 940,760,600 บาท 10 ต่ อ มาใน ปี งบประมาณพ.ศ. 2555 รั ฐก็ได้จดั สรรงบประมาณให้เป็ นจํานวนทีใกล้เคี ยงกับปี งบประมาณ พ.ศ. 2552 คือ 2,265,539,700 บาท11 ทังนี งบประมาณดังกล่าวจําแนกได้เป็ นสองประเภท ได้แก่ เงินงบประมาณ และ เงินคงเหลือจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม สําหรับแผนดําเนินเงินของ สสว. ประจําปี งบประมาณ พ.ศ. รวมในปี พ.ศ.

ทังสิ น ,

,

,

ได้ระบุไว้วา่ สสว. มีงบประมาณ

บาท ซึ งเป็ นเงินทีได้มาจากเงินงบประมาณ

และเงินคงเหลือจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม จํานวน

, ,

,

,

บาท

บาท โดยเงิ น

งบประมาณเหล่านีจะได้จดั สรรเพือการใช้จา่ ย ประเภท คือ12 1. . ใช้ในภารกิจพืนฐานของ สสว. จํานวน

, ,

บาท

1. . ใช้ในการผลักดัน ส่ งเสริ ม สนับสนุนการดําเนิ นงานตามแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs จํานวน

, ,

บาท 1.4.3 ใช้ในโครงการชดเชยดอกเบียให้กบั โครงการ SMEs Power เพือวันใหม่ แก่ ธนาคาร

พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย จํานวน

, ,

บาท

9

แผนการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม ฉบับที 3 (พ.ศ. 2555 – 2559 , 2-4. 10

งบประมาณรายจ่ ายประจําปี งบประมาณ พ.ศ. 2554, . 11

ข้อมูลการบริ หารงบประมาณ ปี 2555, .

12

ข้อมูลการบริ หารงบประมาณปี 2556, .

/N -

48 1. . ใช้พฒั นาผู ้ประกอบการด้านศิ ล ปหัตถกรรมและผลิตภัณ ฑ์ชุ มชน จํานวน

,

บาท ทังนี จะเห็นได้วา่ งบประมาณที สสว. จะต้องช่วยบริ หารจัดการมาจากเงินกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อมเป็ นจํานวนมากในแต่ละปี และในหมวด แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่ อ ม พ.ศ. 2543 ได้บ ัญ ญั ติ ไ ว้เ ป็ นสาระสํ า คัญ ถึ ง กองทุ น ซึ งเป็ นกองทุ น ที มี วัตถุประสงค์ในการใช้จ่ายเพือกิจการต่างๆ ดังนี 13 ( ) ให้ SMEs หรื อกลุ่ม SMEs กู้ยืมสํ าหรับดําเนินการก่อ ตัง ปรับปรุ ง และพัฒนากิ จการ ของตนหรื อกลุ่มตน ให้มีประสิ ทธิ ภาพและเพิ มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทังนี คณะกรรมการบริ หาร สํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม จะเป็ นผู ้ก ําหนดระยะเวลาชําระคื น อัตราดอกเบี ย และหลักประกัน สําหรับเงินกูย้ ืมดังกล่าวด้วย ( ) ช่ วยเหลื อ ส่ วนราชการ หน่ วยงานของรั ฐ รั ฐ วิส าหกิ จ หรื อ องค์ก ารเอกชน เพื อ นําไปใช้ดาํ เนิ นงานตามแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( ) ช่ วยเหลื อ อุด หนุ น การดําเนิ น การ การร่ วมกิ จการ ร่ วมทุ น หรื อ ลงทุ น ที เกี ยวกับ การก่ อตัง การขยายกิ จการ การวิจยั พัฒ นา และการส่ งเสริ ม SMEs ให้มีประสิ ทธิ ภ าพเพิ มขึนโดยรวม ทังนี ตามที คณะกรรมการบริ ห ารสํ า นัก งานส่ ง เสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มกํ า หนดโดย ความเห็นชอบของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ( ) เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน 3.1.5 รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs และการดําเนินการทีประสบผลสําเร็ จ (1) การให้ความช่วยเหลือจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในส่ วนของการช่ วยเหลือจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนี ปั จจุบนั ได้มีการออกกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการให้ความช่วยเหลือ การส่ งเสริ ม หรื อ การสนับสนุ น และคุณสมบัติของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การ เอกชนทีมีสิทธิ ข อความช่ วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อ สนับสนุ น จากกองทุ น ส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและ

13

มาตรา

และมาตรา

แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543.

49 ขนาดย่อม พ.ศ. 2556 ซึ งกําหนดหลักเกณฑ์ไว้ถึงการให้ความช่ วยเหลือด้านการเงินแก่ SMEs ทีขึนทะเบียน ไว้ก ับ สสว. หรื อกลุ่ม SMEs ทีมี วตั ถุประสงค์ ระเบี ยบข้อ บังคับ โครงสร้าง และกรรมการบริ หารชัดเจน และดําเนิ น การมาแล้วไม่ น้อ ยกว่า 1 ปี ก่ อนยืนขอรั บการช่วยเหลือ หรื อ องค์ การเอกชนที จัดตังขึนเพื อ ส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs และจัดตังมาไม่นอ้ ยกว่า 1 ปี ก่อนยืนขอรับการช่วยเหลือ14 โดยจะต้องเป็ นการให้ เงินช่วยเหลือในขอบเขตดังต่อไปนี15 1) การให้กยู้ ืมเงินสําหรับดําเนินการก่อ ตัง ปรั บปรุ ง และพัฒนากิจการของ SMEs หรื อกลุ่ม SMEs ให้มีประสิ ทธิ ภาพ และขีดความสามารถเพิมขึน 2) การให้ เงิ น ช่ วยเหลื อ อุ ด หนุ น เพื อนํา ไปใช้ ด ําเนิ น งานตามแผนปฏิ บ ัติ ก าร ส่ งเสริ ม SMEs 3) การให้เงินช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนใดที เกี ยวกับการก่ อ ตัง การขยายกิ จการ การวิจยั การพัฒนาและการส่ งเสริ ม SMEs ให้มีประสิ ทธิ ภ าพเพิ มขึน โดยรวม 4) การให้ความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุนรู ปแบบอืน โดยทีการให้ความช่วยเหลือยังต้องคํานึงถึงรายละเอียดดังต่อไปนีด้วย16 1) ความเป็ นไปได้และความจําเป็ นของแผนการดําเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงิน ทีต้องสอดคล้องกับแผนปฏิ บตั ิการส่ งเสริ ม SMEs 2) สถานะการเงิน การลงทุน และเงินทุนหมุนเวียน 14

ข้อ 3 แห่ งกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการให้ความช่วยเหลือ การส่ งเสริ ม หรื อการสนับสนุน และคุณสมบัติของวิสาหกิจ

ขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การเอกชนทีมีสิทธิขอความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุน จากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2556. 15

ข้อ 8 แห่ งกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการให้ค วามช่วยเหลือ การส่ งเสริ ม หรื อการสนับสนุ น และคุณสมบัติของวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การเอกชนทีมีสิทธิขอความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุน จากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2556. 16

ข้อ 7 แห่ งกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการให้ค วามช่วยเหลือ การส่ งเสริ ม หรื อการสนับสนุ น และคุณสมบัติของวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การเอกชนทีมีสิทธิขอความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุน จากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2556.

50 3) ความเป็ นธุรกิจทีก่อให้เกิดการจ้างงาน หรื อรายได้ หรื อก่อให้เกิดความเชือมโยง ระหว่างธุ รกิจ หรื อประโยชน์อืน 4) การดํา เนิ น ธุ ร กิ จตามระบบธรรมาภิบาล ที มี ค วามรั บ ผิ ดชอบต่ อ สั งคม และ ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ งแวดล้อม ทังนี สสว. จะทําหน้าทีตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของเอกสารหลักฐานขอรับ การช่ วยเหลือ และจัดทําความเห็นเกี ยวกับการให้ความช่วยเหลือ17 เพือเสนอให้คณะกรรมการบริ หารเป็ น ผูพ้ ิจารณาอนุมตั ิ โดยหากไม่อนุมตั ิกรณี ใด ก็จะมีการดําเนินการขออุทธรณ์คาํ ขอรับการช่วยเหลือได้ต่อไป18 และหากมีการให้เงินช่วยเหลือดังกล่าว ก็จะมีการทําความตกลงหรื อสัญญาไว้เป็ นหนังสื อระหว่าง สสว. กับ ผูร้ ับความช่ วยเหลือ19 (2) การดําเนินการตามแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs เนืองจากการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทย ได้มีก ารตราพระราชบัญญัติ ไว้เป็ นกฎหมายเฉพาะทีให้อาํ นาจหน้าทีแก่ สสว. เป็ นผูด้ าํ เนินการอย่างชัดเจนแล้ว โดยดําเนินการในส่ วน ของการจัดทําแผนปฏิ บตั ิก ารส่ งเสริ ม SMEs ร่ วมกับ ส่ วนราชการ หน่ วยงานของรั ฐ รั ฐวิส าหกิ จ หรื อ องค์การเอกชนทีเกียวข้อง ซึ งแสดงให้เห็นว่า เพือให้เกิ ดการดําเนินการทีประสบผลสําเร็ จอํานาจหน้าทีของ สสว. ยังต้องเป็ นไปเพือสนับสนุนการดําเนิ นการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ตามกฎหมายและนโยบาย หรื อมาตรการของหน่วยงานภาครัฐอืนๆ ด้วย ดังนี (2. ) กฎหมายทีจัดตังองค์กรภาครัฐอืนๆ ซึ งมีบทบาทส่ งเสริ ม SMEs

17

ข้อ 5 แห่ งกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการให้ค วามช่ วยเหลือ การส่ งเสริ ม หรื อการสนับสนุ น และคุณ สมบัติของวิส าหกิจ

ขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การเอกชนทีมีสิ ทธิข อความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุ น จากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2556. 18

ข้อ 6 แห่ งกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการให้ค วามช่ วยเหลือ การส่ งเสริ ม หรื อการสนับสนุ น และคุณ สมบัติของวิส าหกิจ

ขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การเอกชนทีมีสิ ทธิข อความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุ น จากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2556. 19

ข้อ 10 แห่ งกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการให้ความช่ วยเหลือ การส่ งเสริ ม หรื อการสนับสนุ น และคุณ สมบัติข องวิสาหกิจ

ขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การเอกชนทีมีสิ ทธิข อความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุ น จากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2556.

51 เนื องจาก สสว. เป็ นหน่ วยงานหลัก ช่ วยส่ ง เสริ ม SMEs โดยเป็ นศู น ย์ก ลางใน การประสานงานกับองค์กรอืนๆ ที เกียวข้องกับการสนับสนุน SMEs การที สสว. จะดําเนิ นงานให้ประสบ ผลสํ าเร็ จได้ จึงต้อ งอาศัยความร่ วมมือ จากทุก ภาคส่ วนที เกี ยวข้อ ง โดยศึ ก ษาความเกี ยวข้อ งดังกล่าวได้ จากฎหมายที ให้ อ ํา นาจจัดตังองค์ ก รภาครั ฐ อื นๆ ซึ งเป็ นองค์ ก รที มี บทบาทสํ าคัญ ต่ อ การส่ งเสริ มและ สนับสนุน SMEs สรุ ปได้ดงั นี 1) พระราชบัญญัติส่งเสริ มการลงทุน พ.ศ.

และทีแก้ไขเพิ มเติม

ภายใต้แนวความคิ ดทีสํ าคัญว่ารัฐจําเป็ นต้อ งให้เอกชนเป็ นผูล้ งทุน แทน ในขณะทีรั ฐ จะสนับสนุนช่ วยเหลื อพร้ อมทังให้หลักประกันสําหรั บนักลงทุนต่างชาติ วา่ จะมี ผลกําไรกลับ ประเทศของตนได้ จึงได้มีก ารจัดตังคณะกรรมการส่ งเสริ ม การลงทุ นขึ นตามพระราชบัญญัติ ส่งเสริ ม การลงทุน พ.ศ.

เพือให้มีอาํ นาจหน้าทีในการพิจารณาประกาศกําหนดประเภทและขนาดของกิจการที

สมควรได้รับการส่ งเสริ ม เนืองจากกิ จการเหล่านันยังไม่มี หรื อมีไม่เพียงพอในประเทศไทย หรื อกรรมวิธี การผลิตยังขาดความทันสมัย รวมถึงกําหนดเงือนไขการส่ งเสริ มการลงทุนด้วย20 นอกจากนี คณะกรรมการยัง พิ จารณาให้ ก ารสนั บ สนุ น โครงการ การลงทุนที มีมาตรการทีเหมาะสมในการควบคุมผลกระทบทางลบต่อคุ ณภาพสิ งแวดล้อม เพือประโยชน์ ในการดํารงชี พของประชาชน ตลอดจนเพือความสมบูรณ์ ของมวลมนุ ษยชาติและธรรมชาติอย่างยังยืน21 และจากอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการดังกล่าว ได้มีการประกาศหลักเกณฑ์การส่ ง เสริ มการลงทุนของ SMEs22 ขึนเป็ นการเฉพาะในปี พ.ศ. 2553 และพ้นกําหนดระยะเวลายืนคําขอรับการส่ งเสริ มไปแล้วในปี พ.ศ. 2554 อย่างไรก็ตาม ธุ รกิ จทียืนคําขอรับการส่ งเสริ มและมีคุณสมบัติตามประกาศยังคงได้รับการยกเว้น อากรขาเข้าเครื องจัก ร และยกเว้นภาษี เงิ นได้นิติบุค คลเป็ นระยะเวลา ปี อีก ทังยังคงมีประกาศกําหนด คุณ สมบัติของธุ รกิ จแต่ ละประเภทที รั ฐจะส่ งเสริ มการลงทุน ซึ งรวมไปถึ ง SMEs ด้วย เช่ น การส่ ง เสริ ม การลงทุนเพือการพัฒนาทียังยืน23 เป็ นต้น

20

มาตรา 16 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มการลงทุน พ.ศ. 2520.

21

มาตรา 19 แห่งพระราชบัญ ญัติส่งเสริ มการลงทุน พ.ศ. 2520.

22

ข้อ . , . และ . ของประกาศคณะกรรมการส่ งเสริมการลงทุนที / ขนาดย่อม (SMEs) ลงวันที มกราคม พ.ศ. . 23

เรื อง นโยบายส่ งเสริ มการลงทุน แก่วิสาหกิจขนาดกลางและ

ประกาศคณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุนที 2/2553 เรื อง การส่ งเสริ มการลงทุนเพือการพัฒนาทียังยืน ลงวันที 13 เมษายน พ.ศ. 2553.

52 โดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญ ญัติส่งเสริ มการลงทุนนี ได้มีการจัดตัง สํานักงานคณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุน (Board of Investment : BOI) ขึนเป็ นหน่วยงานของรัฐเทียบเท่า กรมในสังกัดกระทรวงอุตสาหกรรม ขึนตรงต่อนายกรั ฐมนตรี 24 และปั จจุบนั ได้มีการจัดตังสํานัก งานใน ต่างประเทศ จํานวน 13 แห่ง ได้แก่ นิวยอร์ ค แฟรงค์เฟิ ร์ต โตเกียว ปารี ส ลอสแอนเจลีส สต็อกโฮล์ม ซิ ดนีย์ เซี ยงไฮ้ ปั ก กิ ง กวางโจว ไทเป โซล และโอซากา ซึ งมี อาํ นาจหน้าที ในการเผยแพร่ ก ารลงทุน และสิ ทธิ ประโยชน์ต่างๆ ทีเกี ยวข้อง ในลักษณะการทําการตลาดให้กบั ประเทศไทย ตลอดจนอํานวยความสะดวก สําหรับการเข้ามาจัดตังและดําเนินธุรกิจของชาวต่างชาติ นอกจากนี เพือให้การจัดตังธุ รกิ จมีสะดวกรวดเร็ ว และมี หน่ วยงานศู นย์กลางช่ วยให้ข ้อ มู ล เกี ยวกับการจัดตังธุ รกิ จ รัฐ บาลจึง ได้มอบหมายให้สํ านัก งาน คณะกรรมการส่ ง เสริ มการลงทุนเป็ นผูป้ ระสานดําเนิ นการนํา หน่ วยงานทีเกี ยวข้องด้านการลงทุนมาอยู่ที เดียวกัน สํานักงานจึงได้จดั ตังศูนย์ประสานการบริ การด้านการลงทุนขึน อีกทังยังมีสํานักงานสาขาภูมิภาค ต่างๆ ในประเทศไทย จํานวน 7 แห่ ง ด้วยกัน 25 ทังนี สํ านัก งานดังกล่าวย่ อ มต้องดํา เนิ น การตามหน้า ที ข้างต้นเพือประโยชน์ของ SMEs ด้วย อย่ างไรก็ ต ามอํา นาจหน้ า ที ขององค์ ก รตามพระราชบัญ ญัติ ส่ ง เสริ ม การลงทุ นนี ไม่ ได้เป็ นไปเพือประโยชน์ข อง SMEs เป็ นการเฉพาะ โดยที การส่ งเสริ ม การลงทุนสําหรั บ ธุรกิจหนึง ก็อาจทําให้อีกธุ รกิ จหนึงทีไม่ได้รับการส่ งเสริ มเสี ยเปรี ยบทางการแข่งขันได้ ดังนัน การประสาน ความร่ วมมือ กับ องค์ กรที มีอ าํ นาจหน้าที พิจารณาหลักเกณฑ์ก ารส่ งเสริ มการลงทุน ของธุ รกิ จโดยทัวไป ดังเช่ นองค์กรนี จึงต้องคํานึงถึงการส่ งเสริ มศักยภาพทางการแข่งขันของ SMEs ด้วยเป็ นสําคัญ 2) พระราชบัญญัติธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าแห่ งประเทศไทย พ.ศ. 2536 เนืองจากปั จจุบนั การค้าระหว่างประเทศมีความสําคัญต่อการเจริ ญเติบโต ทางเศรษฐกิ จของประเทศและมีการแข่งขันกันสู งมาก จึงต้องมีการตราพระราชบัญญัติจดั ตังธนาคารเพือ การส่ ง ออกและนํ า เข้า แห่ ง ประเทศไทย (ธสน.) ขึ นเป็ นองค์ ก รของรั ฐ ภายใต้ ก ารกํ ากั บ ดู แ ลของ กระทรวงการคลัง โดยมีอาํ นาจหน้าทีทางด้านการทําธุ รกรรมทุกประเภททีธนาคารพาณิ ชย์สามารถกระทํา ได้ เว้น แต่ ก รณี ก ารรั บฝากเงิ นจากประชาชนทัวไป โดยที ได้ช่ วยสนับ สนุ น เงิน ทุ น ให้แ ก่ น ัก ลงทุน ใน 24 25

มาตรา 13 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มการลงทุน พ.ศ. 2520.

สํานักงานคณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุน , ภารกิ จ เข้าถึงข้อมูลเมือวันที 19 มิถนุ ายน พ.ศ. 2556.

53 ประเทศทีประกอบกิ จการเกี ยวเนื องกับการส่ งออกและการลดการสู ญเสี ย หรื อสนับสนุ น ให้ได้เงิน ตรา ต่างประเทศ เช่น การให้สินเชือระยะสัน หรื อระยะยาว ทังในประเทศและต่างประเทศ26 ในพระราชบัญญัติธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าแห่งประเทศไทย ที ใช้บงั คับอยู่ในปั จจุบนั ได้กาํ หนดให้มีคณะกรรมการธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าแห่ งประเทศไทย ประกอบด้ วย ผู้อ าํ นวยการสํ า นัก งานเศรษฐกิ จการคลัง อธิ บ ดี ก รมการค้าต่ า งประเทศ ผู ้อ าํ นวยการ สํานักงานเศรษฐกิ จอุ ตสาหกรรม เลขาธิ การสํานักงานเศรษฐกิ จการเกษตร อธิ บดีกรมเศรษฐกิ จระหว่าง ประเทศ รองผู ้ว่า การธนาคารแห่ งประเทศไทย คน ซึ งผู ้ว่า การธนาคารแห่ งประเทศไทยมอบหมาย ผูจ้ ดั การธนาคารเพื อการส่ งออกและนําเข้าแห่ ง ประเทศไทย และกรรมการอืนๆ ไม่เกิ น คน ซึ งเป็ น ผูท้ รงคุณวุฒิจากภาคเอกชนอย่างน้อย คน ทีรัฐมนตรี แต่งตังโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี โดยที คณะกรรมการนีมีอาํ นาจหน้าทีกําหนดคุณสมบัติ ประเภทสิ นค้า บริ การ และลักษณะการประกอบการของ ผูส้ ่ งออก ผูซ้ ือ และผูล้ งทุนทีสมควรได้รับการสนับสนุน27 การให้บริ การของธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าตามพระราชบัญญัติ นี ย่อมรวมถึ งการส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs ในทางด้านการค้าระหว่างประเทศด้วย ซึ งเป็ นสิ งทีจําเป็ นยิ ง สําหรั บสถานการณ์ ปัจจุบนั ทีเศรษฐกิ จของประเทศไทยต้อ งอาศัยปั จจัยการพัฒ นาธุ รกิ จการค้าระหว่าง ประเทศเป็ นสํ าคัญ โดยที สสว. เองก็ จาํ เป็ นต้อ งประสานความร่ วมมื อ เพื อตอบสนองการแข่ งขัน ใน ตลาดโลก และการเตรี ยมความพร้อมเข้าสู่ AEC อย่างเต็มรู ปแบบในปี พ.ศ. 2558 สําหรับผลประโยชน์ทาง ธุรกิจของ SMEs ทังหลายด้วย 3) พระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ง ประเทศไทย พ.ศ. 2545 ในปี พ.ศ. 2507 สภาพัฒนาการเศรษฐกิ จและสั งคมแห่ งชาติ ได้เสนอ โครงการเงินกู้เพือส่ ง เสริ มอุตสาหกรรมขนาดย่อมต่อคณะรั ฐมนตรี ทําให้มีก ารจัด ตังสํานัก งานเงินกู้เพือ ส่ งเสริ มอุ ตสาหกรรมขนาดย่ อมขึ นในสั ง กัด ของกระทรวงอุ ต สาหกรรม และต่ อ มาได้เปลี ยนชื อเป็ น สํานักงานธนกิจอุตสาหกรรมขนาดย่อม อย่างไรก็ตาม การดําเนินงานของสํานักงานดังกล่าวมีขอ้ จํากัดด้าน การจัด หาแหล่ งเงิ น ทุน เนื องจากสถานะองค์กรเป็ นหน่ วยงานราชการจึงต้อ งอาศัยงบประมาณแผ่ นดิ น 26

ธนาคารเพือการส่ง ออกและนําเข้าแห่ งประเทศไทย, ประวัติธนาคาร.

27

มาตรา

และมาตรา

( ) แห่ งพระราชบัญญัติธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าแห่ งประเทศไทย พ.ศ. 2536.

54 เพือให้สิ นเชื อแก่ SMEs ประกอบกับการขาดความคล่อ งตัวในการบริ หารจัดการ ดังนัน จึงได้มีก ารตรา พระราชบัญญัติขึนเพือเปลี ยนให้สํานักงานธนกิ จอุตสาหกรรมเป็ นบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม (บอย.) แทน ซึ งบรรษัท นี จะมี ค วามคล่ อ งตัวในการระดมทุ น และกู้ เงิ น ทังจากภายในประเทศและ ต่างประเทศ28 จนกระทั ง พ.ศ. 2545 ก็ ได้มีการปรั บสถานภาพของ บอย. เป็ น ธนาคาร พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยอาศัยอํานาจตามพระราชบัญญัติธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อ ม พ.ศ. 2545 เพือให้เป็ นองค์กรธุ รกิ จธนาคารเฉพาะกิ จทีอยู่ในการกํากับดูแ ลของทัง กระทรวงการคลังและกระทรวงอุ ต สาหกรรม โดยมี ห น้า ที เพื อส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs ทังในด้ า น การจัดตัง การพัฒนา การดําเนินการ การขยาย หรื อปรับปรุ ง SMEs สรุ ปได้ ดังนี29 ก. การให้สินเชือโดยเฉพาะอย่างยิงในกลุ่มทีได้รับผลกระทบจาก วิกฤตการณ์ต่างๆ และเป็ นไปตามนโยบายเร่ งด่วนของรัฐบาล ข. การช่ วยเหลื อ คําประกัน โดยการรั บ รองเครดิ ต ให้ก ับ บาง ประเภทกิ จการ หรื อ รับอาวัลตัวสัญ ญาใช้เงิ น หรื อ รับรองตัวแลกเงิน โดยมี ก าํ หนดระยะเวลาตามความ จําเป็ นและความเหมาะสมของลูกค้าธนาคาร ค. การร่ วมลงทุนซึ งธนาคารจะไม่ร่วมทุนกับกิจการทีก่ อปั ญหา ต่อสิ งแวดล้อม ละเมิดทรัพย์สินทางปั ญญา ขัดศี ลธรรม เป็ นภัย ต่อสังคม ไม่โปร่ งใส หรื อประสบปั ญหา ภาวะล้นตลาดอย่างรุ นแรง ง. การให้ ค ําปรึ ก ษาแนะนําต่ า งๆ ที เกี ยวข้ อ งโดยเป็ นการให้ คําปรึ กษาแนะนําเฉพาะด้านเบืองต้นสําหรับวิสาหกิจทีเป็ นลูกค้าธนาคาร หรื อสถานประกอบการ SMEs ที ประสงค์จะใช้บริ การของธนาคารนี และมีการให้บริ การวินิจฉัยสถานประกอบการเปรี ยบได้กบั การตรวจ สุ ขภาพสถานประกอบการ เพือนําข้อมูลไปประกอบการตัดสิ นใจในการพัฒนาธุ รกิจ

28 29

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, ความเป็ นมา .

สถาบันวิจยั นโยบายเศรษฐกิจการคลัง, บทบาทของกรมสรรพากรต่ อการพัฒนาทียังยืนของวิ สาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม (SMEs), หน้า - .

55 เหล่านี แสดงให้เห็นว่า ธนาคารพัฒนาวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม เป็ นองค์กรทีมีวตั ถุประสงค์ในการสนับสนุน SMEs ให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันสู งขึนโดยตรง ซึ ง ไม่เพียงแต่ เป็ นองค์กรทีช่วยสนับสนุ นเงินลงทุนสําหรั บ SMEs เป็ น การเฉพาะเท่านัน แต่ ยงั ได้ให้บริ การ เสมือนเป็ นผูเ้ ชียวชาญแสดงความคิ ดเห็นให้ SMEs ได้ใช้ประกอบการตัดสิ นใจอีกด้วย ทังนี เพือให้บรรลุ วัต ถุ ป ระสงค์ก ารจัดตัง ผลลัพ ธ์ ข องการดํา เนิ น งานจํา เป็ นต้ องเอือต่ อ SMEs อย่ า งกว้า งขวาง แต่ใ น ขณะเดียวกัน การให้สินเชื อของธนาคารนี ก็เป็ นไปตามนโยบายเร่ งด่วนของรัฐบาลด้วย ซึ งอาจก่ อให้เกิ ด หนี เสี ยในอนาคตจนไม่ สามารถช่ วยส่ งเสริ มขี ดความสามารถของ SMEs ได้อย่างเต็มที หาก สสว. จะมี แผนปฏิ บตั ิการทีเกี ยวข้องกับหน่ วยงานนี ในฐานะทีเป็ นธนาคารผูใ้ ห้ทุน ช่ วยเหลื อ SMEs ก็ควรร่ วมช่ วย ประสานงานการวางหลักเกณฑ์การให้สินเชื อกรณี ทีเป็ นนโยบายเร่ งด่วนของรัฐบาลอย่างรัดกุมเพือแก้ไข ปั ญหาวิกฤตการณ์ตามความเหมาะสม ) พระราชบัญ ญัติบรรษัทประกัน สิ นเชื ออุตสาหกรรมขนาดย่อ ม พ.ศ.

เป็ นกฎหมายที ตราขึนเพื อโอนกิ จการและการดําเนิ น งานของกองทุ น ประกันสิ นเชืออุตสาหกรรมขนาดย่อม มาจัดตังเป็ นบรรษัทประกันสิ นเชืออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที มีวตั ถุประสงค์เพือช่วยเหลืออุตสาหกรรมขนาดย่อม ให้ได้รับสิ นเชือจากสถาบันการเงิน โดยทําให้สถาบัน การเงินมันใจในการให้สินเชื อ อีกทังยังเร่ งกระจายสิ นเชือไปยังภาคอุตสาหกรรมขนาดย่อมทัวประเทศได้ อย่างรวดเร็ วมากขึน จนทําให้ การพัฒ นาอุตสาหกรรมขนาดย่ อ มเป็ นไปโดยสอดคล้อ งกับแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ30 จากเดิ ม บสย. มี ทุน จดทะเบี ยนเริ มต้น เพี ยง

ล้านบาท ซึ งในเวลา

ต่อ มารั ฐ บาลโดยกระทรวงการคลังได้เพิ มทุน ให้ บสย. ประกอบกับ บสย. ได้เรี ยกให้ผูถ้ ื อ หุ ้นที ได้แสดง ความประสงค์ซือหุ ้นเพิ มมาชําระเงิ นค่ าหุ ้นบางส่ วน จึงทําให้มีทุนจดทะเบี ยนในปี

ถึง , . ล้าน

บาท31 โดยทีการเพิ มทุ นจดทะเบียนเหล่ านี ก็ เป็ นไปเนื องจาก บสย. เป็ นองค์กรที ไม่ แ สวงหากําไร จึง จําเป็ นต้อ งเพิ มเม็ดเงินเพือให้ บสย. ได้ทาํ หน้าที ช่ วยเหลือวิสาหกิ จขนาดย่อมที ขาดหลักทรั พย์ค าํ ประกัน 30

มาตรา 11 และมาตรา 27 แห่ งพระราชบัญ ญัติบรรษัทประกันสิ นเชืออุตสาหกรรมขนาดย่อม พ.ศ.

31

บรรษัทประกันสิ นเชืออุตสาหกรรมขนาดย่อม, ความเป็ นมา

< http://www.tcg.or.th/main/index.php?option=com_content&view=article&id=124&Itemid=100>

.

56 สําหรับขอกูย้ ืมเงิ นจากสถาบัน การเงินต่างๆ ได้รับการประกันสิ นเชื อจนทําให้สถาบันการเงินอนุ มตั ิวงเงิ น ให้เพียงพอต่อความต้องการในการดําเนินกิจการ32 ช่ วงก่ อนปี พ.ศ. 2547 บสย. ต้อ งเผชิ ญ กับสภาพปั ญ หากรณี ทีสถาบัน การเงินทังหลายได้ส่งลูก หน้าทีมีฐานะทางการเงินไม่เข้มแข็งเพียงพอมาให้ บสย. ช่วยคําประกัน แต่ บสย. เองก็ไม่ได้ศึกษาวิเคราะห์ความสามารถให้การชําระหนีของลูกหนีนัน ทําให้ บสย. ได้คาประกั ํ นในมูลหนีที ด้อยคุณภาพจนต้องมี การจ่ายชดเชยตามสัญญาคําประกันเป็ นจํานวนมาก ภายหลัง บสย. จึงปรับมาตรการ ให้ส ถาบัน การเงิ น ต่ างๆ ร่ วมรั บความเสี ยงในธุ รกิ จที คําประกัน กับ บสย. ด้วย เพื อให้ส ถาบัน การเงิ น เหล่านันช่ วยคัดกรองศัก ยภาพในการชําระนีของวิสาหกิ จขนาดย่อ มทางหนึ งก่ อน โดยที บสย. จะช่ วยคํา ประกันสิ นเชือเพียงไม่เกิ นกึงหนึ งของวงเงินสิ นเชือทังหมด มีการตรวจสอบคัดกรองความสามารถในการ ชําระหนีของผูป้ ระกอบการ วิสาหกิจขนาดย่อมมากขึน และให้วสิ าหกิจขนาดย่อมจัดหาทีดิ นและบุคคลคํา ประกันการชําระหนีให้กบั บสย. รวมถึงเก็บค่าธรรมเนียมการคําประกันในอัตราร้ อยละ 1.75 ต่อปี ประกอบ กับคิดอัตราดอกเบียผูก้ ู้ทีมีความเสี ยงสู ง มากกว่าผูก้ ทู้ ีมีความเสี ยงตํา33 ต่ อ มาในปี 2552 คณะรั ฐ มนตรี ไ ด้ มี ม ติ ให้ ค วามเห็ น ชอบมาตรการ คําประกัน สิ นเชือสํ า หรับ SMEs ประเภท Portfolio Guarantee Scheme ของ บสย. ซึ งได้กาํ หนดให้ยกเว้น ค่าธรรมเนียมการคําประกันในช่วงปี แรก มีการขยายวงเงินคําประกันจากเดิมไม่เกินรายละ 20 ล้านบาท ต่ อ สถาบันการเงินหนึง เป็ นวงเงินรายละไม่เกิน 40 ล้านบาท ต่อสถาบันการเงินหนึง โดยทีการคําประกันแบบ ใหม่ นี ทํา ให้ มีวิส าหกิ จขนาดย่อ มเข้าร่ วมโครงการเป็ นจํานวนมาก และ บสย. ก็ มีแ นวโน้ มจะอนุ ม ัติ การคําประกันสิ นเชือดังกล่าวให้วสิ าหกิ จขนาดย่อมมากขึนอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม หากเป็ นการให้สินเชือ ตามนโยบายรัฐ หรื อมีอิทธิ พลทางการเมืองเข้ามาเกี ยวข้อง บสย. จะหลีกเลียงการอนุ มตั ิโครงการนัน เพือ ลดความเสี ยงในการบริ หารองค์กร34 32

เดือนเด่น นิคมบริ รักษ์ และคณะ, โครงการวิเคราะห์ กฎหมายและกฎระเบียบที สําคัญ โดยเปรี ยบเทียบกฎหมายและกฎระเบียบ

ต่ างประเทศ และจัดทําสรุ ป เสนอต่อสํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สถาบันวิจยั เพือการพัฒ นาประเทศไทย : กรุ งเทพฯ, 2554), . 33

เพิ งอ้าง.

34

เดือนเด่น นิคมบริ รักษ์ และคณะ, โครงการวิเคราะห์ กฎหมายและกฎระเบียบที สําคัญ โดยเปรี ยบเทียบกฎหมายและกฎระเบียบ

ต่ างประเทศ และจัดทําสรุ ป เสนอต่อสํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สถาบันวิจยั เพือการพัฒ นาประเทศไทย : กรุ งเทพฯ, 2554),

– 30.

57 จากทีกล่าวมา จะเห็นได้วา่ บสย. ก็เป็ นอีกองค์กรหนึงตามพระราชบัญญัติ จัดตังทีให้ความช่ วยเหลือ SMEs แต่ในเฉพาะกลุ่มวิสาหกิจขนาดย่อมเท่านัน ซึงก็เป็ นการดําเนินงานเพือให้ สอดคล้อ งกับแผนพัฒนาเศรษฐกิ จและสังคมแห่ งชาติ ด้วยดังที กล่าวมาแล้วในวัตถุป ระสงค์ข ององค์ก ร อย่างไรก็ตาม ในประเด็นทีพบว่า บสย. มีแนวโน้มให้การอนุมตั ิการคําประกันสิ นเชือแบบใหม่ คือ Portfolio Guarantee Scheme เพิ มสู งขึนเรื อยๆ บสย. จะต้องแน่ใจได้วา่ ผลกระทบทีเกิดขึนจะไม่เป็ นลักษณะของหนีที ไม่ ก่ อ ให้ เกิ ด รายได้จาํ นวนมากจนเกิ น กว่า จะสามารถบริ ห ารจัดการได้ เพราะ บสย. เป็ นองค์ก รที ไม่ แสวงหากําไร ซึ งการประสานความร่ วมมือระหว่าง สสว. กับ บสย. ก็ค วรมีการให้ข ้อมูลและองค์ความรู ้ ตลอดจนสร้ างที ปรึ กษา เพื อให้ SMEs สามารถดําเนินธุ รกิ จได้อย่างประสบผลสําเร็ จ ซึ งจะช่ วยป้ องกัน ปั ญหาที SMEs อาจเป็ นผูก้ ่อหนีทีไม่ก่อให้เกิดรายได้จาํ นวนมากขึนอีกด้วย ( .2) นโยบายภาครั ฐ ที ส่ งเสริ มและสนับ สนุ น SMEs โดยผ่ านทางหน่ วยงาน ภาครัฐอืนๆ นอกเหนื อ ไปจากกฎหมายทีจัดตังองค์กรที มี บทบาทในการส่ งเสริ ม SMEs แล้ว รัฐยังจําเป็ นต้องออกมาตรการต่างๆ โดยผ่านการใช้อาํ นาจของราชการส่ วนกลาง ส่ วนภูมิภาค ส่ วนท้องถิ น และหน่วยงานของรัฐประเภทอืนๆ เพือช่ วยสนับสนุนการดําเนินงานของ SMEs ให้เป็ นกําลังสําคัญทางด้าน เศรษฐกิ จของประเทศ และมาตรการเหล่ านันจํา เป็ นที สสว. จะต้อ งเข้าไปร่ วมสนั บสนุ น ด้วยเพื อยัง ประโยชน์ให้การช่วยเหลือ SMEs ประสบผลสําเร็ จ ซึ งปั จจุบนั มีมาตรการทีสําคัญสรุ ปได้ดงั นี 1) การส่ งเสริ มการร่ วมลงทุ นใน SMEs ของภาคเอกชนโดยการยกเว้น ภาษีสําหรับนิ ติบุคคลทีร่ วมลงทุนกับ SMEs (venture capitalist) มาตรการนี เริ มต้นขึนในปี พ.ศ. 2545 โดยการออกพระราชกฤษฎีกาตาม ความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที 396) พ.ศ. 2545 ซึ งกําหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ นิติบุคคลให้แก่ บริ ษทั มหาชน จํากัด หรื อบริ ษทั จํากัด ทีได้มีการประกอบธุรกิจร่ วมลงทุนกับ SMEs โดยมี หลักเกณฑ์ทีสําคัญ ดังนี35

35

เดื อ นเด่ น นิ ค มบริ รั กษ์ และคณะ, โครงการวิ เคราะห์ กฎหมายและกฎระเบี ย บที สําคั ญ โดยเปรี ยบเที ยบกฎหมายและกฎระเบี ย บ

ต่ างประเทศ และจัดทํา สรุ ป เสนอต่ อสํานัก งานส่ งเสริ ม วิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สถาบัน วิจยั เพือการพัฒ นาประเทศไทย: กรุ งเทพฯ, 2554), 13 – 14.

58 ก. ต้อ งเป็ นบริ ษ ทั ที จัดตังขึนตามกฎหมายไทยที เป็ นนิ ติบุค คล ร่ วมลงทุ น ตามประกาศกระทรวงการคลัง ว่า ด้วยกิ จการที ประกอบธุ รกิ จเงิ น ร่ วมลงทุ น ให้เ ป็ นธุ รกิ จ หลักทรั พย์ และได้รับการขึนทะเบียนกับสํ านักงานคณะกรรมการกํากับหลัก ทรั พย์และตลาดหลักทรั พย์ (ก.ล.ต.) ภายใน 3 ปี นับแต่วนั ที 30 มกราคม พ.ศ. 2545 ข. ต้อ งมีทุนจดทะเบียนจํานวนไม่น ้อยกว่า 200 ล้านบาท ซึ งได้ ชําระค่ าหุ ้น ครั งแรกเป็ นจํา นวนไม่ น้อ ยกว่ากึ งหนึ งของทุ น จดทะเบี ยน ส่ วนค่าหุ ้น ที เหลือ จะต้อ งชําระ ทังหมดภายใน 3 ปี นับแต่วนั ทีจดทะเบียน ทังนี การลดทุนจดทะเบี ยนจะทําได้ต่อ เมือได้ถือหุน้ ใน SMEs ติดต่อกันแล้วไม่น้อยกว่า 7 ปี ค. ต้อ งถือหุ ้น ใน SMEs ตามอัต ราร้ อ ยละของทุ น จดทะเบียนที ชําระแล้วของบริ ษทั ซึ งได้กาํ หนดไว้เป็ นช่วงรอบระยะเวลาบัญชีต่างๆ และถือหุน้ ใน SMEs เป็ นระยะเวลา ไม่น้อยกว่า 5 ปี เว้นแต่ก รณี ทีถื อหุ ้นใน SMEs ที ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แ ห่ งประเทศไทยเป็ น ระยะเวลาไม่ น้ อ ยกว่า 3 ปี ในรอบปี บัญ ชี ติด ต่ อ กัน หรื อ เป็ นการถื อ หุ ้น ตลอดเวลาที วิส าหกิ จนันๆ มี สิ นทรัพย์ถาวรทีไม่รวมทีดินไม่เกิน 200 ล้านบาท และมีการจ้างงานไม่เกิ น 200 คน จากรายละเอี ย ดของเงื อนไขการขอรั บ สิ ท ธิ ป ระโยชน์ ตามมาตรการ ดัง กล่ า ว แสดงให้ เ ห็ น ว่า การให้ สิ ท ธิ ประโยชน์ ทางภาษี สํ า หรั บบริ ษ ัท ร่ วมทุ น ลัก ษณะนี มี ข ้อ จํา กั ด ค่อนข้างมาก 2) การแทรกแซงทางเศรษฐกิจ ทีสําคัญ สรุ ปได้ดงั นี พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2542 นี ได้บญั ญัติขึนเพือเป็ น มาตรการทางกฎหมายที ช่วยแทรกแซงทางเศรษฐกิจในการป้ องกันและควบคุมการแข่งขันทางการค้า โดย วัตถุประสงค์เพือควบคุมพฤติกรรมของผู้มีอาํ นาจเหนือตลาด (Dominant Position) และมีขอบเขตบังคับใช้ ครอบคลุมถึงตัวองค์กรธุ รกิ จทังหลาย แต่ ไม่ใช้บงั คับกับส่ วนราชการ รัฐวิสาหกิจ กลุ่มเกษตรกร สหกรณ์ หรื อชุ มนุมสหกรณ์ ทีดําเนิ นธุ รกิจโดยมี กฎหมายรองรับและยังอาจกําหนดยกเว้น บางประเภทธุ รกิจไว้ใน กฎกระทรวง36

36

มาตรา 4 แห่ งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2545.

59 พระราชบัญ ญัติ นี ได้ก ําหนดให้ ค ณะรั ฐ มนตรี แ ต่ง ตังคณะกรรมการ แข่ งขันทางการค้า ขึน ซึ งประกอบไปด้วย รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงพาณิ ชย์ เป็ นประธานคณะกรรมการ ปลัดกระทรวงพาณิ ชย์ เป็ นรองประธานคณะกรรมการ มีปลัดกระทรวงการคลังและผูท้ รงคุณวุฒิดา้ นต่างๆ ไม่นอ้ ยกว่า 8 คนแต่ไม่เกิ น 12 คน เป็ น กรรมการ37 โดยมีอาํ นาจหน้าทีในการพิจารณาในประเด็นต่างๆ ทัง การกําหนดหลักเกณฑ์วา่ ธุ รกิจทีมีส่วนแบ่งตลาดและยอดขายของธุรกิจอย่างไร จึงจัดว่าเป็ นผูม้ ีอาํ นาจเหนือ ตลาด การกําหนดหลักเกณฑ์จาํ นวนทุน หุน้ หรื อสิ นทรั พย์ ทีเกี ยวกับการควบกิจการ การอนุ ญาตให้ควบ รวมกิ จ การหรื อ อนุ ญ าตให้ ก ระทํา การอัน เป็ นการจํา กั ดการแข่ ง ขัน รวมถึ ง มี อ ํา นาจกึ งตุ ล าการใน การสื บสวนสอบสวนและเสนอให้ฟ้องผูก้ ระทําความผิดเกียวกับการแข่งขันทางการค้า38 เป็ นต้น จาก ที กล่ า วมาข้ า งต้ น กรณี การดํ า เนิ น การแทรกแซงตลาดตาม พระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2545 นี กฎหมายดังกล่าวได้วางหลักเกณฑ์ทีค่อนข้างเคร่ งครัด เพื อปกป้ องธุ รกิจที ถูก กระทํา ให้อ่ อนแอทางการตลาด ซึ งย่อมเป็ นผลดีต่อการส่ งเสริ ม SMEs เนื องจาก SMEs มีเงิ นทุนในการดําเนิ นธุ รกิจน้อยกว่าธุ รกิ จขนาดใหญ่ จึงมีความเป็ นไปได้มากทีธุ รกิ จขนาดใหญ่จะ อาศัยเม็ดเงินทีมากกว่าในการทุ่มตลาดได้ 3) การสนับสนุนการวิจยั และการพัฒนาของ SMEs ทีสําคัญ สรุ ปได้ดงั นี ก. การให้ทุนกู้ยมื ดอกเบียตําเพือการวิจยั และการพัฒนา ตามทีได้มีพระราชบัญ ญัติพฒ ั นาวิทยาศาสตร์ แ ละเทคโนโลยี พ.ศ. 2534 จัดตัง สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ขึนเป็ นหน่วยงานในกํากับ ของกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ งแวดล้อ ม นัน ได้ก ําหนดให้ สวทช. มี อ าํ นาจหน้าทีใน การบริ หารกองทุน และดําเนิ น การวิจยั และพัฒ นาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ ง สวทช. ก็ ได้กํา หนด โครงการขึนมาเพือช่ วยเหลือ SMEs โครงการหนึ ง คือ โครงการสนับสนุ นการวิจยั พัฒนาและวิศวกรรม ภาคเอกชน (Company Directed Technology Development Program หรื อ CD) โครงการนี เป็ นการช่ วยเหลื อ SMEs ในลักษณะการให้กยู้ ืมเงิน ดอกเบียตํา เพือให้ SMEs ได้ใช้เงินลงทุนในการวิจยั และพัฒนาเชิงพาณิชย์ ซึ งมีเงือนไขกําหนดให้ผูม้ ีสิทธิ 37

มาตรา 6 แห่ งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2545.

38

มาตรา 8 และมาตรา 55 แห่ งพระราชบัญญัติการแข่งขันทางการค้า พ.ศ. 2545.

60 ขอกูจ้ ะต้องเป็ น SME ทีมีทุนจดทะเบียนไม่เกิน 100 ล้านบาท หรื อมีจาํ นวนพนักงานและเจ้าหน้าทีรวมกัน ไม่เกิ น 200 คน และจะกู้ยืมแต่ละโครงการได้ไม่เกิ น 30 ล้านบาท อี กทังต้อ งไม่เกิ นร้ อ ยละ 75 ของมูลค่ า การลงทุนทังโครงการ ส่ วนสิ ท ธิ ประโยชน์ทีจะได้รับ คือ อัตราดอกเบียเงินกู้นี คิ ดเป็ นกึ งหนึ งของอัต รา ดอกเบียเงินฝากประจํา 1 ปี ของธนาคารพาณิ ชย์ บวกด้วย 1.125 รวมถึงการให้ผ่อนชําระหนีได้ไม่เกิน 7 ปี โดยปราศจากการชําระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี ด้วย อย่างไรก็ตาม โครงการนีเป็ นความร่ วมมือระหว่างหน่วยงานของ รั ฐ คื อ สวทช. กับ ธนาคารพาณิ ช ย์ที เข้า ร่ วมโครงการ ซึ งการพิ จารณาจะให้กู้ ร ายใด ย่ อ มต้อ งผ่ า น ความเห็นชอบจากทัง สวทช. และธนาคารนันๆ ทําให้การสนับสนุนเงินกูต้ ามโครงการอาจมีอุปสรรค หาก ธนาคารพาณิ ชย์เห็ นว่าการลงทุน เพือการวิจยั และพัฒ นานันๆ มี ความเสี ยงสู งมากจนไม่ สามารถอนุ มตั ิได้ เป็ นต้น39 2) การช่ วยเหลือด้านภาษีสําหรับการวิจยั และพัฒ นาเทคโนโลยี ทีสํ าคัญ สรุ ปได้ดงั นี เพื อให้เ กิ ดการวิจยั และพัฒ นาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ขึนสํ าหรั บภาคธุ รกิ จ กรมสรรพากรจึงได้ออกมาตรการทางภาษีขึนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการโดยให้หกั ค่าสึ กหรอและค่าเสื อมราคา เบืองต้นสําหรับทรัพย์สินประเภทเครื องจัดร และอุ ปกรณ์ ของเครื องจัก รทีใช้ทาํ การวิจยั และพัฒนา โดย หัก ณ วันทีได้รับทรั พย์สินนันมา เป็ น จํานวนร้ อยละ 40 ของมูลค่าต้นทุน ส่ วนมู ลค่าต้นทุนทีเหลือ จะหัก ตามเงือนไขและอัตราทีได้กาํ หนดไว้ ซึ งจะส่ งผลให้ผูป้ ระกอบการทีซือเครื องจักร หรื ออุปกรณ์ดงั กล่าวมา ให้ช่วงปี แรก เสี ยภาษีลดลง อันเป็ นสิ ทธิ ประโยชน์ทีช่วยเพิ มสภาพคล่อง (Cash Flow) ให้กบั ธุ รกิจนันๆ40 นอกจากนี กรมสรรพากรยัง กําหนดหลัก เกณฑ์ให้ผู ้ป ระกอบการหัก ค่าใช้จ่ายในการเสี ยภาษีเงินได้นิติบุคคล คิดเป็ นเงินทีต้องนําไปคํานวณภาษีลดลงในอัตราร้อยละ 200 ของ

39

วิญญัติ ชาติมนตรี , กฎหมายทีเป็ นอุปสรรคต่ อการพัฒนาและส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม. วิทยานิพนธ์ ปริ ญญานิติศาสตร

มหาบัณฑิ ต มหาวิทยาลัยรามคําแหง, (2548). 67 – 68. 40

เดือนเด่น นิคมบริ รักษ์ และคณะ, โครงการวิเคราะห์ กฎหมายและกฎระเบียบที สําคัญ โดยเปรี ยบเทียบกฎหมายและกฎระเบียบ

ต่ างประเทศ และจัดทําสรุ ป เสนอต่อ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สถาบันวิจยั เพือการพัฒนาประเทศไทย : กรุ งเทพฯ, 2554), 39.

61 รายจ่ายที ได้จ่ายไปเพือเป็ นค่ าจ้างในการทําวิจยั และพัฒนา ซึ งการวิจยั และพัฒนานันต้อ งเป็ นกรณี ทีได้ ขอให้ สวทช. รับรอง เป็ นทีเรี ยบร้อยแล้ว41 จากทีกล่าวมาถึงการช่ วยเหลือด้านภาษีเพือการวิจยั และพัฒนาเทคโนโลยี ทังการหักค่าสึ กหรอและค่าเสื อมราคาของเครื องจักรและอุปกรณ์ของเครื องจักร และการให้หกั ค่าใช้จ่ายใน การคํานวณภาษี เงิ น ได้นิ ติบุคคลนี จะเห็ นได้วา่ แม้ไม่ใช่ มาตรการที กํา หนดขึนเพื อ SMEs โดยเฉพาะ หากแต่สามารถช่ วยจูงใจให้ SMEs พัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตสิ นค้าและบริ การ ตลอดจนการคิดค้น นวัตกรรมทีช่ วยลดต้นทุนของผลประกอบการต่างๆ ได้ทางหนึ ง 4) การสนับสนุนด้านแรงงาน ทีสําคัญ สรุ ปได้ดงั นี ก. การให้ กู้ยื มเงิ น กองทุ น พัฒ นาฝี มื อ แรงงาน เพื อใช้ในการ ฝึ กอบรมพัฒนาฝี มือแรงงาน กรณี การสนับสนุ นนี เป็ นการให้กู้ยืมเงิ นในอัตราดอกเบียเพียง ร้ อยละ 0.1 สําหรับการฝึ กอบรมพัฒนาฝี มือแรงงานให้แก่ผรู ้ ับการฝึ กอบรมทีเป็ นลูกจ้างหรื อบุคคลทัวไป ซึ ง เป็ นบุคคลธรรมดาทีมี สัญชาติไทย และผูด้ าํ เนิ นการฝึ ก หรื อ ผูด้ าํ เนิ นการทดสอบมาตรฐานฝี มือแรงงาน หรื อผูป้ ระกอบกิจการ ซึ งเป็ นบุคคลธรรมดาหรื อนิติบุคคลทีมีสัญชาติไทย โดยมีระยะเวลาในการดําเนินการ ตังแต่วนั ที 1 มกราคม – 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556 และมีหน่วยงานทีรับผิดชอบโดยตรงในมาตรการดังกล่าว ได้แก่ กรมพัฒ นาฝี มือ แรงงาน กระทรวงแรงงาน เป็ นผู้รับผิดชอบในการบริ หารจัดการส่ วนกลาง และ สถาบันหรื อศู นย์พฒั นาฝี มือแรงงานภาคหรื อจังหวัดทุก จังหวัดทัวประเทศ เป็ นผูร้ ั บผิ ดชอบในการบริ หาร จัดการส่ วนภูมิภาค42 จะเห็ นได้วา่ กรณี ดงั กล่าว ให้ก ารสนับสนุนหน่ วยธุ รกิ จทังหลาย ซึ งไม่ใช่เพียงแต่ SMEs เท่านัน อีกทังยังมีกาํ หนดระยะเวลาในการดําเนินการทีสันเพียงแค่หนึงปี

41

เดื อ นเด่ น นิ ค มบริ รั กษ์ และคณะ, โครงการวิ เคราะห์ กฎหมายและกฎระเบี ย บที สําคั ญ โดยเปรี ยบเที ยบกฎหมายและกฎระเบี ย บ

ต่ างประเทศ และจัดทํา สรุ ป เสนอต่ อ สํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สถาบัน วิจยั เพือการพัฒ นาประเทศไทย: กรุ งเทพฯ, 2554), 40. 42

สรุ ปมาตรการช่ วยเหลื อ SMEs ของภาครั ฐ ที ดําเนิ น การในปั จจุ บัน .

.go.th/Admin/Upload/File_Manager/SMEs-

62 ข. การนําเงินส่ วนต่างค่าจ้างทีจ่ายเพิ มจากอัตราค่าจ้างขันตํา ในปี 2555 – 2556 เป็ นอัตราค่าจ้างขันตําวันละ 300 บาท มาหักเป็ นค่าใช้จ่ายก่อนชําระภาษี เป็ นการทีรัฐช่ วยเหลือผู ้ประกอบการทีเป็ นบุคคลธรรมดา ซึ งมี รายได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (5) (6) (7) และ (8) แห่ งประมวลรัษฎากร รวมกันไม่เกิน 30 ล้านบาท ต่อปี ก่อ นหักค่ าใช้จ่ายและค่า ลดหย่อน และต้องเสี ยภาษี เงินได้ตามมาตรา 48 (1) แห่ งประมวลรัษ ฎากร หรื อ ผูป้ ระกอบการทีเป็ นบริ ษทั หรื อ ห้างหุ ้นส่ วนนิ ติบุคคลซึ งมีทุนชําระแล้วในวันสุ ดท้า ยของรอบระยะเวลา บัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายสิ นค้าหรื อบริ การรวมกันไม่เกิ น 30 ล้านบาท ต่อปี ในรอบ ระยะเวลาบัญชีทีได้ใช้สิทธิขอยกเว้นภาษีเงินได้นี ให้สามารถนําเงินส่ วนต่างค่าจ้างแรงงานเดิม มาหักส่ วน ต่างจากค่าจ้างแรงงานขันตําวันละ 300 บาท มาเป็ นค่าใช้จ่ายก่ อนชําระภาษีได้ 1.5 เท่า ทังนี ผูม้ ีสิ ทธิ หัก ค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะต้องจ่ายค่าจ้างแรงงานขันตําในอัตราวันละ 300 บาท ในระหว่างวันที 1 มกราคม 2556 – 31 ธันวาคม 2556 ด้วย43 จะเห็ นได้วา่ การสนับสนุ นดัง กล่าว จะทําให้ SMEs ได้รับ สิ ทธิ ประโยชน์จากการชําระภาษีทีลดน้อ ยลง อย่างไรก็ตาม มาตรการนีก็ยงั มีเงือนไขระยะเวลาการสนับสนุ นที โดยเป็ นการสนับสนุนเพือให้ SMEs สามารถปรับตัวในสถานการณ์ทีรัฐบาลประกาศเพิ มอัตราค่าแรงขันตํา เท่านัน กล่ าวโดยสรุ ปได้ว่า ในส่ วนของกฎหมายจัดตังองค์กรและมาตรการทางกฎหมายทีช่ วยส่ งเสริ ม SMEs ของไทยทีสํ าคัญ อย่างโดดเด่นล้วนมีรายละเอี ยดทีหลากหลายตามแต่ลกั ษณะความเชี ยวชาญของ องค์กรผูร้ ับผิดชอบดําเนิ นงาน ซึ งองค์กรและมาตรการทังหลายเหล่านี จําเป็ น ที สสว. ในฐานะองค์กรที มี บทบาทเฉพาะกิ จเพื อ SMEs โดยตรง จะต้ อ งเข้า ไปสร้ างเครื อ ข่ ายความร่ วมมื อ เกี ยวข้ อ งกับ องค์ก ร ผูร้ ั บผิ ดชอบอืนๆ เพือให้น โยบายการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs สําเร็ จลุ ล่วงไปได้ดว้ ยดี โดยไม่เป็ น การปฏิบตั ิงานซําซ้อน หรื อช่ วยเอืออํานวยให้การประสานงานระหว่างองค์กรต่างๆ มีความคล่องตัวสะดวก รวดเร็ ว ต่อผูร้ ับบริ การซึ งเป็ นผูป้ ระกอบการ SMEs อีกด้วย

43

สรุ ปมาตรการช่วยเหลือ SMEs ของภาครัฐ ทีดําเนิ นการในปัจจุบนั .

.go.th/Admin/Upload/File_Manager/SMEs-

63 3.2 ประเทศญีปุ่ น 3.2.1 ความเป็ นมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ ในการดําเนิ นนโยบายส่ งเสริ มผูป้ ระกอบการวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศญีปุ่น รัฐบาลญีปุ่ นได้ดาํ เนินนโยบายต่างๆ โดยผ่านองค์กรทีมีชือว่า สํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise Agency (SMEA)) ซึ งจัดตังขึนในปี 1948 ภายใต้ก ฎหมายจัดตังสํ านัก งาน วิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่ อ ม (Act for Establishment of the Small and Medium-sized Enterprise Agency) โดยถือเป็ นองค์ก รหลักทีมีหน้า ทีความรั บผิดชอบในการส่ งเสริ มสนับสนุ นวิส าหกิ จขนาดกลาง และขนาดย่อม สํานักงานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEA) เป็ นองค์ก รที ได้รั บต้น แบบมาจากบริ ษ ทั ฟื นฟูทางด้านการเงิน (Reconstruction Finance Corporation (RFC)) ในสหรัฐอเมริ กา ซึ งก่อ ตังเพือตัดหนี สู ญทีด้อ ยคุ ณภาพจากการให้สินเชือของธนาคาร หลังจากช่ วงภาวะตกตําทางเศรษฐกิ จในปี 1929 แต่อี ก บทบาทหนี งทีสําคัญก็คือ การให้สินเชื อแก่ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อ ม โดยเฉพาะในช่ วงระหว่าง สงครามโลกครังทีสอง รัฐบาลสหรั ฐ อเมริ กาได้ให้ความสําคัญอย่างมากในการสนับสนุ นวิส าหกิ จขนาด กลางและขนาดย่อมทีประกอบอุตสากรรมทางด้านอาวุธยุทโธปกรณ์ แม้ก ระทังหลังจากสงครามโลกครังที สองจบลงแล้วก็ตาม รัฐบาลสหรัฐอเมริ กาก็ยงั ให้ความสําคัญกับวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมอยู่44 จากแนวคิ ดต้น แบบข้า งต้น ก็ นํา มาซึ งการจัดตังสํ านัก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อม (SMEA) ซึ งเป็ นหน่ วยงานภาครั ฐ ที เป็ นอิ ส ระ (Independent Organ) เพื อทําหน้า ที กํา หนดนโยบายและ มาตรการสนับสนุ น SMEs อยู่ภ ายใต้ก ารกํากับดูแลของกระทรวงเศรษฐกิ จ การค้าและการอุ ตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) โดยนโยบายที กํ า หนดขึ นจะใช้ เ ป็ นแนวทางให้ หน่ วยงานระดับปฏิบตั ินาํ ไปกําหนดมาตรการและดําเนิ นงานในการสนับสนุน SMEs ในด้านต่ าง ๆ ทังใน ส่ วนกลางและส่ วนท้องถิ น โดยนโยบายในช่วงแรกของการจัดตังสํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่อม (SMEA) ก็เพือส่ งเสริ มให้เศรษฐกิจของประเทศมีความเจริ ญก้าวหน้า ป้ องกันการผูกขาดทางการตลาด

Rika Nakagawa. The Policy Approach In Promoting Small And Medium Sized Enterprises In Japan, International Business & Economics Research Journal (October 2012, Volume 11, Number 10) , 1092. 44

64 ช่ ว ยเปิ ดโอกาสในการประกอบกิ จ การ การเตรี ย มปั จ จัย ต่ าง ๆ เพื อสนั บ สนุ น SMEs และยกระดับ การประกอบกิ จการของ SMEs45 ข้อสั งเกตเปรี ยบเทียบกับประเทศไทย (1) การเกิ ดขึนของหน่ วยงานทีเข้ามาทําหน้าทีดูแล SMEs ในประเทศญีปุ่ น และประเทศ ไทยมีเหตุผลของการจัดตังคล้ายคลึงกัน อันเนืองมาจากปั ญหาภาวะทางเศรษฐกิจของแต่ละประเทศทีอยูใ่ น ภาวะตกตํา จึงได้เล็งเห็นความสําคัญของการสนับสนุน SMEs ซึ งถือเป็ นหน่ วยทางเศรษฐกิจส่ วนใหญ่ของ ประเทศทีจะสามารถขับเคลือนประเทศให้พน้ วิกฤตต่อไปได้ เพียงแต่ SMEs ส่ วนใหญ่ยงั ขาดการสนับสนุ น ในด้านต่างๆ ทีจําเป็ นต่อการดําเนินธุ รกิจ (2) หลักสําคัญ ประการหนึ งของการจัด ตังสํ านัก งานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (SMEA) ของประเทศญีปุ่ นคือ การเห็นถึงความสําคัญของการป้ องกันปั ญหาของการผู กขาดทางการตลาด ของกลุ่มทุน ธุ รกิ จขนาดใหญ่ ซึ งจะทําให้ SMEs ไม่ส ามารถจะดําเนิ นธุ รกิ จได้ท่ามกลางปั ญหาวิกฤตทาง เศรษฐกิ จ นํา มาซึ งนโยบายและมาตรการต่า งๆ ที จะแก้ไขปั ญ หาดัง กล่ า ว ซึ งหากพิจารณาเหตุ ผ ลใน การประกาศใช้พระราชบัญญัติส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 ของประเทศไทย ก็จะ เล็ ง เห็ น ถึ ง ความคล้ า ยคลึ ง กั น ที ว่า SMEs ไม่ อ าจแข่ ง ขั น กั บ วิ ส าหกิ จ ขนาดใหญ่ ไ ด้ จึ ง ต้ อ งได้ รั บ การสนับสนุน เพียงแต่ ประเทศไทยไม่ได้นําประเด็น ปั ญหาของการผูก ขาดทางการตลาด มาเป็ นประเด็น สําคัญทีจะเป็ นเหตุผลในการจัดตัง สสว. 3.2.2 ขอบเขตของลักษณะโครงสร้างองค์ก ร และโครงสร้างการบริ หาร จากทีได้กล่าวถึงความเป็ นมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังสํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อ ม (SMEA) จะเห็ นได้วา่ SMEA มีความสําคัญในฐานะทีเป็ นองค์กรในระดับนโยบายทีจะทําหน้าที ในกําหนดนโยบายและมาตรการสนับสนุน SMEs อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมของโครงสร้ างการส่งเสริ มและ สนับสนุน SMEs ในประเทศญีปุ่นนัน ก็ยงั มีองค์กรอืนๆ ทีสําคัญทีเกียวข้อง ซึ งจะอยูภ่ ายใต้การกํากับดูแ ล ของกระทรวงเศรษฐกิ จ การค้าและการอุตสาหกรรม ยกตัวอย่างเช่ น

45

ศุภ ัช ศุภ ชลาสั ย และคณะ, การดําเนิ น มาตรการสนั บ สนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ศึก ษาประเทศญี ปุ่ น ไต้ ห วัน อิ ตาลี และ ออสเตรเลีย) เสนอต่อ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม, (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน ), หน้า 3-11.

65 (1) สภาทีให้ ค ําปรึ กษาในด้ านนโยบายเกี ยวกั บวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) ซึ งอยู่ ใ นรู ปแบบของคณ ะกรรมการภายใต้ การกํากับดูแลของกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการอุตสาหกรรม จัดตังขึนตามกฎหมายพืนฐานเกี ยวกับ วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (Small and Medium Enterprise Basic Law) ในมาตรา 27-30 โดยมี อํานาจหน้าที ตามกฎหมายฉบับนี ตลอดจนการตรวจสอบและการพิจารณาในเรื องสําคัญ ทีเกี ยวข้องกับ การบังคับใช้กฎหมายฉบับนี เมื อได้รับการร้ องขอคําแนะนําจากรัฐ มนตรี ก ระทรวงเศรษฐกิ จ การค้าและ การอุ ตสาหกรรม (METI)หรื อ รั ฐ มนตรี ทีเกี ยวข้อ ง คณะกรรมการชุ ดนี มี จาํ นวนไม่ เกิ น 30 คน ซึ งเป็ น ผูท้ รงคุ ณวุฒิ ทีมี ค วามรู ้ ค วามสามารถในประเด็น ทีเกียวข้อ งกับ SMEs ซึ งได้รับการแต่ งตังจากรั ฐ มนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการอุตสาหกรรม และนอกจากจะมีอาํ นาจหน้าทีตามกฎหมายฉบับนี แล้ว ยังมีอาํ นาจหน้าทีตามกฎหมายทีเกียวข้อง ได้แก่ 46 กฎหมายสหกรณ์วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและ กิจการอืน (ปี 1949 กฎหมายฉบับที 181) กฎหมายว่าด้วยการสนับสนุนวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (ปี 1963 กฎหมายฉบับที 149) กฎหมายว่าด้วยการช่ วยเหลื อซึ งกันและกัน ของกิ จการขนาดเล็ก (ปี 1965 กฎหมายฉบับที 102) กฎหมายว่าด้วยการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผู ้รับจ้างช่ วง (ปี 1970 กฎหมายฉบับที 145) กฎหมายว่าด้วยการสนับสนุ น กิ จการค้าปลี ก ขนาดกลางและขนาดย่อ ม (ปี 1973 กฎหมายฉบับที 101) กฎหมายว่าด้วยการควบคุมการดําเนิน งานของผูป้ ระกอบการรายใหญ่เพือเปิ ดโอกาส ในการดําเนินธุ รกิจสําหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ปี 1977 กฎหมายฉบับที 74) กฎหมายว่าด้วย การสนับสนุ น การปรั บปรุ งระเบียบการจ้างงานเพื อให้ได้มาซึ งแรงงานสํ าหรั บวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อ มและสร้างโอกาสในการจ้างงานทีดี (ปี 1991 กฎหมายฉบับที 57) กฎหมายว่าด้วยการส่ งเสริ ม การปรับปรุ งคุณภาพวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้านการกระจายสิ นค้า (ปี 1992 กฎหมายฉบับที 65) กฎหมายว่าด้วยการสนับสนุนผูป้ ระกอบการรายย่อยผ่านหอการค้าและอุตสาหกรรม (ปี 1993 กฎหมายฉบับ ที 51) กฎหมายว่าด้วยมาตรการชัวคราวเกียวกับการส่ งเสริ มกิ จการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในเชิง สร้ างสรรค์ (ปี 1995 กฎหมายฉบับ ที 47) กฎหมายว่า ด้วยมาตรการชั วคราวเกี ยวกับการส่ งเสริ มให้ มี การรวมตัวของอุตสาหกรรมบางประเภท (ปี 1997 กฎหมายฉบับที 28) กฎหมายว่าด้วยการช่วยเหลือซึ งกัน และกันของธุ รกิ จขนาดเล็กและกฎหมายแก้ไขเพิ มเติ มบางส่วนกฎหมายองค์การวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อม (ปี 1998 กฎหมายฉบับที 147) กฎหมายว่าด้วยการสนับสนุน การปฏิ รูปการดําเนิ นธุ รกิ จของ 46

สถาบัน วิจยั เพือการพัฒนาประเทศไทย, “รายงานการศึกษาฉบับสมบูรณ์ เพือเปรี ยบเทียบกฎหมายที เกียวข้ องกับการพัฒนาและส่ งเสริ ม วิ ส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อมในประเทศไทย ญี ปุ่ น ฝรั งเศส และออสเตรเลี ย ” เสนอต่ อ คณะกรรมการปรั บปรุ งกฎหมายเพือ การพัฒ นาประเทศ สถาบันกฎหมายพัฒนาเศรษฐกิจ, (กรุ งเทพมหานคร: กันยายน 2546), หน้า 230.

66 วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (ปี 1999 กฎหมายฉบับที 18) และกฎหมายว่าด้วยมาตรการพิเศษเพื อ กระตุน้ อุตสาหกรรม (ปี 1999 กฎหมายฉบับที 131) (แก้ไขโดยกฎหมายฉบับที 80 ปี 1983 และกฎหมาย ฉบับที 102 ปี 1999 ยกมาจากมาตรา 29 เดิม โดยกฎหมายฉบับที 146 ปี 1999) (2) องค์ ก ารเพื อวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อมและนวัตกรรมในระดับภู มิภ าคแห่ ง ประเทศญี ปุ่ น (Organization for SMEs and Regional Innovation, Japan : SMRJ) ซึ งจัด ตังขึ นในปี 2004 ตามกฎหมาย Act on the Organization for Small & Medium Enterprises and Regional Innovation, JAPAN, Independent Administrative Agency โดยเกิ ด ขึ นหลัง จากที รั ฐ บาลญี ปุ่ นได้มีก ารยุบ รวมหน่ วยงานที อยู่ ภายใต้กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรมทีมีอาํ นาจหน้าทีคล้ายคลึงกัน SMRJ ถือเป็ นหน่วยงานทางปฏิบตั ิทีมีหน้าทีในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs โดยรับ นโยบายมาจากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) และสํานัก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) ภายใต้การดําเนิ นงานของ SMRJ จะมี เครื อข่ายประกอบด้วย สํานักงานใหญ่ สํานักงานสาขาใน 9 ภูมิภาค และสถาบันทางธุ รกิจ การบริ หารจัดการ และเทคโนโลยี ข นาดเล็ ก ที เรี ย กว่า SME University47 เพื อสนั บ สนุ น SMEs ในท้ อ งถิ น โดยเฉพาะ การฝึ กอบรมทางด้านทรัพยากรมนุษย์ให้แก่ SMEs48 ทังนี หากจะพิ จารณาภาพรวมโครงสร้ างขององค์ กรที ทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของประเทศญีปุ่ น ก็จะไปตามแผนภาพ ดังต่อไปนี

47

SME University ไม่ได้เป็ นลักษณะของสถาบันอุดมศึกษาทีมีการให้ปริ ญ ญา แต่เป็ นสถาบันระดับสู งทีมีการฝึ กทักษะทีจําเป็ นและสําคัญ ในการประกอบธุ รกิจ โดย SME University มี การก่อตังในโตเกียวตังแต่ ปี 1962 โดยจัดตังเป็ นสถาบัน ด้านการวิจยั จนกระทังปี 1980 รัฐบาลญี ปุ่นได้มีการจัดตัง SME University ใน 9 ภูมิภาค 48Rika Nakagawa. The Policy Approach In Promoting Small And Medium Sized Enterprises In Japan, International Business & Economics Research Journal (October 2012, Volume 11, Number 10), 1094. .

67 แผนภาพการดําเนินนโยบาย SMEs ของประเทศญีปุ่ น49

Prefectures Level

National Level

SMEs Level

กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และ

สํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

การอุตสาหกรรม (METI)

(Small and Medium Enterprise Agency: SMEA)

ความร่ วมมือ ระหว่างกัน

งบประมาณ

องค์การเพือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและ นวัตกรรมในระดับภูมภิ าคแห่งประเทศญีปุ่ น (Organization for SMEs and Regional Innovation, Japan : SMEJ)

ระดับอําเภอ (เขต) (Prefectures) งบประมาณ

ความร่ วมมือ ระหว่างกัน

ศูนย์สนับสนุ น SME (SME Support Centres)

เครื อข่ายมหาวิทยาลัยด้าน SME (SME universities) ความร่ วมมือระหว่างกัน

การให้คาํ ปรึ กษาทางธุรกิจ การอบรมสัมมนา บริการด้านข้อมูล การจัดหาผูเ้ ชียวชาญ

สภาหอการค้าและการอุตสาหกรรม (Chamber of Commerce and Industry) การให้คาํ ปรึ กษาทางธุรกิจ การอบรมสัมมนา บริการด้านข้อมูล

สถาบันการเงินระดับนโยบาย (Policy-Based Financial Institutions) ประกอบด้วย - JASME - NLFC - Shoko Chukin Bank เงิ นลงทุน และเงินกูย้ มื

การพัฒนาด้าน ทรัพยากรมนุ ษย์

งบประมาณ งบประมาณ

องค์กรธุ รกิจที ให้หลักประกันสิ นเชือ (Credit Guarantee Corporations) หลักประกัน สิ นเชือ

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs)

จากแผนภาพข้ างต้ น จะเห็ น ได้ ว่า SMEA (ภายใต้ก ารกํากั บ ดู แ ลของ METI) จะเป็ น หน่ วยงานหลัก ทีทําหน้าทีในการดําเนิ นนโยบายระดับชาติ เกี ยวกับ SMEs โดยผ่านทางงบประมาณไปยัง SMRJ สถาบัน ทางการเงินระดับนโยบาย และองค์กรธุ รกิจทีให้หลักประกันสิ นเชื อ โดยในส่ วนของ METI ก็จะมี ความร่ วมมือ ในระดับอําเภอ/เขต ในการสนับสนุ น ธุ รกิ จ SMEs ผ่ านศู น ย์สนับสนุน SMEs (SME Support Centres) โดยได้รับความร่ วมมือ จากสภาหอการค้าและการอุ ตสาหกรรม (Chamber of Commerce and Industry)

49

.

68 ในส่ วนของการบริ หารงานภายในสํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEA) จะมีการแบ่งส่ วนงานการบริ หารออกเป็ น 3 ส่ วนหลัก คือ (1) Director-General’s Secretariat (สํานักงานเลขานุการ) โดยมีส่วนงานทีดูแลในเรื องของ งานประสานงานนโยบาย (Policy Coordination Division) และกลุ่มงานประชาสัมพันธ์และให้คาํ ปรึ กษาทาง ธุรกิจ (Public Relations and Business Counseling Office) (2) Business Environment Department (สํ านัก ส่ งเสริ มสภาพแวดล้อ มทางธุ รกิ จ) โดยมี องค์ประกอบ ดังนี (2.1) ส่ วนแผนงานและนโยบาย (Policy Planning) ซี งมีก ลุ่มงานย่อ ย ได้แก่ คื อ กลุ่มงานวิจยั (Research Office) กลุ่มงานสร้ างเสถียรภาพทางธุ รกิจ (Office for Business Stability) กลุ่มงาน ด้านต่างประเทศ (International Affairs Office) (2.2) ส่ วนงานด้านเงินทุน (Finance Division) (2.3) ส่ วน งาน ด้ า น การเงิ น แ ล ะภ าษี (Corporate Finance and Tax Affairs Division) (2.4) ส่ วนงานด้านการค้าทีเป็ นธรรม (Fair Trade Division) (3) สํ านั ก ส นั บ ส นุ น การ ป ระก อ บ ธุ รกิ จ (Business Support Department) โ ด ย มี องค์ประกอบ ดังนี (3.1) ส่ วนงานสนับสนุนการประกอบธุ รกิ จ (Business Support Division) กลุม่ งาน นโยบายสําหรับวิสาหกิจขนาดเล็ก (Office for Small Enterprise Policy) (3.2) ส่ วนงานสนับสนุ นธุ รกิจใหม่ (New Business Promotion Division) (3.3) ส่ วนงานเทคโนโลยีและการเริ มต้น (Startup and Technology Division) (3.4) ส่ วนงานค้าปลีกและขายส่ ง (Retail and Wholesale Commerce Division) ทังนี โดยมีแผนผังโครงสร้ างการบริ หารงาน50 ดังนี

50

ปรับปรุ งจาก Small and Medium Enterprise Agency, Organization Chart of Small and Medium Enterprise Agency, (2013) .

69 แผนผังโครงสร้ างของสํ านักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) สํานักงานวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม Small and Medium Enterprise Agency (SMEA) กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม Ministry of Economy, Trade and Industry

ผูอ้ าํ นวยการ (Director-General) ผูช้ ว่ ยผูอ้ าํ นวยการ(Deputy Director General) หัวหน้าสํานักงานเลขานุ การ (Director-General’s Secretariat) ส่ วนงานประสานงานนโยบาย (Policy Coordination Division) กลุม่ งานประชาสัมพันธ์และให้คาํ ปรึ กษาทางธุรกิจ (Public Relations and Business Counseling Office)

สํานักส่ งเสริ มสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ (Business Environment Department) ส่วนงานนโยบาย (Policy Planning) กลุ่มงานวิจยั (Research Office) กลุม่ งานสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจ (Office for Business Stability)

กลุ่มงานด้านต่างประเทศ (International Affairs Office) ส่วนงานด้านเงินทุน (Finance Division) ส่วนงานด้านการเงินและภาษี (Corporate Finance and Tax Affairs Division) ส่วนงานด้านการค้าทีเป็ นธรรม (Fair Trade Division)

สํานักสนับสนุนการประกอบธุรกิจ (Business Support Department) ส่ วนงานสนับสนุบการประกอบธุ รกิจ (Business Support Division) กลุ่มงานนโยบายสําหรั บวิสาหกิจขนาดเล็ก (Office for Small Enterprise Policy) ส่ วนงานสนับสนุนธุ รกิจใหม่ (New Business Promotion Division) ส่ วนงานเทคโนโลยีและการเริ มต้น (Startup and Technology Division) ส่ วนงานค้าปลีกและขายส่ง (Retail and Wholesale Commerce Division)

70 ข้อสั งเกตเปรี ยบเทียบกับประเทศไทย (1) ประเทศญีปุ่นมีส ภาทีให้คาํ ปรึ กษาในด้านนโยบายเกี ยวกับวิส าหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อ ม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) ในรู ป แบบคณะกรรมการโดยมี หน้าทีให้คาํ แนะนําแก่รั ฐมนตรี ก ระทรวงเศรษฐกิ จ การค้าและการอุตสาหกรรม โดยมีประเด็น ทีน่าสนใจ คือ คณะกรรมการชุ ดนี มีองค์ประกอบทีมาจากผู ้ทรงคุณวุฒิซึงเป็ น ผูท้ รงคุณวุฒิทีมีความรู ้ ความสามารถใน ประเด็ น ที เกี ยวข้ อ งกั บ SMEs จํานวนไม่ เ กิ น 30 คน ซึ งหากจะเที ย บอํา นาจหน้ าที ก็ จะคล้ายคลึ ง กั บ คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ตามพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม พ.ศ.2550 แต่ สิ งทีน่าสนใจคือ ประเทศญีปุ่ นมิ ได้ก ําหนดให้สัดส่ วนและองค์ประกอบของ คณะกรรมการว่าต้องมาจากภาครัฐจํานวนเท่าใด จึงสามารถเปิ ดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่ วมได้ อย่างเต็มที แตกต่างกับกรณี ของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย ทีจะมีกรรมการโดยตําแหน่งทีมาจากภาครัฐด้วย (2) โครงสร้ างของประเทศญีปุ่ นจะแยกหน่ วยงานทีทํา หน้าที ส่ งเสริ มและสนับ สนุ น ใน ระดับนโยบาย กับในระดับปฏิ บตั ิแ ตกต่างกัน โดยในระดับนโยบายจะมีสํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SMEA) เป็ นตัวขับเคลือนนโยบายระดับชาติด้าน SMEs เป็ นหลัก โดยอยู่ภายใต้การกํากับดูแ ล ของรัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้าและการอุ ตสาหกรรม (METI) และมี ค ณะกรรมการในสภาที ให้ คําปรึ กษาในด้านนโยบายเกี ยวกับวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) เป็ นผูใ้ ห้คาํ แนะนํา จากนันจะผ่านนโยบายออกมายังหน่ วยงานที ทําหน้าทีปฏิ บตั ิ ไม่ ว่าจะเป็ นองค์การเพือวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมในระดับภูมิภาคแห่ งประเทศ ญีปุ่น (Organization for SMEs and Regional Innovation, Japan : SMRJ) สถาบันทางการเงินระดับนโยบาย และองค์ก รธุ รกิ จที ให้หลัก ประกัน สิ น เชื อ โดยในส่ วนของ SMEA, SMRJ และ The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council ก็มีกฎหมายในการจัดตังองค์กรดังกล่าวทีแตกต่างกัน ในขณะที ส่ วนของประเทศไทย สสว. เป็ นองค์ ก รหลัก องค์ ก รเดี ย วที ทํา หน้ า ที ใน การส่ งเสริ มและสนับ สนุ น SMEs ภายใต้พระราชบัญ ญัติส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม พ.ศ.2543 โดยทังคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะกรรมการบริ หาร สํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ต่างก็จดั ตังภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน ซึ งผูว้ ิจยั มีขอ้ สังเกต ว่าโครงสร้ าง สสว. ตามกฎหมายมีขนาดทีใหญ่ และยังมีค วามไม่ช ดั เจนว่าจะทําหน้าทีทังในระดับนโยบาย และระดับปฏิ บตั ิ ด้วยหรื อ ไม่ โดยเฉพาะการดําเนิ น งานด้าน SMEsในระดับภูมิภ าค ซึ งอาจจํา เป็ นต้องมี

71 สํานักงานหรื อเครื อข่ายในการดําเนินการโดยเฉพาะ ดังเช่ นในประเทศญีปุ่ น ก็จะมีเครื อข่ายภายใต้ SMRJ ที เรี ยกว่า SME Universities ดังทีได้กล่าวไปแล้ว แต่ท งนี ั ก็ต้องคํานึ งถึงด้วยว่า หาก สสว. จัดตังสํ านัก งาน หรื อเครื อข่ายแล้ว จะทําให้องค์กรมีขนาดใหญ่ไปหรื อไม่ และจะดําเนินงานได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพหรื อไม่ (3) SMEA และสสว. ต่างเป็ นหน่วยงานของรัฐทีเป็ นอิสระเช่นเดียวกัน ทําให้มีขอ้ ดีในเรื อง ความคล่องตัว และมีอิสระในการบริ หารงานมากกว่าการเป็ นส่ วนราชการ 3.2.3 วัตถุประสงค์ และอํานาจหน้าที การจัด ตังสํ า นั ก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม(SMEA) มี ขึ น เพื อกํา หนดนโยบาย การส่ งเสริ มการพัฒนาวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยต้องอยู่ภายใต้ก รอบวัตถุ ประสงค์ 3 ประการ51 คือ (1) ป้ องกัน มิ ให้วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม (SMEs) ได้รับความเสี ยเปรี ย บอัน เนืองมาจากการผูกขาดในการดําเนินธุ รกิ จ (2) ส่ งเสริ มให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถินให้เข้มแข็ง (3) ขจัดอุปสรรคและจัดการสิ งแวดล้อมทางเศรษฐกิ จให้ เอืออํานวยต่ อการดําเนิ นธุ รกิ จ ของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (SMEA) มีอาํ นาจหน้าทีหลักในการกําหนด นโยบายทีเกี ยวข้องกับวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (SMEs) โดยครอบคลุมในด้านการจัดการ ด้าน การเงิ น ด้านการงบประมาณ และด้านการค้าและการสนับสนุนในระดับภูมิภาค ทังนี กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุตสาหกรรมได้มีการก่ อ ตังสาขาสํานัก งานในภู มิภาคทังหมด 9 แห่ ง (ในเมือง Hokkaido, Tohoku, Kanto, Chubu, Kinki, Chugoku, Shikoku, Kyushu และ Okinawa) และมี ก ารนํ า นโยบายของ สํานัก งานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม(SMEA) จากการดําเนินกลางส่ วนกลางส่ งต่อไปยังสํานักงาน ในระดับภูมิภาคเหล่ านี โดยรัฐ บาลท้องถิ นจะมี การจัดตังส่ วนงานหรื อ แผนกพิเศษทีจะส่ งเสริ มวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) เช่นกัน

51

ศุภชั ศุภชลาสั ย และคณะ, การดํา เนิ น มาตรการสนั บสนุ น SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ศึ ก ษาประเทศญี ปุ่ น ไต้ ห วั น อิ ตาลี และ ออสเตรเลีย) เสนอต่อ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม, (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน ), หน้า ก-21.

72 สํ า นัก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม(SMEA) มี อ ํา นาจหน้า ที ตามกฎหมายที เกี ยวข้อง และกฎหมายลําดับรองต่างๆ ทีต้องปฏิบตั ิ ดังตาราง ตารางอํานาจหน้าทีตามกฎหมายอืนๆ ทีเกียวข้อง และกฎหมายลําดับรองต่างๆ ทีต้องปฏิบตั ิ ชือกฎหมาย

กระทรวงอืนๆ ทีเกียวข้ องกับกฎหมาย

ส่ วนงานในองค์ กรทีเกียวข้ อง

กฎหมายพืนฐาน กฎหมายพืนฐานเกียวกับวิสาหกิจ

กระทรวงการคลัง

Planning Division

ขนาดกลางและขนาดย่อม (Small

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

and Medium Enterprise Basic

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

Law)

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม กระทรวงกิจการภายในและการสื อสาร

การสนับสนุนการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเกียวกับนวัตกรรมทางธุรกิจ และการบริ หารจัดการ กฎหมายเกียวกับการเพิ ม

-

Management Support

ประสิทธิภาพการเทคโนโลยี

Division, founder and

การผลิตหลักของวิสาหกิจขนาด

technical department

กลางและขนาดย่อม (The Act on Enhancement of core manufacturing technology of small and medium-sized enterprises) กฎหมายเกียวกับการส่งเสริ ม

สํานักงานรัฐมนตรี

New Business Development

กิจกรรมทางธุรกิจใหม่ของวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง

Division

ขนาดกลางและขนาดย่อม (Act on กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ the Promotion of the new business กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง activities of small and medium-

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม

sized enterprises)

กระทรวงกิจการภายในและการสื อสาร

กฎหมายเกียวกับการส่งเสริ ม ประสิทธิภาพในธุรกิจการจัด จําหน่ายของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม

-

Commerce Division

73 ชือกฎหมาย

กระทรวงอืนๆ ทีเกียวข้ องกับกฎหมาย

ส่ วนงานในองค์ กรทีเกียวข้ อง

(SME distribution business efficiency Promotion Act) กฎหมายเกียวกับมาตรการพิเศษ

สํานักงานรัฐมนตรี

Management Support Division

สําหรับการฟื นฟูอุตสาหกรรม

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

(Law on Special Measures for

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

Industrial Revitalization)

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม กระทรวงกิจการภายในและการสื อสาร

การเสริ มสร้ างด้านการจัดการพืนฐานของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม National Institute of Organization

-

Planning Division

-

Small business room

-

Management Support Division

for Small & Medium Enterprises and Law กฎหมายเกียวกับธุรกิจขนาดเล็ก และการแนะนําเครื องมือทาง กฎหมายในด้านการลงทุน (Small business, etc. introduction of equipment funding law) กฎหมายเกียวกับการสนับสนุน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Support Act) กฎหมายเกียวกับองค์กรสมาคม

สํานักงานรัฐมนตรี

Management Support Division

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กระทรวงการคลัง (Act on the organization of the

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

Association of Small and Medium กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง Sized Enterprises)

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม

กฎหมายเกียวกับสหกรณ์วิสาหกิจ กระทรวงการคลัง ขนาดกลางและขนาดย่อม (Small

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

and Medium-Sized Enterprise

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

Cooperatives Act)

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม

Management Support Division

74 ชือกฎหมาย

กระทรวงอืนๆ ทีเกียวข้ องกับกฎหมาย

กฎหมายสนับสนุ นการรวมกลุ่ม

ส่ วนงานในองค์ กรทีเกียวข้ อง

-

Commerce Division

-

Trading Division

-

Management Support Division

ขององค์กรธุรกิจในพืนที Shopping street (Shopping street promotion association law) กฎหมายเกียวกับการสนับสนุนการ รับจ้างช่วงของวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (Subcontracting SME Promotion Act) มาตรการทางกฎหมายชัวคราว เกียวกับการกระตุน้ กลุ่ม อุตสาหกรรมทีเฉพาะเจาะจง (Temporary Measures Law on the activation of specific industrial clusters) กฎหมายเกียวกับการสนับสนุน

กระทรวงการคลัง

Commerce Division

การค้าปลีกของวิสาหกิจขนาดกลาง กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ และขนาดย่อม

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

(Small and medium-sized retail

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม

commercial promotion law) กฎหมายเกียวกับการส่งเสริ มที

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

สําคัญเพือกระตุน้ การดูแลและ

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม

พัฒนาทางด้านการค้าของเมืองทีอยู่ กระทรวงกิจการภายในและการสื อสาร ในใจกลาง (Law Concerning the integral promotion of activation of such commercial maintenance and improvement of the city in the central city)

Commerce Division

75 ชือกฎหมาย กฎหมายทีเกียวกับสนับสนุ น

กระทรวงอืนๆ ทีเกียวข้ องกับกฎหมาย

ส่ วนงานในองค์ กรทีเกียวข้ อง

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

Management Support Division

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

Management measures to

การปรับปรุ งการจัดการในด้าน การจ้างงาน เพือเพิ มโอกาสใน การจ้างงานและความปลอดภัยของ แรงงานในวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (Act on the Promotion of Improvement of Employment Management for the creation of employment opportunities and good secure labor in small and medium-sized enterprises) กฎหมายเกียวกับการช่วยเหลือ ทางด้านเงินสําหรับการเกษี ยณอายุ

stabilize room

ในวิสาหกิจขนาดเล็ก (Smaller Enterprise Retirement Allowance Mutual Aid Act) กฎหมายเกียวกับการจ่ายเงินล่าช้า

Japan Fair Trade Commission

Trading Division

ของเงินทีได้จากการรับจ้างช่วง (Delay in Payment of Subcontract Proceeds, etc. Act) Act for securing orders for small

-

Trading Division

business from the Government and Other Public Agencies การปรั บตัวได้ อย่างราบรื นกับความเปลียนแปลงทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางสังคม กฎหมายเกียวกับการสนับสนุน

กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ

Management measures to

ทางด้านการเงินเป็ น พิเศษใน

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

stabilize room

การจัดการกับภัยพิบตั ิรุนแรง

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

76 ชือกฎหมาย

กระทรวงอืนๆ ทีเกียวข้ องกับกฎหมาย

ส่ วนงานในองค์ กรทีเกียวข้ อง

(Act on Special Financial Support กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม to deal with serious disaster)

กระทรวงกิจการภายในและการสื อสาร

กฎหมายเกียวกับการให้เ งิน

กระทรวงการคลัง กระทรวงศึกษาธิการ

Management measures to

ช่วยเหลือและการสนับสนุ นทาง

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

stabilize room

การเงินเป็ นพิเศษในการจัดการกับ กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง เหตุการณ์แผ่นดินไหวที Hanshin-

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม

Awaji

กระทรวงกิจการภายในและการสื อสาร

(Act for grants and financial assistance of special to deal with the Great Hanshin-Awaji Earthquake) The Act on the Adjustment of

สํานักงานรัฐมนตรี

Business Activities of large

กระทรวงการคลัง

Trading Division

companies who order to ensure the กระทรวงศึกษาธิการ opportunity of business activities

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

of small and medium-sized

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

enterprises

กระทรวงทีดิน โครงสร้างพืนฐานและการคมนาคม กระทรวงกิจการภายในและการสื อสาร

กฎหมายเกียวกับการปรับปรุ ง

กระทรวงการคลัง

Trading Division

มาตรฐานเป็ นพิเศษในการค้าปลีก

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

อย่าง (Retail commercial

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

adjustment special measures law) กฎหมายเกียวกับการช่วยเหลือ

-

ป้ องกันร่ วมกันต่อการล้มละลาย

Management measures to stabilize room

ของธุรกิจขนาดเล็ก (Small business bankruptcy prevention mutual aid law) กฎหมายเกียวกับการช่วยเหลือ

-

Management measures to

77 ชือกฎหมาย

กระทรวงอืนๆ ทีเกียวข้ องกับกฎหมาย

ธุรกิจขนาดเล็ก (Small business

ส่ วนงานในองค์ กรทีเกียวข้ อง stabilize room

mutual aid law) การเสริ มสร้ างความเข้มแข็งของเงินลงทุนพืนฐานและการจัดหาแหล่ งทุนให้เป็ นไปอย่างราบรื น กฎหมายเกียวกับด้านการเงินของ

กระทรวงการคลัง

Finance Division

กระทรวงการคลัง

Finance Division

สํานักงานรัฐมนตรี

Finance Division

องค์กรวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (SME Finance Corporation Act) กฎหมายของธนาคาร Shoko Chukin (Shoko Chukin Bank Act) กฎหมายทีให้ความสําคัญใน

การลงทุนซึ งร่ วมมือกับสถาบันทาง กระทรวงการคลัง การเงิน (Act for priority

กระทรวงสาธารณสุ ข แรงงาน และสวัสดิการ

investments in cooperative

กระทรวงเกษตร การป่ าไม้และการประมง

financial institution) กฎหมายเกียวกับการประกันภัยที

-

Finance Division

น่าเชือถือของธุรกิจขนาดเล็ก (Small business credit insurance law) กฎหมายเกียวกับการคําประกันที

สํานักงานรัฐมนตรี

Finance Division

น่าเชือถือขององค์กร (Credit guarantee corporation law) กฎหมายเกียวกับการลงทุนของ

-

Financial Affairs Division

องค์กรธุรกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (Small and Medium Business Investment Corporation Act) ธุรกิจขนาดเล็ก กฎหมายเกียวกับการให้การ

Small business room

78 ชือกฎหมาย

กระทรวงอืนๆ ทีเกียวข้ องกับกฎหมาย

ส่ วนงานในองค์ กรทีเกียวข้ อง

สนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กโดย หอการค้า (Act on the support of small businesses by the Chamber of Commerce) กฎหมายหอการค้า (Chamber of

-

Small business room

-

Counsellor

Commerce Law) องค์กรทีดูแลวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กฎหมายจัดตังวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (Small and Medium Enterprise Agency Establishment Act)

ข้อสั งเกตเปรี ยบเทียบกับประเทศไทย (1) การกําหนดวัตถุ ป ระสงค์แ ละอํานาจหน้า ที ของ สสว. ตามพระราชบัญญัติส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 เป็ นการกําหนดตามรู ปแบบการร่ างกฎหมายจัดตังองค์กรของ ประเทศไทย เพือให้เห็นความเชือมโยงของ สสว. กับคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่อ ม และคณะกรรมการบริ หารสํ านัก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม ซึ งทําให้ย งั ไม่ เ ห็ น ถึ ง ความสํ า คั ญ ของ สสว. ว่ าควรมี ทิ ศ ทางหรื อ นโยบายขององค์ ก รเป็ นอย่ างไร แตกต่ างจากกํา หนด วัตถุประสงค์แ ละอํานาจหน้าที ของ SMEA ของประเทศญีปุ่ นทีมี การกําหนดอย่างชัดเจน ว่าจัดตังขึนเพือ ป้ องกันมิให้ SMEs ได้รับความเสี ยเปรี ยบอันเนืองมาจากการผูกขาดในการดําเนินธุ รกิจ การส่ งเสริ มให้เกิ ด การพัฒ นาเศรษฐกิ จท้อ งถิ นให้เข้มแข็ง และการขจัดอุ ปสรรคและจัดการสิ งแวดล้อมทางเศรษฐกิ จให้ เอืออํานวยต่อการดําเนินธุ รกิจของ SMEs (2) การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ทังในประเทศญีปุ่ น และในประเทศไทย นอกจากจะ มีกฎหมายจัดตังองค์ก รทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุ นอันเป็ นกฎหมายพืนฐานแล้ว ก็ ยงั มีกฎหมายอืนๆ ทีเกี ยวข้อ งทีองค์กรอย่าง SMEA และสสว. ต้องคํานึงถึง เนื องจากอาจมี อาํ นาจหน้าทีบางประการทีองค์ก ร ของตนจะต้องเข้าไปเกี ยวข้อง หรื อมีความร่ วมมือกับองค์กรหรื อกระทรวงอืนๆ

79 อย่างไรก็ตาม ควรจะต้องมีก ารรวบรวมและจัดทําข้อมูลของกฎหมายอืนๆ ทีเกี ยวข้องกับ การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs อย่างเป็ นระบบและปรั บปรุ งข้อ มูล ดังกล่ าวให้ทันสมัยสอดคล้องกับ การเปลียนแปลงของกฎหมายทีใช้บงั คับอยูใ่ นปั จจุบนั เพือนํามาใช้ในการดําเนินงานขององค์กร ตลอดจน เป็ นฐานข้อมูลที SMEs สามารถนําไปใช้ในการดําเนินธุ รกิจได้ 3.2.4. งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ ในปี 2012 กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุ ต สาหกรรม (METI) ได้รับงบประมาณที เป็ น การส่ งเสริ มการดําเนินงานของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อ ม เป็ นจํานวนเงินทังสิ น 106 พันล้า นเยน และในปี 2013 ได้มีการของบประมาณเพือเป็ นการส่ ง เสริ มการดําเนิ นงานของวิส าหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อม เพิมขึนเป็ น 107.1 พันล้านเยน52 โดยงบประมาณในปี 2013 ดังกล่าว ได้ครอบคลุมความช่ วยเหลือวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่อม (SMEs) ที ได้รับผลกระทบจากเหตุ การณ์ แผ่น ดินไหวครังใหญ่ เมือ 11 มีนาคม 2011, การสนับสนุ น ผูป้ ระกอบธุ รกิ จขนาดเล็ก , การสนับสนุ นในการแก้ไขปั ญหาซึ งเป็ นความท้าทายใหม่ ของวิสาหกิ จขนาด กลางและขนาดย่อ ม (SMEs) ทีเป็ นผูผ้ ลิ ตสิ น ค้าและเป็ นผูส้ ่ งออกสิ น ค้าไปยังต่ างประเทศ, การปรั บปรุ ง การดําเนินธุ รกิจวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อ ม (SMEs) ในระดับภูมิภาคผ่านช่องทางการทางการค้าใน ระดับภูมิภาคทีมีค วามเข้มแข็ง, การปรั บปรุ งการดําเนิ นธุ รกิจวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) และธุ รกิ จขนาดเล็กในระดับปฏิบตั ิการ, การสนับสนุ นทางการเงิ น และการสร้ างความร่ วมมือระหว่างภาค การเกษตร ภาคการค้า และภาคการผลิต จากจํานวนเงินงบประมาณข้างต้น กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุ ตสาหกรรม (METI) ได้มี การกระจายงบประมาณผ่านองค์กรต่างๆ ทีเกียวข้องตามแผนภาพในข้อ 3.2.2 โดยเฉพาะสํานักงานวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) ที จะเป็ น องค์ก รหลัก ในระดับนโยบายที จะกระจายงบประมาณของ กระทรวงไปยังองค์กรอืนๆ ได้แก่ องค์ก ารเพือวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมและนวัตกรรมในระดับ ภูมิภาคแห่งประเทศญีปุ่ น (Organization for SMEs and Regional Innovation, Japan: SMRJ) สถาบันการเงิน ระดับนโยบาย (Policy-Based Financial Institutions: JASME, NLFC และ Shoko Chukin Bank) ตลอดจน องค์กรธุ รกิจทีให้หลักประกันสิ นเชือ (Credit Guarantee Corporations) นอกจากนันแล้ว กระทรวงเศรษฐกิจ 52

Ministry of Economy Trade and Industry, FY2013 Budget Request (2013), .

80 การค้า และการอุตสาหกรรม (METI) ยังมีค วามร่ วมมือกับอําเภอ/เขตต่างๆ (Prefectures)ในระดับภูมิภาค นํามาซึงการสนับสนุนงบประมาณแก่ศูนย์ส นับสนุน SMEs (SME Support Centres) ในแต่ละภูมิภาค โดยมี ความร่ วมมือกับสภาหอการค้าและการอุตสาหกรรม (Chamber of Commerce and Industry) ทัง 520 แห่ ง ใน การดําเนิ นงานดังกล่าว ดังนัน จะเห็นได้วา่ การดําเนิน การด้านงบประมาณของ SMEs ประเทศญีปุ่นนัน จะเป็ นการดําเนิ น นโยบายอย่างเป็ น ระบบ โดยผ่านกระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุตสาหกรรม (METI) เป็ นหลัก ใน การกระจายงบประมาณสู่ องค์กรทีดําเนินด้านนโยบาย SMEs อย่าง SMEA องค์การทีดําเนินงาน SMEs ด้าน ปฏิบตั ิ อย่าง SMRJ ตลอดจนสถาบันทางการเงินและองค์กรทางธุ รกิจทีให้หลักประกันสิ นเชื อ ข้อสั งเกตเปรี ยบเทียบกับประเทศไทย (1) ประเทศญี ปุ่นให้ความสําคัญ กับการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs เป็ นอย่างยิ ง ดังจะ เห็ น ได้จากเอกสารการของบประมาณของกระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุ ตสาหกรรม (METI) จะมี การจัดสรรงบประมาณทีให้การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ออกมาโดยเฉพาะ นอกจากนันแล้วใน งบประมาณปี 2013 ยังตังงบประมาณเฉพาะกิจเพือช่วยเหลือ SMEs ในเขตพืนทีภัยพิบตั ิทีประสบภัยสึ นามิ จึงนับว่าประเทศญีปุ่ นให้ความสําคัญกับ SMEs เป็ นอย่างยิ ง (2) ระบบการจัดสรรงบประมาณเพื อส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของประเทศญี ปุ่ น จะมีกระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุตสาหกรรม (METI) และสํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (SMEA) เป็ นองค์กรหลักทีทําหน้าที ดําเนิ นการจัดสรรงบประมาณในระดับนโยบาย ผ่านไปยังองค์ก ร ต่างๆ ทีเกียวข้องทังในระดับชาติและระดับภูมิภาค ทําให้มีการจัดสรรงบประมาณทีเป็ นระบบ ส่ วนประเทศไทย ระบบการจัดสรรงบประมาณ เป็ นการจัดสรรตามรายองค์กรทีแยกตาม รายกระทรวง ดังนัน บางกรณี การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs อาจจะมีการกระจายงบประมาณอยูใ่ นหลาย องค์กรหลายกระทรวง ซึ งทําให้ขาดความเป็ นเอกภาพ และทําให้ผปู ้ ระกอบการ SMEs ต้องเสี ยเวลาติดต่อ ประสานไปยังหน่วยงานอืนๆ นอกจากสสว.

81 3.2.5 รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุนของภาครัฐและปั จจัยทีส่ งผลต่อ ความสําเร็ จของ SMEs ทีผ่านมา รั ฐบาลญีปุ่ นได้มีการดําเนินรู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ออกมาในหลายมาตรการ ซึ งถือว่าเป็ นมาตรการการดําเนินการทีประสบผลสําเร็ จ อาทิ53 (1) มาตรการด้านสิ นเชื อ รั ฐ บาลญีปุ่ นได้จดั ตังสถาบันการเงิ นเพือทํา หน้าที เป็ นแหล่ ง เงิ นทุน ให้กับ SMEs โดยเฉพาะ ประกอบด้วย 3 สถาบันหลัก คือ บริ ษทั เงินทุ นเพือธุ รกิ จขนาดเล็ก(Japan Finance Corporation for Small Business: JFS) บริ ษทั เงินทุ นแห่ งชาติ (National Life Finance Corporation: NLFC) และธนาคารกลางเพือสมาคมหอการค้า (Shoko Chukin Bank: SCB) (2) มาตรการด้า นการลงทุ น เช่ น มาตรการสนับ สนุ น ทางการเงิ น โดยตรงแก่ SMEs มาตรการการให้สิน เชื อหรื อ ร่ วมลงทุ น กับโครงการของ SMEs ที มี ศกั ยภาพที จะพัฒ นาให้ เกิ ดมูล ค่ าเชิ ง พาณิ ช ย์ มาตรการการสนับสนุ น ทางการเงิ น โดยอ้อ มผ่ านบริ ษ ทั ร่ วมทุ น (Venture Capital Companies) เป็ นต้น (3) มาตรการคําประกันสิ น เชือ มีการจัดตังระบบเพือคําประกันความเสี ยงในสิ นเชื อและ เงินลงทุน ให้กบั SMEs ทีมี ปัญหา โดย SMEs ทีได้รับการคําประกันจะสามารถกู้ยืมได้จากระบบคําประกัน ความเสี ยงในต้นทุนทีสู งกว่าอัตราตลาดเล็กน้อย (4) มาตรการด้านการคลัง และภาษี เช่ น การให้สิ ทธิ พิเศษทางภาษี เ พือเป็ น แรงจูงใจให้ SMEs เข้าร่ วมโครงการพัฒนาต่ าง ๆ การสนับสนุ นให้ SMEs ได้รับการจัดซื อจัดจ้างจากภาครั ฐ เพือเป็ น การรัก ษาโอกาสในการดําเนินธุ รกิจให้กบั SMEs ทีมักจะเสี ยเปรี ยบธุ รกิ จขนาดใหญ่ การให้สิทธิ พิเศษทาง ภาษีเพือส่ งเสริ มธุ รกิจจัดตังใหม่ และการลดภาระภาษีแก่ SMEs เป็ นต้น (5) มาตรการด้านการรับช่ วงการผลิต และการเชือมโยงธุ รกิจ โดยรัฐบาลญีปุ่ นได้มีการจัดตัง องค์กรทีรับ ผิดชอบ เช่ น สมาคมเพือการส่ งเสริ มการรับช่ วงการผลิ ต แห่ งชาติ (National Association for Subcontracting Enterprises Promotion: NASEP) สมาคมเพื อการส่ ง เสริ ม การรั บ ช่ ว งผลิ ต ของจัง หวัด (Prefectural Association for Subcontracting Enterprises Promotion) และศู น ย์ ข ้อ มู ล คู่ ค้ า ธุ ร กิ จ ระหว่ า ง ประเทศ (International Business Partner Information Center) 53

ปรับปรุ งและสรุ ปความจาก ศุภชั ศุภชลาสัย และคณะ, การดําเนิ นมาตรการสนับสนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ศึกษาประเทศญีปุ่น ไต้ หวัน อิตาลี และออสเตรเลีย) เสนอต่อ กรมส่งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม, (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน ), 3-32 ถึง 3-50.

82 (6) มาตรการด้ า นการพั ฒ นาเทคโนโลยี ผลิ ต ภัณ ฑ์ และการบริ หารจัด การ เช่ น การให้ความช่วยเหลือในการลงทุนการพัฒนาเทคโนโลยีผ่านระบบสิ นเชือ SMEs และการคําประกันสิ นเชือ และการร่ วมทุน (Venture Capital) การสนับสนุนความร่ วมมือระหว่างสถาบันการศึกษากับอุ ตสาหกรรม โดยการตังศูนย์เทคโนโลยีเพือให้บริ การวิจยั และให้คาํ ปรึ กษาแก่ SMEs การจัดตังศู นย์ทรัพย์สินทางปั ญญา เพือให้บริ ก ารฐานข้อมูล ด้านสิ ทธิ บตั รแก่ SMEs การพัฒนาระบบข้อมูลข่ า วสารของ SMEs โดยผ่านศูน ย์ ข้อ มู ล ของประเทศและจัง หวัด การจัด ตังศู น ย์บริ ก ารให้ค าํ ปรึ ก ษาในระดับประเทศและระดับท้องถิ น การส่ งเสริ ม โอกาสในการพัฒ นาศัก ยภาพของ SMEs โดยเปิ ดโอกาสให้ SMEsสามารถเชื อมโยงกับ ต่างประเทศ และขยายการค้าการลงทุนในต่างประเทศ การฝึ กอบรมเพือพัฒนาทรั พยากรบุคคล โดยผ่าน หน่วยงานต่าง ๆ เป็ นต้น (7) มาตรการด้านการส่ งเสริ มการรวมกลุ่ม เช่ น การให้สินเชือเพือสนับสนุนการรวมกลุ่ม โดย SMEs ทีเป็ นสมาชิ กสหกรณ์ จะได้รับสิ ทธิ ประโยชน์ในการกู้ยืมและรับการสนับสนุ น จาก ธนาคาร กลางเพื อสมาคมหอการค้า (Shoko Chukin Bank) การคําประกัน สิ น เชื อเพื อสนับ สนุ น การรวมกลุ่ ม โดย SMEs ทีเป็ นสมาชิกของสหกรณ์จะได้รับสิ ทธิประโยชน์ในการคําประกันสิ นเชือ โดยเฉพาะอย่างยิ งใน การกูย้ ืมจากสถาบันเพือการพัฒนา SMEs ต่าง ๆ โดยไม่ตอ้ งมีหลักทรัพย์ค าํ ประกันแต่ สามารถให้สหกรณ์ คําประกันแทน การส่ งเสริ มการสร้างเขตการค้าของ SMEs เพือให้ SMEs มีการรวมกลุ่มและอยูใ่ นพืนทีทีมี สภาพแวดล้อมทีเหมาะสมต่อการทําธุ รกิจ เป็ นต้น (8) มาตรการด้านการตลาดและการส่ งออก เช่ น การส่ งเสริ มการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ ในระบบการค้า เช่ น การให้ความ การสร้ างศูนย์อาํ นวยความสะดวกในแต่ละจังหวัดเพือให้บริ การแก่ SMEs ในราคาตํา การสร้ างโอกาสให้ผูป้ ระกอบการ นักลงทุน และผูบ้ ริ โภคพบปะกัน โดยสนับสนุ นการจัดงาน แสดงสิ นค้าต่ าง ๆ การสัมมนาระหว่างประเทศเพือเป็ นเวทีทีผู ้ประกอบการนักลงทุ น และผู ้บริ โภคทังใน ประเทศและต่ างประเทศจะได้พบปะแลกเปลียนความเห็ น ในการทําธุ รกิ จร่ วมกัน การสํารวจ วิจยั และ การให้บริ การข้อมูลด้านการตลาดและการส่ งออกได้แก่การให้บริ การรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และเผยแพร่ ข้อมูลทีเป็ นประโยชน์แก่ SMEs ตลอดจนการให้คาํ ปรึ กษาต่าง ๆ เป็ นต้น (9) มาตรการช่ วยเหลื อ SMEs ในการปรับตัวรับการเปลียนแปลงทางเศรษฐกิ จและสังคม เช่ น การจัด ตังระบบบรรเทาผลกระทบ (Mutual Reliefs System) โดยจัดตังกองทุน สํารองเลียงชี พสําหรั บ วิสาหกิจขนาดย่อม ซึ งสมาชิ กจะจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุน โดยเงินสมทบดังกล่าวสามารถนํามาหักภาษีได้ เต็มจํานวน โดยเมือเลิก กิ จการ เกษียณอายุ หรื อ ลาออกจากงาน กองทุนจะจ่ายบํานาญแก่ส มาชิ กหรื อจ่าย

83 บําเหน็จเพือใช้ในการเริ มต้นธุ รกิจใหม่ การจัดตังระบบป้ องกันการล้มละลายเป็ นลูกโซ่ ของ SMEs (Mutual Relief System for the Prevention of Bankruptcies in SMEs) โดยจัดตังกองทุน กู้ยืมฉุ ก เฉิ น ให้กับ SMEs ที ประสบปั ญหาสภาพคล่องเนืองจากได้รับผลกระทบจากการล้มละลายของลูกหนีหรื อคู่คา้ โดย SMEs ทีเข้า ร่ วมกองทุนจะได้สิทธิประโยชน์ในการกู้ยืมฉุกเฉิ นจากกองทุนได้ในวงเงินสู งสุ ด 10 เท่าของเงินสมทบทีได้ จ่ายให้กบั กองทุนมาแล้ว โดยมีระยะปลอดดอกเบียและเงินต้น 6 เดือน เป็ นต้น สําหรั บสํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) ซึ งเป็ นองค์กรหลักของรั ฐบาล ญีปุ่ นทีมี หน้าที ในการดําเนิ นนโยบายส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ก็ได้มีการจัดรู ปแบบการสนับสนุ นและ ส่ งเสริ มแก่วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ งสามารถแบ่งออกเป็ น 4 ด้านหลักๆ ดังนี (1) ด้านการจัดการ54 ได้แก่ 1) การเริ มต้นกิจการ การช่วยในการวางแผนทีจะเริ มต้นธุรกิจ หรื อการเป็ นเจ้าของ ธุรกิจ โดยพยายามปรับปรุ งการดําเนิ นงานในทางการเงิน และการให้ขอ้ มูลต่างๆ ทีเกี ยวข้องแก่ผูป้ ระกอบ ธุรกิจ 2) นวัต กรรมทางธุ ร กิ จ การช่ ว ยวิ ส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ มในด้า น นวัตกรรมทางธุ รกิจ โดยการจัดหาเงินทุน การจัดการในด้านภาษี และการอบรมในเรื องตลาด 3) ความร่ วมมือทีเกิ ดขึนใหม่ การสนับสนุ นให้วสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ได้มีค วามร่ วมมือระหว่างกัน เพือเข้าถึงพืนทีทางธุรกิจใหม่ๆ โดยการให้คาํ ปรึ กษาและสนับสนุ นทางด้าน การเงิน 4) การฟื นฟู ท างธุ ร กิ จ การสนับ สนุ น วิ ส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ มใน การฟื นฟูธุรกิ จของตน โดยผ่านทางคณะกรรมการสนับสนุนฟื นฟูวสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SME Revitalization Support Committee) 5) ทรัพยากรมนุษย์และการจ้างงาน การสนับสนุนในการพัฒนาทางด้านทรัพยากร มนุษย์ เพือสร้างความท้าทายทางธุ รกิจ โดยมีระบบให้คาํ ปรึ ก ษาแก่วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ การนําเสนอการฝึ กอบรม หรื อการส่ งไปฝึ กอบรม 54

Small and Medium Enterprise Agency, Management Support , (2013) .

84 6) ธุ ร กิจในยุคโลกาภิวตั น์ การให้ขอ้ มูลให้คาํ ปรึ กษาเพือช่วยวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อมในการผลักดันผลผลิต หรื อหาตลาดในต่างประเทศ 7) การปฏิบตั ิทางการค้า และการจัดซื อจัดจ้างในภาครัฐ การส่ งเสริ มให้มีปฏิบตั ิใน การรับช่วงอย่างเป็ นธรรม และการพัฒนาด้านๆ ให้แก่วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทีเป็ นผูร้ ับช่วง เพือ เพิ มโอกาสให้วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมประสบผลสําเร็ จ 8) ความมันคงทางธุ รกิ จ การช่ วยเหลือวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ในการรักษา เสถียรภาพการดําเนินงาน โดยการสนับสนุ นด้านต่างๆ หากประสบภาวะล้มละลาย การระบาดของไข้หวัด ใหญ่ หรื อกระทังแผ่นดินไหว ตลอดจนการวางแผนธุ รกิ จให้มีความต่อเนือง 9) ระบบการช่ วยเหลือซึ งกันและกัน การช่ วยบริ ษทั ขนาดเล็กในการเตรี ยมพร้ อม หากต้องมีการเลิกกิจการ หรื อกรณี ทีวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมต้องประสบปั ญหาว่าลูกค้ารายใหญ่ ของตนประสบภาวะล้มละลาย 10) ธุ รกิจขนาดเล็ก การให้ก ารสนับสนุ นด้านบริ หารจัดการ และด้านการเงินแก่ ธุรกิจทีมีลูกจ้างน้อยกว่า 20 คน (หรื อน้อยกว่า 5 คนในกิ จการทีอยู่ในภาคการค้าหรื อการบริ การ) 11) ผู้ผ ลิ ตขนาดกลางและขนาดย่ อม การสนับสนุ น ในด้านการวิจยั และพัฒ นา ผลิ ตภัณ ฑ์ ตลอดจนการพัฒ นาด้า นทรั พยากรมนุ ษ ย์ให้ ก ับ วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มโดยใช้ เทคโนโลยีก ารผลิ ตที สํ าคัญ และมี ก ารคัด เลื อก 300 ผู้ผ ลิ ต ในวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มที มี ความน่าตืนตาตืนใจ 12) ทรัพย์สิ นทางปั ญ ญา การสนับสนุ นยุทธศาสตร์ ในด้านทรั พย์สินทางปั ญ ญา ของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม โดยมีการดําเนิ น การใช้มาตรการคุม้ ครองในด้านทรั พย์สิ น ทาง ปั ญญา และมาตรการต่อสู ้ กบั ความเสี ยหายทีมีสาเหตุมาจากการปลอมแปลงทรัพย์สินทางปั ญญา 13) ศู นย์ให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อ ม มีผูเ้ ชียวชาญทีจะให้ ความช่วยเหลือผูป้ ระกอบการวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมทีอยู่ในภาวะต้องเผชิญกับความท้าทายจาก ความยาก หรื อ ความเฉพาะทางธุ รกิ จ (เช่ น การก่อ ตังของธุ รกิ จใหม่ การสื บทอดทางธุ รกิ จ เป็ นต้น) และ การช่วยเหลือด้านอืนๆ แก่ผปู ้ ระกอบการวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมโดยตรง หรื อการสนับสนุนใน ด้านต่างๆ

85 (2) ด้านการเงิน55 ได้แก่ 1) การประกันความปลอดภัย การช่วยเหลือวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมทีมี ความมันคงทางธุ รกิ จ จากการถู กคุ ก คามจากภายนอก (เช่ น ลูก ค้ารายใหญ่ถู กจํากัดทางธุ รกิ จ หรื อ อยู่ใน กระบวนการฟื นฟู กิ จการ ผลกระทบจากภัย พิ บตั ิ ความล้ม เหลวของธนาคารหลัก เป็ นต้น ) โดยการให้ การคําประกันเพิ มเติม 2) สิ นเชือทีปลอดภัย การให้สินเชื อแก่วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมทีเผชิ ญ ชัวคราวกับปั ญหากระแสเงิ นสด ระหว่างทีเกิ ด ความเปลี ยนแปลงในสภาวะแวดล้อ มธุ รกิ จอย่ างรุ น แรง การล้มละลายของลูกค้ารายใหญ่ หรื อปั ญหาทีเกิดจากธนาคารหลัก (3) ด้านงบประมาณ56 ได้แก่ 1) ด้านภาษี การให้ขอ้ มูลและคําแนะนําเกียวกับมาตรการทางภาษีทีจะสนับสนุ น การดําเนินงานของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 2) ด้านการบัญชี การให้ขอ้ มูลและคําแนะนําทางด้านบัญชีแก่วสิ าหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อ ม ซึ งจะช่ วยให้วสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มสามารถนําไปวิเคราะห์ การบริ หารจัดการ และมันใจในการจัดหาเงินทุน ตลอดจนการเพิ มปริ มาณการสั งซื อสิ นค้า 3) กฎหมายเกี ยวกับบริ ษ ัท การให้ข ้อ มู ล และคําแนะนํา เกี ยวกฎหมายเกี ยวกับ บริ ษทั ฉบับใหม่ ซึ งรวมถึงระบบต่างๆ ทีก่ อให้เกิ ดประโยชน์ในทางธุ รกิจแก่วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม เช่น ระบบการให้คาํ ปรึ กษาทางบัญชี เป็ นต้น 4) การสื บทอดทางธุ รกิจ การให้ขอ้ มูลและคําแนะนําเกียวกับมาตรการทีจะช่วยให้ การดําเนินธุ รกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมสามารถดําเนินไปได้อย่างต่อเนือง

55

Small and Medium Enterprise Agency, Financial Support, 2013, . 56

Small and Medium Enterprise Agency, Fiscal Support, (2013) .

86 (4) ด้านการค้าและการสนับสนุ นในระดับภูมิภาค57 ได้แก่ 1) การฟื นฟู ในทางการค้า การสนับสนุ น ความความพยายามในการปรั บปรุ ง ความน่าดึงดูดใจของร้ านค้าขนาดเล็กและขนาดกลาง และย่านศู นย์กลางทางการค้า 2) อุตสาหกรรมในภู มิภาค การเสริ มสร้ างและสนับสนุน อุตสาหกรรมในระดับ ภูมิภาค เช่ น อุตสาหกรรมพืนฐานในท้องถิ น อุ ตสาหกรรมดังเดิม ที เป็ น งานฝี มือ เป็ นต้น โดยให้ก ารเงิน อุดหนุน และเงินกูย้ ืมดอกเบียตํา 3) ความร่ วมมื อ ระหว่ า งภาคการเกษตร การพาณิ ช ย์ และภาคอุ ต สาหกรรม การสนับสนุนช่วยเหลือการดําเนินกิจกรรมอย่างครอบคลุมทางธุ รกิ จ โดยเป็ นความร่ วมมือระหว่างวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม และผูท้ ีมีส่วนร่ วม(หรื อทํางาน) ในภาคการเกษตร ป่ าไม้ และประมง 4) แคมเปญการจัดการประชุมและแลกเปลียนประสบการณ์ทีน่าสนใจในภู มิภาค โดยมีการประชาสัมพันธ์ และเผยแพร่ ผลิตภัณฑ์ทีน่าสนใจในภูมิภาคในลักษณะเชิ งรุ กเพิ มขึน ทีผ่านมาสํานักงานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) มีส่วนอย่างยิ งทีทําให้ การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของรัฐบาลญีปุ่น สามารถดําเนินงานไปอย่างประสบผลสําเร็ จ ยกตัวอย่าง เช่ น ในปี 2010 นัก ลงทุนได้เข้ามาใช้บริ ก ารโปรแกรมการสนับสนุ น SMES ซึ งนับว่าเป็ นทีนิ ยมมากทีสุ ด คือ การให้บริ ก ารให้คาํ ปรึ กษาเกี ยวกับธุ รกิ จในยุค โลกาภิวตั น์ และการพัฒนาการเติบโตของตลาดใหม่ๆ (business globalization and the development of new markets) ตลอดจนการคุม้ ครองในด้านทรั พย์สิ นทาง ปั ญญาให้แก่ วสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม58 เป็ นต้น ข้อสั งเกตเปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ผู ้วิจยั เห็ น ว่าการดําเนิ น งานด้า น SMEs ที ประสบผลสํ า เร็ จของประเทศญี ปุ่ น มี ปัจจัย ความสําเร็ จทีควรเป็ นข้อสังเกต ดังนี

57

Small and Medium Enterprise Agency, Commerce and Regional Support, (2013) . 58

Rika Nakagawa. The Policy Approach In Promoting Small And Medium Sized Enterprises In Japan, International Business & Economics Research Journal (October 2012, Volume 11, Number 10), 1092.

87 (1) ระบบการส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น ที มี โ ครงสร้ า งอย่า งเป็ นเอกภาพ โดยมี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม (METI) เป็ นองค์กรหลักในการกํากับดูแลหน่วยงานทีเป็ น ภาครั ฐ อย่าง SMEA ให้ ดาํ เนิ น งานด้า น SMEs ในระดับนโยบาย ต่ อ เนื องไปยัง องค์ก รที ดํา เนิ น งานใน ภาคปฏิ บตั ิ อ ย่าง SMRJ ซึ งมี หน้ า ที สํ าคัญ ในการพัฒ นาในด้านทรั พยากรบุ คคล โดยผ่านเครื อ ข่าย SME Universities ตลอดจนการให้การสนับสนุ นสถาบันทางการเงินในระดับนโยบาย และองค์ก รทางธุ รกิจทีให้ หลักประกันสิ นเชือ ระบบและโครงสร้างเหล่านี นีเองทําให้การพัฒนา SMEs ของประเทศญีปุ่ นเป็ นไปใน ทิศทางเดียวกัน (2) การให้ความสํ าคัญ ของรั ฐบาลญี ปุ่นทีเห็ นว่า SMEs เป็ นหน่ วยงานทางธุ รกิ จ ของประเทศทีสําคัญในการพัฒนาเศรษฐกิ จของประเทศให้มีค วามเข้มแข็ง ดัง จะเห็นได้จากการกําหนด นโยบายและงบประมาณในส่ วนของ SMEs ออกมาโดยเฉพาะ (3) การมี กฎหมาย และมาตรการต่างๆ ออกมาอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ เพือส่ งเสริ ม และสนับสนุ น ให้ SMEs สามารถจะดําเนิ น ธุ ร กิ จต่ อ ไปได้ในแต่ ล ะยุค สมัย แม้ต้อ งเผชิ ญ กับภาวะทาง เศรษฐกิ จ สั งคม และภัยพิ บตั ิ ต่า งๆ ซึ งเป็ นจุด ที ต้อ งยอมรั บว่า SMEs ในประเทศญี ปุ่ นมี พฒั นาการและ การให้ความสําคัญมายาวนานกว่าในประเทศไทย ดังนัน กฎหมายและมาตรการต่างๆ ทีออกมารองรับ จึงมี เป็ นจํานวนมาก ซึ งประเทศไทยเอง สามารถนํามาปรับใช้เป็ นต้นแบบได้ (4) การมี ส ภาที ให้ค ําปรึ ก ษาในด้านนโยบายเกี ยวกับ วิส าหกิ จขนาดกลางและ ขน าดย่ อ ม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) ซึ งอยู่ ใ นรู ปแบ บของคณ ะ กรรมการ โดยมีหน้าทีให้คาํ ปรึ ก ษาแก่ รัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้าและการอุ ตสาหกรรม (METI) หรื อรัฐมนตรี ทีเกี ยวข้องเมือได้รับการร้ องขอ ซึ งมีขอ้ สังเกตว่า คณะกรรมการชุ ดนีมาจากผูท้ รงคุณวุฒิทีมี ความรู ้ ค วามสามารถในประเด็ น ที เกี ยวข้ อ งกับ SMEs ดัง นัน ผู ้ ป ระกอบการ SMEs จากภาคเอกชน จึงสามารถเข้ามามีบทบาทสําคัญในการเสนอแนะนโยบายต่อภาครัฐในการดําเนินงานเกียวกับ SMEs อันจะ แตกต่างกับรู ปแบบของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะกรรมการบริ หาร สํ านัก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม ซึ งกว่ากึ งหนึ งของกรรมการโดยตําแหน่ งมาจากภาครั ฐ อันอาจจะขาดมุมมองจากภาคเอกชนเท่าทีควร

88 3.3 สาธารณรั ฐสิงคโปร์ 3.3.1 ความเป็ นมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ กฎหมายจัดตังองค์กรส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ทีมีผลบังคับใช้อยูใ่ น ปั จจุบัน ซึ งคือ “รั ฐบัญญัติคณะกรรมการด้านการสร้ างมาตรฐาน การเพิ มผลผลิต และการสร้ างนวัตกรรม (Standard, Productivity And Innovation Board Act 1996)” นัน เป็ นกฎหมายทีออกมาเพือมอบหมายหน้า ที ในด้านการพัฒนา ส่ งเสริ ม สนับสนุ น SMEs ของสิ งคโปร์ ให้เป็ นหน้าที รับผิดชอบของหน่ วยงานหลัก หน่วยงานเดียวคือ องค์กร SPRING Singapore แม้กฎหมายฉบับนีเพิ งบัญญัติออกมาในปี ค.ศ.

(พ.ศ. 2536) ซึ งเป็ นระยะเวลาก่อนทีประเทศ

ไทยได้อ อกพระราชบัญ ญัติ ส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ.

เพีย ง ปี เท่ านัน แต่

การส่ งเสริ ม สนับสนุน SMEs ในสาธารณรัฐสิ งคโปร์ เกิ ดขึนก่ อนหน้ากฎหมายฉบับนีมานานมากแล้ว ดังที ได้กล่าวมาแล้วในบทที 2 รัฐ บัญญัติค ณะกรรมการด้านการสร้ างมาตรฐาน การเพิมผลผลิต และการสร้าง นวัตกรรม ปี ค.ศ.

เป็ นเพียงกฎหมายทีมีขึนเพือรวมกลุ่มหน่ วยงานทีทําหน้าทีในการให้การสนับสนุ น

ส่ งเสริ ม SMEs มาเป็ นของหน่ วยงาน SPRING Singapore59 เท่านัน และยังเป็ นกฎหมายที ได้มอบหมายให้ หน่ วยงาน SPRING Singapore เป็ นหน่วยงานทีมีหน้าทีรั บผิดชอบในการพัฒนาวิส าหกิ จของสาธารณรัฐ สิ งคโปร์ อีกหลายด้าน นอกเหนือจากหน้าทีในการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง โดยแท้จริ งแล้ว ผลของกฎหมายจัดตังหน่วยงาน SPRING สิ งคโปร์ มีค วามคล้ายคลึงกับผลของ กฎหมายจัดตังหน่ วยงานสนับสนุ น ส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทยเป็ นอย่างมาก เพราะเป็ นการสร้ า ง หน่ วยงานขึนมารับผิดชอบด้านการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง และหน่ วยงานทีจัดตังขึนของทังสองประเทศ ต่างเป็ นหน่วยงานของรั ฐ อย่างไรก็ตาม กฎหมายของสิ งคโปร์ ยงั มีความแตกต่างจากกฎหมายจัดตังองค์ก ร ของไทย อยูห่ ลายส่ วนด้วยกัน ทังในแง่ของรู ปแบบและเนือหาของกฎหมาย ในแง่ รูปแบบ กฎหมายจัดตังองค์ก รของสาธารณรั ฐสิ งคโปร์ เป็ นกฎหมายในระดับเดี ยวกับ กับ กฎหมายไทยคื อ เป็ นกฎหมายในระดับ พระราชบัญ ญั ติ ซึ งมี ชื อเรี ยกว่า “Standard, Productivity And 59

กฎหมายจัดตั ง SPRING Singapore ได้ โ อนถ่า ยอํา นาจหน้ าที และทรั พ ย์สิ น ต่ างๆ ของ คณะกรรมการการเพิ มผลผลิ ต (National

Productivity Board) และสถาบัน ด้านการมาตรฐานและการค้น คว้าวิจยั ทางอุตสาหกรรมสิ งคโปร์ (Singapore Institute of Standards and Industrial Research) มาเป็ นรวมไว้ให้เป็ น อํานาจหน้ าทีของคณะกรรมการ SPRING Singapore โปรดดู รั ฐ บัญ ญัติคณะกรรมการด้าน การสร้างมาตรฐาน การเพิ มผลผลิต และการสร้างนวัตกรรม

มาตรา

89 Innovation Board Act” หรื อ “รั ฐ บัญ ญัติ ค ณะกรรมการด้า นการสร้ า งมาตรฐาน การเพิ มผลผลิ ต และ การสร้ างนวัตกรรม” จะเห็นได้วา่ ชือเรี ยกของกฎหมายดังกล่าวได้ชีให้เห็นถึงจุดมุ่งหมายหลักของกฎหมาย ฉบับนีของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ คือ การจัดตัง “คณะกรรมการด้านการสร้ างมาตรฐาน การเพิ มผลผลิต และ การสร้ างนวัตกรรม” ขึนมา โดยให้ เป็ นคณะกรรมการตามกฎหมาย (Statutory Board) ตามรู ปแบบของ การแบ่งหน่วยงานของรัฐของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ คณะกรรมการฯ ดังกล่าวถือเป็ นหน่วยงานหลักทีสําคัญ ทีทําหน้าที ในการส่ งเสริ ม สนับสนุ น SMEs ในสาธารณรั ฐ สิ งคโปร์ โดยมีหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะ กรรมการฯ ทีจะทําหน้าทีเป็ นฝ่ ายปฏิบตั ิการและฝ่ ายธุรการของคณะกรรมการฯ การกําหนดชือกฎหมายในลักษณะทีนําเอาชือคณะกรรมการตามกฎหมายมาเป็ นชื อของกฎหมาย เป็ นสิ งทีบ่งบอกถึงวัตถุประสงค์สําคัญของกฎหมายและแนวคิดในการจัดทํากฎหมาย รวมทังแนวคิ ดใน การจัดตังหน่วยงานของรัฐเพือให้มีหน้าทีอย่างใดอย่างหนึ งของสาธารณรัฐ สิ งคโปร์ สาธารณรัฐสิ งคโปร์ ให้ความสําคัญกับการจัดตังองค์กรหนึ งขึนมาก่ อน ส่ วนหน้าทีด้านต่ างๆ จะกําหนดไว้ในรายละเอี ยดใน เนือหาของกฎหมาย60 ชือเรี ยกของกฎหมายจัดตังองค์ก รของสิ งคโปร์ จึงมึล กั ษณะทีแตกต่ างจากกฎหมายจัดตังองค์กร สนั บ สนุ น SMEs ของประเทศไทย เพราะจะเห็ น ได้ ว่ า กฎหมายของประเทศไทยที มี ชื อเรี ยก คื อ “พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” นัน เป็ นการนําเอาวัตถุประสงค์ของกฎหมาย มาตังเป็ นชือของกฎหมาย ซึ งทําให้เห็นว่ากฎหมายของประเทศไทยไม่ได้เป็ นกฎหมายจัดตังองค์กรโดยตรง แต่ เป็ นกฎหมายทีจึงมุ่งไปทีวัตถุประสงค์หลักคือ การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ส่ วนหน่ วยงานหรื อ องค์ ก รที มีหน้า ทีดําเนิ น การตามวัตถุ ประสงค์ข องกฎหมายนัน จะถูก นํามากําหนดไว้ในเนือหาอัน เป็ น รายละเอียดในกฎหมายเสี ยมากกว่า61

60

ลักษณะการตังชื อกฎหมายเช่น นี สามารถพบได้ในกฎหมายอืนๆ ของสาธารณรั ฐสิ งคโปร์ เช่น รัฐ บัญ ญัติคณะกรรมการพัฒ นาด้าน

เศรษฐกิจ (Economic Development Board) ทีจัดตังขึนตาม รัฐบัญ ญัติคณะกรรมการพัฒ นาด้านเศรษฐกิจ (Economic Development Board Act 1961) หรื อ หน่ ว ยงานเพือวิท ยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการค้น คว้าวิจ ัย (The Agency for Science, Technology and Research หรื อ A*STAR) ซึ งจัดตังขึนตาม รั ฐบัญ ญัติหน่ วยงานเพือวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการค้น คว้าวิจยั (The Agency for Science, Technology and Research Act 1991) 61

ลักษณะเดียวกันนี โปรดดูเพิ มเติม พระราชบัญญัติส่ งเสริ มการลงทุน พ.ศ.

กฎหมายอืนๆ ในลักษณะเดียวกัน เช่น พระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. รักษาคุณภาพสิ งแวดล้อม พ.ศ.

ซึ งให้จดั ตังคณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุน ขึน หรื อ

ทีให้จดั ตังคณะกรรมการอาหาร หรื อพระราชบัญญัติส่งเสริ มและ

ทีให้จดั ตังคณะกรรมการสิ งแวดล้อม เป็ นต้น

90 ในแง่ เนื อหา กฎหมายจัด ตังองค์ ก รของสิ งคโปร์ 62 จะเป็ นกฎหมายที มี เ นื อหาที กล่ า วถึ ง องค์ประกอบ อํานาจหน้าที การดําเนิ นการของคณะกรรมการ รวมทังเรื องเกี ยวกับทรัพ ย์สิ นต่ างๆ ของ คณะกรรมการเท่านัน จึงเป็ นกฎหมายทีว่าด้วยการจัดตังองค์กรโดยตรง โดยมิ ได้มีบทบัญญัติทีกําหนดขึน เพื อให้ น ํ า ไปใช้ เ ป็ นกฎหมายแม่ บ ทในการส่ งเสริ ม หรื อสนั บ สนุ น SMEs เหมื อ นดัง ที บัญ ญัติ ไ ว้ใ น พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทยแต่อย่างใด กฎหมายจัดตังองค์ก รของสิ งคโปร์ จึงเป็ นกฎหมายจัดตังองค์ก รอย่างแท้จริ ง โดยให้อิส ระแก่ องค์ กรทีจัดตังขึนที จะไปกําหนดรู ปแบบ วิธี การในการทําหน้าที สนับสนุน ส่ งเสริ ม SMEs ทังนี ภายใต้ ขอบอํานาจหน้าทีทีกฎหมายกําหนดจัดตังองค์กรกําหนดไว้ กฎหมายจัดตังองค์ก รสนับสนุ น ส่ ง เสริ ม SMEs ของสิ งคโปร์ จึงแตกต่ างจากพระราชบัญ ญัติ ส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ. 2543 ของประเทศไทยในส่ วนนี เพราะกฎหมายของ ประเทศไทยนัน นอกจากจะมี เนือหาที เกียวกับการจัดตังองค์ กรทีจะทําหน้าทีในการส่ งเสริ ม สนับสนุ น SMEs แล้ว กฎหมายยังได้กาํ หนดวิธีการในการให้ความช่วยเหลือ แก่ SMEs เอาไว้ค่อ นข้างละเอียด63 ซึ งให้ ย่อมทําให้เห็นได้ชดั เจนว่ากฎหมายฉบับนีมีวตั ถุประสงค์สาํ คัญคือการให้การส่งเสริ ม สนับสนุน SMEs เป็ น หลัก หรื อ มุ่ งหมายที จะให้ใช้เป็ นกฎหมายหลัก ในเรื องการให้ก ารสนับ สนุ น ส่ งเสริ ม SMEs โดยมิ ใ ช่ กฎหมายที สร้ า งขึ นเพื อจัดตังองค์ก รเป็ นการเฉพาะ แม้ห มายเหตุ ท้ายพระราชบัญ ญัติจะกํา หนดเป็ น จุดมุ่งหมายให้จดั ตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไว้ก็ตาม 3.3.2 ขอบเขตลักษณะโครงสร้ างการบริ หารและโครงสร้ างองค์กร องค์ ก รที ทําหน้ า ที ส่ งเสริ มและสนับ สนุ น SMEs ในสิ ง คโปร์ มี โ ครงสร้ างองค์ก รโดยรวมที คล้ายคลึงกับโครงสร้ างขององค์กรทีทําหน้าทีอย่างเดียวกันนีในหลายๆ ประเทศ รวมทังประเทศไทยด้วย กล่ าวคื อ เป็ นองค์ก รที มีกฎหมายจัดตังขึนเพือกําหนดให้มีอาํ นาจและหน้าทีตามทีกฎหมายกําหนด โดยจะ แบ่ งเป็ นองค์กรผูม้ ีอาํ นาจตามกฎหมาย ซึ งคือ คณะกรรมการคณะหนึ ง และหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารที จะทํา หน้าทีด้านธุ รการและเป็ นฝ่ ายปฏิบตั ิการของคณะกรรมการ

62

รัฐบัญ ญัติคณะกรรมการด้านการสร้างมาตรฐาน การเพิ มผลผลิต และการสร้ างนวัตกรรม ปี ค.ศ.

ค.ศ. 63

มีทงสิ ั น

ฉบับแก้ไขเพิมเติมล่าสุ ด เมือปี

มาตรา และมีก ําหนดการ (Schedule) แนบท้ายกฎหมายอีก ก ําหนดการ

โปรดดู พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 มาตรา หมวด และหมวด ตังแต่มาตรา

ถึงมาตร

91 อย่างไรก็ตาม กฎหมายจัดตังองค์กรของสิ งคโปร์ ได้กาํ หนดให้จดั ตังคณะกรรมการเพียงอย่างเดียว โดยไม่ ได้กาํ หนดอย่างชัดแจ้งให้ จดั ตังหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารขึ นมาแต่ อย่ างใด ซึ งแตกต่างจากการจัดตัง องค์กรทีกําหนดไว้ในพระราชบัญ ญัติ ส่งเสริ ม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย พ.ศ. 2543 ซึ งกําหนดให้จดั ตังทังคณะกรรมการส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม และสํ านัก งาน ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมซึ งเป็ นหน่ วยงานบริ หารขึนมาพร้อมๆ กัน คณะกรรมการ SPRING Singapore คณะกรรมการ SPRING Singapore จะประกอบไปด้วยสมาชิ กที มีจาํ นวนทีไม่แน่นอน เนื องจาก กฎหมายไม่ได้กาํ หนดจํานวนสมาชิ กเป็ นจํานวนทีตายตัว โดยอาจมีสมาชิ กจํานวนน้อยทีสุ ด คือ คน (รวม ประธานคณะกรรมการ) และสมาชิ กมากทีสุ ด คน64 ทังนี สมาชิ กของคณะกรรมการจะมาจากหลายภาค ส่ วน ทังจากภาคเอกชนและจากภาครัฐ กฎหมายของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ ได้กาํ หนดในเรื ององค์ประกอบของคณะกรรมการไว้ค่อนข้างจะ แตกต่างจากที พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ. 2543 ของประเทศไทยได้ กําหนดไว้ กล่าวคือ กฎหมายจัดตัง SPRING Singapore ไม่ได้กาํ หนดให้สมาชิกของคณะกรรมการต้องเป็ น สมาชิ กโดยตําแหน่ งในลัก ษณะเดียวกับทีกําหนดไว้ในกฎหมายไทยดังกล่าว ซึ งกําหนดให้คณะกรรมการ ส่ ง เสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มส่ วนหนึ งเป็ นคณะกรรมการโดยตําแหน่ ง ดังเช่ น ตําแหน่ ง ประธานคณะกรรมการฯ คือนายกรัฐมนตรี หรื อตําแหน่งรองประธานกรรมการคือรัฐมนตรี วา่ การกระทรวง อุตสาหกรรม ส่ วนสมาชิกทีมาจากการแต่งตังจะได้รับการแต่งตังจากคณะรัฐมนตรี 65 เป็ นต้น ส่ วนสมาชิ กคณะกรรมการ SPRING Singapore เกือบทังหมด ยกเว้นผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หารจะมา จากการแต่งตังโดยรัฐ มนตรี วา่ การกระทรวงการค้าและอุต สาหกรรม ซึ งเป็ นหัวหน้าของกระทรวงผูก้ ํากับ ดูแลการทํางานของคณะกรรมการ SPRING Singapore รั ฐมนตรี วา่ การกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมจึง มี บทบาทสํ าคัญในการจัดตังและควบคุ ม การดําเนิ น งานของคณะกรรมการ SPRING Singapore กฎหมายได้ ให้ อ าํ นาจแก่ รั ฐ มนตรี ฯ ไว้อ ย่ า ง กว้างขวาง โดยให้ รัฐ มนตรี ฯ เป็ นผู ้ที มีอ าํ นาจทังในเรื องการแต่ งตังและการถอดถอนคณะกรรมการ 64

Standard, Productivity And Innovation Board Act 1996 มาตรา

65

พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 มาตรา

92 SPRING Singapore ทังคณะ (ยกเว้นผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร) ตามทีรั ฐมนตรี เห็น สมควร ซึ งเห็น ได้อย่าง ชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิง รัฐมนตรี ฯ มีอาํ นาจให้ค ณะกรรมการคนใดคนหนึ งพ้นจากตําแหน่ งได้ โดยไม่ ต้องให้เหตุผลในการให้พน้ จากตําแหน่งดังกล่าว การแต่ งตังคณะกรรมการ SPRING Singapore จึ งมี ความแตกต่ างจากการจัด ตังคณะกรรมการ ส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ มของประเทศไทย คณะกรรมการ SPRING Singapore จึ ง มี ความเชื อมโยงกับอํานาจทางการเมืองค่ อ นข้างสู ง เพราะองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ จะขึนอยู่กั บ รั ฐมนตรี วา่ การกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแต่ เพี ยงผูเ้ ดี ยว อี ก ทังวาระการดํารงตําแหน่ งของคณะ กรรมการฯ ทีค่อนข้างสัน ( ปี ) ยิ งทําให้รัฐมนตรี มีอาํ นาจเหนื อการดําเนิ นงานของคณะกรรมการเป็ นอย่าง มาก ซึ งเป็ นข้อแตกต่างทีสําคัญกับคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทยทีเป็ นคณะกรรมการตาม กฎหมาย แม้จะเป็ นคณะกรรมการทีมาจากฝ่ ายบริ หาร (รั ฐ บาล) แต่ ค ณะกรรมการฯ ไม่อยู่ภายใต้อาํ นาจ การกํากับดูแ ลขององค์กรใดเป็ นการเฉพาะ เพราะพระราชบัญญัติส่ง เสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่ อ ม พ.ศ. 2543 มิ ไ ด้กํ า หนดให้ ก ระทรวงใดกระทรวงหนึ งเป็ นกระทรวงกํ ากั บ ดู แ ล และรั บ ผิด ชอบ การทํางานของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมและสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อมแต่อย่างใด โครงสร้ างฝ่ ายบริ หาร กฎหมายจัด ตังคณะกรรมการ SPRING Singapore ไม่ ไ ด้ กํ า หนดโดยชัด แจ้ง ให้ มี ก ารจัด ตัง หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการขึน แต่ ได้กําหนดให้ค ณะกรรมการ SPRING Singapore แต่ งตัง ผูอ้ ํานวยการฝ่ ายบริ หาร (Chief executive) โดยความเห็ น ชอบจากรั ฐ มนตรี ว่าการกระทรวงการค้า และ อุตสาหกรรม การแต่งตังผู ้อาํ นวยการบริ หารจึงทําให้เกิดหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารขึนโดยปริ ยาย (เพราะหาก ไม่มีหน่วยงานบริ หารย่อมไม่มีตาํ แหน่ งผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร) หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการ SPRING Singapore นีเรี ยกว่า “สํานักงานผู้อํานวยการฝ่ ายบริ หาร (Chief executive’s Office)” ในส่ วนนี จึงเป็ นข้อ แตกต่างที สํ าคัญ ขององค์กรส่ งเสริ ม SMEs ของสิ งคโปร์ แ ละประเทศไทย เนื องจากในประเทศไทยนัน พระราชบัญ ญัติส่ งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ. 2543 ได้

93 กําหนดชัดเจนให้จดั ตังหน่วยงานฝ่ ายบริ หาร ซึ งคือ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ขึนมาอย่างชัดแจ้ง66 เมื อกฎหมายจัด ตัง SPRING Singapore ไม่ ได้ก ํา หนดให้ จัด ตังหน่ วยงานฝ่ ายบริ ห าร ดังนัน หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณ ะกรรมการ SPRING Singapore จึ ง ไม่ ไ ด้ มี รู ปแบบโครงสร้ า งแ ละ การบริ หารงานทีเคร่ งครัดเหมือนกับหน่วยงานรัฐอืนทัวไป และไม่มีอาํ นาจตามกฎหมายทีจะดําเนินการใดๆ ได้ด้วยตนเอง อํานาจในการดําเนิ น การต่ า งๆ ในด้า นการส่ งเสริ ม สนับ สนุ น SMEs จึ งเป็ นของคณะ กรรมการฯ แต่เพียงผู ้เดียว หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารทีเกิ ดขึนจากการแต่งตังผูอ้ ํานวยการฝ่ ายบริ หารจึงเป็ น องค์กรทีเป็ นส่ วนหนึงของคณะกรรมการฯ ทีจะทําหน้าที เป็ นหน่ วยงานฝ่ ายธุ รการและฝ่ ายปฏิบตั ิการของ คณะกรรมการฯ เท่านัน หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการ SPRING Singapore หรื อสํ านัก งานผูอ้ ํานวยการฝ่ าย บริ หารจึงจัดตังขึนโดยคณะกรรมการนันเอง โดยจะมีเจ้าหน้าผูป้ ฏิ บตั ิงานทีมีสถานะทังทีเป็ นข้าราชการและ ลูก จ้างตามสัญ ญาจ้างต่ างๆ ที คณะกรรมการฯ ได้ตกลงจ้างเพือให้ เข้ามาปฏิ บตั ิงานในองค์กร เจ้าหน้าที เหล่านีจะเป็ นเจ้าหน้าทีทีสังกัดหรื อเป็ นลูกจ้างของคณะกรรมการฯ การแบ่ งโครงสร้างของหน่วงงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการฯ ทีแบ่งออกเป็ นส่ วนต่างๆ เพือ รับผิดชอบหน้าทีเฉพาะด้านนัน เป็ น การแบ่งโครงสร้ างทีสอดคล้อ งและอ้างอิงกับอํานาจหน้าทีของคณะ กรรมการฯ ทีกฎหมายกําหนดไว้เป็ นหลัก ทังนี เนืองจากกฎหมายไม่ได้กาํ หนดอํานาจหน้าทีหน่วยงานฝ่ าย บริ หารของคณะกรรมการฯ เอาไว้นนเอง ั เมื อเปรี ยบเทียบกับหน่วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการ SPRING Singapore กับหน่ วยงาน ฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการทีมีหน้าทีอย่างเดียวกันในประเทศไทย หรื อสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อ ม67 จะพบว่า หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการของทังสองประเทศ มีลกั ษณะที 66

พระราชบัญ ญัติส่งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 254 มาตรา

และโปรดดูหมายเหตุทา้ ยพระราชบัญ ญัติทีก ําหนดไว้

ว่า “... สมควรจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดลางและขนาดย่อมเป็ นศูนย์กลางประสานระบบการทํางานของส่ วนราชการ องค์กร ของรัฐหรื อรัฐวิสาหกิจทีมีหน้าทีส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพือให้เกิดความต่ อเนื องและสอดคล้องในทิศทางเดียวก ัน ...” 67

ข้อสังเกต ชือเรี ยกของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม มีลกั ษณะทีแตกต่างจากชือเรี ยกของสํา นักงานทีมีหน้าที

สนับสนุ นคณะกรรมการทีจัดตังขึนตามกฎหมายทั วไป เพราะกฎหมายกําหนดให้จดั ตัง “สํานักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม” แต่ไม่ได้ก ําหนดว่าให้จดั ตัง “สํานักงานคณะกรรมการส่ งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” แต่อย่างไร ในขณะทีโดยทั วไป กฎหมายที มี ก ารจัด ตังคณะกรรมการในลักษณะเดี ยวกัน นี จะให้ มีก ารจัดตังสํานั ก งานฝ่ ายบริ หารที มั กจะมี ชือเรี ยกว่า “สํ านั ก งาน

94 คล้ายคลึงกัน แม้วา่ สถานะในทางกฎหมายจะแตกต่างกันก็ตาม หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารดังกล่าวของทังสอง ประเทศต่ างมี หน้าที ในการให้ ก ารสนับสนุ น ด้านธุ รการและด้านการปฏิ บตั ิ การแก่ ค ณะกรรมการตาม กฎหมาย โดยจะไม่มีอาํ นาจดําเนิ นการในเรื องใดๆ เนืองจากโดยหลักแล้ว สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อ มไม่ ได้มีอาํ นาจในการดําเนิ นการส่ งเสริ ม SMEs ด้วยตนเองโดยลําพัง การดําเนิน การ ดังกล่าวต้องได้รับความเห็นชอบหรื อเป็ นไปตามอํานาจและนโยบายทีคณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมเป็ นผูก้ าํ หนดเท่านัน แต่ อย่ างไรก็ ดี หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทยหรื อ “สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม” มีขอ้ แตกต่า งทีสําคัญจากหน่วยงานฝ่ ายบริ หารของ คณะกรรมการ SPRING Singapore เพราะ “สํานัก งานส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม” ของ ประเทศไทย เป็ นหน่ วยงานทีกฎหมายกําหนดโดยชัดแจ้งให้จดั ตังขึนควบคู่ ก บั การจัดตังคณะกรรมการ ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม โดยให้เป็ นนิติบุคคลตามกฎหมาย (เป็ นหน่ วยงานอืนของรัฐที จัดตังขึนตามกฎหมาย มีฐานะเทียบเท่ากับกรม) แยกออกต่างหากจากคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ในขณะ ทีหน่วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการ SPRING Singapore จะไม่มีสถานะดังกล่าว เมือฝ่ ายบริ หารของ คณะกรรมการ SPRING Singapore ไม่ไ ด้มีส ถานะใดๆ ตามกฎหมายจัดตัง กฎหมายฉบับเดี ยวกันจึงได้ กําหนดให้ทรั พย์สินต่างๆ เป็ นกรรมสิ ทธิ ของคณะกรรมการฯ รวมทัง เจ้าหน้าทีที ปฏิ บตั ิ งานก็เป็ นลูกจ้าง ของคณะกรรมการฯ ด้วย68 3.3.3 วัตถุประสงค์แ ละอํานาจหน้าที กฎหมายจัดตังของคณะกรรมการ SPRING Singapore ได้กําหนดแต่ เพี ย งอํานาจและหน้าที ของ คณะกรรมการ SPRING Singapore เท่านัน โดยไม่ได้กล่าวถึงอํานาจหน้าทีหรื อวัตถุประสงค์ของหน่วยงาน ฝ่ ายบริ หารหรื อสํานัก งานผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร (ทีมีผอู้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หารเป็ นหัวหน้าหน่ วยงาน) แยก ออกจากอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการ SPRING Singapore แต่อ ย่างใด แต่จะเห็นได้วา่ แม้กฎหมายได้ กําหนดอํานาจและหน้าที ของคณะกรรมการฯ ไว้อ ย่างละเอี ยด ซึ งหากจะให้ คณะกรรมการดําเนิ น การ ดังกล่าวด้วยตนเองทังหมดย่อมทําให้การดําเนิ นการเหล่านันไม่สามารถกระทําได้ หรื ออาจกระทําได้อย่าง คณะกรรมการ...” อยู่เสมอ ตัว อย่างเช่น พระราชบัญ ญัติส่งเสริ มการลงทุน พ.ศ.

ได้ก ําหนดให้จดั ตังคณะกรรมการส่ ง เสริ มการลงทุน

และยังให้จดั ตัง “สํานักงานคณะกรรมการส่งเสริ มการลงทุน” ขึนมาด้วย เป็ นต้น 68

โปรดดู Standard, Productivity And Innovation Board Act

มาตรา

และมาตรา

เป็ นต้น

95 ไม่ครบถ้วน หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารจึงมีหน้าทีในทางปฏิบตั ิของคณะกรรมการฯ โดยกระทําการในนามของ คณะกรรมการฯ จากอํานาจหน้าทีทีกฎหมายกําหนดไว้ให้ก ับคณะกรรมการ SPRING Singapore จะเห็นได้อีก ว่า เป็ นการกําหนดให้คณะกรรมการฯ มีอาํ นาจหน้าทีอย่างครบวงจร และอย่างกว้างขวาง69 และให้มีหน้าทีด้าน อืนๆ ทีนอกเหนือจากหน้าทีในการสนับสนุน SMEs เมือเปรี ยบเทียบกับหน่วยงานทีมีหน้าทีในการส่ งเสริ ม สนับสนุน SMEs ของประเทศไทยแล้วจะเห็นว่า คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ของประเทศไทยมี หน้าทีแต่ เฉพาะการส่ งเสริ ม SMEs เท่านัน กฎหมายของประเทศไทยไม่ได้กาํ หนดให้ คณะกรรมการส่ ง เสริ ม วิ ส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ มมี ห น้ า ที ในด้า นอื นๆ อี ก ซึ งแตกต่ า งจาก คณะกรรมการ SPRING Singapore ที มีหน้าทีด้านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม หน้าทีตามกฎหมาย ควบคุมการชังตวงวัด และหน้าทีด้านการส่ งเสริ มให้วสิ าหกิจคิดค้นนวัตกรรมใหม่ดว้ ย อย่างไรก็ ตาม แม้อ าํ นาจและหน้าทีของคณะกรรมการ SPRING Singapore จะรวมถึงหน้า ที ใน ด้านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรมของสิ นค้าหรื อผลิตภัณฑ์ หน้าทีด้านการควบคุมการชังตวงวัด และ หน้าทีด้านการส่ งเสริ มให้วิสาหกิจคิดค้นนวัตกรรมใหม่ดว้ ย แต่หน้าทีเพิ มเติมขึนนอกเหนือจากการส่ งเสริม SMEs ดังกล่าว ก็ถือว่าเป็ นอํานาจหน้าทีทีมี ส่วนในการสนับสนุ น SMEs ด้วยเช่ น กัน เพราะอํานาจหน้าที ดัง กล่าวมุ่ ง ที จะทําให้วสิ าหกิ จของสิ งคโปร์ มีค วามน่ าเชื อถื อ และมีศ ัก ยภาพ และรั บรองว่าสิ น ค้าหรื อ ผลิตภัณฑ์ (รวมทังการให้บริ การ) ของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ มีประสิ ทธิ ภาพ มีคุณภาพน่าเชื อถือ มีมาตรฐาน ซึ งจะมี ผ ลทํา ให้ สิ น ค้าหรื อผลิ ต ภัณ ฑ์ ข องสิ ง คโปรเป็ นที ยอมรั บ ของตลาดและผู ้ บ ริ โ ภคทังในและ ต่างประเทศ เพื อเป็ นการอํา นวยความสะดวกแก่ วิส าหกิ จต่ างๆ รวมทัง SMEs สาธารณรั ฐ สิ งคโปร์ จึงให้ คณะกรรมการ SPRING Singapore เป็ นผูท้ ี มีอาํ นาจในเรื องการรับรองมาตรฐานก็ให้บริ การแบบครบวงจร แก่ SMEs ในทุ ก ๆ ด้านไปพร้ อ มๆ กัน เพื อมิ ให้ SMEs หรื อวิส าหกิ จต่ างๆ ต้อ งไปติ ด ต่ อ กับหน่ วยงาน หลายๆ แห่ ง อัน เป็ นการลดภาระและค่ า ใช้ จ่ า ยให้ กั บ วิส าหกิ จ ไปในขณะเดี ย วกั น และยัง ทํ า ให้ การดําเนินงานเพือรับรองมาตรฐานและการให้การสนับสนุนเป็ นไปอย่างสอดคล้องกันด้วย การทีสาธารณรั ฐสิ งคโปร์ ให้หน่ วยงาน SPRING Singapore เป็ นผูท้ าํ หน้าทีหลายๆ ด้านซึ งเป็ น หน้าทีทีมุ่งหมายไปในแนวเดียวกัน จึงเป็ นลดการจัดตังหน่วยงานรัฐขึนมาดําเนินการหลายๆ หน่ วยงาน ซึ ง 69

Standard, Productivity And Innovation Board Act 1996 มาตรา 6 และมาตรา

96 ทําให้ลดการทํางานทีซับซ้อนกัน ขาดความเป็ นเอกภาพของหน่วยงานรัฐ รวมทัง ในแง่งบประมาณนัน การ จัดตังหน่วยงานขึนหลายๆ หน่วยงานเพือให้ทาํ หน้าทีใกล้เคียงกันย่อมทําให้ตอ้ งใช้งบประมาณสู ง นอกจาก จะไม่ทาํ ให้เกิ ดประสิ ทธิ ภาพในการให้บริ การให้ดียิ งขึนแล้ว ยังอาจเป็ นการเพิ มขันตอนในการทํางานของ แต่ ละหน่ วยงานขึนโดยไม่จาํ เป็ น ซึ งอาจทําให้ไม่สามารถตอบสนองต่อการประกอบธุ รกิจของ SMEs ผู ้ที ต้องการการความช่ วยเหลือหรื อการให้บริ การอย่างรวดเร็ วได้ 3.3.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ ด้านงบประมาณการสนับสนุ นจากภาครั ฐนี อาจจะพิจาณาได้ แง่มุมด้วยกัน คือ งบประมาณทีมา จากภาครั ฐเพื อสนับสนุ น การทํางานขององค์ก รที ทําหน้ าที ส่ ง เสริ ม สนับสนุ น SMEs และงบประมาณ การสนับสนุนแก่ SMEs ทีมาจากภาครัฐ แต่แม้อ าจพิจารณาในเรื องงบประมาณได้เป็ น แง่มุมดังกล่าวก็ ตาม สําหรั บงบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐทีจัดสรรมาให้กบั คณะกรรมการ SPRING Singapore นัน จะเป็ นงบประมาณทีจัดสรรมาให้เป็ นงบประมาณเดียว เพื อให้ค ณะกรรมการ SPRING Singapore นําไป จัดสรรเป็ น งบประมาณสํ าหรั บการดําเนิ นการ (Operating budget) และงบประมาณเพื อใช้ในการพัฒนา (development budget) ซึ งดูเหมือนว่างบประมาณสําหรับการทําการสนับสนุนแก่ SMEs จะอยูใ่ นหมวดหมู่ ของงบประมาณเพือใช้ในการพัฒนานีเอง แม้วา่ งบประมาณของคณะกรรมการ SPRING Singapore อาจมาจากรายได้ในการประกอบการ ของคณะกรรมการฯ แต่งบประมาณส่ วนใหญ่จะมาจากเงินงบประมาณของรัฐ กระนัน จํานวนงบประมาณ ทีจัดสรรให้แ ก่คณะกรรมการ SPRING Singapore ในช่ วง ปี ทีผ่านมานี ได้ลดลงอย่างต่อเนื อง ซึ งสาเหตุ ของการที งบประมาณในปี ก่ อนหน้ามีงบประมาณจัด สรรที สู ง อาจเป็ นเพราะช่ วงเวลาดังกล่าวเป็ นช่ วง ภายหลังภาวะเศรษฐกิ จซบเซาทีเกิดขึนทัวโลกระหว่างปี ค.ศ.

-

ทําให้รัฐบาลสิ งคโปร์ ตอ้ งกระตุ ้น

การเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิ จ โดยเพิ มการสนับสนุ นภาคเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ ง SMEs ต่างๆ จึงทําให้มี การจัดสรรงบประมาณให้แก่คณะกรรมการ SPRING Singapore เป็ นจํานวนทีสู งกว่าในปั จจุบนั นอกจากนี การจัดสรรงบประมาณให้แก่ SPRING Singapore จะมีการกําหนดนโยบายประจําปี ให้ ต้อ งดําเนิ น การไว้ด้วย งบประมาณจึ ง เป็ นตัวกํา หนดนโยบายของ SPRING Singapore ซึ งแตกต่ างจาก กฎหมายไทยทีให้คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็ นผูก้ าํ หนดนโยบายในการให้ การสนับสนุน SMEs ในประเทศไทยโดยไม่ผูกติดกับการจัดสรรงบประมาณ

97 3.3.5 รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุนของภาครัฐและปัจจัยทีส่ งผลต่อความสําเร็ จของ SMEs การให้การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของคณะกรรมการ SPRING Singapore มี รูปแบบใน การดําเนิ น การทีไม่ แ ตกต่ างจากการส่ ง เสริ ม และสนับสนุ น SMEs ในประเทศอื นๆ มากนัก เนื องด้วย คณะกรรมการ SPRING Singapore มีหน้าทีตามกฎหมายทีต้องทําให้เกิ ดความเจริ ญเติบโตทางเศรษฐกิ จของ ประเทศ ดังนันรู ปแบบของการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของคณะกรรมการ SPRING Singapore จึงไม่ มีค วามสําคัญมากนัก เพราะรู ปแบบของการส่ งเสริ มและสนับสนุ น เหล่านี สามารถเปลี ยนแปลงได้ตาม ความจําเป็ นและสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในขณะนันๆ ด้วยเหตุนีกฎหมายจัดตังคณะกรรมการ SPRING Singapore จึง ไม่ได้กําหนดวิธี การหรื อ รู ปแบบในการให้ก ารสนับสนุ นไว้แ ต่อ ย่างใด ซึ งจะแตกต่ างจาก การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทยทีกฎหมายได้กาํ หนดไว้เป็ นหลักการให้ตอ้ งดําเนินการ70 อีกทัง กฎหมายไทยยังกําหนดให้มีการให้เพิกถอนการสนับสนุ นและการส่ งเสริ มจากรัฐได้ ซึ งเป็ นตัวบ่งชี ถึงความไม่ไว้วางใจหรื อการขาดประสิ ทธิ ภาพในการให้ความช่วยเหลือหรื อสนับสนุนซึงส่ งผลทําให้ SMEs ทีได้รับการสนับสนุนไม่สามารถปฏิ บตั ิตามหน้าทีของตนได้ จึงอาจถูกเพิกถอนการสนับสนุนในทีสุ ด รู ป แบบการให้ ก ารส่ งเสริ ม และสนับ สนุ น SMEs ในสิ ง ค์ โปร โดยคณะกรรมการ SPRING Singapore มี ทงรู ั ปแบบที คณะกรรมการฯ มีบทบาทเป็ นแต่ เพี ยงผู ้ให้ข้อ มูล การดําเนิ น ธุ ร กิ จที ครบถ้วน รู ปแบบทีคณะกรรมการฯ เข้าไปให้ความช่วยเหลือด้านการเงินเพียงบางส่ วน เช่น การให้หนังสื อรับรองจ่าย (Voucher) หรื อการเข้าไปรับประกันความเสียงหรื อร่ วมแบกรับความเสี ยงโดยไปเข้าร่ วมในโครงการพัฒนา ศักยภาพของวิสาหกิจ (Capacity Development Grant) หรื อการเข้าให้ความช่ วยโดยการแสวงหาแหล่งเงินกู้ ให้แ ก่ วิส าหกิ จ (Loan) จะเห็ น ได้ว่า รู ปแบบการส่ ง เสริ มและสนับสนุ น SMEs เหล่ านี คณะกรรมการ SPRING Singapore ไม่ได้เ ข้าไปร่ วมรั บผิดชอบหรื อ ให้วสิ าหกิจหรื อ SMEs ต้องพึ งพาการสนับสนุน จาก คณะกรรมการเพียงอย่างเดียว การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs และช่วยเหลือเพียงบางส่ วนเท่านัน ทังนี การสนับสนุนและส่งเสริ ม SMEs ของคณะกรรมการ SPRING Singapore เป็ นเพียงบางส่ วน ของการสนับสนุนส่ งเสริ ม SMEs ในสิ งคโปร์ หน่วยงานรัฐอืนๆ ของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ ก็มีบทบาทสําคัญ ในการให้ก ารสนับสนุ น และส่ งเสริ ม SMEs ด้วยเช่ น กัน ตามหน้าทีรั บผิ ดชอบของหน่ วยงานนันๆ เช่ น หน่ วยงานด้า นภาษี ข องประเทศสิ งค์โ ปรก็ ให้ ก ารสนับ สนุ น SMEs โดยมี ม าตรการด้านภาษี ต่ า งๆ ที เอืออํานวยต่อ SMEs เป็ นต้น71 70 71

พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.

มาตรา

ถึงมาตรา .

โปรดดูเพิ มเติมจากเอกสารแนะนําการขอความช่วยเหลือจากหน่ วยงานรัฐทีจัดทําขึ นโดย SPRING Singapore จาก .

98 3.4 สาธารณรั ฐเกาหลี 3.4.1 ความเป็ นมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ สาธารณรัฐเกาหลี (Republic of Korea: South Korea) เป็ น อีกหนึงประเทศซึ งมีความเจริ ญก้าวหน้า ด้านเศรษฐกิ จมากทีสุ ดในภูมิภาคเอเชี ยตะวันออก (East-Asia Region) โดยมีวสิ าหกิ จขนาดเล็กและขนาด ย่อม (SMEs) ทีกระจายตัวอยูท่ วประเทศเป็ ั นตัวจักรสําคัญในการขับเคลือนเศรษฐกิจของประเทศให้รุดหน้า ภายในช่วงระยะเวลาหลายทศวรรษทีผ่านมา แต่เดิมนันความเป็ นไปของเศรษฐกิจในสาธารณรัฐเกาหลีตก อยู่ภายใต้อิทธิ พลของกลุ่ มธุ รกิ จขนาดใหญ่ทีเรี ยกกันว่า “แชโบล (Chaebol)” ซึ งหมายความถึงกลุ่มเครื อ ธุรกิจขนาดใหญ่ทีมุ่งพัฒนาตลาดการส่ งออก การผลิต การจ้างแรงงาน ในช่ วงทศวรรษที 6072 แต่ในเวลาต่อมา เกิ ดความตกตําของแชโบล เศรษฐกิจของประเทศภายใต้เ ครื อธุ รกิ จแชโบลถูกวิพากษ์วจิ ารณ์ถึงความทุจริ ต การติดสิ น บน และความล้าสมัยเกิ น ไปสํ าหรั บระบบเศรษฐกิ จแบบใหม่ ข องประเทศ 73 จนกระทั งช่ วง ทศวรรษที 80 ผลกระทบจากปั ญหาธุรกิจขนาดใหญ่อ ย่างแชโบลถึ งจุดอิ มตัว และได้ส่งผลให้เกิ ดความไม่ สมดุลต่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยเหตุนีเอง ทําให้รัฐบาลหันมาให้ความสําคัญแก่การพัฒนาธุ รกิจ SMEs มากขึนเรื อยๆ74 บทบาทของ SMEs ในสาธารณรั ฐ เกาหลี เริ มมี ค วามสํ า คัญ เพิ มมากขึ นตังแต่ ปี 1976 ซึ งเมื อ พิจารณาจากอดีตพบว่า บทบาทของ SMEs ในระบบเศรษฐกิ จของสาธารณรัฐ เกาหลีผนั แปรมาโดยตลอด และมี อิ ทธิ พลต่ อ ภาคการผลิ ตเป็ นอย่างมาก โดยสามารถจําแนกเหตุ ก ารณ์ อ อกเป็ น 3 ช่ วง ได้แ ก่ ช่ วง ทศวรรษที 50 เป็ นช่ วงที SMEs เริ มมี ส่ วนร่ วมในการก่ อตังและการจ้างงานในประเทศ ต่ อมาในช่ วงต้น ทศวรรษที 60 ถึงกลางทศวรรษที 70 การมีส่วนร่ วมของ SMEs ลดลงและได้เข้าสู่ ภาวะเสื อมถอย และจาก ปลายทศวรรษที 70 จนกระทั งกลางทศวรรษที 90 บทบาทของ SMEs ได้ก ลับฟื นตัวขึ นอี ก ครัง75 แม้ว่า 72

Gary Gregory, Charles Harvie, and Hyun-Hoon Lee, ‘Korean SMEs in the Wake of the Financial Crisis: Strategies, Constraints, and

Performance in a Global Economy’ (Working Paper Series 2002 No.20-12, Wollongong University Department of Economics) 3. 73

Charlotte Marguerite Powers, ‘The Changing Role of Chaebol: Multi-Conglomerates in South Korea’s National Economy’ (2010)

10(2) Stanford Journal of East Asian Affairs 105. 74

Gary Gregory, Charles Harvie, and Hyun-Hoon Lee, ‘Korean SMEs in the Wake of the Financial Crisis: Strategies, Constraints, and

Performance in a Global Economy’ (Working Paper Series 2002 No.20-12, Wollongong University Department of Economics) 3. 75

Jeffrey B. Nugent and Seung-Jae Yhee, Small and Medium Enterprises in Korea: Achievements, Constraints and Policy Issues

(World Bank Institute, 2001) 2.

99 สาธารณรัฐเกาหลีจะต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ดา้ นเศรษฐกิจและการเงินของโลก เช่นเดียวกับนานาประเทศ ในระหว่างปี 1997 ถึง 1999 ซึ งส่ งผลให้ก ารลงทุนใน SMEs ชะลอตัวลง แต่มีการคาดการณ์วา่ แนวโน้มของ การลงทุนใน SMEs จะกลับมาฟื นตัวอีกครังในศตวรรษที 2076 เมือพิจารณาด้านกฎหมายเกี ยวกับการจัดตังองค์กรส่งเสริ มและสนับสนุ น SMEs สาธารณรัฐเกาหลี ได้ตรากฎหมายเกียวกับการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs จํานวนทังสิ น 10 ฉบับ โดยกฎหมายแต่ละฉบับมี วัตถุ ประสงค์เฉพาะแตกต่ า งกัน ออกไป อย่ างไรก็ ดี กฎหมายทีเป็ นกฎหมายพืนฐานในการวางกรอบ นโยบายสํ า หรั บ การส่ ง เสริ ม SMEs คื อ Framework Act on Small and Medium Enterprises ตราขึ นในปี 1995 ซึ งกฎหมายฉบับนีเปรี ย บได้กับเข็มทิศในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของสาธารณรั ฐเกาหลี เนือหาส่ วนใหญ่มีลกั ษณะเป็ นการให้อาํ นาจแก่ภาครั ฐวางกรอบนโยบายอย่างกว้างๆ ครอบคลุมทุกเรื องที เกี ยวข้อ งกั บ การส่ ง เสริ ม SMEs โดย Article 3 กําหนดอํานาจความรั บ ผิ ด ชอบของรั ฐ บาลกลางและ รัฐบาลท้องถิ นเอาไว้ โดยรัฐบาลกลางจะต้องกําหนดและบังคับใช้นโยบายพืนฐานทีระบุในกฎหมายฉบับนี กับ SMEs เพือส่ งเสริ ม SMEs และผลัก ดัน ให้เกิ ดความก้าวหน้าของโครงสร้ างอุ ตสาหกรรม การพัฒนา ทีสมดุลของเศรษฐกิจในประเทศ ส่ วนรัฐบาลท้องถิ นมีหน้าทีความรับผิดชอบในการกําหนดและบังคับใช้ นโยบายส่ งเสริ ม SMEs ในท้อ งถิ นของตนเอง โดยพิจารณาจากความเหมาะสมในพืนที77 ในทางกลับกัน Article 4 กําหนดความรับผิดชอบแก่เจ้าของกิจการหรื อผูป้ ระกอบการ SMEs ต่อรัฐบาลด้วย กล่าวคือ ต้อง ให้ ค วามร่ วมมื อ ในการบังคับใช้น โยบายเกี ยวกับ SMEs ที ถู ก กํา หนดขึนโดยรั ฐ บาลกลางและรั ฐ บาล ท้องถิ นด้วย78 ดังทีกล่ าวมาแล้วว่า Framework Act on Small and Medium Enterprises ได้ให้อาํ นาจแก่ ภาครั ฐใน การกําหนดนโยบายพื นฐานด้า นต่ า งๆ เพื อส่ งเสริ ม SMEs โดยนโยบายพื นฐานดัง กล่ า วครอบคลุ ม หลายด้าน ได้แก่ รัฐบาลจะต้องจัดให้มีนโยบายและมาตรการในการเริ งให้เกิ ดกิ จการ SMEs ขึน (Article 5) รัฐบาลจะต้องจัดให้มีนโยบายและมาตรการเพิ มโอกาสทางการตลาดแก่ SMEs (Article 7) รัฐบาลต้อ งจัด ให้ มีก ารประสานความร่ วมมื อ กั นระหว่า ง SMEs เช่ น การรวมกลุ่ มกัน และมาตรการอื นๆ (Article 8) รั ฐ บาลต้อ งจัดให้มี Mutual Aid System เพื อสนับสนุ น ผู ้ประกอบการ SMEs ในการป้ องกันรั บมื อ ภาวะ 76

Jeffrey B. Nugent and Seung-Jae Yhee, Small and Medium Enterprises in Korea: Achievements, Constraints and Policy Issues

(World Bank Institute, 2001) 1-2. 77

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 3.

78

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 4.

100 ล้มละลาย (Article 12) รัฐบาลต้องจัดให้มีการส่ งเสริ ม SMEs สู่ ระดับนานาชาติ (Article 14) รัฐบาลต้อง จัดให้มีก ารปรับปรุ งสภาพแวดล้อมในการทํางาน (Article 15) รัฐบาลจะต้องจัดให้มีก ารผลักดัน SMEs สู่ พืนทีชนบท (Article 17) ตลอดจนรั ฐ บาลต้อ งสร้ างมาตรการทังด้านกฎหมาย ด้านการเงิน และด้านภาษี ขึนเพือช่ วยส่ งเสริ ม SMEs เช่ น การจัดตังกองทุน หรื อ การสร้างระบบ Credit Guarantee (Article 19) เป็ น ต้น อย่า งไรก็ ต ามการกําหนดนโยบายด้า นต่ างๆ ดัง ที กล่ าวมานี เป็ นเพี ย งอํา นาจหน้ า ที ซึ งกฎหมาย ฉบับนี บังคับให้รัฐบาลต้อ งจัดให้มี ขึนเท่ านัน ส่ วนรายละเอี ยดปลี กย่อ ยของมาตรการจะถูก กําหนดอยู่ ภายใต้กฎหมายฉบับอืนๆ ด้วยเหตุนี จึงเป็ นทีมาของการตรากฎหมายเฉพาะอืนๆ ตามมา ได้แก่ - Promotion of Small and Medium Enterprises and Encouragement of Purchase of Their Products Act - Act on the Protection of the Business Sphere of Small and Medium Enterprises and Promotion of their Cooperation - Act on Special Measures for Small Enterprise Support - Act on the Promotion of Technology Innovation of Small and Medium Enterprise - Special Act on Support for Human Resources of Small and Medium Enterprise - Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act - Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise - Small and Medium Enterprise Cooperatives Act - Act on Support for Female-owned Businesses นอกจากนี Framework Act on Small and Medium Enterprises ยังให้อาํ นาจแก่ รัฐบาลในการค้นหา ข้อ เท็จจริ งเกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs อีกด้วย เนื องจาก Article 21 ได้ก ําหนดว่ารั ฐ บาลสามารถสํารวจ ข้ อ เท็ จ จริ ง (Fact-Finding Survey) ของผู ้ ป ระกอบการ SMEs หรื อเรี ยกร้ อ งให้ ผู ้ ป ระกอบการให้ ข้อเท็จจริ งต่างๆ ทีเกี ยวข้อง โดยรัฐบาลมีหน้าทีต้องเผยแพร่ ผลการสํารวจดังกล่าวด้วย79 จะเห็นได้วา่ การที 79

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 21.

101 กฎหมายกําหนดให้มี ก ารลงไปสํ ารวจข้อ เท็ จจริ ง นี ส่ ง ผลดี ต่ อ รั ฐ บาลในการกํา หนดนโยบายเพื อให้ สอดคล้ อ งกั บ สภาพความเป็ นจริ งที ผู ้ ป ระกอบการ SMEs ต้อ งประสบมากยิ งขึ น ในทางกลั บ กั น ประชาชนเองก็ อ าจตรวจสอบการดําเนิ น การส่ งเสริ ม SMEs ของรั ฐ บาลได้โดยผ่ า นกลไกของรั ฐ สภา เนืองจาก Article 20 กําหนดให้รัฐ บาลต้อ งจัดทํารายงานผลการดําเนิ นงานในการส่ งเสริ ม SMEs เสนอต่อ รั ฐ สภาเป็ นประจําทุ ก ปี อี ก ทังยัง ต้อ งจัดทํา แผนการส่ งเสริ มสํ าหรั บ ปี ถัด ไปพร้ อ มเสนองบประมาณ ต่อรัฐสภาด้วย80 อี ก ทั ง ภ ายใต้ Article 8 ขอ ง Framework Act on Small and Medium Enterprises ได้ ก ํ า ห น ด ให้รัฐบาลมี หน้าทีผลักดันให้เกิดความร่ วมมื อกับผูป้ ระกอบกิ จการ SMEs ในประเทศ81 รวมถึง Article 13 ซึ งระบุให้รัฐบาลต้องส่ งเสริ มให้เกิดองค์กรเกี ยวกับ SMEs ขึน และให้มีการดําเนิ นงานส่ งเสริ ม SMEs ที เหมาะสมเพื อให้ ผู้ป ระกอบกิ จการ SMEs สามารถเติ ม เต็ มการเจริ ญเติ บ โตและการพัฒ นาธุ รกิ จของ พวกเขาเอง และเกิดการปรับปรุ งสภาพเศรษฐกิจผ่านการช่วยเหลือโดยภาครัฐ 82 ดังนัน ในปี 1996 รัฐบาล สาธารณรัฐเกาหลีจึงได้ก่อตัง Small and Medium Business Administration หรื อ SMBA ขึนเพือเป็ นองค์ก ร หลักทีมีวตั ถุประสงค์ในการส่ งเสริ ม SMEs เป็ นทีน่ าสั งเกตว่า โครงสร้ างกฎหมายเกี ยวกับ การส่ ง เสริ ม และสนับสนุ น SMEs ของประเทศ สาธารณรัฐเกาหลีมีความแตกต่างจากประเทศไทย เนืองจากสาธารณรัฐเกาหลีได้จดั ทํากฎหมายในลักษณะ “กฎหมายชุ ด (SME Law Kit)” ซึ งมี Framework Act on Small and Medium Enterprises เปรี ยบได้ ก ั บ ธรรมนู ญด้านกฎหมาย SMEs ของประเทศ และมี การตรากฎหมายเฉพาะด้านทีเกี ยวกับ SMEs ขึนตามมา อีก 9 ฉบับ แต่ในประเทศไทยไม่ได้จดั ทําในลักษณะกฎหมายชุ ด ดังเช่นสาธารณรัฐเกาหลี โดยทีประเทศ ไทยได้ตราพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 ขึนเป็ นกฎหมายหลัก ซึ ง เนือหาของพระราชบัญ ญัติจะเน้น ไปในด้านการจัดตังองค์กร คือ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลาง และขนาดย่อม ตลอดจนกําหนดอํานาจหน้าทีของสํานักฯ แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการทางกฎหมายเกียวกับ การส่ งเสริ ม SMEs ของไทย ยัง ได้ก ระจัดกระจายสอดแทรกอยู่ตามพระราชบัญ ญัติ อืนๆ อี ก ด้วย ซึ ง พระราชบัญญัติเหล่านันอาจไม่ได้มีเนือหาหลักในการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง 80

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 20.

81

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 8.

82

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 13.

102 3.4.2 ขอบเขตลักษณะโครงสร้ างการบริ หารและโครงสร้ างองค์กร ดังทีกล่าวมาแล้วว่า นโยบายต่างๆ ทีรั ฐบาลกําหนดเกี ยวกับการสนับสนุ นและส่ งเสริ ม SMEs ใน สาธารณรั ฐ เกาหลี ได้ถู ก นําไปปฏิ บตั ิ ให้เ กิ ด ผลผ่ า นองค์ก รภาครั ฐ ที ชื อว่า Small and Medium Business Administration (SMBA) ตามที Article 8 ของ Framework Act on Small and Medium Enterprises ได้ก ําหนด ให้รัฐบาลมีหน้าทีผลักดันให้เกิดความร่ วมมือ กับผู้ประกอบกิ จการ SMEs ในประเทศ83 รวมถึง Article 13 ซึ งระบุให้รัฐ บาลต้อ งส่ งเสริ มให้เกิ ดองค์กรเกี ยวกับ SMEs ขึนและให้มีการดําเนิ นงานส่ ง เสริ ม SMEs ที เหมาะสม เพื อให้ผู ้ป ระกอบกิ จการ SMEs สามารถเติ มเต็ม การเจริ ญ เติ บ โตและการพัฒ นาธุ รกิ จของ พวกเขาเอง และเกิดการปรับปรุ งสภาพเศรษฐกิ จผ่านการช่วยเหลือโดยภาครั ฐ 84 ดังนันในปี 1996 รัฐบาล สาธารณรั ฐ เกาหลี จึง ได้ก่ อ ตัง Small and Medium Business Administration หรื อ SMBA ขึ นพร้ อ มกั บ สํานักงานใหญ่ซึงประกอบไปด้วยฝ่ ายบริ หารระดับสู ง ผูบ้ ริ หารทีมาจากผูแ้ ทนจากรัฐสภา ตลอดจนสํานัก และแผนกต่างๆ โดยในปี 1998 อํานาจหน้าทีเกี ยวกับการกําหนดนโยบาย SMEs ซึงเดิมทีเป็ นของกระทรวง พาณิ ชย์ อุตสาหกรรม และพลังงาน (Ministry of Commerce, Industry and Energy) ได้ถูกโอนมาให้ SMBA ตลอดจนอํา นาจหน้ า ที ด้ า นการให้ บ ริ ก ารสนับ สนุ น SMEs ในประเทศได้ถู ก ปรั บ ปรุ ง ใหม่ เ พื อให้ มี ความเข้มแข็งมากยิ งขึน และตังแต่ปี 2000 เป็ น ต้นมา SMBA ได้ปรับปรุ งโครงสร้ างองค์กรหลายครังโดย การจัด ตังสํ านัก ต่ างๆ ที จํา เป็ นต่ อ การส่ ง เสริ ม SMEs เพิ มขึนอี ก รวมถึ งการจัดตังการบริ ห ารงานไปสู่ ภูมิภาค85 ปั จจุบนั นี โครงสร้ างของ SMBA ประกอบไปด้วยผูบ้ ริ หารระดับสู ง (Administrator) ซึ งมีระดับ เป็ นผูช้ ่วยรัฐมนตรี 86 ผูบ้ ริ หารทีมาจากผูแ้ ทนจากรั ฐสภา (Deputy-Administrator) และเจ้าหน้าทีซึ งทํางาน อยู่ใน 7 สํานัก (Bureau) และ แผนก (Division) อีกทัง SMBA ยังมีก ารบริ หารจัดการในภูมิภาครวม 11 แห่ ง87 ทัวประเทศอีก ด้วย นอกจากนีโครงสร้ างองค์กรของ SMBA ยังมี การจัดตังหน่วยงานตรวจสอบขึน

83

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 8.

84

Framework Act on Small and Medium Enterprises 1998, Article 13.

85

Small and Medium Business Administration, History (25 July 2013)

. 86

K. Kohata, SME Policy in U.S.A Japan Korea and Thailand (25 July 2013) Asian Development Bank Institute

. 87

Small and Medium Business Administration, Organization (25 July 2013)

.

103 ภายใต้ก ารกํากับดู แลของคณะผู ้ บริ หารอีก ทางหนึ งโดยสามารถสรุ ป ผัง โครงสร้ างองค์ ก ร SMBA ดัง แผนภาพต่อไปนี แผนภาพแสดงโครงสร้างบริ หารและองค์กร SMBA

แหล่งทีมา: Small and Medium Business Administration เมื อเปรี ยบเทียบประเด็นการจัดตังองค์ก รภาครั ฐที ทําหน้าที ส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศไทย และ สาธารณรัฐ เกาหลีแล้ว พบว่า ทังสองประเทศได้มีกฎหมายทีให้อ าํ นาจในการจัดตังองค์กรส่ งเสริ ม SMEs เหมื อนกัน ได้แก่ พระราชบัญ ญัติ ส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม และ Framework Act on Small and Medium Enterprises ต าม ลํ า ดั บ อ ย่ าง ไ ร ก็ ต าม Framework Act on Small and Medium Enterprises ระบุแต่เพี ยงหน้าทีของรัฐ บาลในการจัดตังองค์กรทีทําหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs เท่านัน แต่มิไ ด้ ระบุถึงตัวองค์กร และโครงสร้ างองค์กรของ SMBA เอาไว้ ด้วยเหตุ นีการจัดระเบียบโครงสร้ างองค์ก ร

104 SMBA เป็ น เรื องการบริ หารงานโดยรั ฐบาลมิได้ถูกระบุเอาไว้อย่างละเอียดดังเช่ นพระราชบัญญัติส่ง เสริ ม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ประเด็นทีน่ าสังเกตประการต่อมา คือ บุค คลผู ้ดาํ รงตําแหน่ งผูบ้ ริ หาร ระดับสู ง (Administrator) และผู ้บริ หารที มาจากผู ้แ ทนรั ฐ สภา (Deputy-Administrator) ของ SMBA คื อ ผูช้ ่ วยรัฐมนตรี และผูแ้ ทนจากรัฐสภา ซึ งมาจากข้าราชการฝ่ ายการเมือง ดํารงตําแหน่ งอยูใ่ นวาระครังละ 4 ปี เป็ นทีน่ าสังเกตว่า มติหรื อนโยบายของ SMBA อาจไม่ ได้เป็ นไปในทางทีควรจะเป็ น เนืองจากอยูภ่ ายใต้ อิ ท ธิ พ ลทางการเมื อ งของฝ่ ายรั ฐ บาลมากเกิ น ไป ข้อ กังวลดัง กล่ า วอาจถู ก แก้ ไ ขได้ ด้วยการปรั บ ปรุ ง โครงสร้ างให้มีฝ่ ายเอกชน หรื อข้าราชการฝ่ ายประจําเข้ามามี ส่วนร่ วมในการบริ หารองค์กรเมือพิจารณา โครงสร้างของ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) แล้วจะพบว่า โครงสร้างของ สสว. อาจมีก ารถ่วงดุลระหว่า งฝ่ ายต่างๆได้ดีก ว่า SMBA เนื องจากมี องค์ประกอบของผูแ้ ทนจากองค์ก ร เอกชน และผูท้ รงคุณวุฒิ เข้ามามีส่วนร่ วมกําหนดนโยบายส่ งเสริ ม SMEs ร่ วมกับภาครัฐ การบริ หารงานของ SMBA ได้ด ําเนิ น การผ่านเจ้า หน้าที ซึ งประจําอยู่ใน 7 สํ านัก (Bureau) และ แผนก (Division) อีกทัง SMBA ยังมี การบริ หารจัดการในภูมิภาครวม 11 แห่ ง88 โดยทังหมดดังกล่าวนี จะอยูภ่ ายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของผูบ้ ริ หารระดับสู ง (Administrator) และผูแ้ ทนจากรัฐสภา (DeputyAdministrator) ซึ งสํานักต่างๆ ของ SMBA ได้แก่ (1) สํานักวางแผนและประสานงาน ซึ งประกอบด้วย แผนกวางแผนและงบประมาณ แผนก บริ หารและนิติการ แผนกการจัดการข้อมูลข่าวสารลูกค้าและแผนกวางแผนความปลอดภัยและเหตุฉุกเฉิ น (2) สํานักนโยบาย SME ซึ งประกอบด้วย แผนกประสานงานนโยบาย แผนกการเงิน แผนก พัฒนาแรงงาน แผนกประเมินผลกระทบด้านข้อบังคับ และแผนกทบทวนแก้ไขการพัฒนาภูมิภาค (3) สํ า นัก นโยบาย Micro-Enterprise ซึ งประกอบด้วยแผนกนโยบาย Micro-Enterprise แผนกให้ความช่ วยเหลือ Micro-Enterprise และแผนกเขตการค้าและตลาด (4) สํ านัก กิ จการที มี ศ ัก ยภาพสู ง ซึ งประกอบไปด้วย แผนกนโยบายเกี ยวกับกิ จการที มี ศักยภาพสู ง แผนกส่ งเสริ มนวัตกรรม และแผนกการริ เริ มความเจริ ญเติบโต

88

Small and Medium Business Administration, Organization (25 July 2013)

.

105 (5) สํานัก เริ มต้นธุ รกิ จและความเสี ยง ซึ งประกอบไปด้วย แผนกนโยบายด้านความเสี ยง แผนกการลงทุนในความเสี ยง แผนกส่ งเสริ มการเริ มต้นธุ รกิ จและแผนกบริ การข้อมูลความรู ้ ในการเริ มต้น ธุรกิจ (6) สํ า นัก ธุ ร กิ จการตลาด ซึ งประกอบด้วยแผนกนโยบายการตลาด แผนกการตลาด สาธารณะ และแผนกการตลาดต่างประเทศ (7) สํ า นัก เทคโนโลยีแ ละการผลิ ต ซึ งประกอบด้วย แผนกนโยบายนวัตกรรมการผลิ ต แผนกพัฒนาเทคโนโลยี และแผนกคุม้ ครองและประสานความร่ วมมือด้านเทคโนโลยี เป็ นที น่ าสังเกตว่า โดยหลักการแล้วการแบ่ งส่ วนงานของ SMBA มีความคล้ายคลึ งกับ สสว. ซึ ง ครอบคลุมทังด้านการกําหนดยุทธศาสตร์ ด้านการส่ งเสริ มความร่ วมมือ ด้านการช่ วยเหลื อ สนับสนุ น ด้า นการบริ ห ารจัด การ แต่ SMBA ยัง มี ส่ วนงานปลี ก ย่ อ ยลงไปยิ งกว่านัน กล่ าวคื อ ส่ วนงานที เกี ยวกับ การบริ หารจัดการความเสี ยง ส่ วนงานที ดู แล Micro-Enterprise ซึ งเป็ น SME ประเภทหนึ งในสาธารณรั ฐ เกาหลีดงั ทีอธิ บายในหัวข้อ . อีก ทัง SMBA ยัง มุ่ งเน้น ไปที การส่ งเสริ มเทคโนโลยีการผลิต สิ น ค้าของ SMEs ดังนันจึงมีการจัดตังสํานักเทคโนโลยีและการผลิตขึนมารองรับ 3.4.3 วัตถุประสงค์แ ละอํานาจหน้าที ดัง ที กล่ า วมาแล้ ว ว่ า วัต ถุ ป ระสงค์ ห รื อ เป้ าหมายของการจัด ตัง Small and Medium Business Administration (SMBA) ได้แก่ 89 (1) เพือสร้ างงานสร้ างอาชีพโดยการสนับสนุนการเจิรญเติบโตของการเริ มต้นอุตสาหกรรม ( ) เพือสร้ างความเข้มแข็งด้านการแข่งขันทางเทคโนโลยีของ SMEs ไปสู่ ก ารสร้ างสรรค์ เครื องยนต์กลไกใหม่ๆ (3) เพือการส่ งเสริ มการจัดการธุรกิจ รวมถึงการพัฒนาด้านการเงินและการตลาด (4) เพือกระตุน้ ฐานเศรษฐกิจเพือส่ งเสริ มการเจริ ญเติบโตร่ วมกัน (5) เพือสร้ างนโยบายทีเป็ นมิตรต่อสิ งแวดล้อมสู่ SMEs 89

Small and Medium Business Administration, Vision and Mission (25 July 2013)

.

106 จะเห็ น ได้ว่า นอกจากวัตถุ ประสงค์ข องการจัด ตัง SMBA ที มุ่ งเน้ น ให้เ ป็ นองค์ก รส่ งเสริ มและ สนับสนุน SMEs แล้ว การกําหนดให้เรื องของการรักษาสิ งแวดล้อมทีไม่ควรถูกละเลยก็เป็ นอีกวัตถุประสงค์ หนึงทีสาธารณรัฐเกาหลีให้ความสําคัญควบคู่ไปกับการพัฒนาประเทศ นอกจากนีอํานาจหน้าทีของ SMBA ยังได้ถูกกําหนดอยู่ในกฎหมายหลากหลายฉบับ กรณี ดงั กล่าวนี แตกต่ า งจากประเทศไทย เนื องจากการกํ า หนดอํา นาจหน้ าที ขององค์ ก รส่ งเสริ ม SMEs ของไทย คื อ สํานัก งานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ถูกระบุอย่างชัดเจนภายใต้พระราชบัญญัติ ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม เพี ยงฉบับเดียว ซึ งเป็ น ผลดีในแง่ไม่ก่อให้เ กิดความสับสนแก่ ผูบ้ งั คับใช้กฎหมาย แต่ สาธารณรัฐ เกาหลี กาํ หนดอํานาจหน้าทีของ SMBA โดยถูกเขียนกระจัดกระจายอยู่ ตามกฎหมายที เกี ยวข้ อ งกั บ การส่ งเสริ ม SMEs หลายฉบับ กรณี นี อาจก่ อ ให้ เ กิ ด ความยุ่ ง ยากใน การนํามาใช้ และผูว้ จิ ยั เห็นว่าอาจก่อให้เกิดความสับสนได้ กฎหมายทีมีการกําหนดอํานาจหน้าทีของ SMBA ได้แก่ - Promotion of Small and Medium Enterprises and Encouragement of Purchase of Their Products Act - Act on the Protection of the Business Sphere of Small and Medium Enterprises and Promotion of their Cooperation - Act on Special Measures for Small Enterprise Support - Act on the Promotion of Technology Innovation of Small and Medium Enterprise - Special Act on Support for Human Resources of Small and Medium Enterprise - Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act - Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise - Small and Medium Enterprise Cooperatives Act - Act on Support for Female-owned Businesses

107 ด้วยเหตุนีผูว้ จิ ยั สรุ ปอํานาจหน้าทีหลักของ SMBA เป็ นกรณีต่างๆ 8 กรณี ดงั ต่อไปนี ( ) อํานาจหน้าทีในการกําหนดนโยบายเกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs (2) อํานาจหน้าทีในการอํานวยความสะดวกให้ผปู้ ระกอบการสามารถก่อตังธุ รกิจ SME ได้ (3) อํานาจหน้าทีในการเสนอมาตรการด้านการบริ การการเงิน (Financial Service) (4) อํานาจหน้าทีในการจัดหาทรัพยากรบุคคลสําหรับ SMEs (5) อํานาจหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ให้เข้าถึงตลาด (6) อํานาจหน้าทีในการส่ งเสริ มความสามารถด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีแก่ SMEs (7) อํานาจหน้าทีในการส่ งเสริ มธุ รกิ จทีมีความเสี ยงสู ง (8) อํา นาจหน้ า ที เฉพาะอื นๆ ตามที กฎหมายกํา หนด เช่ น ภายใต้ Act on Support for Female-owned Businesses แ ล ะ Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act กํ า ห น ด ให้ SMBA ส่ งเสริ มการดําเนินธุ รกิจของสตรี และผูพ้ ิการ เมือพิจารณาจากวัตถุประสงค์และอํานาจหน้าทีของ SMBA สามารถสังเกตได้วา่ SMBAเป็ นองค์ก ร ทีมีอาํ นาจทังเชิงนโยบายและเชิงบริ หาร อีกทังกฎหมายเหล่านีเองมิได้กาํ หนดรายละเอียดของอํานาจหน้าที ในเชิ งลึกแก่ SMBA แต่อย่างใด แต่ได้กาํ หนดอํานาจหน้าทีอย่างกว้างๆ แก่ SMBA เท่านัน ยกตัวอย่างเช่ น กําหนดให้ SMBA มีอาํ นาจในการส่ งเสริ มธุ รกิ จทีอาจมีความเสี ยงสู ง แต่ไม่ได้ระบุวา่ จะส่ งเสริ มในลักษณะ เช่ นใด ด้วยวิธีการใด เป็ นต้น ผูว้ ิจยั เห็นว่ามีความเป็ นไปได้สูงทีการกําหนดอํานาจหน้าทีอย่างกว้างๆ นัน เพือให้ SMBA สามารถดําเนิ นการส่ งเสริ ม SMEs ได้อย่างยืดหยุ่น อย่างไรก็ตาม อํานาจหน้าทีสํ าคัญ บาง ประการก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของ SMBA เช่ น อํานาจหน้าทีในการกําหนดลักษณะ ประเภท และขนาดของ SME ซึ งรั ฐ บาลสาธารณรั ฐ เกาหลี จะเป็ นผู ้ก ํา หนดโดยอาศัยอํา นาจของ Framework Act on Small and Medium Enterprises กล่ าวโดยสรุ ป อํานาจหน้าทีของ SMBA ในภาพรวมนัน มี ความคล้ายคลึงกับอํานาจ หน้าทีของ สสว. แต่ อาํ นาจหน้าทีของ สสว. ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่อมได้กาํ หนดเอาไว้อย่างชัดเจนและค่อนข้างเคร่ งครัดกว่า โดยเทคนิ ค ของการร่ างกฎหมายนัน การทีกฎหมายได้กาํ หนดอํานาจหน้าที อย่า งเคร่ งครั ดชัดเจน มากกว่า ก็อ าจเป็ น ผลสะท้อนว่า กฎหมายต้องการป้ องกันมิให้อ งค์กรทีส่ งเสริ ม SMEs ใช้อ าํ นาจหน้าทีเกิ น ขอบเขต ไม่อาจใช้อาํ นาจตามอําเภอใจหรื อนอกเหนือไปกว่าขอบเขตทีกฎหมายกําหนดได้

108 4.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ เนื องด้ วยภารกิ จ ของ SMBA ซึ งมี ห น้ า ที หลัก ในการส่ งเสริ ม และสนั บ สนุ น SMEs ให้ เ กิ ด ความเจริ ญเติบโต อีกทังกฎหมายได้ก ําหนดให้ SMBA จัดให้มีการจัดตังกองทุนต่างๆ เพือช่ วยเหลือ SMEs ในการพัฒ นาศัก ยภาพของตนเองนัน งบประมาณสนับสนุ น จากรัฐ บาลจึง เป็ นปั จ จัย ขับ เคลื อนสํ า คัญ ในการดํา เนิ น การเพื อบรรลุ ภ ารกิ จดัง กล่ าว ด้ วยเหตุ นี SMBA จึ ง มี อิ ส ระในการดําเนิ น งานทุ ก ด้า นที เกี ยวข้องกับนโยบาย SMEs ของรัฐบาล โดยอยู่ภายใต้การกํากับดูแลของรัฐบาลโดยตรง และ SMBA ได้รับ การจัดสรรงบประมาณในการดําเนินงานเป็ นรายปี โดยงบประมาณถูกจําแนกออกเป็ น 2 ประเภท ได้แก่ (1) งบประมาณประจําปี (2) งบประมาณพิเศษ เมื อพิ จ ารณาจากงบประมาณที ได้รั บ ส่ งผลให้ SMBA กลายเป็ นองค์ ก รที มี บ ทบาทและมี ความสําคัญมากทีสุ ดในการส่ งเสริ ม SMEs ในสาธารณรัฐเกาหลี90 ในปี 2010 SMBA ได้รับงบประมาณจาก รัฐบาล 1.68 ล้านล้านวอน หรื อ ประมาณ 1.4 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ ซึ งงบประมาณดังกล่าวเป็ นงบประมาณ ประจําปี ถ้าหากในปี ใดทีเกิ ดภาวะฉุก เฉิ นทางเศรษฐกิ จ รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณพิ เศษสํ าหรับใช้จา่ ย ในภาวะวิกฤตการณ์ ดา้ นการเงิน (Financial Crisis) เพิมต่างหาก โดยในปี 2010 งบประมาณ 1.68 ล้านล้าน วอนดังกล่าวได้ถูกจัดสรรเป็ นกองทุนสําหรับส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ซึ งกองทุนดังกล่า วมีประมาณ 4.3 ล้านล้านวอน หรื อ ประมาณ 3.6 พันล้านเหรี ยญสหรัฐ จากการศึ ก ษาพบว่า SMBA ได้ใช้ง บประมาณส่ วนใหญ่ ก ับ การพัฒ นาและวิจยั (Research and Development: R&D) โดยในปี 2012 กระทรวงยุทธศาสตร์ และการคลัง (Ministry of Strategy and Finance) ได้ร่วมมือกับ SMBA ในการดําเนิ นโครงการ The Health Care System for SMEs ได้จดั สรงบประมาณใน การพัฒนาและวิจยั ให้แ ก่ ผู ้ประกอบการ SMEs รายใดที ร้ อ งขอ 91 เป็ นที ชัด เจนว่าโครงการดังกล่ าวเป็ น โครงการทีได้รับการสนับสนุ นจากกระทรวงการคลังโดยตรง ซึ งเป็ นการเน้นยําว่างบประมาณทีได้รับจาก 90

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 53. 91

Small and Medium Business Administration, Government projects for SMEs will become corporation-centered (25 July 2013)

.

109 รัฐ SMBA ได้มีการจัดสรรให้เป็ นกองทุนในการวิจยั แก่ SMEs อีกด้วย ประเด็นนีอาจเป็ นสิ งทีแตกต่างจาก ประเทศไทย เนื องจากไม่มีกฎหมายที ระบุ ช ดั เจนว่า SMBA จะต้อ งนํางบประมาณไปใช้ในด้านใดบ้า ง เพียงแต่ตอ้ งนําไปใช้เพือให้วตั ถุประสงค์ของการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs บรรลุผลเท่านัน 3.4.5 รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs เมื อพิ จ ารณาถึ ง อํา นาจหน้ า ที ของ SMBA ที กฎหมายฉบับ ต่ า งๆ กํา หนด พบว่า กฎหมายใช้ ถ้อ ยคําทั วไปว่า “ให้ SMBA มี อ ํา นาจในการส่ งเสริ ม และสนับสนุ น ” ซึ ง SMBA จะต้อ งไปดําเนิ น การ ในทางปฏิบตั ิวา่ การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ตามทีกฎหมายกําหนดสมควรออกมาในรู ปแบบใด ดังนัน รู ปแบบในปั จจุบนั นี SMBA ได้ออกมาตรการเพื อส่ งเสริ ม SMEs มากกว่าร้ อ ยมาตรการแล้ว ซึ งมาตรการ ส่ วนใหญ่ จะมุ่ ง เน้น ไปที การแข่ ง ขัน SMEs92 ด้วยเหตุ นี รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ใน สาธารณรัฐเกาหลีสามารถสรุ ปเป็ นมาตรการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ดังต่อไปนี มาตรการในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ได้ถูกกําหนดขึนเพื อทําให้น โยบายเกิ ดผลในทาง ปฏิ บัติ ด้วยเหตุ นี มาตรการต่างๆจึ งถูก กําหนดให้ส อดคล้องกับนโยบาย ผู ้วิจยั สามารถสรุ ปและจําแนก ได้ดงั ต่อไปนี (1) มาตรการเกียวกับการประกอบกิจการ SME93 1) SMBA ได้ประสานความร่ วมมื อกับกระทรวงศึ กษาธิ ก าร ได้สร้ างโปรแกรม ในการส่ งเสริ มให้มีก ารก่ อตังกิ จการขึน โดยเริ มต้นจากการจัดให้มีการบรรยายพิเศษให้ความรู้แ ก่นกั ศึกษา และคนรุ่ นใหม่ เกี ยวกับการเป็ นผู ้ประกอบกิจการในมหาวิทยาลัย อีก ทัง SMBA ได้จดั ให้มีกิ จกรรมของ อาจารย์ นักวิจยั และนักศึกษา เกี ยวกับการเป็ นผูป้ ระกอบกิจการ 2) SMBA ส่ งเสริ มให้มีการเริ มต้นธุ รกิ จในครัวเรื อนและปรับปรุ งขยายสาธารณูปโภค 3) SMBA ได้อุ ดหนุ น ด้า นการเงิ น ให้ แ ก่ ช มรมของนัก ศึ ก ษาในมหาวิท ยาลัย ที เกี ยวข้องกับการประกอบกิ จการ 92

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 53. 93

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 54.

110 4) SMBA ได้เสนอคอร์ สในการเริ มต้นกิ จการ (Start-Up Courses) ให้แก่ ประชาชน ผูท้ ีประสงค์จะริ เริ มมีกิจการเป็ นของตนเอง 5) SMBA สร้ างโปรแกรมสํ าหรับ ประเมิ น ตรวจสอบผลกระทบของกฎเกณฑ์ เกี ยวข้อ งกับ SMEs และให้ค ําปรึ ก ษา ข้อ เสนอแนะ รวมถึ งแนวทางแก้ไ ขปั ญ หาแก่ ผู ้ประกอบกิ จการ แต่ละรายโดยเฉพาะ โดยโปรแกรมจะเสนอการให้บริ การด้านธุ รกิจแบบ one-stop service อีกทังยังจัดให้มี คณะทํางานลงไปให้บริ การถึงพืนทีของ SMEs ด้วย (2) มาตรการเกียวกับนวัตกรรม SMEs SMBA ได้เสนอมาตรการเกี ยวกับนวัตกรรม SME (SME Innovation) ได้แ ก่ 1) มาตรการ ด้า นการเงิ น เพื อส่ งเสริ ม เทคโนโลยี แ ละ R&D 2) มาตรการ Inno-biz และ ) มาตรการฟู มฟั ก กิ จการ (Business Incubator) ซึ งมีรายละเอียดดังต่อไปนี94 1) มาตรการด้านการเงิน เพื อส่ งเสริ มเทคโนโลยีแ ละ R&D ซึ ง SMBA ได้สร้ าง โปรแกรมทีหลากหลายเพือช่วยเหลือด้านการเงินในการทํา R&D และพัฒนาเทคโนโลยีแก่ ผูป้ ระกอบการ SMEs ได้แก่ ก. SMBA จัด ให้ มี โ ปรแกรมชื อ Technological Innovation Programme จัดตังในปี 1997 ซึ งจะส่ งเสริ มให้มีก ารจัดทําวิจยั และพัฒ นา (Research and Development: R&D) สําหรั บ เทคโนโลยีใหม่ๆ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ซึ งสามารถทําเป็ นธุ รกิ จสร้างรายได้ ภายในระยะเวลา 3 ปี ข. SMBA จัดให้มี โปรแกรมเสริ มสร้ างความเข้มแข็งของเครื อข่ ายระหว่าง ภาคอุตสาหกรรม ภาควิชาการ และสถาบันวิจยั รวมทังการค้าขายเทคโนโลยีและการสร้างโครงข่ายดิจติ อล ค. SMBA จัด ให้มีก องทุ น บางส่ วนแก่ ผู ้ประกอบการ SMEs ในการทํา R&D ในโครงการ 2 ประเภท ได้แก่ โครงการ Strategic Project ซึ งเป็ นโครงการสําหรับ SMEs ทีผลิตสิ นค้า ทีมีผลกระทบในวงกว้าง และโครงการ General Project ซึ งมีเป้ าหมายในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ภายใน ระยะเวลา 1 ปี

94

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 54-56.

111 ง. SMBA จัดให้ มี โปรแกรม Purchase-Guaranteed New Product Development Programme ที จะสนับ สนุ น การพัฒ นาผลิ ตภัณ ฑ์ ใหม่ ๆ ของ SMEs ใน 2 ช่ วง กล่ า วคื อ ช่ วงแรก คื อ ขอ ความร่ วมมือ องค์การมหาชนและบริ ษทั ขนาดใหญ่ แจ้งความต้อ งการผลิ ตภัณ ฑ์ ที อยู่ในการพัฒ นาของ ผู ้ป ระกอบการ SMEs ช่ วงที สอง เป็ นหน้ า ที ของ SMBA ที จะสนับ สนุ น ด้ า นการเงิ น ให้ มี ก ารพัฒ นา ผลิตภัณฑ์ดงั กล่าว โดย SMBA จัดสรรงบประมาณไว้ 500 ล้านวอน และองค์การทีสั งซื อผลิตภัณฑ์เช่นว่า นันจะต้อ งรั บประกัน การจัดซื อด้วย โปรแกรมนี ส่ งผลให้ มีก ารพัฒ นาผลิ ตภัณ ฑ์ใหม่ ๆ ขึนมาตรงกับ ความต้องการของตลาด จ. SMBA จัด ให้ มี ก องทุ น Matching Funds ขึ นเพื อพัฒ นาผลิ ต ภัณ ฑ์ ใหม่ๆ ของ SMEs โดยความช่วยเหลือของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจยั และองค์กรธุ รกิจอืน ฉ. SMBA จัด ให้ มี ก องทุ น Enterprise Joint Tech Development Funds เพือส่ งเสริ ม SMEs ในกรณี SME สองรายขึนไปร่ วมมื อ กับสถาบันวิจยั ในการออกแบบผลิ ตภัณ ฑ์ใหม่ ๆ หรื อตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ ภายใน 1-2 ปี ช . SMBA จั ด ให้ มี ก อ ง ทุ น Production Environment Innovation Tech Development Programme ซึ งจะจัดสรรเงิ นทุ นให้แก่ SMEs ในการปรั บปรุ งประสิ ทธิ ภาพของสายการผลิ ต (the Production Line) และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ 2) มาตรการ Inno-biz เป็ นมาตรการใหม่ทีเสริ มความเข้มแข็งให้กับการลงทุนทีมี การนําเทคโนโลยีมาใช้ โดย SMBA จัดให้มีโปรแกรม “Inno-biz (Innovative Business)” ซึ งโปรแกรมนี ออกแบบมาเพื อ SMEs ทีมี ศกั ยภาพในการเจริ ญเติบโตและมีก ารแข่ งขัน ด้านเทคโนโลยี โดยจะรับรอง SMEs เช่ น ว่านันในฐานะ Inno-biz และมี ก ารออกเป็ นใบรั บรอง (Certification) ให้แ ก่ SMEs ด้วย ทังนี สิ ทธิ ประโยชน์ของการได้รับรองให้เป็ น Inno-biz คือ SMEs จะได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี เงินทุน สนับ สนุ น และช่ อ งทางการตลาด สิ ทธิ ป ระโยชน์ เหล่ านี จะช่ วยผลัก ดัน SMEs ที เป็ น Inno-biz ไปสู่ การแข่งขันกับต่างประเทศได้ ช่วงระยะเวลาทีผ่านมามี SMEs ทีได้รับการรับรองเป็ น Inno-biz เพิ มขึนทุกปี กล่ าวคือ 3,454 รายในปี 2005 11,526 รายในปี 2007 15,940 รายในปี 2009 และ 16,944 รายในปี 201195 จะ เห็นได้วา่ โปรแกรมดังกล่าวมีผปู ้ ระกอบการให้ความสนใจเข้าร่ วมเพิ มขึนอย่างรวดเร็ ว เนืองจากหากได้รับ 95

Small and Medium Business Administration, Statistics (25 July 2013)

.

112 การรั บ รองเป็ น Inno-biz แล้ว นอกจากสิ ท ธิ ป ระโยชน์ ที พึ ง ได้ รั บ SMEs จะได้รั บ ความไว้วางใจจาก ผูบ้ ริ โภคในด้านการมีเทคโนโลยีทีทันสมัยด้วย 3) มาตรการฟู มฟั กกิ จการ (Business Incubator) เป็ นโปรแกรมที SMBA ออกแบบ ขึน เพื อจะส่ งเสริ มการฟูมฟั กกิ จการ SMEs ทีถู ก ดําเนิ นการโดยมหาวิทยาลัยต่างๆ และสถาบันวิจยั ของ ภาครัฐ โดยโปรแกรมนี จะส่ งเสริ มและสนับสนุ นการเอาตัวรอดของกิ จการ และส่ งเสริ มการเจริ ญเติบโต ให้กบั การก่ อตังกิ จการใหม่ทียังคงมีความเสี ยง โดย SMBA จะอํานวยความสะดวกในเรื องของ ทําเลทีดิน ในการประกอบธุ ร กิ จ การให้ ค ํา ปรึ ก ษา และการให้ ค วามรู ้ เ รื องการตลาด จะเห็ น ได้ ว่ามาตรการ ดังกล่าวนี จะมุ่งเน้นไปทีการช่ วยเหลือให้กิจการ หรื อธุ รกิ จ SMEs สามารถตังตัวได้อย่างมันคงในระยะยาว อย่างไรก็ดีกิจการ หรื อธุ รกิ จ SMEs ทีจะได้รับการช่วยเหลือจากมาตรการนี ถูกจํากัดแค่ มหาวิทยาลัย หรื อ สถาบันวิจยั ของรัฐเท่านัน เป็ นที น่ าสั ง เกตว่า มาตรการส่ ง เสริ ม และสนับสนุ น SMEs ที อยู่ในรู ป ของโปรแกรม ส่ ง เสริ ม โดยส่ วนใหญ่ ล ้วนผู ก โยงเข้า กับการพัฒ นาเทคโนโลยีอ ย่างชัดเจน ซึ งเป็ นไปตามความเชื อว่า การพัฒ นาเทคโนโลยีจะนํา ไปสู่ น วัตกรรมการผลิต และยกระดับ มาตรฐานศัก ยภาพในการแข่ ง ขัน กับนานาประเทศ ส่ งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศได้ ดังนันสาธารณรัฐเกาหลีจึงให้ความสําคัญกับ R&D อย่างยิ ง อย่างไรก็ดี การทํา R&D ก็เป็ นการสร้ างต้นทุ นอย่างหนึ งทีจะก่ อให้เกิ ดภาระให้แก่ ผูผ้ ลิ ตสิ นค้า หรื อผูป้ ระกอบกิจการ ด้วยเหตุนี SMBA จึงมีการสร้างมาตรการจูงใจต่างๆ เพือให้ผปู้ ระกอบการ SMEs หัน มาตระหนักและให้ความสําคัญแก่ R&D มากขึน (3) มาตรการผลักดัน SME สู่ ระดับสากล96 การส่ งเสริ ม SMEs ของสาธารณรั ฐเกาหลีให้ก้าวไปสู่ เ วทีระดับนานาชาติ เป็ นอีก ภารกิ จ สําคัญทีถูกระบุอยู่ภายใต้แนวนโยบาย SME ด้วย การผลักดัน SME ไปสู่ ระดับนานาชาติดาํ เนินการโดยผ่าน โปรแกรมที ชื อว่า “300 Global Star Programme” ถู ก ออกแบบและดําเนิ น การโดย Korea Export Import Bank (Eximbank) ในปี 2010 โดยโปรแกรมดังกล่ าวจะมี ร ะยะเวลา 3 ปี และในแต่ ล ะปี SMEs ที แสดง ความประสงค์จะเข้าร่ วมโปรแกรมจะต้อ งถูกตรวจสอบคัดกรองว่ามีคุ ณ สมบัติตามที Eximbank กําหนด หรื อไม่ โดยจะคัดเลือก SMEs ทีมีคุณสมบัติตามทีกําหนด จํานวน 100 รายต่อปี เท่ านันเพือเข้าสู่ โปรแกรม 96

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 56-57.

113 ส่ วนเกณฑ์ในการพิจารณาของ Eximbank ว่า SMEs รายใดมีคุณสมบัติเข้าร่ วมโปรแกรมหรื อไม่ จะพิจารณา จาก 4 ด้านดังแผนภาพต่อไปนี แผนภาพแสดงเกณฑ์ในการพิจารณาคุณสมบัติของ SMEs เพือคัดเลือกเข้าสู่

Global Star Programme

แหล่งทีมา: Korea Export Import Bank 1) ความสามารถด้านเทคโนโลยี เช่น การลงทุน ในการพัฒนาเทคโนโลยี การถือ สิ ทธิ บตั ร ความเป็ นนวัตกรรม เป็ นต้น โดยคิดเป็ นสัดส่ วนในการพิจารณา 40% ) ศักยภาพในการเจริ ญเติบโต เช่น ส่ วนแบ่งตลาดโลก ความสามารถด้านโลกาภิวฒั น์ แผนธุ รกิจในระยะยาว เป็ นต้น โดยคิดเป็ นสัดส่ วนในการพิจารณา 30% ) ความสามารถของผู ้บ ริ หารองค์ก ร (CEO) เช่ น องค์ ค วามรู ้ ด้านเทคโนโลยี ความสามารถในการจัดการ ประสบการณ์ดา้ นธุ รกิ จ แรงกระตุน้ หรื อแรงจูงใจในการพัฒนาองค์กร โดยคิด เป็ นสัดส่ วนในการพิจารณา 10% 4) ความมันคงด้านการเงิน เช่น การประเมินเครดิตผ่านระบบของ Eximbank โดย คิดเป็ นสัดส่ วนในการพิจารณา 20% โดย SMEs 100 รายต่ อ ปี ที ได้ รั บ การคัด เลื อ กสู่ โ ปรแกรม

Global Star จะได้รั บ

การส่ งเสริ มและสนับสนุนในลักษณะเป็ นแพ็ก เกจ (comprehensive support package) จาก Eximbank ซึ งจะ แบ่ งเป็ น การสนับสนุ น ด้านเทคโนโลยี การสนับสนุ น ด้านการเงิ น การสนับสนุ น เครื อข่ ายธุ รกิ จ และ

114 การสนับ สนุ น ด้า นการสํ า รวจตลาดในต่ างประเทศ ด้วยเหตุ นี การสนับสนุ น ดัง กล่ าวจะช่ วยเป็ นแรง ผลักดันให้ SMEs ของสาธารณรัฐเกาหลี สามารถส่ งออกสิ นค้าผลิตภัณฑ์ของตนเองไปสู่ ตลาดโลกได้ เมือพิจารณาจากผลสําเร็ จของ SMBA ผลักดันมาตรการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs จาก การดําเนิ นงานส่ งเสริ ม SMEs ก่ อให้เกิดผลในหลายด้าน โดยเฉพาะการตืนตัวและเพิ มการลงทุ นใน R&D โดยตังแต่ปี 2000 เป็ นต้นมาการลงทุนใน R&D ของผูป้ ระกอบกิ จการ SMEs เพิ มจํานวนมากขึนจาก 1.37% เป็ น 2.85% ในปี 200797 และผลจากนโยบายด้านการส่ งเสริ ม SMEs ก่ อให้เกิ ดผลดีและผลเสี ยต่ างๆ ด้วย กล่ า วคื อ ตังแต่ ปี 2003 การส่ ง เสริ ม SMEs ก่ อ ให้ เ กิ ด ผลดี ใ นด้ า นการส่ งออกที เพิ มมากขึ น โดยมี มู ล ค่ า ประมาณ 200 ล้ า นเหรี ย ญสหรั ฐ ต่ อ ปี ในขณะเดี ย วกั น ธุ ร กิ จ SME ที ได้รั บ การส่ งเสริ มให้ มี การปรั บปรุ งการผลิตมี รายได้จากการประกอบกิ จการเพิ มมากขึน 21% และส่ งออกได้เพิ มมากขึน 36% สําหรั บ SMEs ทีได้รับการส่ งเสริ มด้านการพัฒ นาเทคโนโลยีมีรายได้จากการประกอบกิ จการเพิ มมากขึน 37% และส่ งออกได้เพิ มมากขึน 60% นอกจากนี SMEs ยังได้ลงทุนในต่างประเทศเพิ มมากขึน โดยส่ วนแบ่ง การลงทุนในต่างประเทศคิดเป็ น 54% ในแต่ละกรณี และ 26% ของผลรวมทังหมด98 แต่ อ ย่างไรก็ต าม การส่ งเสริ ม SMEs สามารถก่ อ ให้เกิ ดผลเสี ยได้เช่ นเดียวกัน กล่ าวคื อ การกําหนดนิ ยามลักษณะของกิจการทีเป็ น SME ซึงพิจารณาจากจํานวนพนักงาน และมูลค่าสิ นทรัพย์ หรื อ มู ล ค่ าการขาย ภายใต้ก ฎหมาย Framework Act on Small and Medium Enterprises นัน อาจส่ งผลเสี ย ต่ อ พฤติก รรมของ SMEs โดย SMEs แต่ ละรายจะไม่ พ ยายามเพิ มจํานวนพนัก งาน หรื อ เพิ มมู ล ค่ าการขาย เนื องจากต้ อ งการคงสถานะของการเป็ น SME เพื อรอรั บ การส่ งเสริ มและสนับ สนุ น จากภาครั ฐ เพี ย ง อย่างเดียว นอกจากนีนโยบายในการส่ งเสริ ม SMEs บางนโยบายถูกวิจารณ์วา่ ไม่มีประสิ ทธิ ภาพเท่าทีควรใน หลายๆ กรณี กล่าวคือ มี SMEs มากกว่า 30,000 กิจการทีถูกออกแบบเพือเป็ น Inno-biz แต่ไม่ใช่ทุกรายทีจะ มีศกั ยภาพและประสบผลสําเร็ จ99

97

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 58. 98

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 58-59. 99

Stefan Lilischkis, Policies in support of high-growth innovative SMEs: An INNO-Grips Policy Brief by empirica Communication and

Technology Research (European Commission: Bonn, 2011) 59.

115 เมื อวิเคราะห์เปรี ยบเทีย บกับรู ปแบบมาตรการการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ในประเทศไทย แล้ว พบว่ามีประเด็นทีน่าสนใจนํามาวิเคราะห์ดงั ต่อไปนี (1) สาธารณรัฐเกาหลี ไม่ได้มีกฎหมายทีกําหนดมาตรการว่าจะต้องส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ในลักษณะอย่างไรเหมือนประเทศไทย แต่เ ป็ นอํานาจหน้าทีของ SMBA ทีจะดําเนินการตามทีเห็น สมควร ดังนันจะเห็นได้ว่าการกําหนดมาตรการส่ งเสริ ม SMEs ของสาธารณรั ฐ เกาหลี มักมี ลกั ษณะเป็ น โปรแกรมส่ งเสริ ม ในรู ป แบบต่ า งๆ ไม่ ว่า จะเป็ น Inno-biz Programme หรื อ Technological Innovation Programme เป็ นต้น รวมถึง SMBA จะกําหนดหลักเกณฑ์ข องผูป้ ระกอบการ SMEs ทีประสงค์จะเข้าร่ วม โปรแกรมดังกล่าวด้วย (2) การกําหนดแนวนโยบายและทิ ศ ทางในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs เป็ น รายปี โดยมีลกั ษณะเป็ นกรอบกว้างๆ อาจส่ ง ผลดี ในแง่ของการปรับเปลียนมาตรการส่ งเสริ มในระดับกลยุทธ์ ให้ เกิ ดความยืดหยุ่น และเหมาะสมแก่สถานการณ์ปัจจุบนั เนืองจากการส่ งเสริ ม SMEs ของสาธารณรัฐเกาหลี มุ่งเน้นการเปิ ดตลาดในต่างประเทศ โดย Korea Export Import Bank (Eximbank) ซึ งเป็ นองค์กรภาครัฐหลัก ทีสนับสนุ นการขยายตลาดให้แก่ SMEs สู่ ต่างประเทศผ่ านโปรแกรมทีชื อว่า

Global Star Programme

ดังนัน การทบทวนนโยบายและกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับความผันผวนของเศรษฐกิจโลกทีเปลียนแปลงอย่าง รวดเร็ วในรอบทศวรรษทีผ่านมาจึงเป็ นสิ งจําเป็ นอย่างยิง (3) มาตรการส่ งเสริ ม SMEs ของสาธารณรัฐเกาหลีทีน่ าสนใจ และอาจเป็ นแบบอย่างแก่ ประเทศไทย คือ การส่ งเสริ ม SMEs ทีเริ มต้นตังแต่ในระดับสถาบัน การศึ ก ษา โดย SMBA ได้ออกแบบ กิจกรรมให้มีการจัดบรรยาย ให้คาํ ปรึ กษาแก่นกั ศึกษาผูท้ ีสนใจเป็ น ผูป้ ระกอบการ SMEs หลังจบการศึกษา ประเด็นนี มีค วามสําคัญอย่างยิง เนื องจากผูว้ ิจยั เห็ นว่าปริ มาณ SME ในสาธารณรัฐเกาหลีมีสัดส่ วนร้อยละ 99 โดยประมาณ ย่อมแสดงให้เห็นชัดเจนว่า SME เป็ นธุ รกิจหลักทีขับเคลือนเศรษฐกิจของประเทศ การให้ ความรู ้ ค วามเข้า ใจตังแต่ ระดับ มหาวิทยาลัยเป็ นรากฐานสํ าคัญ ให้ค นรุ่ น ใหม่ มี แ นวทาง (Guidance) ใน การประกอบธุ รกิ จ SME ให้เกิ ดผลสําเร็ จ นอกจากนี ผูว้ จิ ยั เห็นว่า การสื บทอดธุ รกิ จ SME จากรุ่ นหนึงสู่ อีก รุ่ นหนึ ง บ่อยครังผูส้ ื บทอดธุ รกิจทีอายุน้อยขาดความรู้ในการประกอบธุ รกิจ และไม่ทราบว่าจะเริ มต้นดูแ ล ธุรกิจอย่างไร ก็ยอ่ มสามารถได้รับการส่ งเสริ มทีเป็ นประโยชน์ตงแต่ ั ในชันมหาวิทยาลัย (4) มาตรการส่ งเสริ ม SMEs ในการวิจยั และพัฒ นา (Research and Development: R&D) ได้ถู ก ผลักดัน ให้เกิ ดขึนทังในประเทศไทย และสาธารณรั ฐ เกาหลี ซึ งการทํา R&D สามารถช่ วยให้เ กิ ด

116 นวัตกรรมใหม่ๆ แก่ ธุรกิ จอัน จะส่ งผลดี โดยภาพรวมของประเทศ แต่ อย่างไรก็ตาม R&D อาจก่ อให้เกิ ด ต้น ทุน ทีเพิ มมากขึ นแก่ ผู ้ป ระกอบการ SMEs และไม่ มีผู ้ป ระกอบการ SME รายใดที ปรารถนาจะแบก ภาระดังกล่าว เนื องจากไม่มีสภาพบังคับทางกฎหมาย ด้วยเหตุนีรั ฐจึงสมควรเข้ามาส่ งเสริ มและสนับสนุ น การทํา R&D โดยประเทศไทยได้ส ร้ างแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการ SME ด้วยการจัดให้มีโครงการให้ทุน กูย้ ืมดอกเบียตํา และมาตรการด้านภาษี แก่ผูป้ ระกอบการทีประสงค์จะทํา R&D อย่างไรก็ตาม ผูว้ จิ ยั เห็นว่า SMBA ได้จดั ให้มีโปรแกรมที หลากหลายในการจูงใจผูป้ ระกอบการ SME โดยมีลกั ษณะเป็ น มาตรการใน เชิ ง รุ ก (Active Measure) มากกว่า ประเทศไทย เนื องจากโปรแกรมดังกล่ าวจะกํา หนดกิ จกรรมให้ แ ก่ ผูป้ ระกอบการ SME เข้าร่ วม ไม่วา่ จะเป็ นการจัดให้มีการแข่งขันกันออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ ทอ้ งตลาด การกําหนดหลักเกณฑ์ให้ผปู้ ระกอบการ SME ปรับปรุ งธุ รกิจตนเองเพือเป็ น Inno-biz และขอรับการรับรอง (Certification) จากภาครั ฐ อัน จะนํา มาสู่ ก ารสร้ า งชื อเสี ย ง และความน่ า เชื อถื อ แก่ ผ ลิ ต ภัณ ฑ์ เป็ นต้ น นอกจากนี กองทุน ที SMBA จัดตังขึนเพือส่ งเสริ ม SMEs ยังมีความหลากหลายกว่า กองทุนส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศไทยมาก เนื องจาก กองทุ นส่ งเสริ ม SME แต่ ล ะกองทุน จะมีวตั ถุ ประสงค์เฉพาะของกองทุ น นันเอง เช่ น กองทุนสํ าหรั บปรั บปรุ งประสิ ทธิ ภาพสายการผลิตโดยเฉพาะ กองทุ นสําหรับ พัฒนาคิดค้น ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ กองทุนสําหรับพัฒนาเทคโนโลยี และกองทุนสําหรับทํา R&D เป็ นต้น นอกจากนี เมื อวิเคราะห์ ปัจจัยสํ าคัญ ที ทํา ให้ก ารส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs เป็ นไป อย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ดังทีปรากฎตัวเลขสถิติของการลงทุนใน R&D หรื อ เปอร์ เซ็นต์การส่ งออกทีเพิ มสู งขึน ทุกปี เป็ นไปได้อย่างยิ งว่านโยบายหรื อทิศทางของการส่ งเสริ ม SMEs โดย SMBA ดําเนินมาอย่างถูกทิศทาง และการสนับสนุนให้มีการทํา R&D ไม่ว่าจะเป็ นโปรแกรม หรื อ กองทุนต่างๆ เป็ นปั จจัยสํ าคัญทีผลัก ดัน ให้ผูป้ ระกอบการ SME พัฒนาสิ นค้าของตนเองเพือแข่งขันกับตลาดโลกได้ ข้อสังเกตอีกประการ คือ การ ส่ งเสริ ม SMEs ในสาธารณรัฐเกาหลี ดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปทีการพัฒนาเทคโนโลยีอ ย่างมาก กองทุนหลาย ประเภทมีลกั ษณะเอือให้เกิดการผลิตโดยใช้เทคโนโลยีทีทันสมัยเป็ นสําคัญ ด้วยเหตุ นี จึ งอาจสรุ ปปั จจัย ที ส่ งผลให้ ก ารส่ งเสริ มและสนับ สนุ น SMEs ในประเทศ สาธารณรัฐเกาหลีเป็ นไปอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ ได้แก่ (1) ความสมดุ ล ระหว่ า งการพั ฒ นาของ SMEs และองค์ ก รธุ ร กิ จ ขนาดใหญ่ ได้รั บ การเอาใจใส่ โดยรั ฐบาลอย่างจริ งจัง กล่าวคื อ รัฐบาลพยายามลดความขัดแย้งและการปฏิ บตั ิทีไม่เป็ นธรรม ต่อ SMEs ในขณะเดียวกันพยายามสร้างความร่ วมมือให้เกิดขึนระหว่างองค์กรธุ รกิ จขนาดใหญ่ และธุ รกิ จ

117 SMEs100 ประเด็นนีสามารถสังเกตได้จากโปรแกรมส่ งเสริ ม Purchase-Guaranteed New Product Development Programme ของ SMBA ทีได้ประสานความร่ วมมือระหว่าง SMEs และธุ รกิ จขนาดใหญ่ (2) ธุ รกิ จ SMEs ของสาธารณรัฐเกาหลีได้ถูก ผลัก ดันให้ก้าวสู่ ระดับนานาชาติ เนืองจาก การเปลี ยนแปลงทางเศรษฐกิ จที รวดเร็ วของโลก แนวนโยบายในการส่ ง เสริ ม SMEs ไม่ ถู ก จํากัด ให้อ ยู่ ภายในประเทศเท่านัน การพัฒนาผลิตภัณฑ์เพือการส่ งออกจึงเป็ นสิ งสําคัญ101 (3) ปั จจุบนั นี นวัตกรรม SME (SME Innovation) ถู กกําหนดให้ เป็ นประเด็นหลัก (Priority) ภายใต้แนวนโยบายของรัฐ ซึ งนวัตกรรมต่ างๆ ถูกยกขึนเป็ นกุญแจสําคัญในการพัฒนาเศรษฐกิ จ102 ดังจะ เห็ น ได้จากโปรแกรมส่ งเสริ ม R&D หรื อ โครงการ Inno-biz ที SMBA ได้ด าํ เนิ น การอย่ า งจริ งจัง เป็ น ประจําทุกปี ( ) สาธารณรัฐเกาหลีได้จัดตังองค์ กรภาครั ฐ ขึน เพื อมีหน้าทีเฉพาะในการส่ งเสริ มและ สนับสนุ น SMEs โดยเปรี ยบเสมือนแหล่ งรวบรวมข้อมู ลข่าวสาร ศู น ย์ก ลางกําหนดนโยบายและทิศ ทาง การส่ งเสริ ม SMEs และเป็ น องค์ กรทีนํานโยบายไปปฏิ บตั ิ ให้ เกิ ดผลอี ก ด้วย 103 ซึ ง SMBA เป็ นองค์ก รที จัดตังขึนโดยภาครัฐ และปฏิบตั ิภารกิ จดังกล่าวมาอย่างต่อเนือง

100

Zhu Xueyi and Fang Cunhao, Evolution of SME Policy in Japan and Korea: Experience and Policy Implications (25 July 2013)

604. 101

Zhu Xueyi and Fang Cunhao, Evolution of SME Policy in Japan and Korea: Experience and Policy Implications (25 July 2013)

605. 102

Zhu Xueyi and Fang Cunhao, Evolution of SME Policy in Japan and Korea: Experience and Policy Implications (25 July 2013)

605. 103

Zhu Xueyi and Fang Cunhao, Evolution of SME Policy in Japan and Korea: Experience and Policy Implications (25 July 2013)

605.

118 3.5 สาธารณรั ฐฝรั งเศส 3.5.1 ความเป็ นมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ กฎหมายจัดตังองค์กรของประเทศฝรั งเศสและกฎหมายจัดตังองค์กรของประเทศไทยมีลกั ษณะที แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชดั แจ้ง ทังนี เนืองจากระบบการให้การสนับสนุ นแก่ SMEs ของประเทศฝรั งเศสมี ความแตกต่างจากระบบการให้การสนับสนุน SMEs ของประเทศไทย ดังทีได้กล่าวมาก่อนหน้านีแล้ว ระบบ การให้การสนับสนุ น SMEs ของประเทศฝรั งเศสเป็ นส่ วนหนึ งของการให้บริ การสาธารณะทีเรี ยกว่า “การ ให้บริ การสาธารณะทางอุตสาหกรรมและพาณิ ช ย์ก รรม”104 จึงทําให้ในหลายส่ วนทีเกียวกับการทําหน้า ที ขององค์กรรัฐจึงไม่อ าจนํามาเปรี ยบเทียบกันได้ นอกจากนี การทีภาครัฐฝรั งเศสไม่ได้จดั ตังหน่วยงานของ รัฐ (โดยแท้) ขึนมาทําหน้าทีในการให้ก ารสนับสนุน SMEs โดยตรง แต่ จะมอบหมายให้องค์กรทีจัดตังขึน เพือทําหน้าทีให้บริ การดังกล่าว จึงเป็ นกรณีทีรัฐไม่อาจเข้ามาให้บริ การได้โดยตรงและเป็ นเพราะรัฐฝรั งเศส ไม่ ประสงค์ ทีจะเข้าไปแทรกแซงในระบบเศรษฐกิ จจนเกิ น ไป ซึ งหากดําเนิ นการเช่ นนันอาจทําให้เ กิ ด ประเด็นปัญหาทางกฎหมายการแข่งขันโดยเสรี ซึงเป็ นกฎหมายทีมาจากระบบกฎหมายยุโรปขึนได้ รั ฐวิสาหกิจ BPI-Groupe หรื อ BPI France105 กฎหมายจัดตังรั ฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe หรื อรั ฐ บัญ ญัติ เลขที

-

ลงวันที

ธั นวาคม

ค.ศ.

เป็ นกฎหมายใหม่ทีเพิ งประกาศใช้ในราชกิ จจานุเบกษาของประเทศฝรั งเศสเมือวันที มกราคม

ค.ศ.

นี ร่ า งกฎหมาย (Projet de loi) ฉบับนี ถู กเสนอขึนมาสู่ รั ฐ สภาโดยรั ฐ มนตรี ว่า การกระทรวง

เศรษฐกิ จ และการคลัง (Ministre de l’économie et des Finances) ร่ ว มกับ รัฐ มนตรี ก ระทรวงการฟื นฟู ศัก ยภาพการผลิต (Ministre du redressement productif) โดยเป็ นร่ างกฎหมายที จัดทําขึนตามคํามันสั ญญา ประการแรกของประธานาธิบดี François HOLLAND ซึ งได้กล่าวไว้วา่ จะดําเนินการเป็ นอย่างแรกเมือเข้ามา ดํารงตําแหน่ ง โดยมุ่งทีจะให้จดั ตังธนาคารการลงทุนของรัฐ (Banque publique d’investissement) หรื อ BPI ทีเป็ นการร่ วมกันระหว่างรัฐ (ส่ วนกลาง) แคว้นหรื อมณฑล (ส่ วนท้องถิ น) และหน่วยงาน Caisse des dépôts et des consignations เพื อทีจะนํา เอาทรั พยากรที มีอ ยู่ท งหมดมาร่ ั วมทําให้ เกิ ดการเพิ มพูน และเจริ ญ เติบโต ของผลผลิตของวิสาหกิจของประเทศฝรั งเศส

104

โปรดดู นัน ทวัฒน์ บรมานันท์, บริ การสาธารณะในระบบกฎหมายปกครองฝรั งเศส, นิ ติธรรม, (มิถนุ ายน

105

ปัจจุบนั ได้มีการดําเนิ นการเปลียนชือองค์กรมาเป็ น BPIFrance แล้ว ซึงเป็ นองค์กรเดียวกับ BPI-Groupe

)

119 ตามเป้ าหมายทีกําหนดไว้ ธนาคาร BPI จะมีวตั ถุประสงค์สําคัญคือการให้ความช่วยเหลือทางด้าน การเงิ น ทุก ประเภทให้แก่ SMEs และวิสาหกิ จขนาดที มี ค่อ นข้างใหญ่ ดว้ ย ทังนี จะเป็ นไปโดยเคารพต่ อ กฎเกณฑ์ของสหภาพยุโ รปด้วย นอกจากนี ธนาคาร BPI ซึ งเป็ นส่ วนหนึ งของรั ฐ วิส าหกิจ BPI-Groupe ยังให้บริ ก ารสนับสนุ น ส่ งเสริ มด้านการสร้ างนวัตกรรมและการส่ งออกด้วย โดยเป็ นองค์กรที สามารถใช้ บริ การได้ง่ายเนืองจากจะมีสํานักงานทีตังอยูใ่ นทุกๆ มณฑลหรื อทุกแคว้นในประเทศฝรั งเศส จากความเป็ นมาและเป้ าหมายของกฎหมายดังกล่ าวย่อมทําให้เห็นถึงความแตกต่างของกฎหมาย ของประเทศฝรั งเศสและพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ของประเทศ ไทยได้อย่างชัดเจน กฎหมายของประเทศฝรั งเศสไม่ได้สร้างหน่วยงานรัฐ (โดยแท้ขึนมา) แต่เป็ นการสร้ าง หน่วยงานทีแม้จะเป็ นส่ วนหนึ งหรื อเป็ นหน่วยงานของรัฐอย่างหนึง แต่ลกั ษณะองค์กรเป็ นรัฐวิสากิจทีไม่ มี อํานาจทางปกครองใดๆ ในการให้การสนับสนุ น SMEs ซึ งแตกต่ างจากอํานาจของคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทยทีเป็ นหน่วยงานทางปกครองโดยแท้ ในลักษณะเดียวกันกับกฎหมายจัดตังองค์กร SPRING Singapore กฎหมายจัดตังรัฐวิสาหกิจ BPIGroupe ของประเทศฝรั งเศสไม่ ได้ก ําหนดรายละเอี ยดหรื อ วิธี ก ารในการให้ก ารสนับสนุ น SMEs ไว้แ ต่ อย่างไร เพียงแต่ได้ระบุว่าเป็ นการให้ก ารสนับสนุ นทางด้านการเงินทุกประเภทเท่านัน ซึ งมีความแตกต่าง จากการบัญญัติกฎหมาย พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ของประเทศ ไทยดังทีได้เปรี ยบเทียบให้เห็นในส่ วนทีกล่าวถึงกฎหมายจัดตังองค์กรของสาธารณรัฐ สิ งคโปร์ กฎหมาย จัด ตังวิ ส าหกิ จ BPI-Groupe จึ ง เป็ นกฎหมายจัด ตังองค์ ก รโดยแท้ ที จะมี บ ทบัญ ญัติ ที กล่ า วถึ ง เฉพาะ วัตถุประสงค์องค์กร อํานาจหน้าที การจัดตังองค์กรฝ่ ายบริ หาร และการควบคุมตรวจสอบองค์กรเท่านัน กฎหมายฉบับนี (รัฐบัญญัติ เลขที กับรัฐกําหนด เลขที

-

ลงวันที

-

) เป็ นกฎหมายแก้ไขเพิ มเติมและต้องนําไปใช้ควบคู่

มิถุนายน ค.ศ.

ว่าด้วยการจัดตังองค์กรมหาชน Oséo ซึ งได้

กล่าวมาแล้ว เนื อหาส่ วนใหญ่จงึ เป็ นบทบัญญัติทีให้แก้ไขเพิ มเติมกฎหมายเสี ยเป็ นส่ วนใหญ่ แต่กฎหมายปี ค.ศ.

นีไม่ได้แก้ไขกฎหมายฉบับเดิมทังหมด ในเรื องอํานาจหน้าทีขององค์กรยังคงเป็ นไปตามกฎหมาย

ฉบับเดิมซึ งเป็ นกฎหมายในระดับรัฐ บัญญัติ (Ordonnance) .ที ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ จึงเป็ นข้อ แตกต่างอีก อย่างหนึงกับกฎหมายของประเทศไทยทีมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติเป็ นกฎหมายแม่บทเพียงฉบับเดียว กฎหมายจัดตัง BPI-Groupe เป็ นกฎหมายทีอาจกล่าวได้วา่ เกิดจากคําสัญญาทางการเมืองทีเป็ นผล ต่อ เนื องจากการมองเห็น ความจําเป็ นทางเศรษฐกิ จ เนื องจากภาวะวิก ฤติท างเศรษฐกิ จที เกิ ดขึนในช่ วงปี

120 ค.ศ.

ได้ทาํ ให้ SMEs ในประเทศฝรั งเศสจํานวนมากประสบปั ญหาในการเข้าถึ งแหล่งการเงิ น ทีจะ

นํามาใช้ในการประกอบกิ จการและการเพิ มพู น ผลผลิต โดยเฉพาะการเข้าถึ งแหล่ งการเงิ น จากสถาบัน การเงินภาคเอกชน106 ภาครัฐได้มองเห็นอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งการเงินของ SMEs ดังกล่าว จึงได้มีการ ดําเนินการจัดตังธนาคาร BPI ขึนเพือเยียวยาแก้ไขปั ญหาของ SMEs107 อย่างไรก็ตาม รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ไม่ได้เป็ นองค์กรหลักทีทําหน้าทีในการส่ งเสริ ม SMEs ใน ประเทศฝรั งเศสแต่ อย่ างใด เพราะหน้ าที ในการส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศฝรั งเศสไม่ได้เป็ นหน้าที ของ หน่ วยงานทีจัดตังขึนมาเป็ นการเฉพาะ แต่เป็ นหน้าทีของหน่ วยงานรัฐโดยแท้ ทังราชการส่ วนกลาง (รัฐ) และการปกครองส่ วนท้องถิ น (แคว้น หรื อมลฑล) ซึ งเป็ นหน้าทีทีเป็ นไปตามกฎหมายทีรั ฐได้กําหนดขึน กฎหมายจัดตังรัฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe จึงได้กาํ หนดให้เป็ นองค์กรที เข้ามาทําหน้าทีเสริ มหรื อ สนับสนุ น การทําหน้าทีของหน่วยงานรัฐเท่านัน อีกทัง ในการให้การสนับสนุ นแก่ SMEs ของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe เป็ นการให้บริ การสาธารณะทีเรี ยกค่าตอบแทนจากผูใ้ ช้บริ การด้วย APCE APCE เป็ น องค์กรทีไม่อาจนํามาเปรี ยบเทียบกับองค์กรทีมีหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศไทย ได้มากนัก แต่ อ าจกล่ าวได้ว่า โดยแท้จริ งแล้วการดําเนิ น การของ APCE (การให้บริ ก ารด้านข้อ มู ล แก่ วิสาหกิจ) เป็ นเพียงหน้าทีด้านหนึงของหน่วยงานของไทยทีจัดตังขึนตาม พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 เท่านัน APCE จัด ตังขึ นตามกฎหมายว่ า ด้ วยสมาคม ปี ค.ศ.

ซึ งเป็ นกฎหมายที เก่ า แก่ แ ละมี

ความสําคัญมากทีสุ ดฉบับหนึ งของประเทศฝรั งเศส กฎหมายฉบับนี เป็ น ต้นกําเนิดของการจัดตังสมาคมที ไม่แสวงหากําไร ซึ งเป็ นองค์กรทางสังคมทีมีบทบาทและประสิ ทธิ ภาพมากทีสุ ดในการทําให้ภาคประชาชน 106

ทังนี สถาบันการเงิน ต่ างๆ ต่ างเพิ มความเข้มงวดและความระมัดระวังในการให้สิ นเชือทางการเงินแก่วิส าหกิจต่ างๆ เพือป้ องกันมิ ให้

เกิดภาวะวิกฤติทางการเงินของสถาบัน การเงิน ดั งทีเกิดขึนในปี ค.ศ.

การเพิ มความเข้มงวดดังกล่าวส่ วนหนึ งเกิดขึนจากการที สถาบัน

การเงินและธนาคารต่างๆ ได้นาํ เอาหลักเกณฑ์ว่าด้วยความระมัดระวัง ทีเรี ยกว่า หลักเกณฑ์ “Bâle III” มาปรั บใช้ ซึ งส่ งผลทําให้วิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมต้องถูกจํากัดหรื อตกอยู่ภายใต้หลักเกณฑ์ทีเข้มงวดในการร้องขอความช่ วยเหลือ ทางการเงิน กับสถาบันการเงิน หรื อธนาคารเอกชน 107

โปรดดู รายงานการเสนอร่ างกฎหมายต่อรั ฐสภา เลขที

ของคณะกรรมาธิการการคลัง เศรษฐกิจทัวไปและการควบคุ มงบประมาณ

เกี ยวกับ ร่ างกฎห ม ายการจั ด ตั งธน าค าร BPI โด ยส มาชิ ก สภาผู้ แ ท น ราษ ฎ ร Guillaume BACHELAY ไ ด้ จ าก.

121 เข้ามามีส่วนร่ วมในกิ จกรรมทางสังคมอย่างเป็ นรู ปธรรม เพราะในประเทศฝรั งเศสนัน อาจเรี ยกได้วา่ เป็ น ประเทศทีสั งคมดําเนิ นไปด้วยสมาคมที ไม่แ สวงหาผลกําไรเหล่ านี มีการประมาณการณ์ แล้วว่า ปั จจุบนั มี สมาคมทีจัดตังขึนและได้ยืนแสดงตนต่ อทางการแล้วไม่นอ้ ยกว่าหนึ งล้านสมาคม และมี ประชากรกว่า ล้านคนทีเป็ นสมาชิกของสมาคมใดสมาคมหนึงในประเทศฝรั งเศส สมาคมทีจัดตังขึนตามกฎหมายเดียวกันนี โดยส่ วนใหญ่จะมีวตั ถุประสงค์ทีแตกต่างกันออกไป แต่ โดยมากแล้ว จะเป็ นสมาคมทีเกิ ดการจากรวมตัวทํากิ จกรรมที เป็ นประโยชน์ส่วนรวม สมาคม APCE ก็ เช่ นเดียวกัน หน้าทีของ APCE ในการให้ความช่ วยเหลือและสนับสนุนในการจัดตังวิสาหกิ จต่างๆ รวมทัง SMEs ด้วยนัน ก็ถือเป็ นกิ จกรรมทีเป็ นประโยชน์ส่วนรวมอย่างหนึ ง เมือเปรี ยบเทียบกับประเทศไทยแล้ว จะเห็นว่ามีวฒั นธรรมการมีส่วนร่ วมขององค์กรภาคเอกชนที แตกต่างกันเป็ นอย่างมาก สมาคมของประเทศไทยจะจัดตังขึนภายใต้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิ ชย์ที ส่ วนใหญ่จะจัดตังขึนโดยความริ เริ มของเอกชนเป็ นหลัก ซึ งอาจกล่าวได้วา่ สมาคมของประเทศไทยแทบจะ ไม่ มีบทบาทใดๆ ในการทํา ให้ ประชาชนมี ส่ วนร่ วมในนโยบายภาครั ฐ เลย (แม้ปัจจุ บนั จะเริ มมี บทบาท โดยเฉพาะอย่างยิ ง ในด้านการรักษาสิ งแวดล้อม) อีกทัง ภาครัฐของประเทศไทยแทบจะไม่มีบทบาทในการ ส่ งเสริ มให้มีการจัดตังสมาคมเลย เพียงแต่จะทําหน้าทีผู ้ควบคุมตรวจสอบเท่ านัน แต่สมาคมในประเทศ ฝรั งเศส โดยเฉพาะ APCE นัน รัฐมีบทบาทสําคัญในการจัดตังและการบริ หารของสมาคม ซึ งเป็ นสิ งสะท้อน ให้เห็นถึงความแตกต่างด้านแนวคิดการสร้ างสังคมทีสําคัญอย่างหนึงของทังสองประเทศ 3.5.2 ขอบเขตลักษณะโครงสร้ างการบริ หารและโครงสร้ างองค์กร รั ฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ด้วยสถานะขององค์ ก รทีมี สถานะเป็ นสถาบัน การเงิ น ของรั ฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe และด้วย วัตถุประสงค์ขององค์ก รทีเป็ นรัฐวิสาหกิ จทีให้บริ การด้านพาณิ ชยกรรมทีต้องอาศัยความคล่ องตัวในการ บริ หารงาน จึงทําให้มีก ารแบ่งโครงสร้ างองค์ กรของรัฐ วิสาหกิ จ BPI-Groupe ที คล้ายกับบริ ษทั กล่าวคื อ มีคณะกรรมการบริ หารที ทําหน้าทีตัดสิ นใจในเรื องสําคัญและวางนโยบายขององค์กร และฝ่ ายบริ หารงาน ทัวไปที ทํา หน้า ที บริ หารงานประจําขององค์ก ร ซึ งมี ค วามแตกต่ า งจากการแบ่ งโครงสร้ างองค์ ก รของ คณะกรรมการส่ ง เสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมของไทยอย่างชัดแจ้ง ซึ งโดยแท้จริ งแล้ว ในแง่ ของโครงสร้ างองค์กรนี โครงสร้างขององค์กรในประเทศไทยทีพอจะนํามาเปรี ยบเทียบกับรัฐวิสาหกิ จ BPI-

122 Groupe ได้ อาจจะเป็ นโครงสร้างองค์กรของรัฐวิสาหกิจของประเทศไทย เช่ น ธนาคารเพือการส่ งออกและ นําเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank) เป็ นต้น องค์ประกอบของคณะกรรมการบริ หารของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ทําให้เห็นถึงการทีรัฐเข้ามามี บทบาทในการบริ หารงานและกําหนดนโยบายของ BPI-Groupe เป็ น อย่างมาก เนืองจาก จากจํานวนคณะ กรรมการบริ หารทัง

คน มีสมาชิ กคณะกรรมการถึง

คนทีมาจากหรื อ เป็ นตัวแทนจากภาครัฐ ซึ งเป็ น

ผูถ้ ือหุน้ หลัก (ตัวแทนของผูถ้ ือหุน้ คน) และอีก คนเป็ นตัวแทนจากมณทล (ซึ งก็เป็ นองค์กรบริ หารส่ วน ท้องถิ น)) นอกจากนี กฎหมายจัดตังองค์กรยังกําหนดให้การตัดสิ นใจในเรื องสําคัญๆ ทีมีผลต่อการใช้เงิ น ของรัฐ จะต้องได้รบั ความเห็นชอบจากคณะกรรมการทีได้รับการแต่งตังมากจากผูถ้ ือหุน้ ภาครัฐด้วย108 ฝ่ ายบริ หารงานทัวไปทีทําหน้าทีบริ หารงานประจํานัน กฎหมายจัดตังไม่ได้ก ําหนดรู ปแบบเอาไว้ จึ งเป็ นกรณี ที คณะกรรมการบริ ห ารจะกํ า หนดการแบ่ งโครงสร้ า งองค์ ก รให้ เ ป็ นไปตามหน้ าที และ วัตถุประสงค์ขององค์กร ทังนี โดยจะมีประธานฝ่ ายบริ หารเป็ นหัวหน้า ซึ งประธานฝ่ ายบริ หารจะมีหน้าที รายงานต่อรัฐสภาถึงสถานะของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ด้วย ดังนัน รั ฐ วิสาหกิ จ BPI-Groupe แม้จะมี ก ารจัดองค์ กรทีมี ล กั ษณะเหมือ นกับบริ ษ ทั เอกชน แต่ โครงสร้ างการบริ หารงานดังกล่ าวอยู่ภ ายใต้การควบคุ มหรื อครอบงําโดยรัฐ เกื อบทุก ส่ วน รั ฐจึงมีบทบาท เป็ นอย่างมากในการบริ หารงานของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ด้วยความแตกต่างอย่างเห็น ได้ชดั เจน ระหว่างรัฐวิส าหกิ จ BPI-Groupe และหน่ วยงานส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย ทังในแง่ ข องสถานะทางกฎหมายและลัก ษณะของการดํา เนิ น การ จึ ง ทํา ให้ การเปรี ยบเทียบระหว่าง องค์กรในรายละเอียดเป็ นสิ งทีไม่สมเหตุผลมากนัก APCE โครงสร้างองค์ก รของ APCE มี ลกั ษณะเช่ นเดียวกับสมาคมที จัดตังขึนโดยกฎหมายปี ค.ศ. ทัวไป ไม่มีลกั ษณะพิเศษทีแตกต่างจากสมาคมอืนๆ APCE ซึ งโดยสถานะไม่ได้เป็ นหน่ วยงานของรั ฐอยู่ แล้ว จึงเป็ น องค์กรทีมี ความแตกต่างกับหน่ วยงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศ ไทยเป็ นอย่างมาก แต่ อ ย่างไรก็ตาม การที APCE มีวตั ถุ ประสงค์สําคัญคือ การดําเนิ นการทีเป็ นประโยชน์ ส่ วนรวม ทําให้ภาครัฐ โดยกระทรวงทีมี หน้าทีเกี ยวข้องกับการให้การสนับสนุ นวิสาหกิ จ (กระทรวงฟื นฟู 108

รัฐบัญ ญัติ เลขที

-

ลงวันที

ธันวาคม ค.ศ.

ว่าด้วยการจัดตัง BPI มาตรา

123 ศักยภาพการผลิต) จะเข้ามามีบทบาทในการแต่งตังคณะกรรมการเกื อบทังคณะ คณะกรรมการของ APCE จึงมี ค วามเกี ยวโยงกับ ภาครั ฐเป็ นอย่า งมากเพราะทังคณะเป็ นตัว แทนมาจากหน่ วยงานรั ฐ หรื อ ได้รับ การแต่ งตังจากรัฐมนตรี ทีรั บผิดชอบด้านการสนับสนุน SMEs เมือคณะกรรมการ APCE เกือบทังหมดมา จากภาครั ฐหรื อเกี ยวข้อ งเป็ นตัวแทนจากภาครัฐ การดํา เนิ นงาน และนโยบายด้านยุทธศาสตร์ ของ APCE จึงเกี ยวข้อ งโดยตรงหรื อ เป็ นไปตามนโยบายภาครั ฐนันเอง ดังนัน จึงจะเห็นได้ว่าสถานะการเป็ นสมาคม ของ APCE เป็ นเพียงรู ปแบบการจัดตังองค์กรเท่านัน โดยแท้จริ งแล้ว APCE เป็ นเสมือ นหน่ วยงานของรั ฐ โดยสภาพ เพราะเมือพิจารณาจากองค์ประกอบของคณะกรรมการ และหน้าทีในการดําเนินการ (ซึ งเป็ นการ ทําประโยชน์ส่วนรวม) แล้ว APCE ไม่มีความแตกต่างจากหน่วยงานรัฐมากนัก แต่กระนัน APCE ก็ไม่ได้มี อํานาจเช่นหน่วยงานรัฐ ทัวไป ซึ งเป็ นข้อแตกต่างทีสําคัญอีกประการหนึงกับหน่วยงานส่ งเสริ ม SMEs ของ ประเทศไทย 3.5.3 วัตถุประสงค์แ ละอํานาจหน้าที รั ฐวิสาหกิจ BPI-Groupe วัตถุประสงค์สําคัญของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe คือการนําเอาทรัพยากรของรัฐทีกระจัดกระจาย อยู่มาใช้เพือให้การสนับสนุนในด้านการเงินและสนับสนุ นการสร้างนวัตกรรมให้แก่ SMEs โดยเป็ นองค์กร ทีทําหน้าทีในลักษณะเป็ นการเพิ มเติมหรื อเสริ มนโยบายในการให้การสนับสนุน SMEs ของรัฐหรื อนโยบาย ในการให้การสนับสนุน SMEs ของแคว้นหรื อมลฑลเท่านัน ไม่ได้เป็ นองค์กรหลักในการให้การสนับสนุ น แก่ SMEs แต่อ ย่า งใด ซึ งได้ก ล่ าวมาก่ อนหน้านี แล้วว่า การให้ก ารสนับสนุ น แก่ วสิ ากิ จ เป็ นหน้ าที ด้า น เศรษฐกิจของหน่ วยงานของรัฐโดยทัวไปในประเทศฝรั งเศสอยูแ่ ล้ว ดังนัน การให้การสนับสนุนแก่ SMEs ของรั ฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe ซึ งเป็ นทังธนาคารและหน่ วยงานส่ งเสริ ม พัฒ นานวัต กรรมนั นเป็ น การให้บริ ก ารสาธารณะด้านพาณิ ช ยกรรมและอุ ตสาหกรรม รัฐ วิสาหกิ จ BPI-Groupe จึงจะให้บริ การโดย คิ ด ค่ าบริ การในการให้ บ ริ ก ารส่ ง เสริ ม หรื อสนับสนุ น SMEs ซึ งเป็ นข้อ แตกต่ างที สํ า คัญ ในการให้ การส่ งเสริ ม SMEsของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย ประกอบ กับสถานะขององค์กรรัฐวิสาหกิจนันโดยสภาพเป็ นองค์กรทีอาจแสวงหาผลกําไรได้อยูแ่ ล้ว จึงทําให้หน้าที ในการสนับสนุ น SMEs ของรัฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe จึงเป็ นการประกอบกิ จการมากกว่าการให้บริ การ สาธารณะ

124 การที มี ส ถานะเป็ นธนาคาร รั ฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe จึ งมีอ าํ นาจโดยกฎหมายที จะดําเนิ น การ ให้บริ การด้านการเงิน โดยอาจเสนอความช่วยเหลือ การเงินให้แ ก่ วสิ าหกิ จ และ SMEs เกื อบทุกรู ปแบบ109 โดยภาพรวมแล้ว วัต ถุ ป ระสงค์ ที สํ า คัญ ในการจัด ตังวิส าหกิ จ BPI-Groupe ขึนมาทํา หน้ าที ในการให้ การสนับสนุนด้านการเงินแก่ SMEs นัน คือการทีจะให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งทางการเงินได้โดยง่าย นันเอง โดยสรุ ป ด้วยสถานะของรัฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe ทีเป็ นหน่วยงานทางด้านเศรษฐกิจของฝรั งเศส ในขณะทีคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทยเป็ นหน่วยงานของรัฐ เป็ นฝ่ ายปกครอง อํานาจหน้ าที และวัตถุ ป ระสงค์ของทังสององค์ก รจึ งแตกต่ างกัน โดยเฉพาะอย่างยิ ง ลัก ษณะการให้ก ารสนับสนุ น ของทังสององค์กรก็ แตกต่ างกัน อยู่มาก การให้ก ารสนับสนุ น SMEs ของ คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมเป็ นไปในลักษณะของ “การให้ความช่ วยเหลือ” แต่การส่ งเสริ ม SMEs ของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จะเป็ นการให้บริ การทีเรี ยกค่ าตอบแทน อันเป็ นไปตาม วัตถุประสงค์หลักคือการให้ SMEs ของประเทศฝรั งเศสสามารถเข้าถึงแหล่ งสนับสนุนทางการเงินได้ง่าย มากขึนเท่านัน APCE วัตถุป ระสงค์แ ละอํานาจหน้ า ที ของ APCE จะแตกต่ างออกไป เพราะ APCE เป็ นองค์ก รทีไม่ แสวงหาผลกําไร แต่ก็ไม่ได้เป็ นหน่วยงานของรัฐ จึงเป็ นองค์กรทีมีขอ้ จํากัดและข้อได้เปรี ยบอยูใ่ นตัวเอง ข้อจํากัดคือด้านงบประมาณที ต้องนํามาใช้ในการดําเนินงาน APCE จําต้อ งอาศัยเงินสนับสนุ น ส่ วนใหญ่จากภาครั ฐ ซึ งมีแนวโน้มทีจะลดลงเกือบทุกปี การเพิ มเติมขนาดองค์ก รหรื อการจ้างบุคคลเข้ามา ปฏิบตั ิงานในการให้การส่ งเสริ ม SMEs จึงอาจไม่สามารถดําเนินการได้เท่าทีควรจะเป็ น แต่ ขอ้ ได้เปรี ยบของการทีไม่ได้เป็ นหน่ วยงานรัฐและไม่ได้เป็ นองค์กรที มุ่งแสวงหาผลกําไรคือ การที สามารถจะดําเนิ นการต่ างๆ ได้อย่างรวดเร็ ว สามารถทําการตัดสิ น ใจในเรื องต่ างๆ ได้อย่างรวดเร็ ว มากกว่าหน่วยงานรัฐ เช่ น สามารถทีจะเสนอราคาเพือเข้าสู้การประกวดราคาจัดซื อจัดจ้างของภาครัฐได้โดย ไม่มีข้อจํากัดมากนัก (เพือเข้าทําสัญญาการฝึ กอบรม เป็ น ต้น) อี กทังการเป็ นองค์กรทีไม่แ สวงหาผลกําไร ทําให้ก ารทําหน้าที ในการส่ งเสริ มวิส าหกิ จและ SMEs ต่ าง สามารถดําเนิ นการไปได้ทังในรู ปแบบของ 109

โปรดดูเพิ มเติมจาก .

125 การช่ วยเหลือ แบบให้เปล่า และโดยคิ ดค่ าธรรมเนี ยมซึ งเป็ น อัตราทีไม่ สูง ไม่ ก่อ ให้เ กิ ดภาระเพิ มเติ มแก่ ผูป้ ระกอบการ หรื อผูท้ ีเริ มต้นประกอบการ เช่ นเดียวกับสมาคมเอกชนอืนทัวไป APCE ไม่มีอาํ นาจโดยกฎหมายใดทีจะสั งการหรื อดําเนิ นการ อย่ างใดอย่ า งหนึ งในลัก ษณะของการใช้ อ ํานาจรั ฐ หรื อ มี งบประมาณอย่า งเพี ยงพอที จะนํา ไปจัดสรร ช่วยเหลือด้านการเงินให้แ ก่ SMEs หรื อวิสาหกิ จต่างๆ ซึ งส่ งผลให้การให้การสนับสนุน SMEs ของ APCE นัน กระทําได้เฉพาะแต่หน้าทีด้านการให้ขอ้ มู ล คําแนะนําและความช่ วยเหลื อด้านทะเบียน (ช่ วยเหลือใน การดําเนินการจดทะเบียนต่างๆ เป็ นต้น) เท่านัน 3.5.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ รั ฐวิสาหกิจ BPI-Groupe การเป็ นรั ฐ วิส าหกิ จที มี ห น้ า ที ในการให้ ก ารสนั บ สนุ น ทางด้ านการเงิ น แก่ SMEs โดยคิ ด ค่าตอบแทนนัน ทําให้ รั ฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe ซึ งมีส ถานะเป็ นธนาคาร ไม่ อ าจนําเอางบประมาณการ สนับสนุนมาจากภาครัฐ มาใช้เป็ นงบประมาณในการประกอบกิ จการโดยการสนับสนุ น SMEs ของตนได้ เพราะหากรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe สามารถจะดําเนินการเช่ นนันได้ ย่อมทําให้รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe อยู่ ในสถานะทีได้เปรี ยบสถาบันการเงินอืนทีประกอบธุ รกิ จในการให้การสนับสนุ นด้านการเงินแก่ SMEs อัน เป็ นการกระทําทีขัดต่อหลักการแข่งขันอย่า งเสรี และอาจเป็ นการให้การสนับสนุ น (Subvention) ทีไม่ช อบ ด้วยกฎหมาย ทังกฎหมายภายในประเทศฝรั งเศสเองและกฎหมายประชาคมยุโรปด้วย ดังนีแล้ว งบประมาณของรัฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe จึงไม่ได้มาจากการสนับสนุ นจากรั ฐโดยตรง แต่มาจากเงินทุนค่าหุน้ และรายได้จากการให้บริ การทีเรี ยกเก็บมาได้ APCE การที APCE ได้รับเงินสนับสนุนในการดําเนินงานจากรัฐถึงร้ อยละ เป็ นสิ งทียืนยันถึงการทีรัฐ ต้องเข้ามีบทบาทสําคัญในการกําหนดนโยบายของ APCE แต่จากรายงานประจําปี ของ APCE ได้แสดงให้ เห็นว่าเงินสนับสนุนทีได้รับมาจากภาครัฐนันได้ลดลงอย่างต่อเนือง การให้เงิ นสนับสนุ น (Subvention) แก่ APCE เพือให้น ํามาใช้ในการสนับสนุ นวิสาหกิ จในด้าน ต่างๆ ซึ งการให้การสนับสนุนของ APCE อาจคิดค่าบริ การได้นนั อาจพิจารณาได้ว่าเป็ นการหลีก เลียงการ

126 ให้เงินสนับสนุนแก่ SMEs โดยตรงหรื อแก่องค์กรธุรกิจทีแสวงหาผลกําไร (ดังเช่นรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe) ทีอาจฝ่ าฝื นต่อหลักการแข่งขันอย่างเสรี เพราะการให้เงินสนับสนุนการดําเนินการแก่ APCE ซึ งเป็ นสมาคม ทีไม่แสวงหาผลกําไรนัน ไม่เป็ นการเข้าไปแทรกแซงโดยตรงในการแข่งขันเพือแสวงหาผลกําไรทางธุ รกิจ ในทุก ๆ ปี APCE จะจัด ทํารายงานบัญ ชี ดา้ นการเงิ นทีต้องยืนแก่ นายทะเบี ยนสมาคม ซึ งแสดง รายละเอียดการใช้จา่ ยและรายได้ทีเกิ ดจากการให้ก ารสนับสนุ น และกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร ซึ งถือ เป็ น หน้าทีสําคัญของสมาคม เพือให้บุคคลทัวไปสามารถทีจะตรวจสอบการดําเนินงานขององค์กรได้ 3.5.5 รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุนของภาครัฐและปัจจัยทีส่ งผลต่อความสําเร็ จของ SMEs รั ฐวิสาหกิจ BPI-Groupe การเป็ นธนาคารของรั ฐ วิสาหกิ จ BPI-Groupe ทําให้รูปแบบของการให้การสนับสนุ น ส่ งเสริ ม SMEs มี ค วามหลากหลายไม่ มากนัก รั ฐ วิสาหกิ จ BPI-Groupe จึงมุ่ งให้การสนับสนุ นทางด้านการเงิน แก่ SMEs เป็ นหลัก แต่การให้การสนับสนุนทางด้านการเงินดังกล่าวอาจมีรูปแบบทีหลากหลายและอาจเป็ นไป เพื อวัต ถุป ระสงค์ ที แตกต่ า งกัน ออกไป ทังนี การให้ ก ารส่ ง เสริ ม และสนั บ สนุ น SMEs ดัง กล่ า วได้ มี การนําเอาหลัก เกณฑ์การเป็ น SMEs ที กําหนดขึ นโดยกฎหมายประชาคมยุโรป นํามาใช้เป็ นหลัก เกณฑ์ การเป็ น SMEs ทีสามารถขอรับการสนับสนุนจากรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe110 การให้การส่ งเสริ มและสนับสนุ นของ BPI-Groupe มี ทงรู ั ปแบบทีรัฐ วิสาหกิ จ BPI-Groupe เป็ น ผูส้ นับสนุ นทางการเงิ นเอง หรื อเป็ นผูค้ าํ ประกันการกู้ยืม ซึ งย่อมแน่ นอนอยู่แล้วว่าการให้ความช่ วยเหลื อ ดังกล่าวจะมีการเก็บค่าบริ การ

110

คํานิยามที BPI-Groupe นํามาใช้นี เป็ นคํานิ ยามตามกฎหมายยุโรป ซึ งกําหนดให้วิส าหกิจที จะมี ลกั ษณะเป็ น SME นั น จะต้องเป็ น

“วิส าหกิจที มีการจ้างงานน้อยกว่า

คน มีจาํ นวนรายรั บรายจ่ายจากการประกอบการทีแจ้งไว้ในแต่ ละปี น้อ ยกว่า

รายได้ประกอบการโดยรวมต้องไม่เ กินกว่า กว่าร้อยละ

ของหุน้ ทังหมด”

ล้านยูโร ทังนี

ล้านยูโร และต้องเป็ นอิส ระ คื อมีผถู้ ือหุ ้นทีไม่ใช่วิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมน้อย

127 APCE รู ปแบบการให้การสนับสนุน ส่ งเสริ ม SMEs ของ APCE จะเป็ นการให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูล เป็ นหลัก โดยผ่านสื ออินเตอเนท ซึ ง SMEs ทีประสงค์จะได้รับความช่วยเหลือสามารถทีจะลงทะเบียน และ ติดต่อกับเจ้าหน้าทีของ APCE ผ่านทางเว็บไวต์ของ APCE111 นอกเหนื อ จากการให้ ความช่ วยเหลื อ ด้า นข้อ มู ล ดัง กล่ าว APCE อาจจะได้รั บมอบหมายจาก หน่ วยงานรั ฐ ด้วยการทําสัญญาจ้าง เพือจัดอบรมให้แก่ วิส าหกิจหรื อผูท้ ีสนใจ ในการจัดตังวิสาหกิ จ หรื อ สถานประกอบการต่างๆ อาจกล่าวได้ว่า APCE เป็ นเพียงผู ้ทีคอยให้ความช่ วยเหลือในเบืองต้นเท่านัน แต่อย่างไรก็ตาม APCE จะมี การติ ด ตามการให้ ค วามช่ วยเหลื อ โดยผ่ า นเครื อ ข่ า ยอิ น เตอร์ เน็ ท ทางเว็บ ไซต์ ข อง APCE ลัก ษณะ การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของ APCE จึงมีความแตกต่างจากการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของ หน่วยงานอืนๆ ในประเทศอืน ซึ งอาจรวมเอารู ปแบบการให้การส่ งเสริ มสนับสนุนของ SMEs ของ APCE นี เป็ นส่ วนหนึงของหน้าทีอย่างหนึงขององค์กรเหล่านันเท่านัน โดยมิได้มีการแยกองค์กรทีให้ความช่ วยเหลือ ด้านข้อมูล เป็ นการเฉพาะขึ นมาอี กองค์กรหนึงแต่อย่างใด ซึ งการให้ข อ้ มูลแก่ SMEs เป็ นเพียงหน้าทีอย่าง หนึงของหน่วยงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทยเท่านัน

111

.

128 3.6 เครือรัฐออสเตรเลีย 3.6.1 ความเป็ นมาและหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ ดังทีได้กล่าวมาแล้วในบททีสองถึงภาพรวม บทบาท และความสําคัญ ของ SMEs ในออสเตรเลียจะ เห็นได้วา่ SMEs ในออสเตรเลียมีความเติบโตก้าวหน้าอันเนืองมาจากการบริ หารจัดการอย่างมีประสิ ทธิ ภาพ และการปฏิ รูปโครงสร้ างทีดําเนิ นมาอย่า งต่อเนื อง การมี โครงสร้ างนโยบายเศรษฐกิ จทีครอบคลุ มอย่าง ทัวถึง การมีโครงสร้ างทางสถาบันทีทันสมัยและมันคง สร้ างความแน่ นอนให้แก่ ก ารดําเนิ นธุ รกิ จ การมี ระบบการจัดเก็บภาษี ทีเอือต่อ การดําเนิ นธุ รกิ จ และอุ ปสรรคทางการค้าและการลงทุน ทังในประเทศและ ต่างประเทศทีตํา ประกอบกับการมีตลาดแรงงานทีมีความยืดหยุน่ และมีทกั ษะสูง ในขณะทีการเจริ ญเติบโต ทางเศรษฐกิจทีสู งและค่าจ้างแรงงาน และแรงกดดันด้านราคาทีอยู่ในระดับไม่สูงหรื อไม่ตาจนเกิ ํ นไปช่วย ส่ งเสริ มให้การจ้างงานเติบโตอย่างยังยืน ออสเตรเลียมีนโยบายสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ โดยเฉพาะธุ รกิจขนาดย่อ ม ซึงมีมูลค่า การลงทุนน้อยกว่า ล้านเหรี ยญออสเตรเลีย ให้สามารถเข้ามาลงทุนได้โดยไม่จาํ เป็ นต้องขออนุ ญาตก่อน อย่างไรก็ดี มีธุรกิ จบางประเภทที ได้กาํ หนดเงือนไขพิเศษสําหรั บนักลงทุนต่างชาติ และต้องยืนเสนอขอ อนุญาตรัฐบาลออสเตรเลียก่อน แบ่งเป็ น ประเภทหลัก ได้แก่ 112 . ธุ ร กิ จที มี ผ ลกระทบต่ อ ความมั นคงของชาติ ทังนี ขึ นอยู่ ก ับ ดุ ล ยพิ นิ จของรั ฐ มนตรี ว่า การ กระทรวงการคลัง . ธุ รกิ จด้า นการเงิน การสื อสาร การบิ น ท่ าอากาศยาน การขนส่ งสิ น ค้า หนังสื อพิ มพ์ ซึ งกลุ่ ม เหล่านีมีการกําหนดเงือนไขเปิ ดรับการลงทุนแตกต่างกันไป . ธุ รกิจทีรัฐบาลออสเตรเลียกําหนดให้ตอ้ งยืน proposal เสนออนุ ญาตก่อน ได้แก่ - การลงทุนธุ รกิ จทีให้บริ การอยู่แล้วในเครื อรั ฐออสเตรเลีย และมี มูล ค่ ามากกว่า เหรี ยญออสเตรเลีย - การลงทุนในธุ รกิ จใหม่โดยมีมูลค่าทังหมดตังแต่ ล้านเหรี ยญออสเตรเลียขึนไป 112

Office of Trade Policy, นโยบายการลงทุนของออสเตรเลีย, (2007),

.

ล้าน

129 - การลงทุนแบบ portfolio investment ตังแต่ % ขึนไปในธุ รกิ จ media - การลงทุนโดยตรงโดยรัฐบาลหรื อหน่วยงานราชการต่างชาติ - การครอบครองผลประโยชน์บนทีดินในตัวเมือง (รวมถึงผลประโยชน์ทเกิ ี ดจาก leasing, financing and profit sharing arrangement และการครอบครองผลประโยชน์ใน urban land corporations and trusts) ทีเกี ยวกับ 113  การครอบครอง developed non – residential commercial real estate ในกรณี ทอสั ี งหาริ มทรัพย์ อยู่ภายใต้ Heritage listing และมีมูลค่าตังแต่ ล้านเหรี ยญออสเตรเลียขึนไป  การครอบครอง developed non-residential commercial real estate ในกรณี ที อสังหาริ มทรัพย์ไม่อยู่ภายใต้ Heritage listing และมีมูลค่าตังแต่ ล้านเหรี ยญออสเตรเลียขึนไป  การครอบครอง accommodation facilities, vacant urban real estate และ residential real estate เป็ นต้น ถึงแม้ว่าออสเตรเลียจะมีนโยบายส่ งเสริ ม ธุ รกิ จ SMEs หากแต่เครื อรัฐ ออสเตรเลี ยก็ ไม่ มีกฎหมาย เฉพาะที ช่ วยส่ งเสริ ม SMEs หรื อ องค์ก รที ทําหน้า ทีในการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง ดัง นันการส่ งเสริ ม SMEs ของออสเตรเลี ยจึงเป็ นลักษณะการสร้ างโครงการโดยตัวหน่ วยงานทีให้บริ การด้านต่ า งๆ แก่ ภ าค ธุรกิจ ซึ งสรุ ปเป็ นสาระสําคัญได้ดงั นี 1. กฎหมายบริ ษทั ค .ศ. 2001 (Corporation Act 2001) ได้กาํ หนดถึงสิ ทธิ ประโยชน์ของธุ รกิจขนาด เล็กในการจัดตังบริ ษทั และบริ ห ารจัดการบริ ษทั โดยการลดเงือนไขการปฏิ บตั ิตามกฎหมายบางประการ เพื อให้ก ารบริ หารจัดการของธุ รกิ จนันมีค วามคล่ อ งตัว และลดต้น ทุ น ในการดําเนิ น การให้เป็ นไปตาม กฎหมาย เช่น การไม่จาํ ต้องรายงานสถานการณ์เงินเป็ นประจํา การไม่จาํ ต้องระบุเนือหาในรายงานการเงิน ทีสอดคล้องกับมาตรฐานทางบัญชี ตลอดจนการกําหนดจํานวนผูถ้ ือหุน้ ขันตําไว้เพียง 1 คน 114 เป็ นต้น

113

Office of Trade Policy, นโยบายการลงทุนของออสเตรเลี ย, (2007),

. 114

Corporation Act 2001, see also เปรี ยบเที ยบกฎหมายที เกียวข้องกับการให้สิทธิ ประโยชน์ ต่อการประกอบธุ รกิจและส่ งเสริ ม SMEs

.

130 2. กฎหมายจัดตังกองทุ น ร่ วมพัฒ นา ค .ศ .1992 ซึ งได้ก ําหนดให้มี โครงการกองทุน ร่ วมพัฒนา (Pooled Development Funds : PDFs) ขึน เพือให้การส่ งเสริ มและสนับสนุนทางด้านการเงินในรู ปแบบของ ทุนเรื อนหุน้ แก่ SMEs115 3. กฎหมายภาษี สิ นค้ า และบริ การ (Goods and Services Tax Act 1999) ซึ งเป็ นกฎหมายที มี เจตนารมณ์เพือเอือประโยชน์ทางด้านภาษีให้แก่ธุรกิ จขนาดเล็ก อันส่ งผลกระทบให้ประเภทของภาษีธุรกิจ ทีมีการเก็บซําซ้อนจํานวนมากได้ถูกยกเลิกไป เช่น ภาษีการขายส่ ง อากรแสตมป์ การโอนอสังหาริ มทรัพย์ เพือการพาณิชย์ อากรแสตมป์ เช็คธนาคาร ตัวแลกเงิน ตัวสัญญาใช้เงิน อากรแสตมป์ การเช่า116 เป็ นต้น ในปี พ.ศ.2539 รั ฐบาลออสเตรเลียได้ตงคณะทํ ั างานการลดการกํากับดูแลธุ รกิ จขนาดเล็ก (Small Business Deregulation Task Force) เพือศึกษาภาระของ SMEs ในการปฏิบตั ิตามกฎหมาย โดยคณะทํางาน ได้เสนอแนะวิธี การลดภาระของกฎระเบียบทีมี ต่อ SMEs ซึ งในปั จจุบนั ข้อ เสนอแนะส่ วนใหญ่ได้น ําไป กําหนดเป็ นมาตรการและได้รับการปฏิบตั ิแล้ว ตัวมาตรการทีสําคัญ เช่น  การปรั บปรุ งระบบการจดทะเบียนธุ รกิจให้มีประสิ ทธิ ภาพโดยเฉพาะการปรับปรุ งระบบรายงาน (reporting systems) ของคณะกรรมการการลงทุนและหลักทรัพย์แห่งออสเตรเลีย (Australian Securities and Investment Commission: ASIC) และสํานักงานภาษีออสเตรเลีย (Australian Taxation Office: ATO) ให้เป็ น ระบบเดียวกัน และสามารถเข้าถึงได้จากศู นย์บริ การสําหรับธุ รกิ จครบวงจรในการติดต่อกับรัฐ ( Business Entry Point: BEP)  การลดการกํากับดูแ ลบริ ษ ทั ทีเป็ นธุ รกิจขนาดเล็ก ตังแต่ปี พ.ศ.

หากธุ รกิ จขนาดเล็ก

ไม่มีก ารเปลียนแปลงใดๆ ในรอบปี ธุ รกิจขนาดเล็กไม่ตอ้ งจัดทํารายงานการเงิ นประจําปี ต่อคณะกรรมการ การลงทุนและหลักทรัพย์แ ห่ งออสเตรเลีย นอกจากนี มีมาตรการลดหรื อ ยกเลิ กค่าธรรมเนี ยมบางอย่างที จัดเก็บจากธุ รกิจขนาดเล็ก เป็ นต้น

115

Ibid.

116

ภาพรวมของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อมของ 4 ประเทศ

, see also มูลนิ ธิสถาบันนโยบายสังคมและเศรษฐกิจ, การดําเนิ นมาตรการสนับสนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ศึกษา ประเทศญี ปุ่น ออสเตรเลีย ไต้ หวัน และอิตาลี) .

131 นอกจากนี ออสเตรเลียได้มีมาตรการทางกฎหมายอื นๆ เพือนํามาบังคับใช้ในการส่ งเสริ มธุ รกิ จ SMEs เช่ นการจัดทําเว็บไซต์เพือให้บริ การแบบครบวงจรในการจดทะเบียนบริ ษทั และเลิกบริ ษทั รวมถึงได้ จัดเตรี ยมเอกสารตัวอย่างทีเกียวข้องกับการจดทะเบียนไว้ให้แก่ SMEs ซึ งช่ วยให้กระบวนการจดทะเบียนตัง บริ ษทั หรื อเลิกบริ ษทั มีค วามสะดวก รวมทังมีก ารจัดตังศู นย์บริ การครบวงจรในการขอใบอนุ ญาตต่างๆ ที เกี ยวข้องกับการตังโรงงานในทุกมลรัฐ โดยสามารถยืนขอใบอนุญาตเหล่านันทางอินเทอร์ เน็ตได้ นอกจากนี ยังมี การจัดทําคู่มื อการขอตังโรงงานในแต่ล ะประเภทอุตสาหกรรมอย่างละเอี ยดและเข้าใจง่ าย ซึ งทําให้ SMEs สามารถตังโรงงานได้อย่างสะดวก เมือพิจารณาถึงการกํากับดูแลพฤติกรรมในการประกอบธุ รกิ จSMEsในออสเตรเลีย คณะกรรมการ การแข่งขันทางการค้าและการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคได้จดั ทําคู่มือกฎหมายแข่งขันทางการค้าสําหรับธุ รกิ จขนาด เล็กโดยเฉพาะ ซึ งช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กมีความเข้าใจต่อกฎหมายดังกล่าวได้ และได้เพิ มบทบัญญัติพิเศษใน เรื องพฤติกรรมทีขาดสํานึ ก (unconscionable conduct) ซึ งช่ วยป้ องกันธุ รกิจขนาดเล็กจากการเอาเปรี ยบจาก ผูป้ ระกอบการทีมีอาํ นาจต่อรองสู งกว่า นอกจากนี กระบวนการพิจารณาข้อ ร้องเรี ยนจะได้รับการจัดทําเป็ น ลายลักษณ์อกั ษรและเผยแพร่ ต่อสื อมวลชนทุกขันตอน จากการศึกษาเปรี ยบเทียบกฎหมายทีเกี ยวข้องกับการให้สิทธิ ประโยชน์ต่อการประกอบธุ รกิ จและ ส่ งเสริ ม SMEs และการบังคับใช้ของไทยและออสเตรเลียพบว่า แนวคิดในการส่ งเสริ ม SMEs ของทังสอง ประเทศมี ความแตกต่างกัน กล่าวคือ ออสเตรเลียไม่ มีกฎหมายส่ งเสริ ม SMEs เป็ นการเฉพาะเหมื อนอย่าง ไทยทีได้ตราพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ.2543 ขึนเป็ นกฎหมายหลัก โดยสาระสําคัญของพระราชบัญญัตจิ ะเน้นไปในด้านการส่ งเสริ มธุ รกิจ SMEs การจัดตังองค์กรคือสํานักงาน ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว) ตลอดจนกําหนดอํานาจหน้าทีของ สสว. และกองทุน ช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ SMEs ในขณะทีออสเตรเลีย การส่ งเสริ ม SMEs ได้จดั ทําเป็ นโครงการทีเน้นธุ รกิจ ขนาดเล็ก เป็ นหลัก (small business programe) โดยเน้น การให้ค าํ ปรึ ก ษา การให้บริ การสารสนเทศ และ การให้เงินอุดหนุนเพือช่วยเหลือในการว่าจ้างทีปรึ กษาเข้ามาวางแผนธุ รกิจ ซึ งมาตรการเหล่านีไม่จาํ เป็ นต้อง อาศัยอํานาจตามกฎหมาย โดยโครงการทีเกี ยวข้องกับการส่ งเสริ ม SMEs ในออสเตรเลียทีมีกฎหมายรองรั บ คือ โครงการจัดตังกองทุน ร่ วมพัฒ นา ตามกฎหมายกองทุ น ร่ วมพัฒ นาค.ศ. 1992 ซึ งมี วตั ถุ ประสงค์ใน การส่ งเสริ มการจัดตังกองทุนเพือสนับสนุ นทางการเงิน ในรู ปของทุน เรื อ นหุ ้น แก่ SMEs โดยผูถ้ ื อหุ ้นใน กองทุนและกองทุนจะได้รับแรงจูงใจในรู ปของการลดหย่อนภาษี

132 นอกจากนี ระบบการปกครองของออสเตรเลี ยแบ่ งเป็ น 2 ระดับ คือ รัฐ บาลสหพัน ธรัฐ (Federal Government) และรั ฐบาลแห่ งรัฐ (State Government) ซึ งรั ฐบาลทัง 2 ระดับ มีอาํ นาจในการออกกฎหมาย และระเบียบต่ างๆ ส่ งผลให้ก ฎระเบี ยบทางการค้าในแต่ล ะท้อ งถิ นอาจมี ค วามแตกต่ างกัน ได้ ถึ งแม้ว่า ปั จจุบัน รัฐบาลพยายามปรับปรุ งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็ นมาตรฐานเดียวกันมากขึนแต่ ยงั ไม่ส ามารถทําได้ ครบถ้วน แต่อย่างไรก็ดีมาตรการส่ งเสริ มธุ รกิ จขนาดเล็กของรัฐบาลมลรัฐจะคล้ายกับมาตรการของรัฐบาล สหพันธ์รัฐ คือ เน้นการให้คาํ ปรึ กษา บริ การสารสนเทศ และเงินอุดหนุนเพือช่วยเหลือในการว่าจ้างทีปรึ กษา เข้ ามาช่ วยวางแผนธุ ร กิ จ วิเ คราะห์ ก ารตลาด ลู่ ทางการส่ งออก การวิจยั และพัฒ นา เป็ นต้น โดยทัวไป มาตรการในการส่ งเสริ ม เหล่า นี มัก จะอยู่ ในรู ป ของโครงการสํ า หรั บ ธุ ร กิ จขนาดเล็ ก (small business programs) ทีดําเนินงานโดยหน่วยงานทีทําหน้าทีสนับสนุนภาคธุ รกิจทัวไปทีมีอยู่เดิมในแต่ล ะมลรั ฐ ซึ งใน ประเด็นนีจะแตกต่างจากระบบการปกครองของไทยทําให้รูปแบบการเปรี ยบเทียบในแง่ของหลักสําคัญแห่ง กฎหมายจัดตังองค์กรระหว่างสองประเทศนี จึงมีทิศทางทีแตกต่างกันอย่างเห็น ได้ชดั ไม่ว่าจะเป็ น ในส่ วน ของการบัญ ญัติกฎหมายเฉพาะ หรื อการบังคับใช้กฎหมายซึ งของไทยจะใช้บงั คับ ทัวประเทศในขณะที ออสเตรเลียการบังคับใช้ในแต่ละท้องถินอาจมีความแตกต่างกัน 3.6.2 ขอบเขตลักษณะโครงสร้ างการบริ หารและโครงสร้ างองค์กร เมือพิจารณาถึงลักษณะโครงสร้ างองค์กรหรื อหน่วยงานภาครัฐทีมีบทบาทในการส่ งเสริ มธุ รกิจและ อุตสาหกรรมในออสเตรเลีย สามารถสรุ ปได้วา่ องค์กรหรื อหน่วยงานภาครัฐ มีบทบาทสําคัญในการบริ หาร จัดการมาตรการให้ความช่วยเหลือผูป้ ระกอบการในลักษณะทีสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับบริ บทและ ความเร่ งด่วนของแต่ละอุตสาหกรรม แต่ไม่มีหน่วยงานภาครัฐทีจัดตังขึนเพือดูแลและส่ งเสริ มธุ รกิ จSMEs เป็ นการเฉพาะเหมื อ นในประเทศไทย ซึ งปั จจุ บนั หน่ วยงานภาครั ฐ ที สํ าคัญ ในการส่ งเสริ ม SMEs ใน ออสเตรเลียคือ AusIndustry และ Productivity Commission AusIndustry เป็ น ห น่ วยงาน ภ าค รั ฐ สั งกั ด Department of Innovation, Industry, Science and Research ของรัฐบาลออสเตรเลียทีมีบทบาทสําคัญในการบริ หารจัดการและกําหนดรู ปแบบมาตรการต่างๆ ของภาครั ฐ ในการให้ ค วามช่ วยเหลื อ แก่ ภ าคอุ ตสาหกรรม เช่ น เงิ น ให้ เปล่ าเพื อนวัตกรรม (Innovation Grants) การลดหย่อ นภาษี (Tax & Duty Concessions) และ ธุ รกิ จเงิ นร่ วมทุน (Venture Capital)117 เป็ นต้น โดยบทบาททีสําคัญของ AusIndustryในการส่ งเสริ มธุ รกิ จ ได้แก่ การเป็ นแหล่งข้อ มูลที สําคัญอันสามารถ 117

AusIndustry, Pooled Development Funds Registration Board: annual report 2001-2002 .

133 อ้า งอิ งได้ในทุ ก ประเภทของธุ รกิ จ ทังนี AusIndustry จะทํางานร่ วมกัน กับทุ ก ระดับและภาคส่ วนของ รั ฐ บาลและการเข้าถึ งแม้ในพื นที ห่ างไกลมากที สุ ดของออสเตรเลี ย118 รวมถึง ข้อ มู ลอ้างอิ ง ที ได้มาจาก AusIndustry ยังสามารถเสริ มสร้ างขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งสําหรับอุตสาหกรรมทีมีต้นทุน ตํากว่า ตลอดจนส่ งเสริ มการลงทุนด้านนวัตกรรม และส่ งเสริ มการลงทุนด้านนวัตกรรมอีกด้วย ตลอดระยะเวลกว่า 30 ปี Productivity Commission (PC) ได้มีบทบาทสําคัญในการผลักดันให้เกิ ด การเปลียนแปลงทางนโยบายเศรษฐกิจของเครื อรัฐออสเตรเลีย ซึงแต่เดิมมีระบบเศรษฐกิจทีไม่เปิ ดกว้างและ มี ก ารให้ ค วามช่ วยเหลื อ คุ ้ม ครองอุ ต สาหกรรมภายในประเทศเป็ นสํ า คัญ พัฒ นามาเป็ นระบบซึ งให้ การสนับสนุนการเปิ ดตลาดและการแข่ งขันจากภายนอกอย่า งกว้างขวางจนถึงปั จจุบนั รวมถึงการเปิ ดเสรี ทางการค้าโดยเฉพาะในตลาดธุ รกิจ SMEs คณะกรรมการ Productivity Commission (PC) ประกอบไปด้วยสมาชิก ดังต่อไปนี119  ประธานคณะกรรมการ (Chairman) และ รองประธานคณ ะกรรมการ (Deputy Chairman) ทีอาจได้รับการแต่งตังขึนมาจากสมาชิ กคนใดคนหนึ งของคณะกรรมการ  คณะกรรมการ จํานวนไม่นอ้ ยกว่า 9 คน  หัวหน้าสํานักงาน (Head of Office) ซึ งมี หน่วยงานในความรับผิดชอบได้แก่ หน่วย ประสานงานวิจยั (Research Coordination Unit) ซึ งแบ่งออกเป็ น หน่ วยงานย่อ ย คื อ ทีปรึ ก ษาวิจยั หลัก เมลเบิ ร์ น (Principal Adviser Research, Melbourne) และ ที ปรึ กษาวิ จยั หลั ก กรุ งแคนเบอร์ ร่ า (Principal Adviser Research, Canberra), แผนกการบริ การนิ ติ บุ ค คล (Corporate Services Branch), สื อและการโฆษณา (Media & Publication), และ หน่วยงานเอเปค (APEC Unit)  สํานักงาน กรุ งแคนเบอร์ ร่า และสํานักงานเมลเบิร์น อยู่ภายใต้การดูแลของหัวหน้ า สํ า นั ก งาน (Head of Office) ซึ งประกอบไปด้ วย หน่ ว ยงานย่ อ ยคื อ First Assistant Commissioner, Assistant Commissioners, Inquiry A, Inquiry B, Inquiry C, Regulation Analysis, Business Regulation Benchmarking, Productivity Analysis, และ Trade & Economic Studies

118

AusIndustry, Business plan 2012-13 .

119

Australian Government, Productivity Commission .

134 แผนภาพโครงสร้างการบริ หารของคณะกรรมการ

แหล่งทีมา : Australian Government, Productitivy Commission. (n.d.). Organisation Structure (July 5, 2013) . ในขณะที ลัก ษณะโครงสร้ างทั วไปของ Productivity Commission ไม่ ไ ด้มี ก ารกํ าหนดไว้อ ย่ าง ชัดเจน มีแต่เพียงการกําหนดบทบาทว่าเป็ นหน่ วยบริ หารอิสระทีมีหน้าทีศึก ษาและให้ขอ้ เสนอแนะเกี ยวกับ การกํา หนดนโยบายในทางเศรษฐกิ จและการออกกฎระเบี ยบ เพื อเป็ นแนวทางแก่ ผู้ทาํ หน้าที กําหนด นโยบายและออกกฎ ซึ งหมายถึงทังฝ่ ายบริ หารผูก้ าํ หนดนโยบายและเจ้าหน้าทีของรัฐทีจะใช้นโยบายใน

135 การตัดสิ น ใจเมือจะต้องออกกฎ และมี ก ารจัดทําข้อเสนอแนะนันเป็ นเอกสารทีเปิ ดเผยต่ อ สาธารณชน โดย Office of Regulation Reform (ORR) ของออสเตรเลีย ซึ งหน่ วยงานนี เป็ นส่ วนหนึ งของ Productivity Commission ในรู ปแบบของหน่ วยบริ หารอิสระ (independent agency) ปัจจุบนั ได้มีการจัดทําคู่มือการออก กฎ (A Guide to Regulation) ทีเกี ยวข้อ งกับ SMEs แล้ว โดยทีความริ เริ มในการจัดทําคู่มือการออกกฎมาจาก การเรี ยกร้ องของคณะทํางานเพือลดกฎระเบียบทีจะไม่เป็ นอุ ปสรรคต่อการประกอบธุ รกิจขนาดเล็ก (Small Business Deregulation Task Force) ซึ งได้เสนอต่อ รัฐ บาลเมื อเดื อ นมี น าคม ค.ศ. 1997 ให้มีคู่มือ การออก กฎระเบียบและข้อบังคับ (Regulation) ของรัฐบาล เพือจะใช้เป็ นแนวทางช่วยเจ้าหน้าทีของรั ฐที มี หน้าที ในการออกกฎระเบียบต่างๆ ไม่วา่ จะเป็ นกฎในระดับใด และไม่วา่ จะเรี ยกชือกฎว่าอย่างไร รวมทังเสนอแนะ ให้ ใช้ เครื องมื อ การประเมิ น ผลกระทบ (Regulation Impact Statements) (RISs) เพื อประเมิ น ผลและหา ทางเลือกทีเหมาะสมและดีทีสุ ดในการออกกฎและการบังคับการตามกฎหมายของทางราชการ120 นอกจากสององค์ก รหลักทีได้กล่าวมาแล้ว ออสเตรเลียได้มีการจัดตังสมาคมวิส าหกิจขนาดกลาง ขนาดเล็กแห่งออสเตรเลีย (The SME Association of Australia) ซึ ง เป็ นหน่วยงานทีดูแลเกียวกับธุ รกิจขนาด กลางและขนาดเล็กซึงรู ปแบบการดําเนินงานของของสมาคมนีมีลกั ษณะเป็ นองคกรทีไม่แ สวงหาผลกําไร เพื อให้บริ ก ารแก่ ส มาชิ ก ของสมาคมในการเชื อมโยงและส่ งเสริ มธุ รกิ จขนาดกลางและขนาดเล็ ก ใน ขณะเดี ย วกัน ก็ ท ํา หน้ าที ในการเป็ นผู ้ น ํ าสํ า หรั บ การดํา เนิ น การธุ รกิ จ ขนาดกลางและขนาดเล็ ก และ อุตสาหกรรม ซึ งการเป็ นสมาชิ กเปิ ดให้ก บั ประชาชน, ธุ รกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก , อุตสาหกรรมและ ธุรกิจอืน ๆ และสมาคมแห่ งรัฐบาล เมือพิจารณาเปรี ยบเทียบบทบาทขององค์ก รทีจัดตังโดยภาครัฐเพือทําหน้าที ในการส่ งเสริ มและ ช่วยเหลือ ธุ รกิจ SMEs ระหว่างออสเตรเลียและไทยพบว่า องค์กรหรื อหน่ วยงานภาครั ฐมีบทบาทสําคัญใน การบริ หารจัดการมาตรการให้ความช่ วยเหลือผูป้ ระกอบการในลักษณะทีสามารถออกแบบให้เหมาะสมกับ บริ บทและความเร่ งด่วนของแต่ล ะอุตสาหกรรม แต่ไม่มีหน่วยงานภาครั ฐที จัดตังขึนเพื อดูแลและส่ งเสริ ม ธุ รกิ จSMEs เป็ นการเฉพาะเหมื อนในประเทศไทย ซึ งปั จจุบัน หน่ วยงานภาครั ฐที สํ าคัญ ในการส่ ง เสริ ม SMEs ในออสเตรเลียคือ AusIndustry และ Productivity Commission นอกจากนี ออสเตรเลียได้มีการจัดตัง 120

ธรรมนิ ตย์ สุ มนั ตกุล, การควบคุมคุณภาพของกฎ: กรณี ศึกษาจากการจัดทําคู่มือการออกกฎของออสเตรเลีย (A Guide to Regulation)

(2548). .

136 สมาคมวิส าหกิ จขนาดกลางขนาดเล็ ก แห่ งออสเตรเลี ย (The SME Association of Australia) ซึ งเป็ น หน่ วยงานที ดู แ ลเกี ยวกับธุ รกิ จขนาดกลางและขนาดเล็ก ที มี รูป แบบการดําเนิ น งานของของสมาคมใน ลักษณะเป็ นองคกรทีไม่แสวงหาผลกําไรในส่วนนีจึงเป็ นข้อแตกต่างทีสําคัญขององค์กรส่ งเสริ ม SMEs ของ ออสเตรเลียและประเทศไทย เนืองจากในประเทศไทยนัน พรบ. ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ได้กาํ หนดชัดเจนให้จดั ตังหน่วยงานฝ่ ายบริ หาร ซึ งคือ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ขึนมาอย่างชัดแจ้ง121 ในขณะที ลัก ษณะโครงสร้ างทั วไปของ Productivity Commission ไม่ ไ ด้มี ก ารกํ าหนดไว้อ ย่ า ง ชัดเจน มีแต่เพียงการกําหนดบทบาทว่าเป็ นหน่ วยบริ หารอิสระทีมีหน้าทีศึก ษาและให้ขอ้ เสนอแนะเกียวกับ การกํา หนดนโยบายในทางเศรษฐกิ จและการออกกฎระเบี ยบ เพื อเป็ นแนวทางแก่ ผู้ทาํ หน้า ที กําหนด นโยบายและออกกฎ ซึ งหมายถึงทังฝ่ ายบริ หารผูก้ าํ หนดนโยบายและเจ้าหน้าทีของรัฐทีจะใช้นโยบายใน การตัดสิ นใจเมือจะต้องออกกฎ และมีการจัดทําข้อเสนอแนะนันเป็ นเอกสารทีเปิ ดเผยต่อสาธารณชน โดย Office of Regulation Reform (ORR) ของออสเตรเลี ย ซึ งหน่ วยงานนี เป็ นส่ วนหนึ งของ Productivity Commission ในรู ปแบบของหน่ วยบริ หารอิสระ (independent agency) ในขณะทีประเทศไทยมีการจัดตัง องค์กร คือ สํานัก งานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลาและขนาดย่อม (สสว.) ขึน โดยมีคณะกรรมการทีจะช่วยวาง นโยบายให้ สสว. นําไปปฏิ บ ัติอย่ างเป็ นรู ป ธรรม โดยคณะกรรมการนี ประกอบไปด้วยกรรมการจาก กระทรวงที เกี ยวข้องโดยตรงกับการส่ งเสริ ม SMEs ถึง 6 กระทรวง และยังมีก รรมการทีมาจากสํานัก งาน คณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุน คณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หอการค้าแห่งประเทศ ไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย นอกจากนี หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทยหรื อ สํานัก งานส่ งเสริ ม วิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อ ม (สสว.) มี ขอ้ แตกต่างทีสําคัญจากหน่ วยงานฝ่ าย บริ หารของคณะกรรมการ Productivity เพราะ สสว. เป็ นหน่ วยงานทีกฎหมายกําหนดโดยชัดแจ้งให้จดั ตัง ขึนควบคู่กบั การจัดตังคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม โดยให้เป็ นนิ ติบุคคลตาม กฎหมาย (เป็ นหน่วยงานอืนของรัฐ ทีจัดตังขึนตามกฎหมาย มี ฐานะเทียบเท่ ากับกรม) แยกออกต่ างหากจาก

121

พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 254 มาตรา

และโปรดดูหมายเหตุทา้ ยพระราชบัญญัติทีก ําหนดไว้

ว่า “...สมควรจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดลางและขนาดย่อมเป็ นศูน ย์กลางประสานระบบการทํางานของส่ วนราชการ องค์กร ของรัฐหรื อรัฐวิสาหกิจทีมีหน้าทีส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเพือให้เกิดความต่ อเนื องและสอดคล้องในทิศทางเดียวก ัน ...”

137 คณะกรรมการส่ ง เสริ ม SMEs ในขณะที หน่ วยงานฝ่ ายบริ ห ารของคณะกรรมการ Productivity จะไม่ มี สถานะดังกล่าวเป็ นแต่เพียงหน่วยงานอิสระทีสนับสนุนการวิจยั ตามทีรัฐบาลออสเตรเลียร้ องขอเท่านัน122 3.6.3 วัตถุประสงค์และอํานาจหน้าที ปั จจุบนั AusIndustry บริ หารจัดการมาตรการช่ วยเหลืออุตสาหกรรมต่างๆ มากกว่า 30 มาตรการ แต่ ทีมีความสําคัญและเกียวข้องกับการศึ กษา มีดว้ ยกัน 3 มาตรการ123 ได้แก่ 1. TCF: Textile, Clothing & Footwear 2. ACIS: Auto Competitiveness & Investment Scheme 3. P3: Pharmaceuticals Partnerships Program สํ า หรั บ TCF เป็ นมาตรการในการให้ ค วามช่ วยเหลื อ ผู ้ป ระกอบการในอุ ต สาหกรรมสิ งทอ เครื องนุ่ ง ห่ ม และรองเท้า โดยมี งบประมาณช่ วยเหลื อ รวมทังสิ น 575 ล้านดอลลาร์ ออสเตรเลีย ตลอด ระยะเวลา 10 ปี เพือเพิ มขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมกับคู่แข่งต่างๆ ทีมีตน้ ทุนการผลิต ตํากว่า เช่ น จีน ในขณะที ACIS มุ่ งเน้น ผูป้ ระกอบการในอุ ตสาหกรรมยานยนต์แ ละชิ นส่ วนให้ ส ามารถ พัฒ นาต่ อ ยอดนวัต กรรมใหม่ ๆ โดยมี เงิ น ช่ วยเหลือ รวมทังสิ น 5,000 ล้า นดอลลาร์ อ อสเตรเลีย ตลอด ระยะเวลา 15 ปี (2001-2015) เช่ น เดี ยวกับ P3 ที ให้ค วามช่ วยเหลื อ ด้านเงิ นลงทุ น ในนวัตกรรมใหม่ๆ ใน อุตสาหกรรมยาและเวชภัณฑ์ งบประมาณรวม 150 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ตลอดระยะเวลา 5 ปี อีกทังยังมี การสนับสนุ น ผ่ าน Business Advisor ซึ งเป็ นการช่ วยเหลื อผ่ านบริ ษทั ทีปรึ ก ษาทีขึ น ทะเบียนกับหน่วยงาน AusIndustry เพือทําหน้าทีให้คาํ ปรึ กษาแก่ผูป้ ระกอบการในการดําเนิ นธุ รกิจ โดยรัฐ เป็ น ผูร้ ับผิดชอบค่าใช้จ่าย การให้ค าํ ปรึ กษานี แบ่งเป็ น 2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่ มทีจดทะเบียนบริ ษทั ได้รับเงิ น อุดหนุนสู งสุ ดร้อยละ 80 ของค่าใช้จ่าย แต่ไม่ เกิ น 64,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลีย (ประมาณ 1,984,000 บาท)

122

Productivity Commission, Commissioned Research Studies, (nd.), .

123

นิวส์ เพอร์ เฟค คอมมูนิเคชัน, สรุ ปผลงานวิจัย “ กลไกความช่ วยเหลื อผู้รับผลกระทบการเปิ ดเสรี ทางการค้ า”, (2555)

.

138 และ (2) กลุ่ มเจ้า ของรายเดี ย ว ได้รับเงิ น อุ ดหนุ น ไม่ เกิ น 5,000 ดอลลาร์ อ อสเตรเลี ย (ประมาณ 155,000 บาท)124 นอกจากนี รัฐยังได้สนับสนุ นด้านการเงินแก่ Business Enterprise Centres ซึ งมีจาํ นวนทังสิ น 36 ศูนย์ทวประเทศ ั ซึ งไทยไม่มศี ูนย์ดงั กล่าว โดยให้เงินช่วยเหลือแก่ศูนย์ไม่เกิน 100,000 ดอลล่าร์ ออสเตรเลีย ต่อปี (ประมาณ 3,100,000 บาท) เพือให้ความช่วยเหลือธุรกิจขนาดย่อมในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล และให้เงิน อุดหนุ นผู ้ประกอบการที เข้าร่ วมโครงการ เช่ น โครงการช่ วยเหลื อคนว่างงานหรื อคนพิการ โดยคัดเลือก ผูส้ มัครเข้าร่ วมโครงการ 40 - 60 คน อบรมประมาณ 6 เดือน จึงจะได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐไม่เกิ น 50,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลีย/ราย/ปี (เท่ากับรายได้ขนตํ ั าของเครื อรัฐออสเตรเลีย) โดยแบ่งจ่ายดังนี125 - ระหว่างการอบรม สัปดาห์ละ 450 ดอลลาร์ ออสเตรเลีย - เริ มต้นธุรกิจอีก 12 เดือนพร้ อมทังพีเลียง - ต้องดําเนินธุ รกิ จได้ถึง 15 เดือน สามารถรับเงินอุดหนุนส่ วนทีเหลือประมาณร้ อยละ 80 ในขณะทีคณะกรรมาธิ การด้านผลิตภาพแห่งออสเตรเลี ย (Productivity Commission) ก็เป็ นอีก หนึ งองค์กรทีเกี ยวข้อ งกับการสนับสนุ น SMEs โดยทําหน้าทีคล้ายกับ สภาที ปรึ กษาเศรษฐกิ จและสังคม แห่ งชาติ ในการให้คาํ แนะนําปรึ กษาแก่รัฐบาลออสเตรเลีย ซึ งมี หลัก การทํางานทีให้ความสําคัญกับความ เป็ นอิ ส ระจากการเมื อ ง (Independent) ความโปร่ งใส (Transparent) และ การยึ ด ประโยชน์ สู ง สุ ด ของ ส่ วนรวม (Community-wide Perspective) 126 Productivity Commission มี บ ทบาทเป็ นอย่ า งมากในการตัด สิ น ใจด้านนโยบายของรั ฐ บาล ออสเตรเลี ย ในหลากหลายประเด็น รวมถึ ง การประเมิ นมาตรการภาครั ฐ ในการให้ ค วามช่ วยเหลื อ แก่ ภาคเอกชนในการปรั บตัวเข้าสู่ ระบบการค้าเสรี (Trade & Assistance Review: Productivity Commission Annual Report Series) การทบทวนความเหมาะสมของกฎว่าด้วยแหล่งกําเนิดของสิ นค้า (Rules of Origin) ในความตกลงว่ าด้ ว ยความสั ม พั น ธ์ ทางเศรษฐกิ จ ออสเตรเลี ย -นิ ว ซี แลนด์ (ANZCERTA) และ 124

สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, รายงานสถานการณ์ วิสาหกิจรายย่ อย (Micro Enterprises) ปี 2551

. 125

Ibid.

126

Ibid.

139 การประเมิ น ผลกระทบของการบั ง คับ ใช้ ก ฎระเบี ย บในการกํ า กับ ดู แ ลภาครั ฐ (Regulatory Impact Assessment) 127 นอกจากนี Productivity Commission ยังมี บทบาทในทุ ก ด้านของการปฏิ รูปทางเศรษฐศาสตร์ จุลภาค การทํางานของคณะกรรมการครอบคลุม ทุ กภาคส่ วนของเศรษฐกิ จ และขยายไปถึ งภาครัฐ และ เอกชน รวมทังมุ่ ง เน้ น ไปในทุ ก ภาคส่ วนของเครื อจัก รภพตลอดจนคลอบคลุ ม ถึง รั ฐ และดิ น แดนใน ความรับผิดชอบ ซึ งหน้าทีตามกฎหมายของคณะกรรมการ มีดงั นี128  จัด เตรี ย มสอบถามข้ อ มู ล สาธารณะ และจัด ทํ า รายงานเกี ยวกั บ เรื องที เกี ยวข้ อ งกั บ อุตสาหกรรมและความสามารถในการผลิตรวมทังกระบวนการป้ องกัน  จัด เตรี ย มการบริ ก ารเลขานุ ก ารและการวิ จยั เพื อหน่ ว ยงานราชการ เช่ น สภารั ฐ บาล ออสเตรเลีย (Council of Australian Governments)  ตรวจสอบและรายงานเกียวกับข้อร้องเรี ยนทีเกี ยวกับการดําเนินงานในการเตรี ยมความเป็ น กลางในการแข่งขันของรัฐบาลออสเตรเลีย  ให้คาํ แนะนําเหรัญญิกในเรื องทีเกียวข้องกับอุตสาหกรรมและการผลิตตามทีร้องขอ  จัดทําประเด็นงานวิจยั เกี ยวกับอุตสาหกรรมและความสามารถในการผลิต  ส่ งเสริ มความเข้าใจของสาธารณชนในเรื องทีเกียวข้องกับอุตสาหกรรมและความสามารถใน การผลิต ในเรื องการส่ ง เสริ มความเข้าใจของสาธารณชนในเรื องที เกี ยวข้ อ งกับ อุ ต สาหกรรมและ ความสามารถในการผลิตนัน ไทยไม่ได้มีการกําหนดไว้ในหน้าทีของสสว.อย่างชัดเจน หากแต่มีนโยบาย แยกออกมาต่างหากซึ งจะปรากฎอยู่ในแผนประจําปี ของ สสว. แต่อ ย่างไรก็ดี ภายใต้ขอบเขตอํานาจของ สสว. ซึ งสามารถจัดให้ได้มา ถือกรรมสิ ทธิ มีสิทธิครองครองหรื อมีทรัพยสิ ทธิ ต่าง ๆ เช่า ให้เช่ า เช่าซือ ให้ เช่ าซื อ โอนหรื อรับโอนสิ ทธิ การเช่าหรื อสิ ทธิการเช่าซื อ ขายหรื อจําหน่ายโดยวิธีอืน ซึ งสังหาริ มทรัพย์หรื อ อสังหาริ มทรัพย์ ตลอดจนรับทรัพย์สินทีมีผอู้ ุทิศให้ อีกทังยังให้กยู้ ืมเงิน หรื อให้กู้ยมื เงินโดยมีหลักประกัน

127

สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, รายงานสถานการณ์ วิสาหกิจรายย่ อย (Micro Enterprises) ปี 2551

. 128

Productivity Commission, The Role of Commission .

140 ด้วยบุคคลหรื อทรั พย์สิ นหรื อลงทุน เพือการวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs ให้มีประสิ ทธิ ภ าพขึนโดยรวม ได้แต่ของออสเตรเลีย ไม่ได้ระบุอาํ นาจหน้าทีดังกล่าวไว้ ทังนี คณะกรรมการอาจดําเนิ นการในกิ จกรรมอื นใดทีเกี ยวเนื องกับหน้าที เหล่านี และสามารถ ดําเนินการด้วยความยืดหยุน่ เพือทําหน้าทีเหล่านีให้บรรลุวตั ถุประสงค์ได้ คณะกรรมการมีหลักการทํางานและแนวนโยบายในการดําเนิ นงาน 3 หลักการพืนฐานดังนี 129  มีบทบัญญัติของการวิเคราะห์และแนะนําทีเป็ นอิสระ  มีกระบวนการทีมีการเปิ ดเผยและเป็ นทีประจักษ์โดยทัวกัน  มีก ารคํานึ งถึ งการส่ งเสริ มสํ าหรับการเป็ น อยู่ทีดี ข องชุ มชนโดยภาพรวมมากกว่าคํานึ งถึ ง ผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมหรื อกลุ่มใดโดยเฉพาะ แนวนโยบายที ครอบคลุ มการดําเนิ น การของคณะกรรมการจะถูก บัญญัติไ ว้ในข้อ บังคับของ Productivity Commission กล่าวโดยสรุ ป คณะกรรมการมีหน้าที ดังนี130 1. ปรั บ ปรุ งความสามารถในการผลิ ต และประสิ ทธิ ภ าพทางเศรษฐกิ จ ของเศรษฐกิ จ ออสเตรเลียลดกฎระเบียบทีไม่จาํ เป็ น 2. สนับสนุ น การพัฒ นาอุตสาหกรรมของออสเตรเลียทีมี ประสิ ทธิ ภาพและการแข่งขัน ใน ระดับสากล 3. อํานวยความสะดวกในการปรับตัวต่อ การเปลียนแปลงโครงสร้ าง 4. ดําเนินงานโดยตระหนักถึงผลประโยชน์ของชุมชนโดยทัวไปและคํานึงถึงแนวโน้มทีชุ มชน จะได้รับผลกระทบตามข้อเสนอโครงการของ Productive Commission 5. ส่ งเสริ มการจ้างงานในระดับภูมิภาคและการพัฒนา 6. ตระหนักถึงภาระผูกพันระหว่างประเทศของออสเตรเลียและนโยบายการค้าของประเทศ อืน ๆ

129

Productivity Commission, Operating Principles and Policy Guidelines .

130

Productivity Commission, Operating Principles and Policy Guidelines .

141 7. สร้ างความแน่ใจว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมของออสเตรเลียเป็ นไปในรู ปแบบทียังยืน ทางด้านนิเวศวิทยา ทังนี คณะกรรมการต้องคํานึงถึงเรื องต่างๆ ทีได้รับการแจ้งเป็ นลายลักษณ์อกั ษรจาก รัฐมนตรี วา่ การกระทรวงในการอ้างอิงไว้ในรายงาน ซึ งคณะกรรมการต้องจัดเตรี ยมเสนอความคิดเห็นและ มุมมองทีหลากหลายเพือเสนอทางเลือกหรื อข้อเสนอแนะต่อประเด็นต่างๆ ด้วย 3.6.4 งบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐ ออสเตรเลี ย ได้มีการจัดตังโครงการกองทุ น ร่ วมพัฒนา (Pooled Development Funds : PDFs) ขึ น เพื อให้ก ารส่ งเสริ มและสนับสนุ นทางด้านการเงินในรู ปแบบของทุน เรื อ นหุ ้น แก่ SMEs อันเนืองมาจาก สาเหตุ ที SMEs มักขาดแคลนเงินทุน และมีความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนต่างๆ ได้ยากกว่าธุ รกิ จ ขนาดใหญ่ อีกทังยังไม่สามารถเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้131 นอกจากนี กฎหมายดังกล่าว ยัง ได้ ก ํา หนดให้ มี ก ารจัด ตังคณะกรรมการจดทะเบี ย นกองทุ น ร่ วมพัฒ นา (Pooled Development Funds Registration Board) ขึน เพือให้มีอาํ นาจหน้าทีในการพิจารณาการจดทะเบียนหรื อการเพิกถอนการอนุญาต ให้จดั ตังกองทุนร่ วมพัฒ นา โดยมี AusIndustry เป็ นหน่ วยปฏิ บตั ิการของคณะกรรมการนีด้วย ในขณะที ไทยเองก็มีกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเหมือนกัน โดยมีการจัดสรรงบประมาณจาก ภาครัฐ เมื อพิจารณางบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐเพือช่ วยเหลื อผูป้ ระกอบการSMEs พบว่าไทยกับ ออสเตรเลีย มีลกั ษณะการบริ หารเงินกองทุนทีแตกต่างกัน ของไทย จะมีคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจ ซึง จะออกเป็ นแผน แล้วจากแผนนี คณะกรรมการบริ หารของสสว จะนําไปออกแผนปฏิบตั ิการให้สอดคล้อง กัน จากแผนปฏิบตั ิการ จะนําไปสู่ การใช้เงิน โดยมีหลักการ คือ คณะกรรมการกลันกรองการจ่ายเงิน จะดูว่า วัตถุ ประสงค์ข องหน่ วยงาน และโครงการที เสนอมาถู ก ต้อ งและสามารถปฏิ บัติต ามแผนได้ ห รื อ ไม่ โดยการอนุ ม ัติ จะไม่ ใ ห้ เ งิ น เต็ ม ก้ อ น ยกเว้น ประเภทงานวิ จัย พอกลั นกรองเสร็ จ จะส่ งเรื องให้ คณะกรรมการบริ หารอนุมตั ิ พออนุ มติแล้ว ผอ.สสว. ก็จะพิจารณาอนุมตั ิอีกที หนึง หลังจากนัน จะมีการทํา บันทึ กตกลงร่ วมกันระหว่างผูร้ ับเงิ นกับสสว. ซึ งบันทึกนี จะเป็ นลายลัก ษณ์ อกั ษร สําหรับผูท้ ีมีสิทธิ เสนอ ขอทุนสนับสนุนนัน มี 3 กลุ่ม ได้แก่ ตัว SMEs เอง กลุ่ม SMEs และองค์การเอกชน 131

เปรี ยบเทียบกฎหมายทีเกียวข้องกับการให้สิทธิ ประโยชน์ต่อการประกอบธุรกิจและส่ งเสริ ม SMEs

, see also AusIndustry, Pooled Development Funds Registration Board: annual report 2001-2002 .

142 ในขณะทีการบริ หารเงินทุนและการจัดสรรในออสเตรเลียนัน สําหรับกองทุนร่ วมพัฒนาทีได้จดั ตัง ขึนแล้ว ได้มีเงื อนไขการระดมทุนเฉพาะการออกหุ้นสามัญเท่านัน132 โดยกองทุนอาจส่ งทีปรึ กษาเข้าไป ร่ วมให้ความช่วยเหลือและให้คาํ ปรึ กษาแนะนําด้านการบริ หารเงินลงทุน และต้องมีขอ้ กําหนดในการลงทุน ดังนี 1. เป็ นเงิ น ลงทุ น เพื อจัดตังวิส าหกิ จขึนใหม่ หรื อ ขยายสมรรถนะการผลิ ตหรื อการบริ ก ารของ วิสาหกิจทีมีอยูเ่ ดิม โดยห้ามลงทุนในกิ จการค้าปลีกและอสังหาริ มทรัพย์ 133 2. เป็ นการลงทุ น ในหุ ้น สามัญ ที ออกใหม่โดยบริ ษ ัทออสเตรเลี ยที มี สิน ทรั พย์น้อ ยกว่า 50 ล้า น ดอลลาร์ 134 3. เงิน ลงทุนในแต่ละบริ ษทั จะต้องไม่เกินร้ อยละ 30 ของกองทุน135 โดยทีผลของการเป็ นผูถ้ ือหุ ้นในกองทุนและตัวกองทุนเองจะได้รับการลดหย่อนภาษี ทังจากกําไร ทีกองทุนได้รับจากการลงทุนใน SMEs ให้เสี ยภาษีเพียงร้อยละ 15 ส่ วนตัวผูล้ งทุนเองก็จะได้รับการยกเว้น ภาษีเงินปั นผลและภาษีก ําไรส่ วนทุน (Capital gains) ในส่ วนทีเป็ นกําไรของกองทุนทีได้รับจากการลงทุ น ใน SMEs นอกจากนี ในด้านงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐในการส่ งเสริ มธุรกิจ SMEs ออสเตรเลียถือเป็ น หนึงในไม่กีประเทศทียังไม่ได้เปิ ดตัวโครงการคําประกันสิ นเชือเพือธุ รกิ จขนาดเล็กแม้ในช่วงวิกฤติการเงิน โลก (Global Financial Crisis: GFC) เมื อธุ ร กิ จประสบข้อ จํากัด เครดิ ต รุ น แรง แต่ อ ย่ า งไรก็ ดี รั ฐ บาล ออสเตรเลียได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินโดยตรงเพือส่ งเสริ มธุ รกิจSMEsซึ งเป็ นแพคเกจความช่วยเหลือ ทางการเงินรวมทังเงินอุดหนุนเงินอุดหนุนและสิ ทธิ ประโยชน์ภาษีในระดับรัฐบาลกลางรัฐและมลรัฐทังใน

132

Pooled Development Funds Act

, Article

133

Pooled Development Funds Act

, Article 21.

134

Pooled Development Funds Act

, Article 24.

135

Pooled Development Funds Act

, Article 25.

143 ท้อ งถิ นและ ระดับชาติทีได้รับประโยชน์ทางภาษีเช่ นส่ วนลดภาษีและการลดเงิ นซึ งถือ ว่าเป็ นนโยบายทีที บทบาทสําคัญในการช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ SMEs 136 ทังนีรั ฐบาลได้มีช่ วยเหลือด้านการเงินทังเงิ นอุ ดหนุ นและเงินทุนของประเทศเพือส่ งเสริ ม SMEs โดยเฉพาะอย่างยิ งในแง่มุมของธุรกิจการส่งออกนวัตกรรม บริ ษทั เกิดใหม่ (startup) และ การผลิตสินค้าออก ขาย (Commercialisation) นอกจากนีรัฐบาลยังให้ความช่วยเหลือทางการเงินในการปรับปรุ งสิ งอํานวยความ สะดวกและสภาพแวดล้อมการทํางานสําหรับ SMEs ตัวอย่างเช่ น รัฐ บาลอุ ดหนุ น SMEs โดยการลงทุน $ ,

,

ในโครงการเงิ นอุดหนุ นดาวเทียมโทรศัพท์ (Federal government’s Clean Business Australian

Program (CBAP)) มีจดุ มุ่งหมายเพือช่ วยให้ผปู ้ ระกอบการ SMEs ในเรื องการเปลียนแปลงภูมิอากาศ137 นอกจากนี รัฐบาลยังให้สนับสนุ นเงินลงทุนสํ าหรับธุ รกิ จ SMEs ในอุตสาหกรรมเฉพาะซึ งรวมถึง ธุรกิจการเกษตร, การผลิตและการท่องเทียว ตัวอย่างเช่ นโครงการธุ ริจขนาดเล็กเกี ยวกับสิ งทอเสื อผ้าและ รองเท้า (Textile, Clothing and Footwear (TCF)) ให้ทุนได้ถึง ,

ดอลล่าเพือใช้ในการพัฒ นาวัฒนธรรม

องค์กรธุ รกิจของธุ รกิจทีจัดได้ตงขึ ั น138 ทังนี รั ฐบาลและรั ฐบาลแห่ งมลรั ฐ ในเครื อ รั ฐ ออสเตรเลี ยได้ให้ ความช่ วยเหลื อ ทางการเงิ น แก่ ผู ้ป ระกอบการ SMEs ในรู ป แบบที แตกต่ า งกั น ในรั ฐ นิ ว เซาธ์ เ วลส์ Payroll Tax Incentive Scheme ให้ สัมปทานภาษีเงินเดือนเพือส่ งเสริ มธุรกิจใหม่และทีมีอยู่ในสถานทีทีการว่างงานสู งกว่าค่าเฉลียของประเทศ

136

Dong Xiang and Andrew C. Worthington, The Impact of Government Financial Assistance on SMEs in Australia During the GFC,

(2013) . 137

Ibid., See also Frankston City. Build your business: Start-up grants. (July 24, 2012)

. 138

Dong Xiang and Andrew C. Worthington, The Impact of Government Financial Assistance on SMEs in Australia During the GFC,

(2013) See also Dietrich, A. (2012). Explaining loan rate differentials between small and large companies: evidence from Switzerland, Small Business Economics, 38(4), 481-494.

144 ในเซ้าท์ออสเตรเลีย (South Australia (SA) Bio Innovation SA Grants เสนอเงินจํานวน ,

ถึง

,

ดอลล่า เพือช่วยเหลือบริ ษทั เทคโนโลยีชีวภาพทีในการดําเนินการทุกอย่างจากการวิจยั ตลาดและการพัฒนา ธุรกิจเพือซืออุปกรณ์ 139 ในรั ฐวิกตอเรี ย รัฐบาลมลรัฐให้เงินอุดหนุ นถึ ง ,ดอลลาร์ ขึนไปเพือช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็ก เข้าสู่ ตลาดการส่ งออกเป็ นครังแรกและได้รับการสนับสนุ นเงิ นทุนถึ ง ,

,

ดอลล่ าร์ เพือช่ วยธุ รกิ จSMEs

เกี ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ กระบวนการออกแบบและการบริ การทีจะช่วยตอบสนองความต้องการด้าน เทคโนโลยีในอนาคตของหน่วยงานภาครัฐในวิคตอเรี ย140 ในออสเตรเลียตะวันตก (Western Australia) ให้เงินทุน สนับสนุนถึง

ดอลล่าร์ ต่อค่าใช้จ่ายใน

รู ปแบบของการฝึ กอบรมใด ๆ ทีจะช่วยในการเพิ มผลผลิตของธุ รกิ จขนาดเล็ก ในขณะทีรัฐบาลแทสมาเนี ย ให้เงินอุดหนุนถึง ,

ดอลล่าร์ เพือช่วย SMEs ในการระบุ ประเมินและลงทุนในโครงการหรื อกิ จกรรม

ที จะช่ วยให้ก ารประกอบการเจริ ญ เติ บโต และให้ เงิ น อุ ดหนุ น ถึ ง

,

ดอลล่ าร์ เพื อให้ค รอบคลุ ม

ค่าใช้จ่ายโดยตรงทีเกิ ดขึนกับธุ รกิ จเพือการค้าสิ นค้าหรื อบริ การ141 อี ก ทังรั ฐ บาล Northern Territory ยัง ให้ เงิน ช่ วยเหลื อ ถึ ง

ดอลล่ าร์ เพื อช่ วยเหลื อ ธุ รกิ จที

สามารถส่ งเสริ ม" ผลการพัฒ นาเศรษฐกิ จภู มิภ าคที ยืน ยัน ได้ "(positive regional economic development outcomes) ในมลรัฐ ในขณะทีกองทุ น พัฒนาธุ รกิ จ แคนเบอร์ ร่า (Canberra Business Development Fund) ช่วยเหลือเงินทุนให้ธุรกิ จทีเป็ นแหล่งทีมาของเงินทุนจากนักลงทุนผ่านการลงทุนตราสารทุน142 แต่ อย่างไรก็ตาม ออสเตรเลี ยไม่มีนโยบายให้ความช่ วยเหลื อทางด้านการเงิน ในรู ปของธนาคาร SMEs จะมีเพียงการลงทุนในรู ปของ Venture Capital และรัฐบาลเข้ามามีบทบาทเพียงการไปเข้าร่ วมทุนกับ 139

Dong Xiang and Andrew C. Worthington, The Impact of Government Financial Assistance on SMEs in Australia During the GFC,

(2013) . 140

Ibid., See also Craig, B. R., Jackson, W. E., &Thomson, J. B. (2009). The economic impact of the small business administration’s

intervention in the small frim credit market: A review of the research literature. Journal of Small business Management, 47(2), 221-231. 141

Ibid.

142

Dong Xiang and Andrew C. Worthington, The Impact of Government Financial Assistance on SMEs in Australia During the GFC,

(2013) .

145 Venture Capital ของเอกชนแล้วปล่อ ยให้เอกชนดําเนิ นการโดยอิส ระ ซึ งการเข้า ร่ วมใน Venture Capital ของรัฐ บาลนันเป็ นเพีย งเพือลด Capital Cost บางส่ วนให้กบั เอกชนเท่ านัน รั ฐ บาลออสเตรเลี ยเข้า มามี บทบาทสู งในส่ วนของการพัฒนาการวิจยั ต่างๆ การเข้าไปร่ วมทุ นในส่ วนของการทําการค้นคว้าวิจยั รวมทัง การพัฒ นาเทคโนโลยี และการค้น คว้าสิ งประดิ ษ ฐ์ ต่างๆ ของ SMEs แล้วปล่ อ ยให้ร ะบบตลาดเข้า มามี บทบาท จุดเด่นของการดําเนินนโยบายของออสเตรเลียคือ การใช้นโยบายการค้าเสรี โดยให้กลไกตลาดเป็ น เครื องมือ การมีนโยบายอุตสาหกรรมทีเป็ น กลางทําให้ไม่ตอ้ งมีนโยบายใดๆ เข้ามาเสริ มเพือลดความเสี ย เปรี ยบเชิ ง นโยบายให้กบั SMEs ทําให้ออสเตรเลี ยไม่จาํ เป็ นต้อ งสร้ างโครงสร้ างใหม่หรื อ มีแ ผนพัฒนา SMEs รวมทังมีพระราชบัญญัติพฒ ั นา SMEs โดยเฉพาะ จุดเด่นคือออสเตรเลี ยนันอยู่ทีนโยบายทีเกี ยวกับ การพัฒนาด้า นเทค โนโลยี R&D และการส่ ง เสริ มให้มี ก ารค้น คว้า สิ งประดิ ษ ฐ์ใหม่ๆ และการร่ วมมื อ ระหว่าง รัฐบาล เอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ งเป็ นนโยบายทีประสบความสําเร็จ143 เมื อพิ จารณาเปรี ยบเที ยบกับไทยแล้วพบว่า ออสเตรเลี ยไม่ มีส ถาบัน การเงิ น ที มุ่ งเน้น ให้ค วาม ช่วยเหลือ SMEs เป็ นการเฉพาะเหมือนอย่างในประเทศไทย มีเช่ น ธนาคารเพือการพัฒนาแห่ งสหพันธรัฐ (Commonwealth Development Bank: DevBank) หรื อบรรษัทการเงิ นและการประกัน การส่ งออก (Export Finance and Insurance Corporation: EFIC) จะให้บริ การทางการเงิ นสําหรับธุ รกิ จทัวไป โดยไม่จาํ กัดเฉพาะ ธุ รกิ จขนาดเล็ก แต่ อาจจะมีโครงการพิ เศษให้ เงิ น กู้แ ก่ ธุ รกิ จขนาดเล็กซึ งจะถู กกําหนดจากนโยบายของ รัฐบาลในแต่ละปี ในขณะทีไทย มีมีธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย อีก ทังยังมีบรรษัทประกันสิ นเชืออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ทีมีวตั ถุ ประสงค์เพือช่ วยเหลื ออุตสาหกรรม ขนาดย่อมให้ได้รับสิ นเชื อจากสถาบันการเงิน 3.6.5 รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุนของภาครัฐและปัจจัยทีส่ งผลต่อความสําเร็ จของ SMEs เนืองด้วยลัก ษณะการปกครองของเครื อรั ฐออสเตรเลียเป็ นการปกครองแบบสหพันธรั ฐ (Federal state) อัน มีรั ฐต่ างๆ ประกอบกัน ขึนเป็ นเครื อ จักรภพออสเตรเลี ย (Commonwealth of Australia) ทําให้ ระบบบริ หารราชการและการจัดรู ปองค์กรภาครัฐมีโครงสร้ างภายในสองระดับ ได้แก่ ระดับสหพันธรั ฐ

143

กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม, ผลงานวิ จัย การสนับสนุนเนิ นมาตรการดํา :SMEs ของต่ างประเทศ, (2551)

.

146 และระดับมลรัฐ144 โดยที การกํากับดู แลและส่ งเสริ ม SMEs ของรัฐบาลออสเตรเลียก็จะต้องกําหนดเป็ น มาตรการทีเหมาะสมทังสองระดับด้วย รั ฐ บาลออสเตรเลี ย ได้จดั ตังคณะทํางานเพื อลดการกํากับดู แ ลธุ รกิ จขนาดเล็ ก (Small Business Deregulation Task Force) โดยให้มีอาํ นาจหน้าทีในการศึกษาถึงภาระในการปฏิบตั ิตามกฎหมายของ SMEs พร้ อ มทังเสนอแนะวิธีก ารลดภาระดังกล่า ว ซึ งขณะนี ได้มีก ารนําข้อ เสนอแนะของคณะกรรมการไป กําหนดเป็ นมาตรการช่วยเหลือ SMEs เป็ นทีเรี ยบร้ อยแล้ว ดังตัวอย่างต่อไปนี145 - มาตรการปรับปรุ งระบบการจดทะเบียนธุรกิจให้มีประสิ ทธิ ภาพ โดยเฉพาะอย่างยิงการปรับปรุ ง ระบบรายงาน (reporting systems) โดยคณะกรรมการการลงทุนและหลักทรัพย์แห่งออสเตรเลีย (Australian Securities and Investment Commission : ASIC) และสํ า นัก งานภาษี อ อสเตรเลี ย (Ausgtralian Taxation Office : ATO) ให้เป็ นระบบเดียวกัน เพือให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้จากศูนย์บริ การสํ าหรับธุ รกิ จครบวงจร สําหรับการติดต่อกับภาครัฐ (Business Entry Point : BEP) - มาตรการการลดการกํากับดูแลบริ ษทั ทีเป็ นธุ รกิจขนาดเล็ก โดยเริ มต้นกําหนดให้ตงแต่ ั ปี 2545 เป็ นต้นมา หากธุ รกิ จขนาดเล็กทีไม่มีการเปลียนแปลงใดๆ ในรอบปี ธุ รกิ จขนาดเล็กนัน ไม่จาํ ต้อง จัดทํารายงานการเงินประจําปี เสนอต่อคณะกรรมการการลงทุนและหลัก ทรัพย์แห่งออสเตรเลีย อีกทังยัง กําหนดให้มีการลดหรื อยกเลิกค่าธรรมเนี ยมบางประเภทสําหรับธุ รกิจขนาดเล็กด้วย สํ า หรั บ กรอบนโยบายที สํ าคัญ ยิ งในระดับ สหพัน ธรั ฐ ของออสเตรเลี ย คื อ การปรั บ ปรุ ง สภาพแวดล้อมและการวางเงื อนไขทางเศรษฐกิ จมหภาคให้เอือประโยชน์ต่ อธุ รกิ จภายในประเทศ ทัง การรัก ษาอัตราเงิ นเฟ้ อและอัตราดอกเบียในระดับตํา การสร้างระบบภาษีทีช่ วยส่ งเสริ มขีดความสามารถ ทางการแข่ ง ขัน ในธุ รกิ จระหว่า งประเทศ การลดภาระด้า นกฎหมายของ SMEs การช่ วยเหลื อ ด้า น การพัฒนาทักษะการบริ หารกิจการของธุ รกิจขนาดเล็ก การช่ วยเหลือด้านการสร้ างสรรค์นวัตกรรม และ การเปิ ดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็ก ได้เข้าร่ วมกระบวนการจัดซื อจัดจ้างภาครัฐ เป็ นอาทิ ทังนี นโยบายระดับ 144

คณะกรรมการพัฒ นากฎหมาย สํา นักงานคณะกรรมการกฤษฎี กา, ภาพรวมของวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อมของ 4 ประเทศ,

(ม.ป.ป.) .โปรดดูเพิ มเติ มที ศุภชั ศุภชลาสัย และคณะ, การดําเนิ นมาตรการ สนับสนุน SMEs ของต่ างประเทศ (กรณี ศึกษาประเทศญีปุ่น ไต้ หวัน อิตาลี และออสเตรเลีย) เสนอต่อ กรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรม กระทรวง อุตสาหกรรม, (สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ : กรุ งเทพมหานคร, กันยายน 145

Ibid.

)

147 สหพัน ธรั ฐ เหล่านี ล้วนนํามาซึ งมาตรการการส่ งเสริ มธุ รกิ จขนาดเล็ก เป็ นจํานวนมาก โดยที มาตรการ ระดับสหพันรัฐจะดําเนินการผ่าน AusIndustry และ Aus Trade เป็ นหน่วยงานหลัก ซึ งแม้บางมาตรการอาจ ไม่ได้สนับสนุน SMEs เป็ นการเฉพาะ แต่ธุรกิจขนาดเล็กก็มกั จะได้สิทธิ ประโยชน์มากกว่าธุ รกิจขนาดใหญ่ ดังตัวอย่างโครงการทีสําคัญ เช่น146 - Backing Australia’s Research Capacities อันเป็ นโครงการทีรัฐให้เงินอุดหนุนและเงินให้ เปล่าเพือส่ งเสริ มการวิจยั และพัฒนาในมหาวิทยาลัยและภาคเอกชนต่างๆ - โครงการ Enterprise Development Program อัน เป็ นโครงการที รั ฐบาลกลางให้ เงิ น อุ ดหนุ น ในโครงการความร่ วมมือระหว่างรัฐบาลกลางและรัฐ บาลรั ฐ เพือให้บริ การด้านการปรึ กษาหารื อทางธุ รกิ จ สําหรับธุรกิจขนาดเล็ก - โครงการ Australia’s Idea for Commercial Success อันเป็ นโครงการทีส่ งเสริ มการนําแนวคิด และผลงานวิจยั ทีดีของภาคเอกชน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานรัฐบาล ไปก่ อให้เกิ ดประโยชน์เชิงพาณิชย์ - โครงการ Backing Australia’s Skills อันเป็ นโครงการทีช่วยพัฒนาและยกระดับความสามารถ ของทรัพยากรบุคคลของออสเตรเลียให้มีประสิ ทธิ ภาพและมีศกั ยภาพเพียงพอด้านการวิจยั และพัฒนา - โครงการ Business Entry Point อัน เป็ นโครงการทีจัดทําเว็บไซต์สําหรั บให้ธุรกิ จขนาด เล็กสามารถใช้ติดต่อกับหน่วยงานราชการทีเกียวข้องต่างๆ ได้โดยผ่านเพียงเว็บไซต์เดียว ส่ วนมาตรการส่ งเสริ มธุ รกิ จขนาดเล็กในระดับมลรัฐต่างๆ นัน มักเป็ นไปเพือสนับสนุนนโยบาย ของรัฐในบางมลรัฐ และรัฐบาลมลรัฐจะมีหน่วยงานหรื อโครงการสนับสนุนธุ รกิจขนาดเล็กเฉพาะเขตพืนที ของรัฐตน ควบคู่กบั หน่วยงานจากรัฐบาลสหพันธรัฐในแต่ละพืนทีนันๆ ด้วย

146

คณะกรรมการพัฒ นากฎหมาย สํา นักงานคณะกรรมการกฤษฎี กา, ภาพรวมของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อมของ 4 ประเทศ,

(ม.ป.ป.) โปรดดูเพิ มเติ มที สถาบันนโยบายเศรษฐกิจ, “การดําเนิ นมาตรการ สนับ สนุ น SMEs ของต่ า งประเทศ (กรณี ศึกษาประเทศญี ปุ่ น ไต้ห วัน อิ ตาลี และออสเตรเลี ย ” เสนอต่ อ กรมส่ งเสริ ม อุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม (กันยายน

)

148 นอกจากนี ออสเตรเลียยังมีมาตรการอืนๆ ซึ งอาจจําแนกได้เป็ นประเภทย่อย 147 ได้ดงั นี 1. มาตรการการเพิ มช่ องทางการเงิ นแก่ ธุรกิ จขนาดเล็ก โดยทีออสเตรเลียจะจูงใจให้นัก ลงทุนเข้ามาลงทุนในภาคธุ รกิ จขนาดเล็กด้วยสิ ทธิประโยชน์ต่างๆ เช่ น - กองทุ น ร่ วมพัฒ นา หรื อ PDFs ดัง ที กล่ า วมาแล้วในส่ วนของกฎหมายจัดตัง กองทุนดังกล่าว ซึ งได้กาํ หนดให้ผถู ้ ือหุน้ ในกองทุนและกองทุนได้รับแรงจูงใจในการลดหย่อนภาษี 148 - กองทุนเพือการลงทุนในนวัตกรรม )Innovation Investment Fund : IIF) ซึ งเป็ น กองทุ น ที รั ฐ บาลจะให้ ก ารสนับ สนุ น การลงทุ น ร่ ว มกั บธุ ร กิ จขนาดเล็ก ที เน้ น การนํ าเทคโนโลยี มาใช้ ประโยชน์ในเชิ งพาณิ ชย์ ในสัดส่ วน 2 ต่อ 1 เป็ นระยะเวลา 10 ปี

149

- กองทุนพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Equity Fund : REEF) ซึ งเป็ นไป เพือสนับสนุนการระดมทุนจากภาคประชาชนมาเป็ นผูถ้ ือหุน้ ในธุ รกิจขนาดเล็ก เพือให้ธุรกิจนันได้วจิ ยั และ พัฒนาแห่ งพลังงานหมุนเวียนเพือใช้ทดแทนพลังงานปิ โตรเลียมและพลังงานอืนๆ 2. มาตรการปรับปรุ งประสิ ทธิ ภาพของวิสาหกิ จ ซึ งส่ วนมากเป็ นโครงการทีดําเนิ นการผ่าน AusIndustry150 เช่ น - โครงการพัฒ นาวิส าหกิ จ (Enterprise Development Programs : EDP) อัน เป็ น การให้คาํ ปรึ กษาทางธุ รกิ จโดยเจ้าหน้าทีของ AusIndusry - โครงการศู นย์สนับสนุนเทคโนโลยี (Technology Support Centres Program) ซึ ง มุ่งหมายเพือช่วยเหลือธุรกิจขนาดเล็ก ในการเข้าถึงเทคโนโลยีทีสะดวกและรวดเร็ ว โดยการสนับสนุนให้ หน่วยงานหรื อองค์กรวิจยั ร่ วมมือกันเป็ นเครื อข่ายของศู นย์สนับสนุนเทคโนโลยี (Networks of Technology Support Centres) 3. มาตรการสนับสนุนการส่ งออกของธุ รกิจขนาดเล็ก151 เช่น 147

สถาบันวิจยั เพือการพัฒ นาประเทศไทย, การศึกษาผลกระทบของกฎหมาย และระเบียบที มีผลต่ อขีดความสามารถในการแข่ งขันของ

SMEs, (2553) . 148

รายงานประจําปี ของ Pooled Development Fund ปี 2000 - 2001 .

149

Pooled Development Funds Act

, Article 20.

150

Pooled Development Funds Act

, Article 21.

149 - การช่ วยเหลือเงิ นให้เปล่าเพือพัฒนาตลาดส่ งออก (Export Market Development Grants : EMDG) ซึ ง Aus Trade จะเป็ นผูส้ นับสนุ นเพื อเป็ น การชดเชยค่ าใช้จ่ายด้านการตลาด ทังค่ าจ้างที ปรึ กษาการตลาด ค่าใช้จ่ายในการนําเสนอสิ นค้า ณ ตลาดต่ างประเทศ ค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์เอกสาร ส่ งเสริ มการขาย และค่าใช้จา่ ยในการเข้าร่ วมงานแสดงสิ นค้า ฯลฯ - การให้ ค าํ ปรึ ก ษาเพื อเข้าถึ งตลาดส่ ง ออก (Export Access) ซึ งมี ส มาคมธุ รกิ จ เอกชนเป็ นผูด้ าํ เนินการโดยอาศัยเม็ดเงินสนับสนุนจากภาครัฐ และการให้คาํ แนะนําปรึ กษาจะเน้นเรื องการ ทําการตลาดส่ งออกตลอดจนแนะนํารายละเอียดการส่ งออกไปยังประเทศคู่คา้ ต่างๆ 4. มาตรการส่ งเสริ มการวิจ ัยและการพั ฒนา ซึ งโดยภาพรวมแล้ วจะดําเนิ นการโดยผ่ าน AusIudustry และคณะกรรมการวิจยั และพัฒนาอุตสาหกรรม (Industry Research and Development Board)152 เช่น - การลดหย่อนภาษีร้อยละ 125 ให้กบั ค่าใช้จ่ายในการวิจยั และพัฒนาเฉพาะในบาง รายการที (125% tax concession for eligible expenditure on R&D) - การส่ งเสริ มการเริ มต้นวิจยั และพัฒนา (R&D Start) ซึ งเป็ นโครงการทีรัฐบาลจะ ช่วยเหลือ เฉพาะวิสาหกิ จทียังไม่เคยมี การวิจยั และพัฒนามาก่ อน แต่จาํ เป็ นต้องวิจยั และพัฒนาเพือยกระดับ ธุรกิจของตน - การให้เงินกูเ้ พือใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์จากนวัตกรรมทางเทคโนโลยี (Concessional Loans for the Commercialisation of Technological Innovation) อัน เป็ นโครงการที รั ฐ ให้ กู้ ยืม ดอกเบี ยตํา สําหรับธุรกิจทีมีลูกจ้างไม่เกิน 100 คน และขณะนันได้ใช้ประโยชน์เชิงพาณิ ชย์ซึงนวัตกรรมต่างๆ - โครงการศู น ย์ ค วามร่ วมมื อ วิ จ ัย (Cooperative Research Centres Program : CRCs) ซึ งเป็ นโครงการที รัฐให้เงิ นอุดหนุน เพือจัดตังศูน ย์วิจยั ทีประกอบไปด้วยผูว้ ิจยั ทังในมหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจยั ภาครัฐ และตัวแทนผูใ้ ช้เทคโนโลยีทงในภาครั ั ฐและภาคเอกชน

151

ภาพรวมของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมของ 4 ประเทศ

. 152

Ibid.

150 หากพิ จารณาในประเด็น การวิจยั และพัฒ นาเพื อเสริ มสร้ างศัก ยภาพในการแข่ งขัน และ ผลักดันให้ธุรกิจSMEเข้มแข็งทังไทยและออสเตรเลีย ต่ างให้ความสําคัญกับการวิจยั และพัฒนาเหมือนกัน โดยมีมาตรการในการส่ งเสริ มทีคล้ายคลึงกัน 5. มาตรการส่ งเสริ มการเริ มธุ รกิจใหม่ 153 เช่ น - โครงการสนั บสนุ น วิส าหกิ จใหม่ (New Enterprise Incentive Scheme : NEIS) ซึ งได้ช่วยเหลือ ผูไ้ ม่มีงานทําให้ริเริ มสร้างสรรค์ธุรกิ จขนาดเล็กได้ ทังการให้การฝึ กอบรมและให้คาํ ปรึ กษา ต่างๆในช่วงปี แรกทีดําเนินกิจการ - โครงการศู นย์บ่มเพาะธุ รกิ จขนาดเล็ก (Small Business Incubator Program) ซึ ง ได้จดั ตังหน่ วยงานช่ วยเหลื อ บ่ มเพาะธุ ร กิ จขนาดเล็ก ให้สามารถเริ มต้นธุ รกิ จได้ และพัฒนาจนสามารถ แยกตัวเป็ นธุ รกิจอิสระ ทังการให้สถานทีประกอบธุ รกิจ การฝึ กอบรม และช่วยเหลือด้านการตลาด เป็ นต้น กล่ าวโดยสรุ ปได้ว่า ออสเตรเลี ยไม่มีกฎหมายส่ งเสริ ม SMEs เป็ นการเฉพาะเหมือนอย่างไทยและ แต่ออสเตรเลี ยได้ตรากฎหมายบริ ษทั ค .ศ.2001 (Corporation Act 2001) ซึ งถือเป็ นกฎหมายฉบับหนึงทีให้ สิ ท ธิ ป ระโยชน์ บ างประการแก่ ธุ ร กิ จ ขนาดเล็ ก เกี ยวกับ การจัด ตังบริ ษัท และบริ หารจัด การบริ ษัท นอกจากนัน ยังมีโครงการทีเกียวข้องกับการส่ งเสริ ม SMEs ทีมีกฎหมายรองรั บ คือ โครงการจัดตังกองทุน ร่ ว มพัฒ นา (Pooled Development Funds : PDFs) ซึ งมี ก ฎหมายกองทุ น ร่ วมพัฒ นา ค.ศ. 1992 (Pooled Development Funds Act

) โดยมี วตั ถุ ป ระสงค์ในการส่ งเสริ ม การจัดตังกองทุ น เพื อสนับ สนุ น ทาง

การเงิ น ในรู ป ของทุ น เรื อนหุ ้ น แก่ SMEs โดยคณะกรรมการจดทะเบี ย นกองทุ น ร่ ว มพัฒ นา (Pooled Development Funds Registration Board) จัดตังขึนเพือทํา หน้าที ในการพิ จารณาจดทะเบียนหรื อเพิก ถอน การอนุญาตจัดตังกองทุนร่ วมพัฒนา โดยให้ AusIndustry เป็ นหน่วยงานทีปฏิ บตั ิงานให้กบั คณะกรรมการนี

153

สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, รายงานสถานการณ์ วิสาหกิจรายย่ อย (Micro Enterprises) ปี 2551

.

บทที 4 ศึกษาเปรียบเทียบข้ อดีและข้ อเสี ยของกฎหมายการจัดตังองค์กรภาครัฐ ทีทําหน้ าทีในการส่ งเสริมและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทยและต่างประเทศ ในส่วนนี ผูว้ ิจยั ได้ทาํ การศึกษาและวิเคราะห์เชิงเปรี ยบเทียบข้อดีและข้อเสียของกฎหมายทีเกียวข้องใน การจัด ตังองค์ก รภาครั ฐ ที ทําหน้าที ในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของประเทศไทยและต่างประเทศ จํานวน ประเทศ ได้แก่ ประเทศญีปุ่ น สาธารณรัฐเกาหลี สาธารณรัฐสิงคโปร์ สาธารณรัฐฝรั งเศส และเครื อรัฐ ออสเตรเลีย โดยประเด็นทีทําการศึกษาเปรี ยบเทียบข้อดีและข้อเสี ยมีทงหมด ั ประเด็นหลัก คือ ความเป็ นมา และหลักสําคัญของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐ ขอบเขตลักษณะโครงสร้างองค์กร และโครงสร้างการบริ หาร วัตุถุประสงค์และอํานาจหน้าทีขององค์กร งบประมาณและการสนับสนุนจากภาครัฐ และรู ปแบบการส่ งเสริ ม และสนับสนุน SMEs และการดําเนินการทีประสบความสําเร็ จ 4.1 ประเทศญีปุ่ น ข้ อดี 1. ในการจัด ตังสํานัก งานวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) ของประเทศญี ปุ่ น เกิ ด ขึนจาก เจตนารมณ์ทีจะมีหน่วยงานภาครัฐทีช่วยเหลือ SMEs จากปั ญหาของการผูกขาดทางการตลาดของกลุ่มทุนธุรกิจ ขนาดใหญ่ ซึงจะทําให้ SMEs ไม่สามารถดําเนิ นธุรกิจได้ท่ามกลางปัญหาวิกฤตทางเศรษฐกิจ นํามาซึงนโยบาย และมาตรการต่ า งๆ ที จะแก้ไ ขปั ญ หาดัง กล่ าว ทํา ให้ ทิ ศ ทางการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญี ปุ่ นมี ความชัดเจนตังแต่อดีตจนถึงปั จจุบนั แต่ประเทศไทยไม่ได้นาํ ประเด็น ปั ญหาการผูกขาดทางการตลาดมาเป็ น ประเด็น สําคัญ สําหรับ เหตุผลในการจัดตัง สสว. และไม่มีเป้ าประสงค์หลักที ชัดเจนในการจัด ตังหน่ ว ยงาน ดังเช่นประเทศญีปุ่ น 2. SMEA เป็ นหน่ วยงานของรัฐทีเป็ นอิสระ ทําให้มีความคล่องตัว และมีอิสระในการบริ หารงานมากกว่า การเป็ นส่ วนราชการ ซึงในการจัดตัง สสว. กฎหมายก็ได้กาํ หนดไว้ให้เป็ นหน่วยงานของรัฐทีมิใช่ส่วนราชการ และมิใช่รัฐวิสาหกิจ เพือความเป็ นอิสระและความคล่องตัวในการบริ หารจัดการเช่นกัน

152 3. ประเทศญี ปุ่ นมีสภาทีให้คาํ ปรึ กษาในด้านนโยบายเกี ยวกับวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) ในรู ปแบบคณะกรรมการโดยมีหน้าทีให้คาํ แนะนําแก่ รัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม เปรี ยบเทียบได้กบั คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม ตามพระราชบัญ ญั ติ ส่ งเสริ ม วิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 ซึ ง คณะกรรมการดังกล่าวของประเทศญีปุ่ นมีจาํ นวนกรรมการประเภทผูท้ รงคุณวุฒิ ได้ไม่เกิน 30 คน โดยกฎหมาย ญีปุ่ นมิได้กาํ หนดให้สดั ส่ วนและองค์ประกอบของคณะกรรมการจะต้องมาจากภาครัฐจํานวนเท่าใด จึงทําให้ ภาคเอกชนสามารถมีส่วนร่ วมได้อย่างเต็มที และมีความยืดหยุ่นในการแต่งตังคณะกรรมการแตกต่างกับกรณี ของคณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย ทีมีการกําหนดให้กรรมการโดย ตําแหน่งมาจากภาครัฐหลายตําแหน่ง 4. ประเทศญี ปุ่ นจะแยกหน่ ว ยงานที ทําหน้าที ส่ งเสริ มและสนับสนุ น ในระดับนโยบาย ออกจากระดับ ปฏิบตั ิ โดยทีสํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) จะเป็ นผูว้ างนโยบายระดับชาติดา้ น SMEs ซึ งยู่ภ ายใต้ก ารกํากับ ดู แ ลของรั ฐ มนตรี กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้าและการอุ ต สาหกรรม (METI) และมี คณะกรรมการในสภาทีให้คาํ ปรึ กษาในด้านนโยบายเกียวกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) เป็ นผูใ้ ห้ค าํ แนะนํา และถ่ายทอดนโยบายเข้าสู่ หน่ วยงานปฏิบัติ เช่ น องค์ก ารเพื อวิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อ มและนวัต กรรมในระดับ ภู มิ ภ าคแห่ งประเทศญี ปุ่ น (Organization for SMEs and Regional Innovation, Japan : SMRJ) สถาบัน ทางการเงิ น ระดับ นโยบาย และ องค์ก รธุ ร กิ จ ที ให้ ห ลัก ประกัน สิ น เชื อ ทังนี SMEA, SMRJ และ The Small and Medium Enterprise PolicyMaking Council ได้อาศัยกฎหมายในการจัดตังองค์กรทีแตกต่างกัน ในขณะที ประเทศไทยมี สสว. เป็ นองค์กร หลักองค์กรเดียวทีทําหน้าทีในการส่งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ภายใต้พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อ ม พ.ศ.2543 ส่ ว นคณะกรรมการส่ ง เสริ มวิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อ ม และ คณะกรรมการบริ หารสํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ก็จดั ตังภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกันและยัง ไม่ชดั เจนว่าจะทําหน้าทีในระดับนโยบายเพียงอย่างเดียวหรื อรวมระดับปฏิบตั ิดว้ ย โดยเฉพาะการดําเนิ นงาน ระดับปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs ในระดับภูมิภาค ในประเทศญีปุ่ นก็จะมีเครื อข่ายภายใต้ SMRJ ทีเรี ยกว่า SME Universities ด้วย แต่ประเทศไทยยังไม่มีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคของ สสว. 5. การจัดสรรงบประมาณเพือส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของประเทศญีปุ่ นจะมี กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุตสาหกรรม (METI) และสํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) เป็ นองค์กร

153 หลัก ที ช่ วยดําเนิ น การจัดสรรงบประมาณในระดับนโยบาย ส่ งผ่านให้องค์กรปฏิบัติต่ างๆ ที เกี ยวข้องทังใน ระดับชาติและระดับภูมิภาค ในขณะที ประเทศไทยจัด สรรงบประมาณให้แก่แต่ละองค์กรที สังกัดกระทรวง แตกต่างกันไป การกระจายงบประมาณอยู่ในหลายองค์กรหลายกระทรวงของประเทศไทยทําให้ขาดเอกภาพ และทําให้ผปู้ ระกอบการ SMEs ต้องเสียเวลาติดต่อประสานไปยังหน่วยงานอืนๆ นอกจาก สสว. 6. งบประมาณของกระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุ ต สาหกรรม (METI) จะมี ก ารจัด สรรให้แ ก่ การส่งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ไว้เป็ นการเฉพาะ และในงบประมาณปี 2013 ยังตังงบประมาณเฉพาะกิจเพือ ช่ วยเหลือ SMEs ในเขตพืนที ภัยพิ บัติ ทีประสบภัยสึ น ามิ ซึ งเป็ นการแสดงให้เห็ น ถึงการให้ค วามสําคัญ ใน การส่งเสริ ม SMEs ของประเทศ 7. ประเทศญีปุ่ นมีกฎหมาย และมาตรการภาครัฐทีบังคับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพในการส่งเสริ ม SMEs ข้ อเสีย 1. จากปั ญ หาการผูกขาดทางการตลาดของกลุ่มทุ น ธุรกิ จขนาดใหญ่ จนเป็ นทีมาของการจัดตัง SMEA ทําให้ทิศทางการส่งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่ นเป็ นไปเพือป้ องกันปั ญหาดังกล่าว และทําให้วิธีการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่ นเน้น การรวมกลุ่ม SMEs จนอาจก่อให้เกิ ดความไม่ยืดหยุ่นของการวางนโยบายอย่าง ต่อเนืองไปสู่อนาคตภายหน้า 2. การกําหนดจํานวนกรรมการประเภทผูท้ รงคุ ณ วุฒิ ได้ไม่เกิน 30 คน ในคณะกรรมการทีมี หน้าทีให้ คําแนะนําแก่รัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการอุตสาหกรรม กล่าวคือเป็ นคณะกรรมการระดับวาง นโยบายส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่ น อาจไม่เหมาะสมกับบริ บทของประเทศไทย เนื องจากเป็ นรู ปแบบ ของคณะกรรมการขนาดใหญ่ อาจทําให้การนัดประชุมและพิจารณานโยบายต่างๆ ไม่ทนั ต่อสถานการณ์ได้ 3. ในประเทศญีปุ่ นมีพฒั นาการด้านกฎหมายส่งเสริ ม SMEs มายาวนานกว่าในประเทศไทย จึงมีกฎหมาย ทีเกียวข้องเป็ นจํานวนมาก ซึงบางฉบับอาจไม่เหมาะกับบริ บทพัฒนาการการส่งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย

154 4.2 สาธารณรัฐสิงคโปร์ ข้ อดี 1. รัฐบาลของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ มีนโยบายทีสนับสนุ นการลงทุนอย่างเต็มที จากต่างชาติและสนับสนุ น ให้มีการประกอบธุรกิจทุกประเภท ทังนีไม่ว่าผูป้ ระกอบธุรกิจนันจะเป็ นพลเมืองหรื อผูเ้ ข้ามาอาศัยในดินแดนก็ ตาม และการประกอบธุ รกิ จ ของผูเ้ ข้ามาอาศัยในดิ น แดนและรวมทังพลเมืองสิ งคโปร์ ส่วนใหญ่ จะเป็ นการ ประกอบธุรกิจในลักษณะทีเป็ น SMEs ดังนัน รัฐบาลสิ งคโปร์ จึงให้การสนับสนุนวิสาหกิจดังกล่าวนีให้พฒั นา ไปสู่การเป็ นธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างมันคงและยังยืน 2. กฎหมายจัดตังหน่ วยงาน SPRING ของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ มีความคล้ายคลึงกับผลของกฎหมายจัดตัง หน่ ว ยงานสนับสนุ น ส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทยเป็ นอย่างมาก เพราะเป็ นการสร้ างหน่ ว ยงานขึ นมา รับผิดชอบด้านการส่งเสริ ม SMEs โดยตรง และหน่วยงานทีจัดตังขึนของทังสองประเทศต่างเป็ นหน่ วยงานของ รัฐ อีกทังคณะกรรมการฯ ดังกล่าวก็ถือเป็ นหน่วยงานหลักทีสําคัญทีทําหน้าทีในการส่งเสริ ม สนับสนุ น SMEs ในสาธารณรัฐสิ งคโปร์ โดยมีหน่วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการฯ ทีจะทําหน้าทีเป็ นฝ่ ายปฏิบตั ิการและ ฝ่ ายธุรการของคณะกรรมการฯ 3. การกําหนดชือกฎหมายในลักษณะทีนําเอาชือคณะกรรมการตามกฎหมายมาเป็ นชือของกฎหมายเป็ นสิ ง ทีบ่ งบอกถึงวัต ถุประสงค์สาํ คัญของกฎหมายและแนวคิด ในการจัดทํา กฎหมาย รวมทังแนวคิดในการจัดตัง หน่ ว ยงานของรั ฐ เพือให้มี ห น้าที อย่างใดอย่างหนึ งของสาธารณรั ฐสิ งคโปร์ โดยสาธารณรั ฐสิ งคโปร์ ให้ ความสําคัญกับการจัดตังองค์กรหนึงขึนมาก่อน ส่วนหน้าทีด้านต่างๆ จะกําหนดไว้ในรายละเอียดในเนือหาของ กฎหมายทีเกียวข้อง 4. กฎหมายจัด ตังองค์ก รของสิ งคโปร์ จ ะเป็ นกฎหมายที มีเนื อหากล่าวถึงองค์ประกอบ อํานาจหน้าที การดําเนินการของคณะกรรมการ รวมทังเรื องเกียวกับทรัพย์สินต่างๆ ของคณะกรรมการเท่านัน จึงเป็ นกฎหมาย ทีว่าด้ว ยการจัดตังองค์ก รโดยตรง โดยมิได้มีบทบัญ ญัติ ทีกําหนดขึ นเพือให้นาํ ไปใช้เป็ นกฎหมายแม่บทใน การส่ งเสริ มหรื อสนับสนุ น SMEs เหมือนดังที บัญ ญัติไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ของประเทศไทย 5. กฎหมายจัดตังองค์กรทีทําหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ของสาธารณรัฐสิ งคโปร์ ได้ให้อิสระแก่องค์กรทีจัดตัง ขึนทีจะไปกําหนดรู ปแบบ วิธีการในการทําหน้าทีภายใต้ขอบอํานาจกฎหมายทีกําหนดจัดตังองค์กรกําหนดไว้

155 6. กฎหมายจัดตัง SPRING Singapore ไม่ได้ก าํ หนดให้สมาชิ กของคณะกรรมการต้องเป็ นสมาชิก โดย ตําแหน่งในลักษณะเดียวกับทีกําหนดไว้ในกฎหมายไทยดังกล่าว ซึงกําหนดให้คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมส่วนหนึงเป็ นคณะกรรมการโดยตําแหน่ง หากแต่สมาชิกของคณะกรรมการ SPRING จะมาจากหลายภาคส่วน ทังจากภาคเอกชนและจากภาครัฐ 7. สมาชิ ก คณะกรรมการ SPRING Singapore เกื อบทังหมด ยกเว้น ผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร จะมาจาก การแต่งตังโดยรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการค้าและอุต สาหกรรม ซึงเป็ นหัวหน้าของกระทรวงผูก้ าํ กับดูแล การทํางานของคณะกรรมการ SPRING Singapore 8. จากอํา นาจหน้ า ที ที กฎหมายกํา หนดไว้ข องคณะกรรมการ SPRING Singapore จะเห็ น ได้ ว่ า คณะกรรมการฯ มีอาํ นาจหน้าทีอย่างครบวงจร และอย่างกว้างขวาง ตลอดจนมีหน้าทีด้านอืนๆ ทีนอกเหนือจาก หน้าที ในการสนับสนุ น SMEs เมือเปรี ยบเที ยบกับหน่ วยงานทีมีหน้าทีในการส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs ของ ประเทศไทยแล้วจะเห็นว่า คณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทยมีหน้าที แต่เฉพาะการส่ งเสริ ม SMEs เท่านัน กฎหมายของประเทศไทยไม่ได้กาํ หนดให้คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมมีหน้าทีในด้านอืนๆ อีก ซึงแตกต่างจากคณะกรรมการ SPRING Singapore ทีมีหน้าที ด้านการรับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม และหน้าทีตามกฎหมายควบคุมการชังตวงวัดด้วย 9. สาธารณรัฐสิ งคโปร์กาํ หนดให้คณะกรรมการ SPRING Singapore เป็ นผูท้ ีมีอาํ นาจในเรื องการรับรอง มาตรฐานก็ให้บริ การแบบครบวงจรแก่ SMEs ในทุกๆ ด้านไปพร้อมๆ กัน เพือมิให้ SMEs หรื อวิสาหกิจต่างๆ ต้องไปติดต่อกับหน่ วยงานหลายๆ แห่ ง อันเป็ นการลดภาระและค่าใช้จ่ายให้กบั วิสาหกิจไปในขณะเดียวกัน และยังทําให้การดําเนินงานเพือรับรองมาตรฐานและการให้การสนับสนุนเป็ นไปอย่างสอดคล้องกันด้วย 10. การทีสาธารณรัฐสิงคโปร์ให้หน่วยงาน SPRING Singapore เป็ นผูท้ าํ หน้าทีหลายๆ ด้านซึงเป็ นหน้าทีที มุ่งหมายไปในแนวเดียวกัน จึงเป็ นลดการจัดตังหน่ วยงานรัฐขึนมาดําเนิ นการหลายๆ หน่ วยงาน ซึงทําให้ลด การทํางานทีทับซ้อนกัน ลดการขาดความเป็ นเอกภาพของหน่ วยงานรัฐ รวมทัง ในแง่งบประมาณทีต้องใช้ใน การจัดตังหน่วยงานขึนหลายๆ หน่วยงานเพือให้ทาํ หน้าทีใกล้เคียงกัน ข้ อเสีย 1. SMEs ในสาธารณรัฐสิงคโปร์ เป็ นรู ปแบบของการประกอบธุรกิจอย่างหนึ งทีไม่ได้มีกฎหมายกําหนด สถานะไว้เป็ นการเฉพาะ ดังนัน จึงอาจอยูใ่ นรู ปแบบการดําเนิ นธุรกิจประเภทใดประเภทหนึงก็ได้ กล่าวคืออาจ

156 อยู่ในรู ปแบบการดําเนิ นธุรกิจโดยบุคคลคนเดียว (Individual Proprietorship) กิจการห้างหุน้ ส่ วน(Partnership) หรื อบริ ษทั จํากัด (Limited Company) ด้วยเหตุทีสาธารณรัฐสิ งคโปร์ไม่มีการบัญญัติกฎหมายทีนํามาปรับใช้แก่ กรณี ก ารส่ งเสริ ม SMEs โดยตรงเป็ นการเฉพาะ ดังนัน จึงไม่มี ก ารให้ค าํ จํากัด ความอย่างเป็ นทางการโดย กฎหมายของ SMES แต่อย่างใด 2. คํานิยามของ SMEs ทีคณะกรรมการ SPRING นํามาใช้นีไม่ได้เป็ นคํานิยามอย่างเป็ นทางการของ SMEs แต่อย่างใด แต่เป็ นการกําหนดขึ นมาเพียงเพือใช้เป็ นหลักเกณฑ์เบืองต้นในการระบุผปู้ ระกอบการทีสามารถ ขอรับการช่วยเหลือตามแผนงานสนับสนุน SMEs ทีคณะกรรมการ SPRING จัดทําขึนเท่านัน 3. กฎหมายจัดตังองค์กรของสิ งคโปร์ได้กาํ หนดให้จดั ตังคณะกรรมการเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้กาํ หนด อย่างชัดแจ้งให้จดั ตังหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารขึนมาแต่อย่างใด ซึงแตกต่างจากการจัดตังองค์กรที กําหนดไว้ใน พระราชบัญ ญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย พ.ศ.2543 ซึงกําหนดให้จดั ตังทัง คณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อมซึงเป็ นหน่วยงานบริ หารขึนมาพร้อมๆ กัน 4. รั ฐ มนตรี ว่า การกระทรวงการค้าและอุ ต สาหกรรมจึ ง มี บ ทบาทสําคัญ ในการจัด ตังและควบคุ ม การดําเนิ นงานของคณะกรรมการ SPRING Singapore กฎหมายได้ให้อาํ นาจแก่รัฐมนตรี ฯ ไว้อย่างกว้างขวาง โดยให้รัฐมนตรี ฯ เป็ นผูท้ ี มีอาํ นาจทังในเรื องการแต่งตังและการถอดถอนคณะกรรมการ SPRING Singapore ทังคณะ (ยกเว้นผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร) ตามทีรัฐมนตรี เห็นสมควร ซึงเห็นได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ ง รัฐมนตรี ฯ มีอาํ นาจให้คณะกรรมการคนใดคนหนึงพ้นจากตําแหน่งได้ โดยไม่ตอ้ งให้เหตุผลในการให้พน้ จาก ตําแหน่งดังกล่าว 5. กฎหมายจัดตังคณะกรรมการ SPRING Singapore ไม่ได้กาํ หนดโดยชัดแจ้งให้มีการจัดตังหน่วยงานฝ่ าย บริ หารของคณะกรรมการขึน แต่ ได้ก าํ หนดให้ค ณะกรรมการ SPRING Singapore แต่ งตังผูอ้ าํ นวยการฝ่ าย บริ หาร (Chief executive) โดยความเห็นชอบจากรัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม การแต่งตัง ผูอ้ าํ นวยการบริ หารจึ ง ทําให้ เกิ ด หน่ ว ยงานฝ่ ายบริ หารขึ นโดยปริ ยาย ซึ งทําให้ เกิ ด ความไม่ ชัด เจนใน การกําหนดการจัดตังหน่วยงานฝ่ ายบริ หาร ดังนันหน่วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการ SPRING Singapore จึงไม่ได้มีรูปแบบโครงสร้างและการบริ หารงานทีเคร่ งครัดเหมือนกับหน่ วยงานรัฐอืนทัว ไป และไม่มีอาํ นาจ ตามกฎหมายทีจะดําเนิ นการใดๆ ได้ดว้ ยตนเอง อํานาจในการดําเนิ นการต่างๆ ในด้านการส่ งเสริ ม สนับสนุ น SMEs จึงเป็ นของคณะกรรมการฯแต่เพียงผูเ้ ดียว หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารทีเกิ ดขึนจากการแต่งตังผูอ้ าํ นวยการฝ่ าย

157 บริ หารจึ งเป็ นองค์ก รที เป็ นส่ วนหนึ งของคณะกรรมการฯ ที จะทําหน้าที เป็ นหน่ วยงานฝ่ ายธุ รการและฝ่ าย ปฏิบตั ิการของคณะกรรมการฯเท่านัน 6. กฎหมายจัด ตังของคณะกรรมการ SPRING Singapore ได้ก ําหนดแต่ เพี ยงอํา นาจและหน้าที ของ คณะกรรมการ SPRING Singapore เท่านัน โดยไม่ได้กล่าวถึงอํานาจหน้าทีหรื อวัตถุประสงค์ของหน่ วยงานฝ่ าย บริ หารหรื อสํานักงานผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร (ทีมีผอู้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หารเป็ นหัวหน้าหน่ วยงาน) แยกออกจาก อํานาจหน้าทีของคณะกรรมการ SPRING Singapore แต่อย่างใด 7. การจัดสรรงบประมาณให้แก่ SPRING Singapore จะมีการกําหนดนโยบายประจําปี ให้ตอ้ งดําเนิ นการ ไว้ด ้ว ย งบประมาณจึ งเป็ นตัว กําหนดนโยบายของ SPRING Singapore ซึ งแตกต่ างจากกฎหมายไทยที ให้ คณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็ นผูก้ าํ หนดนโยบายในการให้การสนับสนุน SMEs ในประเทศไทยโดยไม่ผกู ติดกับการจัดสรรงบประมาณ 4.3 สาธารณรัฐเกาหลี ข้ อดี 1. กฎหมายของสาธารณรัฐเกาหลีมีรายละเอียดปลีกย่อยทีชัดเจนอย่างยิ ง เนื องจากแม้แต่คาํ ว่า SMEs ยัง จําแนกย่อยเป็ น 3 ประเภทตามขนาดกิจการ ได้แก่ ประเภทที 1 คือ Small and Medium Enterprises ประเภทที 2 คือ Small Businesses และประเภทที 3 คือ Micro-Enterprises โดยสาเหตุทีมีการจําแนก SMEs ให้ยอ่ ยลงมาอีก เป็ น 3 ประเภทดังกล่าว เป็ นความละเอียดอ่อนทีต้องการจะส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ในแต่ละประเภทให้ สอดคล้องกับสภาพและฐานะทางเศรษฐกิจของเขาตลอดจนการตอบสนองต่อความต้องการของ SMEs แต่ละ ประเภทได้อย่างตรงต่อความต้องการและเหมาะสมแก่ขนาดของกิจการอย่างแท้จริ ง 2. เกณฑ์การนิยาม SMEs ตามกฎหมายสาธารณรัฐเกาหลียงั เป็ นเกณฑ์ทีค่อนข้างเปิ ดกว้าง ซึงหากพิจารณา จากประเภทธุ ร กิ จ แล้ว พบว่าธุร กิ จ เกื อบทุ ก ประเภทสามารถเป็ น SMEs ได้ทังสิ น โดยมุ่งเน้น ไปที จํานวน พนักงาน และมูลค่าสิ นทรัพย์หรื อมูลค่าการขายเป็ นหลักในการพิจารณา ซึงกรณี นีคล้ายคลึงกับการพิจารณา ประเภทธุรกิจ SMEs ของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึงได้ พิจารณาจากการจ้างงานและมูลค่าสิ นทรัพย์เช่นเดียวกัน หากแต่ สาธารณรัฐเกาหลีได้กาํ หนดให้มีรายละเอียด

158 ปลีกย่อยมากกว่าประเทศไทย โดยให้มีการพิจารณามูลค่าการขายแทนมูลค่าสินทรัพย์ในธุรกิจบางประเภทด้วย จึงเห็นได้ว่าหลักเกณฑ์มีความยืดหยุน่ พอสมควรในการกําหนดคําจํากัดความของ SMEs 3. โครงสร้ างด้านนโยบายในการส่ งเสริ ม และสนับ สนุ น SMEs ของสาธารณรั ฐเกาหลี มี ค วามเป็ น ระบบอย่างมาก เนื องจากได้ตรากฎหมายทีวางโครงสร้างของการส่ งเสริ ม SMEs อย่างเป็ นภาพรวมออกมาก่อน เป็ นฉบับแรก คื อ Framework Act on Small and Medium Enterprises ที ตราขึ นในปี 1995 เป็ นกฎหมายที วาง กฎเกณฑ์อย่างกว้างสรุ ปภาพรวมสําหรับส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศ โดยระบุให้จดั ตัง SMBA ขึนเป็ นองค์ก ร หลักทีมีวตั ถุประสงค์ในการส่ งเสริ ม SMEs ทําหน้าทีกําหนดนโยบายออกมา 2 ประเภท ได้แก่ นโยบายทีเป็ น ภาพรวม คือ Policy Direction of the Year ซึงจะวางแผนปี ต่อปี ตามสภาพเศรษฐกิจและสังคมทีเปลียนแปลงไป เสมือนเข็มทิ ศ หรื อหางเสื อเรื อทีจะพา SMEs ของประเทศเดินไปในทิศทางใดและนโยบายย่อยที ออกมาเพือ นํานโยบายที เป็ นภาพรวมมาทําให้เกิด ผลเป็ นรู ปธรรม ได้แก่ SME Policies ซึงจะมีค วามเฉพาะเจาะจงไปที การส่ งเสริ ม SMEs ในเรื องต่ างๆ ถึง 7 ด้าน เช่ น ด้านเทคโนโลยี ด้านบุ คคลากร ด้านการวิจยั ด้านการสร้าง เครื อข่าย เป็ นต้น 4. ในส่ ว นของมาตรการทางกฎหมายในการส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs ของสาธารณรั ฐเกาหลี ที นอกเหนื อจาก 1995 Framework Act on Small and Medium Enterprises ที กล่าวมาแล้ว สาธารณรัฐเกาหลี ได้ จัด ทํากฎหมายในลัก ษณะ “กฎหมายชุ ด (SME Law Kit)” ที กล่าวถึงการส่ งเสริ ม SMEs เฉพาะเรื องตราขึ น ในภายหลังอีก 9 ฉบับ โดยทัง 9 ฉบับเป็ นการดึงเอาหลักการส่งเสริ ม SMEs ทีถูกกล่าวถึงใน Framework Act on Small and Medium Enterprises มาสร้างเป็ นมาตรการทีให้เกิดผลในทางปฏิบตั ิอย่างเป็ นรู ปธรรมด้วย โดยทัง 9 ฉบับ ได้แ ก่ Promotion of Small and Medium Enterprises and Encouragement of Purchase of Their Products Act, Act on the Protection of the Business Sphere of Small and Medium Enterprises and Promotion of their Cooperation, Act on Special Measures for Small Enterprise Support, Act on the Promotion of Technology Innovation of Small and Medium Enterprise, Special Act on Support for Human Resources of Small and Medium Enterprise, Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act, Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise, Small and Medium Enterprise Cooperatives Act และ Act on Support for Female-owned Businesses จึงก่อให้เกิ ดข้อดี ในแง่ค วามเป็ นระบบระเบี ยบในการทํา ความเข้าใจและเลือกปรับใช้กฎหมาย แต่ในประเทศไทยไม่ได้จดั ทําในลักษณะกฎหมายชุด ดังเช่นสาธารณรัฐ เกาหลี ซึ งประเทศไทยได้ต ราพระราชบัญ ญัติส่งเสริ มวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 ขึ นเป็ น

159 กฎหมายหลัก และเนือหาของพระราชบัญญัติจะเน้นไปในด้านการจัดตังองค์กร คือ สํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อ สสว. ตลอดจนกําหนดอํานาจหน้าที ของ สสว. ซึ งมาตรการทางกฎหมาย เกี ยวกับการส่ งเสริ ม SMEs ของไทย ยังกระจัดกระจายสอดแทรกอยู่ตามพระราชบัญ ญัติ อืนๆ อีก ด้ว ย ทังที พระราชบัญญัติเหล่านันอาจไม่ได้มีเนือหาหลักในการส่งเสริ ม SMEs โดยตรง อันก่อให้เกิดการขาดเอกภาพและ เกิดความสับสนในการปรับใช้กฎหมาย 5. ปั จ จุบัน นี โครงสร้างของ SMBA ประกอบไปด้วยผูบ้ ริ หารระดับสูง (Administrator) ซึ งมีระดับเป็ น ผูช้ ่ ว ยรั ฐมนตรี ผูบ้ ริ หารที มาจากผูแ้ ทนจากรั ฐสภา (Deputy-Administrator) และเจ้าหน้าที ซึ งทํางานอยู่ใน 7 สํานัก (Bureau) และ

แผนก (Division) อี ก ทัง SMBA ยัง มี ก ารบริ ห ารจัด การในภู มิ ภ าครวม 11 แห่ ง

ทัวประเทศอีกด้วย จะเห็นได้ชดั เจนว่าโครงสร้างของ SMBA ไม่มีความสลับซับซ้อนแต่อย่างใด การรวมศูนย์ อํานาจการตัดสินใจทังส่วนกลางและภูมิภาค สามารถเกิดขึนโดยตัวผูบ้ ริ หารระดับสูงเพียงคนเดียว ซึงผูบ้ ริ หาร ระดับสูงอาศัยสํานักงานย่อยทีมีอยู่ 7 สํานัก (Bureau) และ แผนก (Division) เป็ นเสมือนแขนขาในการปฏิบตั ิ การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs กรณี ดงั กล่าวอาจก่อให้เกิดความเป็ นเอกภาพ และรวดเร็ วในการตัดสิ น ใจ และไม่มีขนตอนที ั ซับซ้อนยุง่ ยากมากนักในการดําเนินงาน 6. การจัดสรรงบประมาณเพือส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของสาธารณรัฐเกาหลี จะจัดสรรแก่ SMBA ซึง เป็ นองค์กรหลักเพียงองค์กรเดียวทีช่วยดําเนิ นการทังในระดับนโยบาย และกําหนดมาตรการระดับปฏิบตั ิการ ด้วยเหตุนี การจัดสรรงบประมาณแก่ SMBA องค์กรหลักเพียงองค์กรเดียวจึงไม่ก่อให้เกิดความสับสน และเป็ น เอกภาพ ในขณะที ประเทศไทยจัด สรรงบประมาณให้หลายองค์กร งบประมาณจึงกระจายขาดเอกภาพ และ ทําให้ผปู้ ระกอบการ SMEs ต้องเสียเวลาติดต่อหลายหน่วยงาน 7. มาตรการในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ทีกําหนดโดย SMBA มีความเด่น ชัดอย่างยิ ง สามารถ มองเห็ น ทิ ศ ทางหรื อสิ งที สาธารณรั ฐ เกาหลี มุ่ ง เน้ น อย่ างชัด เจน กล่ าวคื อ สาธารณรั ฐ เกาหลี ก ํา หนด ให้มีก ารส่ งเสริ มวงจรชีวิต ของธุ รกิ จ SMEs ในลัก ษณะที ครบวงจร โดยเริ มต้น ตังแต่ก ารช่ว ยเริ มต้น กิจ การ SMEs ไปจนถึงผลักดันกิ จการ SMEs สู่ก ารแข่ งขัน ระดับนานาชาติ สามารถสังเกตได้จากมาตรการเกี ยวกับ การประกอบกิ จ การ ซึ งมุ่ งพัฒ นา สร้ างแรงจู งใจแก่ บุ ค ลากรผูท้ ี สนใจประกอบธุ ร กิ จ SMEs ตังแต่ ร ะดับ อุดมศึกษา การจัดหาเครื องมือ การให้คาํ ปรึ กษาว่าจะเริ มต้นกิจการอย่างไร หลังจากนัน SMBA ยังมีมาตรการ เพือรองรับเกียวกับการประกอบกิจการอีกชันหนึ ง โดยการส่ งเสริ มให้มีกองทุนประเภทต่างๆ มากมาย เช่ น ด้านเทคโนโลยี ด้านการวิจยั และพัฒ นา หรื อกองทุนทีเป็ นการส่ งเสริ มความร่ วมมือระหว่างธุรกิจขนาดใหญ่

160 และ SMEs ด้วย เป็ นต้น ซึงส่ งผลให้กิจการ SMEs ทีเกิดขึนมาแล้ว ไม่ถูกทอดทิ ง และได้รับการช่วยเหลือให้ สามารถเลียงตัวเองได้ ประกอบกับ SMBA ได้สร้ างแรงจูงใจให้มีการแข่ งขัน กัน ระหว่าง SMEs เพือพัฒ นา คุณ ภาพสิ น ค้า การบริ การของตนเองอีก ด้วย เช่น มาตราการ Inno-biz เป็ นต้น ซึ งทําให้สินค้า หรื อบริ ก ารมี ความเจริ ญก้าวหน้าพัฒนาตนเองอยู่เสมอ นอกจากนี กิจการ SMEs รายใดทีประสบปั ญ หา SMBA ได้สร้ าง มาตรการฟูมฟั กกิ จการขึนเพือดูแลเป็ นการเฉพาะกรณี อีก ด้ว ย อย่างไรก็ตาม การผลักดัน SMEs ไปสู่ร ะดับ นานาชาติ ได้รั บความร่ ว มมือ จาก Korea Export Import Bank (Eximbank) ซึ งมี ค วามชํานาญเฉพาะในเรื อง การดําเนินธุรกิจกับต่างประเทศ ผ่านโครงการ

Global Star Programme ด้วย จึงเห็นได้ว่าสาธารณรัฐเกาหลี

นันมีการส่ งเสริ มธุ รกิ จ SMEs อย่างเป็ นระบบและครบวงจร มิใช่ เป็ นเพียงแค่ ก ารให้เงิน อุด หนุ น แก่ SMEs เท่ านัน แต่ SMBA ได้ติ ด ตามผลสื บเนื องจากการช่ วยเหลือนันด้ว ย ซึ งพร้ อมที จะเข้าไปช่ ว ยฟื นฟูแก้ไขได้ ทัน ท่วงที หากพบว่ามี SME รายใดทีมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถอยูร่ อด นอกจากนี ในเรื องการส่ งเสริ ม SME เรื องใดที SMBA ไม่มี ค วามรู้ ห รื อความชํานาญเพี ยงพอ SMBA จะไม่ ด ําเนิ น การด้ว ยตนเอง แต่ จ ะติ ด ต่ อ ประสานงานกับหน่วยงานทีเกียวข้องและมีความชํานาญในเรื องนันๆ เพือให้หน่วยงานเข้ามาร่ วมดําเนินการ ซึง จะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ SMEs เช่น โครงการ Korea Export Import Bank (Eximbank) เป็ นต้น ข้ อเสีย 1. การกําหนดนิ ยามลักษณะของกิจการทีเป็ น SME ซึงพิจารณาจากจํานวนพนักงาน และมูลค่าสินทรัพย์ หรื อมูลค่ าการขาย ภายใต้ก ฎหมาย Framework Act on Small and Medium Enterprises นัน อาจส่ งผลเสี ยต่ อ พฤติกรรมของ SMEs โดยมีการตรวจสอบพบว่า SME แต่ละรายจะไม่พยายามเพิ มจํานวนพนักงาน หรื อ เพิ ม มูล ค่ าการขาย เนื องจากต้อ งการคงสถานะของการเป็ น SME เพื อรอรั บ การส่ งเสริ มและสนับ สนุ น จาก ภาครัฐเพียงอย่างเดียว 2. บุคคลผูด้ าํ รงตําแหน่ งผูบ้ ริ หารระดับสูง (Administrator) และผูบ้ ริ หารทีมาจากผูแ้ ทนรัฐสภา (DeputyAdministrator) ของ SMBA คื อ ผูช้ ่ ว ยรั ฐ มนตรี และผูแ้ ทนจากรั ฐสภา ซึ งมาจากข้าราชการฝ่ ายการเมื อ ง ดํารงตําแหน่งอยู่ในวาระครังละ 4 ปี เป็ นทีน่ าสังเกตว่า มติหรื อนโยบายของ SMBA อาจไม่ได้เป็ นไปในทางที เหมาะสมได้ เนื องจากอยู่ภ ายใต้อิทธิ พลทางการเมืองของฝ่ ายรั ฐบาลมากเกิ น ไป ข้อสังเกตนี สามารถแก้ไข ได้ดว้ ยการปรับปรุ งโครงสร้างให้มฝี ่ ายเอกชน หรื อข้าราชการฝ่ ายประจําเข้ามามีส่วนร่ วมในการบริ หารองค์กร

161 3. สาธารณรั ฐเกาหลี ได้ก าํ หนดอํานาจหน้าที ของ SMBA โดยปรากฏอยู่ในกฎหมายที เกี ยวข้อ งกับ การส่ งเสริ ม SMEs หลายฉบับ กรณี นีอาจก่ อให้เกิดความยุ่งยากในการนํามาใช้ และทําให้เกิดความสับสนได้ ทังนี กฎหมายทีมีการกําหนดอํานาจหน้าทีของ SMBA ได้แก่ Promotion of Small and Medium Enterprises and Encouragement of Purchase of Their Products Act, Act on the Protection of the Business Sphere of Small and Medium Enterprises and Promotion of their Cooperation, Act on Special Measures for Small Enterprise Support, Act on the Promotion of Technology Innovation of Small and Medium Enterprise, Special Act on Support for Human Resources of Small and Medium Enterprise, Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act, Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise, Small and Medium Enterprise Cooperatives Act, Act on Support for Female-owned Businesses ซึงกฎหมายเหล่านี ก็ มิได้กาํ หนดรายละเอียดของอํานาจหน้าทีในเชิงลึกให้แก่ SMBA แต่อย่างใด หากแต่กาํ หนดอํานาจหน้าทีอย่าง กว้างๆ เท่านัน เช่น กําหนดให้ SMBA มีอาํ นาจในการส่ งเสริ มธุรกิจทีอาจมีความเสี ยงสูง แต่ไม่ได้ระบุ ว่าจะ ส่ งเสริ มในลักษณะเช่น ใด ด้วยวิธีการใด เป็ นต้น ผูว้ ิจยั เห็น ว่ามีความเป็ นไปได้สูงทีการกําหนดอํานาจหน้าที อย่างกว้างๆ นัน เพือให้ SMBA สามารถดําเนินการส่งเสริ ม SMEs ได้อย่างยืดหยุ่น อย่างไรก็ตาม อํานาจหน้าที สําคัญบางประการก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตของ SMBA เช่น อํานาจหน้าทีในการกําหนดลักษณะ ประเภท และ ขนาดของ SME ซึงรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีจะเป็ นผูม้ ีอาํ นาจกําหนด โดยอาศัยอํานาจของ Framework Act on Small and Medium Enterprises 4.4 สาธารณรัฐฝรังเศส ข้ อดี 1. การส่งเสริ ม SMEs ในสาธารณรัฐฝรั งเศสจะดําเนินการโดยองค์กรหลายองค์กรด้วยกัน ซึงแต่ละองค์กร จะให้การส่งเสริ ม SMEs ในรู ปแบบทีแตกต่างกันออกไป โดยมีทงองค์ ั กรของรัฐในระดับท้องถิ นและองค์กรใน ระดับชาติ สําหรับองค์กรในระดับท้องถิ นทีให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ นต่างๆ ทีมีอาํ นาจตามกฎหมายทีจะให้ความช่วยเหลือ และส่ งเสริ มการประกอบกิจการของ SMEs ทีตังอยูใ่ นพืนทีของ องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นเหล่านัน ทังนี องค์กรปกครองส่วนท้องถิ นของฝรั งเศสดังกล่าวเป็ นหน่ วยงานรัฐ โดยแท้หรื อเป็ นหน่วยงานฝ่ ายปกครอง

162 2. ภาครั ฐ ของสาธารณรั ฐฝรั งเศส ได้ให้ค วามสําคัญ แก่ ก ารให้ก ารส่ งเสริ ม SMEs โดยได้มี ก ารออก กฎหมายหลายฉบับเพือส่งเสริ ม SMEs เริ มตังแต่การส่งเสริ มให้มีการจัดตังธุรกิจ หรื อการออกกฎหมายเพือเอือ ผลประโยชน์ทางด้านภาษี และการให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่างๆ ซึงการออกกฎหมายให้การสนับสนุ น SMEs ก็เพือนําเอานโยบายในด้านการส่ งเสริ ม SMEs มาปฏิบตั ิให้เป็ นรู ปธรรม และหน่ วยงานรัฐทีอยู่ภายใต้ อํานาจบังคับบัญชาของรัฐบาลก็จะเป็ นผูน้ าํ เอากฎหมายทีเกียวกับการส่งเสริ ม SMEs นันไปบังคับใช้ 3. ตามเป้ าหมายที กําหนดไว้ ธนาคาร BPI ของสาธารณรั ฐฝรั งเศสมี ว ตั ถุป ระสงค์สําคัญ คื อ การให้ ความช่วยเหลือทางด้านการเงิน ทุกประเภทให้แก่ SMEs และวิสาหกิจขที มีขนาดค่อนข้างใหญ่ดว้ ย ทังนี จะ เป็ นไปโดยเคารพต่อกฎเกณฑ์ของสหภาพยุโรป นอกจากนี ธนาคาร BPI ซึงเป็ นส่วนหนึงของรัฐวิสาหกิจ BPIGroupe ยังให้บริ การสนับสนุ น ส่งเสริ มด้านการสร้างนวัตกรรมและการส่ งออกด้วย โดยเป็ นองค์กรทีสามารถ ใช้บริ การได้ง่ายเนืองจากมีสาํ นักงานทีตังอยูใ่ นทุกๆ มณฑลหรื อทุกแคว้นในสาธารณรัฐฝรั งเศส สมาคม APCE ของสาธารณรัฐฝรั งเศสนันเกิดจากความริ เริ มของภาครัฐ ซึงรัฐมีบทบาทสําคัญในการจัดตังและการบริ หารของ สมาคมโดยมีวตั ถุประสงค์หลัก คือการให้ความช่ วยเหลือในการจัด ตัง และการพัฒ นาวิสาหกิจ ต่างๆ การที APCE มีวตั ถุประสงค์สาํ คัญ คือการดําเนิ น การทีเป็ ประโยชน์ส่วนรวม ทําให้ภาครัฐ โดยกระทรวงที มีหน้าที เกียวข้องกับการให้การสนับสนุ นวิสาหกิจ (กระทรวงฟื นฟูศกั ยภาพการผลิต) จะเข้ามามีบทบาทในการแต่งตัง คณะกรรมการเกือบทังคณะ คณะกรรมการของ APCE จึงมีความเกียวโยงกับภาครัฐเป็ นอย่างมากเพราะทังคณะ เป็ นตัวแทนมาจากหน่ วยงานรัฐ หรื อได้รับการแต่งตังจากรัฐมนตรี ทีรับผิดชอบด้านการสนับสนุ น SMEs เมือ คณะกรรมการ APCE เกื อบทังหมดมาจากภาครัฐหรื อเกี ยวข้องเป็ นตัวแทนจากภาครั ฐ การดําเนิ น งานและ นโยบายด้านยุทธศาสตร์ ของ APCE จึงเกียวข้องโดยตรงหรื อเป็ นไปตามนโยบายภาครัฐ แต่ขอ้ ได้เปรี ยบของ การทีไม่ได้เป็ นหน่ วยงานรัฐและไม่ได้เป็ นองค์กรทีมุ่งแสวงหาผลกําไรคือการทีสามารถจะดําเนินการต่างๆ ได้ อย่างรวดเร็ ว สามารถทําการตัดสิ น ใจในเรื องต่ างๆ ได้อย่างรวดเร็ วมากกว่าหน่ วยงานรัฐ เมือเปรี ยบเทียบกับ ประเทศไทยแล้ว จะเห็นว่ามีวฒั นธรรมการมีส่วนร่ วมขององค์กรภาคเอกชนทีแตกต่างกันเป็ นอย่างมาก ภาครัฐ ของประเทศไทยแทบจะไม่มีบทบาทในการส่ งเสริ มให้มีการจัดตังสมาคมเลย เพียงแต่จะทําหน้าทีผูค้ วบคุ ม ตรวจสอบเท่านัน แต่สมาคมในสาธารณรัฐฝรั งเศส โดยเฉพาะ APCE นัน รัฐมีบทบาทสําคัญในการจัดตังและ การบริ หารของสมาคม ซึงเป็ นสิ งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างด้านแนวคิดการสร้างสังคมทีสําคัญอย่างหนึ ง ของทังสองประเทศ

163 4. การที รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe มีสถานะเป็ นธนาคาร จึงมีอาํ นาจโดยกฎหมายทีจะดําเนินการให้บริ การ ด้านการเงิน โดยอาจเสนอความช่วยเหลือการเงินให้แก่วิสาหกิจ และ SMEs เกือบทุกรู ปแบบโดยภาพรวมแล้ว วัตถุประสงค์ทีสําคัญในการจัดตังวิสาหกิจ BPI-Groupe ขึนมาทําหน้าทีในการให้การสนับสนุนด้านการเงินแก่ SMEs นัน คือการทีจะให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งทางการเงินได้โดยง่ายนันเอง 5. การเป็ นธนาคารของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ทําให้รูปแบบของการให้การสนับสนุน ส่ งเสริ มSMEs มี ความหลากหลายไม่มากนัก รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึงมุ่งให้การสนับสนุ นทางด้านการเงินแก่ SMEs เป็ นหลัก แต่การให้การสนับสนุ นทางด้านการเงินดังกล่าวอาจมีรูปแบบทีหลากหลายและอาจเป็ นไปเพือวัตถุประสงค์ที แตกต่างกันออกไป 6. APCE จะมีการติดตามการให้ความช่วยเหลือโดยผ่านเครื อข่ายอินเตอร์เน็ท ทางเว็บไซต์ของ APCE ข้ อเสีย 1. การส่งเสริ ม SMEs ของสาธารณรัฐฝรั งเศสนัน ในปั จจุบนั ยังไม่มีการจัดตังองค์กรทีเป็ นองค์กรรัฐโดย แท้ เพือทําหน้าทีในการให้การสนับสนุ น ส่ งเสริ ม หรื อให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs เป็ นการเฉพาะและมีหน้าที ในระดับประเทศในลักษณะทัวไปแต่อย่างใด 2. กฎหมายของสาธารณรัฐฝรั งเศสไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะทีกําหนดคํานิ ยามของ SMEs ไว้แต่อย่างใด มี แต่เพียงกฎหมายปี ค.ศ. 2008 เท่านัน ทีได้กล่าวถึง SMEs เอาไว้แต่คาํ นิ ยามที BPI-Groupe นํามาใช้นี เป็ นคํา นิยามตามกฎหมายยุโรป 3. กฎหมายจัดตังรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ของสาธารณรัฐฝรั งเศสไม่ได้กาํ หนดรายละเอียดหรื อวิธีการใน การให้ก ารสนับ สนุ น SMEs ไว้แต่ อ ย่างไร เพี ยงแต่ ได้ร ะบุ ว่าเป็ นการให้ก ารสนั บ สนุ น ทางด้านการเงิ น ทุกประเภทเท่านัน 4. รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ไม่ได้เป็ นองค์กรหลักทีทําหน้าทีในการส่งเสริ ม SMEs ในสาธารณรัฐฝรั งเศส แต่ อย่างใด เพราะหน้าที ในการส่ งเสริ ม SMEs ในสาธารณรั ฐฝรั งเศสไม่ได้เป็ นหน้าทีของหน่ วยงานที จัดตัง ขึนมาเป็ นการเฉพาะ แต่เป็ นหน้าทีของหน่ วยงานรัฐโดยแท้ ทังราชการส่ วนกลาง (รัฐ) และการปกครองส่ วน ท้องถิ น (แคว้นหรื อมลฑล) ซึงเป็ นหน้าทีทีเป็ นไปตามกฎหมายทีรัฐได้กาํ หนดขึน กฎหมายจัดตังรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึงได้กาํ หนดให้เป็ นองค์กรทีเข้ามาทําหน้าทีเสริ มหรื อสนับสนุ น การทําหน้าทีของหน่ วยงานรัฐ เท่านัน

164 5. APCE เป็ นองค์ก รทีไม่อาจนํามาเปรี ยบเที ยบกับองค์กรที มีหน้าที ส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศไทยได้ มากนัก แต่อาจกล่าวได้ว่า โดยแท้จริ งแล้วการดําเนิ นการของ APCE (การให้บริ การด้านข้อมูลแก่วิสาหกิจ ) เป็ นเพียงหน้าทีด้านหนึงของหน่วยงานของไทยทีจัดตังขึนตาม พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม พ.ศ. 2543 เท่านัน ถึงแม้ว่า APCE ไม่มีความแตกต่างจากหน่ วยงานรัฐมากนัก แต่กระนัน APCE ก็ ไม่ได้มีอาํ นาจเช่นหน่วยงานรัฐทัวไป ซึงเป็ นข้อแตกต่างทีสําคัญอีกประการหนึ งกับหน่วยงานส่งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย 6. APCE ไม่มีอาํ นาจโดยกฎหมายใดทีจะสั งการหรื อดําเนิ นการอย่างใดอย่างหนึ งในลักษณะของการใช้ อํานาจรัฐ หรื อมีงบประมาณอย่างเพียงพอทีจะนําไปจัดสรรช่วยเหลือด้านการเงินให้แก่ SMEs หรื อวิสาหกิ จ ต่างๆ ซึ งส่ งผลให้ก ารให้การสนับสนุ น SMEs ของ APCE นัน กระทําได้เฉพาะแต่ หน้าที ด้านการให้ข ้อมูล คําแนะนําและความช่วยเหลือด้านทะเบียน (ช่วยเหลือในการดําเนินการจดทะเบียนต่างๆ เป็ นต้น) เท่านัน 7. การให้การสนับสนุนแก่ SMEs ของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ซึงเป็ นทังธนาคารและหน่วยงานส่งเสริ ม พัฒนานวัตกรรมนันเป็ นการให้บริ การสาธารณะด้านพาณิ ชยกรรมและอุตสาหกรรม รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึงจะให้บริ การโดยคิดค่าบริ การในการให้บริ การส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุ น SMEs ซึงเป็ นข้อแตกต่างทีสําคัญใน การให้การส่ งเสริ ม SMEs ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย ประกอบ กับสถานะขององค์กรรัฐวิสาหกิจนันโดยสภาพเป็ นองค์กรทีอาจแสวงหาผลกําไรได้อยูแ่ ล้ว จึงทําให้หน้าทีใน การสนับสนุน SMEs ของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึงเป็ นการประกอบกิจการมากกว่าการให้บริ การสาธารณะ 8. รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ซึงมีสถานะเป็ นธนาคาร ไม่อาจนําเอางบประมาณการสนับสนุนมาจากภาครัฐ มาใช้เป็ นงบประมาณในการประกอบกิจการโดยการสนับสนุ น SMEs ของตนได้ งบประมาณของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึงไม่ได้มาจากการสนับสนุนจากรัฐโดยตรงแต่มาจากเงินทุนค่าหุ ้น และรายได้จากการให้บริ การที เรี ยกเก็บมาได้

165 4.5 เครือรัฐออสเตรเลีย ข้ อดี 1. เครื อรัฐออสเตรเลียมีมาตรการจัดเก็บภาษีทีเอือต่อภาคธุรกิจ มีตลาดแรงงานทีมีความยืดหยุ่ดและเป็ น แรงงานทีมีทกั ษะสูง 2. เครื อรั ฐ ออสเตรเลี ย มี ร ะบบเศรษฐกิ จ แบบเปิ ด หรื อ แนวนโยบายเศรษฐกิ จ แบบเสรี นิ ย ม ซึ งเน้ น การบริ หารจัดการอย่างมีประสิ ทธิภาพจากทังภาครัฐและเอกชนโดยการปฏิรูปโครงสร้างการดําเนิ นงานทีช่วย พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกรวมถึงการสร้างโอกาสการพัฒนาศักยภาพของ SMEs ด้วย 3. เครื อรัฐออสเตรเลียไม่มีค าํ จํากัด ความของ SMEs ที เป็ นมาตรฐานเดี ยวกัน ในระดับประเทศอย่างใน ประเทศไทย โดยคําจํากัด ความของ SMEs จะขึนอยู่ก ับหน่ ว ยงานและกฎเกณฑ์ทีกําหนดขึนสําหรับ SMEs วิสาหกิ จขนาดย่อมที พบในออสเตรเลียมัก จะมีลกั ษณะเป็ นเจ้าของเพียงคนเดียวหรื อมีหุ้น ส่ วนจํานวนน้อย มีการควบคุมบริ หารโดยเจ้าของในลักษณะบุคคลมากกว่าโครงสร้างการบริ หารแบบทางการทีมีลาํ ดับชัน และมี การดําเนินธุรกิจทีเป็ นอิสระไม่สงั กัดกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ จากนิยามจะเห็นได้ว่า ออสเตรเลียได้กาํ หนดลักษณะ องค์กรธุ รกิจโดยพิจารณาจากจํานวนการจ้างงาน และจํานวนรายได้ ซึงแตกต่างจากประเทศไทยที ใช้เกณฑ์ จํานวนการจ้างงาน และมูลค่าของสินทรัพย์ถาวร 4. เครื อรัฐออสเตรเลียมีนโยบายการส่ งเสริ ม SMEs ทีเน้นการพัฒนาธุรกิจขนาดเล็ก เนื องจากเป็ นหน่ วย ธุรกิจทีส่ วนใหญ่ประสบปั ญหาในการติดต่อราชการ การปฏิบตั ิตามกฎหมาย และอนุบญ ั ญัติต่างๆ ของภาครัฐ การเสียภาษี ตลอดจนการขอความช่วยเหลืออืนๆ และประเด็นการส่งเสริ ม SMEs นัน จะเน้นการวิจยั และพัฒนา (R&D) การส่ งเสริ มการนําเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ประโยชน์เชิงพาณิ ชย์มากขึน โดยเฉพาะเทคโนโลยีดา้ น สารสนเทศและเทคโนโลยีชีวภาพ และการส่งเสริ มการส่งออก เป็ นสําคัญ 5. เครื อรัฐออสเตรเลียมีนโยบายสนับสนุ นการลงทุน จากต่างประเทศ โดยเฉพาะธุ รกิจขนาดย่อม ซึ งมี มูลค่าการลงทุนน้อยกว่า 10 ล้านเหรี ยญออสเตรเลีย ให้สามารถเข้ามาลงทุนได้โดยไม่จาํ เป็ นต้องขออนุญาตก่อน อย่างไรก็ดี มีธุรกิจบางประเภททีได้กาํ หนดเงือนไขพิเศษสําหรับนักลงทุนต่างชาติ และต้องยืนเสนอขออนุญาต รั ฐ บาลออสเตรเลี ย ก่ อ น เช่ น ธุ ร กิ จ ที มี ผ ลกระทบต่ อ ความมั นคงของชาติ ทังนี ขึ นอยู่ก ับ ดุ ล ยพิ นิ จ ของ รัฐมนตรี ว่าการกระทรวงการคลัง

166 6. รัฐบาลของเครื อรัฐออสเตรเลียได้ตงคณะทํ ั างานการลดการกํากับดูแลธุรกิจขนาดเล็ก (Small Business Deregulation Task Force) เพือศึกษาภาระของ SMEs ในการปฏิบตั ิตามกฎหมาย โดยคณะทํางานได้เสนอแนะ วิธีการลดภาระของกฎระเบียบทีมีต่อ SMEs ซึงในปัจจุบนั ข้อเสนอแนะส่วนใหญ่ได้นาํ ไปกําหนดเป็ นมาตรการ และได้รับการปฏิบตั ิแล้ว 7. เครื อรัฐออสเตรเลียได้มีมาตรการทางกฎหมายอืนๆ เพือนํามาบังคับใช้ในการส่ งเสริ มธุรกิจ SMEs เช่น การจัด ทําเว็บไซต์เพือให้บริ ก ารแบบครบวงจรในการจดทะเบี ยนบริ ษ ัทและเลิก บริ ษ ัท รวมถึงได้จ ัดเตรี ยม เอกสารตัวอย่างทีเกียวข้องกับการจดทะเบียนไว้ให้แก่ SMEs ซึงช่วยให้กระบวนการจดทะเบียนตังบริ ษทั หรื อ เลิก บริ ษทั มีค วามสะดวก รวมทังมีการจัดตังศูน ย์บริ การครบวงจรในการขอใบอนุ ญ าตต่างๆ ที เกี ยวข้องกับ การตังโรงงานในทุกมลรัฐ โดยสามารถยืนขอใบอนุญาตเหล่านันทางอินเทอร์เน็ตได้ นอกจากนี ยังมีการจัดทํา คู่มือการขอตังโรงงานในแต่ ละประเภทอุต สาหกรรมอย่างละเอียดและเข้าใจง่าย ซึงทําให้SMEs สามารถตัง โรงงานได้อย่างสะดวก 8. คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและการคุม้ ครองผูบ้ ริ โภคของเครื อรัฐออสเตรเลียได้จดั ทําคู่มือ กฎหมายแข่งขันทางการค้าสําหรับธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ ซึงช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กมีความเข้าใจต่อกฎหมาย ดังกล่าวได้ และได้เพิ มบทบัญญัติพิเศษในเรื องพฤติกรรมทีขาดสํานึก (unconscionable conduct) ซึงช่วยป้ องกัน ธุรกิจขนาดเล็กจากการเอาเปรี ยบจากผูป้ ระกอบการทีมีอาํ นาจต่อรองสูงกว่า นอกจากนีกระบวนการพิจารณาข้อ ร้องเรี ยนยังได้จดั ทําเป็ นลายลักษณ์อกั ษรและเผยแพร่ ต่อสือมวลชนทุกขันตอน 9. หน่ วยงานภาครั ฐ ที สํ า คั ญ ในการส่ งเสริ ม SMEs ในเครื อรั ฐ ออสเตรเลี ย คื อ AusIndustry และ Productivity Commission ซึ ง AusIndustry เป็ นหน่ ว ยงานภาครั ฐสั งกัด Department of Innovation, Industry, Science and Research ของรั ฐ บาลออสเตรเลียที มี บทบาทสําคัญ ในการบริ ห ารจัด การและกําหนดรู ปแบบ มาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการให้ความช่วยเหลือแก่ภาคอุตสาหกรรม โดยบทบาททีสําคัญของ AusIndustry ในการส่ งเสริ มธุรกิจ ได้แก่ การเป็ นแหล่งข้อมูลทีสําคัญ อันสามารถ อ้างอิงได้ในทุ กประเภทของธุ รกิจ ทังนี AusIndustry จะทํางานร่ วมกันกับทุกระดับและภาคส่วนของรัฐบาลและการเข้าถึงแม้ในพืนทีห่างไกลมากทีสุ ด ของออสเตรเลี ย ในขณ ะที Productivity Commission (PC) ก็ มี บท บาท สํ า คั ญ ใน การผลัก ดั น ให้ เ กิ ด การเปลียนแปลงทางนโยบายเศรษฐกิ จ ของเครื อรั ฐออสเตรเลีย และการตัด สิ น ใจด้านนโยบายของรัฐบาล ออสเตรเลีย

167 10. โครงสร้ า งทั วไปของ Productivity Commission ไม่ ไ ด้ มี ก ารกํา หนดไว้อ ย่ า งชั ด เจน มี แ ต่ เพี ย ง การกําหนดบทบาทว่าเป็ นหน่ วยบริ หารอิสระทีมีหน้าทีศึกษาและให้ขอ้ เสนอแนะเกียวกับการกําหนดนโยบาย ในทางเศรษฐกิจและการออกกฎระเบียบ เพือเป็ นแนวทางแก่ผทู้ าํ หน้าทีกําหนดนโยบายและออกกฎ ซึงหมายถึง ทังฝ่ ายบริ หารผูก้ าํ หนดนโยบายและเจ้าหน้าทีของรัฐทีจะใช้นโยบายในการตัดสิ นใจเมือจะต้องออกกฎ และมี การจัดทําข้อเสนอแนะนันเป็ นเอกสารทีเปิ ดเผยต่อสาธารณชน 11. เครื อรัฐออสเตรเลียได้มีก ารจัดตังสมาคมวิสาหกิ จขนาดกลางขนาดเล็ก แห่ งออสเตรเลีย (The SME Association of Australia) ซึ งเป็ นหน่ วยงานที ดู แ ลเกี ยวกั บ ธุ ร กิ จ ขนาดกลางและขนาดเล็ ก ซึ งรู ปแบบ การดําเนินงานของสมาคมนี มีลกั ษณะเป็ นองคกรทีไม่แสวงหาผลกําไรเพือให้บริ การแก่สมาชิกของสมาคมใน การเชื อมโยงและส่ งเสริ มธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ในขณะเดี ยวกัน ก็ทาํ หน้าที ในการเป็ นผูน้ ําสําหรั บ การดําเนินการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กและอุตสาหกรรม ซึงการเป็ นสมาชิกเปิ ดให้กบั ประชาชน ธุรกิจ ขนาดกลางและขนาดเล็ก อุตสาหกรรม ธุรกิจอืน ๆ และสมาคมแห่งรัฐบาล 12. ภาครัฐของเครื อรัฐออสเตรเลียยังได้สนับสนุนด้านการเงินแก่ Business Enterprise Centres ซึงมีจาํ นวน ทังสิ น 36 ศูน ย์ทั วประเทศ ซึ งไทยไม่มีศูน ย์ด ังกล่าว โดยให้เงิน ช่ ว ยเหลือแก่ ศูน ย์ไม่เกิ น 100,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลียต่อปี (ประมาณ 3,100,000 บาท) เพือให้ความช่ วยเหลือธุรกิ จขนาดย่อมในการเข้าถึงแหล่งข้อมูล และให้เงินอุดหนุนผูป้ ระกอบการทีเข้าร่ วมโครงการ 13. เครื อรัฐออสเตรเลียมีการส่ งเสริ มความเข้าใจของสาธารณชนในเรื องทีเกียวข้องกับอุตสาหกรรมและ ความสามารถในการผลิตในเรื องการส่งเสริ มความเข้าใจของสาธารณชนในเรื องทีเกียวข้องกับอุตสาหกรรมและ ความสามารถในการผลิต นัน ในขณะทีประเทศไทยไม่ได้มีก ารกําหนดไว้ในหน้าที ของ สสว. อย่างชัดเจน หากแต่มนี โยบายแยกออกมาต่างหากซึงจะปรากฏอยูใ่ นแผนการส่งเสริ ม SMEs ประจําปี ของ สสว. 14. เครื อรั ฐออสเตรเลียได้มีการจัดตังโครงการกองทุ น ร่ วมพัฒ นา (Pooled Development Funds : PDFs) ขึนเพือให้การส่งเสริ มและสนับสนุนทางด้านการเงินในรู ปแบบของทุนเรื อนหุน้ แก่ SMEs 15. จุ ด เด่ น ของเครื อ รั ฐออสเตรเลี ย นันอยู่ที นโยบายที เกี ยวกับ การพัฒ นาด้านเทค โนโลยี R&D และ การส่งเสริ มให้มีการค้นคว้าสิ งประดิษฐ์ใหม่ๆ และการร่ วมมือระหว่าง รัฐบาล เอกชน และสถาบันการศึกษา ซึง เป็ นนโยบายทีประสบความสําเร็ จ 16. สําหรั บ กรอบนโยบายที สําคัญ ยิ งในระดับ สหพัน ธรั ฐ ของเครื อ รั ฐ ออสเตรเลี ย คื อ การปรั บ ปรุ ง สภาพแวดล้อมและการวางเงือนไขทางเศรษฐกิจมหภาคให้เอือประโยชน์ต่อธุรกิจภายในประเทศ ทังการรักษา

168 อัตราเงินเฟ้ อและอัตราดอกเบียในระดับตํา การสร้างระบบภาษีทีช่วยส่ งเสริ มขีดความสามารถทางการแข่งขัน ในธุรกิจระหว่างประเทศ การลดภาระด้านกฎหมายของ SMEs การช่วยเหลือด้านการพัฒนาทักษะการบริ หาร กิจการของธุรกิจขนาดเล็ก การช่วยเหลือด้านการสร้างสรรค์นวัตกรรม และการเปิ ดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กได้ เข้าร่ วมกระบวนการจัดซือจัดจ้างภาครัฐ ข้ อเสีย 1. ถึงแม้ว่า เครื อ รั ฐ ออสเตรเลี ย จะมี น โยบายส่ งเสริ ม ธุ ร กิ จ SMEs หากแต่ เครื อรั ฐออสเตรเลีย ก็ไ ม่ มี กฎหมายเฉพาะที ช่ ว ยส่ งเสริ ม SMEs หรื อองค์ ก รที ทํ า หน้ า ที ในการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง ดัง นั น การส่งเสริ ม SMEs ของเครื อรัฐออสเตรเลียจึงเป็ นลักษณะการสร้างโครงการโดยตัวหน่วยงานทีให้บริ การด้าน ต่างๆ แก่ภาคธุรกิจ เน้นการให้คาํ ปรึ กษา การให้บริ การสารสนเทศ และการให้เงินอุดหนุ นเพือช่วยเหลือใน การว่าจ้างทีปรึ กษาเข้ามาวางแผนธุรกิจ ซึงมาตรการเหล่านีอาจไม่ได้อาศัยอํานาจตามกฎหมายเฉพาะก็ได้ ทําให้ ไม่มีสภาพบังคับให้ตอ้ งสร้างและดําเนินการตามมาตรการต่างๆ แต่สาํ หรับโครงการทีเกียวข้องกับการส่งเสริ ม SMEs ในเครื อรัฐออสเตรเลียทีมีกฎหมายรองรับ คือ โครงการจัดตังกองทุนร่ วมพัฒนา ตามกฎหมายกองทุ น ร่ วมพัฒนา ค.ศ. 1992 ซึงมีวตั ถุประสงค์ในการส่งเสริ มการจัดตังกองทุนเพือสนับสนุนทางการเงินในรู ปของทุน เรื อนหุน้ แก่ SMEs โดยผูถ้ ือหุน้ ในกองทุนและกองทุนจะได้รับแรงจูงใจในรู ปของการลดหย่อนภาษี 2. ระบบการปกครองของเครื อรั ฐ ออสเตรเลี ย แบ่ ง เป็ น 2 ระดับ คื อ รั ฐ บาลสหพัน ธรั ฐ (Federal Government) และรัฐบาลแห่ งรัฐ (State Government) ซึงรัฐบาลทัง 2 ระดับ มีอาํ นาจในการออกกฎหมายและ ระเบียบต่างๆ ส่งผลให้กฎระเบียบทางการค้าในแต่ละท้องถิ นอาจมีความแตกต่างกันได้ ถึงแม้ว่าปั จจุบนั รัฐบาล พยายามปรับปรุ งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็ นมาตรฐานเดียวกันมากขึนแต่ยงั ไม่สามารถทําได้ครบถ้วน แต่อย่างไรก็ดี มาตรการส่ งเสริ มธุรกิจขนาดเล็กของรัฐบาลมลรัฐจะคล้ายกับมาตรการของรัฐบาลสหพันธ์รัฐ คือ เน้นการให้ คําปรึ ก ษา บริ ก ารสารสนเทศ และเงิน อุด หนุ น เพือช่ วยเหลือในการว่าจ้างทีปรึ ก ษาเข้ามาช่ว ยวางแผนธุ รกิ จ วิเคราะห์การตลาด ลู่ทางการส่งออก การวิจยั และพัฒนา เป็ นต้น 3. เครื อรัฐออสเตรเลียไม่มีหน่ วยงานภาครัฐทีจัดตังขึนเพือดูแลและส่งเสริ มธุรกิจ SMEs เป็ นการเฉพาะ เหมือนในประเทศไทย 4. แม้เครื อรั ฐ ออสเตรเลี ย จะมี ห น่ ว ยงาน Productivity Commission ช่ ว ยส่ งเสริ ม SMEs แต่ ล ัก ษณะ โครงสร้างทัวไปของ Productivity Commission ไม่ได้มีการกําหนดไว้อย่างชัดเจน มีแต่เพียงการกําหนดบทบาท

169 ว่าเป็ นหน่วยบริ หารอิสระทีมีหน้าทีศึกษาและให้ขอ้ เสนอแนะเกียวกับการกําหนดนโยบายในทางเศรษฐกิจและ การออกกฎระเบียบ เพือเป็ นแนวทางแก่ผทู้ าํ หน้าทีกําหนดนโยบายและออกกฎ 5. ประเทศไทยและเครื อรัฐออสเตรเลีย มีลกั ษณะการบริ หารเงินกองทุนทีแตกต่างกัน โดยประเทศไทยมี คณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ซึงจะกําหนดแผนการส่งเสริ ม SMEs แล้วจากแผนนี คณะกรรมการบริ หาร สสว. จะนําไปออกแผนปฏิบตั ิการให้สอดคล้องกัน จากแผนปฏิบตั ิการ จะนําไปสู่การใช้ เงิน ในขณะทีการบริ หารเงินทุนและการจัดสรรในออสเตรเลียนัน สําหรับกองทุนร่ วมพัฒนาทีได้จดั ตังขึนแล้ว ได้มี เงื อนไขการระดมทุ น เฉพาะการออกหุ ้ น สามัญ เท่ านั น โดยกองทุ น อาจส่ ง ที ปรึ กษาเข้าไปร่ วมให้ ความช่วยเหลือและให้คาํ ปรึ กษาแนะนําด้านการบริ หารเงินลงทุน 6. ในด้านงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐในการส่งเสริ มธุรกิจ SMEs เครื อรัฐออสเตรเลียถือเป็ นหนึงใน ไม่กีประเทศทียังไม่ได้เปิ ดตัว โครงการคําประกัน สิ น เชื อเพื อธุ รกิ จขนาดเล็กแม้ในช่ วงวิก ฤตการณ์ เงิน โลก (Global Financial Crisis: GFC) เมือธุรกิจประสบข้อจํากัดเครดิตรุ นแรง แต่อย่างไรก็ดี รัฐบาลออสเตรเลียได้ให้ ความช่วยเหลือทางการเงินโดยตรงเพือส่ งเสริ มธุรกิจ SMEs ซึงเป็ นการให้ความช่วยเหลือสําเร็ จรู ปทางการเงิน ทังเงิ น อุด หนุ น และสิ ท ธิป ระโยชน์ภ าษี ในระดับรั ฐบาลกลางรั ฐและมลรั ฐท้องถิ น และระดับชาติ ทีได้รั บ ประโยชน์ทางภาษี เช่น ส่ ว นลดภาษี และการลดเงิน ซึ งถือว่าเป็ นนโยบายที มีบทบาทสําคัญ ในการช่ ว ยเหลือ ผูป้ ระกอบการ SMEs 7. เครื อรัฐออสเตรเลียไม่มีนโยบายให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินในรู ปของธนาคาร SMEs จะมีเพียง การลงทุนในรู ปของธุรกิจเงินร่ วมลงทุน (Venture Capital) และรัฐบาลเข้ามามีบทบาทเพียงการไปเข้าร่ วมทุน กับ Venture Capital ของเอกชนแล้วปล่อยให้เอกชนดําเนิ น การโดยอิสระ ซึงการเข้าร่ วมใน Venture Capital ของรัฐบาลนันเป็ นเพียงเพือลดต้นทุนค่าลงทุน (Capital Cost บางส่วนให้กบั เอกชนเท่านัน 8. เนืองด้วยลักษณะการปกครองของเครื อรัฐออสเตรเลียเป็ นการปกครองแบบสหพันธรัฐ (Federal State) อันมีรัฐต่างๆ ประกอบกัน ขึ นเป็ นเครื อจักรภพออสเตรเลีย (Commonwealth of Australia) ทําให้ระบบบริ หาร ราชการและการจัด รู ปองค์ก รภาครัฐมีโ ครงสร้างภายในสองระดับ ได้แก่ ระดับสหพัน ธรัฐและระดับมลรั ฐ โดยทีการกํากับดูแลและส่งเสริ ม SMEs ของรัฐบาลออสเตรเลียก็จะต้องกําหนดเป็ นมาตรการทีเหมาะสมทังสอง ระดับด้วย

170 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ 1. การกําหนดนิยาม ความเป็ นมาและหลักการ สํ าคัญของกฎหมายจัดตัง องค์กรภาครัฐ

ประเทศญี ปุ่น 1.1 ข้ อดี : การจัดตัง สํานักงานวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (SMEA) ของประเทศญีปุ่ นเกิดขึนจาก การแก้ปัญหาการผูกขาดทาง การตลาดของกลุ่มทุนธุรกิจ ขนาดใหญ่ ทําให้ทิศทาง การส่ งเสริ ม SMEs ของ ประเทศญี ปุ่ นมีความชัดเจน มากกว่าประเทศไทย ซึ งมี การจัดตังองค์กรภาครัฐทีทํา หน้าทีส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs เพื อแก้ไขปั ญหา วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที จําเป็ นต้องอาศัยทางแก้ไข ปัญหาจากเหตุปัจจัยหลาย ประการ ทังนี SMEA เที ยบ ได้กบั สสว.

สาธารณรัฐสิ งคโปร์ 1.1 ข้ อดี : การส่ งเสริ ม SMEs มาจากนโยบายทีสนับสนุน การลงทุนจากต่างชาติ และ การประกอบธุรกิจของผูเ้ ข้า มาอาศัยในดินแดนและ รวมทังพลเมืองสิ งคโปร์ ซึ ง ธุรกิจส่วนใหญ่จะเป็ น SMEs ดังนัน รัฐบาลสิ งคโปร์จึงมุ่ง ส่งเสริ มพัฒนา SMEs ไปสู่ ธุรกิจขนาดใหญ่อย่างมันคง และยังยืน จึ งแตกต่างจาก ความเป็ นมาของประเทศไทย

สาธารณรัฐเกาหลี 1.1 ข้ อดี : กฎหมายของ ประเทศเกาหลีใต้ คือ Framework Act on Small and Medium Enterprises มี รายละเอียดชัดเจนเพือจะ ส่งเสริ ม SMEs ในแต่ละ ประเภทให้สอดคล้องกับ สภาพและฐานะทางเศรษฐกิจ ของตน และทําให้ตรง ความต้องการของ SMEs แต่ละประเภท เที ยบได้กบั การทีประเทศไทยมีกฎหมาย เฉพาะคือพระราชบัญญัติ ส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม พ.ศ. 2543

สาธารณรัฐฝรั งเศส 1.1 ข้ อดี : การส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศฝรั งเศสจะผ่าน องค์กรภาครัฐหลายองค์กรมี ทังองค์กรในระดับท้องถิ น และระดับชาติ สําหรับ องค์กรในระดับท้องถิ นที ให้ ความช่วยเหลือ SMEs คือ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ น ซึงมีอาํ นาจตามกฎหมายทีจะ ให้ความช่วยเหลือ SMEs ทีตังอยูใ่ นเขตพื นที ทังนี เป็ น การจัดรู ปองค์กรทีแตกต่าง จาก สสว. ของประเทศไทย ทีมิใช่ทงหน่ ั วยงานราชการ และมิใช่รัฐวิสาหกิจ

เครื อรัฐออสเตรเลีย 1.1 ข้ อดี : ออสเตรเลียมี พัฒนาการส่ งเสริ ม SMEs โดย อาศัยมาตรการจัดเก็บภาษีที เอือต่อภาคธุรกิจ มีตลาด แรงงานทีมีความยืดหยุด่ และ เป็ นแรงงานทีมีทกั ษะสูง มี ระบบเศรษฐกิจแบบเปิ ด หรื อแบบเสรี นิยม ซึ งเน้น ปฏิรูปโครงสร้าง การดําเนิ นงานเพือพัฒนาขีด ความสามารถในการแข่งขัน ในตลาดโลกและสร้าง โอกาสการพัฒนาSMEs ทังนี ประเทศไทยไม่ได้มี การสร้างมาตรการส่งเสริ ม SMEs ทีโดดเด่นอย่าง ออสเตรเลียก่อนมีกฎหมาย จัดตัง สสว.

171 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ

ประเทศญี ปุ่น 1.2 ข้ อเสีย : จากปั ญหา การผูกขาดทางการตลาดของ กลุม่ ทุนธุรกิจขนาดใหญ่ จน เป็ นที มาของการจัดตัง SMEA ทําให้ทิศทางการส่งเสริ ม SMEs ของญีปุ่ นเป็ นไปเพือ ป้ องกันปัญหานี และทําให้ วิธีการส่งเสริ ม SMEs ของ ประเทศญี ปุ่นเน้นการรวมกลุ่ม SMEs จนอาจไม่ยืดหยุน่ ใน การวางนโยบายไปสู่อนาคต

สาธารณรัฐสิ งคโปร์ 1.2 ข้ อเสีย : ไม่มีการบัญญัติ กฎหมายทีนํามาปรับใช้ เฉพาะในการส่งเสริ ม SMEs จึ งไม่มีการให้คาํ จํากัดความ อย่างเป็ นทางการโดยกฎหมาย ของ SMES และคํานิ ยามของ SMEs ทีคณะกรรมการ SPRING นํามาใช้นีไม่ได้ เป็ นคํานิ ยามอย่างเป็ น ทางการของ SMEs แต่เป็ น การกําหนดขึนมาเพื อใช้เป็ น หลักเกณฑ์เบื องต้นระบุถึง ผูป้ ระกอบการทีสามารถ ขอรับการช่วยเหลือตาม แผนงานสนับสนุน SMEs ที คณะกรรมการ SPRING จัดทําขึนเท่านัน

สาธารณรัฐเกาหลี 1.2 ข้ อเสีย : ภายใต้กฎหมาย Framework Act on Small and Medium Enterprises ได้ กําหนดนิ ยาม SMEs โดย พิจารณาจากจํานวนพนักงาน และมูลค่าสิ นทรัพย์ หรื อ มูลค่าการขาย ซึ งอาจส่ง ผลเสี ยต่อพฤติกรรมของ SMEs โดยพบว่า SME แต่ละ รายจะไม่พยายามเพิ มจํานวน พนักงาน หรื อเพิ มมูลค่า การขาย เนื องจากต้องการคง สถานะการเป็ น SME เพื อรอ รับการส่งเสริ มจากภาครัฐ เพียงอย่างเดียว ทังนี ประเทศ ไทยอาศัยกฎหมายลําดับรอง ในการกําหนดนิ ยาม SMEs จึ งมีความยืดหยุน่ ดีกว่า

สาธารณรัฐฝรั งเศส 1.2 ข้ อเสีย : ปั จจุบนั ยังไม่มี การจัดตังองค์กรทีเป็ น องค์กรรัฐโดยแท้ เพือทํา หน้าทีส่ งเสริ ม SMEs เป็ น การเฉพาะและมีหน้าทีใน ระดับประเทศในลักษณะ ทัวไปแต่อย่างใด อีกทังไม่มี กฎหมายเฉพาะทีกําหนด นิ ยามของ SMEs ไว้ดว้ ย มี เพียงกฎหมายปี ค.ศ. 2008 เท่านัน ทีได้กล่าวถึง SMEs เอาไว้ ส่วนคํานิ ยามที หน่ วยงานทีส่งเสริ ม SMEs คือ BPI-Groupe นํามาใช้นี เป็ นคํานิ ยามตามกฎหมาย ยุโรป

เครื อรัฐออสเตรเลีย 1.2 ข้อเสีย : ไม่มีกฎหมาย เฉพาะทีส่ งเสริ ม SMEs หรื อ องค์กรทีทําหน้าทีใน การส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง อย่างกฎหมายไทย ดังนัน การส่ งเสริ ม SMEs จึ งเป็ น ลักษณะการสร้างโครงการ โดยตัวหน่วยงานที ให้บริ การ ด้านต่างๆ แก่ภาคธุรกิจ และ ไม่มีการกําหนดนิ ยามไว้ตาม กฎหมายด้วย

172 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ 2. ขอบเขตลักษณะ โครงสร้ างองค์ กร โครงสร้ าง การบริหาร และอํานาจ หน้ าทีขององค์กร

ประเทศญี ปุ่น 2.1 ข้ อดี : แยกหน่ วยงานที ทําหน้าทีส่ งเสริ มและ สนับสนุนระดับนโยบาย ออกจากระดับปฏิบตั ิ คือ สํานักงานวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม (SMEA) เป็ นผูว้ างนโยบายระดับชาติ ด้าน SMEs ซึ งอยู่ภายใต้ การกํากับดูแลของรัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม (METI) และมีคณะกรรมการในสภา ให้คาํ ปรึ กษาในด้านนโยบาย เกียวกับวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) และเป็ นผูแ้ นะนํารวมทัง ถ่ายทอดนโยบายสู่หน่วยงาน ปฏิบตั ิ ซึ งประเทศไทยยังไม่ ชัดเจนว่า สสว. ปั จจุบนั เป็ น

สาธารณรัฐสิ งคโปร์ 2.1 ข้ อดี : กฎหมายให้อิสระ แก่องค์กร SPRING กําหนด รู ปแบบและวิธีการทําหน้าที ภายใต้ขอบอํานาจแห่ งกฎหมาย จึ งมีอาํ นาจหน้าทีครบวงจรและ กว้างขวาง รวมถึงไม่ได้จาํ กัด ให้สมาชิกของคณะกรรมการ SPRING ต้องเป็ นสมาชิก โดยตําแหน่ง ดังนัน กรรมการ ในคณะกรรมการจะมาจาก ทังภาคเอกชนและภาครัฐ เช่นเดียวกับประเทศไทยก็มี กรรมการส่ งเสริ ม SMEs และกรรมการบริหาร สสว. มาจากทังภาครัฐและเอกชน แต่จะระบุตาํ แหน่ งของ กรรมการจากภาครัฐไว้ดว้ ย

สาธารณรัฐเกาหลี 2.1 ข้ อดี : โครงสร้างด้าน นโยบายในการส่งเสริ มและ สนับสนุน SMEs มีความเป็ น ระบบมาก เพราะมีกฎหมาย ทีวางโครงสร้างการส่งเสริ ม SMEs อย่างเป็ นภาพรวม ออกมาก่อนคือ Framework Act on Small and Medium Enterprises โดยระบุให้จดั ตัง SMBA ขึนเป็ นองค์กรหลักที ส่งเสริ ม SMEs ซึ งกําหนด นโยบายภาพรวม คือ Policy Direction of the Year เป็ น การวางแผนปี ต่อปี ตามสภาพ เศรษฐกิจและสังคม และ นโยบายย่อยที นํานโยบาย ภาพรวมมาทําให้เกิดผลเป็ น รู ปธรรมเฉพาะเจาะจงไปที การส่ งเสริ ม SMEs ในเรื อง ต่างๆ จึ งเห็ นได้วา่ SMBA มี ความคล้ายคลึงกับ สสว.

สาธารณรัฐฝรั งเศส 2.1 ข้ อดี : มีธนาคาร BPI ของประเทศฝรั งเศสที มี วัตถุประสงค์เพื อช่วยเหลือ ทางด้านการเงินแก่ SMEs และมีวสิ าหกิจทีมีรูปแบบ การดําเนิ นการขนาดค่อนข้าง ใหญ่ดว้ ย โดยเป็ นส่วนหนึ ง ของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ทีให้บริ การสนับสนุน การสร้างนวัตกรรมและ การส่ งออก โดยเป็ นองค์กรที สามารถให้บริ การได้ง่าย เนื องจากมีสํานักงานทีตังอยู่ ทุกๆ มณฑลหรื อทุกแคว้น ในประเทศฝรั งเศส ซึ ง แตกต่างจากประเทศไทยที ยัง ไม่มีศูนย์ภมู ิภาคของ สสว. อีกทังฝรั งเศสยังมีสมาคม APCE ซึ งเกิดจากความริ เริ ม ของภาครัฐและรัฐมีบทบาท สําคัญในการจัดตังและ

เครื อรัฐออสเตรเลีย 2.1 ข้อดี : มีหน่วยงานภาครัฐ ทีสําคัญในการส่ งเสริ ม SMEs คือ AusIndustry และ Productivity Commission ซึ ง AusIndustry มีบทบาทสําคัญ ในการบริ หารจัดการและ กําหนดรู ปแบบมาตรการ ต่างๆ ของภาครัฐเพื อ ช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม และมีบทบาทสําคัญใน การส่ งเสริ มธุรกิจ ได้แก่ การเป็ นแหล่งข้อมูลทีสําคัญ สามารถอ้างอิงได้ในทุก ประเภทธุรกิจ ทังนี AusIndustry จะทํางานร่ วมกับ ทุกภาคส่ วนของรัฐบาลและ การเข้าถึงแม้ในพื นที ห่ างไกลมากที สุด ในขณะที Productivity Commission (PC) ก็จะผลักดันนโยบาย เศรษฐกิจของประเทศ

173 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ

ประเทศญี ปุ่น หน่ วยงานวางนโยบายหรื อ หน่ วยปฏิบตั ิ

สาธารณรัฐสิ งคโปร์

สาธารณรัฐเกาหลี

สาธารณรัฐฝรั งเศส การบริ หารสมาคมโดยมี วัตถุประสงค์หลักคือให้ ความช่วยเหลือในการจัดตัง และการพัฒนาวิส าหกิจต่างๆ

เครื อรัฐออสเตรเลีย

2.2 ข้ อเสีย : การที ญีปุ่น กําหนดจํานวนกรรมการ ประเภทผูท้ รงคุณวุฒิ ไว้ไม่ เกิน 30 คน ในคณะกรรมการ ทีมีหน้าทีให้คาํ แนะนําแก่ รัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการอุตสาหกรรม ซึ งเป็ นคณะกรรมการระดับ วางนโยบาย อาจไม่เหมาะสม กับประเทศไทย เนื องจาก คณะกรรมการมีขนาดใหญ่ อาจทําให้การนัดประชุมและ พิจารณานโยบายต่างๆ ไม่ ทันต่อสถานการณ์

2.2 ข้ อเสีย : รัฐมนตรี วา่ การ กระทรวงการค้าและ อุตสาหกรรมมีบทบาทสําคัญ ในการจัดตังและควบคุม การทํางานของคณะกรรมการ SPRING Singapore โดย กฎหมายให้อาํ นาจรัฐมนตรี ฯ เป็ นผูท้ ีแต่งตังและถอดถอน คณะกรรมการ SPRING Singapore ทังคณะ (ยกเว้น ผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ ห าร) ซึ ง ไทยไม่ควรกําหนดให้อาํ นาจ เจ้ากระทรวงใดกระทรวง หนึ งควบคุมการทํางาน ตลอดจนแต่งตังและถอด ถอนคณะกรรมการส่ งเสริ ม

2.2 ข้ อเสีย : บุคคลผูด้ าํ รง ตําแหน่งผูบ้ ริ หารระดับสูง (Administrator)และผูบ้ ริ หาร ทีมาจากผูแ้ ทนรัฐสภา (Deputy-Administrator) ของ SMBA คือ ผูช้ ่วยรัฐมนตรี และผูแ้ ทนจากรัฐสภา ซึ งมา จากข้าราชการฝ่ ายการเมือง ดํารงตําแหน่งอยูใ่ นวาระครัง ละ 4 ปี อาจทําให้มติหรื อ นโยบายของ SMBA ตกอยู่ ภายใต้อิทธิพลทางการเมือง ของฝ่ ายรัฐบาลมากเกินไป ซึ งกรณีนีสามารถแก้ไข โดยการปรับปรุ งโครงสร้าง ให้มีฝ่ายเอกชนหรื อข้าราชการ

2.2 ข้อเสีย : รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ไม่ได้เป็ น องค์กรหลักในการส่งเสริ ม SMEs เพราะหน้าที ใน การส่ งเสริ ม SMEs ใน ประเทศฝรั งเศสไม่ได้เป็ น หน้าทีของหน่วยงานทีจัดตัง ขึนมาเป็ นการเฉพาะ แต่เป็ น หน้าทีของหน่วยงานรัฐโดย แท้ ทังราชการส่วนกลาง (รัฐ) และการปกครองส่วน ท้องถิ น (แคว้นหรื อมลฑล) กฎหมายจัดตังรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึ งได้ กําหนดให้เป็ นองค์กรทีเข้า มาทําหน้าทีเสริ มหรื อ

2.2 ข้อเสีย : โครงสร้างทัวไป ของ Productivity Commission ไม่ได้มีการกําหนดไว้อย่าง ชัดเจน มีแต่กาํ หนดบทบาท ว่าเป็ นหน่ วยบริ หารอิสระที มี หน้าทีศึกษาและเสนอแนะ การกําหนดนโยบายทาง เศรษฐกิจและการออก กฎระเบี ยบ เพื อเป็ นแนวทาง แก่ผทู ้ าํ หน้าทีกําหนด นโยบายและออกกฎ อํานาจ หน้าทีในการส่งเสริ ม SMEs โดยตรงจึงยังไม่ชดั เจนเท่า สสว.

174 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ

3. งบประมาณและ การสนับสนุนจากภาครัฐ

ประเทศญี ปุ่น

สาธารณรัฐสิ งคโปร์ สาธารณรัฐเกาหลี SMEs เพราะอาจทําให้ สสว. ฝ่ ายประจําเข้ามามีส่วนร่ วม ประสานความร่ วมมือกับ ในการบริ หารองค์กร ทังนี หน่ วยงานอืนๆ ได้ยาก โครงสร้างคณะกรรมการ ส่งเสริ ม SMEs และ คณะกรรมการบริ หาร สสว. ของไทยก็ประกอบด้วยทัง ข้าราชการประจําและ รัฐมนตรี วา่ การกระทรวง ต่างๆ รวมถึงภาคเอกชนด้วย 3.1 ข้ อดี : การจัดสรรงบประมาณ 3.1 ข้ อดี : การทีประเทศ 3.1 ข้ อดี : การจัดสรร เพื อส่ งเสริ มและสนับสนุน สิงคโปร์ ให้ห น่วยงาน งบประมาณการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่นจะมี SPRING Singapore เป็ นผูท้ าํ SMEs จะให้แก่ SMBA กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า หน้าทีหลายๆ ด้านในแนว เพียงองค์กรเดียวทําให้ไม่ และการอุตสาหกรรม เดียวกัน จึ งเป็ นลดการจัดตัง ก่อให้เกิดความสับสน และ (METI) และสํานักงาน หน่ วยงานรัฐอืนขึนมา และ เป็ นเอกภาพ ในขณะที วิสาหกิจขนาดกลางและ ลดการทํางานซําซ้อนกัน ลด ประเทศไทยจัดสรรงบประมาณ ขนาดย่อม (SMEA) เป็ น การขาดความเป็ นเอกภาพ ให้หลายองค์กร และได้จดั ตัง องค์กรหลักที ช่วยดําเนิ นการ ของหน่ วยงานรัฐ ทําให้ กองทุนส่งเสริ ม SMEs ทัง ในระดับนโยบาย ส่งผ่านให้ การจัดสรรงบประมาณทีต้อง ด้านเทคโนโลยี การวิจยั และ องค์กรปฏิบตั ิตา่ งๆ ที ใช้ในการจัดตังหน่ วยงานมี พัฒนา หรื อกองทุนส่งเสริ ม เกียวข้อง ในขณะทีประเทศ ความเหมาะสม ซึ งเห็นได้วา่ ความร่ วมมือระหว่างธุรกิจ

สาธารณรัฐฝรั งเศส สนับสนุนการทําหน้าทีของ หน่ วยงานรัฐเท่านัน ซึ ง สสว. เป็ นหน่วยงานของรัฐ ทีมีอาํ นาจหน้าที ส่งเสริ ม SMEs โดยตรงมากกว่า

เครื อรัฐออสเตรเลีย

-

3.1 ข้ อดี : ภาครัฐได้สนับสนุน ด้านการเงินแก่ Business Enterprise Centres ซึ งมี จํานวนทังสิ น 36 ศูนย์ท วั ประเทศ ซึ งไทยไม่มีศนู ย์ ดังกล่าว โดยให้เงินช่วยเหลือ แก่ศนู ย์ไม่เกิน 100,000 ดอลลาร์ ออสเตรเลียต่อปี (ประมาณ 3,100,000 บาท) เพื อให้ความช่วยเหลือธุรกิจ ขนาดย่อมในการเข้าถึง แหล่งข้อมูล และให้เงิน

175 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ

ประเทศญี ปุ่น ไทยจัดสรรงบประมาณให้ หลายองค์กร งบประมาณจึง กระจายขาดเอกภาพ และ ทําให้ผปู ้ ระกอบการ SMEs ต้องเสี ยเวลาติดต่อหลาย หน่ วยงาน

สาธารณรัฐสิ งคโปร์ แตกต่างจากการกระจาย งบประมาณส่งเสริ ม SMEs ไปตามหน่วยงานภาครัฐ หลายหน่วยงานของประเทศ ไทย

สาธารณรัฐเกาหลี ขนาดใหญ่กบั SMEs เป็ นต้น ซึ งส่ งผลให้กิจการ SMEs ที เกิดขึนมาแล้วไม่ถกู ทอดทิ ง โดยจะช่วยเหลือจนสามารถ เลียงตัวเองได้ อีกทัง SMBA ยังสร้างแรงจูงใจให้ พัฒนาการแข่งขันด้าน คุณภาพสิ นค้าและบริ การ อย่างเป็ นระบบครบวงจร ซึ ง SMBA จะคอยติดตามผล การช่วยเหลือ SMEs เพื อจะ ได้ฟืนฟูแก้ไขในกรณี ทีพบว่า SME รายใดมีแนวโน้มไม่ ประสบความสําเร็ จ ส่วน ประเด็นการช่วยเหลือ SMEs ที SMBA ไม่มีความชํานาญ เพียงพอ SMBA จะไม่ ดําเนิ นการด้วยตนเอง แต่จะ ประสานให้หน่ วยงานที เกียวข้องและชํานาญในเรื อง นันๆ เข้าร่ วมดําเนิ นการ จึ ง เป็ นการใช้งบประมาณอย่าง

สาธารณรัฐฝรั งเศส

เครื อรัฐออสเตรเลีย อุดหนุนผูป้ ระกอบการทีเข้า ร่ วมโครงการ

176 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ

ประเทศญี ปุ่น

สาธารณรัฐสิ งคโปร์

สาธารณรัฐเกาหลี คุม้ ค่า ทังนี ประเทศไทยยัง ขาดระบบติดตามตรวจสอบ ผลการช่วยเหลือ SMEs อย่าง เป็ นระบบอย่างประเทศ เกาหลีใต้

สาธารณรัฐฝรั งเศส

เครื อรัฐออสเตรเลีย

3.1 ข้ อเสีย : รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe ซึ งมีสถานะเป็ น ธนาคารไม่อาจใช้งบประมาณ สนับสนุนจากภาครัฐ โดยตรงในการประกอบ กิจการโดยการสนับสนุน SMEs ของตนได้ งบประมาณ ของรัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึ งมาจากเงินทุนค่าหุ ้น และ รายได้จากการให้บริ การที เรี ยกเก็บมาได้เป็ นสําคัญ ซึ ง แตกต่างจากงบประมาณของ สสว. ที รัฐจัดสรรให้

3.2 ข้อเสีย : ไม่มีนโยบายให้ ความช่วยเหลือทางด้าน การเงินในรู ปของธนาคาร SMEs จะมีเพี ยงการลงทุนใน รู ปของธุรกิจเงินร่ วมลงทุน (Venture Capital) และ รัฐบาลเข้ามามีบทบาทเพี ยง การไปเข้าร่ วมทุนกับ Venture Capital ของเอกชน แล้วปล่อยให้เอกชน ดําเนิ นการโดยอิสระ และ รัฐบาลจะช่วยลดต้นทุนค่า ลงทุน (Capital Cost) บางส่ วนให้กบั เอกชนเท่านัน

3.2 ข้ อเสี ย : การจัดสรร งบประมาณให้แก่ SPRING Singapore จะกําหนดเป็ น นโยบายประจําปี งบประมาณ จึ งเป็ นตัวกําหนดนโยบาย ซึ ง แตกต่างจากกฎหมายไทยที ยืดหยุ่นให้คณะกรรมการ ส่งเสริ ม SMEs เป็ นผูก้ าํ หนด นโยบายในการให้การสนับสนุ น SMEs โดยไม่ผกู ติดกับ การจัดสรรงบประมาณ

177 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ 4. รูปแบบการส่ งเสริมและ สนับสนุน SMEs และ การดําเนินการทีประสบ ผลสํ าเร็จ

ประเทศญี ปุ่น 4.1 ข้ อดี : SMEA เป็ น หน่ วยงานของรัฐที เป็ นอิสระ ทําให้มีความคล่องตัว และมี อิสระในการบริ หารงาน มากกว่าการเป็ นส่ วนราชการ อีกทังยังมีสภาทีให้คาํ ปรึ กษา ในด้านนโยบายเกียวกับ วิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (The Small and Medium Enterprise PolicyMaking Council) ในรู ปแบบ คณะกรรมการโดยมีหน้าที ให้คาํ แนะนําแก่รัฐมนตรี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม เปรี ยบเที ยบได้กบั คณะกรรมการ ส่งเสริ ม SMEs ทําหน้าที กําหนดนโยบายและแผนการ ส่งเสริ ม SMEs เพื อเสนอ คณะรัฐมนตรี อนุมตั ิ

สาธารณรัฐสิ งคโปร์ 4.1 ข้ อดี : การกําหนดชือ กฎหมายในลักษณะทีนําเอา ชือคณะกรรมการตาม กฎหมายมาเป็ นชือของ กฎหมายเป็ นสิ งทีบ่งบอกถึง วัตถุประสงค์สาํ คัญของ กฎหมายและแนวคิดใน การจัดทํากฎหมาย รวมทัง แนวคิดในการจัดตัง หน่ วยงานของรัฐเพือให้มี หน้าทีอย่างใดอย่างหนึ ง ซึ ง การกําหนดชือกฎหมายของ ประเทศสิ งคโปร์จะให้ ความสําคัญกับการจัดตัง องค์กรทีทําหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ขึนมาก่อน ส่วน หน้าทีด้านต่างๆ จะกําหนด ไว้ในรายละเอียดในเนื อหา ของกฎหมายทีเกียวข้อง

สาธารณรัฐเกาหลี 4.1 ข้ อดี : มีการจัดทํา กฎหมายในลักษณะ “กฎหมายชุด (SME Law Kit)” ทีกล่าวถึงการส่ งเสริ ม SMEs เฉพาะเรื องโดยตรา ขึน 9 ฉบับ และเอาหลักการ ส่งเสริ ม SMEs ทีกล่าวถึงใน Framework Act on Small and Medium Enterprises มา สร้างเป็ นมาตรการทีให้ เกิดผลในทางปฏิบตั ิอย่าง เป็ นรูปธรรมด้วย ได้แก่ Promotion of Small and Medium Enterprises and Encouragement of Purchase of Their Products Act, Act on the Protection of the Business Sphere of Small and Medium Enterprises and Promotion of their Cooperation, Act on Special

สาธารณรัฐฝรั งเศส 4.1 ข้ อดี : การที รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe มีสถานะเป็ น ธนาคาร จึ งมีอาํ นาจโดย กฎหมายทีจะดําเนิ นการ ให้บริ การด้านการเงิน โดย อาจเสนอความช่วยเหลือ การเงินให้แก่วสิ าหกิจ และ SMEs เกือบทุกรู ปแบบโดย ภาพรวมแล้ว วัตถุประสงค์ที สําคัญในการจัดตังวิสาหกิจ BPI-Groupe ขึนมาทําหน้าที ในการให้การสนับสนุนด้าน การเงินแก่ SMEs นัน คือ การทีจะให้ SMEs สามารถ เข้าถึงแหล่งทางการเงินได้ โดยง่าย แต่การทีประเทศ ไทยมีธนาคารพัฒนา วิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมทําหน้าทีช่วยเหลือ ด้านการเงินของ SMEs จึ งทํา ให้บทบาทของ สสว. ใน

เครื อรัฐออสเตรเลีย 4.1 ข้ อดี : มีการจัดตังโครงการ กองทุนร่ วมพัฒนา (Pooled Development Funds : PDFs) ขึนเพื อให้การส่งเสริ มและ สนับสนุนทางด้านการเงินใน รู ปแบบของทุนเรื อนหุ ้นแก่ SMEs และจุดเด่นของ ประเทศออสเตรเลียนันอยูท่ ี นโยบายที เกียวกับการพัฒนา ด้านเทคโนโลยี R&D และ การส่ งเสริ มให้มีการค้นคว้า สิ งประดิษฐ์ใหม่ๆ และ การร่ วมมือระหว่าง รัฐบาล เอกชน และสถาบัน การศึกษา ซึงเป็ นนโยบายที ประสบความสําเร็ จ ซึง ประเทศไทยก็ควรเร่ ง พัฒนาการส่ งเสริ ม SMEs ด้าน R&D และการประสาน ความร่ วมมือเครื อข่ายทัง ภาครัฐ เอกชนและ

178 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ

ประเทศญี ปุ่น

สาธารณรัฐสิ งคโปร์

สาธารณรัฐเกาหลี Measures for Small Enterprise Support, Act on the Promotion of Technology Innovation of Small and Medium Enterprise, Special Act on Support for Human Resources of Small and Medium Enterprise, Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act, Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise, Small and Medium Enterprise Cooperatives Act และ Act on Support for Femaleowned Businesses จึ งมี ความเป็ นระบบในการทํา ความเข้าใจและเลือกปรับใช้

สาธารณรัฐฝรั งเศส เครื อรัฐออสเตรเลีย การบริ หารจัดการกองทุน สถาบันการศึกษาใน ส่งเสริ ม SMEs ลดน้อยลง ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค สสว. จึ งควรเร่ งประสานผ่าน ด้วยเช่นกัน นโยบายทีเหมาะสมทันต่อ สถานการณ์มายังธนาคาร พัฒนาวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม เพื อลดงาน ซําซ้อน และได้อาศัย ผูเ้ ชียวชาญจากธนาคาร โดยตรงในการส่ งเสริ ม การลงทุนของ SMEs

179 ตารางสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที เปรี ยบเทียบ

ประเทศญี ปุ่น

สาธารณรัฐสิ งคโปร์

สาธารณรัฐเกาหลี กฎหมาย แต่ในประเทศไทย ไม่ได้จดั ทําในลักษณะนี

สาธารณรัฐฝรั งเศส

เครื อรัฐออสเตรเลีย

4.2 ข้ อเสีย : พัฒนาการด้าน กฎหมายส่งเสริ ม SMEs มีมา ยาวนานกว่าประเทศไทย จึ ง มีกฎหมายที เกียวข้องเป็ น จํานวนมาก ซึ งบางฉบับอาจ ไม่เหมาะกับบริ บท พัฒนาการการส่งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย

-

4.2 ข้ อเสีย : การกําหนด อํานาจหน้าที ของ SMBA ปรากฏอยูใ่ นกฎหมายที เกียวข้องกับการส่ งเสริ ม SMEs หลายฉบับ อาจเกิด ความยุง่ ยากในการนํามาใช้ และทําให้เกิดความสับสนได้ และกฎหมายเหล่านี ก็มิได้ กําหนดรายละเอียดของ อํานาจหน้าที ในเชิงลึกให้แก่ SMBA แต่อย่างใด

4.2 ข้ อเสีย : การสนับสนุน SMEs ของรัฐวิสาหกิจ BPIGroupe ซึ งเป็ นทังธนาคาร และหน่ วยงานส่งเสริ ม พัฒนานวัตกรรม เป็ น การให้บริ การสาธารณะด้าน พาณิ ชยกรรมและอุตสาหกรรม และเป็ นรัฐวิส าหกิจ จึ ง แสวงหากําไรโดยคิด ค่าบริ การในการให้บ ริ การ ส่งเสริ ม หรื อสนับสนุ น SMEs ซึ งแตกต่างจาก สํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม ของประเทศไทย

4.2 ข้อเสีย :เนื องด้วยลักษณะ การปกครองของประเทศ ออสเตรเลียเป็ นการปกครอง แบบสหพันธรัฐ (Federal State) อันมีรัฐต่างๆประกอบ กันขึนเป็ นเครื อจักรภพ ออสเตรเลีย (Commonwealth of Australia) ทําให้ระบบ บริ หารราชการและการจัดรู ป องค์กรภาครัฐมีโครงสร้าง ภายในสองระดับ ได้แก่ ระดับสหพันธรัฐและระดับ มลรัฐ โดยที การกํากับดูแล และส่งเสริ ม SMEs ของ รัฐบาลออสเตรเลียก็จะต้อง กําหนดเป็ นมาตรการที เหมาะสมทังสองระดับด้วย

บทที่ 5 ประมวลผลการศึกษาและการวิจัยภาคสนาม ในสวนของการวิจัยภาคสนามผูวิจัยไดจัดทําแบบสอบถามจํานวน 595 ชุด ซึ่งประกอบไปดวยกลุม ตั ว อย า งคื อ ผู ป ระกอบการ SMEs ทั้ ง ส วนกลางคื อ กรุ ง เทพมหานคร และสว นภู มิภ าค ได แ ก ภาคกลาง ภาคตะวั นออกเฉี ย งเหนื อ ภาคใต ภาคตะวั น ออก และภาคเหนื อ มี ก ารสัม ภาษณและการจั ดประชุ ม ระดม ความคิ ด เห็ น จากผู มี ส ว นเกี่ ย วข อง ได แ ก องค ก รภาครั ฐ องค ก รภาคเอกชน ผูเ ชี่ ย วชาญ นั ก วิ ช าการ และ ผูประกอบการ SMEs รวมถึงการรวบรวมขอมูลจากการศึกษาดูงานกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐของประเทศที่ มีการสงเสริมสนับสนุนและพัฒนา SMEs ไดอยางมีประสิทธิภาพ จํานวน 2 ประเทศจากกลุมประเทศเปาหมาย จํานวน 5 ประเทศ โดยมีรายละเอียดตามประเด็นตางๆ ดังนี้ 5.1 สรุปประเด็นบทสัมภาษณ ในส วนนี้ เป นการสรุ ป บทสั ม ภาษณ ซึ่ง ผูวิจัย ไดกํา หนดประเด็นสัม ภาษณโดยแบง แบบสัม ภาษณ ออกเปน 3 ชุดแบบสัมภาษณ เพื่อใหครอบคลุมกลุมเปาหมายที่เกี่ยวของกับธุรกิจ SMEs เพื่อจะเปนประโยชน ในการวิเคราะหและไดประเด็นจากการสัมภาษณเพื่อนําไปเสนอแนวทางในงานวิจัยตอไป โดยแบบสัมภาษณ ชุดที่ 1 นํา มาใช ในการสัมภาษณตัวแทนในคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และ คณะกรรมการบริหารสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม แบบสัมภาษณชุดที่ 2 นํามาใชใน การสัมภาษณผูอํานวยการสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม รองผูอํานวยการสํานักงาน สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม กลุมยุทธศาสตร รองผูอํานวยการสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอม กลุมเครือขายความรวมมือ รองผูอํานวยการสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอม กลุมความชวยเหลือสนับสนุน และ รองผูอํานวยการสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม กลุมบริหารจัดการ รวมทั้งตัวแทนเจาหนาที่ที่ปฏิบัติงานที่เกี่ยวของกับประเด็นการศึกษาวิจัย และแบบ สั ม ภาษณ ชุ ด ที่ 3 นํ า มาใช ใ นการสั ม ภาษณ ผู ที่ มี ส ว นเกี่ ย วข อ งจากกรุ ง เทพมหานคร (ส ว นกลาง) คื อ ผูประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (SMEs) จากกรุงเทพมหานคร (สวนกลาง) ผูที่มีสวนเกี่ยวของ จากสวนภูมิภาค จํานวน 5 ภูมิภาค ไดแก ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต และภาค กลาง โดยแต ล ะภูมิ ภาคประกอบด วยประธานหอการคา จัง หวั ดหรื อผูแทน จํ า นวน 1 ท า น ประธานสภา

182 อุตสาหกรรมจังหวัดหรือผูแทน จํานวน 1 ทาน และผูประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (SMEs) จํานวนไมนอยกวา 4 ทาน ในสวนที่หนึ่ง ผูวิจัยไดสรุปประเด็นหัวขอในการสัมภาษณทั้งหมด 5 ประเด็นโดยอางอิงจากคําถาม แบบสัมภาษณชุดที่หนึ่ง ดังนี้ 1. องคประกอบของคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (คณะกรรมการสงเสริม SMEs) และคณะกรรมการบริหารสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (คณะกรรมการบริหาร สสว.) (บทสัมภาษณจากตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการบริหาร สสว.) ผู ใ ห สั ม ภาษณ ส ว นใหญ เ ห็ น ว า เหมาะสมดี แล ว 1 บางท า นเห็ น ว า ยั ง ไม เหมาะสมโดยสั ดส วนของ ภาคเอกชนนอยเกินไป 2 บางทานเห็นวาองคประกอบของคณะกรรมการสงเสริม SMEs มีจํานวนมากเกินไป 3 และควรมีการกําหนดรายละเอียดของคุณสมบัติของกรรมการผูทรงคุณวุฒิของทั้งสองคณะกรรมการไวใ ห ชัดเจนเปนกฎหมายลําดับรอง หรือกําหนดใหมีผูเชี่ยวชาญที่เกี่ยวของกับการสงเสริม SMEs ในแตละสาขา ธุรกิจเขามาเปนองคประกอบของคณะกรรมการ4 2. อํานาจหนาที่ของคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการบริหาร สสว. (บทสัมภาษณจาก ตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการบริหาร สสว.) ผูใหสัมภาษณสวนใหญเห็นวาอํานาจหนาที่ของทั้งสองคณะกรรมการเหมาะสมดีแลว 5 โดยมีความเห็น เพิ่มเติมวา คณะกรรมการสงเสริม SMEs เปนผูกําหนดนโยบายและกํากับดูแลคณะกรรมการบริหาร สสว. หรือ เป นผูกํ า หนดทิ ศ ทางและวิ ธี ก ารดํ า เนิ น งานอย า งกว า ง ในขณะที่ค ณะกรรมการบริ ห าร สสว. เป นผู อนุ มั ติ และควบคุมดูแลการดําเนินงานของ สสว. เพื่อเสนอใหคณะกรรมการสงเสริม SMEs พิจารณา 6 และเพื่อให 1

บทสัมภาษณที่ 2, บทสัมภาษณที่ 3 และบทสัมภาษณที่ 6

2

บทสัมภาษณที่ 1

3

บทสัมภาษณที่ 5

4

บทสัมภาษณที่ 3 และบทสัมภาษณที่ 5

5

บทสัมภาษณที่ 1, บทสัมภาษณที่ 2, บทสัมภาษณที่ 3 นายธานินทร ผะเอม (กรรมการในคณะกรรมการสงเสริม SMEs), บทสัมภาษณที่ 4 และ บทสัมภาษณที่ 6 6

บทสัมภาษณที่ 1, บทสัมภาษณที่ 2 และบทสัมภาษณที่ 3

183 การดําเนินงานของทั้งสองคณะกรรมการมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น คณะกรรมการบริหาร สสว. ควรจัดใหมี การประชุมทุกเดือน สวนคณะกรรมการสงเสริม SMES ไมจําเปนตองประชุมบอยครั้ง แตตองมีการเตรียมวาระ การประชุ ม อย า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ 7 แม บ างเรื่ อ งเกื อ บจะซ้ํ า ซ อ นกั น ระหว า งคณะกรรมการส ง เสริ ม ฯ กั บ คณะกรรมการบริ หารฯ แต ก็ มี ค วามจํ า เป นต องให ค ณะกรรมการส ง เสริ ม ฯ กลั่ นกรองดวย หลั ง จากที่ ผ า น การพิจารณาของคณะกรรมการบริหาร สสว. แลว8 สวนผูใหสัมภาษณที่เห็นวาไมเหมาะสม มีความเห็นเพิ่มเติม วา ควรมีการจํากัดอํานาจของคณะกรรมการทั้งสองในการพิจารณาเรื่องเงินชวยเหลือจากกองทุนสงเสริม SMEs เพื่อใหความชวยเหลือเฉพาะในกรณีที่จําเปนอยางยิ่งเทานั้น สวนการจัดทํานโยบายสงเสริม SMEs ควรเปน อํา นาจหน า ที่ หลั กของคณะกรรมการ อี ก ทั้ง โครงสร า งองค ป ระกอบของคณะกรรมการบริหาร สสว. ยั ง มี ตัวแทนกรรมการผูทรงคุณวุฒิไมหลากหลายเทาทีค่ วร9 3. บทบาท ปญหาและอุปสรรค และแนวทางแกไขปญหาของ สสว. ในปจจุบัน จําแนกไดเปนประเด็นตางๆ ดังนี้ 3.1 ทิศทางการขับ เคลื่อ นองค กร (บทสัม ภาษณ จากตั วแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และ คณะกรรมการบริหาร สสว.) ยังไมปรากฏกลุมเปาหมายที่จะสงเสริม SMEs อยางชัดเจน สสว. ควรทําหนาที่เสนอนโยบายสงเสริม SMEs ในภาพรวมของประเทศ มิใชเปนหนวยปฏิบัติงานสงเสริม SMEs โดยตรง แมวาจะมีงบประมาณ สนั บ สนุนจากภาครัฐน อยเกินไป แต สสว. ก็ จะต องจั ดทํา นโยบายสง เสริ ม SMEs ใหมีประสิท ธิภาพจน หนวยงานอื่นๆ เชื่อถือและปฏิบัติตามได 10 อีกทั้ง สสว. ควรมีหนวยงานสวนภูมิภาคเพื่อจะไดทํางานใหเปนที่ รูจักของประชาชนอยางทั่วถึง โดยทําหนาที่ศึกษาวิจัยรวบรวมขอมูลแกไขปญหาการสงเสริม SMEs ในแตละ ทองที่11

7

บทสัมภาษณที่ 3

8

บทสัมภาษณที่ 4

9

บทสัมภาษณที่ 5

10

บทสัมภาษณที่ 1, บทสัมภาษณที่ 2, บทสัมภาษณที่ 5 และบทสัมภาษณที่ 6

11

บทสัมภาษณที่ 4

184 3.2 ผูบริหารองคกร ขาดความตอเนื่องในการปฏิบัติหนาที่ของกรรมการโดยตําแหนง ซึ่งปจจุบันเปนไปตามดุลยพินิจของ ผูบังคับบัญชาวาจะใหผูใดเปนตัวแทนหนวยงาน มีการนัดประชุมคณะกรรมการสงเสริม SMEs ไดเพียงปละ 2 ครั้ ง ทํ า ใหก ารกํา กั บ ดูแล สสว. ไม ทั นต อสถานการณ ซึ่ง ควรจัดใหมีก ารประชุ ม อยา งน อยทุ ก ๆ 2 เดือน มี การเปลี่ยนแปลงผูบริหารและนโยบายการบริหารบอย และการจัดสรรผูดํารงตําแหนงผูอํานวยการ สสว. ทําได ยาก เนื่องจากขอจํากัดในการกําหนดคุณสมบัติของผูสมัคร 12 3.3 เครือขายความรวมมือ (บทสัมภาษณจากตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการ บริหาร สสว.) การประสานงานติดตอกับ สสว. ทําไดยากลําบาก มีการเปลี่ยนแปลงหมายเลขโทรศัพทบอย มีการแจง ข อมู ล ไปยั ง หน ว ยงานร วมปฏิ บั ติ ง านด วยระยะเวลาที่ก ระชั้นเกิ นไป สสว. ต องประสานความรวมมือกั บ หนวยงานกระทรวง ทบวง กรม ที่เกี่ยวของใหมากกวานี้ การกําหนดให สสว. ตองดําเนินการตามปปฏิทินซึ่ง แตกตางจากหนวยงานภาครัฐอื่นๆ ที่ดําเนินการตามปงบประมาณ ทําใหการประสานงานโครงการทําไดยากขึ้น และ สสว. ควรเผยแพรขอมูลขาวสารที่ไดมีการศึกษาวิจัยใหกับผูมีสวนเกี่ยวของรวมถึง SMEs ทั้งหลายทราบ ดวย 13 3.4 การบริหารงานบุคคล (บทสัมภาษณจากตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการ บริหาร สสว.) บุคลากรยังไมมีวัฒนธรรมองคกรรวมกัน และยังไมเขาใจถึงทิศทางการขับเคลื่อนองคกร ตลอดจนขาด ความโปรงใสและวินัย รวมถึงการกระจายอัตรากําลังยังไมเหมาะสม14

12

บทสัมภาษณที่ 2 และบทสัมภาษณที่ 4

13

บทสัมภาษณที่ 1, บทสัมภาษณที่ 2 และบทสัมภาษณที่ 6

14

บทสัมภาษณที่ 3 และบทสัมภาษณที่ 6

185 3.5 กฎหมายและอนุ บัญญัติตางๆ (บทสัม ภาษณจากตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และ คณะกรรมการบริหาร สสว.) กฎระเบี ย บต า งๆ ของ สสว. ยั ง ไม ยื ด หยุ น เพี ย งพอ และมี ค วามยุ ง ยากซั บ ซ อ น ไม ส อดคล อ งกั บ สถานการณในปจจุบัน เชน หลักเกณฑการจัดทําขอเสนอโครงการภายใตแผนปฏิบัติการของ สสว. ตองอยูใน ยุทธศาสตร และแผนงานของ สสว. เทานั้น ซึ่งอาจไมสอดคลองกับความตองการที่แทจริงของผูประกอบการ 15 4. กองทุนสงเสริม SMEs (บทสัมภาษณจากตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการ บริหาร สสว.) ผูใหสัมภาษณบางคนเห็นวา การใหเงินชวยเหลือจากกองทุนสงเสริม SMEs ไมใชหนาที่หลักของ สสว. เพราะ สสว. มีงบประมาณกองทุนที่คอนขางจํากัด ไมสามารถใหเงินชวยเหลือ SMEs ไดทั่วถึงทั้งประเทศ แต สสว. ควรใชเงินกองทุนในกรณีที่เหมาะสมมากที่สุด โดยเฉพาะการชวยเหลือพัฒนาวิสาหกิจขนาดยอมใหเปน วิสาหกิจขนาดกลางและควรอุดหนุนเฉพาะกรณีที่จําเปน โดยผานการประสานความรวมมือกับหนวยงานอื่นๆ ใหพิจารณางบประมาณของหนวยงานตนเองกอน ขาดเหลือจึงมาขอรับความชวยเหลือจากกองทุนของ สสว. 16 ผูใหสัมภาษณสวนใหญเห็นวา วิธีการบริหารจัดการกองทุนสงเสริม SMEs ตองดําเนินการทั้งสองทาง คือ ให หนวยงานอื่นๆ เสนอแผนปฏิบัติการมายัง สสว. เพื่อพิจารณาใหเงินสนับสนุน และ สสว. เองก็ควรเปนผูริเริ่ม โครงการใหเงินสนับสนุนจากกกองทุนดวย 17 และมีผูเห็นวา สสว. ควรริเริ่มโครงการใชเงินกองทุนชวยเหลือ SMEs ดวยตนเอง หากรอใหมีผูเสนอโครงการขอรับความชวยเหลือ การทํางานอาจลาชาไป 18 นอกจากนี้ สสว. ควรประชาสัมพันธใหภาคเอกชนหรือผูประกอบการทราบถึงวิธีการขอความชวยเหลือจากกองทุน และเรง ประสานความรวมมือกับสมาคมสงเสริมผูประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมแหงประเทศไทย (สสวท.) อบรมผูประกอบการเพื่อใหมีความรูความเขาใจในการบริหารจัดการเงินชวยเหลือ ตลอดจนประสาน ความรวมมือกับธนาคารพาณิชย หรือหนวยงานอื่นๆ ใหเปนพี่เลี้ยง SMEs ในการบริหารจัดการเงินชวยเหลือ

15

บทสัมภาษณที่ 1 และบทสัมภาษณที่ 6

16

บทสัมภาษณที่ 4, บทสัมภาษณที่ 5 และบทสัมภาษณที่ 6

17

บทสัมภาษณที่ 1, บทสัมภาษณที่ 2 และบทสัมภาษณที่ 5

18

บทสัมภาษณที่ 6

186 ดวย 19 สวนการพิจารณาใหเงินชวยเหลือจากกองทุนนั้น คณะกรรมการบริหาร สสว. จะพิจารณารายละเอียด โดยมีคณะกรรมการสงเสริม SMEs เปนผูกํากับดูแล หากเห็นวามีความไมถูกตองก็จะแตงตั้งคณะกรรมการ สอบสวนหาขอเท็จจริงตอไป 20 5. ทิศทางการกําหนดยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs และการแกไขปรับปรุงกฎหมายจัดตั้ง สสว. 5.1 ยุทธศาสตรของ สสว. (บทสัมภาษณจากตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการ บริหาร สสว.) ควรเปนไปเพื่อประสานความรวมมือกับหนวยงานอื่นๆ ใหมารวมสงเสริม SMEs ตอยอดนโยบายอยาง เหมาะสม ไมปฏิบัติงานซ้ําซอนกัน เชน ประสานความรวมมือกับสมาคมสงเสริมผูประกอบการวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอมแหงประเทศไทย (สสวท.) หรือสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมอุตสาหกรรมการ ผลิ ต (SMI) ที่อยู ภายใต สภาอุตสาหกรรมแหงประเทศไทย 21 ควรสนับสนุ นและพั ฒนา SMEs ในเชิ งการ รวมกลุม วิ ส าหกิ จขนาดย อมที่ ส นั บ สนุ นอุ ตสาหกรรมขนาดใหญ (คลั ส เตอร ) 22 ส ง เสริม การค า ชายแดน 23 มาตรการตางๆ ตามแผนยุทธศาสตรของ สสว. จะตองคํานึงถึงการเสริมสรางศักยภาพของการบริหารจัดการ องค ก ร เนื่ อ งจาก สสว. มี ท รั พ ยากรอั น จํ า กั ด ทั้ ง ด า นบุ ค ลากร ผู เ ชี่ย วชาญ และงบประมาณ 24 นอกจากนี้ ในการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน สสว. ควรจัดหรือเขารวมประชุม อบรม หรือสัมมนาตางๆ ที่เกี่ยวของ และเผยแพรขอมูลผลการจัดหรือเขารวมดังกลาวเพื่อใหประชาชนไดทราบขอมูล ตลอดจนพัฒนาหัวขอการจัด อบรมใหทันสมัย 25 และควรสงเสริมความซื่อสัตยของผูประกอบการ และการลดตนทุนในการผลิตดานการ ขนสง (โลจิสติก) เพื่อรองรับการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน26 19

บทสัมภาษณที่ 1, บทสัมภาษณที่ 3 และบทสัมภาษณที่ 6

20

บทสัมภาษณที่ 2

21

บทสัมภาษณที่ 1, บทสัมภาษณที่ 3 และบทสัมภาษณที่ 5

22

บทสัมภาษณที่ 1

23

บทสัมภาษณที่ 3

24

บทสัมภาษณที่ 5 และบทสัมภาษณที่ 6

25

บทสัมภาษณที่ 1

26

บทสัมภาษณที่ 6

187 5.2 การแกไขปรับปรุงกฎหมายหรืออนุบัญญัติ (บทสัมภาษณจากตัวแทนคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการบริหาร สสว.) ไม ส นั บ สนุ น ให มี ก ารแก ไ ขกฎหมาย แต จ ะต อ งบริ ห ารจั ด การกฎหมายให สสว. มี อํ า นาจหน า ที่ เหมาะสมสอดคล องกั บ วั ตถุ ป ระสงค ข องการจั ด ตั้ ง และสถานการณ ใ นป จจุ บั น 27 ควรมี ก ารแก ไ ขเพิ่ ม เติ ม หลักเกณฑเกี่ยวกับการติดตามตรวจสอบผลการใหเงินชวยเหลือ SMEs และหลักเกณฑการรวมกิจการ หรือรวม ทุนกับภาคเอกชน โดยใหการใชเงินคืนมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ควรเสนอปรับปรุงกฎหมายตางๆ ใหเอื้อตอประโยชนในการประกอบกิจการ SMEs มากที่สุด28 ในสวนที่สอง ผูวิจัยไดสรุปประเด็นหัวขอในการสัมภาษณทั้งหมด 5 ประเด็นโดยอางอิงจากคําถาม แบบสัมภาษณชุดที่สอง ดังนี้ 1. โครงสรางของสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) (บทสัมภาษณจากตัวแทน ผูบริหารสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และผูปฏิบัติงานในสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอม) ผูใหสัมภาษณเห็นวา อํานาจหนาที่และองคประกอบของคณะกรรมการสงเสริม SMEs เหมาะสมดีแลว สวนอํานาจหนาที่ของคณะกรรมการบริหาร สสว. เหมาะสมดี แตองคประกอบควรมีเจาหนาที่ภาครัฐไมเกิน หนึ่งในสามของคณะกรรมการทั้งหมด เนื่องจากภาคเอกชนมีความเขาใจในเรื่องการประกอบกิจการ SMEs ได มากกวาภาครัฐ 29 ในขณะที่ผูใหสัมภาษณอีกคนหนึ่งเห็นวาโครงสรางของ สสว. เปลี่ยนแปลงไปตามนโยบาย ของผูบริหารองคกร จึงไมเหมาะสม ควรกําหนดโครงสรางตามอํานาจหนาที่ขององคกรในพระราชบัญญัติ สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 และการที่รัฐมีนโยบายให สสว. เปนศูนยขอมูลแหงชาติ แต สสว. กลับมาการจัดรูปองคกรโดยแบงเปนหนวยงานที่ทําหนาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศออกเปน หลายหน ว ยงาน ทํ า ให โ ครงสร า งองค ก รภายในแต ล ะกลุ ม งานยั ง ไม เ หมาะสมในประเด็ น การกระจาย

27

บทสัมภาษณที่ 3

28

บทสัมภาษณที่ 6

29

บทสัมภาษณที่ 9

188 อัตรากําลัง 30 ประกอบกับ สสว. เปนองคกรที่มีขนาดเล็กเกินไปสําหรับการบริหารบุคลากรเพื่อสงเสริม SMEs ทั่วประเทศ 31 และ สสว. ควรมีคณะกรรมการบริหารองคกรเพียงคณะกรรมการเดียว 32 โดยจะตองจัดประชุม คณะกรรมการอยางสม่ําเสมอบอยครั้ง 33 หรือมีคณะอนุกรรมการยอยในแตละดาน34 2. อํานาจหนาที่ของผูอํานวยการ และรองผูอํานวยการ สสว. (บทสัมภาษณจากตัวแทนผูบริหารสํานักงาน สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และผูปฏิบัติงานในสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม) มี ผู ใ ห สั ม ภาษณ ส องคนเห็ น ว า อํ า นาจหน า ที่ ข องผู อํ า นวยการและรองผู อํ า นวยการ สสว. มี ความเหมาะสมดี แ ล ว 35 ส ว นผู ใ ห สั ม ภาษณ อี ก คนหนึ่ ง เห็ น ว า ยั ง ไม มี ก ารกํ า หนดอํ า นาจหน า ที่ ข อง รองผูอํ า นวยการ สสว. ไว ใ นพระราชบั ญญํ ติ สง เสริ ม วิส าหกิจการขนาดกลางและขนาดย อม พ.ศ. 254336 การดําเนิ นงานตามนโยบายของของผู อํานวยการและรองผูอํานวยการ มีผลกระทบตอการปฏิบัติงานมาก 37 เนื่องจากผูอํานวยการ สสว. เปนผูแทนของ สสว. และอาจมอบหมายใหรองผูอํานวยการ สสว. คนใดปฏิบัติ หนาที่แทนก็ได 38 และผูอํานวยการและรองผูอํานวยการ สสว. จําเปนตองประสานงานกันในแตละหนวยงาน รวมถึงประสานงานเปนขั้นตอนตามสายการบังคับบัญชาดวย 39 3. บทบาท ปญหาและอุปสรรค และแนวทางแกไขปญหาของ สสว. ในปจจุบัน (บทสัมภาษณจากตัวแทน ผูบริหารสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และผูปฏิบัติงานในสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอม) 30

บทสัมภาษณที่ 7

31

บทสัมภาษณที่ 8

32

บทสัมภาษณที่ 8 และบทสัมภาษณที่ 10 และบทสัมภาษณที่ 11

33

บทสัมภาษณที่ 8

34

บทสัมภาษณที่ 11

35

บทสัมภาษณที่ 9, บทสัมภาษณที่ 10 และบทสัมภาษณที่ 11

36

บทสัมภาษณที่ 7

37

บทสัมภาษณที่ 7 บทสัมภาษณที่ 9, บทสัมภาษณที่ 10 และบทสัมภาษณที่ 11

38

บทสัมภาษณที่ 9

39

บทสัมภาษณที่ 8

189 สสว. ควรดําเนินการตามแผนการสงเสริม SMEs มากยิ่งขึ้น โดยการประสานกับหนวยงานตางๆ ทั้ง ภายในและภายนอกองค ก ร 40 สสว. ดํ า เนิ นการได บ รรลุ เ ป า หมายประมาณร อยละ 8041 อย า งไรก็ ต าม การจั ด สรรงบประมาณยั ง เป น ป ญ หาและอุ ป สรรคต อ การทํ า งานของ สสว. 42 รวมถึ ง ป ญ หาเทคโนโลยี สารสนเทศ 43 อัตรากําลังและขนาดขององคกร 44 นโยบายของคณะกรรมการบริหาร สสว. ไมชัดเจน บุคลากร ขาด ความรูค วามสามารถบางด าน 45 ขาดการประสานงานกั บหนวยงานภายใน 46 และการประสานงานภายนอก องคกร47 4. กองทุนสงเสริม SMEs (บทสัมภาษณจากตัวแทนผูบริหารสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอม และผูปฏิบัติงานในสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม) ผูใหสัมภาษณบางคนเห็นวาการดําเนินงานกองทุนสงเสริม SMEs ยังไมประสบผลสําเร็จ 48 เนื่องจากยัง ไมมีนโยบายภาครัฐให สสว. ดําเนินการให SMEs กูยืมเพื่อดําเนินการกอตั้ง ปรับปรุง และพัฒนากิจการ และ การใหเงินชวยเหลือ SMEs โดยเฉพาะการดําเนินการรวมกิจการ รวมทุน หรือรวมลงทุน เกี่ยวกับการกอตั้ง การขยายกิจการ การวิจัย พัฒนา ตองอาศัยบุคลากรที่มีความรูความเชี่ยวชาญเฉพาะดาน 49 สสว. ยังไมไดรับ งบประมาณจากรัฐบาลมาสนับสนุน SMEs เทาที่ควร จึงยังไมสามารถอนุมัติโครงการของผูประกอบการที่มา ขอรั บ ความช ว ยเหลื อ จากกองทุ น ได และการจั ด สรรงบประมาณช ว ยเหลื อ ผู ป ระกอบการจะต อ งผ า น 40

บทสัมภาษณที่ 7

41

บทสัมภาษณที่ 11

42

บทสัมภาษณที่ 8, บทสัมภาษณที่ 9 และบทสัมภาษณที่ 10

43

บทสัมภาษณที่ 8 และบทสัมภาษณที่ 11

44

บทสัมภาษณที่ 8

45

บทสัมภาษณที่ 9

46

บทสัมภาษณที่ 9, บทสัมภาษณที่ 10 และบทสัมภาษณที่ 11

47

บทสัมภาษณที่ 7

48

บทสัมภาษณที่ 7, บทสัมภาษณที่ 8, บทสัมภาษณที่ 10 และบทสัมภาษณที่ 11

49

บทสัมภาษณที่ 7

190 การพิจารณาของคณะกรรมการสงเสริม SMEs และคณะกรรมการบริหาร สสว. ซึ่งอาศัยระยะเวลานานใน การอนุมัติโครงการ ทําใหสามารถสงเสริม SMEs ไดเพียงโครงการอบรมใหความรูระยะสั้น 50 นอกจากนี้ หลักเกณฑในการดําเนินงานของกองทุนควรมีความชัดเจนวาผูรับบริการจะไดรับสิทธิประโยชนอยางไรบาง และมีการใหความชวยเหลือ SMEs อยางตอเนื่องดวย 51 5. ทิศทางการกําหนดยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs และการแกไขปรับปรุงกฎหมายจัดตั้ง สสว. 5.1 ยุทธศาสตรของ สสว. (บทสัมภาษณจากตัวแทนผูบริหารสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอม และผูปฏิบัติงานในสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม) ควรมุง จัดทําแผนการสง เสริม SMEs โดยเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตรการสนับสนุนปจจัยแวดลอม ขีดความสามารถในการแขงขั น การรั กษาสมดุล ตามศักยภาพของพื้นที่ และเชื่อมโยงกั บเศรษฐกิจระหวา ง ประเทศ เพื่อเพิ่ม GDP ของประเทศ 52 สสว. ควรจัดตั้งหนวยงานสาขาในสวนภูมิภาค 53 สสว. มีนโยบายสงเสริม SMEs เกี่ยวกับการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอยูแลว 54 แตควรเรงพัฒนาธุรกิจขนาดยอมใหเกลายเปน ขนาดกลาง และเนนการสรางเครือขายรวมกลุมผูประกอบการ เพื่อใหความชวยเหลือไปถึงผูประกอบการทั่วถึง กัน55 นอกจากนี้ ควรเนนยุทธศาสตรการเสริมสรางศักยภาพการบริหารจัดการองคกรโดยการปรับปรุงองคกรให ทันตอสถานการณการเปลี่ยนแปลงดวย 56 5.2 การแกไขปรับปรุงกฎหมายหรืออนุบัญญัติ (บทสัมภาษณจากตัวแทนผูบริหารสํานักงานสงเสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และผูปฏิบัติงานในสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม) ควรแกไขกฎหมายให สสว. มีความเปนอิสระ และเปนหนวยงานในกํากับของสํานักนายกรัฐมนตรี เพื่อ ความคลองตัวในการบริหารงาน และติดตอประสานงานกับหนวยงานอื่นๆ ทั้งดานการเงินการธนาคาร การวิจัย และพัฒนา ขอมูลขาวสาร การพัฒนาผูประกอบการ การพัฒนาผลิตภัณฑ เพราะการสงเสริม SMEs เกี่ยวของ 50

บทสัมภาษณที่ 8

51

บทสัมภาษณที่ 11

52

บทสัมภาษณที่ 7

53

บทสัมภาษณที่ 7 และบทสัมภาษณที่ 8

54

บทสัมภาษณที่ 7 บทสัมภาษณที่ 8, บทสัมภาษณที่ 10 และบทสัมภาษณที่ 11

55

บทสัมภาษณที่ 7 และบทสัมภาษณที่ 8

56

บทสัมภาษณที่ 7

191 กั บ ภาคการผลิ ต ภาคการค า และภาคการบริ ก าร เป น สํ า คั ญ 57 ควรแก ไ ขกฎหมายให มี อ งค ป ระกอบของ คณะกรรมการบริหาร สสว. มาจากเจาหนาที่ภาครัฐ ไมเกินหนึ่งในสามของคณะกรรมการ 58 และควรแกไข กฎระเบียบตางๆ ของ สสว. ใหสะดวกตอการใหบริการการเขาถึงแหลงเงินทุนแก SMEs59 ในสวนที่สาม ผูวิจัยไดสรุปประเด็นหัวขอในการสัมภาษณทั้งหมด 8 ประเด็นโดยอางอิงจากคําถาม แบบสัมภาษณชุดที่สาม ดังนี้ 1. ประเภทหน ว ยธุ รกิ จ และเหตุ ผ ลในการเลือกประกอบธุร กิจ ดังกลา ว (บทสัม ภาษณ จ ากตั ว แทน ผูประกอบการ SMEs) จากการสัมภาษณผูที่มีสวนเกี่ยวของจากกรุงเทพมหานคร (สวนกลาง) คือ ผูประกอบการวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย อม (SMEs) จากกรุง เทพมหานคร (สวนกลาง) ผูที่มีสวนเกี่ย วของจากสวนภูมิภาค จํานวน 5 ภูมิภาค ไดแก ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต และภาคกลาง พบวา ประเภทของหนวยธุรกิจที่ผูประกอบการดําเนิการอูในขณะนี้สวนใหญเปนธุรกิจ SMEs เพราะวา เปนธุรกิจที่ ทําตอเนื่องมาจากครอบครัวและเปนธุรกิจสวนตัว 60 ทั้งยังสามารถบริหารงานไดงาย 61 เพราะมีรูปแบบที่สามารถ ทํ า ธุ ร กิ จ โดยเป น เจ า ของเพี ย งคนเดี ย ว จึ ง ทํ า ให ง า ยต อ การตัด สิ น ใจหากต อ งการขยายธุ ร กิ จ 62 นอกจากนี้ ผูประกอบการหลายทานใหความคิดเห็นวา ธุรกิจ SMEs เปนรูปแบบธุรกิ จที่มีศัก ยภาพและสามารถสราง ความเชื่อมั่นใหแกลูกคา 63 เนื่องจากสามารถไปแขงขันในระดับประเทศไดงายกวาการเปนวิสาหกิจชุมชนซึ่งทํา

57

บทสัมภาษณที่ 7 และบทสัมภาษณที่ 8

58

บทสัมภาษณที่ 9

59

บทสัมภาษณที่ 7

60

บทสัมภาษณที่ 34, บทสัมภาษณที่ 14, บทสัมภาษณที่ 22

61

บทสัมภาษณที่ 30, บทสัมภาษณที่ 32

62

บทสัมภาษณที่ 31, บทสัมภาษณที่ 43, บทสัมภาษณที่ 56, บทสัมภาษณที่ 29, บทสัมภาษณที่ 51, บทสัมภาษณที่ 47, บทสัมภาษณที่ 13,

บทสัมภาษณที่ 35, บทสัมภาษณที่ 36, บทสัมภาษณที่ 28, บทสัมภาษณที่ 46, บทสัมภาษณที่ 53, บทสัมภาษณที่ 23, บทสัมภาษณที่ 17, บทสัมภาษณที่ 54 63

บทสัมภาษณที่ 27

192 ได ยากในรู ปแบบของการบริหารจั ดการ 64 อีก ประการหนึ่ง ที่สํ า คัญที่ผูป ระกอบการนิย มทํา ธุรกิ จ SMEs เนื่องจากวาภาครัฐใหการสงเสริมและสนับสนุนธุรกิจ SMEs มากกวาวิสาหกิจชุมชน 65 โดยเฉพาะดานแหลง เงินทุนใหกับผูประกอบการทุกภาคสวน 66 ทั้งนี้เพราะธุรกิจ SMEs สามารถปรับตัวในเรื่องการแขงขันไดงาย โดยเฉพาะอย างยิ่ งหากผูป ระกอบการมีเปาหมายในการนํา ธุ รกิจเขา ไปสูก ารค า เสรี ใ นประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซียน ในขณะที่หากเปนวิสาหกิจชุมชนอาจจะมุงเนนการจัดจําหนายเพียงในประเทศมากกวา แตธุรกิจ SMEs สามารถขยายตั ว ได ตลอดเวลาหากผู ป ระกอบการมี ค วามพร อม 67 นอกจากนี้ ผู ป ระกอบการบางรายยั ง มี เชื่อมั่นวาธุรกิจ SMEs เปนรูปแบบธุรกิจที่สามารถกอใหเกิดผลกําไรไดงาย 68และหากดําเนินธุรกิจในรูปแบบ กลุมสมาชิก SMEs ยังสามารถชวยลดความเสี่ยงของการลงทุนในสภาวะเศรษฐกิจตกต่ําและเพิ่มรายไดและ ชองทางทางการตลาดใหกับกลุมสมาชิกไดดีมากอีกทางหนึ่ง 69 และในปจจุบันผูประกอบการหลายรายเห็นถึง ความสํ าคั ญของสิท ธิ ในทรัพ ยสิ นทางปญญา โดยเฉพาะเครื่ องหมายการคา เนื่องจากมี ค วามเห็ นวา การจด ทะเบียนเครื่องหมายการคาจะชวยเพิ่มมูลคาใหกับสินคา เพิ่มขีดความสามารถในการแขงขันของธุรกิจของ ตนเองและเปนการปองกันการละเมิดสิทธิ 70 ซึ่งการเปนธุรกิจ SMEs สามารถเขาถึงเปาหมายตรงนี้ไดมากกวา แตอยางไรก็ดีผูประกอบการบางรายที่ในขณะนี้ประกอบธุรกิจ SMEs มีความคิดเห็นวาในอนาคตอยากเปลี่ยน รูปแบบธุรกิจ SMEs ที่ทําอยูใหเปนวิสาหกิจชุมชนเพื่อชวยเหลือคนในชุมชน และเพื่อสรางโอกาสและอาชีพให คนในชุ มชน 71 นอกจากนี้ยังเห็นวาอยากรัก ษาและพัฒนาฝมือคนในชุมชนใหดีม ากยิ่ง ขึ้นเพื่อเปนการสราง รายไดใหแกคนในชุมชนทีธ่ ุรกิจของตนไดเกิดและเติบโตขึ้นจากแรงงานและฝมือของคนในชุมชน72

64

บทสัมภาษณที่ 16

65

บทสัมภาษณที่ 50, บทสัมภาษณที่ 49

66

บทสัมภาษณที่ 55

67

บทสัมภาษณที่ 52

68

บทสัมภาษณที่ 39

69

บทสัมภาษณที่ 26

70

บทสัมภาษณที่ 24

71

บทสัมภาษณที่ 25

72

บทสัมภาษณที่ 21

193 ในขณะเดียวกัน ผูประกอบการหลายรายยังมีความเชื่อมั่นในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน เพราะเห็นวาเปน การชวยเหลือคนในชุมชนใหไดผลิตและจําหนายสินคา OTOP สินคาเกษตร สินคาจากกลุมแมบาน ที่มีคุณภาพ ดีราคายอมเยา ทั้งยังสามารถชวยสงเสริมการนําภูมิปญญาของคนในชุมชนมาสรางรายไดใหทองถิ่นและสราง เอกลักษณของสินคาทองถิ่นและตัวชุมชนใหเปนที่รูจัก 73 นอกจากนี้ผูประกอบการวิสาหกิจชุมชนบางรายมี ความเชื่อมั่นวาเมื่อวิสาหกิจชุมชนมีความมั่นคงก็จะสามารถขยายและพัฒนาธุรกิจใหเปนธุรกิจ SMEs ไดที่ สามารถผลิตสินคาที่ตรงความตองการของตลาดโดยยึดถือวาเปนกลุมผลิตสินคาในรูปแบบ SMEs ของเครือขาย SMEs ชุมชนตอไป 74 2. ความตองการที่อยากใหภาครัฐมีสวนชวยในการสงเสริมและสนับสนุนผูประกอบการ SMEs (บทสัมภาษณจากตัวแทนผูประกอบการ SMEs) จากการสัมภาษณผูประกอบการ พบวาผูประกอบการโดยสวนใหญตองการใหภาครัฐมีสวนชวยใน การสงเสริมและสนับสนุนผูประกอบการ SMEsในดานความรูในการพัฒนานวัตกรรม สงเสริมดานการตลาด 75 ซึ่งดานการตลาดนั้นภาครัฐควรสนับสนุนอยางจริงจัง ทั้งตลาดภายในประเทศและตางประเทศ ซึ่งเห็นไดวาดาน นี้หนวยงานรัฐมักชวยเหลือเป นครั้งคราว ไม มีประสิ ทธิภาพ อยากใหรัฐเชิ ญผูมีประสบการณตรงนอกจาก นัก วิ ชาการที่ ทีเพี ยงทฤษฎี และขาดการลงมื ออยา งจริ ง จัง มาให ความรู แกช าวบา น หรือใหผูป ระกอบการที่ ประสบความสําเร็จในธุรกิจของตนมาใหความรู 76, ตนทุนการผลิต ตนทุนแรงงาน 77 การวิจัย 78, บรรจุภัณฑ (package) และดานฉลากบนผลิตภัณฑ79, การจัดประชาสัมพันธ แนะนําสินคาชุมชน (OTOP)80, การจดทะเบียน

73

บทสัมภาษณที่ 37, บทสัมภาษณที่ 19, บทสัมภาษณที่ 33, บทสัมภาษณที่ 44, บทสัมภาษณที่ 12, บทสัมภาษณที่ 45 , บทสัมภาษณที่ 20

74

บทสัมภาษณที่ 41, บทสัมภาษณที่ 15, และบทสัมภาษณที่ 42

75

บทสัมภาษณที่ 12, บทสัมภาษณที่ 23, บทสัมภาษณที่ 26, บทสัมภาษณที่ 27, บทสัมภาษณที่ 28, บทสัมภาษณที่ 49, และบทสัมภาษณที่ 53

76

บทสัมภาษณที่ 21

77

บทสัมภาษณที่ 17, และ บทสัมภาษณที่ 23

78

บทสัมภาษณที่ 18

79

บทสัมภาษณที่ 17

80

บทสัมภาษณที่ 20

194 การคาเพื่อเสียภาษี 81, การลงทุน เงินทุนกูยืม การตลาด การจัดจําหนาย การประชาสัมพันธและโฆษณาใหกับ สินคาเพื่อเพิ่มรายไดใหกับธุรกิจ SMEs 82, การลดตนทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิต 83, ดานขอมูล สิ น ค า แหล ง ผลิ ต และเครื อ ข า ย SMEs84, การอบรมและการลดภาษี 85, ข อ มู ล สารนิ เ ทศ (Information Technology) และ การวิจัยและพัฒนา 86, ชองทางการกระจายสินคา 87, ชองทางขยายตลาดไปสูตลาดAEC 88, อยากใหชวยออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑรูปแบบใหมๆ สูสากล 89, การพัฒนาเทคโนโลยีตางๆในประเทศ หรือ นําเขาจากตางประเทศเพื่อพัฒนาความสามารถในการผลิตสินคาตางๆ ที่เหมาะสมกับ SMEs90, การทดสอบและ ทดลองใชสินคาใหมีคุณภาพกอนนําไปจําหนายจริง 91,การใหขอมูลกฎระเบียบ ในสวนที่เกี่ยวของของแตละ หนวยงาน 92, เครื่องจักร อุปกรณ และการถายทอดเทคโนโลยีตางๆ 93, การใหคําปรึกษาดานตางๆ เกี่ยวกับ SMEs 94, การแนะนําและประชาสัมพันธการทองเที่ยวในชุมชน เพื่อที่ชุมชนจะสามารถมีรายไดจากการคา สินคาและการบริการ 95, และการจัดตั้งจัดหนวย one stop service สําหรับ SMEs โดยตรง สําหรับกลุมธุรกิจ 81 82

บทสัมภาษณที่ 22 บทสัมภาษณที่ 26, บทสัมภาษณที่ 27, บทสัมภาษณที่ 28, บทสัมภาษณที่ 30, บทสัมภาษณที่ 33, บทสัมภาษณที่ 34, บทสัมภาษณที่ 35,

บทสัมภาษณที่ 36, บทสัมภาษณที่ 37, บทสัมภาษณที่ 38, บทสัมภาษณที่ 46, และบทสัมภาษณที่ 53 83

บทสัมภาษณที่ 29, บทสัมภาษณที่ 33, และบทสัมภาษณที่ 47

84

บทสัมภาษณที่ 31

85

บทสัมภาษณที่ 33

86

บทสัมภาษณที่ 34, บทสัมภาษณที่ 44, และบทสัมภาษณที่ 47

87

บทสัมภาษณที่ 35, บทสัมภาษณที่ 38

88

บทสัมภาษณที่ 36

89

บทสัมภาษณที่ 41

90

บทสัมภาษณที่ 43, บทสัมภาษณที่ 49

91

บทสัมภาษณที่ 45

92

บทสัมภาษณที่ 48

93

บทสัมภาษณที่ 49

94

บทสัมภาษณที่ 50

95

บทสัมภาษณที่ 51

195 SMEs ที่ตองการจะไปปรึกษาในเรื่องตาง ๆ เชน เงินทุน บรรจุภัณฑ หาแหลงผลิต แนะนําการผลิต รวมทั้ง เรื่องกฎหมาย ขอหามตาง ๆ ที่เปนการเฉพาะที่เกี่วยของกับการทําธุรกิจ96 ในดานเรื่องเงินทุนที่ถือเปนประเด็นหลักที่สําคัญของผูประกอบการที่ตองการใหภาครัฐชวยสนับสนุน โดยผูประกอบการเห็นวาอยากใหมีนโยบายสงเสริมใหสามารถกูยืมโดยไมตองใชหลักฐานที่ทําใหผูขอกูยืมพบ ความยุงยาก, ในดานเรื่องเงินทุน รัฐควรจัดหาแหลงเงินทุนที่มีประสิทธิภาพพอที่จะแขงขันกับภาคเอกชน ไดแก ธนาคารพาณิ ชย และเงิ นกู นอกระบบใหผูประกอบการเขา ถึง ได คํา ว าประสิ ทธิ ภาพหมายถึ ง ติดต อไดง า ย ใช ระยะเวลาในการพิ จารณาสั้ น อัตราดอกเบี้ย อยูใ นระดับ ที่แขง ขันกับ ภาคเอกชนได มีขั้นตอนในการขอ ความชวยเหลือไมยุงยาก และในดานความรู การจัดตั้งหนวยธุรกิจ นอกจากแหลงเงินทุนแลว ผูประกอบการยัง ตองคํานึงถึงเรื่องอื่นๆ เชน จะจัดตั้งในรูปของบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ฐานภาษีที่เกี่ยวของกับการจัดตั้งใน รูปแบบตางๆ กฎหมายที่บังคับเมื่อมีการจัดตั้งหนวยธุรกิจ เชน กฎหมายคุมครองผูบริโภค กฎหมายแรงงาน กฎหมายเกี่ยวกับโรงงาน กฎหมายสิ่งแวดลอม กฎหมายประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร การบัญชี ซึ่งเรื่อง เหลานี้มีหนวยงานตางๆ ที่รับผิดชอบโดยเฉพาะอยูแลว แตการติดตอแตละหนวยงานแยกจากกันเปนเรื่องยาก และเสียเวลามาก อีกทั้งเอกชนที่ไมมีความรูพื้นฐานอาจไมสามารถติดตอและปฏิบัติตามกฎระเบียบตางๆได ครบ ความยุงยากดังกลาวทําใหตนทุนในการจัดตั้งหนวยธุรกิจของประเทศไทยสูง รัฐนาจะสามารถจัดตั้ง One stop service ในแตละจังหวัดเพื่อใหขอมูล และดําเนินเรื่องที่เกี่ยวของกับ SMEsได โดยใชหนวยงานของรัฐที่มี อยูแลว การที่สสว. ไมสามารถแขงขันกับ SME Bank ในการใหสินเชื่อแกเอกชนได สสว. ก็ไมควรแขงขัน ตอไป แตควรผันตนเองออกเปนผูใหขอมูล และเปนหนวยงานที่ทําหนาที่ประสานงานแทน97 นอกจากนี้ รัฐควรช วยส งเสริ ม มาตรฐานสิ นค า ที่ข ายตามไหลถ นนหรือขา งทางใหมีคุณภาพและมี มาตรฐานสุขอนามัย 98 และดานการตลาดซึ่งจะชวยใหผูประกอบการสามารถแขงขันไดมากยิ่งขี้น 99 รวมทั้งควร มีก ารใหก ารส ง เสริ ม ทางด า นการจดทะเบีย นเครื่ องหมายการคา การสร า งแบรนด เพื่ อให เพื่ ม ศั ก ยภาพใน

96

บทสัมภาษณที่ 52, บทสัมภาษณที่ 53

97

บทสัมภาษณที่ 14

98

บทสัมภาษณที่ 13

99

บทสัมภาษณที่ 16

196 การแขงขัน สามารถเปนแรงกระตุนใหเกิดการพัฒนาสูตรและผลิตภัณฑเปนของตนเองมากขึ้น 100 สวนทางดาน ผูประกอบการที่มีธุรกิจดานเกษตรภาครัฐควรมีการสงเสริมโครงการจัดหาวัตถุดิบระยะยาว เพราะเปนธุรกิจ SMEs ภาคการเกษตร101 ในขณะที่ผูประกอบการบางรายใหความเห็นในดานความชวยเหลือของรัฐตอSMEs ดานการเกษตร วา ภาครัฐควรมีสวนชวยในการสนับสนุนและสงเสริมผูประกอบการ SMEs ใน 3 ดานหลัก ไดแก ขอ1 สงเสริมธุรกิจทองถิ่นและอุตสาหกรรมการเกษตรที่ไมอนุญาตใหนักธุรกิจตางชาติเขามาแขงขัน เชน การคาขาวในจังหวัดพิจิตรมีการนําขาวจากตางประเทศเขามาแขงขันดวย ขอ2 การปรับราคาขาวนาจะคอยๆ ปรับ การรับจํานํา ตันละ 15,000 บาทจากเดิม 5,000 บาทนั้นเปน การปรับแบบกาวกระโดดเกินไป ทําให SMEs ที่มีเงินทุนนอยตองปดกิจการไปหลายราย ขอ3 การใหการสนับสนุนเงินทุนแก SMEs รายใหมในชวงเริ่มตั้นกิจการ ในตางประเทศนั้นมอง SMEs เปนฐานลางของระบบเศรษฐกิจ เลยมีการสนับสนุนและทําให SMEs เขมแข็ง 102 ทั้งนี้ภาครัฐควรสงเสริมการเขาถึงแหลงเงินทุน ขอมูลและเงื่อนไขการพิจราณาขอรับแหลงเงินทุน เพื่อการตอยอดธุรกิจ สงเสริมใหมีการขยายตลาดทั้งในและนอกประเทศ แตควรที่จะลดขั้นตอนการดําเนินการ ลงเพื่อใหสะดวกตอการเขาถึงโครงการของผูประกอบการ103 3. นโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐในปจจุบันที่เปนปญหาและอุปสรรคตอการทําธุรกิจ (บทสัมภาษณจากตัวแทนผูประกอบการ SMEs) จากการสัมภาษณผูประกอบการในประเด็นนโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐในปจจุบันที่ เปนปญหาและอุปสรรคตอการทําธุรกิจพบวา ความคิดเห็นของผูประกอบการที่ใหความคิดเห็นในประเด็นนี้ แบงออกเปน 2 แนวทาง คือ กลุมผูประกอบการที่มีความเห็นวานโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐใน 100

บทสัมภาษณที่ 24, บทสัมภาษณที่ 39

101

บทสัมภาษณที่ 25

102

บทสัมภาษณที่ 54

103

บทสัมภาษณที่ 55

197 ปจจุบันเปนปญหาและอุปสรรคตอการทําธุรกิจของตนคอนขางนอย และกลุมผูประกอบการที่มีความเห็นวา นโยบาย มาตรการ หรื อ กฎหมายของภาครั ฐ ในป จ จุ บั น เป น ป ญ หาและอุ ป สรรคต อ การทํ า ธุ ร กิ จ ของตน คอนขางมาก โดยผูประกอบการเหลานี้ไดใหขอคิดเห็นวานโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐใดที่เปน อุปสรรครวมทั้งเหตุผล โดยกลุมแรกที่ไดใหขอคิดเห็นวา นโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐในปจจุบันเปนปญหา และอุ ปสรรคต อการทํา ธุรกิ จของตนคอนขางนอย หากจะมีผลกระทบอยูบา งจะเปนดานการเงินการลงทุ น โดยเฉพาะการกูเงินเพื่อมาลงทุนหรือขยายกิจการ104 ในขณะที่ผูประกอบการบางรายเห็นวานโยบายหลายๆ ดาน ดี อ ยู แ ล ว แต ที่ เ กี่ ย วกั บ การกู ยื ม เงิ นควรปรั บ ปรุ ง เพื่ อให ผู ป ระกอบการเข า ถึ ง แหล ง เงิ นทุ น ได ง า ยกว า นี้ 105 นอกจากนี้ จะเปนการดีหากภาครัฐสนับสนุนดีอยูแลวเพียงแตตลาดนั้นยังแคบ ควรจัดการเรื่อง OTOP ที่ยัง กระจายไมไดทั่วทุกภูมิภาค 106 และบางรายกลาวถึงนโยบาย และกฎหมายของภาครัฐไววานโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐในปจจุบันก็ดีอยูแลว แตผลที่ไดจากการปฏิบัติตามนโยบายหรือมาตรการดังกลาวยังไม ประสบความสําเร็จ 107 หรือโดยแทจริงแลวนโยบายหรือมาตรการภาครัฐสวนใหญเปนการกําหนดขอบเขตและ หนาที่ที่จะทําขึ้นมา แตในทางปฏิบัติกลับไมสามารถทําไดตามนโยบายหรือมาตรการที่ไดตั้งขึ้นจริง 108 และ หนวยงานของภาครัฐขาดการประสานงานกันระหวางหนวยงาน รวมถึงขอกฎหมายมีความซ้ําซอน109 ในขณะที่กลุมที่สองไดใหขอคิดเห็นดังนี้ นโยบายคาแรงขั้นต่ํา 300 บาท เปนนโยบายที่เปนอุปสรรคตอ ธุรกิจอยางมาก ปจจุบันลูกจางชาวไทยมักหลีกเลี่ยงงานหนัก และหันไปทํางานภาคบริการมากกวาภาคการผลิต เอกชนจึงมักตองจางแรงงานตางดาวเขามาทํางานเนื่องจากทํางานหนัก และคาแรงต่ํากวา แตมักมีปญหาเกี่ยวกับ การใชแรงงานตางดาวผิดกฎหมาย ซึ่งภาครัฐควรเขามาแกปญหาใหการขึ้นทะเบียนแรงงานตางดาวสามารถทํา ไดงายขึ้นและปญหาที่มักพบเจอหลังจากขึ้นทะเบียนแรงงานคือลูกจางลาออกไปทํางานอื่นที่ใหคาแรงสูงกวา 104

บทสัมภาษณที่ 12, บทสัมภาษณที่ 13, และบทสัมภาษณที่ 23

105

บทสัมภาษณที่ 28

106

บทสัมภาษณที่ 45

107

บทสัมภาษณที่ 29

108

บทสัมภาษณที่ 47, และบทสัมภาษณที่ 49

109

บทสัมภาษณที่ 48

198 ทําใหนายจางไมอยากขึ้นทะบียนแรงงาน ซึ่งภาครัฐควรพิจารณาปญหานี้ดวย เชน กําหนดใหทะบียนแรงงาน สามารถใชไดเมื่อทํางานกับนายจางคนปจจุบันเทานั้น เมื่อเปลีย่ นงานใหมจะตองแจงขึ้นทะเบียนใหมทุกครั้ง110 นอกจากนี้ ภาครัฐไมควรที่จะออกกฎหมายที่ไมเอื้อตอการสนับสนุนธุรกิจ SMEs กฎหมายตางๆ ออกมาแลวจะเปนการทําลาย SMEs เชน กรณีที่กฎหมายกําหนดใหคนงาน 200 คน ตองมีการจางผูพิการ 1 คน ภายหลังก็มาแกไขกฎหมายตาม ILO เปนคนงาน 100 คน ตองมีการจางผูพิการ 1 คน ซึ่งแบบนี้เปนปญหา แนนอน เพราะไมสามารถที่จะจางผูพิการจริงๆ ได ตองใชวิธีไปเชาชื่อของผูพิการแทนเพื่อปองกันไมใหถูก ปรับตามกฎหมาย เนือ่ งจากคาปรับนั้นสูงมาก อยางในกรณีประเทศจีน ไมไดปฏิบัติตาม ILO ซึ่ง SMEs ในจีนก็ สามารถอยูได โดยเฉพาะคาแรงวันละ 300 บาท กระทบอยางมาก 111 อีกทั้งเรื่องแรงงานตางดาวในการทําบัตร ตองใชเงินเปนจํานวนมาก และบางทีแรงงานตางดาวก็ไดสิทธิในทางกฎหมายมาก โดยที่รัฐบาลมีการออก กฎหมายเอื้อประโยชนใหแกแรงงานตางดาว และเรื่องคาแรงขั้นต่ําที่รัฐบาลไดก็มีการออกเปนกฎหมายซึ่งมี ผลกระทบตอเจาของกิจการ เพราะบางทีแรงงานก็มีการหยุดงานและมีการทํางานที่ไมเต็มวันแตตองจายคาแรง ไมนอยกวา 300 บาท จึงมีผลกระทบอยางมากตอเจาของธุรกิจ112 ดานมาตรการและกฎหมายที่เกี่ยวกับภาษี ในประเด็นนี้ผูประกอบการใหความเห็นวา มาตรการนี้ไม คอยยุติธรรมกับธุรกิจแบบครอบครัว เชน บริษัทตางชาติไดมีการยกเวนภาษีนิติบุคคล 8 ป แตในขณะที่บริษัทที่ รวมกันทํากับชาวบาน และมีการจางแรงงานชาวบานในชุมชนตองจายภาษีใหรัฐ โดยไมไดมีการไดรับขอยกเวน ใดๆ เลย 113 นอกจากนี้ผูประกอบการบางรายเห็นวานโยบายหรือมาตรการภาครัฐในปจจุบันมีเยอะมากเกินไป และไมมีความชัดเจน เปนปญหาตั้งแตผังเมือง การคมนาคม ความปลอดภัย และควรจะวางแผนรับมือเชิงรับบาง ไมใชเพียงแคใชนโยบายเชิงรุกเพียงอยางเดียวเทานั้น ซึ่งทําใหมีมุมมองที่ไมครบทุกมิติ 114 ทั้งนี้นโยบายที่ สงเสริมการจัดโครงการใหชาวตางชาติเขามาทองเที่ยวที่เมืองไทยและแวะชมและซื้อสิคาและผลิตภัณฑของ ไทยใหมากขึ้น มีนโยบายดา นการประชาสัมพันธ จัดบูธ สง เสริม การทองเที่ย วในชุมชนเพื่อใหเกิดเงินทุน 110

บทสัมภาษณที่ 14, บทสัมภาษณที่ 15, บทสัมภาษณที่ 25, บทสัมภาษณที่ 26, และบทสัมภาษณที่ 39

111

บทสัมภาษณที่ 17

112

บทสัมภาษณที่ 37

113

บทสัมภาษณที่ 20

114

บทสัมภาษณที่ 22

199 หมุ น เวี ย น นอกจากนี้ ค วรมี น โยบายด า นภาษี ป า ยและภาษี โ รงเรื อ นที่ ไ ม เ ป น อุ ป สรรคต อ การค า การลงทุน มีนโยบายในการสงเสริมดานการจดทะเบียนเครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินคาและผลิตภัณฑ115 ในขณะที่ผูประกอบการรายหนึ่งใหความคิดเห็นในดานนโยบายของภาครัฐวาธุรกิจของตนนโยบาย ของภาครัฐเปนอุปสรรคในเรื่องการโฆษณา หรือการทําบรรจุภัณฑ การกําหนดราคากลาง หรือราคาที่เปนธรรม เนื่องจากในสวนของราคาสินคาในแตละพื้นที่จะไมเหมือนกัน โดยพื้นที่ที่ทําธุรกิจอยูนี้ตั้งอยูไกลจากการขนสง และประชาสั ม พั นธ รวมถึ งการช วยเหลื อ แตใ กลกับ 3 จั ง หวั ดชายแดนภาคใต ทํา ใหไ ดรับ การสนับ สนุน นอยมาก เนื่องจากกลุมอาชีพหางไกลกับตลาด 116 และนโยบายหรือมาตรการภาครัฐที่เกี่ยวกับการนําสินคาจาก ตางประเทศเขามาขายในประเทศ ก็ถือเปนอีกหนึ่งอุปสรรคที่สําคัญตอธุรกิจ SMEs เนื่องจากทําใหการคาและ การจัดจําหนายสินคาภายในประเทศไดรับผลกระทบอยางมาก 117 ผูป ระกอบการบางรายให ค วามเห็ นว า นโยบายหรือ มาตรการภาครัฐ มี ป ญหาและอุ ป สรรคมากใน การประกอบธุรกิจ เพราะติดตอภาครัฐยากมาก ตองมีหลักฐานครบถวนเพื่อจะขอความชวยเหลือ ไมวาจะเปน เรื่องหลักเกณฑหรือเงื่อนไขที่กําหนดซึ่งเปนเรื่องที่ยุงยากสําหรับผูประกอบการ เชน เรื่องนโยบายสินเชื่อเงินกู อัตราดอกเบี้ยเงินกู 118 ซึ่งควรจะยืดหยุนกวา นี้ และควรพิจารณาเปนรายๆ ไป 119 และภาษีนําเขาวัตถุดิบและ สินคา 120 นอกจากนี้ยังมีขอคิดเห็นวานโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐเกาไป ไมทันสมัย ไมเอื้อตอ ผูประกอบการอยางแทจริง 121 อีกหนึ่งประการที่สําคั ญที่ผูประกอบการใหค วามตระหนักคือเรื่องหนวยงานหรือองคก รเฉพาะที่ มี บทบาทและอํานาจหนา ที่ที่เกี่ยวของโดยตรงในการชวยเหลือผูป ระกอบการ SMEs ภายใตมาตรการและ กฎหมาย โดยพบวาแตละลักษณะธุรกิจ SMEs มีลักษณะการทําธุรกิจหลายประเภท ในเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับสปา 115

บทสัมภาษณที่ 24

116

บทสัมภาษณที่ 27

117

บทสัมภาษณที่ 16

118

บทสัมภาษณที่ 33

119

บทสัมภาษณที่ 53

120

บทสัมภาษณที่ 40

121

บทสัมภาษณที่ 34

200 ปญหาจริง ๆ คือเจาหนาที่ที่เปนคนควบคุมดูแลกฎระเบียบ ขอบังคับ ยกตัวอยางเชน องคการอาหารและยา (อย.) ไมมีความเขาใจอยางแทจริงที่จะชวยสงเสริมชวยทําเรื่องยากใหเปนเรื่องงาย ยังไมมีความเขาใจ แตยังมีอีกหลาย แงที่ตองเกี่ยวของกับกระทรวงตาง ๆ บางหนวยงานของรัฐซึ่งบางหนวยงานก็มีการทํางานที่ดี เชน กระทรวง พาณิชย กรมสงเสริมการสงออก แตบางหนวยงานก็ยังปฏิบัติงานไมดี ทั้งในดานความรูความเขาใจในขอบเขต หนาที่รับผิดชอบ และโครงสรางการบริหารงานในองคกร122 ในขณะที่ ผู ป ระกอบการบางรายเห็ น ว า นโยบายที่ มี อ ยู ก็ ค อ นข า งดี 123 แต เ ห็ น ควรว า น า จะมี แ ผน ดําเนินการที่ชัดเจน บางนโยบายก็ควรมีการปรับเปลี่ยน และควรใหผูประกอบการสามารถรวมเสนอแนวคิดใน การสรางนโยบายก็จะเปนการดี กฎหมายที่มีตอนนี้เปนเรื่องการควบคุมมาตรฐาน แตภาครัฐไมไดลงมาชวยใน เรื่องของการสรางมาตรฐานตรงนี้อยางเพียงพอ ทําใหเหมือนกับวาออกกฎหมายมาแลว แตไมสามารถสงเสริม ใหผูประกอบการสามารถเขาไปแขงขันได 124 และบางรายใหขอสังเกตวาในความเปนจริงแลว ภาครัฐไมไดให ความช วยเหลื ออะไรเลย ส วนใหญ ป รากฏเพีย งคํา พูดแตใ นสวนของการกระทํา ยัง ไมมีความชัดเจนเลย 125 ขอสังเกตประการที่สอง คือความตองการอยากใหภาครัฐยกเลิกมาตรการเกี่ยวกับการใชเช็ค คือ มีการกําหนด มาตรการการจายเงินของผูรับเหมาถาจะจายเกินกวา 3 หมื่น ใหจายเปนเช็คเทานั้น เพื่อทําใหรายการใชจายมี ความโปรงใส สามารถตรวจสอบไดวามีการจายใหเทาไหร มีเงินไปที่ใคร สั่งไปที่ใคร ทุกการใชจายที่ทําการ ภาครัฐ หรือซื้อของจากเอกชน เพื่อมาใชในกิจการของภาครัฐ ประเด็นปญหาคือถาเช็คเปนของธนาคารใน กทม. เราจะเอาไปซื้อของตางจังหวัด ก็ไมมีใครอยากรับ และโดนหักเงินดวย มาตรการนี้ก็ซักสองปแลวที่มี การบังคับใช ก็ยังเปนปญหาอยู 126 ขอสังเกตประการที่สามคือปญหาและอุปสรรคที่เกิดขึ้นกับผูประกอบการ การที่ผูประกอบการจะไดการสงเสริมจากทางหนวยงานภาครัฐ เปนเรื่องของรายละเอียดขั้นตอนที่มีมากจน ทําใหผูป ระการไมอยากเขารวมโครงการตางๆ ที่ภาครัฐจัดขึ้ น เชน การขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ ถา ผูประกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนที่ดีก็คงไมตองการที่จะขอรับการสนับสนุน แตผูประการบางรายสวนใหญ 122

บทสัมภาษณที่ 52

123

บทสัมภาษณที่ 19

124

บทสัมภาษณที่ 18

125

บทสัมภาษณที่ 38

126

บทสัมภาษณที่ 43

201 มักจะมีปญหาเรื่องความมั่นคงทางการเงินมากอน เมื่อมาทําธุรกิจ ตองการเงินทุนแตกลับติดปญหาในเรื่องของ การเดินบัญชี เชื่อวาผูประกอบการเองก็คงไมไดตั้งใจใหเกิดปญหาดังกลาวแตบางครั้งการทําธุรกิจเพื่อความอยู รอดตองทําทุกวิถีทางเพื่อใหธุรกิจคงอยูตอไปได เชน เมื่อตรวจสอบพบเรื่องเครดิตบูโร ซึ่งเมื่อเทียบกับธุรกิจ หรือหลักทรัพยที่ผูประกอบการมีอยู ซึ่งมีจํานวนมากกวาปญหาที่เกิดขึ้นแตเมื่อไปขอรับการสนับสนุน ก็จะไม สามารถทําได หรือการที่ภาครัฐมีนโยบายสงเสริมใหไปแสดงสินคายังตางประเทศ ขอกําหนดตางๆ มีหลาย ขั้นตอนมากจนทําใหผูประกอบการไมไดใหความสนใจเทาที่ควร ทั้งนี้ภาครัฐควรตะหนักถึงความเปนไดแหง ความเปนจริงมากกวาอิงที่เอกสารและขอกําหนดเปนหลัก ซึ่งเชื่อไดวาหากภาครัฐไดผอนผันขอกําหนดตางๆ ลงบ า งบางประการก็ จะทํ า ให ธุ ร กิ จ SMEs ที่มีอยูไ ดมีโอกาสเติบ โตอย า งมั่นคงแนนอน 127 และข อคิ ดเห็ น ประการสุดทาย คือภาครัฐยังดูแลไมไดทั่วถึง ทั้งปญหาดานการจัดเก็บภาษีอากร นโยบายการบริหารจัดการ สิ่งแวดลอม และการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยดานสุขอนามัย ตลอดจนกฎระเบียบตางๆ ที่เกี่ยวของ128 4. ความคิดเห็นของผูประกอบการตอการทําหนาที่ของสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม (สสว.) ในปจจุบัน ในการมีสวนชวยสงเสริมและสนับสนุนผูประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม (บทสัมภาษณจากตัวแทนผูประกอบการ SMEs) ผูประกอบการหลายรายมีความเห็นวา สสว. มีสวนชวยสงเสริมและสนับสนุนผูประกอบการวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอมคอนขางนอย 129 ไมคอยมีผลงาน และไมคอยมีบทบาทและประสิทธิผลเทาที่ควร มี เพียงการกระตุนSMEs แตก็ ไมประสบผลสํา เร็จเทาไร ไม คอยมีโครงการที่ดีออกมาจากหนวยงาน อีกทั้ ง ภาคเอกชนไม รู ถึ ง การมี อ ยู ข อง สสว. 130 เนื่ อ งจากสสว.ไม มี ก ารประชาสั ม พั น ธ ถึ ง อํ า นาจหน า ที่ แ ละ ความรับผิดชอบรวมถึงนโยบายที่สงเสริม SMEs มากนัก จึงยังไมคอยเปนที่รูจัก ควรมีการประชาสัมพันธ องค ก รให ม ากขึ้ น 131 หากจะพอทราบก็ จ ะมี เ พี ย งแต ไ ด รั บ การอบรมและทํ า การบรรยายโดยอาจารย จ าก 127

บทสัมภาษณที่ 55

128

บทสัมภาษณที่ 50, และบทสัมภาษณที่ 51

129

บทสัมภาษณที่ 34, และบทสัมภาษณท่ี13

130

บทสัมภาษณที่ 14, บทสัมภาษณที่ 23, บทสัมภาษณที่ 26, บทสัมภาษณที่ 38, และบทสัมภาษณที่ 47

131

บทสัมภาษณที่ 24, บทสัมภาษณที่ 29, บทสัมภาษณที่ 30, บทสัมภาษณที่ 31, บทสัมภาษณที่ 32, บทสัมภาษณ 33 , บทสัมภาษณที่ 37,

บทสัมภาษณที่ 40, บทสัมภาษณที่ 50, และบทสัมภาษณที่ 52

202 มหาวิทยาลัย ซึ่งทําใหธุรกิจเล็กๆไมไดรับประโยชนอยางแทจริง แตในขณะที่การเขารวมกิจกรรมกับ OTOP 132 และ การอบรมที่จัดโดยธนาคารพาณิชยกลับไดรับประโยชนมากกวา 133 บางรายใหความเห็นวา สสว. ให การสงเสริมและสนับสนุน แตไมมีการติดตามและประเมินผล โดยทางผูประกอบการเองไดมีการจัดทํารายงาน สงใหทาง สสว. แตไมมีการตอบกลับจากทาง สสว. หรือการใหขอมูลอันเปนประโยชน ผูประกอบการตองการ ทราบขอมูลที่ทันสมัยเพื่อสงสริมธุรกิจใหเปนที่รูจักและการขยายชองทางการตลาด 134 นอกจากนี้ สสว. ไมมี การสนั บ สนุ น ให ค รบทุ ก ด า นซึ่ ง ผู ป ระกอบการ SMEs

นั้ น มี จํ า นวนมาก จึ ง ประสบความสํ า เร็ จ น อ ย

ผูประกอบการเขาไมคอยถึง และถึงแมจะเขาถึงก็มีความยุงยากมากและโดยเฉพาะปญหาดานเอกสารตางๆ ควร จัดอบรมผูประกอบการโดยใหความรูเบื้องตนเกี่ยวกับการทําธุรกิจ และชวยเหลือในเรื่องการขอเงินลงทุนให งายกวานี้135 และเห็นวา สสว. เปนหนวยงานที่คอนขางเขาถึงยากในเชิงปฏิบัติ จึงไมมีความมั่นใจวาหนวยงานนี้ จะใหความชวยเหลือได 136 เพราะมีเงื่อนไขที่ยุงยากมาก ไมมีบุคลากรทํางานที่ชัดเจน ลักษณะการทํางานเปน เหมือนพนักงานสงเอกสารเท านั้น 137 ดั งนั้นจะเปนการดีหาก สสว. จะมีหนวยงานส วนภูมิภาคกระจายตาม จังหวัดตางๆ 138 บทบาทและหนาที่สําคัญอีกประการหนึ่งที่ผูประกอบการเห็นควรให สสว. ชวยดําเนินการชวยเหลือ และสนับสนุนเพื่อเปนประโยชนในการดําเนินธุรกิจคือการใหความรูความเขาใจในเรื่องหนวยและการจัดตั้ง ธุรกิจ ปจจุบันผูประกอบการหลายคนไมรูจักวาธุรกิจของตนเปน SMEs อยากให สสว. เชิญผูเชี่ยวชาญในแตละ ประเภทธุรกิจไปใหความรูความเขาใจแกผูประกอบการ ซึ่งอาจกลาวไดวาปจจุบันผูประกอบการตองเขาไปหา สสว. มากกวาที่ สสว. จะติดตอชวยเหลือผูประกอบการ 139 ในปจจุบันขอมูลขาวสารตางๆ ยังกระจายไปไม 132

บทสัมภาษณที่ 20, และบทสัมภาษณที่ 22

133

บทสัมภาษณที่ 43

134

บทสัมภาษณที่ 15

135

บทสัมภาษณที่ 16, บทสัมภาษณที่ 6, และบทสัมภาษณที่ 46

136

บทสัมภาษณที่ 39

137

บทสัมภาษณที่ 54

138

บทสัมภาษณที่ 51, และบทสัมภาษณที่ 52

139

บทสัมภาษณที่ 25

203 ทั่วถึงผูประกอบการ โดยเฉพาะอยางยิ่งในกลุม SMEs ขนาดจิ๋ว (Micro Enterprise)140 นอกจากนี้ สสว. ควรให ความสําคัญแกพื้นที่ธุรกิจที่หางไกลความเจริญหรือมีอัตราการเจริญเติบโตที่อยูในเกณฑที่ต่ําหรือพื้นที่ที่อยูใน เขตเสี่ยงอันตรายจากภัยพิบัติ การกอการราย เปนตน ซึ่งควรไดรับการสนับสนุนมากกวานี้ เนื่องจากเปนพื้นที่ หางไกลและไดรับความชวยเหลือนอยมาก ซึ่งอาจเรียกไดวาเปนพื้นที่ที่ถูกมองขาม 141 แตอยางไรก็ดี มีผูประกอบการบางรายใหความเห็นวา สสว. เปนหนวยงานที่มีความคลองตัว ในเรื่อง ของการชวยเหลือไดตรงจุด เพราะเนนในเรื่องของการตลาด และชองทางการออกตลาดทั้งในและตางประเทศ มี การใหความรูและตอยอดทางการตลาด สินคาที่ผลิตอยูเปนที่รูจักในตลาดมากขึ้น ดานบรรจุภัณฑ จัดเตรียม ขอมู ลที่ เป นประโยชนและทันสมั ยแก ผู ประกอบการ การมีสวนรวมดา นการพัฒนา สง เสริ ม วิส าหกิจให มี ความเขมแข็ง 142 ทําใหผูประกอบการทราบวายังมีอีกหนวยงานหนึ่งคอยใหคําปรึกษาในการประกอบธุรกิจ โดยเฉพาะการสงเสริมใหความรูสูผูประกอบการในพื้นที่ตางจังหวัด 143 แตอยางไรก็ตาม สสว. ควรจะมีการจัด กลุมผูประกอบการที่ชัดเจนเพราะบางปก็ไดเขารวม บางปก็ไมไดเขารวม ทําใหไมทราบสาเหตุวาเปนเพราะ เหตุใด144 รวมถึงหลักเกณฑและเงื่อนไขการกูยืมเงินสสว.ควรปรับปรุงเพื่อใหผูประกอบการเขาถึงแหลงเงินทุน ได ง า ยกว า นี้ 145 นอกจากนี้อยากให สสว. ช วยสง เสริ ม ช องทางการจัดจํ า หนา ยสินค าชุม ชนใหม ากขึ้ น 146 ผูประกอบการบางรายไดรับประโยชนจากการชวยเหลือของสสว. ทั้งดานการอบรม และการเขา workshop 147 แตอยางไรก็ดีผูประกอบการมีความเห็นวา สสว. มีโครงการที่ สสว. จัดขึ้นมานั้นกระจัดกระจายเกินไป ควร รวมมือกับสภาอุตสาหกรรม เพื่อเปน one-stop service 148 140

บทสัมภาษณที่ 49

141

บทสัมภาษณที่ 27

142

บทสัมภาษณที่ 18, บทสัมภาษณที่ 41, บทสัมภาษณที่ 42, บทสัมภาษณที่ 45, และบทสัมภาษณที่ 48

143

บทสัมภาษณที่ 55

144

บทสัมภาษณที่ 18

145

บทสัมภาษณที่ 28

146

บทสัมภาษณที่ 17

147

บทสัมภาษณที่ 21

148

บทสัมภาษณที่ 34

204 5. แหลงเงินทุนที่ใชในการประกอบธุรกิจ หลักเกณฑและระยะเวลาในการพิจารณาใหเงินสนับสนุนจาก กองทุนสงเสริม SMEs เหมาะสมหรือไม หากเปรียบเทียบกับแหลงเงินทุนอื่น จากการสัมภาษณพบว า สวนใหญเงิ นทุนที่ใ ชในการประกอบธุรกิจคือเงินทุนสวนตัว 149 โดยอาจมี บางสวนที่เปนการขอยืมจากคนใกลชิด เงินกูนอกระบบ บัตรกดเงินสด 150 ขอสินเชื่ออุตสาหกรรมจากสถาบัน การเงิน 151 และการสนับสนุนจากกองทุนหมูบานเพื่อชวยการทําธุรกิจของชุมชน 152 โดยเงินลงทุนที่ใชใน การประกอบธุรกิ จและการลงทุนขั้ นแรกมาจากสมาชิก ในกลุ ม รวมทุ นกัน ต อมาก็ไ ดกู ยืมจากธนาคารเพื่ อ การเกษตรและสหกรณการเกษตร (ธกส) โดยเหตุผลที่กู ธกส. เพราะ ยังไมรูแหลงที่มาเงินทุนที่ชวยสงเสริม ธุรกิจ ซึ่งในขณะนั้นธกส.ไดมาเสนอเงินทุนให 153 มีอัตราดอกเบี้ยต่ํา การพิจารณาอนุมัติเงินทุนรวดเร็วกวา หนวยงานอื่น154 และมีการกําหนดระยะเวลาใหผอนชําระไดอยางเหมาะสม 155 เนื่องจากผูประกอบการหลายรายไมรูจัก สสว. หรือไมเคยใชบริการสนับสนุนทางการเงินของ สสว. จึง ทํ า ให ไ ม ท ราบหลั ก เกณฑ ร วมทั้ ง เงื่ อ นไขในการขอพิ จ ารณารั บ เงิ น สนั บ สนุ น จากกองทุ น ส ง เสริ ม SMEs เปรียบเทียบกับแหลงเงินทุนอื่น 156 ผูประกอบการบางรายใหความเห็นวาไมตองการการสนับสนุนดานเงินทุน แตอยากใหมีการเปดอบรมแรงงาน โดยติดตอประสานงานผานกรมสงเสริมอุตสาหกรรม 157 และอยากให กองทุน SMEs ของ สสว. ชวยเหลือในดานเงินทุนในธุรกิจที่เพิ่งเริ่มกอตั้ง ใหคําปรึกษาและใหความชวยเหลือ

149

บทสัมภาษณที่ 12, บทสัมภาษณที่ 13, บทสัมภาษณที่ 15, บทสัมภาษณที่ 17, บทสัมภาษณที่ 20, บทสัมภาษณที่ 25, บทสัมภาษณที่ 29,

บทสัมภาษณที่ 31, บทสัมภาษณที่ 32, บทสัมภาษณที่ 33, บทสัมภาษณที่ 36, บทสัมภาษณที่ 37, บทสัมภาษณที่ 38, บทสัมภาษณที่ 39, บทสัมภาษณที่ 40, บทสัมภาษณที่ 42, และบทสัมภาษณที่ 49 150

บทสัมภาษณที่ 12

151

บทสัมภาษณที่ 17

152

บทสัมภาษณที่ 51

153

บทสัมภาษณที่ 41

154

บทสัมภาษณที่ 44

155

บทสัมภาษณที่ 50

156

บทสัมภาษณที่ 14

157

บทสัมภาษณที่ 15

205 ดานเงินทุนโดยใหกําหนดเงื่อนไขและหลักเกณฑไมยุงยากแกผูประกอบการที่เพิ่งเริ่มธุรกิจ 158 และมีบางรายให ความคิดเห็นวาผูประกอบการสวนใหญ ยังใชแหลงทุนจากสถาบันการเงิน เนื่องจากมีความคุนเคย ความใกลชิด สวนแหลงทุนจาก สสว. มีขอจํากัดหลายดาน 159 และเงื่อนไขยุงยากจนเกินไป 160 ในขณะที่ผูประกอบการบางรายเคยขอรับการสงเสริมกองทุน SMEs ครั้งหนึ่งเพื่อไปดูงาน นอกจากนั้น เปนการกูยืมเงินจากธนาคารพาณิชย 161 ผูประกอบการบางรายรูจัก สสว. แตสะดวกที่ดําเนินธุรกิจโดยใชเงิน สวนตัว หรือบางรายไดรับการติดตอจากทาง สสว. ในการชวยเหลือเงินทุน หากแตผูประกอบการไดปฏิเสธไป เนื่ อ งจาก มี อ ายุ ม ากแล ว ไม ต อ งการเป น หนี้ และไม ต อ งการขยายกิ จ การโดยเน น การดํ า เนิ น ธุ ร กิ จ แบบ พอเพียง 162 จะเห็นไดวาผูประกอบการโดยสวนใหญใชเงินทุนสวนตัวในการดําเนินธุรกิจ และในขณะเดียวกัน ก็มีผูประกอบการหลายรายที่ใชทั้งเงินสวนตัวและมีการกูยืมจากสถาบันการเงิน เชน ธนาคารกสิกร เนื่องจาก เปนลูกคามานาน และเดินทางสะดวก 163 หรือธนาคารกรุงไทย เพราะคาธรรมเนียมและดอกเบี้ยถูก การอนุมัติ เร็ว อี กทั้งธนาคารกรุ งไทยก็ เชี่ยวชาญพวกเอกสารที่เกี่ยวกั บภาครั ฐ แตถา เปนธนาคารอื่นจะไมรูระเบีย บ ภาครัฐ 164 นอกจากนี้ยังมีการดําเนินธุรกิจโดยการกูยืมจากกองทุนวิสาหกิจ และธนาคารพาณิชยทั่วไป 165 และ มีผูประกอบการหลายรายที่เมื่อเริ่มกอตั้งกิจการไดกูยืมเงินจากธนาคารพาณิชยเพื่อมาลงทุน แตเมื่อกิจการเติบ โดและมั่นคง มีกําไร ก็จะใชเงินสวนตัวในการดําเนินกิจการ 166 ในขณะที่ผูประกอบการรายหนึ่งไดใหเหตุผล ในการไมขอรับการสนับสนุนจากกองทุนสงเสริม SMEs ของ สสว.ไววา ไมเคยขอรับการสงเสริมกองทุน SMEs ดานเงินลงทุน ซึ่งสวนใหญอาศัยการกูยืมเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร โดยมี 158

บทสัมภาษณที่ 30

159

บทสัมภาษณที่ 48

160

บทสัมภาษณที่ 54

161

บทสัมภาษณที่ 16

162

บทสัมภาษณที่ 45

163

บทสัมภาษณที่ 18, และบทสัมภาษณที่ 26

164

บทสัมภาษณที่ 43, และบทสัมภาษณที่ 47

165

บทสัมภาษณที่ 19, บทสัมภาษณที่ 23, บทสัมภาษณที่ 24, บทสัมภาษณที่ 34, และบทสัมภาษณที่ 35

166

บทสัมภาษณที่ 21, และบทสัมภาษณที่ 22

206 การใชเงินสวนตัวในอัตราสวนที่นอยมาก ในการผลิตไดผลกําไรนอยแตมีตนทุนการผลิตที่สูง เหตุผลที่เลือก กูยืม เงิ นจากธนาคารออมสิ น และ ธกส. เนื่องจากขั้นตอนการกูยื มมีค วามสะดวก งา ย แตถ ากูจากกองทุ น สงเสริม SMEs นั้นมีขั้นตอนที่ยุงยาก เพราะธุรกิจที่ทําอยูนี้ยังไมเปนนิติบุคคล 167 ในขณะเดียวกัน มีผูประกอบการบางราย เคยขอรับการสงเสริมกองทุน SMEs 168 เพราะรุจักกองทุน SMEs ที่ สสว. ดําเนินการเพื่อชวยเหลือธุรกิจ SMEs หากแตไมสามารถใหความเห็นเปรียบเทียบไดวากองทุน ดั ง กล า วมี ห ลั ก เกณฑ หรื อเงื่ อนไขเหมื อนหรือ แตกตา งจากสถาบันการเงิน อื่น อยา งไร เนื่อ งจากไมเคยขอ ความชวยเหลือทางการเงินกับสถาบันการเงินอื่นนอกจาก สสว. และเมื่อธุรกิจมีความมั่นคงและมีผลกําไรแลว ก็จะใชเงินสวนตัวในการลงทุนและขยายกิจการของตนตอไป 6. การประสานงานกับ สสว. เพื่อขอความชวยเหลือในการทําธุรกิจ และความจําเปนที่ สสว. จะตองมี หนวยงานศูนยภูมิภาค เนื่องจากผูประกอบการหลายรายไมรูจักสสว. วามีบทบาทและหนาที่ในการใหความชวยเหลือและ การสงเสริมธุรกิจ SMES จึงทําใหไมทราบวาตองติดตอ สสว. ผานหนวยงานใดหรืออยางไร หากแตเมื่อ ผูสัมภาษณไดอธิบายถึงหนาที่และบทบาทของ สสว. เพื่อใหผูประกอบการไดรับทราบ ผูประกอบการหลายราย เห็ นด วยถึง ความจํ าเปนที่ สสว. ควรมีหนวยงานศูนยภูมิภาค 169 ในขณะที่ผูป ระกอบการบางรายรูจัก สสว. การประสานงานและติดตอ สสว. จึงมีหลายรูปแบบแตกตางกันตามที่ผูประกอบการพึงพอใจ อาทิ (1) ติดตอ ผานหนวยงานยอยที่มีความสัมพันธและรูจักชุมชนเปนอยา งดี และเห็นดวยวามีความจําเป นที่ สสว. ควรมี หนวยงานศูนยภูมิภาค เพราะผูประกอบการและบุคคลทั่ วไปที่เกี่ยวของกับ SMEs ยังไมคอยรูจัก สสว. 170 (2) ติดตอสสว.หรือเจาหนาที่ สสว.โดยตรง ในดานความจําเปนจะตองมีหนวยงานภูมิภาคขึ้นอยูกับอัตราการใช บริการของประชาชน และขอบอํานาจหนาที่ของ สสว. ในกรณีที่ไมมีประชาชนใชบริการ การจัดตั้งศูนยภูมิภาค ก็ไมมีความจําเปน แตหากเปนกรณีดังที่แนะนําเบื้องตน ถา สสว. ผันตัวเองเปนศูนยขอมูลขาวสาร คอยให ความช ว ยเหลื อและเป น พี่ เ ลี้ ย งให กั บ เอกชนที่จั ด ตั้ ง ใหม เป นกรณี ที่ ส มควรจั ดตั้ ง ศู น ย ภู มิ ภ าคกระจายใน 167

บทสัมภาษณที่ 27

168

บทสัมภาษณที่ 28, บทสัมภาษณที่ 46, และบทสัมภาษณที่ 56

169

บทสัมภาษณที่ 12

170

บทสัมภาษณที่ 13

207 ทุกจังหวัด เพื่อใหประชาชนสามารถเขาถึงบริการไดงายขึ้น 171 นอกจากนี้ยังเปนการสะดวกในการทําธุรกรรม เนื่องจากผูประกอบการในตางจังหวัดไมสะดวกในการเดินทางไปติดตอ สสว. ในกรุงเทพฯ 172 ทั้งนี้ควรให ธนาคาร SME เปนหนวยงานของสสว. หรือใหมีเจาหนาที่ของ สสว. ทํางานอยูที่ธนาคาร SME หรืออาจจะยุบ สสว. รวมเขากับ SME Bank เผื่อจะไดผลที่ดีขึ้น เชนเดียวกับธนาคารทหารไทย สสว.ไมควรจะมีหนวยงาน ยิ บ ย อ ยซ้ํ า ซ อ นกั น 173 หรื อ อี ก กรณี คื อ เห็ น ว า สสว. จํ า เป น ต อ งมี ห น ว ยงานศู น ย ภู มิ ภ าคด ว ย ซึ่ ง อาจเป น การดํ าเนิ นการร วมกั นกั บธนาคารเพื่ อการเกษตรและสหกรณ การเกษตรก็ ได เพราะเป นหน วยงานที่ เข าถึ ง ผูประกอบการในสวนภูมิภาคไดจํานวนมาก

174

(3) ติดตอประสานผานทางอีเมลและผานทางหอการคา และมี

ความเห็นวา สสว. ควรจะมีหนวยงานศูนยภูมิภาค โดยการขยายมายังจัหวัดใหญๆ หรือระดับภูมิภาคก็ได ไม จําเปนตองทุกจังหวัด เพื่อจะไดเปนประโยชนในเรื่องของการรับฟงปญหา และไดรูขอมูลขาวสารและอํานาจ หนาที่ของ สสว. 175 (4) สสว. สงอีเมลเกี่ยวกับขอมูลโครงการตางๆ เพื่อเชิญชวนใหเขารวม 176 (6) ติดตอ หนวยงานพัฒนาผลิตภัณฑ เห็นดวยวา สสว. ควรตองมีหนวยงานศูนยภูมิภาค เพราะ สสว. ชวยชาวบานไดมาก และตรงความตองการ อยากใหชวยอยางตอเนื่อง 177 (5) ติดตอผานสํานักงานเขตหรือเทศบาล 178 (6) ติดตอผาน หน วยงานที่ ใ ห ก ารอบรม และเห็ นว า มี ค วามจํ า เป น ที่ สสว. จะต องมี หน ว ยงานศู นย ภูมิ ภ าค เนื่ องจากคน ตางจังหวัดมีปญหาไมสามารถเดินทางไปขอคําปรึกษาได ควรจะมีในสวนภูมิภาคใหญ ๆ 4 ภาค เหมือนกับศูนย สงเสริมอุตสาหกรรม 179

171

บทสัมภาษณที่ 14, บทสัมภาษณที่ 19, บทสัมภาษณที่ 30, บทสัมภาษณที่ 32, บทสัมภาษณที่ 41, บทสัมภาษณที่ 45

172

บทสัมภาษณที่ 15

173

บทสัมภาษณที่ 17

174

บทสัมภาษณที่ 50

175

บทสัมภาษณที่ 18

176

บทสัมภาษณที่ 20, และบทสัมภาษณที่ 51

177

บทสัมภาษณที่ 21

178

บทสัมภาษณที่ 33

179

บทสัมภาษณที่ 42

208 ในดานความจําเปนที่ สสว. จะตองมีหนวยงานศูนยภูมิภาคหรือไมนั้น ขึ้นอยูที่วา สสว .จะมีนโยบายใน ลักษณะไหน นโยบายแบบเดิมที่ใหการอบรมหรือการศึกษาเพียงอยางเดียวก็ไมเห็นควรวาจะตองมีหนวยงาน ศูนยภูมิภาค เพราะอาจเปนการเปลืองงบประมาณของรัฐ แตหากมีนโยบายในแบบเดียวกับ OTOP คือมีการลง ไปติดตอประสานและใหความชวยเหลือผูประกอบการแตละราย ก็เห็นดวยวาตองมีหนวยงานศูนยภูมิภาค เพื่อ จะสนับสนุนใหมีผูอยากเขาไปขอคําปรึกษาเปนจํานวนมาก 180 แตโดยพื้นฐานแลวหนวยงานนี้จะมีศูนยภูมิภาค หรื อ ไม หรื อ ตั้ ง อยู ที่ ใ ด ไม ถื อ เป น เรื่ อ งสํ า คั ญ หากที่ สํ า คั ญ คื อ ความอนุ เ คราะห ใ นการพิ จ ารณาว า จะให ความชวยเหลือและสงเสริ มในแตละพื้นที่หรือไม อยางไร โดยฉพาะในทองที่นี้ ควรพิจารณาศักยภาพของ ผูป ระกอบการและธุ รกิ จ ไม ใ ช ใ ห ค วามสํ า คั ญแต กั บ บุ คลากรที่ เพิ่ ง จบการศึ ก ษา เนื่ องจากบางรายยั ง ไม มี ประสบการณในการทํางานเลยแตใชวิธีซื้อของมาขายตอ แตไดรับการสงเสริมจาก สสว. 181 และไมควรให ความช วยเหลื อผ า นหน วยงานท องถิ่ น แต ค วรไปตั้ ง สํ า นัก งานเองโดยตรงเพื่อช วยเหลื อผู ป ระกอบการได มากขึ้น182 เพราะการทํางานของหนวยงานราชการคอนขางลาชา183 ในขณะเดี ยวกัน ผู ป ระกอบการบางรายไมเห็นดวยกับการที่ สสว. จะตองมีหนวยงานศูนยภูมิภาค หากแตเห็นควรวา สสว. ตองประสานงานและรวมมือกับสภาอุตสาหกรรม และเมื่อเปนเชนนี้ก็ไมจําเปนจะตอง มีหนวยงานศูนยภูมิภาค 184 เชนเดียวกับบางรายที่คิดวา สสว. ไมจําเปนตองมีหนวยงานภูมิภาค เพราะสุดทายแลว ในระดับภูมิภาคไมไดชวยให สสว. ทํางานไดดีขึ้น แตหากมีการพัฒนาองคกรเปน one stop service เพื่อมา ช ว ยเหลื อและรองรั บ ความต องการของผู ป ระกอบการจะเป นผลดี ม ากกว า และควรปรั บ ปรุ ง องค ก รให มี ความคลองตัวและสามารถเขาถึงความชวยเหลือไดงา ยและสะดวกขึ้นจะดีมากกวานี้185

180

บทสัมภาษณที่ 20

181

บทสัมภาษณที่ 27

182

บทสัมภาษณที่ 31

183

บทสัมภาษณที่ 44

184

บทสัมภาษณที่ 34

185

บทสัมภาษณที่ 39

209 ในขณะที่มีผูประกอบการบางรายเคยประสานงานกับสสว. แตมีความเห็นวาไมประสานงานดวยนาจะ ดีกวา เพราะเมื่อประสานงานไปแลวกลับไมไดผลที่ดีเทาใด 186 นอกจากนี้ยังมีบางรายเห็นวาเคยประสานงาน กับ สสว. แตเห็นวาทํางานไมเกิดประสิทธิผลและซ้ําซอนกับหนวยงานอื่น เสนอใหยุบ สสว. หรือรวม สสว. เขา กับหนวยงานอื่น187 และมีบางกรณีที่ผูประกอบการรูจัก สสว. แตโดยสวนตัวไมมีการประสานงานกับ สสว. แต ถาเปนดวยตําแหนงหนาที่ก็มีบาง ซึ่งเห็นวาหนวยงาน สสว. ควรที่จะมีบทบาทมากกวานี้ ซึ่งการมีหนวยงาน ศูนยภูมิภาคอาจจะมีสวนชวยเหลือผูประกอบการมากยิ่งขึ้น ทั้งเปนการชวยไดโดยตรง และรวดเร็ว 188 7. ผลกระทบตอการประกอบธุรกิจเมื่อเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กลยุทธในการปรับตัวในการเขา สูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และบทบาทของ สสว. ในการใหความชวยเหลือ จากการสัมภาษณผูประกอบการถึงผลกระทบตอการประกอบธุรกิจในตลาดการคาเสรีเมื่อประเทศไทย ในฐานะประเทศสมาชิกภาคีตองมีนิติสัมพันธในการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในป 2558 ซึ่งหนึ่งใน ยุทธศาสตรที่สําคัญในการทีภ่ าครัฐสงเสริมเพือ่ ขยายอํานาจและชองทางการตลาด รวมถึงพัฒนาระบบเศรษฐกิจ เสรีใหเกิดในทุกภาคสวนของประเทศเพื่อชวยเสริมสรางความมั่นคงของการคาการลงทุนทั้งในและตางประทศ คือ การสงเสริมในเริ่มธุรกิจ SMES ใหสามารถเปนธุรกิจที่มีศักยภาพในการแขงขันในระดับสากล แตใน ขณะเดียวกัน การที่ประชาคมอาเซียนมีจุดมุงหมายเพือ่ การเปนตลาดเดียวและฐานการผลิตเดียวยอมมีผลกระทบ ในแง ข องการแข ง ขันทางการคา ที่สู ง ขึ้นระหวา งกลุ ม ประเทศอาเซี ยน รวมทั้ ง การตองปรั บแกและเพิ่ มเติ ม กฎหมายและนโยบายโดยภาครัฐเพื่อใหสามารถรับมือกับการคาเสรีไดอยางมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ภาคธุรกิจ เองก็ตองเตรียมความพรอม ทั้งในแงของกลยุทธที่ตองปรับเพื่อใหสามารถรักษาความมั่นคงทางตลาดของธุรกิจ ตน และการสรางโอกาสในการเปดการคาเสรีในอนาคตอันใกลนี้ ผูใหสัมภาษณสวนใหญลวนตระหนักถึง โอกาสและผลกระทบตอธุรกิจของตนเมื่อเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และไดมีการคํานึงถึงกลยุทธที่จะ นํามาใชในธุรกิจของตน ตลอดจนความคาดหวังในการที่หนวยงานภาครัฐ รวมทั้ง สสว. จะใหความชวยเหลือ

186

บทสัมภาษณที่ 16

187

บทสัมภาษณที่ 54

188

บทสัมภาษณที่ 22, บทสัมภาษณที่ 23, บทสัมภาษณที่ 24, บทสัมภาษณ 25, บทสัมภาษณที่ 26, บทสัมภาษณที่ 28, บทสัมภาษณที่ 29, บท

สัมภาษณที่ 30, บทสัมภาษณที่ 33, บทสัมภาษณที่ 38, และบทสัมภาษณที่ 46

210 จากคําตอบของการใหสัมภาษณในประเด็นนี้ สามารถแบงผูใหสัมภาษณออกเปน 3 กลุมหลัก คือ กลุมที่หนึ่ง กลุมที่ใหความเห็นวาการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลกระทบตอการประกอบธุรกิจนอย หรือไมคอยมีผลกระทบ 189 โดยมีเหตุผลที่แตกตางกัน อาทิไมคอยมีผลกระทบ เพราะธุรกิจรานอาหารที่ทําอยู ไมไดเกี่ยวของกับการที่ประเทศไทยจะเขาสู AEC 190, เพราะเปนธุรกิจภาคบริการที่มีพื้นที่ใหบริการจํากัด 191, เพราะผลผลิตนั้นมีรูปแบบตางกัน192, เพราะเปนธุรกิจทองถิ่นภูมิภาค 193, เพราะเปนธุรกิจสงออก 194, เพราะธุรกิจ ที่ทําอยูนี้ไดมีการเตรียมความพรอมเพื่อเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนแลว 195, เพราะสินคาที่จําหนายอยูนั้น เปนสินคาที่ประเทศในอาซียนยังตองนําเขาจากประเทศไทยอยู จึงไมคิดวาจะมีปญหาดานการแขงขันหรือ การแยงชิงตลาด แตอยางไรก็ดี เห็นวาตองมีการปรับตัวถาเขา AEC เพราะอาจเกิดการแขงขันตามมาเมื่อเปดเสรี การคา 196 ในขณะที่บางรายเห็นวามีผลกระทบนอยแตเปนดานดี โดยใหเหตุผลวา เพราะวัตถุดิบราคาถูกลง ทําใหไดผลกําไรมากขึ้น 197 กลุมที่สอง กลุมที่ใหความเห็นวาการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลกระทบตอการประกอบ ธุรกิจปานกลางถึงมาก ทั้งการแขงขันที่สามารถสงออกไดมากขึ้น และในขณะเดียวกันมีคูแขงเขามามากขึ้นซึ่ง เปนธุรกิจประเภทเดียวกัน 198 บางรายใหความเห็นวามีผลกระทบ ทั้งนี้ขึ้นอยูกับวาในอนาคตธุรกิจที่ทําอยูจะ ตรงกับ การประกอบการของตางประเทศหรือไม หากเปนเชนนั้น กลุม อาชีพของเมืองไทยนั้นอาจประสบ 189

บทสัมภาษณที่ 12, บทสัมภาษณที่ 19 , บทสัมภาษณที่ 21, บทสัมภาษณที่ 29, บทสัมภาษณที่ 38

190

บทสัมภาษณที่ 13

191

บทสัมภาษณที่ 14

192

บทสัมภาษณที่ 15

193

บทสัมภาษณที่ 22

194

บทสัมภาษณที่ 37

195

บทสัมภาษณที่ 47

196

บทสัมภาษณที่ 31

197

บทสัมภาษณที่ 32

198

บทสัมภาษณที่ 18, บทสัมภาษณที่ 24, บทสัมภาษณที่ 28, บทสัมภาษณที่ 33, บทสัมภาษณที่ 35, บทสัมภาษณที่ 40, บทสัมภาษณที่ 41,

บทสัมภาษณที่ 42, และบทสัมภาษณที่ 50

211 ปญหาเรื่องตนทุนและแรงงานอันเนื่องมาจากคาแรงขั้นต่ํา 199 รวมถึงดานรูปแบบผลิตภัณฑ และภาษา ราคา สินคา 200 รวมถึงดานเทคโนโลยีเพราะวาเทคโนโลยีของไทยยังไมมีศักยภาพทัดเทียมกับตางประเทศ ซึ่งอาจมีผล ให โ ดนแย ง ชิ ง การตลาด 201 และอี ก ประการหนึ่ง ที่ผูป ระกอบการใหค วามสํา คัญในแงที่เ ปนผลกระทบคื อ ประเด็น AEC ถือเปนเรื่องใหมสําหรับผูประกอบการ SMEs ซึ่งมีประเด็นเรื่องของขอกฎหมายระหวางประเทศ ที่ยังไมชัดเจน ภาครัฐจึงตองใหขอมูล ขอเท็จจริง รวมถึงการสงวนธุรกิจบางประเภทสําหรับ SMEs ไทย 202 กลุมที่สาม กลุมที่ใหความเห็นวาการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนมีทั้งผลดีและผลเสียโดยรวม 203 คนตางชาติจะสามารถเขามาทําธุรกรรมหรือติดตอกับเราไดมากขึ้น และเราเองก็สามารถเขามาทําธุรกรรมหรือ ติดตอกับพวกเขาไดมากขึ้นในหลายชองทางเชนกัน204 และอาจจะไดเปรียบในดานพื้นที่ในการขนสง ถาหากคา ขนสงราคาถูก ก็สามารถจําหนายในพื้นที่ที่กวางขึ้น 205 นอกจากนี้ในผูประกอบการบางรายมีความเห็นวาไมตอง ปรับตัวเรา หากแตพยายามทําธุรกิจของเราใหดีที่สุด ประเทศไทยถือวาเปนชั้นแนวหนาอยูแลว โดยใชหลักการ ที่ทํ า ธุ รกิ จในเมื องไทยอยา งเต็ม ที่ พรอมที่จะบุก ประเทศที่มีประสิท ธิภาพดอยกวา เราซึ่ง มีจํานวนมากกวา ประเทศที่มีประสิทธิภาพสูงกวาเรา โดยเลือกที่จะหาประโยชนจากประเทศที่ดอยกวา ซึ่งงายกวา ดวยการปรับ เรื่องภาษาซึ่ งเป นจุ ดอ อนของนัก ธุรกิจที่เป น SMEs ทั้งหมด จะต องใชค วามพรอมมาก ๆ คิดไดพู ดไดแต หนวยงานของรัฐนั้ นมีง บประมาณจํากั ด เนื่องจากหนวยงานนี้ไ มใช หนวยงานที่ได รับความสําคั ญมากมาย ในการชวยเหลือควรจะครบทุกดาน มันเปนเรื่องของการบริหารจัดการใหถวนถี่ ในทุก ๆ จังหวัด การบริหาร จัดการระหวางประเทศ กฎกติกามารยาทของแตละประเทศ ขอหามของแตละประเทศ ภาษาของแตละประเทศ ตองมีการอบรมอยางตอเนื่อง206 199

บทสัมภาษณที่ 27, และบทสัมภาษณที่ 43

200

บทสัมภาษณที่ 44

201

บทสัมภาษณที่ 53

202

บทสัมภาษณที่ 48

203

บทสัมภาษณที่ 17, บทสัมภาษณที่ 23, และบทสัมภาษณที่ 51

204

บทสัมภาษณที่ 39

205

บทสัมภาษณที่ 20

206

บทสัมภาษณที่ 52

212 ในดานของกลยุทธที่ผูประกอบการนํามาใชในธุรกิจของตนเพื่อการปรับตัวและเสริมสรางความพรอม เมื่อประเทศไทยเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้นสามารถสรุปไดดังนี้ • การปรับกลยุทธทางการตลาดเพื่อขยายชองทางการสงออก 207 • มีการเตรียมความพรอม โดยมีการติดตอคูคาแถบอาเซียน วามีกฎเกณฑอะไรบางเพื่อที่จะไดปรับตัวให ไดมาตรฐานโรงงานและองคกร สามารถเตรียมรับขอจํากัดตางๆได รวมถึงดานเทคโนโลยี มาตรฐาน การผลิต และการตลาด208 • การพยายามรุกตลาดตางประเทศ ทั้งนี้ตองศึกษาวาแตละประเทศชอบบรรจุภัณฑ (Package) รูปแบบใด เชน สนใจในผาไหม หรือกระดาษ โดยสวนมากจะปรับตัวโดยอัตโนมัติอยูแลวจากการรับรูขาวสาร ของตางประเทศ209 • สินคาที่ผลิตจะตองมีความโดดเดนและแตกตางอยางชัดเจน ไมเหมือนใคร รักษาสิ่งแวดลอม มีการหา ฐานลูกคาใหมโดยใชฐานลูกคาเดิม จะผลิตสินคาใหมโดยใชลูกคาเกาเปดตัวสินคา อาจเปนเรื่องของ การบอกตอ210 • การโฆษณาและประชาสัมพันธสินคาและเครื่องหมายการคา ยี่หอ โดยเนนที่ความเปนไทย ผลิตโดย ฝมือคนไทยเปนสินคาที่มีเอกลักษณความเปนไทย 211 • การใชสัญญาซื้อขายสินคาเกษตรลวงหนา 212 • การพัฒนาอยางไมหยุดยั้งโดยไมทําธุรกิจในเชิงตั้งรับ หาแนวทางใหมๆ แตเพื่อเพื่มศักยภาพการแขงขัน เชน การเนนการบริการและการทองเที่ยว ทําแบบเศรษฐกิจพอเพียงโดยมุงเนนการจําหนายในตลาดใน ประเทศ 213 207

บทสัมภาษณที่ 15

208

บทสัมภาษณที่ 18, บทสัมภาษณที่ 25, บทสัมภาษณที่ 26

209

บทสัมภาษณที่ 20

210

บทสัมภาษณที่ 21

211

บทสัมภาษณที่ 24

212

บทสัมภาษณที่ 25

213

บทสัมภาษณที่ 27

213 • การปรับตัวในแงของการการตลาดและการหาชองทางลดตนทุนเพื่อแขงกับสินคาจากตางประเทศที่ หลั่งไหลเขามา 214 • ปรับปรุงองคกรใหมีความคลองตัวมากขึ้น เนื่องจากตนทุนการผลิตและบริการในไทย ยังสูงกวาบาง ประเทศเพื่อนบาน215 • นําสินคาของตนเองไปทดสอบ จําหนายในหลาย ๆ ประเทศ โดยไดขอสรุปวาประเทศไหนมีผลตอบรับ ที่ดีไดราคาสูง โดยศึกษาลักษณะนิสัย ความพึงพอใจ โครงสรางธุรกิจ216 • มีการเขารับอบรมดานภาษา เตรียมการพัฒนาดานคุณภาพของสินคาใหเปนสากลมากขึ้น เชน ปรับจาก เกษตรทั่วไปเปนเกษตรอินทรีย ทําใหสินคามีความตางอยางชัดเจน เพื่อที่จะตอสูกับตางชาติได217 • การรักษามาตรฐานการผลิต ไมใหตางชาติเขามาตีตลาดได 218 ในดานบทบาทของภาครัฐรวมทั้ง สสว. ในการใหการชวยเหลือธุรกิจ SMEs ผูประกอบการมีความเห็นใน ประเด็นนี้ ดังนี้ • สสว. ควรใหความรูส ชู ุมชนในการจัดอบรม สัมมนาอยางนอยเดือนละครั้งเพื่อใหเกิดความตอเนื่อง 219 • ตองการใหภาครัฐหรือ สสว. เขามาชวย อยากให สสว. ชวยสงเสริมเรื่องแรงงาน การหาทุน การเปด อบรม การหาพนักงานเพื่อเปนทรัพยากรบุคคลของการประกอบธุรกิจ และเรื่องการสงออก220 • ตองการให สสว. สนับสนุนดานบรรจุภัณฑ และ ฉลากบนผลิตภัณฑ 221

214

บทสัมภาษณที่ 35

215

บทสัมภาษณที่ 40

216

บทสัมภาษณที่ 42

217

บทสัมภาษณที่ 44

218

บทสัมภาษณที่ 50

219

บทสัมภาษณที่ 12

220

บทสัมภาษณที่ 15, บทสัมภาษณที่ 26, และบทสัมภาษณที่ 36 นางสาวขนิษฐา เจตโรจนานนท

221

บทสัมภาษณที่ 19, และบทสัมภาษณที่ 27

214 • สสว. ควรปรับตัวดวยเพื่อสามารถทําหนาที่ในการเปดอบรมภาษาตางประเทศแกผูประกอบการ และมี การใชพื้นที่ในตางประเทศเพื่อเปดชองทางการสื่อสารใหแกผูประกอบการที่มีศักยภาพ 222 • อยากให สสว. อํานวยความสะดวกในดานการออกงานตางประเทศ รวมถึงให สสว. ตรวจสอบคุณภาพ สินคาของผูประกอบการและการใหการันตีในสินคา 223 • สสว. ควรมี มาตรการช วยเหลือโดยทําเปนขั้ นบั นได ไมควรปลอยเสรีทั้ งหมดในทันที ให มีโควตา การคาเสรี224 • ตองการให สสว. สนับสนุนในดานของเงินลงทุนและการอบรม เนื่องจากไดออกบรรจุภัณฑเองแลว และนํามาใชกับสินคาเพื่อเพิ่มมูลคาใหกับสินคา แตถาไดการสนับสนุนเรื่องนี้จาก สสว. ก็จะชวยลด ตนทุนได โดย สสว. อาจพิจารณากลุมอาชีพ ความเปนมา ระยะเวลาที่ประกอบกิจการ ลักษณะพื้นที่ หรือชุมชนที่ทํา SMEs วาสมควรไดรับการผลักดันใหไปแขงขันหรือขยายตลาดใหมๆ หรือไม ควร พิจารณาและใหความอนุเคราะหแกธุรกิจในพื้นที่นี้ดวย 225 • สสว. ควรตรากฎหมายให รั ด กุ ม เพื่ อ ควบคุ ม การประกอบอาชี พ ของคนต า งด า ว รวมถึ ง กํ า หนด หลักเกณฑการใหเงินทุนของผูประกอบการทั้งของไทยและตางแระเทศใหชัดเจน เพิ่มทักษะความรู ดานภาษาและการสื่อสาร226 • สสว. ควรทําโครงการสงเสริมธุรกิจ SMEs ใหญๆ แบบครบวงจร โดยมีระยะเวลาของโครงการนาน พอสมควรและเปนการใหความชวยเหลือแบบยั่งยืน227 • สสว. ควรทําให SMEs ในประเทศไทยใหแข็งแรงกอน โดยสามารถชวยในเรื่องการประมวลขอมูลหรือ ประมวลหาชองทางที่เหมาะสมในตางประเทศก็สามารถชวยไดมาก 228 222

บทสัมภาษณที่ 20, บทสัมภาษณที่ 26, บทสัมภาษณที่ 33, บทสัมภาษณที่ 38, บทสัมภาษณที่ 41

223

บทสัมภาษณที่ 21

224

บทสัมภาษณที่ 25

225

บทสัมภาษณที่ 27, และบทสัมภาษณที่ 41

226

บทสัมภาษณที่ 30

227

บทสัมภาษณที่ 34

228

บทสัมภาษณที่ 39

215 • สสว. ควรมีการชวยเหลือในเรื่องของการตลาด การจัดจําหนาย การประชาสัมพันธ229 • ตองการใหภาครัฐและ สสว. ชวยในดานการขนสงมากขึ้น เพื่อใหเกิดความคลองตัวในการจัดจําหนาย และซื้อขายวัตถุดิบ เมือ่ เขาสูประชาคมอาเซียน230 • สสว. จะใหความชวยเหลือควรใหขอมูลการศึกษาตลาดในอาเซียน เชน ตลาดวัตถุดิบตางๆ สสว. ควร เปนพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาใหหนวยธุรกิจ ตลอดจนปรับหลักเกณฑความชวยเหลือใหทันตอสถานการณ ดวย 231 • สสว. ควรเขามาใหคําปรึกษาและประชาสัมพันธการใหความชวยเหลือตางๆ แกผูประกอบการกอนจะ มีการเปดประตูสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอยางเต็มรูปแบบ 232 • ตองการให สสว. ชวยสงเสริมการทองเที่ยว และการประชาสัมพันธและการโฆษณาสินคาในแหลง ทองเที่ยว233 • การวางจุ ด ยุ ท ธศาสตร ข องทุ ก หน ว ยงานควรให เ ป น ในทางเดี ย วกั น ลดขั้ น ตอนในการติ ด ต อ ประสานงานใหรวดเร็วขึ้น เกิดความเชื่อมั่นระหวางผูประกอบการกับหนวยงานของรัฐ234 8. กฎหมายในการจัดตั้ง สสว. มีประเด็นใดที่ควรแกไขเพิ่มเติม จากการสัมภาษณผูประกอบการพบวาผูประกอบการสวนใหญไมรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. หรือบางรายรูจักแตไมทราบวาหนวยงานนี้มีกฎหมายใหอํานาจในการจัดตั้งอยางไรบาง ทําใหผูประกอบการ หลายรายไม ส ามารถให ค วามคิ ด เห็ น ในประเด็ น สั ม ภาษณ ข อ นี้ ไ ด 235 ดั ง นั้ น ผู ป ระกอบการบางรายจึ ง มี 229

บทสัมภาษณที่ 42

230

บทสัมภาษณที่ 44

231

บทสัมภาษณที่ 49

232

บทสัมภาษณที่ 50

233

บทสัมภาษณที่ 51

234

บทสัมภาษณที่ 55

235

บทสัมภาษณที่ 12, บทสัมภาษณที่ 15, บทสัมภาษณที่ 16, บทสัมภาษณที่ 17, บทสัมภาษณที่ 18, บทสัมภาษณที่ 19, บทสัมภาษณที่ 20,

บทสัมภาษณที่ 21, บทสัมภาษณที่ 22, บทสัมภาษณที่ 23, บทสัมภาษณที่ 26, บทสัมภาษณที่ 27, บทสัมภาษณที่ 28, บทสัมภาษณที่ 29,

216 ความคิดเห็นวา ให สสว. ช วยประชาสั มพันธ วัตถุ ประสงค อํ านาจหน าที่ข องตนเองใหชัดเจนกวานี้ 236 แต อยางไรก็ตาม มีผูประกอบการบางรายที่ไดใหความคิดเห็นในประเด็นเรื่องกฎหมายจัดตั้ง สสว. วาควรแกไข เพิ่มเติมในประเด็นใดบาง ดังนี้ • ควรมีก ารปรั บแก คํา นิ ยาม เพื่ อใหรวมธุรกิจขนาดจิ๋วอยูใ นประเภทของธุรกิจ SMEs ที่ สสว. ให การสงเสริมอยูในขณะนี้ดวย นอกจากนี้การเพิ่มคํานิยามดังกลาวจะชวยทําใหการสงเสริมธุรกิจขนาด จิ๋วแตกตางจากธุรกิจ SMEs อันจะทําใหไมเกิดความเหลื่อมล้ําในการสงเสริมและสนับสนุนธุรกิจ ประเภทนี้ 237 • กฎหมายจัดตั้งกําหนดอํานาจหนาที่ของ สสว. ไวซ้ําซอนกับหนวยงานอื่น เชน SME Bank ควรมี การพิจารณาขอบเขตอํานาจหนืที่ของ สสว. อีกครั้ง และแกไขไปพรอมกับการแกไขกฎหมายอื่นที่ เกี่ยวของ 238 • ควรแกไขกฎหมาย เพื่อใหขั้นตอนในการขอความชวยเหลือไมยุงยาก และลดภาระและคาใชจายของ ผูประกอบการ239 • ควรแกไขกฎหมาย เพื่อใหเกิดความชัดเจนในการบังคับใช กรอบอํานาจหนาที่ของคณะกรรมการ ใน ดานมาตรการระยะสั้นทั้งหลายที่ชวยเหลือ เชน มาตรการชวยเหลือผูประกอบการ SMEs ในชวงภาวะ วิกฤต โดยการลดตนทุนการผลิต ไมควรนํามากําหนดไวในกฎหมาย และการที่กฎหมายมีบทบัญัติให ความชวยเหลือผูประกอบการในภาวะวิกฤต ควรระบุไวดวยวามีกรณีใดบางโดยอาจระบุไวในกฎหมาย ลํ า ดั บ รอง ในกรณี มี น โยบายภาครั ฐ ที่ เ ป น เหตุ ใ ห SMEs ต องรั บ ภาระมากขึ้ น ก็ ค วรลดภาษี ใ ห ผูประกอบการ SMEs ในชวงเริ่มตนของการบังคับใชนโยบายนั้นๆ ดวย 240 บทสัมภาษณที่ 34, บทสัมภาษณที่ 35, บทสัมภาษณที่ 36, บทสัมภาษณที่ 37, บทสัมภาษณที่ 38, บทสัมภาษณที่ 40, บทสัมภาษณที่ 41, บทสัมภาษณที่ 42, บทสัมภาษณที่ 43, บทสัมภาษณที่ 44, บทสัมภาษณที่ 45, บทสัมภาษณที่ 46, บทสัมภาษณที่ 47, บทสัมภาษณที่ 48, บทสัมภาษณที่ 49, บทสัมภาษณที่ 51, บทสัมภาษณที่ 52, บทสัมภาษณที่ 53, บทสัมภาษณที่ 54, บทสัมภาษณที่ 55, บทสัมภาษณที่ 56 236

บทสัมภาษณที่ 32, บทสัมภาษณที่ 33, บทสัมภาษณที่ 33

237

บทสัมภาษณที่ 13

238

บทสัมภาษณที่ 14

239

บทสัมภาษณที่ 24

240

บทสัมภาษณที่ 25

217 • ควรแก ไ ขให บ ทบั ญ ญั ติใ นกฎหมายที่เกี่ ย วของกั บ คณะกรรมการของ สสว. มี ค วามสอดคล องกั บ นโยบายของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 241 • คณะกรรมการควรตรากฎหมายที่มีบทบัญญัติดานการจัดทําฐานขอมูลในดานธุรกิจ SMEs เพื่อเปน ประโยชนกับผูป ระกอบการ242 • กฎหมายที่ออกควรเอื้อประโยชนแกผูประกอบการทั้งธุรกิจ SMEs และธุรกิจขนาดจิ๋ว243 • ควรแก ไขใหก ฎหมายสามารถชวย SMEs ได จริง ทํ าใหภาคเอกชนมีสวนรวมมากกว านี้ และควรมี นโยบายวา จะทํ าอยา งไรในการให การสนั บสนุน SMEs ของภาครั ฐไปในแนวทางเดีย วกัน ไมเกิ ด ความซ้ําซอนกันหรือไปคนละทิศทางระหวางหนวยงานภาครัฐและภาคเอกชน 244 • สสว. ควรมีการปรับปรุงแกไขกฎหมายหรืออนุบัญญัติที่เกี่ยวของในการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็กมากๆ ใหพัฒนาและเติบโตไปไดอยางยั่งยืนเปนสําคัญ245

241

บทสัมภาษณที่ 30

242

บทสัมภาษณที่ 31

243

บทสัมภาษณที่ 33

244

บทสัมภาษณที่ 39

245

บทสัมภาษณที่ 50

218 5.2 ผลสรุปประเด็นจากการสัมมนาครั้งที่ 1 กรุงเทพฯ (สวนกลาง) จัดประชุมเมื่อวันจันทรที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2556 ณ หองประชุมรวยเพชร โรงแรมมารวยการเดน การสัมมนาเริ่มเวลา 9.30 น. คณะผูวิจัยไดนําเสนอวัตถุประสงคในการศึกษาและผลจากการศึกษาวิจัย จากนั้นไดซักถามผูเขารวมสัมมนาในประเด็นที่เกี่ยวของกับกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐของไทยในการสงเสริม สนับสนุน SMEs สรุปประเด็นในการสัมมนาไดดังนี้ 1. ความเขาใจเกี่ยวกับ SMEs หรือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมของผูเขารวมสัมมนา ผูเขารวมประชุม: กระผมเห็นวา SMEs เปนเรื่องไกลตัว ปญหาประการแรกคือ ผูประกอบการไมทราบ วาตนเองเปน SMEs หรือไม เมื่อยังไมทราบวาตนเองเปน SMEs ความเชื่อมโยงของผูประกอบธุรกิจจึงยังไม ปรากฏ ผูเขารวมประชุม: กระผมประกอบธุรกิจสวนตัวและรับราชการเปนนักวิชาการ กรมวิชาการเกษตร ขอ แสดงความคิดเห็นวา เรื่องเกี่ยวกับ SMEs ประชาชนทั่วไปขาดความรูมาก ในสวนกลางก็อาจสามารถติดตอ ธนาคารขอความชวยเหลือได แตสวนภูมิภาคการจะไปกูยืมเงิน ประชาชนเขาใจวาตองผานระเบียบกฎเกณฑ ขั้นตอนตางๆ มาก อยากใหชองทางการติดตอประสานงาน และการใหความรูแกประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะ ในสวนภูมิภาค ซึ่งประชาชนในแตละทองถิ่นเขามีความรูในวิถีชีวิตของเขา แตสิ่งสําคัญประการแรกที่เขาขาด คือ นวัตกรรม ประชาชนทองถิ่นเขามีวัตถุดิบ ทรัพยากร แตเขาไมรูวาจะทํายังไงใหทรัพยากรมีคามากยิ่งขึ้น ยกตัวอยางเชน ขณะนี้ที่จังหวัดนครพนม มีผูที่เกงดานการทําธูปไลยุง สามารถใชแกไขปญหาสุขภาพในตําบล นั้น ทําใหไขเลือดออกลดลงอยางมาก กรณีนี้นาจะมีการขยายแปรรูปไปเปนยากันยุง ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอม หรือ ธพว. ของแตละจังหวัด เทาที่กระผมมีประสบการณ เห็นวาบทบาทเขายังนอยที่ จะไปชวยเหลือประชาชน จริงๆ แลวหนวยงานภาครัฐตองทํางานเชิงรุก เพื่อทําให SMEs เขมแข็ง เหมือนที่ พระบาทสมเด็จพระเจาอยูหัวพระราชทานคําหนึ่งวา “ระเบิดจากขางใน” คือตองใหความรูกอน เราตองยอมรับ วาประชาชนตางจังหวัดความรูนอย และคนไทยไมคอยกลาแสดงออกอะไร เพราะฉะนั้นหนวยงานภาครัฐตอง ไปหาประชาชน เช น อาจจั ด สั ม มนา ไม ใ ช จั ด ในตั ว ศู น ย ก ลางจั ง หวั ด ในโรงแรม แต ต อ งไปที่ ตํ า บล ประสานงานกับสํานักงานเกษตรจังหวัด พัฒนาการจังหวัด พาณิชยจังหวัด เจาหนาที่ธนาคาร และเขาไปหาเพื่อ

219 ขอมูลเพื่อจัดทําเปนกรณีศึกษา ถาสําเร็จดีแลวเอากรณีศึกษาเหลานั้นไปขยายผล จะเปนผลดีกับประชาชน ตางจังหวัดมาก ในตางประเทศเศรษฐกิจเขาเขมแข็งมาจาก SMEs แตประเทศไทยชาวบานความรูนอย แมแต ธนาคารเพือ่ การเกษตรและสหกรณการเกษตรประชาชนก็ยังไมคอยรูจกั การสงเสริม SMEs ตองหาวิธีชวยเหลือ ประชาชนที่ไมกลามาหาภาครัฐ นอกจากนี้ ธพว.ตางจังหวัดแทบไมมีคนเขามาใชบริการเลย จุดแรกคือรัฐตอง เขาไปหากอน ผูเขารวมประชุม: ในเรื่องความรูความเขาใจเกี่ยวกับ สสว. ที่มีหนาที่ชวยเหลือองคกรธุรกิจ SMEs ใน เบื้ อ งต น กระผมเห็ น ว า ยั ง ไม เ ข า ถึ ง ภาคประชาชน ตั ว ผู ป ระกอบธุ ร กิ จ เองกระผมเห็ น ว า เขายั ง ไม ท ราบ หลักเกณฑวาเราเปนธุรกิจประเภท SMEs ประเภทไหน ขนาดกลางหรือขนาดยอม สรุปไดวาผูเขารวมประชุมเห็นวาผูประกอบการ SMEs มักขาดความเขาใจเกี่ยวกับ SMEs หรือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม เชน ไมทราบวากิจการของตนเปน SMEs หรือเปนกิจการขนาดกลาง หรือ ขนาดยอม และประสงคใหหนวยงานภาครัฐที่ทําหนาที่สงเสริมและสนับสนุน SMEs ทํางานเชิงรุกเขาถึง ผูประกอบการมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอยางยิ่งการใหความรูความเขาใจแกประชาชนในการประกอบธุรกิจ SMEs 2. บทบาทและหนาที่ของสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) ผูเขารวมประชุม: กระผมไมแนใจวาหนวยงาน สสว. จะมีสวนชวยดูแลการเขียนแผนธุรกิจเพื่อขอรับ การชวยเหลืออยางไร ตัวอยางเชน ขอคํานึงในการใหความชวยเหลือ เรื่องธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบตอ สังคม ผูประกอบการจะทําอยางไร ธรรมาภิบาลมีความจําเปนตอตัวองคกรมากนอยเพียงใด และการคํานึงถึง ผลกระทบตอสิ่งแวดลอม ตรงนี้ สสว. ยังไมเขาถึงภาคประชาชน อยากจะใหความคิดเห็นวาในสวนแรก ตอง สรางเขาใจใหภาคเอกชน ผูเขารวมประชุม: ดิฉันทําธุรกิจอุปกรณนําเขาแกสรถยนตและจําหนายในประเทศ ขอเรียนถามวา สสว. มีมาตรการส งเสริมการเริ่มตนธุรกิจหรือไม หรือดิฉันจะขอความชวยเหลือในการขยายธุรกิจอื่นไดหรือไม ซึ่งในการติดตอกับธนาคารพาณิชยมักมีเงื่อนไขวา จะตองผานการประกอบการมาแลวจํานวนกี่ป สสว. มี เงื่อนไขในการใหกูยืมในการเริ่มตนธุรกิจหรือไม นอกจากนี้ ผูประกอบการบางครั้งไมคอยทราบเรื่องระบบ ภาษี บั ญชี หรื อขอกฎหมายธุรกิจตา ง ๆ สวนใหญภาคราชการที่ผู ประกอบการจะได พ บ ได แก หนวยงาน สรรพากร แตสสว. ปจจุบันผูประกอบธุรกิจ SMEs ยังไมเคยไดพบวาเปนองคกรอะไร มีสํานักงานตั้งอยูที่ไหน

220 อยากใหสสว.ดําเนินการเหมือนหนวยงานสรรพากร มาพบผูประกอบการมากขึ้นก็จะเปนผลดี ในการกระจาย ความรูนั้นกรมสรรพากรทําไดดีกวา ทั้งที่เปนหนวยงานภาครัฐบาลเหมือนกัน สสว.ก็เปนหนวยงานภาครัฐ อาศัยงบประมาณเภาครัฐ แตเหตุใดจึงกระจายความรูหรือลงพื้นที่ไดไมดีเทาสรรพากร ผูเขารวมประชุม: กระผมเองประสบปญหาเรื่องฉลาก อ.ย. เนื่องจากธุรกิจครอบครัวคือการขายโจก เราพัฒนาเปนผลิตภัณฑแชแข็งตอยอดไดเปนที่เรียบรอย แตกระบวนการหลังจากนั้นจะตองควบคุมคุณภาพ สินคา ตองมีมาตรฐานดานอุตสาหกรรม กระผมไมมีความรูดานนี้ ก็ไดประสานงานติดตอขออนุญาตและขอรับ การพัฒนา ไปยังสํานักงานเขต ซึ่งสํานักงานเขตหลักสี่ที่กระผมไปติดตอ จะมี one stop service ทําใหไมตองไป หลายจุด ถา สสว. คิดวาอยากจะสงเสริม SMEs ใหเปนรูปธรรมหรือกอใหเกิดประโยชน การมี one stop service ที่ผู ประกอบการไมมีความรูและสามารถเดิ นเขา ไปขอความชวยเหลือไดส ะดวกรวดเร็ว ไดรับความรู เรื่ อง โครงการ ความชวยเหลือ งบประมาณ การวางแผน คําแนะนํา กฎหมายตางๆ ที่ผูประกอบการควรรู กระผมคิด สสว. นาจะชวยใหเกิดประโยชนที่เปนรูปธรรม เขาถึงตัวผูประกอบการไดมากยิ่งขึ้น ปญหาที่ SMEs ประสบใน ปจจุบัน คื อ ไดประกอบธุรกิจมาในระดับหนึ่งแต หนวยงานภาครัฐไม สามารถเขาถึงหน วยธุรกิจของเราได ในขณะที่ SMEs ก็ไมสามารถเขาถึงตัวภาครัฐ ถา สสว. ทําหนาที่เหมือนตัวกลางประสานงาน เปน one stop service เชื่อมโยงหนวยงานที่เกี่ยวของกับการสงเสริมธุรกิจแตละประเภท มีการติดตอที่เชื่อมโยงถึง การทํางาน นาจะเปนรูปธรรม กฎหมายไมไดบัญญัติขึ้นมาในเชิงของนโยบายที่ไมสามารถเอาไปใชได 13 ปที่ผานมา สสว. นาจะมีปญหาในระดับหนึ่ง ถา สสว. สามารถดําเนินการสงเสริม SMEs ไดอยางสะดวกรวดเร็ว ดังเชนกระผม สามารถไปติดตอประสานงานจุดเดียวก็สามารถพัฒนาตอยอดสินคาได กระผมอาจไปวางขายที่รานสะดวกซื้อ 7-11 หรือไปแขงกับธุรกิจขนาดใหญอยางบริษัท CP หรือไปแขงขันกับประเทศในกลุมอาเซียนก็ยอมสามารถ กระทําได ผูเขารวมประชุม: กระผมประกอบธุรกิจในการผลิตและนําเขาเครื่องสําอางสมุนไพร กระผมยังไมมี ความรูเกี่ยวกับ สสว. เลย ขอแสดงความคิดเห็นเรื่องการสงเสริมการตลาด ถา สสว.สงเสริมการตลาดใหแก SMEs ก็ จะเปนผลดี ปญหาของ SMEs จะเริ่ม ตั้งแตการจดทะเบียนบริ ษัท ผูประกอบการไมทราบขอมูล การดํ า เนิ นการเลยว า ต องจดทะเบี ย นอย า งไร ต องดูแ ลระบบบั ญชี อ ย า งไร รวมทั้ ง การมี ผ ลิ ตภั ณฑ อ อกมา จําเปนตองมีการจดทะเบียนเครื่องหมายการคา ซึ่งเปนกรณียุงยากมากที่จะไปขอจดทะเบียนเครื่องหมายการคา รวมทั้งการขอบารเครื่องหมายมาตรฐานระดับสากล ซึ่งมีการกําหนดคาสมาชิกไวสูงมาก จึงมีการทําเครื่องหมาย

221 ปลอมกันเพื่อขายสินคาในตลาด SMEs บางรายไมมีความรูเรื่องเช็ค แคชเชียรเช็ค จึงทําใหถูกโกงได ไมรู ระยะเวลาที่ตองไปแจงความ และก็อาจมีคาใชจายในชั้นศาลตอไป SMEs หลายรายจึงตองปดกิจการ ก็อยากให สสว. ดูแลใหความชวยเหลือในประเด็นดังกลาวดวย ผูเขารวมประชุม ในกรณีที่เปน SMEs ที่พึ่งเริ่มกิจการอยากให สสว. ชวยเหลือในประเด็นความรู ความเขาใจเกี่ยวกับการดําเนินธุรกิจ และการเขียนแผนโครงการ ในเบื้องตน สสว. ในฐานะที่เปนหนวยงานที่ สงเสริมผูประกอบธุรกิจ SMEs ถา สสว. เขาถึงภาคประชาชนเหมือนสรรพากร ก็นาจะเปนผลดี เพราะมีระบบที่ ใหผูประกอบการตองดําเนินการดวย ถา สสว. สามารถทํางานในลักษณะของการใหคําแนะนําวาโครงการจะทํา อยางไรใหไดรับความชวยเหลือ หรือในเรื่องของโครงการวิจัยและพัฒนาที่มีโครงการใหกูยืมเงินดอกเบี้ยต่ํา และมีเรื่องของการลดหยอนภาษี กระผมเขาใจวา การสงเสริม SMEs คงมีระบบเขามาชวยเรื่องภาษี แตจะมี มาตรการอื่นอีกดวยหรือไม เพราะฉะนั้น การดําเนินงานของสสว. ควรเขาถึงภาคประชาชน โดยนอกจากให ความรูแลวจะตองเขาไปชวยเหลืออยางจริงจัง เชน ถาเราเปนผูประกอบธุรกิจที่ไมไดจบดานการตลาดโดยตรง เรื่ องเขี ยนแผนหรื อโครงการก็ อาจไม ทราบวา ตองเขีย นอยา งไรเพื่อใหแผนสําเร็จ และเขีย นไปแลวถา เกิด การดําเนินงานไมเปนไปตามแผนนั้น ตรงนี้หนวยงานภาครัฐจะเขามาชวย SMEs ไดอยางไร เปนสิ่งที่ สสว. จะตองคํานึงถึง ผู เข า ร ว มประชุ ม : อยากสอบถามถึ ง หลัก เกณฑก ารใหเงิ นชวยเหลือเงิ น กองทุ นของ สสว. ว า มี การกําหนดอัตราขั้นสูงหรือขั้นต่ําเงินทุนที่จะขอความชวยเหลือไวอยางไร และ การใหเงินชวยเหลือเงินทุนของ สสว. กับ ธนาคารพาณิชยมีขอแตกตางอยางไรบาง ผูเขารวมประชุม: กระผมเห็นวา สสว. เปนหนวยงานที่ตั้งอยูในสวนกลาง แตตั้งอยูที่ใด กระผมยังไม ทราบ และหนวยงานที่กระผมใกลชิดมากสุดคือหนวยงานในสวนทองถื่น เชน เทศบาล กระผมเห็นวาหนวยงาน สวนทองถิ่นนาจะมีบทบาทที่เขาถึงผูประกอบการรายยอยไดดี สรุปไดวาบทบาทและหนาที่ของ สสว. ในปจจุบันยังไมเขาถึงภาคประชาชน โดยเฉพาะอยางยิ่งการเปน หนวยงานกลางที่ชวยประสานงานการสงเสริมสนับสนุน SMEs ในลักษณะเบ็ดเสร็จ ณ จุดๆ เดียว (One stop service) และประเด็นการใหเงินชวยเหลือจากเงินกองทุนสงเสริม SMEs ที่ สสว. ทําหนาที่เปนผูดูแล

222 3. แหลงเงินทุน ผูเขารวมประชุม: ถา สสว. จะทําการรวบรวมขอมูลในลักษณะกรณีศึกษา ก็ควรหาขอมูลวาในจังหวัดนี้ มี SMEs รายใดบ า งที่จะมี ศัก ยภาพทํ า เงิ นได แต ไม มี ทุน ธุ รกิจบางรายมีคุณสมบัติไ มค รบที่จะขอรั บ เงิน ชวยเหลือหรือกูยืมเงินจากธนาคาร ก็ไมไดเงิน เรื่องเงื่อนไขการกูยืมเงินของธนาคารมักมีรายละเอียดปลีกยอย มาก ตองทําใหงายขึ้นและทําความเขาใจใหแกผูประกอบการ ตองหาจุดแข็งในแตละจังหวัดวาโครงการนี้นาจะ ไปไดดี แลวหลังจากนั้นก็ระดมหนวยราชการ เชน เกษตรจังหวัด เปนหนวยงานที่ทราบวาอะไรเปนจุดแข็งของ แตละทองถิ่น แตไมมีเงินชวยเหลือวิสาหกิจของชุมชน อีกทั้งยังขาดความรูที่จะตอยอดธุรกิจ อยากให สสว. เปนตัวกลางใหความชวยเหลือ ผูเขารวมประชุม: ปญหาก็ไมตางกับทุกทานที่นําเสนอมา สวนใหญก็เปนเรื่องของทุน ถากูยืมธนาคาร พาณิชยก็จะมีกําหนดเวลาชําระหนี้สั้น ดอกเบี้ยสูง บางครั้งการจะประสบความสําเร็จทางธุรกิจก็ตองใชระยะ เวลานาน กวาจะคืนดอกเบี้ยทั้งหมด หาก สสว. มีเงินทุนใหระยะยาวดอกเบี้ยต่ําจะมีประโยชนกับธุรกิจ SMEs ขนาดยอมอยางมาก ผูเขารวมประชุม: เรื่องลงทุน ธุรกิจของดิฉันไดดูแลดวยตัวเองมาตลอด โดยใชเงินสวนตัวที่มี ไมเคย ใชบริการกองทุนของ สสว. และมีการกูยืมเงินจากสถาบันการเงินบาง เชน ธนาคารกรุงไทย แตปญหาคือกูเกือบ ไมไดเพราะไมมีหลักทรัพยค้ําประกัน ผูเขารวมประชุม: กระผมกูยืมเงินจาก SMEs bank และ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณการเกษตร เพราะเปนสินคา OTOP ซึ่งชวงนั้น SMEs bank ใหกูกับสินคา OTOPไมตองมีหลักทรัพย ใชบุคคลค้ําประกัน ผูเขารวมประชุม: กระผมมีญาติประกอบธุรกิจผลิตลูกประคบ มีลูกเล็ก 55 บาท ลูกใหญ 75 บาท และ ทําในลักษณะขายสง โดยมีคนที่ทําการผลิตและจําหนายเปนกลุมแมบาน 5 - 7 คน เงินทุนก็เอามารวมกัน ได กําไรแลวเอามาแบงกัน ถาหากเปนวิสาหกิจชุมชนลักษณะนี้ จะอยูในหลักเกณฑที่สามารถขอความชวยเหลือ จาก สสว. หรือวาเปน SMEs หรือไม หรือวาควรจะไปหาสวนทองถื่นที่เขาใหความชวยเหลือ สรุปไดวา สสว. ยังไมเปนที่พ่ึงของประชาชนดานการใหความชวยเหลือแหลงเงินทุน ซึ่ง สสว. ควร ดําเนินการรวบรวมขอมูลในเชิงกรณีศึกษา เพื่อสรางมาตรการใหความชวยเหลือการจัดตั้งและการตอยอดทาง

223 ธุรกิจแก SMEs อันจะเปนการสรางโอกาสที่ SMEs จะไดรับเงินชวยเหลือหรือเงินกูยืมจากแหลงเงินทุนตางๆ รวมถึงกองทุนภายใตการดูแลของ สสว.ดวย 4. การขาดหนวยงานที่ดูแลและสงเสริม SMEs ในสวนทองถิ่นและภูมิภาค ผูเขารวมประชุม: การสงเสริม SMEs ในแตละทองถิ่นหรือภูมิภาคขึ้นอยูกับแตละจังหวัดและบุคลากร ของแตละจังหวัดวาจะมีความกระตือรือรนมากนอยเพียงใด บางจังหวัดก็สามารถดําเนินการไดดี บางจังหวัดก็ ตองดูแลเปนพิเศษมากขึ้น ขึ้นอยูกับผูวาราชการจังหวัดวาจะเนนวิธีการใหความชวยเหลืออยางไร หนวยราชการ ที่เกี่ยวของกับการสงเสริม SMEs คือ พัฒนาการจังหวัด อุตสาหกรรมจังหวัด พาณิชยจังหวัด เกษตรจังหวัด และ ธนาคาร อุตสาหกรรมจังหวัดเปนเจาของเรื่ อง แตในทางปฏิบัติก็ไ มคอยไดใ หความสําคัญกั บการสง เสริ ม SMES มากนัก เพราะมักไปใหความสําคัญกับธุรกิจขนาดใหญ ไมไดลงมาชวยเหลือที่ SMEs SMEs ในภูมิภาค ตองชวยเหลือกันเอง โดยมีการจัดตั้งเปนองคกรกลุมเพื่อชวยเหลือกัน ผูเขารวมประชุม: ดิฉันเปนผูประกอบการมาจากตางจังหวัด อยูจังหวัดสมุทรสงคราม ทําธุรกิจหลาย อยาง ไดแกกลวยอบพลังงานแสงอาทิตย เริ่มตนทุกอยางตั้งแตหากลวย หาสถานที่ จัดสรางโรงงานผลิตสินคา ขอ GAP เพราะปลูกพืชปลอดสารพิษ ไดไปติดตอที่สํานักงานเกษตรจังหวัดซึ่งแจงวาตองใหกรมวิชาการเกษตร พิ จารณา แต ไ ม มี ง บประมาณมาพิ จารณา ดิฉั นดํา เนินการจนสินคา เปนที่ตอ งการในทองตลาด โดยที่ไ ม มี หน วยงานใดให ค วามช วยเหลือ เรื่องของการพั ฒนาผลิตภัณฑบ างครั้ งกล วยมี หนอน หนอนไมไ ด เกิดจาก การผลิต แตเกิดจากการฝงตัวตั้งแตเริ่มตน ธุรกิจของดิฉันก็พยายามคิดวาจะวิจัยและพัฒนาอยางไร ติดตอใคร แมกระทั่งขอ GAP หนวยงานภาครัฐแจงวาไมมีงบประมาณใหความชวยเหลือ ตองจัดการทุกอยางดวยตนเองมา โดยตลอด สิ่งที่ SMEs ในสวนภูมิภาคอยากไดมากกวานอกจากตัวเงินคือ การใหความรูวาจะพัฒนาธุรกิจ อยางไร อยางไรก็ตาม ปจจุบันนี้เริ่มมีหนวยงานภาครัฐเขามาดูบาง คือพอ SMEs ดําเนินการดวยตนเองจน ประสบความสําเร็จหนวยงานภาครัฐก็เริ่มมาพิจารณา แตตอนที่เริ่มตนประกอบการไมมีใครมาดูแลเลย เทศบาล ตําบลไมไดเขามาชวยสงเสริม ผูเขารวมประชุม: กระผมทําธุรกิจขนสงสินคา กระผมอยากสอบถามการกูยืมเงินเพื่อกอตั้งปรับปรุง ซื้อ รถเปนพาหนะขนสง จะตองดําเนินการตามเงื่อนไขของกองทุนของ สสว. อยางไรบาง และเจาหนาที่กองทุนจะ เขามาแทรกแซงการบริหารงานของเราหรือไม หากมีการแทรกแซงจะเปนกรณีใดบาง

224 ผูเขารวมประชุม: กระผมเปนตัวแทนผูประกอบการจากตางจังหวัด ประกอบธุรกิจรีสอรตขนาดเล็กที่ จังหวัดมุกดาหาร ดําเนินการมาเกือบ 13 ปแลว ไมเคยทราบวามีเรื่องการสนับสนุนจาก สสว. เลย เมื่อมีการสราง สะพานขามแมน้ําโขงแหงที่สอง เราไมมีใครมาใหความรูเลยวาเราจะพัฒนาเพิ่มเติมรีสอรตเราไดอยางไร ตอง เพิ่ ม ห อ งพั ก ต องจั ดการสถานที่ อย า งไร ไม มี ห น วยงานหรื อองค ก รใดก็ ตามในการให ค วามรู ซึ่ ง ต องการ หนวยงานใหความรู นอกจากเรื่องเงินทุน กระผมเห็นวาเจาหนาที่จะรูวาทําอยางไรจะไดรับการสนับสนุน เขาก็ จะบอกกลาวใหทราบเฉพาะเครือญาติเขาเอง สวนใหญจะไมไปถึงคนอื่นๆ แ ล ะ ธ น า ค า ร เ อ ง ก็ ไ ม ไ ด ใ ห ความชวยเหลือ SMEs ไมมีหนวยงานใดมาแนะนําวาควรไปกูยืมจากหนวยงานใด ใชเงินลงทุนจากแหลงใด การเจรจาตกลงกับลูกจางเรื่องอัตราคาแรงขั้นต่ํา 300 บาท ควรทําอยางไร เปนตน ผูเขารวมประชุม: กระผมสนใจกรณี one stop service มาก ยกตัวอยางที่ญี่ปุน จะมีคนกลางขึ้นมาคน หนึ่งผูประกอบการอาหารมักประสบปญหาเพียงบางประการ เชน วิธีการประกอบธุรกิจ การหาสถานที่จําหนาย สินคา การพัฒนาบรรจุภัณฑ การกําหนดราคาสินคา เปนเรื่องการบริหารจัดการ องคความรู เรื่องบริหารงาน บุคคล เรื่องทําอยางไรใหไดกําไรอยางยั่งยืน ญี่ปุนจะมีองคกรหนึ่งซึ่งทําทุกอยางเลย กระผมขอยกตัวอยางสวน หนึ่ง เปนหนวยที่ชวยเหลือเรื่องการพัฒนาบรรจุภัณฑมีสินคาหนึ่งตําบลหนึ่งหมูบานอยากจะพัฒนาบรรจุภัณฑ เขาเดินไปที่หนวยงานนี้ หนวยงานนี้ก็ทําการพัฒนาบรรจุภัณฑให แลวแจงไปที่ผูจัดสงวัตถุดิบ แลวผูจัดสง วัตถุดิบก็มายื่นประมูลราคากัน ตอนที่กระผมเริ่มจัดตั้งบริษัท ตองทําชิ้นฟลมหนึ่งหมื่นถึงสามหมื่นชิ้นกระผม ทําไมไหว แตที่ญี่ปุนเขานําผูประกอบการสินคาหนึ่งตําบลหนึ่งหมูบานมารวมกลุมกันแลวแบงปนผลประโยชน ร ว มกั น แล ว บริ ษั ท พิ ม พ ก็ จ ะทํ า ที เ ดี ย วโดยเปลี่ ย นแค ตั ว หนั ง สื อ ราคาก็ แ พงขึ้ น ไม ม าก ถ า สสว. จะให การชวยเหลือเรื่องแบบนี้ก็จะชวยพัฒนาคุณคาของ SMEs ประเทศไทยในหลายๆ มุมมอง เรื่องเงินทุนก็สําคัญ แตกระผมวาเปนเรื่องลําดับหลัง เพราะวาสุดทายธุรกิจจะไปรอดหรือไมขึ้นอยูกับฝมือ เงินไมมีก็อยาเริ่ม จัดการ ตองคอยๆ เติบโตไป แตวาเรื่องอื่นๆ ฉันปลูกกลวยเกงอยูแลว ฉันมีที่ขายอยูแลว แตชวยพัฒนาบรรจุภัณฑรัฐ ชวยได ซึ่งรัฐก็ไมไดเสียเงินมาก เรื่องที่สองคือ หนวยงานที่รองรับมาตรฐาน เชน คณะกรรมการอาหารและยา กระผมทําดานอาหารมาสิบป ใครจะตั้งโรงงานกระผมใหคําปรึกษาได สสว. ควรจางคนแบบที่รูเรื่องกลางๆ มาช วยตอบคํ า ถาม ซึ่ งถ า สสว. คิ ดในมุ ม ผูป ระกอบการจะรูวา สสว.ต องการอะไรบา ง ต องกํา หนดระดั บ นโยบายระดับบน ถาไมเชนนั้นผูปฏิบัติการคงจะคิดไมได หรือ คิดไดก็ไมกลาทํา เพราะไมมีอะไรมารองรับ

225 สรุปไดวา ปจจุบัน สสว. ยังไมเขาถึงผูประกอบการสวนภูมิภาคเทาที่ควร โดยที่ SMEs ในสวนภูมิภาค ประสงคจะใหมีการใหความรูวาจะพัฒนาธุรกิจอยางไร อีกทั้ง สสว. ควรกําหนดนโยบายระดับชาติที่เกี่ยวของ กับการพัฒนาบรรจุภัณฑและการรับรองมาตรฐานสินคาหรือบริการเพื่อชวยพัฒนา SMEs หนึ่งตําบลหนึ่ง ผลิตภัณฑดวย 5. นโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐมีปญหาและอุปสรรคตอการทําธุรกิจ ผูเขารวมประชุม: กระผมเขาใจวา เมื่อยื่นเรื่องขอรับเงินชวยเหลือไปที่ สสว. แลววันหนึ่งเกิดขัดแยงกับ นโยบายรัฐบาล เขายกเลิกแกส LPG เพราะเคยมีปญหาชวงหนึ่งคือ งดตอทะเบียนใหรถ กระผมก็ตองไดรับ ผลกระทบจากนโยบายของรัฐบาลนั้น และคงมาขอรับความชวยเหลือจาก สสว. ไมได ผูเขา รว มประชุม : กระผมอ านในแบบสอบถามมีคํ าถามวา ทา นคิ ดว ามี องคก รภาครั ฐใดที่ สง เสริ ม SMEs หรือไม ถาถามความเขาใจภาคประชาชนเราจะนึกถึงกระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพาณิชย พนักงาน ของเราก็ เ กี่ ย วข อ งกั บ กระทรวงแรงงาน แต ค วามเข า ใจส ว นตั ว เห็ น ว า สสว. อาจยั ง ไม มี ค วามสํ า คั ญ ใน การประกอบธุรกิจ SMEs ผูประกอบการยังตองคิดถึงภาษีที่ตองจาย แตมาตรการสงเสริมดานภาษีที่เราทราบก็ คือ เมื่อมีนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับคาแรงขั้นต่ํา 300 บาท ตัวผูประกอบธุรกิจก็จะมีคาใชจาย คนที่เปนลูกจางก็จะ เรียกรองคาใชจาย ในขณะที่ตัวธุรกิจเราจะดําเนินการตอไมไหว ถาเราจายต่ํากวานั้นจะมีความรับผิดหรือไม ใน กรณี ที่ ธุ ร กิ จ ไม ส ามารถดํ า เนิ น การต อ ได จ ริ ง ๆ สุ ด ท า ยก็ ต อ งป ด กิ จ การ สํ า หรั บ หลั ก เกณฑ เ กี่ ย วกั บ ภาษี ผูประกอบการก็ไมมีความรู เวลาสรรพากรเขาประเมินเทาไหรเราก็จายเทานั้น มีกฎหมายที่ชวยสงเสริม SMEs ใหเสียภาษีไดอยางถูกตองในขณะที่ธุรกิจก็สามารถยืนอยูไดดวย ในสวนของกฎหมายแรงงานที่เราตองดูลูกจาง เงินประกันสังคม เงินคาแรงขั้นต่ํา หรือผลิตภัณฑการเกษตรที่เปนผลกระทบ ความรับผิดจะเปนอยางไร แลว เรื่องเกี่ยวกับมาตรการทางดานสิ่งแวดลอม ตัวโรงงานที่เราผลิต เราไมรูวาองคการสวนทองถิ่นจะมีมาตรการ กํากับดูแลอยางไร เพราะฉะนั้น ในสวนของกฎหมายพวกเรามีสวนที่เกี่ยวของโดยตรง สสว. นอกจากจะมี หนาที่สงเสริมแลว นาจะมีสวนในการใหความรูประกอบธุรกิจดานกฎหมาย ผูประกอบธุรกิจสวนใหญไมไดมี ความรูในดานกฎหมาย และนอกจากตั้งรับแลว การมีกลยุทธเขาหาประชาชน เพื่อสงเสริม SMEs อยางจริงจังก็ จะเปนประโยชนมากขึน้

226 ผูเขารวมประชุม: ตอนนีก้ ระผมใชแรงงานตางดาว 80% ครับ แตกระผมจาย 300 บาท เพราะมีกฎหมาย กําหนดวาตองจายแรงงานตาวดาวเทากัน ซึ่งแรงงานตางดาวขยันกวาอยางเห็นไดชัด สรุปไดวาปจจุบันนโยบาย มาตรการ หรือกฎหมายของภาครัฐไดสรางปญหาและอุปสรรคตอการทํา ธุ ร กิ จ SMEs เช น การกํ า หนดขึ้ น อั ต ราค า แรงขั้ น ต่ํ า ซึ่ ง สสว. ควรมี บ ทบาทช ว ยแก ไ ขป ญ หาให ทั น ต อ สถานการณที่มีปจจัยเสี่ยงและการคุกคามเกิดขึ้นกับ SMEs 6. ปญหาในการเริ่มตนประกอบธุรกิจ และผลกระทบที่จะเขาสู AEC ผูเขารวมประชุม: การประชุมนี้มันนาจะไปสะทอนออกมาในรูปแบบของงานวิจัยในขอเสนอแนะใน เรื่องการดําเนินกลยุทธของตัวองคกรภาครัฐวาจะเขาถึงภาคประชาชนอยางไร ในฐานะที่เปนประกอบธุรกิจ อยางที่ผูประกอบการไดใหความคิดเห็นวา SMEs ไดดําเนินการไปเสร็จเรียบรอยแลวเกิดปญหาบางประการ ผูประกอบการก็แกไขไปตามแบบของตนเอง เชน กู ยืมเงินทั้งในระบบและนอกระบบ หากทําธุรกิจใหม ๆ ทรั พ ย สิ นไม มี ก็ ไ ม ส ามารถไปกู ไม ท ราบว า จะเขี ย นแผนอย า งไร ผูป ระกอบการก็ พ ยายามจะพัฒนาด ว ย การเลียนแบบ แตคิดวาคงเปนทิศทางที่ไมถูกตอง ในอนาคตที่จะเขาสูก ารคาเสรีกั บอาเซียน ถ ามีเรื่องของ การเปดตลาด การแขงขันสูงขึ้น วันนี้ตัวผูประกอบธุรกิจไทยถาไมมีองคความรูเราจะสงสินคาในตลาดบานเรา ยังไมไดเลย ไมตองพูดถึงการแขงขัน มันดูเหมือนเปนนโยบายที่จะแขงขันกับอาเซียนแตในความเปนจริงอาจ ไมไดเปนอยางนั้น ผูเขารวมประชุม: กรณีเปดอาเซียน สําหรับกระผมเอง ไดไปหาลูทางในการเขา Modern Trade 95% ผมขายใน Modern Trade แตวาผมก็หา Modern Trade ในลาว พมา มาเลเซีย ไวแลว หาชองทางการจัดสงไวแลว อันนั้นก็เปนแนวทางที่สามารถดําเนินการไดทันที มีการเตรียมความพรอมในการเขาสู AEC โดยการหาตลาดไว กอน คือ กระผมขายของเนนจํานวนแตวา Margin ต่ํา เพราะฉะนั้นกระผมตองหาชองทางขายใหไดเยอะที่สุด เทาทีก่ ระผมจะขายได เพราะฉะนั้นการตลาดเปนเรื่องแรกทีผ่ มจะทํา โดยการเขาไปหาตลาด ซึ่งมีทั้งไปออกงาน แสดงสินคาเกือบทุกปอยางตอเนื่อง รวมทั้งประสานกับกรมพัฒนาธุรกิจการคาที่มีใหไปประสานงานกับลาว พมา เปนตน

227 สรุปไดวาในสถานการณการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนี้ ผูเขารวมประชุมเห็นวา SMEs ไทยควร ไดรับการชวยเหลือดานองคความรูตางๆ ที่เกี่ยวของกับกลยุทธการเพิ่มขีดความสามารถในการแขงขันทั้งตลาด ภายในประเทศและตลาดตางประเทศ

5.3 ผลสรุปประเด็นจากการสัมมนาครั้งที่ 2 สวนภูมิภาค จั ดขึ้ นเมื่ อวั นที่ 11 ตุ ล าคม พ.ศ.2556 ณ โรงแรมพิ นาเคิล แกรนด รี ส อร ท แอนด ส ปา อํ า เภอสั ตหี บ จังหวัดชลบุรี การสัมมนาเริ่มเวลา 9.30 น. คณะผูวิจัยไดนําเสนอวัตถุประสงคในการศึกษาและผลจากการศึกษาวิจัย จากนั้นไดซักถามผูเขารวมสัมมนาในประเด็นที่เกี่ยวของกับกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐของไทยในการสงเสริม สนับสนุน SMEs สรุปประเด็นในการสัมมนาไดดังนี้ 1. โครงสราง บทบาทและหนาที่ของหนวยงาน สสว. ผูเขารวมประชุม: ในฐานะที่ดิฉันเองเปนผูประกอบการคนหนึ่ง ซึ่งมีโอกาสที่จะรูจัก สสว. นอยมาก เพราะทางภาครัฐ ในมุมมองของดิฉัน และผูประกอบการบางทานก็ยังไมรูเลยวา สสว. คืออะไร SMEs คืออะไร เงื่อนไขของ SMEs คืออะไร มีอะไรบาง อีกทั้งในการที่จะเขารวมกลุมของ SMEs ดิฉันเห็นวายังไมคอยมี ผู ป ระสงค เข า ร ว ม เนื่ อ งจากขั้ นตอนการดํา เนิ น การมี ห ลายขั้ น ตอน บางท า นประกอบกิ จ การแล วขาดทุ น ก็ประสงคจะเขามาขอกูยืมเงินไปประกอบกิจการ ดวยความเขาใจเดิมวาภาครัฐนาจะใหความชวยเหลือ แต ความเปนจริงแลวกลับไมเปนเชนนั้น การชวยเหลือ SMEs ของภาครัฐในมุมมองดิฉัน เปนการชวยเหลือกลุมทุน ขนาดใหญๆ ไมใชกลุมทุนเล็กๆอยางพวกเรา อยากใหภาครัฐใหความชวยเหลือผูประกอบการขนาดเล็กอยาง เปนรูปธรรมมากกวานี้ ผูเขารวมประชุม: ในประเด็นที่ สสว. มีแผนการสงเสริม SMEs ประจําป แลวแตปไหนจะมีนโยบาย การส ง เสริ ม เรื่ องใดนั้ น ดิ ฉั นไม แน ใ จว า เกี่ย วของกั บ ด า นกฎหมายหรือไม อย า งไรก็ ตาม สสว. ควรเนน

228 การประชาสัมพันธเผยแพรขอมูลใหประชาชนทั่วไปทราบมากขึ้นวาปไหนจะเนนการสงเสริมสนับสนุนเรื่องใด เพื่ อที่ ผู ป ระกอบการจะได วางแผนขอรั บ ความชวยเหลืออยา งเหมาะสม และประเด็ นการเขี ย นแผนขอรั บ การสนับสนุน เนื่องจากประชาชนขาดความรูความเขาใจวา สสว. จะสงเสริมประเด็นใด ตองทําอยางไรบาง อีกประเด็นนึงคือเรื่องของการเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน อยากจะใหการทําวิจัยตางๆ ของ สสว. สะทอน ภาพวามี แผนหรื อจะนํา ผลการวิจัย ตา งๆ ไปช วยสนับ สนุ น SMEs ไทยอย างไร เพราะเมื่อเขา สูป ระชาคม เศรษฐกิจอาเซียนแลว ก็ยอมจะมีการแขงขันเพิ่มมากขึ้น สินคาของแตละประเทศก็มีความคลายคลึงกัน และ ดิฉันไมแนใจวาตรงนี้กฎหมายจะเปนเครื่องมือชวยเหลืออยางไรไดบาง คณะผูวิจัย: การเขาสูประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนก็เปนประเด็นหนึ่งที่ผูวิจัยใหความสําคัญในการวิจัย โครงการนี้ โดยเลือกศึกษาเปรียบเทียบประเทศสิงคโปรเปนตัวแทนของประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เพื่อศึกษาวาประเทศนี้มีวิธีการสงเสริม SMEs เพื่อรองรับการแขงขันอยางไรบาง ซึ่งประเทศไทยเองก็สงสินคา ไปยังกลุมผูคาในตลาดอาเซียน ขณะเดียวกันสินคาจากภายนอกประเทศทั้งประเทศในกลุมอาเซียนดวยกัน และ นอกกลุมประเทศอาเซียนก็จะเขามาแขงขันในตลาดประเทศไทยดวย ดังนั้น ผูวิจัยก็จะรับประเด็นดังกลาวไป ศึกษาเพิ่มเติมเพื่อใหเกิดประโยชนในการอาศัยกฎหมายจัดตั้ง สสว. เปนเครื่องสงเสริม SMEs ภายหลังเขาสู ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนดวย ผูเขารวมประชุม: ดิฉันขอสอบถามที่ปรึกษากฎหมายของ สสว. วา สสว. เปนองคกรภาครัฐที่จัดตั้ง มาแลวประมาณ 13 ปแตเหตุใด สสว. จึงไมเปนที่รูจัก ไมมีบทบาทอยางชัดเจนในการสนับสนุน SMEs โดยเฉพาะ SMEs ที่เพิ่งเริ่มตน และการวิจัยชิ้นนี้หลังจากผูวิจัยนําสง สสว. แลว สสว. จะนําไปใชประโยชน ในทางรูปธรรมอยางไรบาง ผูเขารวมประชุม: ปญหาที่ที่ปรึกษากฎหมายของ สสว. กลาวถึงวา หนวยงานภาครัฐประสบปญหา การมีอาคารแตไมมีงบประมาณซื้ออุปกรณสําหรับอาคารนั้นๆ กระผมเห็นวาเปนปญหาในหลายๆ พื้นที่และ ปญหานี้ ก็เกิดขึ้ นไดตลอดเวลา จึงขอสอบถามและแสดงความเห็ นถึงที่ป รึกษากฎหมายของ สสว. เกี่ยวกับ จุดประสงคของการประชุมระดมความคิดเห็นในวันนี้วา ในการแกไขปญหาจริงๆ จําเปนตองทําให สสว. เปน อิสระอยางแทจริงจากองคกรทั้งหมดของรัฐ โดย สสว. ควรมีรัฐธรรมนูญเปนของตัวเอง แต สสว. จะตอง ปฏิบัติงานตามรัฐธรรมนูญของตนเองอยางเครงครัดดวย เพื่อใหความชวยเหลือคนที่เปนสมาชิกของ สสว. เอง

229 อีกทั้ง สสว. ตองบัญญัติกฎหมายของตัวเองขึ้นมาแลวใหคนอื่นยอมรับไดดวย แลวตัดสินความนาเชื่อถือของ องคกรจากกฎหมายของเรา มิฉะนั้น สสว. ก็จะตองอาศัยกฎหมายของกระทรวงพาณิชย กระทรวงอุตสาหกรรม มาปรับใชแกกรณี ซึ่งไมแนใจวาจะสอดคลองกับภารกิจที่แทจริงของ สสว. หรือไม ตองนําเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อขออนุมัติอีกขั้นตอนหนึ่ง ซึ่งหากเปนเชนนั้น ในกรณีที่คณะรัฐมนตรีไมสามารถกําหนดนัดประชุมไดทันตอ สถานการณ สสว. ก็จะไม สามารถปฏิ บัติงานได กระผมเห็นวา สสว. ควรเปนองคกรที่นาเชื่ อถื อสํา หรับ ผูประกอบการอยางแทจริง ไมใชมีแตเพียงชื่อองคกรนี้ในประเทศไทย ขอใหการประชุมระดมความคิดเห็นครั้ง นี้ทําให สสว. เปนอิสระและเปนองคกรที่เหมาะสมตอการสงเสริม SMEs ของประเทศไทย และไมควรให ขาราชการประจํามาดํารงตําแหนงเปนกรรมการตางๆ ของ สสว. มากนัก ควรใหเปนภาคเอกชนแทน เพราะจะ ไดทราบถึงความตองการของผูประกอบการดวยกันอยางแทจริง เชน ผูแทนหอการคา และผูแทนองคกรเอกชน อื่นๆ ที่เกี่ยวของ และการบริหารงานของ สสว. เองก็ควรมีความคลองตัวในการบริหารจัดการอยา งองคก ร เอกชน อยางไรก็ตามเพื่อใหผูรับบริการของ สสว. ไดรับความชวยเหลืออยางจริงจัง และการดําเนินงานของ สสว. ก็จะเปนไปโดยชอบดวยกฎหมายเพราะถูกตองตามวัตถุประสงคของการจัดตั้งดวย ดังเชนกรณีมีภัยพิบัติ เกิดขึ้น สสว. จะตองสามารถกําหนดหลักเกณฑขนึ้ มาเพื่อชวยเหลือผูประกอบการที่ไดรับผลกระทบจากภัยพิบัติ เหลานี้ไดอยางทันทวงที โดยใชเงินที่มีอยูจํานวนมากนอยเพียงใดก็ตาม หรือจะเสนอเรื่องเขาที่ประชุมเพื่อให พิจารณาเปนมติใหความชวยเหลือกรณีฉุกเฉิน หากเงินงบประมาณที่เคยกําหนดไวไมเพียงพอชวยเหลือ หรือ อาจชวยเหลือไดแตเพียงบางสวน ซึ่งจะตองมีความเปนอิสระ ถาไมมีความเปนอิสระ ก็อาจตองประสบปญหา เหมือนกรณีมหาลัยออกนอกระบบ ที่มีการเปลี่ยนจากสวนราชการ เปนหนวยงานในกํากับของรัฐ แตยังบริหาร จัดการทุกอยางเหมือนเดิมทั้งหมด ถายังเปนเชนนี้อยู สสว. ก็ตองกลับมาทําเรื่องนี้อีกภายในระยะเวลา 5 ป ขางหนา เพราะฉะนั้นทําทุกอยางใหเปนอิสระโดยชอบดวยกฎหมาย เพื่อใหสามารถชวยเหลือ SMEs ไดอยาง แทจริง ถาชวยเหลือไมได สสว. ก็จะไมประสบความสําเร็จในการจัดตั้งหนวยงาน เปนองคกรที่ไมเปนที่รูจัก ของประชาชน ผูเขารวมประชุม: ดิฉันเห็นวา สสว. จะตองเปนที่พึ่งของผูประกอบการอยางแทจริง มิใชเปนเพียง การสรางภาพลักษณเทานั้น ซึ่งในความเปนจริงแลวกลับไมไดชวยเหลือผูประกอบการอยางในภาพลักษณที่ ปรากฏ ผูเขารวมประชุม: สสว. มีหนวยงานสวนภูมิภาคหรือไม

230 คณะผูวิจัย: ตามที่คณะผูวิจัยเคยสอบถามจาก สสว. พบวา ครั้งหนึ่ง สสว. เคยมีหนวยงานสวนภูมิภาค แตมีปญหาและอุปสรรคตางๆ เชน เรื่องอัตรากําลัง งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ ทําใหปจจุบัน สสว. มี สํานักงานตั้งอยูที่กรุงเทพฯ เทานั้น และอาจเปนสาเหตุที่ สสว. ยังไมเปนที่รูจักของประชาชนอยางกวางขวาง เทาที่ควร คณะผูวิจัย: มีผูเขารวมประชุมสอบถามเพิ่มเติมวา สสว. มีการดําเนินการแบบ One Stop Service ดังเชน กรณี ข องประเทศสาธารณรั ฐ เกาหลี ใ ต ด ว ยหรื อ ไม นั้ น คณะผู วิ จั ย เห็ น ว า ขณะนี้ สสว. กํ า ลั ง เร ง พยายาม ดําเนินการใหการชวยเหลือ SMEs เปนไปดวยความสะดวกรวดเร็ว แตยังไมเปนรูปธรรมชัดเจนวาเปนระบบ One Stop Service เนื่องจากการสงเสริม SMEs ของประเทศไทย มีหนวยงานทั้งภาครัฐและเอกชนทําหนาที่ให ความชวยเหลือเปนจํานวนมาก และมีความเชี่ย วชาญแตกตางกันไป สวนกรณีวิสาหกิ จชุมชน ซึ่ งหมายถึง SMEs ที่ตั้งอยูในชุมชนใดชุมชนหนึ่งดวย ก็สามารถขอรับความชวยเหลือจากกองทุนสงเสริม SMEs ได แมจะ มีพระราชบัญญัติวิสาหกิจชุมชนเปนกฎหมายพิเศษที่ใหความชวยเหลือไวเปนการเฉพาะ อยางไรก็ตาม สสว. จะต อ งมี ค วามชั ด เจนในอํ า นาจหน า ที่ ที่ จ ะประสานความร ว มมื อ กั บ หน ว ยงานอื่ น ๆ ที่ มี ห น า ที่ เ ฉพาะใน การสงเสริม SMEs บางประเภทอยูแลว เพื่อชวยใหการสงเสริม SMEs โดยภาพรวมทั้งประเทศมีประสิทธิภาพ มากยิ่งขึ้น สรุปไดวาในสวนของโครงสราง บทบาทและหนาที่ของ สสว. นั้น ควรกําหนดให สสว. มีความเปน อิสระอยางแทจริงจากองคกรทั้งหมดของรัฐ โดยที่ สสว. มีกฎหมายจัดตั้งองคกรและปฏิบัติตามกฎหมาย ดังกลาวไดอยางเครงครัด เพื่อใหความชวยเหลือสมาชิกของ สสว. รวมถึง SMEs ทั้งหลาย อีกทั้ง สสว. ตอง กําหนดหลักเกณฑในกฎหมายของตัวเองขึ้นมาใหคนอื่นยอมรับไดดวย เพื่อใหเกิดความนาเชื่อถือขององคกร รวมถึง สสว. ไมควรกําหนดองคประกอบของคณะกรรมการตางๆ ใหขาราชการประจํามาดํารงตําแหนงเปน กรรมการมากนัก ควรใหภาคเอกชนเปนกรรมการแทน เพราะจะไดทราบความตองการของผูประกอบการ อยางแทจริง 2. การเพิ่มประสิทธิภาพของการบังคับใชกฎหมายที่เกี่ยวของของ สสว. ผูเขารวมประชุม: กระผมเห็นวาโครงการนี้นาจะมีสวนรวมและใหความคิดเห็นที่อาจจะเปนประโยชน ไดตอไป แตที่กระผมไดรับฟงขอมูลทั้งหมด กระผมขอใหอาจารยสมมติตนเองเปนผูประกอบการ SMEs แลว

231 จะทราบวาปญหาที่แทจริงของการสงเสริม SMEs คืออะไร กฎหมายของ สสว. ขณะนี้ยังไมมีประสิทธิภาพ เพราะหากมีประสิทธิภาพดีอยูแลว จะมีโครงการวิจัยดังกลาวเพื่อประโยชนประการใด สิ่งที่ควรแกไขปรับปรุง ไมใชเรื่องที่สามารถดําเนินการไดโดยงาย เพราะหากเปนเรื่องที่ดําเนินการไดโดยงาย สสว. ก็จะตองประสบ ความสําเร็จแล ว อยางแรกการบริ หารงานยั งไม เปนอิสระ ตามที่มัก มีผูก ลาวว าหน วยงานราชการทํางานช า หนวยงานเอกชนทํางานเร็วกวา กระผมเห็นวาในความเปนจริงก็ไมไดเร็วกวาในทุกกรณี แตหนวยงานราชการ ที่ชวยสงเสริม SMEs ขณะนี้ดําเนินการลาชามาก กระผมประกอบกิจการอยูในพื้นที่บางชางชวงที่ประสบปญหา อุทกภัย หากขณะนี้กระผมจะยื่นเอกสารมาขอรับความชวยเหลือปรับปรุงอาคารสถานประกอบการเนื่องจาก น้ําทวมดังกลาว กระผมตองไปเขียนแผนการดําเนินงาน เขียนวัตถุประสงค และดําเนินการอื่นๆ อีกมากมาย หลายขั้นตอน ไมทราบวามีกําหนดระยะเวลากี่เดือนถึงจะไดรับเงินชวยเหลือ นี่คือปญหาการบริหารจัดการที่ยัง ไมทันตอสถานการณจริงๆ กฎหมายจะตองบัญญัติไวใหมีประสิทธิภาพ ผูบริหารของ สสว. ทั้งหมด ซึ่งอาจมา จากผูบริหารกระทรวงหลายกระทรวง ควรบริหารงานโดยรับฟงความคิดเห็นจากสมาชิก สสว. วาทานทํางานมี ประสิทธิภาพหรือไม หากไมมี ทานก็ควรจะตองปรับปรุงแกไข โดยเนนประสิทธิภาพของการปฏิบัติงานให รวดเร็ วขึ้ น แต อยูภ ายใต หลั กเกณฑแห งกฎหมายที่ เหมาะสม และต องทํ าตามครรลองที่ชวยเหลื อกั นอยา ง จริงๆจังๆ อยางกรณีผูประสบอุทกภัยนี้ หากอีกหนึ่งปขางหนาจึงจะไดรับความชวยเหลือ กระผมไปกูเงินจาก หนวยงานอื่นก็จะสะดวกดีกวา และ สสว. เองมีความแตกตางจากธนาคารพาณิชยอยางไร ธนาคารกําหนดอัตรา ดอกเบี้ยเงินกูรอยละ 20 ในขณะที่ สสว. ใหกูยืมในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ํากวา แตกวาจะไดรับการอนุมัติมันใชระยะ เวลานาน นอกจากนี้ผูประกอบการ SMEs ที่มีระดับการศึกษาไมสูงนัก เชน สําเร็จการศึกษาเพียงในระดับ ประถมศึกษาปที่ 6 หรือบางคนอาจไมไดจบการศึกษาระดับใดเลย จะมาเขียนอานเอกสารที่ สสว. แสดงไวบน web site ก็อาจไมสามารถเปดขอมูลดวยตนเองได แลวเขาจะทําตามที่ สสว. กําหนดไวทางหนา web site ได อยางไร ควรมีรูปแบบการนําเสนอที่ชัดเจนไปเลยวา ผูที่สามารถขอรับความชวยเหลือไดคือใคร ทําอยางไรจึงจะ สามารถขอรับความชวยเหลือได นําผลิตภัณฑที่ประกอบธุรกิจอยูมานําเสนอให สสว. พิจารณา ไดหรือไม หรืออาศัยภาพถาย ชวยลดขั้นตอนการดําเนินการขอรับความชวยเหลือใหสะดวกรวดเร็วขึ้นไดหรือไม สวน ใหญ SMEs จะเปนบุคคลธรรมดาไมไดเปนนิติบุคคล เพราะวาภาษีของประเทศไทยมีการเพิ่มอัตราสําหรับ นิติบุคคลขึ้นเรื่อยๆ และในทางปฏิบัติคนที่เปนหัวหนา SMEs สามารถดําเนินการไดทุกอยาง ทั้งลงบัญชี ยกของ ทําขนม ทําอาหาร ทําความสะอาดสถานประกอบการ ถาหากคนงานไมมาปฏิบัติงาน ทั้งหมดที่พูดมา อยากจะขอใหการใหค วามชวยเหลือ SMEs กระทํา ไดโดยงาย ไมซับซอน เนนการดําเนินการใหเห็นเป น

232 รูปธรรม เพื่อใหทุกคนเขารวมกับ สสว. ไดมากขึ้น กฎระเบียบ และเงื่อนไขตางๆ ตองเอื้อประโยชนแก SMEs อยางแทจริง เพราะวาถาหากวาตองรอถึง 6 เดือน จึงจะไดเงินในการปรับปรุงสินคาประเภทหนึ่ง ซึ่งก็ไมแนใจ วาจะขายดีหรือไม แตเชื่อวาจะขายดี ก็จะเปนการลาชาไป อยากไดเงินดอกเบี้ยต่ํามาแตตองรอตรวจสอบเอกสาร แลวก็ไมรูจะเปนยังไง ตองติดตอสอบถามเปนระยะๆ กูยืมจากแหลงเงินกูอื่นยอมสะดวกดีกวา ดังนั้นสรุปได วา การดํ า เนิ นการของ สสว. จะต องให มี ความคล องตัว ถ า หากการพิจารณาใหค วามชวยเหลือจะตองผา น การพิ จ ารณาของ สสว. และคณะกรรมการถึ ง สองคณะกรรมการคื อ คณะกรรมการบริ ห าร สสว. และ คณะกรรมการสงเสริม SMEs กวาจะไดรับการอนุมัติก็ยอมไมทันตอสถานการณ ผูเขารวมประชุม: สสว. ควรเรงพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศใหสามารถเขาถึงขอมูลไดสะดวกรวดเร็ว ขึ้น เพื่ อใหเกิดระบบตรวจสอบขอมูล ที่ส ามารถรู ผลได ทันตอสถานการณ เช น การสื บทราบว าผู ขอรับ เงิน ชวยเหลือจาก สสว. ใหขอมูลที่ไมเปนความจริง ซึ่งจะตองมีบทลงโทษนั้น หากทราบขอมูลไดทันทวงที สสว. ก็สามารถบริหารจัดการปญหาไดอยางเปนธรรมแกผูประกอบการทั้งหลาย ทั้งนี้ จะตองคํานึงดวยวาลูกคาของ สสว. ก็คือประชาชนทั่วๆ ไป สรุปไดวากฎหมายของ สสว. ขณะนี้ยังขาดประสิทธิภาพ การสงเสริม SMEs เปนไปดวยความลาชา ไม ทันตอสถานการณ และควรเรงพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใหเกิดความสะดวกรวดเร็วในการปฏิบัติงาน ตามกฎหมายของ สสว. ดวย 3. งบประมาณและแหลงเงินทุน ผูเขารวมประชุม: เรียนทานผูวิจัยและผูประกอบธุรกิจ SMEs กระผมมีความประสงคใหผูประกอบการ ไดรับประโยชนมากที่สุด คือไดรับเงินทันที ขณะเดียวกันกระผมไดรับฟงที่ทานอาจารยผูวิจัยนําเสนอแลวก็เห็น วา การออกระเบียบขอบังคับในการชวยเหลือ SMEs ของ สสว. ซึ่งจัดตั้งหนวยงานมาเปนระยะเวลาถึง 13 ป แลว เกิดประเด็นที่จะตองพิจารณาวาขณะนี้ไมทราบวากองทุนสงเสริม SMEs มีเงินเหลือประมาณเทาใด การที่ กระผมจะตองไปขอรับความชวยเหลือจากใคร กระผมตองมั่นใจไดวาเขามีศักยภาพเพียงพอ พอยื่นขอเสนอ ขอรับการชวยเหลือแลว จะตองไดรับการพิจารณาทันทวงที มีการแบงปนผลกําไรอันเปนประโยชนแกสังคม และหนวยธุรกิจ SMEs และหากกองทุนสงเสริม SMEs หมดแลว สสว. จะดําเนินการอยางไรตอไป ซึ่งคําถาม เหลานี้ตองมีการตรวจสอบแกไขกฎระเบียบใหชัดเจนมากขึ้น

233 ผูเขารวมประชุม: โดยสวนมาก ถาใหศึกษาขอมูลกันจะพบวา SMEs สามารถคาดการณไดถึงชวง ระยะเวลาที่ตองการเงินทุน สวนมากจะเปนเงินทุนหมุนเวียน แตพวกเราผูประกอบการก็ยังคงตองการไดรับ ความช วยเหลื อเมื่ อเกิ ดปญหาวิ ก ฤตการณ ตา งๆ ขึ้ น เปรียบไดดัง กรณีที่ผูจางงานตองถูกเลิกจา งกะทันหัน ก็ตองการเงินชวยเหลือทันที หากรอรับความชวยเหลือถึงหนึ่งเดือนก็จะชาเกินไป ในขณะที่ธนาคารพาณิชยได กําหนดหลักเกณฑใหตองทําเอกสารคลายๆ กัน แตไมซับซอนเทากับหลักเกณฑของ สสว. โดยกําหนดดอกเบี้ย ในอัตรารอยละ 20 แตถาหากมาขอรับการชวยเหลือจาก สสว. จะตองอาศัยหลักฐานเอกสารจํานวนมาก ผูประกอบการก็จะไปขอรับความชวยเหลือจากที่อื่นดีกวา สสว. โดยสวนมาก SMEs ก็มีประสบการณการทํา ธุรกิจมานาน ธนาคารจึงอนุมัติสัญญาเบิกเงินเกินบัญชีใหในจํานวนเงินที่พอสมควร รัฐบาลจัดตั้ง สสว. ขึ้นมา เพื่อใหมีความเปนอิสระแตเวลาบังคับใชกฎหมาย ยังไมมีความเปนอิสระอยางเพียงพอ จะตองยกรางกฎหมาย ใหการบริหารจัดการองคกรมีความเปนอิสระ SMEs บางรายอาจไมมีความนาเชื่อถือดานการกูยืมเงินมากนักก็ จําเปนตองไปกูยืมนอกระบบ ในสวนนี้ สสว. ก็ควรหาวิธีการชวยเหลือ SMEs ดังกลาวดวย ลูกคาของ สสว. ก็ คือ SMEs ที่เปนชาวบาน อาจมีโรงงานเปนของตนเอง หรือเปนเพียงคนขายกวยเตี๋ยวขางทางก็เปน SMEs ถา เปนโรงงานขนาดใหญในนิคมอุตาสาหกรรมก็ไมควรใหความชวยเหลือ ถาหากจะทําเอกสาร ทํากระบวนการ ตางๆ ก็ตองเอื้อประโยชนใหธุรกิจขนาดเล็ก ซึ่งก็ตองลดกระบวนการลง อีกทั้ง ทาง สสว. ก็ตองมีบทลงโทษ ถาตรวจสอบยอนหลังแลวพบวาไมไดใหความจริงตามหลักฐานที่กําหนดในการยื่นขอรับความชวยเหลือ ตอน ตรวจสอบก็ตองพิ จารณาพยายหลั ก ฐาน เชน จากรูป ถา ย ผลิตภั ณฑม า เอาหลั ก ฐานแหล ง จํ า หน า ยสิ นค า ทํากระบวนการพิจารณาใหงายขึ้น แลวกลุมธุรกิจเหลานี้จะมาเขารวมกับ สสว. มากขึ้น นอกจากการจัดงาน แสดงสินคาที่ศูนยแสดงสินคาอิมแพค เมืองทองธานีเทานั้น สสว. ตองตอบโจทยความตองการของลูกคาใหได ผูเขารวมประชุม: เงินที่รัฐบาลใหมาเห็นวา ควรเปนเงินบริจาค และเพื่อใหการบริหารงานมีความเปน อิสระ การตรวจสอบตองกําหนดไวเลยวาใหจางภาคเอกชนเปนผูตรวจสอบบัญชี แลวจะมีสํานักงบประมาณ รวมตรวจสอบดวยหรือไมก็ได และตองสงหลักฐานตามความเปนจริง แลวทํากระบวนการใหรวดเร็วขึ้น สสว. กลาววาที่จัดตั้งหนวยงานขึ้นมาเพราะเกิดวิกฤตการณทางเศรษฐกิจป 2540 ถาในชวงเวลานั้นคนละลมละลาย สสว. จะสามารถชวยเหลือผูประกอบการที่ประสบปญหาดังกลาวไดทันหรือไม กระผมเห็นวาไมทัน แลวถา หากวาการเขามาเปนสมาชิกของ สสว. แลว สสว. จะตองแจงสิทธิประโยชนตางๆ ใหแกสมาชิก โดยการบอก กลาวไวทั่วกัน อาศัยเทคโนโลยีสารสนเทศใหประชาชนเขาถึงขอมูลขาวสารไดเร็วขึ้นและรูผลการขออนุมัติได

234 รวดเร็ว มีกระบวนการลงโทษหาก สสว. สืบทราบวาที่ใหขอมูลขอรับความชวยเหลือทั้งหมดไมเปนความจริง ทุกอยางตองเอาลูกคาเปนหลัก ลูกคาของ สสว. ก็คือ SMEs ชาวบาน ผูเขารวมประชุม: กระผมอยากใหการดําเนินงานของ สสว. รวดเร็ว ในขณะเดียวกันกระผมก็อยากให สสว. แข็งแรงขึ้นดวย เนื่องจากการใหความชวยเหลือผูประกอบการเร็วหรือชา ขึ้นอยูกับผลการดําเนินงานของ สสว. หากขณะนี้ สสว. ทํางานไดมีประสิทธิภาพ กองทุนเพิ่มพูนขึ้น สสว. ก็จะขยายขอบเขตการดําเนินงาน ครอบคลุมมากขึน้ ผูประกอบการก็เจริญกาวหนาขึ้น เอื้อประโยชนซึ่งกันและกัน ผูเขารวมประชุม: สสว. ควรมีนโยบายชวยเหลือผูประกอบการที่ประสบปญหาหนี้ที่ไมกอใหเกิด รายได ไมทราบวา สสว. มีนโยบายใหความชวยเหลือกรณีดังกลาวนี้หรือไม ผูเขารวมประชุม: กระผมขอสอบถามเปนประเด็น 4 ประเด็นดังนี้ ประเด็นที่หนึ่ง ไมทราบวา สสว. มี ความสั มพั นธ หรื อการทํา งานที่ส นับ สนุ นที่ เกี่ยวของกับ ธนาคารพัฒนาวิส าหกิจขนาดกลางขนาดย อมหรื อ SMEs Bank หรือไม เพราะรูปแบบการชวยเหลือทางการเงินคลายคลึงกัน รวมทั้งหลักเกณฑบางประการ เชน จะตองดําเนินกิจการไมนอยกวา 1 ปเหมือนกัน ประเด็นที่สองเรื่องรายละเอียดการนับระยะเวลา 1 ป ที่กลาวมา ในประเด็นที่หนึ่งจะนับจากชวงเวลาใด จะนับจากการลงทะเบียนกับ สสว. หรือนับจากวันที่เริ่มประกอบธุรกิจ จริง ประเด็นที่สาม การจัดการหนี้เสียของ สสว. เอง มีมาตรการอยางไรบาง เพราะในสวนของ SMEs bank ตนเองได ทราบข าววา มีหนี้เสี ยค อนข างเยอะ โดยเฉพาะอยา งยิ่ งในกรณีที่ผูป ระกอบการ SMEs มาขอรั บ คําแนะนําจาก สสว. ตอมาผูประกอบการดําเนินกิจการตามคําแนะนําของ สสว. ทาง สสว. แลวขาดทุน ทาง สสว. มีความชวยเหลือหรือความรับผิดชอบรวมกันอยางไรบาง คณะผูวิจัย: สสว. ทํางานรวมกับธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมในกรณีที่ธนาคาร ดังกลาวเสนอแผนปฏิบัติการเขามารวมดําเนินการสงเสริม SMEs ไวกับ สสว. ที่ผานมาก็มีโครงการลดดอกเบี้ย เพื่อชวยเหลือผูประกอบการดวย และเงื่อนไขที่จะตองดําเนินกิจการมาแลวไมนอยกวาหนึ่งปนี้ เปนเงื่อนไข ขอรั บ ความช ว ยเหลื อ ของกลุ ม วิ ส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย อม ซึ่ ง จะต องมารวมกลุ ม ที่ มี วัตถุป ระสงค เกี่ยวของกับการสงเสริม SMEs มาแลวไมนอยกวาหนึ่งป แตกรณีของผูประกอบการแตละรายจะมาขอรับเงิน ชวยเหลือ หลักเกณฑของกองทุนไมไดกําหนดเงื่อนไขวาจะตองจัดตั้งกิจการมาแลวเปนระยะเวลาเทาใด หรือ จะตองเปนสมาชิกของ สสว. มาเปนระยะเวลาเทาใด

235 ที่ปรึกษากฎหมายของ สสว.: เนื่องจาก สสว. เปนองคกรที่แตกตางจากหนวยงานราชการในอดีต โดยที่ เดิมเรามีหนวยงานของรัฐอยูเพียงสองประเภท คือ สวนราชการ มีหนาที่ใหบริการสาธารณะแบบใหเปลา และ รัฐวิสาหกิจ ซึ่งทําหนาที่ในการทําธุรกิจบางอยางที่ใหเอกชนทําไมได เชน หากใหเอกชนทําอาจเปนปญหาดาน ความมั่นคง เปนตน จนสถานการณโลกในปจจุบันเปลี่ยนแปลงไปจึงจําเปนตองสรางองคกรที่มีความเปนอิสระ จากระบบราชการ และสามารถชวยสงเสริมและพัฒนาไดทุกดาน พัฒนาไปถึงสวนของภาคเอกชนดวย ใน ระยะแรกของความเปลี่ยนแปลงก็จะเปนการพัฒนาดานวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี และก็มีการพัฒนาดานอื่นๆ ตามมา สํา หรับ สสว. ซึ่ งจั ดตั้ง มาตั้ง แตป พ.ศ. 2543 ในขณะนั้ น ประเทศไทยยั ง ไม มี องค กรที่ ทํา หนา ที่ ใ น ลักษณะการสงเสริม SMEs แบบนี้มากอน ผูยกรางกฎหมายจัดตั้งองคกรจึงไดพยายามศึกษาเปรียบเทียบกับ กฎหมายของต า งประเทศ ซึ่ ง กฎหมายที่ ย กร า งในคราวแรกอาจยั ง ไม เหมาะสมเพี ย งพอต อ การช ว ยเหลื อ ผูประกอบการ SMEs

โดยในพระราชบัญญัตสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 ได

กําหนดให สสว. มีอํานาจหนาที่ในการเสนอแนะแกไขกฎหมายดวย จึงเปนที่มาของการจัดประชุมระดมความ คิดเห็นครั้งนี้ สําหรับประเด็นปญหาในระบบบริหารจัดการที่ตองมีความเปนอิสระนั้น ก็จําเปนจะตองเปน อิสระภายใตกรอบแหงบทบัญญัติของกฎหมายดวย เชน ระบบกฎหมายกําหนดใหมีการตรวจสอบการใชจาย งบประมาณโดยสํานักงานตรวจเงินแผนดิน สสว. ก็จะตองปฏิบัติตาม เมื่อ สสว. เปนหนวยงานของรัฐและ กองทุนสงเสริม SMEs ที่ สสว. มีอํานาจพิจารณา ไดอาศัยเงินจากงบประมาณแผนดิน รัฐบาลจะตองจัดสรรมา จากงบประมาณดานการเสริมสรางพัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแขงขัน และ สสว. ก็จะตองใชจายเงิน งบประมาณนั้นในกรอบวัตถุประสงคนี้ดวยเชนกัน บางกรณีเกิดวิกฤตการณจําเปนเรงดวนขึ้นมา สสว. ก็อยาก ใหความชวยเหลือผูประกอบการ SMEs แตก็ตองอยูในกรอบวัตถุประสงคดวย เพราะฉะนั้น เราจึงตองมาศึกษา วิธีการที่จะบริหารจัดการกฎหมายใหเกิดประสิทธิภาพดังตัวอยางของตางประเทศที่ประสบความสําเร็จใน การสงเสริม SMEs ขอสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ สสว. จะสามารถใชจายเงินกองทุนไดตอเมื่อผานการพิจารณา ของคณะกรรมการบริ ห าร สสว. และคณะกรรมการส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ มซึ่ ง มี นายกรัฐมนตรีเปนประธานคณะกรรมการ รวมถึงองคประกอบของคณะกรรมการสงเสริมฯ ยังมาจากสวน ราชการเปนสวนใหญ จึงอาจยังไมคลองตัวในการบริหารงาน ซึ่งขณะนี้ สสว. ประสบปญหาการนําเงินกองทุน ไปสนับสนุนผูประกอบการในลักษณะรวมลงทุน โดยมีเงื่อนไขวาจะสามารถรวมลงทุนไดเพียงหาปเทานั้น เมื่อครบกําหนดระยะเวลาเจาของกิจการจะตองซื้อหุนคืนจาก สสว. ปรากฏวาในทางปฏิบัติผูประกอบการยังไม สามารถซื้อหุนคืนได ขอผอนคืน และขอยกเวนดอกเบี้ยดวย คณะกรรมการบริหาร สสว. ก็เห็นชอบ เพราะ

236 เปนหลักการที่ถูกตองตามวัตถุประสงคของการจัดตั้งกองทุนสงเสริม SMEs แตตอมาก็มีนโยบายใหฟองรอง บังคับคดี หรือเรียกเบี้ยปรับ นอกจากนี้ กระผมเห็นวา สสว. มีเงิน แตยังไมมีอํานาจ เพราะรัฐบาลเห็นวามี ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม หรือธนาคารของรัฐอื่นๆ เชน ธนาคารกรุงไทย ใหความ ชวยเหลือและมีมาตรการเกี่ยวกับการบริหารจัดการหนี้ที่ไมกอใหเกิดรายได (NPL) อยูแลว สสว. จึงไมควรทํา หนาที่เกี่ยวกับการใหกูยืมเงินหรือรวมลงทุน อยางไรก็ตาม ตองขอใหผูประกอบการรวมแสดงความคิดเห็น และนักวิจัยจะไดเอาความเห็นเหลานี้ไปเสนอไวในงานวิจัยตอไป คณะผูวิจัย: ในประเด็นกระบวนการขอความชวยเหลือดานเงินทุน มีผูประกอบการสอบถามวา จําเปน หรือไมวาสินคาที่จะมาขอรับความชวยเหลือได จะตองผลิตในประเทศไทยเทานั้น แทจริงแลวไมมีความจําเปน เชนวา แตสิ่ งสําคัญคือผูข อรับความชวยเหลือจะตองเปน SMEs และหากมีก ารแกไขกฎหมายใหชวยลด ขั้นตอนในการพิจารณาอนุมัติ โดยเฉพาะอยางยิ่งในกรณีที่เกิดวิกฤตการณภัยพิบัติตางๆ อันจะชวยให SMEs สามารถผานพนวิกฤตไปได ก็จะทําใหการสงเสริม SMEs เปนรูปแบบที่มีประสิทธิภาพตามความเปนจริงมาก ขึ้น ซึ่งคณะผูวิจัยก็จะไดนําไปพิจารณาตอไป สรุปไดวาในประเด็นเรื่องงบประมาณและแหลงเงินทุนนั้น เมื่อผูประกอบการ SMEs ยื่นขอเสนอขอรับ การชวยเหลือจาก สสว. แลว สสว. ควรพิจารณาใหความชวยเหลืออยางรวดเร็วทันตอสถานการณ โดยอาศัยการ พัฒนากองทุนสงเสริม SMEs ที่ยั่งยืน ซึ่งตองมีกลไกการตรวจสอบการจัดสรรเงินชวยเหลือ SMEs อยางมี ประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยการแกไขกฎระเบียบใหชัดเจนมากขึ้น

237 5.4 รายงานสรุปประเด็นจากการสัมมนาครั้งที่ 3 ประชุมเพื่อเสนอผลงานวิจัยและรับฟงขอเสนอแนะ จัดขึ้นเมื่อวันเสาร ที่ 23 พฤศจิ กายน พ.ศ. 2556 ณ หองประชุ ม 8-149 มหาวิท ยาลั ยหัวเฉีย ว เฉลิมพระเกียรติ การสั ม มนาเริ่ ม เวลา 9.30 น. คณะผู วิ จั ย ได นํ า เสนอวั ต ถุ ป ระสงค ใ นการศึ ก ษาและผลจาก การศึกษาวิจัย จากนั้นไดซักถามผูเขารวมสัมมนาในประเด็นที่เกี่ยวของกับกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐของ ไทยในการสงเสริม สนับสนุน SMEs 1. การนําเสนอผลงานวิจัย คณะผูวิจัย: เนื่องจากในชวงป พ.ศ. 2540 เกิดปญหาวิกฤตการทางเศรษฐกิจ “ตมยํากุง” ทําให ภาครัฐไดพยายามแกไขปญหาดวยการสงเสริม SMEs เพราะเปนหนวยธุรกิจที่มีจํานวนถึงรอยละ 99.8 ของ ธุรกิจทั้งประเทศ และ SMEs ก็มีความคลองตัวในการแขงขัน เหมาะสมตอการเปดเสรีทั้งในประเทศและ ตางประเทศ จึงมีการยกรางพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 เพื่อให เกิดการเพิ่มขีดความสามารถการแขงขันของ SMEs ไทย และพระราชบัญญัติดังกลาวก็ไดกําหนดใหจัดตั้ง สํ า นั ก งานส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ ม (สสว.) ขึ้ น ซึ่ ง จากการที่ พ ระราชบั ญ ญั ติ นี้ ไ ด ประกาศใชมาเปนระยะเวลานานแลวทําใหเกิดประเด็นที่จะตองศึกษาวิจัยถึงบทบาทและอํานาจหนาที่ของ สสว. ในปจจุบันวามีความเหมาะสมหรือไม หรือมีการทับซอนกับหนวยงานอื่นๆ อยางไร ทั้งนี้ ตามมาตรา 16 (5) แหงพระราชบัญญัติดังกลาวไดกําหนดให สสว. เปนผูเสนอยกรางหรือปรับปรุงแกไขกฎหมายที่ เกี่ยวของกับการสงเสริมและสนับสนุน SMEs ได นอกจากนี้ ในตางประเทศก็ไดใหความสําคัญกับการสงเสริมและสนับสนุน SMEs ดวยเชนกัน คณะผูวิจัยจึงไดเลือกประเทศที่มีความโดดเดนในการชวยเหลือ SMEs มาศึกษาเปรียบเทียบขอดีขอเสีย ไดแก ประเทศญี่ปุน ประเทศเกาหลีใต ประเทศสิงคโปร ประเทศฝรั่งเศส และประเทศออสเตรเลีย โดย เปรียบเทียบทัง้ ประเด็นความเปนมาของกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐทีส่ งเสริม SMEs และการกําหนดนิยาม ของ SMEs ขอบเขตลักษณะโครงสรางองคกร โครงสรางการบริหาร อํานาจหนาที่และวัตถุประสงคของ การจัดตั้งองคกรที่สงเสริม SMEs ตลอดจนงบประมาณการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน และ

238 รู ป แบบการดํ า เนิ นงานที่ ป ระสบผลสํ า เร็ จขององค ก รนั้ น ๆ ดั ง เช น ประเทศที่นํ า มาเปรี ย บเที ย บมั ก ให ความสําคัญกับการสงเสริมการวิจัยและพัฒนา เปนตน ในสวนการวิจัยภาคสนาม คณะผูวิจัยไดทําการสัมภาษณตัวแทนในคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย อม คณะกรรมการบริ ห าร สสว. ผู บ ริ ห ารและผูป ฏิ บั ติง านใน สสว. ตลอดจน ผูประกอบการ SMEs จากกรุงเทพมหานคร และสวนภูมิภาคจํานวน 5 ภูมิภาค จํานวนกวา 50 ราย ซึ่งเปน ทั้งประธานสภาหอการคาจังหวัด หรือประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด หรือผูประกอบการ SMEs อื่นๆ อีกดวย รวมถึงมีการประเมินผลจากแบบสอบถามกวา 500 ชุด และมีการจัดประชุมระดมความคิดเห็นทั้งที่ กรุงเทพมหานคร และในสวนภูมิภาค เพื่อนํามาเปนขอมูลในการวิเคราะหและสังเคราะหเปนบทสรุปและ ขอเสนอแนะในงานวิจัยนี้ ในส วนข อเสนอแนะของงานวิ จัยจากการวิ เคราะหข อมูล พบว า กฎหมายจัดตั้ ง สสว. มี ผลต อ การดํา เนิ นการสง เสริม SMEs ที่ ยัง ไม เหมาะสมเท าที่ ควร เชน การที่ก ฎหมายจัดตั้ง สสว. กํา หนดให นายกรัฐมนตรีเปนประธานคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมอาจทําใหขาดสภาพ คลองในการดําเนินการทางธุรกิจและการตัดสินใจ เพราะการใหความชวยเหลือ SMEs จําเปนตองให เสรีภาพแกประชาชนในการลงทุนประกอบการตางๆ หรือประเด็นที่ สสว. ใชงบประมาณในการบริหาร จัดการองคกรถึงกวารอยละหาสิบ โดยที่ยังไมคอยชัดเจนมากนักถึงรายละเอียดในการดําเนินงานตามแผน งบประมาณตางๆ เปนตน สําหรับขอเสนอแนะจากการสัมภาษณและแบบสอบถาม พบวา กฎหมายจัดตั้ง สสว. ควรเอื้อตอการสงเสริม SMEs ในดานตางๆ ไดแก ดานขอกฎหมายและนโยบาย ดานงบประมาณที่ จัดสรรมาเพื่อประโยชนของ SMEs ดานการใหบริการและบุคลากรที่ใหบริการ ดานการประชาสัมพันธ องคกรใหเปนที่รูจัก ดานการตลาด ดานความรูและการพัฒนาผลิตภัณฑ ดานการติดตามผลการปฏิบัติงาน ของ สสว. 2. ประเด็นความคิดเห็นเกี่ยวกับการเขาถึงผูประกอบการของ สสว. ผูเขารวมประชุม: กระผมคิดวา กฎหมายจัดตั้ง สสว. นี้ ไมไดเขาถึงตัวผูประกอบการโดยตรง และ การใหความชวยเหลือโดย สสว. ปจจุบันนี้ยังไมเขาถึงภาคประชาชนเทาที่ควร และกระผมมีความสนใจ อยากเสนอแนะให สสว. จัดทําบริการแบบครบวงจร (One stop service) ทั้งการขอรับความชวยเหลือใน การพัฒนาเทคโนโลยีและผลิตภัณฑของผูประกอบการ เปนอาทิ

239 ผูเขารวมประชุม: การที่ สสว. จะใหความชวยเหลือผูประกอบการไดจะตองมีการรวบรวมขอมูล เกี่ยวกับ SMEs ในประเทศไทย คณะผูวิจัยไดคนพบขอมูลเกี่ยวกับการรวบรวมขอมูลดังกลาวหรือไม คณะผูวิจัย: สวนใหญขอมูลที่ สสว. รวบรวมไดมักมาจากขอมูลตางๆ ของผูเปนสมาชิกของ สสว. ดังนั้น สสว. จึงควรเขาหาและรวบรวมขอมูลจากผูประกอบการใหมากขึ้นเปนสําคัญ ทั้งนี้ คณะผูวิจัยจะได ทําการศึกษาในรายละเอียดเกี่ยวกับการกําหนดโครงสรางองคกรใหเหมาะสมตอการดําเนินงานในการจัดทํา ระบบขอมูลขาวสารเกีย่ วกับผูประกอบการตอไปดวย ผูเขารวมประชุม: ปจจุบันประชาชนยังไมมั่นใจนักวา สสว. จะใหความชวยเหลือแกผูประกอบการ SMEs อยางแทจริงหรือไม หรือความชวยเหลือของ สสว. จะเปนประโยชนกับกลุมธุรกิจขนาดใหญมากกวา คณะผูวิจัย: ในประเด็นดังกลาว สสว. ก็ควรจะเรงดําเนินการใหองคกรมีความนาเชื่อถือ และ ชวยเหลือประชาชนในการรวมกลุมเครือขายธุรกิจ SMEs ที่มีลักษณะ ชนิด ประเภท ทํานองเดียวกัน เพื่อให กลุมธุรกิจ SMEs มีขีดความสามารถในการแขงขันเพิ่มสูงขึ้นและสามารถแขงขันกับกลุมธุรกิจขนาดใหญ กวาได เชน รวมกลุมกันไปซื้อวัตถุดิบอยางเดียวกัน เปนตน 3. ประเด็ นการแสดงความคิด เห็ นเกี่ยวกับ การสงเสริมการวิจั ยและพั ฒ นา และการดํ า เนิ นงาน เกี่ยวกับกองทุนสงเสริม SMEs ของ สสว. ผูเขารวมประชุม: กระผมขอเรียนถามคณะผูวิจัยวา สสว. มีการดําเนินการสงเสริมการวิจัยและ พัฒนาของ SMEs อยางไร และกองทุนใหกูยืมตางๆ เชน การพัฒนาผลิตภัณฑ หรือการขยายการลงทุน สสว. มีการใหความชวยเหลืออยางไรบาง คณะผูวิ จัย: จากข อมูลการสัม ภาษณ ผูบริหาร สสว. พบวา ปจจุ บัน สสว. ไดประสานงานกั บ มหาวิทยาลัยในทองถิ่นแตละจังหวัด เพื่อศึกษาคนควาการวิจัยและพัฒนา SMEs โดยมุงคนหาสินคาหรือ บริการของทองถิ่นที่สมควรใหความชวยเหลือตอยอดธุรกิจ ตลอดจนการเนนใหความชวยเหลือ SMEs ดาน การวิจยั และพัฒนาในเขตพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต อยางไรก็ตาม การสนับสนุน SMEs ของภาครัฐ จําเปนตองอาศัยงบประมาณและเครือขายองคกรที่เหมาะสมดวย จึงเปนที่มาที่คณะผูวิจัยอยากเสนอแนะ แนวทางการพัฒนากฎหมายเพื่อใหเกิดประสิทธิภาพในการสงเสริม SMEs ไดอยางทั่วถึงและตรงประเด็น สอดคลองกับสภาพสังคมปจจุบัน

240 สวนกรณีกองทุนสงเสริม SMEs นั้น สสว. จําเปนตองประสานความรวมมือกับหนวยงานอื่นๆ เพื่อ กระจายการใหความชวยเหลือ เนื่องจากงบประมาณที่ไดรับสําหรับกองทุนดังกลาวมีอยูคอนขางจํากัด และ ยั ง มี ห ลั ก เกณฑ บ างประการที่ ไ ม ส ะดวกตอการให เงิ น ทุ นสนั บ สนุ นแก SMEs ซึ่ ง คณะผู วิ จัย ก็ จะได เสนอแนะไวในงานวิจัยนี้ตอไป ผูเขารวมประชุม : ดิฉันขอสอบถามคณะผูวิจัยวา ในสวนการใหความชวยเหลือแก SMEs ดานเงิน ลงทุนนั้น มีตัวอยางกฎระเบียบตางๆ ของ สสว. ที่ยังไมเหมาะสมอยางไรบาง และคณะผูวิจัยประสงคจะ เสนอแนะใหดําเนินการแกไขปญหาอยางไรบาง ทั้งนี้ หากงบประมาณภาครัฐที่ สสว. ไดรับมาไมสามารถ จั ด สรรเพื่ อช วยเหลื อ SMEs ในด า นเงิ นลงทุ น แล ว สสว. ควรจั ด สรรงบประมาณเพื่อ ประโยชน ใ น การสงเสริม SMEs ทางใดไดบาง คณะผูวิจัย : จากที่คณะผูวิจัยไดดําเนินการศึกษาเปรียบเทียบกับกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐที่ทํา หนาที่สงเสริม และสนับสนุน SMEs ของตางประเทศ พบวา ทั้งประเทศญี่ปุน สาธารณรัฐสิงคโปร และ สาธารณรัฐเกาหลีใต ตางก็บริหารจัดการงบประมาณใหแกหนวยงานที่ทําหนาที่สงเสริม SMEs โดยตรง ซึ่ง ทํา ให บริ หารจัดการงบประมาณไดง า ยกวา การกระจายงบประมาณไปยัง หลายๆ หน วยงานที่เกี่ย วข อง อยางไรก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยยังขาดความชัดเจนวา สสว. จะดําเนินการเปนหนวยงานที่วางนโยบาย เพียงอยางเดียว หรือจะเปนหนวยปฏิบัติการสงเสริม SMEs ดวย ทําใหการจัดสรรงบประมาณเปนไปไดยาก และมี ก ารทํ า งานซ้ํ า ซ อ นกั น กั บ บางหน ว ยงานอื่ นที่ ทํ า หน า ที่ สง เสริ ม SMEs ด ว ย เช น ธนาคารพั ฒ นา วิสาหกิจขนาดยอมและขนาดกลางแหงประเทศไทย ซึ่งเปนหนวยงานที่เกิดขึ้นมาภายหลังการจัดตั้ง สสว. และการยุบรวมหนวยงานของรัฐตางๆ ยอมกระทําไดยากลําบาก แนวทางแกไขปญหาชองทางหนึ่งเพื่อให การจัดสรรงบประมาณเกิดประสิทธิภาพคือ การจัดใหมีการติดตามประเมินสถานการณในลักษณะที่ให สสว. เปนพี่เลี้ยงชวยเหลือหนวยงานอื่นซึ่งรับนโยบายและแผนจาก สสว. ไปสงเสริม SMEs ไดอยาง เหมาะสม ทั้งนี้ เมื่อ สสว. ไมอาจไดรับงบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐไดอยางเพียงพอตอการนํามา อุดหนุนเงินทุนใหแก SMEs สสว. ก็จะตองเรงสรางผลงานใหเปนที่ประจักษวาเปนองคกรที่สามารถวาง นโยบายและแผนใหหนวยงานที่ไดรับงบประมาณจากรัฐในดานตางๆ สามารถนํานโยบายและแผนนั้นๆ ไปใชไดอยางมีประสิทธิภาพ ซึ่งประเด็นดังกลาวจะไดนําไปสูบทสรุปและขอเสนอแนะของคณะผูวิจัย ผูเขารวมประชุม : เนื่องจากการใหความชวยเหลือ SMEs ของ สสว. ในปจจุบันคอนขางเห็นเปน รูปธรรมนอย ซึ่งดิฉันคาดวา สวนหนึ่งอาจเปนเพราะองคกรนี้ยังขาดความรวมมือของภาครัฐในการดําเนินงาน

241 จึงอยากใหคณะผูวิจัยพิจารณาขอกฎหมายตางๆ ที่เกี่ยวของวามีผลกระทบตอความเปนอิสระของหนวยงาน หรือไม และควรมีแนวทางปรับปรุงกฎหมายอยางไร คณะผูวิจัย : ในประเด็นเรื่องความรวมมือของหนวยงานภาครัฐ คณะผูวิจัยไดศึกษาถึงขอดีขอเสีย ของการจัดโครงสรางองคกรภาครัฐที่ทําหนาที่สงเสริม SMEs ในตางประเทศ เชน คณะกรรมการ SPRING สิงคโปร เปรียบเทียบกับประเทศไทยแลว พบวา ทั้งคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม คณะกรรมการบริหาร สสว. และ สสว. จําเปนตองมีการปฏิรูปองคกรใหเหมาะสม โดยจะเห็นไดวา องคประกอบของคณะกรรมการทั้งสองดังกลาวมีผูแทนจากหนวยงานของรัฐหลายหนวยงานที่เกี่ยวของใน การวางนโยบายสงเสริม SMEs ดังนั้น สสว. ก็ควรมีภารกิจในดานการวางนโยบายแผนการสงเสริม SMEs ซึ่งจะตองประสานความร วมมื อกับ หนวยงานอื่นๆ เปนสําคัญ ในขณะที่ โครงสร างองคก รภายในกลั บ กํ า หนดใหใ ช ท รั พ ยากรของหน วยงานไปในการบริ หารจั ด การภายในองค ก รค อนขา งมาก ประเด็น นี้ คณะผู วิ จั ย เห็ น ว า จะต อ งแก ไ ขปรั บ ปรุ ง อนุ บั ญ ญั ติ ภ ายในองค ก รให สสว. มี โ ครงสร า งหน ว ยงานที่ สอดคลองกับภารกิจหลักเปนสําคัญ นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอ ม พ.ศ. 2543 ยั ง ได กํ า หนดให ก ารจั ด ทํ า แผนการส ง เสริ ม SMEs ต องเสนอขอความเห็ น ชอบจาก คณะรั ฐ มนตรี ด ว ย ทั้ ง ที่ มี รัฐ มนตรี แ ละปลั ดกระทรวงที่ เ กี่ ย วข อ งกั บ การส ง เสริ ม SMEs เข า มาเป น องคประกอบของคณะกรรมการสงเสริม SMEs อยูหลายกระทรวง และยังมีนายกรัฐมนตรีเปนประธาน คณะกรรมการดังกลาวดวย การที่ตองเสนอแผนการสงเสริม SMEs ตอคณะรัฐมนตรีอีกขั้นตอนหนึ่งจึงเปน การทํ า งานซ้ํ า ซ อนอี ก ด วย ซึ่ ง ทั้ ง สองประเด็นที่ก ลา วมาผูวิจัย จะไดนํา เสนอในสวนขอเสนอแนะของ งานวิจัยนี้ตอไป

242 5.5 สรุปผลการศึกษาดูงาน ณ ประเทศญี่ปุน จํานวน 2 หนวยงาน ดังนี้ 1. SMEA คณะผูวิจัย และตัวแทนจากสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมไดศึกษาดูงาน Small and Medium Enterprise Agency (SME Agency หรือ SMEA) โดยผูบริหาร SMEA ไดนําเสนอ โครงสรางขององคกร นโยบาย และกฎหมายที่เกี่ยวของกับการดําเนินงานขององคกร โดยเปน 3 สวนหลักๆ ไดดังนี้ สวนที่ 1 ความเปนมาของนโยบาย SMEs ในประเทศญี่ปุน ประเทศญี่ปุนไดมีการพัฒนานโยบายดาน SMEs มาโดยตลอด นับตั้งแตหลังสงครามโลก ครั้งที่ 2 โดยหลายนโยบายไดพัฒนา แกไขปรับปรุงมาอยางตอเนื่อง ไมวาจะเปนนโยบายทางการเงิน การสนับสนุนทางธุรกิจ และการจัดการองคกร โดยในระยะแรกของนโยบาย จะเนนการสงเสริม SMEs เพื่อปองกันการรวมศูนยทางเศรษฐกิจไวที่สวนกลาง และชวยดูแลผูประกอบธุรกิจ SMEs ในเวลาตอมาก ดําเนินนโยบายในความพยายามที่จะลดความเหลื่อมล้ําระหวางธุรกิจขนาดใหญ และธุรกิจ SMEs ตลอดจน การสนับสนุนใหธุรกิจ SMEs สามารถแขงขันไดโดยความสมัครใจ หากจะพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวของกับ SMEs สามารถแบงเปน 5 สวน ดังนี้ (1) กฎหมายพื้นฐานเกี่ยวกับ SMEs เชน Establishment of the SME Agency (1948) เชน Establishment of SME Basic Act (1963) Amendment of SME Basic Act (1999) เปนตน (2) กฎหมายเกี่ยวกับนโยบายดานการเงิน เชน Establishment of Shoko Chukin Bank (1936) SME Credit Insurance Act (1950) Introduction of Finance for improvement of Small Business Management (MARUKEI) (1973) Enhancement of Credit Insurance System (2007) เปนตน (3) กฎหมายเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุนนโยบายทางธุรกิจ เชน Establishment of SME Consultation Center (1948) SME Universities (1980) Enhancement of Small Business Promotion Corporation (1967) Establishment of SMRJ (2004) Act on the Promotion of SME New Business Activities (2005) เปนตน (4) กฎหมายเกี่ยวกับนโยบายการจัดการองคกรตางๆ เชน JCCI Act (1953) Act on the Organization of SME Association (1957) เปนตน

243 (5) กฎหมายเกี่ยวกับการดําเนินธุรกิจที่ไมเปนธรรม เชน Act on Prevention of Delay in Subcontracting Proceeds, Etc, to Subcontractors (1956) Act for Ensuring the Receipt of Purchase Orders from the Government and Other Public Agencies by Small and Medium Enterprises (1966) เปนตน ทั้งนี้ ผูบริหาร SMEs ไดดําเนินจุดเปลี่ยนของนโยบายดาน SMEs ของประเทศญี่ปุนใน 3 ชวง ที่มาจากกฎหมาย 3 ฉบับ กลาวคือ (1) กฎหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งสํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Small and Medium Enterprise Agency (SMEA)) ในป 1948 ซึ่งออกมาหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากญี่ปุน ตองประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ SMEs ที่ไดรับผลกระทบ จึงตองมีการจัดทํารางมาตรการ เกี่ยวกับ SMEs ขึ้นมาในป 1947 นํามาสูการจัดตั้งองคกรของรัฐที่จะมาทําหนาที่ดูแล SMEs ซึ่งก็คือ SMEA นั่นเอง หลังจากนั้นก็มีมาตรการและนโยบายออกมาหลายประการ อาทิ คูมือและคําแนะนํา SMEs เกี่ยวกับ การบริหารจัดการอยางมีประสิทธิภาพ และการพัฒนาปรับปรุงทางดานเทคโนโลยี (1948) SME credit line at restoring Financial Bank (1948), SME Cooperatives Act (1949) เพื่อปองกันการผูกขาดทางเศรษฐกิจ (2) กฎหมายพื้นฐานเกี่ยวกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Small and Medium Enterprise Basic Law) ในป 1963 อันเนื่องมาจากปญหาความเหลื่อมล้ําของธุรกิจขนาดใหญ กับธุรกิจ SMEs ทําให SMEs จํานวนมากไมสามารถแขงขันได และผลผลิตก็ยังอยูในระดับที่ต่ํา การออกกฎหมาย ฉบับนี้ ก็เพื่อจะทําให SMEs เขมแข็งขึ้น สามารถทําธุรกิจแขงขันกับธุรกิจขนาดใหญได ตลอดจนสนับสนุน การเจริญเติบโต และการพัฒนา SMEs และยกระดับสถานะทางเศรษฐกิจและสังคมของลูกจางที่ปฏิบัติงาน ใน SMEs หลังจากนั้นก็มีมาตรการออกมาหลายประการ อาทิ SME Modernization Act (1963) เพื่อ กําหนดอุตสาหกรรมเฉพาะที่จําเปนสําหรับการสรางสรรคสิ่งใหมๆ และวางเกณฑสําหรับแผนของการ สรางสรรค และสนับสนุนเครื่องจักรที่ทันสมัย, SME Guidance Act (1963) ซึ่งเปนคูมือและคําแนะนํา สําหรับระบบธุรกิจ SMEs เปนตน นอกจากนั้นแลวยังมีการกําหนดนโยบายที่นาสนใจ เชน การสนับสนุน SMEs ใหมีความทันสมัย การยกระดับเทคโนโลยีของ SMEs การจัดการและการบริหาร SMEs อยางสมเหตุ สมผล การผลักดันขนาดของธุรกิจ SMEs ใหเปนไปอยางเหมาะสม การสรางความรวมมือกันในดําเนินงาน ของ SMEs การปองกันการแขงขันที่มากเกินไปอันเนื่องมาจากเงื่อนไขทางการคาที่ไมเปนประโยชนสําหรับ SMEs การจัดการสมัยใหมในธุรกิจคาปลีก การสงเสริมการสงออกสินคาของ SMEs การสงเสริมดาน แรงงานสัมพันธใน SMEs ใหเปนไปอยางเหมาะสม เปนตน

244 ทั้งนี้ ในการดําเนินมาตรการและนโยบายในชวงนี้ มีกรอบของกฎหมายที่นาสนใจอยู 2 ฉบับ คือ SME Modernization Act (1963) และ SME Guidance Act (1963-2000) SME Modernization Act (1963) เป นกฎหมายที่ เกิ ดขึ้ น อั นเนื่ องมาจากรั ฐ บาลญี่ ปุ นเห็นถึ ง ความจํา เปน ที่ตองปรับ ปรุ ง โครงสรางอุตสาหกรรม รวมถึงการยกระดับการแขงขันกับตางประเทศ และวางแผนสรางสรรคสิ่งใหมๆ ใหธุรกิจประเภทนี้ ดังนั้น รัฐบาลไดเลือกอุตสาหกรรมเฉพาะเจาะจง (Specified industries) ที่ตองการ ปรับปรุงอยางเรงดวน ซึ่งก็มีอุตสาหกรรมจํานวนมากที่ตองการจะปรับปรุงองคกรตัวเอง ตองมีการวาง แผนการปรั บ ปรุ ง โครงสร า ง และการดํ า เนิ นงานตามกรอบแผนที่ มี ค วามทั นสมั ย โดยอยู บ นพื้ น ฐาน ความสมัครใจของผูประกอบธุรกิจ ซึ่งก็จะมีโปรแกรมหลักในการสนับสนุนองคกร ไมวาจะเปนประโยชน ทางดานภาษีจากภาครัฐ การใหเงินกูดอกเบี้ยต่ําจากสถาบันการเงินที่รวมกับรัฐบาล การมีที่ปรึกษาทาง การบริหารจัดการโดยรัฐบาลในสวนภูมิภาค SME Guidance Act (1963-2000) เป นกฎหมายที่ออกในป 1963 เพื่อที่ จะบริหารจั ดการธุ รกิจเป นไปอยา งมีเหตุมีผล มี การปรับ ปรุง ทางดา นเทคโนโลยี มีมาตรการของคู มือและคําแนะนําที่จัดทําเปนระบบ และเป นไปตาม กฎหมาย โดยทั้งรัฐบาลสวนกลาง สวนภูมิภาค และศูนยใหคําแนะนําสําหรับ SME (SME guidance center) จะรวมมือกันในการดําเนินการ (3) กฎหมายพื้นฐานเกี่ยวกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Small and Medium Enterprise Basic Lawซึ่งไดมีการปรับปรุงแกไขในป 1999 SMEs เปนพื้นฐานทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุน แตประสบปญหาจํานวนขององคกร ธุรกิจที่จัดตั้งลดลง ความรวมมือกันในอุตสาหกรรมประเภทเดียวกันที่ลดลง ตลอดจนความเปลี่ยนแปลง ทางเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุน การพัฒนาและเจริญเติบโตที่เพิ่มขึ้นของ SMEs ที่เปนอิสระมากขึ้น จึงมี การดําเนินนโยบายจากเดิมที่เนนนโยบายที่เปนกลุมอุตสาหกรรม หรือสมาคม เปลี่ยนแปลงเปน SMEs ที่มี ความเปนอิสระ (individual SMEs) โดยมีการออกกฎหมายเพื่อสนับสนุนการเริ่มตน SMEs ในรูปแบบ ใหมๆ ที่ตางจากเดิม การสนับสนุนในเรื่องของนวัตกรรม และการสรางสรรคผลิตภัณฑ และระบบการผลิต ในรูปแบบใหมๆ ซึ่งมาตรการทางกฎหมายที่สําคัญ คือ Act on temporary Measures for the Promotion of

245 Creative Business Activities of SMEs (1995) SME modernization Act และ SME Management Reform Act (1999) นอกจากนั้นแลว กฎหมายขางตนยังมีการแกไขครั้งลาสุดในป 2013 อันเนื่องมาจากปญหา ที่พบวารอยละ 90 ขององคกรธุรกิจที่ญี่ปุนเปน SMEs และ MEs มีรากฐานทางธุรกิจที่ออนแอ และจํานวน ขององคกรธุรกิจ และลูกจางก็มีจํานวนลดลง ตลอดจน SEs ถือเปนองคกรธุรกิจที่สําคัญในแงของความ มั่นคงของเศรษฐกิจในระดับทองถิ่น ตลอดจนการพัฒนาทางเศรษฐกิจในระดับประเทศ จึง มีการแกไ ข กฎหมายและดําเนินนโยบายเกี่ยวกับ SEs เพื่อทําใหเศรษฐกิจในระดับทองถิ่นมั่นคงและเกิดการพัฒนาทาง เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนการสนับสนุน SEs ในธุรกิจระหวางประเทศ การใชประโยชนจาก IT และ การอํานวยความสะดวกชวยเหลือในการสืบทอดทางธุรกิจ เปนตน โดยเนนมาตรการจัดการทางการเงิน เปนไปอยางราบรื่น การกระตุนความรวมมือในการจัดการระหวาง SEs และผูเชี่ยวชาญทางธุรกิจหรือ หุนสวนทางธุรกิจโดยใช IT สวนที่ 2 ระบบนโยบายของ SMEs ในประเทศญี่ปุน SMEA เปนองคกรที่อยูภายใตกระทรวงเศรษฐกิจ การคาและการอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) โดยมีโครงสรางการบริหารงาน ดังนี้

246 กระทรวงเศรษฐกิจ การคา และการอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI)

Advisory

สภาใหคําปรึกษาเกี่ยวนโยบาย สําหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Council for Small and Medium Enterprise Policy)

Consultation สํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Small and Medium Enterprise Agency : SMEA)

กรรมาธิการ (Commissioner) ผูอํานวยการ (Director-General for Small and Medium Enterprise) สํานักเลขานุการของกรรมาธิการ (Commissioner’s Secretariat) สวนงานประสานงานนโยบาย (Office of Director for Policy Coordination) กลุมงานบริหารงานภายใน (Administrative Affairs Office) กลุมงานประชาสัมพันธและใหคําปรึกษาทางธุรกิจ (Public Relations and Business Counseling Office)

ผูอํานวยการสํานักงานดานสงเสริมสภาพแวดลอมทางธุรกิจ (Director-General Business Environment Department)

สวนงานนโยบาย (Policy Planning Division) กลุมงานสรางเสถียรภาพทางธุรกิจ (Office for Business Stability)

กลุมงานวิจัย (Research Office) กลุมงานดานตางประเทศ (International Affairs Office) สวนงานดานเงินทุน (Finance Division) สวนงานดานการเงินและภาษี (Corporate Finance and Tax Affairs Division) สวนงานดานการคาที่เปนธรรม (Fair Trade Division) ผูอํานวยการสํานักงานดานสนับสนุนการประกอบธุรกิจ (Director-General Business Support Department)

สวนงานสนับสนุนการประกอบธุรกิจ (Business Support Division) กลุมงานนโยบายสําหรับวิสาหกิจขนาดเล็ก(Office for Small Enterprise Policy)

สวนงานสนับสนุนธุรกิจใหม (New Business Promotion Division) สวนงานเทคโนโลยีและการเริ่มตน (Startup and Technology Division) สวนงานคาปลีกและขายสง (Retail and Wholesale Commerce Division)

247 โดยบทบาทหนาที่ของแตละสวนงาน เปนดังนี้ (1) สํานักเลขานุการของกรรมาธิการ (Commissioner’s Secretariat) (1.1) สวนงานประสานงานนโยบาย (Office of Director for Policy Coordination) ทําหนาที่ประสานงานภายในองคกรภายใตขอบอํานาจของ SMEA (1.2) กลุมงานประชาสัมพันธและใหคําปรึกษาทางธุรกิจ (Public Relations and Business Counseling Office) ทําหนาที่ในงานดานการประชาสัมพันธ (2) สํ า นั ก งานด า นส ง เสริ ม สภาพแวดล อ มทางธุ ร กิ จ (Business

Environment

Department) (2.1) สวนงานนโยบาย (Policy Planning Division) ทําหนาที่วางแผนและกําหนด นโยบายพื้นฐานสําหรับการดูแลและพัฒนา SMEs (2.2) กลุมงานสรางเสถียรภาพทางธุรกิจ (Office for Business Stability) ทําหนาที่ ในการสรางเสถียรภาพทางธุรกิจใหกับ SMEs (2.3) กลุมงานวิจัย (Research Office) ทําหนาที่รวบรวม วิเคราะห และจัดทําขอมูล เบื้องตนเกี่ยวกับการดูแล พัฒนา และปรับปรุงการบริหารจัดการ SMEs (2.4) กลุ ม งานด า นต า งประเทศ (International Affairs Office) ทํ า หน า ที่ ประสานงานความรวมมือระหวางภายใตขอบอํานาจของ SMEA (2.5) สวนงานดานเงินทุน (Finance Division) ทําหนาที่จัดหาเงินทุนใหแก SMEs (2.6) สวนงานดานการเงินและภาษี (Corporate Finance and Tax Affairs Division) ทําหนาที่ประสานงานเกี่ยวกับระบบภาษีของ SMEs และใหการสนับสนุนใหการสืบทอดธุรกิจ ของ SMEs (2.4) สวนงานดานการคาที่เปนธรรม (Fair Trade Division) ทําหนาที่สรางใหเกิด การคาที่เปนธรรมตอ SMEs และรักษาโอกาสทางธุรกิจใหแก SMEs (3) สํานักงานดานสนับสนุนการประกอบธุรกิจ (Business Support Department) (3.1) สวนงานสนับสนุนการประกอบธุรกิจ (Business Support Division) ทํา หนาที่ปรับปรุงการบริหารจัดการของ SMEs

248 (3.2) กลุมงานนโยบายสําหรับวิสาหกิจขนาดเล็ก (Office for Small Enterprise Policy) ทําหนาที่สนับสนุนวิสาหกิจขนาดเล็ก (3.3) สวนงานสนับสนุนธุรกิจใหม (New Business Promotion Division) ทําหนาที่ ปรับปรุงการบริหารจัดการของ SMEs โดยผานกิจกรรมทางธุรกิจใหมๆ (3.4) สวนงานเทคโนโลยีและการเริ่มตน (Startup and Technology Division) ทําหนาที่สรางธุรกิจใหมโดย SMEs และปรับปรุงดานเทคโนโลยีใหแก SMEs (3.4) สวนงานคาปลีกและขายสง (Retail and Wholesale Commerce Division) ทําหนาที่ดูแลและพัฒนาผูคาปลีกขนาดกลางและขนาดเล็ก ผูใหบริการ และผูขายสง นอกจาก SMEA ที่มีบทบาทหนาที่ในการขับเคลื่อนนโยบายเกี่ยวกับ SMEs แลว องคกร หนึ่งที่มีความสําคัญไมแพกัน ในฐานะที่จะเปนผูใหคําปรึกษาและคําแนะนําแกรัฐมนตรีวาการกระทรวง เศรษฐกิจ การคาและการอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) ในการดําเนิน นโยบายดาน SMEs ก็คือ สภาใหคําปรึกษาเกี่ยวกับนโยบายสําหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Council for Small and Medium Enterprise Policy) ซึ่งมีองคประกอบมาจากนักวิชาการ และผูทรงคุณวุฒิ โดยทําหนาที่วิจัย ใหความเห็น และใหคําปรึกษาในประเด็นที่สําคัญที่เกี่ยวของกับการดําเนินนโยบายดาน SMEs เมื่อไดรับการรองขอจากรัฐมนตรีท่เี กี่ยวของ โดยโครงสรางของสภาชุดนี้ เปนดังนี้ สภาใหคําปรึกษาเกี่ยวนโยบายสําหรับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Council for Small and Medium Enterprise Policy) อนุกรรมการดานนโยบายพื้นฐานสําหรับวิสาหกิจขนาดเล็ก (Subcommittee for Small Enterprise Basic Policy) คณะกรรมการดานการสนับสนุนธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Committee on SME Business Support) อนุกรรมการดานการปรับปรุงเพื่อเขาถึงการจัดซื้อจัดจางของภาครัฐ (Subcommittee for Access Improving Public Procurement) อนุกรรมการดานการใหความชวยเหลือ(แกวิสาหกิจขนาดเล็ก) (Subcommittee on Mutual Aid Insurance) อนุกรรมการดานการคา (Subcommittee on Commerce)

คณะกรรมการปรับปรุงกิจกรรมทางธุรกิจของวิสาหกิจขนาดใหญ (Committee for Adjusting Business Activities of Large Enterprises)

249 ในดานระบบการดําเนินนโยบายดาน SMEs ของประเทศญี่ปุนมีหลายองคกรที่เขามา เกี่ยวของซึ่งจะประสานงานและดําเนินงานภายใตความรวมมือกับ SMEA โดยมีโครงสรางของระบบ ดังนี้

ระดับอําเภอ (เขต) (Prefectures) โปรแกรม สนับสนุน

ความรวมมือ ระหวางกัน

สวนราชการระดับภูมิภาค ของกระทรวงเศรษฐกิจ การคา และอุตสาหกรรม

การสมัคร

สํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (Small and Medium Enterprise Agency: SMEA) (1) วางแผนและใหขอมูลนโยบาย SMEs (2) การสนับสนุนงบประมาณ

การรับรอง ผูใหบริการสงเสริม ปรับปรุงการบริหารจัดการ (Management improvement Support providers)

- วิเคราะห สถานการณ ทางธุรกิจ - การจัดหา ผูเชี่ยวชาญ -สนับสนุน และพัฒนา แผนธุรกิจ

งบประมาณ

งบประมาณและ โปรแกรมสนับสนุน

สมาคมทางดาน SMEs (SME associations) เชน สภาหอการคาและ อุตสาหกรรม, สมาคม ทางดานการคาและ อุตสาหกรรม, กลุม สมาคมธุรกิจขนาดเล็ก และกลุมสมาคม ศูนยการคา - โปรแกรมสนับสนุน Micro Business - การสนับสนุน เครือขาย SMEs - การสนับสนุนพื้นที่ กิจกรรมทางการคา

งบประมาณ งบประมาณ

องคการเพื่อวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดยอมและนวัตกรรมในระดับ ภูมิภาคแหงประเทศญี่ปุน (Organizationfor SMEs and Regional Innovation, Japan : SMRJ) เครือขายมหาวิทยาลัยดาน SME (SME universities)

โปรแกรม สนับสนุน SMEs ดานตางๆ

งบประมาณ

การพัฒนา ดาน ทรัพยากร มนุษย

องคการการคา ภายนอก ประเทศญี่ปุน (JETRO)

องคกรทางการเงิน แหงประเทศญี่ปุน (Japan Finance Corporation) การประกัน

งบประมาณ ธนาคารโชโคชูคิน (Shoko Chukin Bank) โปรแกรม ระหวาง ประเทศ

เงินกูยืม

องคกรธุรกิจที่ ใหหลักประกันสินเชื่อ (Credit Guarantee Corporations)

หลักประกัน สินเชื่อ

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (SMEs)

ทั้ ง นี้ ผู ใ ห บ ริ ก ารส ง เสริ ม ปรั บ ปรุ ง การบริ ห ารจั ด การให กั บ SMEs improvement

Support

providers) จะต อ งได รั บ การรั บ รองจากกระทรวงเศรษฐกิ จ

(Management การค า และ

การอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) วาเปนผูที่มีความรู ประสบการณ และ มีระบบการดําเนินงาน

250 สวนที่ 3 นโยบายดาน SMEs ในปจจุบัน นโยบายสงเสริม SMEs ในปจจุบนั ของประเทศญี่ปุน มีนโยบายทีส่ ําคัญหลายประการ ไดแก (1) นโยบายทางดานการเงินโดยการสนับสนุนจากสถาบันการเงินที่รวมมือกับภาครัฐ ซึ่งมี อยู 2 แหง หลักๆ คือ Shoko Chukin Bank และ Japan Finance Corparation (JFC) โดยการใหการสนับสนุน การกูยืมเงินสําหรับองคกรธุรกิจที่กําลังกอตั้ง และการขยายธุรกิจไปยังตางประเทษ ตลอดจนการใหกูยืมเงิน สําหรับองคกรธุรกิจที่ประสบปญหาชั่วคราวทางธุรกิจ หรือประสบปญหาภัยพิบัติ ทั้งนี้ ในการกูยืมเงินของ SMEs ในประเทศญี่ปุนจะมีการดําเนินการใน 3 รูปแบบ คือ การกู จากสถาบันการเงินเอกชน การกูจากสถาบันการเงินที่รวมมือกับภาครัฐ และการขอการขอเครดิตค้ําประกัน การกู ยื ม โดยองค ก รที่ ดูแ ลในด า นนี้ นอกจากนั้ นแล วยั ง มี นโยบายที่ น า สนใจในการกู ยื ม เพื่ อปรั บ ปรุ ง การดําเนินงานของธุรกิจประเภท MEs ซึ่งเปนโครงการที่เรียกวา “Marukei” โดยจะมีการใหความชวยเหลือ ทางด า นคํ า แนะนํ า ด า นบั ญ ชี และการทํ า แผนทางธุ ร กิ จ โดยความช ว ยเหลื อ ของสภาหอการค า และ การอุตสาหกรรม และสมาคมการคาและการอุตสาหกรรม (2) การจัดทําขั้นตอนกระบวนพื้นฐานดานการบัญชีของ SMEs โดยมีการจัดทําขึ้นเมื่อ วันที่ 1 กุมภาพันธ 2012 โดยกลุมการศึกษาดานบัญชีของ SME ซึ่งจัดตั้งโดยหนวยงานที่เกี่ยวของกับ SME สมาคม SME นักบัญชีภาษี ผูตรวจสอบบัญชี และสถาบันทางการเงิน โดยการจัดทํากฎระเบียบใหมทางดาน บัญชีครอบคลุมการทํางานของ SMEs เพื่อที่จะกําหนดขั้นตอนกระบวนการจะชวยใหเจาของธุรกิจหรือ ผูปฏิบัติงานใน SMEs มีความรูความเขาใจเกี่ยวกับเงื่อนไขทางการเงินของธุรกิจตนเองอยางถูกตอง กําหนด ขั้นตอนกระบวนการส งเสริม ให ผูมีส วนไดเสีย กับ SMEs ทราบขอมูลทางดานบัญชีที่จําเปน ขั้นตอน กระบวนการที่ตองคํานึงถึงการปฏิบตั ิทางการบัญชีของ SMEs สอดคลองกับระบบบัญชีกับระบบภาษีที่มีอยู และกฎระเบียบทางบัญชีขององคกรธุรกิจ การไมเพิ่มภาระทางเอกสารใหแก SMEs โดยองคกรที่ตองใช ขั้นตอนกระบวนการนี้ ควรเปน SMEs ที่มีผูปฏิบัติงานดานบัญชีนอย และไมสามารถปฏิบัติงานดานบัญชี ในระดับสูงไดทั้งในระดับพนักงานและระบบบัญชี และตองการที่จะเปดเผยขอมูลใหเฉพาะหุนสวนทาง การคา สถาบันทางการเงิน ผูมีสวนไดเสียเจาของ และผูจัดเก็บภาษี (3) ประโยชนทางดานภาษีสําหรับ SMEs โดยการชวยลดภาษีหรือยกเวนภาษีเพื่อไมให เปนภาระแกผูประกอบธุรกิจ SMEs โดยวิธีการตางๆ โดยเฉพาะการลดภาษีสําหรับ SMEs ที่มีรายได

251 ประจําปไมเกิน 8 ลานเยนจะเสียภาษีนอยกวาอัตราปกติ กลาวคือ เสียภาษีรอยละ 15 ซึ่งนอยกวาองคกร ธุรกิจขนาดใหญ หรือองคกรธุรกิจ SMEs ที่มีรายไดมากกวา 8 ลานเยน ที่ตองเสียในอัตรารอยละ 25.5 (4) การใช ประโยชน ทางด า น IT โดยผา นเว็บ ไซตที่มี ชื่ อ วา “Mirasapo” โดยจะเป น เว็บไซตที่เปนศูนยรวมขอมูลของรัฐบาลกลาง และองคกรภาครัฐตางๆ ที่เกี่ยวของกับ SMEs ตลอดจนเปน ศูนยรวมของการใหคําปรึกษาทางธุรกิจ ซึ่งจะมีผูเชี่ยวชาญมาใหขอมูลและประสบการณ (5) มาตรการชวยเหลือ SMEs ที่มีการรับชวงการผลิต และไดรับการปฏิบัติที่ไมเปนธรรม (6) การสนับสนุนผานเครือขาย SME University โดยมีเครือขายอยูจํานวน 9 แหง ภายใต การดําเนินงานของ Organization for Small & Medium Enterprises and Regional Innovation, Japan (SMRJ) เพื่อจะพัฒนาการดําเนินงานดานทรัพยากรบุคคล การสรางองคความรูตางๆ ระหวางผูประกอบ ธุรกิจ (7) การฟนฟูทางธุรกิจ โดยอยูภายใต Industrial Revitalization Act โดยมีการจัดตั้ง Business Support Councils for SME ในแตละภูมิภาค เพื่อสนับสนุนฟนฟูธุรกิจ SMEs ที่ประสบปญหา (8) การเปลี่ยนผานทางธุรกิจ อันเนื่องมาจากการสืบทอดทางธุรกิจจากคนรุนกอนมาสูคน รุนตอๆ มา ซึ่งจะมีบริการใหคําปรึกษาเกี่ยวกับการจางงาน เทคโนโลยี และการพัฒนาธุรกิจใหมๆ เพื่อ เสริมสรางจุดแข็งของธุรกิจ (9) การสนับสนุนพัฒนาทางดานเทคโนโลยี โดยเฉพาะ SMEs ที่ทําธุรกิจดานการผลิต สินคา (10) การดําเนินงานดานทรัพยากรบุคคล โดยการสรางความสัมพันธระหวางมหาวิทยาลัย กับ SMEs ในการจางบัณฑิตที่เพิ่งจบใหมเขาทํางานใน SMEs (11) การสนับ สนุนการขยายธุ รกิ จ ไปยังต างประเทศ โดยความรวมมือขององค ก รของ ภาครัฐ SMRJ และ JETRO ทั้งในแงของการใหขอมูลเกี่ยวกับตลาดในตางประเทศ การสรางกลยุทธในการ พัฒนาธุรกิจไปยังตางประเทศ การจัดหาเวทีในการจัดแสดงสินคา (12) การพัฒนาธุรกิจรูปแบบใหมๆ การสนับสนุนใหมีการสรางสรรคผลิตภัณฑใหมๆ และ การหาตลาดใหมๆ โดยเฉพาะธุรกิจทางดานการเกษตร การคา และการผลิต

252 (13) การพัฒนา และปรับปรุงพื้นที่ในการคาขายสินคา (14) การสนับสนุนธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม โดยการชวยเหลือในการเริ่มตนธุรกิจ การสนับสนุน ทางการเงิน การใหเครดิตสินเชื่อ การใหรางวัลแกผูประกอบธุรกิจรายใหมท่สี ามารถเปนตนแบบได (15) การสั่งซื้อจากภาครัฐ โดยการสนับสนุนใหหนวยงานภาครัฐสั่งซื้อสินคาและบริการ จาก SMEs เพื่อสรางโอกาสในการประกอบธุรกิจ จากนโยบายในการสงเสริม SMEs ดานตางๆ ของประเทศญี่ปุนในปจจุบันบางตน ผูบริหารของ SMEA ก็ไดใหขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายดาน SMEs ที่ภาครัฐใหความสําคัญเปนพิเศษ ณ ขณะนี้ ซึ่งมี 6 ประการ ไดแก (1) ดําเนินการมาตรการที่เปนไปไดทั้งหมดเพื่อชวยเหลือ SMEs ที่อยูในพื้นที่ประสบ เหตุการณแผนดินไหวครั้งใหญเมื่อป 2011 (2) ใหความสําคัญกับ Micro Enterprises ซึ่งเปนองคกรธุรกิจขนาดเล็กมาก (เล็กกวา Small Enterprises) (3) ตั้งเปาเพิ่มจํานวนธุรกิจเกิดใหมใหไดรอยละ 10 (4) ตั้งเปาเพิ่มกําไรของ SMMEs ใหเปนสองเทา (5) ตั้งเปาเพิ่มการขยายตัวของ SMEs ในตางประเทศใหได 10,000 ราย (6) ดําเนินมาตรการที่เปนไปไดในการรับมือกับภาษีการบริโภคที่เพิ่มขึ้น 2. SMRJ คณะผูวิจัย และตัวแทนจากสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมไดศึกษาดูงาน Organization for Small & Medium Enterprises and Regional Innovation, Japan (SMRJ) ทําใหทราบวา SMEs ในประเทศญี่ปุนถือเปนองคกรธุรกิจที่มีสัดสวนมากที่สุดในประเทศ โดยคิดเปนรอยละ 99.7 ของ จํานวนองคกรธุรกิจทั้งหมด หรือเปนจํานวนกวา 4.21 ลานองคกร และมีผูปฏิบัติงานกวา 27.84 ลานคน SMRJ จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย Establishment of SMRJ (2004) โดยการดําเนินงานของ SMRJ จะ ไดรับงบประมาณจากภาครัฐ (ผาน SMEA เปนหลัก) เพื่อสนับสนุนการดําเนินธุรกิจของ SMEs ทั้งในแง

253 ของโครงสรางพื้นฐาน เงินทุน ทรัพยากรบุคคล ขอมูลขาวสาร และการตอบสนองความตองการ และแกไข ปญหาตางๆ ใหกับ SMEs ซึ่งมีประเด็นที่นาสนใจ ดังนี้ (1) การสนับสนุน SMEs ของ SMRJ จะแบงเปน 4 ดานหลักๆ คือ (1.1) การสนับสนุนการจัดตั้งองคกรธุรกิจ SMEs ใหม โดย SMRJ จะใหการสนับสนุน การบริหารจัดการ และการจัดหาผูเชี่ยวชาญ เชน การใหคําปรึกษาในการเริ่มตนธุรกิจ การใหการสนับสนุน ทรัพยากรในแตละพื้นที่ การสรางความรวมมือระหวาง SMEs ดวยกัน โดยเฉพาะธุรกิจทางดานการเกษตร ปาไมและการประมง การสนับสนุนเงินทุนตั้งตน เปนตน (1.2) การสนั บ สนุ น การเจริ ญ เติ บ โต และพั ฒ นา SMEs โดยมี วั ตถุ ป ระสงค เ พื่อ เพิ่ ม การจัดการใหมีประสิทธิภาพ และใหมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น โดยผานหนวยงานตางๆ และองคกรในระดับ ภูมิภาค เชน การสง เสริ มดา นการผลิต การวิ จัยและพั ฒนา การแข งขันระหวางประเทศ การจัดการดา น ทรัพยสินทางปญญา การสนับสนุนดานเงินทุน การพัฒนาดานทรัพยากรมนุษยผาน SME Universities การสนับสนุนการค้ําประกันทางธุรกิจ เปนตน (1.3) การสนับสนุนมาตรการทางดานการเงินเพื่อเตรียมความพรอมสําหรับอนาคต โดย เปนการชวยเหลือฟนฟูธุรกิจที่ประสบปญหาความเสี่ยงตางๆ ไมวาจะเปนจากดานเงินทุนขององคกร ความ เสี่ยงจากภาวะลมละลาย หรือความเสี่ยงที่เกิดจากภัยพิบัติ โดยมีโครงการที่สําคัญ เชน The Mutual Relief Scheme for Small-scale Enterprises, The Mutual Relief Scheme for Business Safety (The Mutual Relief system for the Prevention of Bankruptcies of Small and Medium Enterprises) เปนตน (1.4) สนั บ สนุ นโครงสร า งพื้น ฐานตา งๆ โดยมีก ารสนับ สนุน พื้น ที่ดิน ในการจัดสรา ง โรงงานหรือสํานักงานในการประกอบธุรกิจ โดยที่คาใชจายไมแพงที่ SMEs สามารถจะดําเนินงานได นอกจากนั้นแลว ยังมีการใหกูยืมหรือคําแนะนําในการพัฒนาปจจัยพื้นฐานตางๆ ในการประกอบธุรกิจ ไม ว า จะเป น ความร ว มมื อ ในทางอุ ต สากรรม แหล ง กระจายสิ น ค า การบริ ก ารจั ด การภายใต เ งื่ อ นไข สภาพแวดลอมตางๆ เปนตน (2) องคกรและเครือขายในการดําเนินงานของ SMRJ SMRJ จะมีสวนงานที่ดําเนินงานแบงเปน 3 สวนหลักๆ ไดแก ดาน Financial ดาน General Affair และดาน Personnel department โดยจะมีผูบริหาร (Executive Director) เปนผูตัดสินใจ โดยมีสํานักงานใหญ

254 อยู ที่ เมื องโตเกี ย ว (Tokyo) นอกจากนั้ นแล ว ยั ง มี เครื อข า ยในการสนั บ สนุนการดํ า เนิ นงาน โดยผ า น สํานักงานสาขาในเขตตางๆ และเครือขาย SME Universities ประกอบดวย (2.1) สํานักงานใน 9 เขต ไดแก Kanto Head Office, Hokkaido Head Office, Tohoku Head Office, Hokuriku Head Office, Chubu Head Office, Kansai Head Office, Chugoku Head Office, Shikoku Head Office, Kyushu Head Office และ Okinawa Head Office (2.2) SME Universities ประกอบดวย Asahikawa SME University, Sendai SME University, Sanjo SME University, Tokyo SME University, Seto SME University, Kansai SME University, Hiroshima SME University, Nogata SME University และ Hitoyoshi SME University (3) ผลการดําเนินงานที่เปนจุดเดน หากจะพิจารณาผลการดําเนินงานของ SMRJ ที่เปนจุดเดนในปจจุบัน สามารถแยกออกได เปน 4 ประการคือ (3.1) ด า นทรั พ ยากรบุ ค คล SMRJ มี ผู เชี่ย วชาญในด า นการพั ฒนาทรั พ ยากรบุค คลกว า 3,000 คน ที่สามารถใหคําแนะนําและชวยเหลือ SMEs ได ทั้งนี้ ในการใหการชวยเหลือใหคําปรึกษา ก็จะมี องคกรตางๆ ที่ใหความรวมมือทั้งในระดับสวนกลาง และในสวนภูมิภาค ทั้งกระทรวงเศรษฐกิจ การคาและ การอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Industry: METI) สถาบันทางการเงิน สภาหอการคา และการอุตสาหกรรม สมาคมทางดานธุรกิจ ดานอุตสาหกรรม และดานธุรกิจขนาดเล็กตางๆ มหาวิทยาลัย และวิทยาลัยเทคนิค (3.2) ดานโครงสรางพื้นฐาน SMRJ มีสิ่งอํานวยความสะดวกตางๆ ให SMEs สามารถเชา ได เพื่อพัฒนาและสนับสนุนธุรกิจของตน รวมถึงการใหพนื้ ที่ดินในการจัดสรางโรงงาน และสํานักงาน (3.3) ดานเงินทุน SMRJ มีระบบการจัดการเงินทุนที่จะชวยเหลือ SMEs ในการดําเนิน ธุรกิจ หากมีเหตุการณที่ไมคาดคิดในอนาคต (3.4) ดานขอมูลขาวสาร SMRJ มีการจัดงานเพื่อสงเสริมและประชาสัมพันธธุรกิจ SMEs ใหมๆ ใหเปนที่ธุรกิจ และเปนการสรางโอกาสทางธุรกิจ ตลอดจนมีการจัดทําเว็บไซต J-NET 21 และอีเมล อันเปนแหลงเผยแพรขอมูลขาวสารของ SMEs

255 5.6 สรุปผลการศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐสิงคโปร จํานวน 1 หนวยงาน ดังนี้ SPRING Singapore 1. ภาพรวมของหนวยงาน SPRING Singapore หนวยงาน SPRING Singapore เปนหนวยงานในสังกัดกระทรวงการคาและอุตสาหกรรม โดย มีหนวยงานที่สังกัดกระทรวงเดียวกันที่ทําหนาที่ในดานการสงเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสราง งานเพื่อนําไปสูการมีมาตรฐานการใชชีวิตที่ดียิ่งกวาสําหรับทุกคนในสิงคโปร อีกหลายหนวยงาน คือ - หนวยงานตลาดพลังงาน (Energy Market Authority) มีหนาที่ดานการสงเสริมอุตสาหกรรม พลังงาน ทั้งดานการมีศักยภาพในการแขงขันและการมีความเชื่อถือไดดานพลังงาน - คณะกรรมการการพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Economic Development Board) มีหนาที่ดานการ พัฒนาอุตสาหกรรมและดึงดูดการลงทุนจากตางประเทศ - เอ สตาร (A*STAR) เป น หน ว ยงานที่ มุ ง พั ฒ นาความสามารถในการค น คว า วิ จั ด ของ สาธารณรัฐสิงคโปร - เจทีซี (JTC) หนวยงานที่รับรองการมีวัตถุดิบสําหรับโรงงานและพื้นที่สําหรับใชในการ อุตสาหกรรม - SRPING Singapore มี หนา ที่ดา นการสงเสริม การพัฒนาวิส าหกิจ ดา นคุณภาพและ มาตรฐานผลิตภัณฑ - SENTOSA มีหนาที่ดานการสงเสริมและพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจเกาะ Sentosa - คณะกรรมการการทองเที่ยวสิงคโปร (Singapore Tourism Board) มีหนาที่สงเสริมและ พัฒนาอุตสาหกรรมการทองเที่ยว - ไออี สิงคโปร (IE Singapore) มีหนาที่ดานการสงเสริมการคาระหวางประเทสและการกาว ไปสูระดับโลกของวิสาหกิจที่มีฐานที่ตั้งในสิงคโปร - คณะกรรรมการการแขงขันสิงคโปร (Competition Commission Singapore) ทําหนาที่กํากับ ดูแลกิจกรรมที่ขัดตอการแขงขัน วิสัยทัศนและหนาที่รับผิดชอบ หนวยงาน SPRING Singapore มีวิสัยทัศนที่จะนําวิสาหกิจสิงคโปรกาวไปสูระดับโลก และ หนาที่รับผิดชอบคือการชวยเหลือวิสาหกิจสิงคโปรใหเติบโตและสรางความเชื่อมันในสินคาและบริการของ สิงคโปร ทั้งนี้ โดยมีวัตถุประสงคทางยุทธศาสตรคือ การเปนหนึ่งในภูมิภาคในการประกอบการดานที่มี

256 ความสําคัญเปนอยางยิ่ง การกระตุนภาค SMEs และการสรางความสามารถ และความเชื่อมั่นในโครงสราง พืน้ ฐานดานคุณภาพและมาตรฐานในสิงคโปร ภูมิภาพของวิสาหกิจในสิงคโปร ปจจุบัน ในสาธารณรัฐสิงคโปร มีวิสาหกิจตางๆ ที่แบงออกเปนขนาดดังนี้ วิสาหกิจขนาดใหญที่มีรายไดตั้งแต 100 ลานเหรียญ และวิสาหกิจขนาดกลาง มีรายได ตั้งแต10 ลานเหรียญมี จํานวนรวมประมาณ 7,100 วิสาหกิจ คิดเปนรอยละ 5 ของวิสาหกิจทั้งหมด วิสาหกิจขนาดเล็ก (Small) ที่มีรายไดตั้งแต 1 ลานเหรียญ มีจํานวนประมาณ 23,200 คิดเปน รอยละ 16 ของวิสาหกิจทั้งหมด และวิสาหกิจขนาดขนาดยอม (Micro) ซึ่งมีรายไดนอยกวา 1 ลานเหรียญ มี จํานวนประมาณ 114,600 วิสาหกิจ คิดเปนรอยละ 79 ของวิสาหกิจทัง้ หมด ดังนั้น “วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม จึงหมายถึง วิสาหกิจที่มีรายไดประจําปไมเกิน 100 ลานเหรียญ หรือจางแรงงานไมเกิน 200 คน” SMEs ในระบบเศรษฐกิจของสิงคโปร วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมเปนหนวยธุรกิจที่มีมากที่สุดในสิงคโปร รวมเปนจํานวน 170,300 วิสาหกิจ คิดรอยละ 99 ของวิสาหกิจทั้งหมด ซึ่งมีวิสาหกิจขนาดใหญเพียงรอยละ 1 เทานั้น และ เปนหนวยธุรกิจที่จางแรงงานถึง 2.1 ลานคน คิดเปนรอยละ 68 ของการจางแรงงานทั้งหมด หรือ 7 ใน 10 โดยวิสาหกิจขนาดใหญจะจางงานอยูที่รอยละ 32 ภาษีมูลคาเพิ่มที่ไดรับจากวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมมีจํานวน 154 พันลานเหรียญ คิด เปนรอยละ 50 ของมูลคาเพิ่มทั้งหมด ในขณะที่มูลคาเพิ่มอีกรอยละ 50 มาจากวิสาหกิจขนาดใหญ (ที่มา : Dos 2012 เปนการประมาณการซึ่งรวมหลายๆ ภาคอุตสาหกรรม ทั้งอุตสาหกรรมการ ผลิต การกอสราง การเกษตร และบริการตางๆ หมายเหตุ หมายรวมถึงที่เปนเจาของโดยตรงเทานั้น ไมรวมผูทํางานเพื่อตนเอง (เชน คนขับ รถแทกซี่ คนขายของหาบเร) และคนตางดาวที่ทํางานในประเทศ ทั้งยังไมรวมถึงบริษัทที่ไมมีกิจกรรม และ บริษัทที่ยังไมเริ่มประกอบกิจกรรม)

257 ยุทธศาสตรการพัฒนาวิสาหกิจ หน วยงาน SPRING Singapore มียุ ทธศาสตรใ นการพั ฒนาวิส าหกิ จโดยอาจแบง เปน 4 ยุทธศาสตร คือ • เสริมสรางภาวะแวดลอมใหแข็งแกรงเพื่อการพัฒนาวิสาหกิจ • ปลูกฝง และเกื้อกูลการริเริ่มนวัตกรรม • พัฒนากลุมที่มีศักยภาพการแขงขัน • การเจริญเติบโตของวิสาหกิจที่เปนไปโดยการเตรียมพรอม ทั้งนี้ โดยรวมมือกับภาคสวนอื่นๆ 2. การเสริมสรางความแข็งแกรงของสภาวะแวดลอม ดําเนินการโดยการขยายสูภายนอก ซึ่งมีมาตรการในการดําเนินการดังนี้ ขยายความรู :โดยการจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการ การบรรยายยอย ใหบริการการใหคําปรึกษาแนะนํา : โดยผานทางศูนย SME (SME Centres) ทําใหเกิดการตื่นตัว :โดยผานการประกาศโฆษณาและจัดรายการสงเสริม เขาผูกพัน : โดยเจาหนาที่ของ SPRING โดยมีวัตถุประสงคสําคัญคือการทําใหเกิด SMEs เพิ่มมากขึ้น การเขาถึงขอมูลผานเครือขาย EnterpriseOne EnterpriseOne ใหบริการขอมูลแกผูประกอบการโดย • ผานศูนย SME (SME Centres) ซึ่งบริการใหคําปรึกษาทางธุรกิจ ใหคําปรึกษา เกี่ยวกับแผนการสนับสนุนและกฎระเบียบของรัฐบาล การฝกอบรมเพิ่มศักยภาพ • อินเตอรเนททางเวปไซท www.enterpriesOne.gov.sg ซึ่งใหบริการขอมูลขอมูลจาก ภาครัฐสูภาคธุรกิจ (G2B) และบริการใหอนุญาตทางธุรกิจออนไลน • ศู น ย ส อ บ ถ า ม ข อ มู ล ท า ง โ ท ร ศั พ ท ( Call Centre) ซึ่ ง มี อี เ ม ล คือ [email protected] และ [email protected]

258 • แอฟริ เ คชั่ น ของอุ ป กรณ เ คลื่ อ นที่ ซึ่ ง ให บ ริ ก ารข อ มู ล ธุ ร กิ จ ออนไลน และการ ใหบริการของรัฐผานระบบออนไลน การเขาถึงแหลงการเงิน และแผนการใหการสนับสนุนวิสาหกิจ หนวยงาน SRPING Singapore มีวิธีการในการใหความชวยเหลือแก SMEs โดยมีเครื่องมือ และมาตรการตางๆ อันไดแก • ชุดคูมือ (Toolkits) ซึ่งประกอบไปดวย คูมือการบริการลูกคา คูมือการจัดการดาน การเงิน คูมือการตลาด และคูมือดานทรัพยากรมนุษย • เอกสารใบสําคัญจาย (Voucher) ซึ่งเปนเอกสารใบสําคัญจายเกี่ยวกับนวัตกรรมและ ความสามารถ • การใหกูยืม (Loan) ซึ่งแบงออกเปน โครงการกูยืมรายยอย (Micro Loan Programme MLP) แผนสงเสริมกองทุนวิสาหกิจทองถิ่น (Local Enterprise Fund Scheme - LEFS) และแผนงานประกันการกูยืม (Loan Insurance Scheme - LIS) • เงินชวยเหลือ (Grant) โดยเปนเงินชวยเหลือพัฒนาความสามารถและเพื่อการพัฒนา (Capacity & Development Grant –CDG) • การคืนภาษี (Tax Credit) อันเปนการคืนภาษีดานศักยภาพการผลิตและนวัตกรรม (Productivity & Innovation Credit)  คูมือสําหรับ SME (SME Toolkit)  คู มื อ การบริ ก ารลู ก ค า เป น ข อ มู ล เกี่ ย วกั บ กรอบการทํ า งานอย า งง า ยเพื่ อ พัฒนาการบริการสูความเปนเลิศ  คูมือการจัดการดานการเงิน ใหเครื่องมือในการวิเคราะห และสิ่งที่จําเปนใน การดําเนินการเกี่ยวกับการเงิน  คู มื อ การตลาด ปรั บ ปรุ ง ศั ก ยภาพการทํ า การตลาด ด ว ยเทคนิ ค ต น ทุ น ประสิทธิภาพโดยดําเนินการดวยตนเอง  คู มื อ ด า นทรั พ ยากรมนุ ษ ย ให เ คล็ ด ลั บ เครื่ อ งมื อ รู ป แบบในด า นการ บริหารงานบุคคล

259  เอกสารใบสําคัญจายเกี่ยวกับนวัตกรรมและความสามารถ (Innovation & Capacity VoucherICV) SMEs สามารถขอรับเอกสารใบสําคัญการจาย ICV ไดทางออนไลน ซึ่งมีมูลคา 5,000 เหรียญ สิงคโปร ซึ่งทําใหสามารถเขาถึงความเชี่ยวชาญและการสนับสนุนที่มีคุณภาพไดงายยิ่งขึ้นและครอบคลุม คาใชจายสําหรับการใหคําปรึกษาหรือบริการทีม่ าจากองคกรทีเ่ ขารวม โดยป จ จุ บั น ได เป ด ให บ ริ ก ารสมั ค รเอกสาร ICV ออนไลน แ ล วและได มี ก ารปรับ ปรุ ง กระบวนการยื่นใบสมัครรับบริการจากการใชเอกสารมาสูการบริการดวยระบบออนไลน ซึ่งการสมัครรับ บริการสามารถดําเนินการแลวเสร็จไดภายใน 5 นาที บทบาทของ SPRING ในการใหเงินทุน SPRING Singapore มีบทบาทในการจัดหาเงินทุนของ SMEs โดยจะเปนผูค้ําประกันสวน ความเสี่ยงในการผิดนัดการชําระหนี้ของ SMEs ในกรณีที่ SMEs ไดติดตอกับสถาบันการเงินเพื่อขอทุนมา ใชในการดําเนินการ ซึ่งมีสถาบันการเงินที่เขารวมในแผนงาน คือ ธนาคารดีบีเอส (DBS) ธนาคารเอชเอสบี ซี (HSBC) บริษัท เงินทุน ฮงเหลียง (Hong Leong Finance) ธนาคาร เมยแบงค (MayBank) ธนาคาร โอซีบีซี (OCBC Bank) ธนาคารแสตนดารด ซารเตอร (Standard Charted) บีอีเอ (BEA) ธนาคารยูโอบี (UOB)  การใหกูยืม (Loan) ซึ่งแบงยอยออกเปน  แผนประกันการกูยืม (Loan Insurance Scheme - LIS) ซึ่งจะรับประกันเงินกู สําหรับเปนเงินทุนในการดําเนินการและเงินทุนการคา  แผนสงเสริมกองทุนวิสาหกิจทองถิ่น (Local Enterprise Fund Scheme LEFS) ให กู ยื ม วงเงิ นถึ ง 15 ล า นเหรี ย ญสิ ง คโปร สํ า หรั บ การนํ า ไปจั ดซื้ อ อุปกรณและสินทรัพย  โครงการกูยืมรายยอย (Micro Loan Programme - MLP) เปนการกูยืมทุน สําหรับดําเนินงาน วงเงินถึง 100,000 เหรียญสิงคโปรใหกับธุรกิจขนาดเล็กที่ มีลูกจาง 10 คนหรือนอยกวานั้น  เงินชวยเหลือพัฒนาความสามารถและเพื่อการพัฒนา (Capacity & Development Grant – CDG) เปนเงินชวยเหลือใหแก SMEs เปนจํานวนถึงรอยละ 70 (จนกระทั่งปการเงิน 2005) ของ คาใชจาย ในโครงการปรับปรุง การยกระดับความสามารถดานการผลิตและพัฒนาความสามารถทางธุรกิจ ซึ่งอาจเปนไปในดานตางๆ คือ การพัฒนายุทธศาสตรธุรกิจ การพัฒนาตราสินคา การจัดการดานการเงิน

260 การพัฒนาตนทุนมนุษย ปรับปรุงคุณภาพ และมาตรฐาน นวัตกรรมทางธุรกิจ และการออกแบบ ทรัพยสิน ทางปญ ญาและการให สิ ท ธิ จํ า หน า ย ความเป นเลิ ศ ทางการบริ ก าร นวั ต กรรมทางเทคโนโลยี และการ ปรับปรุงศักยภาพทางการผลิต ยุทธศาสตรการประกอบการ : Action Community for Entrepreneurship (ACE) เปนความรวมมือระหวาง SPRING และ ภาคเอกชน ที่มุงจะสรางสิงคโปรใหเปนประเทศแหงการประกอบการใหมากยิง่ ขึ้น • ดวยการการพัฒนาตนทุนมนุษย โดยมีคณะทํางานและการจัดงาน คือ อนุกรรมการ การสรางเครือขาย ACE อนุกรรมการการสื่อสาร ACE การจัดงาน Blusky และการจัด งานสัปดาห Global Entrepreneurship Week (GEW) • การใหการศึกษา เกี่ยวกับการเปนผูประกอบการ โดยมีคณะทํางานการศึกษาเกี่ยวกับ การเปนผูป ระกอบการ และการจัดตั้งโรงเรียน ACE • เงินทุนสําหรับการเริ่มกิจการ ซึ่งอยูในรูปของเงินชวยเหลือในการเริ่มกิจการ ACE • การมุงเนนการพัฒนาของการเริ่มกิจการ ซึ่งมีคณะทํางานที่เกี่ยวของคือ อนุกรรมการ ตรวจสอบ ACE และ อนุกรรมการดานตางประเทศ ACE 3. การพัฒนากลุมกิจกรรม การพัฒนากลุมกิจกรรมทางธุรกิจโดยความรวมมือกับ IE Singapore, EDB & STB ซึ่งจะให ความสําคัญกลุมธุรกิจ 17 กลุม ไดแก 1. กลุมอุตสาหกรรมการผลิต & วิศวกรรม ซึ่งประกอบไปดวยธุรกิจ การพิมพ การบรรจุหีบ หอ วิศวกรรมการขนสง วิศวกรรมความเที่ยงตรง อีเลคทรอนิกส เคมีภัณฑ บริการเทคโนโลยีสะอาดและ วิศวกรรม 2. กลุมธุรกิจที่เกี่ยวของกับรูปแบบการใชชีวิต (Life Style) ประกอบไปดวยธุรกิจ การบริการ อาหารและเครื่องดื่ม อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร เฟอรนิเจอร เครื่องนุงหม สิ่งทอและแฟชั่น และการคา ปลีก 3. กลุม ธุ รกิ จการบริก ารและชีวการแพทย ประกอบไปดวยธุรกิจ การขนส งสิ นคา บริก าร การศึกษา บริการดานสุขภาพ บริการวิชาชีพ และบริการชีวการแพทย

261 ยุทธศาสตรการพัฒนากลุมกิจกรรมธุรกิจ ยุทธศาสตรการพัฒนากลุมกิจกรรมธุรกิจจะเปนไปตามแนวทางเฉพาะของอุตสาหกรรมเพื่อ พัฒนา SMEs และใหกลุมกิจกรรมเติบโต โดยดําเนินการดังนี้ 1. ดําเนินการโดยผานพันธมิตร ซึ่งมีศูนยนวัตกรรม (Centres of Innovation –COI) และ โครงการพัฒนาวิสาหกิจทองถิ่นและสมาคม (Local Enterprise & Association Development Programme – LEAD) เปนผูที่เขามามีสวนรวมในการดําเนินการ 2. ผลักดันความสามารถเฉพาะทางอุตสาหกรรมของธุรกิจ ตามโครงการความรวมมือเพื่อการ เปลี่ยนแปลงความสามารถ (Partnership for Capacity Transformation –PACT) และความรวมมือทาง อุตสาหกรรมหลายฝาย (Collaborative Industry Partnership – CIP) 3. สรางความสามารถของตนทุนมนุษย ดวยโครงการและการดําเนินงานตางๆ คือ โครงการ ผูบริหารหลัก (Core Executive Programme – CEP) แหลงรวมงานพิเศษ (Part time pool) โครงการคนเกง SMEs (SME Talent Programme) 4. ทําตลาดใหมใหเติบโต โดยการจัดทําภารกิจธุรกิจตางประเทศ และสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอมของสิงคโปรใหมีสวนสําคัญในตลาดระหวางประเทศ ศูนยนวัตกรรม (Centres of Innovation –COI) บริการใหคําปรึกษาและคําแนะนําดานเทคโนโลยี ซึ่งปจจุบันมีอยู 6 ศูนยดวยกัน คือ • ศูนยเทคโนโลยีสิ่งแวดลอมและน้ํา (Enviro & Water Tech COI) ตั้งอยู ณ วิทยาลัย งี แอน โพลีเทคนิค • ศูนยการจัดการสายโซอุปทาน (Supply Chain Management COI) ตั้งอยู ณ วิทยาลัย รี พลับบลิก โพลีเทคนิค • ศูนยวิศวกรรมเที่ยงตรง (Precision Engineering COI) ตั้งอยู ณ เอ สตาร ซิมเทค • ศูนยเทคโนโลยีทางทะเลและชายฝง (Marine & Offshore Tech COI) ตั้งอยู ณ วิทยาลัย งี แอน โพลีเทคนิค • ศูนยอีเลคทรอนิกส (Electronics COI) ตั้งอยู ณ วิทยาลัยนานยาง โพลีเทคนิค • ศูนยทรัพยากรและนวัตกรรมอาหาร (Food Innovation & Resource) ตั้งอยู ณ วิทยาลัย สิงคโปร โพลีเทคนิค

262 โครงการพัฒนาวิสาหกิจทองถิ่นและสมาคม (Local Enterprise & Association Development Programme – LEAD) เปนโครงการความรวมมือของ SPRING Singapore กับสมาคมการคา และหอการคา (Trade Associations & Chambers -TAC) เพื่อ • ดําเนินการรวมกันโดยหลายหนวยงาน เพื่อปรับปรุง ยกระดับความสามารถในการ แข ง ขั น ทางอุ ต สาหกรรมและการประกอบการ โดยผ า นทางสมาคมการค า และ หอการคา • TAC เปนผูขับเคลื่อนความริเริ่มในการยกระดับความสามารถ และเปนผูนําในการ ดําเนินการมุงสูในระดับระหวางประเทศ • TAC มากกวา 30 องคกร (มีสมาชิกที่เปน SMEs กวา 20,000 ราย) ไดรับผลประโยชน จากโครงการพั ฒ นาวิ ส าหกิ จ ท อ งถิ่ น และสมาคมจํ า นวน 43 โครงการ ด ว ยเงิ น ชวยเหลือที่ไดรับจนถึงปจจุบันเปนจํานวน 86 ลานเหรียญสิงคโปร สมาคมการค า และหอการค า สํ า คั ญ ที่ เ ข า ร ว มโครงการ เช น สมาคมผู ค า อั ญ มณี สิ ง คโปร (Singapore Jewelers Association) สมาคมการจัดการของเสียและหมุนเวียนนํากลับมาใชใหมแหงสิงคโปร (Waste Management and Recycling Association of Singapore - WMRAS) สมาคมอุตสาหกรรมทางทะเล สิงคโปร (The Association of Singapore Marine Industries - ASMI) สมาพันธสิ่งทอและแฟชั่น (The Textile and Fashion Federation - TaFf) สมาคมวิศวกรรมเที่ยงตรงและเครื่องมือสิงคโปร (Singapore Precision Engineering and Tooling Association) สมาคมของผูประกอบการอุตสาหกรรมการผลิตอาหาร สิงคโปร (Singapore Food Manufacturers' Association - SFMA) และสมาคมอุตสาหกรรมกระบวนการ (Association of Process Industry - ASPRI) สรางตนทุนมนุษย มีจุดมุงหมายสําคัญคือการพัฒนาผูนํา SMEs ซึ่งจะตองดําเนินการโดยการพัฒนาและการ จัดการทรัพยากรมนุษย ดวยการนํามาตรการเกี่ยวกับทรัพยากรบุคคลที่มีประสิทธิภาพมาใช เพื่อสนับสนุน ยุทธศาสตรการเติบโตของ SMEs ทั้งตองดึงดูดผูมีความสามารถใหเขามาประกอบการในภาค SME เพื่อให เกิดการเติบโตและความยั่งยืนของธุรกิจ และตองพัฒนาความเปนผูนําดวยการพัฒนาความสามารถทางดาน การจัดการ และเสริมสรางความเปนผูน ําในบรรดาผูบริการอาวุโส

263 การสรางโอกาสในตางประเทศใหแก SMEs ที่อยูในสิงคโปร SPRING Singapore รวมมือกับ IE Singapore และ EDB มุงที่จะให SMEs สิงคโปรกาวไปสู สากล โดยไดรวมกันจัดทําภารกิจการศึกษาและการพัฒนาธุรกิจในตางประเทศ รวม• เ ป น เ จ า ภ า พ จั ด กิจกรรมที่มาจากบริษัทขามชาติ สรางเครือขายโอกาส และ เป น ตั ว กลางความร ว มมื อ ระหว า งบริ ษั ท ใน สิงคโปรและบริษัทตางดาว ตั ว อย า งของการดํ า เนิ น งาน เช น การจั ด งาน MEDICA

ซึ่ ง จั ด ขึ้ น ระหว า งวั น ที่ 14-17

พฤศจิกายน 2012 ซึ่งมุง ที่จะจัดตั้ งโอกาสทางธุรกิ จสํา หรับ บริษั ทสิง คโปร โดยการจั ดแสดงสิ นคา และ บริการ และฝกอบรมผูปฏิบัติงานขามชาติ โดยการผลักดันนวัตกรรมทางการแพทย หรือการจัดงานแสดง ธุรกิจเยอรมัน-สิงคโปร(German Singapore Business Forum) ซึ่งมีผูประกอบการผูเขารวมในงานมากกวา 150 ราย ซึ่งสงผลใหเกิดภารกิจทางธุรกิจที่ประสบความสําเร็จสูอินโดนิเซีย สําหรับผูเขารวม 30 ราย และ ไดรับการสนับสนุนที่ดีจากบริษัทสิงคโปรในการจัดแสดงกิจกรรมของบริษัท

264

5.7 ผลการวิเคราะหขอมูลจากแบบสอบถามในโครงการศึกษาวิจัยกฎหมายการจัดตั้งองคกรภาครัฐ ที่ทําหนาที่สงเสริมและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทย เปรียบเทียบกับตางประเทศ แบบสอบถามในโครงการนี้จัดทําทั้งสิ้น 595 ชุด โดยมีกลุมตัวอยางเปนผูประกอบการ SMEs จาก กรุงเทพมหานคร ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต ภาคตะวันออก และภาคเหนือ ซึ่งผลการ วิเคราะหขอมูลจากแบบสอบถามแบงออกเปน 5 สวนคือ สวนที่ 1 ขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถาม สวนที่ 2 ความรูท ั่วไปเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม สวนที่ 3 บทบาทและอํานาจหนาที่ของสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) สวนที่ 4 ข อคิ ดเห็ น และข อเสนอแนะเพิ่ ม เติม เกี่ย วกั บ การสง เสริ ม สนับ สนุน SMEs ที่ รวบรวมไดจากแบบสอบถาม สวนที่ 5 ความสัมพันธของตัวแปร การวิเคราะหขอมูลในสวนที่ 1 – 4 เปนการวิเคราะหเชิงพรรณนา โดยใชจํานวน รอยละ คาเฉลี่ย และสวนเบี่ยงเบนมาตรฐานในการบรรยายขอมูลจากแบบสอบถาม สวนการวิเคราะหขอมูลในสวนที่ 5 เปน การวิเคราะหความสัมพันธของตัวแปรโดยใชสถิติอางอิง ไดแก คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธของเพียรสัน (Pearson's Sample Correlation Coefficient) เพื่ออธิบายลักษณะของความสัมพันธระหวางตัวแปรคือ จํานวน สินทรัพ ยรวมของธุ รกิ จ จํ านวนการจ างงาน ระยะเวลาในการประกอบกิ จการ ความรูเกี่ย วกั บ SMEs ความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน การรูจักบทบาทหนาที่ของ สสว. การดําเนินงานตามแผนยุทธศาสตร การใหความชวยเหลืออุดหนุน และการสรางเครือขาย แสดงผลการวิเคราะหขอมูลดังตอไปนี้

265

สวนที่ 1 ขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถาม ตาราง 1 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตามสถานที่ประกอบกิจการ สถานที่ประกอบกิจการ

จํานวน

รอยละ

กรุงเทพมหานคร

246

41.3

ภาคกลาง

70

11.8

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

66

11.1

ภาคใต

73

12.3

ภาคตะวันออก

76

12.8

ภาคเหนือ

64

10.8

595

100.0

รวม

จากตาราง 1 สถานที่ประกอบกิ จการของผูตอบแบบสอบถามจํา นวน 595 คน พบวา อยูใ น กรุงเทพมหานครมากที่สุดรอยละ 41.3 รองลงมาเรียงตามลําดับคืออยูในภาคตะวันออก ภาคใต ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ รอยละ 12.8, 12.3, 11.8, 11.1 และ 10.8 ตามลําดับ ตาราง 2 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตามประเภทกิจการ (ตอบได มากกวา 1 ขอ) ประเภทกิจการ

จํานวน

รอยละ

กิจการผลิตสินคา

132

22.4

กิจการคาสง

73

12.4

กิจการคาปลีก

249

42.2

กิจการบริการ

202

34.2

จากตาราง 2 ประเภทกิจการของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน และสามารถตอบไดมากกวา 1 ขอ พบวา เปนกิจการคาปลีกมากที่สุดรอยละ 42.2 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ กิจการบริการ กิจการผลิต สินคา และ กิจการคาสง รอยละ 34.2, 22.4 และ 12.4 ตามลําดับ

266

ตาราง 3 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตามจํานวนสินทรัพยรวมของ ธุรกิจ จํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจ

จํานวน

รอยละ

ไมเกิน 30 ลาน

497

83.5

เกิน 30 ลาน – 50 ลาน

34

5.7

เกิน 50 ลาน – 60 ลาน

11

1.8

เกิน 60 ลาน – 100 ลาน

10

1.7

เกิน 100 ลาน – 200 ลาน

12

2.0

200 ลานขึ้นไป

12

2.0

ไมระบุจํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจ

19

3.2

595

100.0

รวม

จากตาราง 3 จํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจของผูตอบแบบสอบถามจํานวน 595 คน พบวา มีมูลคา ไมเกิน 30 ลานบาท มากที่สุดรอยละ 83.5 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ มูลคาเกิน 30 ลานบาทแตไมถึง 50 ลานบาท รอยละ 5.7 มูลคาเกิน 100 ลานบาทแตไมถึง 200 ลาน และมากกวา 200 ลานบาทมีเทากันคือ รอยละ 2.0 มูลคาเกิน 50 ลานบาทแตไมถึง 60 ลานบาท และมูลคาเกิน 60 ลา นแตไมถึง 100 ลานบาท รอยละ 1.8 และ 1.7 ตามลําดับ และมีผูที่ไมระบุจํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจ รอยละ 3.2

267

ตาราง 4 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตาม จํานวนการจางงาน จํานวนการจางงาน

จํานวน

รอยละ

ไมเกิน 15 คน

451

75.8

16 – 25 คน

47

7.9

26 – 30 คน

27

4.5

31 – 50 คน

26

4.4

51 - 200 คน

18

3.0

เกิน 200 คน

11

1.8

ไมระบุจํานวนการจางงาน

15

2.5

595

100.0

รวม

จากตาราง 4 จํานวนการจางงานของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา ไมเกิน 15 คน มากที่สุดรอยละ 75.8 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ จํานวนการจางงาน 16 – 25 คน จํานวนการจางงาน 26 – 30 คน จํานวนการจางงาน 31 – 50 คน จํานวนการจางงาน 51 - 200 คน และจํานวนการจางงาน เกิน 200 คน รอยละ 7.9, 4.5, 4.4, 3.0 และ 1.8 ตามลําดับ และมีผูที่ไมระบุจํานวนการจางงาน รอยละ 2.5

268

ตาราง 5 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตาม ระยะเวลาในการประกอบ กิจการ ระยะเวลาในการประกอบกิจการ

จํานวน

รอยละ

นอยกวาหรือเทากับ 1 ป

69

11.6

เกิน 1 ป – 5 ป

191

32.1

เกิน 5 ป – 10 ป

130

21.8

เกิน 10 ป – 15 ป

46

7.7

เกิน 15 ป – 20 ป

35

5.9

เกิน 20 ป – 25 ป

18

3.0

มากกวา 5 ป

50

8.4

ไมระบุระยะเวลาในการประกอบกิจการ

56

9.4

595

100.0

รวม (คาเฉลี่ย = 9 ป 10 เดือน, min = 3 เดือน, max = 70 ป)

จากตาราง 5 ระยะเวลาในการประกอบกิจการของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา ประกอบกิจการอยูในระหวาง 1 – 5 ป มากที่สุดรอยละ 32.1 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ ประกอบกิจการ อยูในระหวาง 5 – 10 ป ประกอบกิจการมานอยกวาหรือเทากับ 1 ป ประกอบกิจการมามากกวา 5 ป ประกอบกิจการอยูในระหวาง 10 – 15 ป ประกอบกิจการอยูในระหวาง 15 – 20 ป ประกอบกิจการอยูใน ระหวาง 20 – 25 ป รอยละ 21.8, 11.6, 8.4, 7.7, 5.9 และ 3.0 ตามลําดับ และมีผูที่ไมระบุระยะเวลาใน การประกอบกิจการ รอยละ 9.4 พิจารณาคาเฉลี่ยระยะเวลาในการประกอบกิจการของผูตอบแบบสอบถามทั้งหมดเทากับ 9 ป 10 เดือน โดยระยะเวลาในการประกอบกิจการของผูตอบแบบสอบถามนอยที่สุดคือ 3 เดือน และระยะเวลาใน การประกอบกิจการที่ยาวนานที่สุดคือ 70 ป

269

ตาราง 6 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตามวุฒิการศึกษา วุฒิการศึกษา

จํานวน

รอยละ

ต่ํากวาปริญญาตรี

184

30.9

ปริญญาตรี

279

46.9

สูงกวาปริญญาตรี

122

20.5

ไมระบุ

10

1.7

595

100.0

รวม

จากตาราง 6 วุฒิการศึกษาของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา สวนใหญมีวุฒิการศึกษา ปริญญาตรี มากที่สุดรอยละ 46.9 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ วุฒิการศึกษาต่ํากวาปริญญาตรี และสูงกวา ปริญญาตรี รอยละ 30.9 และ 20.5 ตามลําดับ และมีผูที่ไมระบุวุฒิการศึกษา รอยละ 1.7 ตาราง 7 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตามอายุ อายุ

จํานวน

รอยละ

ไมเกิน 30 ป

176

29.6

31- 40 ป

221

37.1

41 – 50 ป

110

18.5

51 ปขึ้นไป

72

12.1

ไมระบุ

16

2.7

595

100.0

รวม

จากตาราง 7 อายุของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา สวนใหญมีอายุระหวาง 31- 40 ป มากที่สุดรอยละ 37.1 รองลงมาเรียงตามลําดับคืออายุไมเกิน 30 ป อายุระหวาง 41 – 50 ป และอายุ 51 ป ขึ้นไป รอยละ 29.6, 18.5 และ 12.1 ตามลําดับ และมีผูที่ไมระบุอายุ รอยละ 2.7

270

ตาราง 8 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตามสถานะในกิจการ (ตอบได มากกวา 1 ขอ) สถานะในกิจการ

จํานวน

รอยละ

เจาของกิจการ

379

64.5

ผูบริหาร

110

18.7

ผูปฏิบัติงาน

190

32.3

จากตาราง 8 สถานะในกิจการของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน และสามารถตอบได มากกวา 1 ขอ พบวา เปนเจาของกิจการ มากที่สุดรอยละ 64.5 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ เปนผูปฏิบัติงาน และเปนผูบริหาร รอยละ 32.3 และ 18.7 ตามลําดับ

271

ตาราง 9 จํานวนและรอยละของขอมูลทั่วไปของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตาม แหลงเงินทุนของกิจการใน ปจจุบัน แหลงเงินทุนของกิจการในปจจุบัน

จํานวน

รอยละ

เงินสวนตัว

448

75.3

กูยืม

80

13.4

ใชทั้งเงินสวนตัวและกูยืม

38

6.4

ไมระบุ

29

4.9

595

100.0

ธนาคารทั่วไป

85

72.0

ครอบครัว

2

1.7

SME Bank

9

7.6

สถาบันการเงิน

7

5.9

เพื่อน

1

.8

บุคคลอื่น

1

.8

นอกระบบ

2

1.7

สหกรณออมทรัพย

2

1.7

ไมระบุแหลงที่มาของเงินกู

9

7.6

118

100.0

รวม แหลงเงินกูที่ใชบริการ (พิจารณาเฉพาะผูที่กูยืม และผูที่ใช ทั้งเงินสวนตัวและกูยืม จํานวนรวม 118 คน)

รวม

จากตาราง 9 แหลงเงินทุนของกิจการในปจจุบันของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา ใชเงินสวนตัวมากที่สุดรอยละ 75.3 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ เปนเงินกูยืมและใชทั้งเงินสวนตัวและกูยืม รอยละ 13.4 และ 6.4 ตามลําดับ และมีผูไมระบุแหลงเงินทุนของกิจการในปจจุบัน รอยละ 4.9 เมื่อพิจารณา แหลงเงินกูที่ใชบริการ พบวา สวนใหญกูจากธนาคารทั่วไป รอยละ 72.0 รองลงมาคือกูจากแหลงอื่น ๆ ไดแก SME Bank สถาบันการเงิน ครอบครัว นอกระบบ สหกรณออมทรัพย เพื่อน และบุคคลอื่น ตามลําดับ

272

สวนที่ 2 ความรูทั่วไปเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (SMEs) ตาราง 10 จํานวนและรอยละของผูตอบแบบสอบถามจําแนกตามระดับความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs

จํานวน

รอยละ

มากที่สุด

5

.8

มาก

47

7.9

ปานกลาง

284

47.7

นอย

178

29.9

นอยที่สุด

75

12.6

ไมระบุ

6

1.0

595

100.0

รวม

จากตาราง 10 ระดับความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs ของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา อยูในระดับปานกลางมากที่สุดรอยละ 47.7 รองลงมาเรียงตามลําดับคือ ระดับนอย ระดับนอยที่สุด ระดับ มาก และระดับมากที่สุด รอยละ 29.9, 12.6, 7.9 และ 0.8 ตามลําดับ และมีผูที่ไ มระบุในแบบสอบถาม รอยละ 1.0

273

ตาราง 11 จํานวนและรอยละของผูตอบแบบสอบถามที่รูจักองคกรภาครัฐที่สงเสริมสนับสนุน SMEs องคกรภาครัฐที่สงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

รูจัก

438

73.6

ไมรูจัก

157

26.4

595

100.0

220

50.3

184

42.1

147

33.6

285

65.2

บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดยอม (บสย.)

64

14.6

ธนาคารทั่วไป

12

2.8

สวทช.

1

.2

หอการคาไทย

1

.2

กรมสงเสริมอุตสาหกรรม (กอส.)

4

.9

DIP

1

.2

ศศป.

2

.5

กระทรวงแรงงาน

1

.2

รายการโทรทัศน

1

.2

ศูนยบมเพาะวิสาหกิจ มอ. ภูเก็ตและสงขลา

1

.2

รวม องคกรที่รูจัก (ตอบไดมากกวา 1 ขอ) (พิจารณาเฉพาะผูที่ รูจักองคกรภาครัฐที่สงเสริมสนับสนุน SMEs จํานวนรวม 157 คน) สํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) คณะกรรมการสงเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) ธนาคารเพื่อการสงออกและนําเขาแหงประเทศไทย (Export-Import bank of Thailand : EXIM Bank) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมแหง ประเทศไทย (SME Bank)

จากตาราง 11 ผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน รูจักองคกรภาครัฐที่สงเสริมสนับสนุน SMEs รอยละ 73.6 และไมรูจัก รอยละ 26.4

274

พิจารณาเฉพาะผูที่รูจักองคกรภาครัฐที่สงเสริมสนับสนุน SMEs จํานวน 438 คนและสามารถตอบ ไดมากกวา 1 ขอ พบวา รูจักธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมแหงประเทศไทย (SME Bank) มากที่สุดรอยละ 65.2 รองลงมาคือ รูจักสํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) คณะกรรมการสงเสริมการลงทุน (Board of Investment : BOI) ธนาคารเพื่อการสงออกและนําเขาแหง ประเทศไทย (Export-Import bank of Thailand : EXIM Bank) และบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรม ขนาดยอม (บสย.) รอยละ 50.3, 42.1, 33.6 และ 14.6 ตามลําดับ ตาราง 12 จํานวนและรอยละของการไดรับการสงเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับกิจการ SMEs การไดรับการสงเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับกิจการ SMEs

จํานวน

รอยละ

เคย

164

27.6

ไมเคย

431

72.4

595

100.0

การใหคําปรึกษา

98

61.3

แหลงเงินทุน

72

45.0

การวิจัยและการพัฒนา

20

12.5

การภาษี

25

15.6

24

15.0

การประชาสัมพันธ

1

0.7

การขยายตลาด

1

0.7

รวม เคยไดรับการสงเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับกิจการ SMEs (ตอบ ไดมากกวา 1 ขอ)

การเชือ่ มโยงและประสานงานกับหนวยงานภาครัฐและ เอกชน

จากตาราง 12 การไดรับการสงเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับกิจการ SMEs ของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน ไมเคยไดรับการสงเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับกิจการ SMEs รอยละ 72.4 และมีผูเคยไดรับ การสงเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับกิจการ SMEs เพียงรอยละ 27.6

275

พิ จารณาเฉพาะผู ที่ เ คยได รับ การสง เสริม สนับ สนุนเกี่ย วกั บ กิจการ SMEs จํา นวน 164 คนและ สามารถตอบไดมากกวา 1 ขอ พบวา เคยไดรับการสงเสริมสนับสนุนเกี่ยวกับกิจการ SMEs ในดานการให คํ า ปรึ ก ษา มากที่ สุ ด ร อ ยละ 61.3 รองลงมาเรี ย งตามลํ า ดั บ คื อ ด า นแหล ง เงิ น ทุ น ด า นการภาษี ด า น การเชือ่ มโยงและประสานงานกับหนวยงานภาครัฐและเอกชน และดานการวิจัยและการพัฒนา รอยละ 45.0, 15.6, 15.0 และ 12.5 ตามลําดับ สวนการชวยเหลือดานอื่น ๆ คือ ดานการประชาสัมพันธ และดานการขยาย ตลาด ตาราง 13 จํานวนและรอยละของการไดรบั การอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs การไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

เคย

131

22.0

ไมเคย

464

78.0

595

100.0

การจัดการความรู (Knowledge Management : KM)

46

34.8

กฎระเบียบตางๆ

27

20.5

ความรับผิดชอบตอสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR)

24

18.2

เงินทุน

46

34.8

การบริหารความเสี่ยง

34

25.8

การตลาด

74

56.1

การบริหารงานบุคคล

30

22.7

เทคโนโลยีและนวัตกรรม

29

22.0

ทรัพยสินทางปญญา

28

21.2

หลักสูตรผูประกอบการใหม (NEC)

2

1.5

หลักสูตรการจัดทํา website

1

.8

หลักสูตร SME pro-achieve

1

.8

หลักสูตรพัฒนากิจการและผลิตภัณฑ

1

.8

รวม เคยไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs (ตอบไดมากกวา 1 ขอ)

276

จากตาราง 13 การไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ของผูตอบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา ไมเคยไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs รอยละ 78.0 สวนผูที่เคย ไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs มีรอยละ 22.0 พิจารณาเฉพาะผูที่เคยไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs จํานวน 131 คน ซึ่ง สามารถตอบไดมากกวา 1 ขอ พบวา เคยไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ในดาน การตลาด มากที่สุดรอยละ 56.1 รองลงมาตามลําดับคือ ดานการจัดการความรู (Knowledge Management : KM) และดานเงินทุน รอยละ 34.8 เทากัน และดานการบริหารความเสี่ยง ดานการบริหารงานบุคคล ดาน เทคโนโลยีและนวัตกรรม ดานทรัพยสินทางปญญา ดานกฎระเบียบตางๆ และดานความรับผิดชอบตอสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR) รอยละ 25.8, 22.7, 22.0, 21.2, 20.5 และ 18.2 ตามลําดับ และเคย ไดรับการอบรมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ในหลักสูตรอื่น ๆ คือ หลักสูตรผูประกอบการใหม (NEC) หลักสูตรการจัดทํา website หลักสูตร SME pro-achieve และหลักสูตรพัฒนากิจการและผลิตภัณฑ ตาราง 14 จํานวนและรอยละของระดับความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐ ระดับความเชือ่ มั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ของ

จํานวน

รอยละ

มากที่สุด

9

1.5

มาก

69

11.6

ปานกลาง

268

45.0

นอย

168

28.2

นอยที่สุด

73

12.3

ไมระบุ

8

1.3

595

100.0

องคกรภาครัฐ

รวม

จากตาราง 14 ระดับความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐของผูตอบ แบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบวา ความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐอยูใน ระดับปานกลาง มากที่สุดรอยละ 45.0 รองลงมาตามลําดับคือ ความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐระดับนอย ระดับนอยที่สุด ระดับมาก และระดับมากที่สุด รอยละ 28.2, 12.3, 11.6 และ 1.5 ตามลําดับ และมีผูไมระบุรอยละ 1.3

277

สวนที่ 3 บทบาทและอํานาจหนาที่ของสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) บทบาทและอํานาจหนาที่ของสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) มีเกณฑ การใหคะแนน ดังนี้ 5

หมายถึง

ระดับมากที่สุด

4

หมายถึง

ระดับมาก

3

หมายถึง

ระดับปานกลาง

2

หมายถึง

ระดับนอย

1

หมายถึง

ระดับนอยที่สุด

จากนั้นนําผลที่ไดมาแสดงคาเฉลี่ย (Mean) และคาสวนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) ทั้ง รายขอ รายดาน และโดยรวม โดยใชเกณฑอันตรภาคชั้นในการแปลความหมายคาเฉลี่ย ดังนี้ คะแนนสูงสุด – คะแนนต่ําสุด = 5 – 1 จํานวนชั้น

= 0.80

5

ไดความกวางของชวงคะแนนแตละระดับเทากับ 0.80 นํามากําหนดเกณฑการแปลความหมาย คาเฉลี่ย ดังนี้ คะแนนเฉลี่ย 4.21 – 5.00 หมายถึง สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) มีบทบาท และอํานาจหนาทีอ่ ยูในระดับมากที่สุด คะแนนเฉลี่ย 3.41 – 4.20 หมายถึง สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) มีบทบาท และอํานาจหนาทีอ่ ยูในระดับมาก คะแนนเฉลี่ย 2.61 – 3.41 หมายถึง สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) มีบทบาท และอํานาจหนาทีอ่ ยูในระดับปานกลาง คะแนนเฉลี่ย 1.81 – 2.60 หมายถึง สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) มีบทบาท และอํานาจหนาทีอ่ ยูในระดับนอย

278

คะแนนเฉลี่ย 1.00 – 1.80 หมายถึง สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) มีบทบาท และอํานาจหนาทีอ่ ยูในระดับนอยที่สุด ตาราง 15 คาเฉลี่ยและระดับของบทบาท และอํานาจหนาที่ของสํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม (สสว.) โดยรวม บทบาท และอํานาจหนาที่ของสํานักสงเสริม

คาเฉลี่ย

SD

ความหมาย

2.59

.900

นอย

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) 1. รูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. 2. กิจการไดรับประโยชนจากการดําเนินงาน สงเสริมสนับสนุนของ สสว. รวมเฉลี่ย

2.68

.907

2.64

.874

ปานกลาง ปานกลาง

จากตาราง 15 บทบาท และอํานาจหนา ที่ข องสํานั กสงเสริม วิส าหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) โดยรวมมีคาเฉลี่ยเทกับ 2.64 อยูในระดับปานกลาง โดยกิจการไดรับประโยชนจากการดําเนินงาน สงเสริมสนับสนุนของ สสว. มีคาเฉลี่ยเทากับ 2.68 อยูในระดับปานกลาง สวนการรูจักบทบาทและหนาที่ ของ สสว. มีคาเฉลี่ยเทากับ 2.59 อยูในระดับนอย เมื่อจําแนกเปนรายดานมีรายละเอียดดังตอไปนี้

279

ตาราง 16 คาเฉลี่ยและระดับของบทบาท และอํานาจหนาที่ของสํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย อม (สสว.) ในเรื่ องกิ จการได รับ ประโยชน จากการดํ า เนิ นงานส ง เสริม สนั บ สนุนของ สสว. ด า น การดําเนินการตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs การดําเนินการตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม

คาเฉลี่ย

SD

ความหมาย

2.60

.986

นอย

2.69

1.032

ปานกลาง

2.73

1.084

ปานกลาง

2.65

1.120

ปานกลาง

2.69

1.092

ปานกลาง

SMEs 2.1.1 การจัดสรรสิ่งอํานวยความสะดวกและ โครงสรางพื้นฐานเพื่อใหเอื้อตอการดําเนินกิจการ SMEs เชน กฎหมาย กฎระเบียบ การเงิน ฐานขอมูล วิทยาศาสตรเทคโนโลยี การตลาด 2.1.2 การสนับสนุนให SMEs ปรับปรุง ประสิทธิภาพการดําเนินกิจการและพัฒนา การรวมกลุมเปนเครือขายที่เขมแข็ง 2.1.3 การสงเสริมให SMEs ใชประโยชนจาก วัฒนธรรม ภูมิปญญาทองถิ่น และทรัพยสินทาง ปญญา รวมถึงสนับสนุนใหมีหรือใชประโยชน จากการวิจยั และพัฒนาทั้งในประเทศและ ตางประเทศ เพื่อใหเกิดนวัตกรรมสราง มูลคาเพิ่มแกสินคาหรือบริการ 2.1.4 การสรางความรูความเขาใจเกี่ยวกับ สถานการณการคาระหวางประเทศที่เกี่ยวของ กับ SMEs โดยเฉพาะการเขาสูประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน 2.1.5 การสรางและพัฒนาผูใหบริการ SMEs ใน ฐานะพี่เลี้ยง หรือที่ปรึกษา หรือสรางแรงจูงใจ ให SMEs ใชบริการดังกลาว โดยเฉพาะอยางยิ่ง SMEs ที่มีแนวโนมเลิกกิจการ หรือ ผูประกอบการใหม

280

ตาราง 16 (ตอ) การดําเนินการตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม

คาเฉลี่ย

SD

ความหมาย

2.71

1.060

ปานกลาง

2.68

.951

ปานกลาง

SMEs 2.1.6 การสรางแรงจูงใจให SMEs ปฏิบัติตาม ขอกําหนดการดําเนินธุรกิจภายใตความรับผิดชอบ ตอสังคม อุตสาหกรรมสีเขียว และระบบ ธรรมาภิบาล เชน สนับสนุนเงินทุน ใหความรู ความเขาใจ ใหประกาศเกียรติคุณ รวมเฉลี่ยดานการดําเนินการตามแผน ยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs จากตาราง 16 บทบาท และอํานาจหนา ที่ข องสํานั กสงเสริม วิส าหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) ในเรื่องกิจการไดรับประโยชนจากการดําเนินงานสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ดานการดําเนินการ ตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs โดยรวม มีคาเฉลี่ยเทากับ 2.68 อยูในระดับปานกลาง พิจารณาใน รายขอพบวาทุกขออยูในระดับปานกลาง

281

ตาราง 17 คาเฉลี่ยและระดับของบทบาท และอํานาจหนาที่ของสํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม (สสว.) ในเรื่องกิจการไดรับประโยชนจากการดําเนินงานสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ดานการให ความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs การใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริม

คาเฉลี่ย

SD

ความหมาย

2.2.1 การอบรมหรือสัมมนา

2.81

1.062

ปานกลาง

2.2.2 หลักเกณฑการใหเงินชวยเหลือ หรือ

2.69

1.037

ปานกลาง

2.2.3 การใหคําปรึกษา

2.77

1.046

ปานกลาง

2.2.4 การตลาด

2.69

1.030

ปานกลาง

2.2.5 การติดตามและประเมินผลโครงการ

2.57

1.087

นอย

2.71

.940

ปานกลาง

สนับสนุน SMEs

ใหบริการเกี่ยวกับกองทุนสงเสริม SMES

สงเสริมสนับสนุน SMEs รวมเฉลี่ยดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs ตาราง 17 บทบาท และอํานาจหนาที่ของสํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) ในเรื่องกิจการไดรับประโยชนจากการดําเนินงานสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs โดยรวมมีคาเฉลี่ยเทากับ 2.71 อยูในระดับปานกลาง พิจารณาใน รายขอพบวา การติดตามและประเมินผลโครงการสงเสริมสนับสนุน SMEs มีคาเฉลี่ยเทากับ 2.57 อยูใน ระดับนอย สวนขออื่น ๆ อยูในระดับปานกลาง

282

ตาราง 18 คาเฉลี่ยและระดับของบทบาท และอํานาจหนาที่ของสํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม (สสว.) ในเรื่องกิจการไดรับประโยชนจากการดําเนินงานสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ดานการสราง เครือขายของ สสว. เพื่อความรวมมือภายในและตางประเทศ การสรางเครือขายของ สสว. เพื่อความรวมมือ

คาเฉลี่ย

SD

ความหมาย

2.69

1.079

ปานกลาง

2.54

1.083

นอย

2.62

1.040

ปานกลาง

ภายในและตางประเทศ 2.3.1 สงเสริมสนับสนุนใหเกิดเครือขายกับ หนวยงานที่เกี่ยวของกับองคกรสนับสนุน SMEs อื่นๆ 2.3.2 สรางเครือขายความรวมมือเพื่อสงเสริม การลงทุนกับตางประเทศ รวมเฉลี่ยดานการสรางเครือขายของ สสว. เพื่อ ความรวมมือภายในและตางประเทศ จากตาราง 18 คาเฉลี่ยและระดับของบทบาท และอํานาจหนาที่ของสํานักสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอม (สสว.) ในเรื่องกิจการไดรับประโยชนจากการดําเนินงานสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ดานการสรางเครือขายของ สสว. เพื่อความรวมมือภายในและตางประเทศโดยรวมมีคาเฉลี่ยเทากับ 2.62 อยูใน ระดับปานกลาง พิจารณาในรายขอพบวา การสงเสริมสนับสนุนใหเกิดเครือขายกับหนวยงานที่เกี่ยวของกับ องคกรสนับสนุน SMEs อื่นๆ มีคาเฉลี่ยเทากับ 2.69 อยูในระดับปานกลาง สวนการสรางเครือขาย ความรวมมือเพื่อสงเสริมการลงทุนกับตางประเทศ มีคาเฉลี่ยเทากับ 2.54 อยูในระดับนอย

283

สวนที่ 4 ขอคิดเห็น และขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ตาราง 19 จํานวนและรอยละของขอคิดเห็น และขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

- ควรมีวิธีการและมาตรการที่สามารถปฏิบัติไดจริง

14

3.7

- เขียนอธิบายใหทราบหนาที่รับผิดชอบอยางชัดเจน

9

2.4

- กฎระเบียบมากเกินไปในการขอทุนสนับสนุน

5

1.3

- ใหเปนองคกรที่ปฏิบัติงานไดอยางอิสระ มีความคลองตัวสูง

4

1.1

- ตองมีความโปรงใสในการดําเนินงาน

4

1.1

- การดําเนินงานในปจจุบันไมชัดเจน มีหนาที่ทับซอนกับหนวยงานอื่น

4

1.1

- รัฐควรมีนโยบายสงเสริม SME อยางชัดเจน

3

.8

- มีนโยบายใหความชวยเหลือเพิ่มเติมเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ

3

.8

- มีนโยบายสรางแรงจูงใจใหเจาของธุรกิจที่ประกอบธุรกิจดวยเงินทุนของตนเอง

2

.5

2

.5

- ขอกฎหมายควรยืดหยุน

2

.5

- ใหความสําคัญกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอยมากขึ้น

2

.5

- สงเสริมใหออกกฎหมายเกี่ยวกับการสงออกสินคา

1

.3

- ใหมีกฎหมายที่เอื้อตอการดําเนินธุรกิจทาง internet ใหเจริญกาวหนา และ

1

.3

1

.3

ดานขอกฎหมายและนโยบาย

เขารวมโครงการกับรัฐบาล - กฎหมายในเรื่องของเงินทุนไมมีหลักเกณฑการใหสิทธิประโยชนแก ผูประกอบการที่ชัดเจน

ปลอดภัย - สรางจุดยืนที่มั่นคงให SME

284

ตาราง 19 (ตอ) ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

- สนับสนุนให SME ขนาดเล็กเขาถึงแหลงเงินทุน

11

2.9

- กระจายงบประมาณใหทุกจังหวัดมี SME มากขึ้น

10

2.7

- เพิ่มงบประมาณ SME

8

2.1

- ตองการโครงการที่สามารถชวยเหลือ SME ไดจริงไมใชการนํางบประมาณ

7

1.9

- ใหขอมูลเกี่ยวกับแหลงเงินกูเพิ่มเติม

5

1.3

- สงเสริมการลงทุน มาตรการลดหยอนภาษี ยกเวนภาษีในชวงเริ่มตนกิจการ 3-5 ป

5

1.3

- จัดตั้งกองทุนฉุกเฉิน

2

.5

- กําหนดวงเงินกูใหมากขึ้น

2

.5

- ลดหยอนขอกําหนดเกี่ยวกับการค้ําประกัน โดยใชสินทรัพย เพราะถามี

2

.5

- จัดตั้งกองทุนสําหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอม

1

.3

- จัดงบประมาณ หรือโครงการพัฒนาผูประกอบการ

1

.3

- สงเสริมใหมีนักลงทุน SME หนาใหมเพิ่มมากขึ้น

1

.3

- ขยายเวลาการชําระหนี้

1

.3

- ลดดอกเบี้ย

1

.3

- ใหเงินชวยเหลือ

1

.3

12

3.2

11

2.9

9

2.4

ดานงบประมาณที่จัดสรรมาเพื่อประโยชน SMEs

มาใชอยางเปลาประโยชน

ทรัพยสินมากก็ไมจําเปนตองมากู

ดานการใหบริการและบุคลากรที่ใหบริการ - เพิม่ บทบาทและหนาที่ของ สสว. ใหเขาถึงผูประกอบการในกิจการตาง ๆ ให มากขึ้น - กระบวนการติดตอ ยุงยาก ซับซอน ใชเวลานาน ตองลดขั้นตอนการ ดําเนินงาน เปลี่ยนเปน one stop service - เขามามีบทบาทใหมากขึ้นในชวงเริ่มตนธุรกิจ เพื่อใหสามารถดําเนินธุรกิจ ใหประสบความสําเร็จอยางยั่งยืน

285

ตาราง 19 (ตอ) ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

- ประสานงานกับทางจังหวัด

9

2.4

- สสว ตองดําเนินนโยบายเชิงรุกเขาหาภาคธุรกิจ มากกวาการรอใหภาคธุรกิจเขา

7

1.9

- ชวยเหลือในชวงเริ่มตนธุรกิจ ระหวางทําธุรกิจ และ ขยายธุรกิจ

6

1.6

- การที่ใหเขียนแผนการตลาดเพื่อกูเงิน ชาวบานเขียนไมเปน สุดทายก็ตองไปกู

3

.8

3

.8

- เขาถึงยาก ไมกระจาย มีแตแนวคิดหลักการ ไมสามารถปฏิบัติไดจริง

2

.5

- ใหความชวยเหลือใหครอบคลุมมากขึ้น

2

.5

- เจาหนาที่ สสว ควรมีความรูและเขาใจ SME อยางชัดเจน อาจจะตองสอบวัด

1

.3

1

.3

1

.3

- ตองมีการประชาสัมพันธเพิ่มขึ้น

52

13.8

- ใหประชาชนเขาใจขอกฎหมาย นโยบายสนับสนุน SME อยางทั่วถึง

16

4.3

- เพิ่มสื่อ และชองทางการเรียนรู จัดทํารายการสนับสนุน SME คลายกับรายการ

5

1.3

3

.8

หา ควรจัดบุคลากรออกไปใหความรูกับผูประกอบการ

นอกระบบ - เพิ่มบุคลากรในการคัด สรรหาธุรกิจที่เล็งเห็นวาจะเติบโตไดเร็ว นํามาสูการ จัดการ การบริหารที่ถูกตอง

ความรูท ี่สามารถปฏิบัติได ไมตองการนักวิชาการที่เขาใจแคหลักการ - ฟนฟูผูประกอบการที่ไมประสบความสําเร็จ ตองการลมเลิกใหสามารถอยูรอด ได - รวมมือกับสรรพากรแนะนําเรื่องภาษี ดานการประชาสัมพันธ

SME ของกสิกรไท - สามารถรับทราบขอมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนอยางชัดเจน

286

ตาราง 19 (ตอ) ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

- การประชาสัมพันธและการสนับสนุนที่ไดรับจากธนาคารพาณิชยดีกวา

2

.5

- เพิ่มการประชาสัมพันธสูประชาชนทั่วไป ไมใชเฉพาะกลุมเจาของกิจการเทานั้น

2

.5

2

.5

2

.5

1

.3

- ขยายตลาดใหครอบคลุมทั้ง internet social network โฆษณาตามสื่อตาง ๆ

7

1.9

- สนับสนุนการประกอบธุรกิจผาน internet ใหมากขึ้น เชน การทําการคาทาง

3

.8

2

.5

1

.3

24

6.4

- เปดโอกาสใหเขารวมการฝกอบรม สัมมนาใหมากขึ้น

6

1.6

- เพิ่มเติมการสงเสริมศักยภาพในการแขงขันระหวางประเทศ

6

1.6

- สงเสริมใหสราง พัฒนา แลกเปลี่ยนความรู และปรับปรุงใหมีนวัตกรรมใหม

5

1.3

เพื่อขยายกลุม SME ในอนาคต - ขอมูลที่ไดสวนมากมาจากธนาคารไมใชขอมูลกลาง ธนาคารใหขอมูลเพื่อ ผลประโยชนของธนาคารเอง - เผยแพรขอมูลทางดานกฎหมาย การถามตอบปญหาทางสื่ออิเล็กทรอนิกสให มากขึ้น ทั้งนี้ตองคํานึงถึงความปลอดภัยทางขอมูล - เนนสื่อที่เขาถึงผูประกอบการไดโดยตรง ดานการตลาด

internet - ใหการสงเสริมธุรกิจที่มีความเปนไปได พิจารณา การเติบโตของธุรกิจ ความ นิยมในสินคา ความเชื่อมั่นในสินคา - สงเสริมใหมีงานจัดแสดงสินคา เพื่อเปดตลาดไดมากขึ้น ดานความรูและการพัฒนาผลิตภัณฑ - ใหความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ SME ประโยชนของ SME ความเสี่ยงตาง ๆ ที่จะ เกิดขึ้นในอนาคต

287

ตาราง 19 (ตอ) ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

- ใหความรูเกี่ยวกับสิทธิของผูประกอบการและผูบริโภคมากขึ้น

4

1.1

- สนับสนุนใหจัดตั้งกลุม SME

4

1.1

- ทบทวนเกี่ยวกับ อย. เพื่อใหสามารถทําการตลาดทั้งภายในและภายนอกประเทศ

3

.8

- เผยแพรงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑใหมากขึ้น

2

.5

- พัฒนาระบบการผลิตใหมีคุณภาพมากขึ้น ควบคูไปกับการเพิ่มองคความรูใน

1

.3

- สงเสริมและผลักดันให SME สามารถแขงขันกับบริษัทใหญ ๆ ได

1

.3

- สอนใหใชประโยชนจากสมุนไพรแทนที่การใชสารเคมี ใหความรูเกี่ยวกับสูตร

1

.3

1

.3

1

.3

- ควรมีพี่เลี้ยง ที่ปรึกษาทางธุรกิจให SME และมีการติดตามผลอยางตอเนื่อง

9

2.4

- บางโครงการเปนประโยชน แตขาดความตอเนื่องในการสงเสริมสนับสนุน

7

1.9

- ไมนาเชื่อถือในเรื่องการใหความเปนธรรมในการพิจารณาเงินทุน ติดตาม และ

4

1.1

3

.8

3

.8

ได

การพัฒนาผลิตภัณฑ

สวนผสมที่เปนไปไดสําหรับชาวบาน - ใหคําปรึกษาขอมูลจากกระทรวงสาธารณสุข มอก. การจดลิขสิทธิ์กับกระทรวง พาณิชย - ใหความรูเกี่ยวกับการลดตนทุน ดานการติดตามผลการปฏิบัติงาน

ประเมินผล - การติดตามประเมินผล SME ที่ไดรับเงินกูยืมไปยังไมเปนรูปธรรม ไมสามารถ สรุปผลไดชัดเจน - ไมมั่นใจที่จะใชบริการ สสว

288

ตาราง 19 (ตอ) ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs

จํานวน

รอยละ

5

1.3

- พิจารณาเอาระบบของสิงคโปรมาใช

1

.3

- แกปญหาคาครองชีพที่สูงขึ้นกอน

1

.3

- ไมสามารถจายคาจางขั้นต่ํา 300 บาทได เพราะเพิ่งเริ่มเปดกิจการ

1

.3

- จัดอบรมสรางความตระหนักของลูกจางใหมีความรับผิดชอบในการทํางาน

1

.3

- ลดการสนับสนุนธุรกิจที่เปนพิษกับสิ่งแวดลอม

1

.3

- ใหการสนับสนุน SME ในกรุงเทพใหมากขึ้น เพราะปจจุบันเนนเฉพาะ OTOP

1

.3

376

100.0

อื่น ๆ - ใชเงินทุนตนเองจึงไมจําเปนตองใชบริการ SME แตสนใจในโครงการเพื่อ สงเสริมพัฒนาการดําเนินงาน

รวมกับเจาของกิจการ

ตางจังหวัด รวม

จากตาราง 19 ขอคิดเห็น และขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs แบงเปน ขอเสนอแนะในดานตาง ๆ ตอไปนี้ ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ดานขอกฎหมายและนโยบาย พบวา รัฐ ควรมีนโยบายสงเสริม SME อยางชัดเจน สรางจุดยืนที่มั่นคงให SMEs มีวิธีการและมาตรการที่สามารถ ปฏิบัติไดจริง มีการเขียนอธิบายใหทราบหนาที่รับผิดชอบอยางชัดเจน เพราะการดําเนินงานในปจจุบันไม ชัดเจน มีหนาที่ทับซอนกับหนวยงานอื่น ทั้งนี้ขอกฎหมายควรยืดหยุน เอื้อใหองคกรปฏิบัติงานไดอยาง อิสระ มีความคลองตัวสูง และมีความโปรงใสในการดําเนินงาน สวนเรื่องของเงินทุนนั้นมีกฎระเบียบมาก เกินไปในการขอทุนสนับสนุน และยังไมมีหลักเกณฑการใหสิทธิประโยชนแกผูประกอบการที่ชัดเจน สวนสิ่งที่ตองการเพิ่มคือ ใหความสําคัญกับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอยใหมากขึ้น ใหมีนโยบาย ใหความชวยเหลือเพิ่มเติมเมื่อเกิดภัยธรรมชาติ มีนโยบายสรางแรงจูงใจใหเจาของธุรกิจที่ประกอบธุรกิจดวย เงินทุนของตนเองเขารวมโครงการกับรัฐบาล มีกฎหมายเกี่ยวกับการสงเสริมการสงออกสินคา และใหมี กฎหมายที่เอื้อตอการดําเนินธุรกิจทาง internet ใหเจริญกาวหนา และปลอดภัย เปนตน

289

ขอเสนอแนะเพิ่มเติม เกี่ ยวกับ การส งเสริมสนับ สนุ น SMEs ด านงบประมาณที่จั ดสรรมาเพื่ อ ประโยชน SMEs พบวา ตองการโครงการที่สามารถชวยเหลือ SME ไดจริงไมใชการนํางบประมาณมาใช อยางเปลาประโยชน โดยใหเพิ่มงบประมาณ SMEs กําหนดวงเงินกูใหมากขึ้นและใหขอมูลเกี่ยวกับแหลง เงินกูเพิ่มเติม ทั้งนี้เพื่อเปนการกระจายงบประมาณใหทุกจังหวัดมี SME มากขึ้น สนับสนุนให SME ขนาด เล็กเขาถึงแหลงเงินทุน สงเสริมใหมีนักลงทุน SME หนาใหมเพิ่มมากขึ้น มีการจัดงบประมาณ หรือ โครงการพัฒนาผูประกอบการ ส ว นในด า นที่ ต อ งการความช ว ยเหลื อ เพิ่ ม เติ ม คื อ ต อ งการลดหย อ นข อ กํ า หนดเกี่ ย วกั บ การค้ําประกัน โดยใชสินทรัพย เพราะถามีทรัพยสินมากก็ไมจําเปนตองมากู ตองการใหสงเสริมการลงทุน มาตรการลดหยอนภาษี ยกเวนภาษีในชวงเริ่มตนกิจการ 3-5 ป นอกจากนี้ตองการใหจัดตั้งกองทุนฉุกเฉิน จัดตั้งกองทุนสําหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดยอม รวมไปถึงการขยายเวลาการชําระหนี้ ลดดอกเบี้ย และ ใหเงินชวยเหลือ เปนตน ขอเสนอแนะเพิ่ มเติ มเกี่ยวกั บการส งเสริ มสนับ สนุน SMEs ดานการใหบ ริการและบุค ลากรที่ ใหบริการ คือ มีกระบวนการติดตอ ยุงยาก ซับซอนเกินไป ใชเวลานาน ตองลดขั้นตอนการดําเนินงาน เปลี่ย นเป น one stop service มีการประสานงานกับทางจั งหวัด เพื่ อแก ปญหาการเขา ถึงบริการยาก ไมกระจาย มีแตแนวคิดหลักการ ไมสามารถปฏิบัติไดจริง ดังนั้น สสว ตองดําเนินนโยบายเชิงรุกเขาหาภาค ธุรกิจ มากกวาการรอใหภาคธุรกิจเขาหา ควรจัดบุคลากรออกไปใหความรูกับผูประกอบการ เพิ่มบทบาท และหนาที่ของ สสว ใหเขาถึงผูป ระกอบการในกิจการตางๆ ใหมากขึ้น ใหการชวยเหลือในชวงเริ่มตนธุรกิจ ระหวางทําธุรกิจ และ ขยายธุรกิจ โดยเฉพาะการเขามามีบทบาทใหมากขึ้นในชวงเริ่มตนธุรกิจ เพื่อให สามารถดําเนินธุรกิจใหประสบความสําเร็จอยางยั่งยืน นอกจากนี้ การที่ใหเขียนแผนการตลาดเพื่อกูเงิน ชาวบานเขียนไมเปน สุดทายก็ตองไปกูนอกระบบ จึ ง ควรให ค วามช ว ยเหลื อ ให ค รอบคลุ ม มากขึ้ น รวมถึ ง ร ว มมื อ กั บ สรรพากรแนะนํ า เรื่ อ งภาษี ฟ น ฟู ผูประกอบการที่ไมประสบความสําเร็จ ตองการลมเลิกใหสามารถอยูรอดได สวนในเรื่องของบุคลากรควร เพิ่มบุคลากรในการคัด สรรหาธุรกิจที่เล็งเห็นวาจะเติบโตไดเร็ว นํามาสูการจัดการ การบริหารที่ถูกตอง และ เจาหนาที่ สสว ควรมีความรูและเขาใจ SME อยางชัดเจน อาจจะตองสอบวัดความรูที่สามารถปฏิบัติได ไมตองการนักวิชาการที่เขาใจแคหลักการ ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ดานการประชาสัมพันธ คือ ตองมี การประชาสัมพันธเพิ่มขึ้น เพิ่มสื่อ และชองทางการเรียนรู จัดทํารายการสนับสนุน SME คลายกับรายการ

290

SME ของกสิกรไทย โดยเนนสื่อที่เขาถึงผูประกอบการไดโดยตรง เพื่อใหสามารถรับทราบขอมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับการลงทุนอยางชัดเจน ผูตอบแบบสอบถามระบุวา การประชาสัมพันธและการสนับสนุนที่ไดรับจากธนาคารพาณิชยดีกวา แตขอมูลที่ไดสวนมากมาจากธนาคารไมใชขอมูลกลาง ธนาคารใหขอมูลเพื่อผลประโยชนของธนาคารเอง ดังนั้น ควรเพิ่มการประชาสัมพันธสูประชาชนทั่วไป ไมใชเฉพาะกลุมเจาของกิจการเทานั้น เพื่อขยายกลุม SMEs ในอนาคต มีการเผยแพรขอมูลทางดานกฎหมาย การถามตอบปญหาทางสื่ออิเล็กทรอนิกสใหมากขึ้น ทั้งนี้ตองคํานึงถึงความปลอดภัยทางขอมูล เพื่อใหประชาชนเขาใจขอกฎหมาย นโยบายสนับสนุน SMEs อยางทั่วถึง ขอ เสนอแนะเพิ่ ม เติ ม เกี่ยวกั บ การส งเสริ มสนั บ สนุ น SMEs ด า นการตลาด คือ ตองการให การสงเสริมธุรกิจที่มีความเปนไปได พิจารณา การเติบโตของธุรกิจ ความนิยมในสินคา ความเชื่อมั่นใน สินคา สงเสริมใหมีงานจัดแสดงสินคา เพื่อเปดตลาดไดมากขึ้น สนับสนุนการประกอยธุรกิจผาน internet ใหมากขึ้น เชน การทําการคาทาง internet ขยายตลาดใหครอบคลุมทั้ง internet social network โฆษณาตาม สื่อตาง ๆ ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ดานความรูและการพัฒนาผลิตภัณฑ คือ สนับสนุนใหจัดตั้งกลุม SME สงเสริมและผลักดันให SME สามารถแขงขันกับบริษัทใหญ ๆ ได เพิ่มเติมการสงเสริมศักยภาพในการแขงขันระหวางประเทศ ใหความรู ความเขาใจเกี่ยวกับ SME ประโยชน ของ SME ความเสี่ยงตาง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ใหความรูเกี่ยวกับสิทธิของผูประกอบการและผูบริโภค มากขึ้น โดยเปดโอกาสใหเขารวมการฝกอบรม สัมมนาใหมากขึ้น สงเสริมใหสราง พัฒนา แลกเปลี่ยน ความรู และปรับปรุงใหมีนวัตกรรมใหม ใหมีการพัฒนาระบบการผลิตใหมีคุณภาพมากขึ้น ควบคูไปกับ การเพิ่มองคความรูในการพัฒนาผลิตภัณฑ ใหคําปรึกษาขอมูลจากกระทรวงสาธารณสุข มอก. การจด ลิขสิทธิ์กับกระทรวงพาณิชย มีการทบทวนเกี่ยวกับ อย. เพื่อใหสามารถทําการตลาดทั้งภายในและภายนอก ประเทศได นอกจากนี้ ควรเผยแพรงานวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑใหมากขึ้น ใหความรูเกี่ยวกับการลดตนทุน โดยสอนใหใชประโยชนจากสมุนไพรแทนที่การใชสารเคมี ใหความรูเกี่ยวกับสูตร สวนผสมที่เปนไปได สําหรับชาวบาน เปนตน ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs ดานการติดตามผลการปฏิบัติงาน คือ ใหทบทวนในบางโครงการที่เปนประโยชน แตขาดความตอเนื่องในการสงเสริมสนับสนุนจึงควรมีพี่เลี้ยง ที่ปรึกษาทางธุรกิจให SMEs และมีการติดตามผลอยางตอเนื่อง และควรมีการติดตามประเมินผล SMEs ที่

291

ไดรับเงินกูยืมไป เพราะปจจุบันการติดตามผลยังไมเปนรูปธรรม ไมสามารถสรุปผลไดชัดเจน ทําใหไม มั่นใจที่จะใชบริการ สสว. เพราะการดําเนินงานไมนาเชื่อถือในเรื่องการใหความเปนธรรมในการพิจารณา เงินทุน ติดตาม และประเมินผล ขอเสนอแนะเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสงเสริมสนับสนุน SMEs อื่น ๆ คือ SMEs บางสวนใชเงินทุน ตนเองจึงไมจําเปนตองใชบริการ SMEs แตสนใจในโครงการเพื่อสงเสริมพัฒนาการดําเนินงาน เพื่อพัฒนา ธุรกิ จของตนเองให ก า วหน า มากยิ่ง ขึ้ น อาจจะต องศึ ก ษาระบบของตา งประเทศพิ จารณาเอาระบบของ สิงคโปรมาใช ลดการสนับสนุนธุรกิจที่เปนพิษกับสิ่งแวดลอม และควรแกปญหาคาครองชีพที่สูงขึ้นกอน เพราะไมสามารถจายคาจางขัน้ ต่ํา 300 บาทได เพราะเพิ่งเริ่มเปดกิจการ ตองการใหมีการสนับสนุน SME ใน กรุงเทพใหมากขึ้น เพราะปจจุบันเนนเฉพาะ OTOP ตางจังหวัด นอกจากนี้ควรคํานึงถึงลูกจางไปพรอม ๆ กับการพัฒนาธุรกิจ กลาวคือควรจัดอบรมสรางความตระหนักของลูกจางใหมีความรับผิดชอบในการทํางาน รวมกับเจาของกิจการ

สวนที่ 5 ความสัมพันธของตัวแปร ความสัมพันธของตัวแปรทดสอบโดยใชคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธของเพียรสัน (Pearson's Sample Correlation Coefficient) โดยมีเกณฑการแปลความหมายดังนี้ คาสหสัมพันธนอยกวา 0.10

หมายถึง มีความสัมพันธกันนอยที่สุด

คาสหสัมพันธระหวาง 0.10 ถึง 0.29

หมายถึง มีความสัมพันธกันนอย

คาสหสัมพันธระหวาง 0.30 ถึง 0.49

หมายถึง มีความสัมพันธกนั ปานกลาง

คาสหสัมพันธระหวาง 0.50 ถึง 1.00

หมายถึง มีความสัมพันธกนั มาก

คาบวก (+) ของคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ หมายถึง ตัวแปรทั้ง 2 ตัวมีความสัมพันธกันทางบวก หรือมีความสัมพันธไปในทิศทางเดียวกันถาตัวแปรหนึ่งมีคาเพิ่มขึ้นอีกตัวแปรหนึ่งก็จะมีคาเพิ่มขึ้น และถา ตัวแปรหนึ่งมีคาลดลง อีกตัวแปรหนึ่งก็จะมีคาลดลง คาลบ (-) ของคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ หมายถึง ตัวแปรทั้ง 2 ตัวมีความสัมพันธกันทางลบ หรือมี ความสัมพันธไปในทิศทางตรงกันขามกัน นั่นคือถาตัวแปรหนึ่งมีคาเพิ่มขึ้น อีกตัวหนึ่งจะมีคาลดลง และถา ตัวแปรหนึ่งมีคาลดลง อีกตัวแปรหนึ่งจะมีคาเพิ่มขึ้น

292

ตาราง 20 ความสัมพันธของตัวแปรโดยใชคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธของเพียรสัน (Pearson's Sample Correlation Coefficient) ประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริม ขอมูลทั่วไปของกิจการ

ตัวแปร

จํานวน

ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs

สนับสนุนของ สสว.

ความ จํานวน

ระยะเวลา

เชื่อมั่นใน

รูจัก

การ

การให ความ

สินทรัพย จํานวน

ในการ

ความรู

การ

บทบาท

ดําเนินงาน

รวมของ การจาง

ประกอบ

เกี่ยวกับ

สงเสริม

หนาที่

ตามแผน

ชวยเหลือ การสราง

ธุรกิจ

งาน

กิจการ

SMEs

สนับสนุน

สสว.

ยุทธศาสตร

อุดหนุน

เครือขาย

-

.579**

.271**

.195**

.099*

.102

-.005

.004

-.019

(.000)

(.000)

(.000)

(.018)

(.144)

(.937)

(.949)

(.780)

-

.275**

.204**

.152**

.092

.065

.051

.091

(.000)

(.000)

(.000)

(.191)

(.336)

(.455)

(.177)

-

-.054

-.048

-.145*

-.055

-.064

.001

(.210)

(.266)

(.045)

(.436)

(.359)

(.997)

-

.403**

.271**

.102

.127

.058

(.000)

(.000)

(.131)

(.060)

(.390)

-

.310**

.385**

.420**

.375**

(.000)

(.000)

(.000)

(.000)

-

.480**

.409**

.354**

(.000)

(.000)

(.000)

สินทรัพยรวม ของธุรกิจ จํานวนการ

-

จางงาน ระยะเวลาใน

-

-

การ ประกอบ กิจการ ความรู

-

-

-

เกี่ยวกับ SMEs ความเชื่อมั่น

-

-

-

-

ในการ สงเสริม สนับสนุน รูจักบทบาท หนาที่ สสว.

-

-

-

-

-

293

ตาราง 20 (ตอ) ประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริม ขอมูลทั่วไปของกิจการ

ตัวแปร

แผน

ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs

สนับสนุนของ สสว.

ความ จํานวน

ระยะเวลา

เชื่อมั่นใน

รูจัก

การ

การให ความ

สินทรัพย จํานวน

ในการ

ความรู

การ

บทบาท

ดําเนินงาน

รวมของ การจาง

ประกอบ

เกี่ยวกับ

สงเสริม

หนาที่

ตามแผน

ธุรกิจ

งาน

กิจการ

SMEs

สนับสนุน

สสว.

ยุทธศาสตร

อุดหนุน

เครือขาย

-

-

-

-

-

-

-

.823**

.824**

(.000)

(.000)

-

.844**

ยุทธศาสตร ความ

ชวยเหลือ การสราง

-

-

-

-

-

-

-

ชวยเหลือ

(.000)

อุดหนุน การสราง

-

-

-

-

-

-

-

-

เครือขาย

** คาสหสัมพันธมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 * คาสหสัมพันธมีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05 จากตาราง 20 ความสัมพันธของตัวแปรโดยใชคาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธของเพียรสัน (Pearson's Sample Correlation Coefficient) พบความสัมพันธของตัวแปรดังนี้ 1) เมื่อจํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจเพิ่มขึ้นจํานวนการจางงานก็จะเพิ่มขึ้นประมาณรอยละ 0.01 ตอหนึ่งหนวยธุรกิจ (จํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจ มีความสัมพันธทางบวกในระดับมากที่สุดกับ จํานวนการจางงาน คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .579 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 2) เมื่อจํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจเพิ่มขึ้น ระยะเวลาในการประกอบกิจการก็จะเพิ่มขึ้นถึง ร อยละ .01 (จํ า นวนสิ นทรั พ ย ร วมของธุร กิจ มี ค วามสัม พัน ธท างบวกในระดั บ นอยกับ ระยะเวลาใน การประกอบกิจการ คาสัมประสิทธิส์ หสัมพันธเทากับ .271 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 3) ในขณะเดียวกันเมื่อจํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจเพิ่มขึ้น ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs ก็ จะเพิ่มขึ้นประมาณรอยละ .01 (จํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจ มีความสัมพันธทางบวกในระดับนอยกับ ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .195 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01)

-

294

4) เมื่อจํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจเพิ่มขึ้น ในดานความเชื่อมั่นในการสงเสริมและสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐก็จะเพิ่มขึ้นถึงรอยละ .05 (จํานวนสินทรัพยรวมของธุรกิจ มีความสัมพันธทางบวก ในระดับนอยกับความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐ คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ เทากับ .099 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05) 5) เมื่ อธุ ร กิ จ มี จํา นวนการจ า งงานเพิ่ ม ขึ้น ระยะเวลาในการประกอบกิ จ การก็ จะเพิ่ ม ขึ้ น โดยประมาณที่รอยละ.01 ตอหนึ่งหนวยธุรกิจ (จํานวนการจางงาน มีความสัมพันธทางบวกในระดับนอยกับ ระยะเวลาในการประกอบกิจการ คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .275 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 6) เมื่อธุรกิจมีจํานวนการจางงานเพิ่มขึ้น ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs ก็จะเพิ่มขึ้นถึงรอยละ .01 (จํานวนการจางงาน มีความสัมพันธทางบวกในระดับนอยกับ ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs คาสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธเทากับ .204 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 7) เมื่อธุรกิจมีจํานวนการจางงานเพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ของ องคกรภาครัฐก็จะเพิ่มขึ้นประมาณรอยละ .01 (จํานวนการจางงาน มีความสัมพันธทางบวกในระดับนอยกับ ความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐ คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .152 มี นัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 8) เมื่อธุรกิจมีระยะเวลาในการประกอบกิจการเพิ่มขึ้น ยอมสงผลในการรูจักบทบาทและหนาที่ ของ สสว. นอยลงถึงรอยละ.05 (ระยะเวลาในการประกอบกิจการมีความสัมพันธทางลบในระดับนอยกับ การรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ -.145 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .05) 9) การมีค วามรู เกี่ ยวกับกิ จการ SMEs เพิ่ มขึ้ น ย อมมีผลทํา ใหความเชื่อมั่นในการสงเสริ ม สนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐก็จะเพิ่มขึ้นถึงรอยละ.01 (ความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs มีความสัมพันธ ทางบวกในระดั บ ปานกลางกั บ ความเชื่ อ มั่ น ในการส ง เสริ ม สนั บ สนุ น SMEs

ขององค ก รภาครั ฐ

คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .403 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 10) ในขณะที่เมื่อผูประกอบการและผูปฏิบัติงานมีความรูเกี่ยวกับกิจการ SMEs เพิ่มขึ้น ก็จะ ส ง ผลให รูจัก บทบาทและหน า ที่ ข อง สสว. มากขึ้นถึง รอยละ .01 (ความรูเกี่ ย วกับ กิจการ SMEs มี ความสัมพันธทางบวกในระดับนอยกับการรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ เทากับ .271 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 11) เมื่อผูประกอบการและผูปฏิ บัติงานมีความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับ สนุน SMEs ของ องคกรภาครัฐเพิ่มขึ้น ยอมสงผลใหผูประกอบการและผูปฏิบัติงานเหลานี้รูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว.

295

มากขึ้นถึงรอยละ.01 (ความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐมีความสัมพันธ ทางบวกในระดับปานกลางกับการรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .310 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 12) เมื่อผูประกอบการและผูปฏิ บัติงานมีความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับ สนุน SMEs ของ องคกรภาครัฐเพิ่มขึ้น ยอมมีผลตอปจจัยในการเพิ่มระดับของประโยชนที่ผูประกอบการเและผูปฏิบัติงาน เหลานี้พึงไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการดําเนินการตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs โดยเพิ่มมากขึ้นถึงรอยละ.01 (ความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐมี ความสัมพันธทางบวกในระดับปานกลางกับประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดาน การดําเนินการตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .385 มีนัยสําคัญ ทางสถิติที่ระดับ .01) 13) เมื่อผูประกอบการและผูปฏิ บัติงานมีความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับ สนุน SMEs ของ องคกรภาครัฐเพิ่มขึ้น ยอมมีผลทําใหระดับของประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ใน ดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs มีเพิ่มมากขึ้นถึงรอยละ.01 (ความเชื่อมั่น ในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐมีความสัมพันธทางบวกในระดับปานกลางกับประโยชน ที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .420 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) เมื่อมีความเชื่อมั่นใน การสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐเพิ่มขึ้นจะใหระดับของประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริม สนับสนุนของ สสว. ในดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs เพิ่มมากขึ้นอยาง มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01 14) เมื่อมีความเชื่อมั่นในการสงเสริมสนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐเพิ่มขึ้นจะใหระดับของ ประโยชน ที่ ไ ด รั บ จากการส ง เสริ ม สนั บ สนุ น ของ สสว. ในด า นการสร า งเครื อ ข า ยของ สสว. เพื่ อ ความรวมมือภายในและตางประเทศ เพิ่มมากขึ้นโดยประมาณรอยละ.01 (ความเชื่อมั่นในการสงเสริม สนับสนุน SMEs ขององคกรภาครัฐมีความสัมพันธทางบวกในระดับปานกลางกับประโยชนที่ไดรับจาก การส ง เสริ ม สนั บ สนุ น ของ สสว. ในด า นการสร า งเครื อ ข า ยของ สสว. เพื่ อ ความร ว มมื อ ภายในและ ตางประเทศ คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .375 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 15) เมื่อรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. เพิ่มขึ้น จะสงผลใหระดับของประโยชนที่ไดรับจาก การสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการดําเนินการตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs เพิ่มมากขึ้น ถึ ง ร อยละ.01 (การรู จัก บทบาทและหน า ที่ข อง สสว. มี ค วามสั ม พันธ ท างบวกในระดับ ปานกลางกั บ

296

ประโยชน ที่ ไ ด รั บ จากการส ง เสริ ม สนั บ สนุ น ของ สสว. ในด า นการดํ า เนิ น การตามแผนยุ ท ธศาสตร การสงเสริม SMEs คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .480 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 16) เมื่อรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. เพิ่มขึ้น ยองสงผลใหระดับของประโยชนที่ไดรับจาก การสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs เพิ่ม มากขึ้นถึงรอยละ.01 (การรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. มีความสัมพันธทางบวกในระดับปานกลางกับ ประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริม สนับสนุน SMEs คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .409 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 17) เมื่อรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. เพิ่มขึ้น ยอมสงผลใหระดับของประโยชนที่ไดรับจาก การส ง เสริ ม สนั บ สนุ น ของ สสว. ในด า นการสร า งเครื อ ข า ยของ สสว. เพื่ อ ความร ว มมื อ ภายในและ ตางประเทศ เพิ่มมากขึ้นถึงรอยละ .01 (การรูจักบทบาทและหนาที่ของ สสว. มีความสัมพันธทางบวกใน ระดับปานกลางกับประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการสรางเครือขายของ สสว. เพื่อความรวมมือภายในและตางประเทศ คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .354 มีนัยสําคัญทางสถิติ ที่ระดับ .01) 18) เมื่ อ การดํ า เนิ น การตามแผนยุ ท ธศาสตร ก ารส ง เสริ ม SMEs เพิ่ ม ขึ้ น

ในด า นการให

ความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs ก็จะเพิ่มมากขึ้นควบคูกันไป โดยเพิ่มขึ้นที่ประมาณ ร อยละ.01 (ประโยชน ที่ ไ ด รับ จากการสง เสริ ม สนั บ สนุ นของ สสว. ในด า นการดํา เนิ นการตามแผน ยุ ท ธศาสตร ก ารส ง เสริ ม SMEs มี ค วามสั ม พั น ธ ท างบวกในระดั บ มากที่ สุ ด กั บ ประโยชน ที่ ไ ด รั บ จาก การสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการใหความชวยเหลื อ อุดหนุน และสงเสริมสนับสนุน SMEs คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .823 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 19) เมื่อการดําเนินการตามแผนยุทธศาสตรการสงเสริม SMEs เพิ่มขึ้น การสรางเครือขายของ สสว. เพื่ อความร วมมื อภายในและต า งประเทศก็จะเพิ่ม มากขึ้นถึง รอยละ.01 (ประโยชนที่ไ ดรับ จาก การส ง เสริ ม สนั บ สนุ น ของ สสว. ในด า นการดํ า เนิ น การตามแผนยุ ท ธศาสตร ก ารส ง เสริ ม SMEs มี ความสัมพันธทางบวกในระดับมากที่สุดกับประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดาน การสรางเครือขายของ สสว. เพื่อความรวมมือภายในและตางประเทศ คาสัมประสิทธิ์สหสัมพันธเทากับ .824 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01) 20) เมื่ อสสว.ให ค วามช วยเหลื อ อุดหนุน และสง เสริม สนับสนุน SMEs เพิ่ ม ขึ้น การสร า ง เครื อ ข า ยของ สสว. เพื่ อ ความร ว มมื อ ภายในและต า งประเทศก็ จ ะเพิ่ ม มากขึ้ น ถึ ง ร อ ยละ .01 (ประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุนของ สสว. ในดานการใหความชวยเหลือ อุดหนุน และสงเสริม

297

สนับสนุน SMEs มีความสัมพันธทางบวกในระดับมากที่สุดกับประโยชนที่ไดรับจากการสงเสริมสนับสนุน ของ สสว. ในดานการสรางเครือขายของ สสว. เพื่อความรวมมือภายในและตางประเทศ คาสัมประสิทธิ์ สหสัมพันธเทากับ .844 มีนัยสําคัญทางสถิติที่ระดับ .01)

บทที่ 6 ขอเสนอแนะการปรับแกไขกฎหมายจัดตั้งองคกรภาครัฐของไทยในการสงเสริมและสนับสนุน SMEs และขอเสนอแนะเกี่ยวกับการกําหนดนโยบายภาครัฐในการปรับปรุงองคกรภาครัฐของ ไทยในการสงเสริมและสนับสนุน SMEs หนา ที่ใ นการใหก ารสง เสริมวิ สาหกิ จขนาดกลางและขนาดยอมโดยภาครัฐของประเทศไทยใน ปจจุ บันอยูภายใตค วามรับ ผิดชอบของคณะกรรมการสง เสริมวิ สาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม โดยมี สํานักงานคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมเปนหนวยงานฝายบริหารที่ทําหนาที่ สนับสนุนคณะกรรมการสงเสริมวิหสากิจขนาดกลางและขนาดยอมในการจัดทํานโยบายดานการสงเสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม ตามที่กําหนดไวในพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอม พ.ศ. 2543 จากการศึกษาโครงสราง อํานาจหนาที่ และการดําเนินงานของหนวยงานสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอมของประเทศไทย โดยเมื่อเปรียบเทียบกับหนวยงานที่มีหนาที่ในลักษณะเดียวกันใน ตางประเทศ จะพบวาการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมในประเทศไทยโดยองคกรภาครัฐที่ ดําเนินการอยูในปจจุบันมีประเด็นที่ควรจะนํามาแกไขปรับปรุงเพื่อใหการทําหนาที่ในการสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอมเปนไปอยางมีประสิทธิภาพและสามารถตอบสนองตอความตองการของภาคธุรกิจ ของไทยไดอยางเหมาะสมในภาวะการแขงขันของตลาดโลกในปจจุบัน ดังนี้ 6.1 โครงสรางองคกรและอํานาจหนาที่ คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอมซึ่งมีคณะกรรมการบริหารสํานักงานเปนองคกรฝายบริหารภายในนั้น ตางเปนองคกรที่ จั ด ตั้ ง ขึ้ น โดยกฎหมายที่ ไ ด กํ า หนดองค ป ระกอบขององค ก รไว อ ย า งชั ด เจน การที่ ก ฎหมายกํ า หนด องคประกอบหรือโครงสรางขององคกรไวดังกลาวยอมมีทั้งสวนที่เปนขอดี คือ ความชัดเจนในการจัดตั้ง หรือแตงตั้งบุคคลเขามาทําหนาที่ แตการที่กฎหมายกําหนดโครงสรางองคกรไวลักษณะดังกลาวอาจทําให ขาดความยึดหยุนในการดําเนินการหรือมีการปฏิบัติหนาที่ที่ซ้ําซอนได

299 คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมเปนองคกรที่มีอํานาจตามกฎหมายที่เปน ผูกําหนดนโยบายในการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมของประเทศไทย ทั้งนี้ โดยมีสํานักงาน สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) เปนผูจัดทํา “แผนปฏิบัติการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดยอม” ซึ่งเปนแผนการปฏิบตั ิตามนโยบายในการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม ที่ตอง ผานความเห็นชอบจากคณะกรรมการฯ (มาตรา 37 พระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม พ.ศ. 2543) กอนการดําเนินการตามแผนปฏิบัติการดังกลาว พระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย อ มกํ า หนดให น โยบายและแผนการส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ มของ คณะกรรมการฯ จะตองไดรับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีจึงจะประกาศใชได ซึ่งกระบวนการขั้นตอน ต า งๆ เหล า นี้ หากพิ จ ารณาองค ป ระกอบของคณะกรรมการที่ มี น ายกรั ฐ มนตรี เ ป น ประธานของ คณะกรรมการฯ แลว พบขอเสนอแนะจากการรวบรวมผลการศึกษาวิจัยในสองความเห็น ดังนี้ ความเห็นที่หนึ่งเห็นวา นายกรัฐมนตรีซึ่งเปนประธานคณะกรรมการฯ ต องนํา เอานโยบายและ แผนการส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดยอ มเข า สู ค ณะรั ฐมนตรี เพื่ อขอความเห็ นชอบอี ก เมื่ อ นายกรัฐมนตรีในฐานะที่เปนประธานคณะกรรมการฯ ไดเสนอนโยบายและแผนดังกลาวแกคณะรัฐมนตรี แลวในทางปฏิบัติคณะรัฐมนตรีก็ตองใหความเห็นชอบอยูเสมอตามที่นายกรัฐมนตรีซึ่งเปนหัวหนาของ คณะรัฐมนตรีไดเสนอมา ลักษณะเชนนี้จึงทําใหการตรวจสอบถวงดุลที่คณะรัฐมนตรีอาจพึงกระทําไดไม เกิดเปนจริงขึ้น ซึ่งมีผลทําใหกระบวนการดําเนินการกลายเปนเพียงขั้นตอนที่เปนการปฏิบัติงานที่ซ้ําซอน และไมกอใหเกิดประโยชนมากนัก และอาจทําใหเกิดประเด็นปญหาเกี่ยวกับการขัดกันของผลประโยชนขึ้น ได ดังนั้น จึงมีความจําเปนที่จะพิจารณาองคประกอบหรือรูปแบบของคณะกรรมการฯ เสียใหม โดย มิตองใหนายกรัฐมนตรี ซึ่งเปนหัวหนาของฝายบริหารมาทําหนาที่เป นประธานคณะกรรมการฯ ซึ่งไม มี ความจํ าเปนหรือใหค ณะกรรมการประกอบไปดวยผูท่ีมีค วามรูค วามเชี่ย วชาญและมี ประสบการณดา น การประกอบธุรกิจของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมอยางแทจริง โดยมิตองใหหัวหนาของสวนราชการ หรือกระทรวงตางๆ เขามาเปนองคประกอบของคณะกรรมการฯ เพราะหากพิจารณาจากอํานาจหนาที่ของ คณะกรรมการฯ ที่กฎหมายกําหนดไวแลว คณะกรรมการฯ ไมมีหนาที่ที่ตองใชอํานาจทางปกครองใดๆ ใน

300 ลักษณะเดียวกับหนวยงานของรัฐอื่นๆ (มาตรา 11 แหงพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอม) สวนในอีกความเห็นหนึ่งเห็นวา ในการที่จะเปลี่ยนแปลงมิใหนายกรัฐมนตรีทําหนาที่เปนประธาน คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมนั้น อาจกอใหเกิดปญหาในทางปฏิบัติกรณีความ คลองตัวในการประสานงานระหวางหน วยงานต างๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อประสานประโยชน รวมมือในการสงเสริมและสนับสนุน SMEs ได เพราะขาดผูนําสูงสุดของฝายบริหารเปนผูรับทราบและรวม ตัดสินใจในองคกรวางนโยบายและแผนการสงเสริม SMEs ดังนั้น หากจะเลือกแนวทางแกไขปญหาโดย การเปลี่ ย นแปลงองค ป ระกอบคณะกรรมการส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ มดั ง กล า ว ก็ จําเปนตองหากลไกอื่นเพื่อเชื่อมโยงบูรณาการการปฏิบัติงานและการประสานงานภายนอก สสว. ใหเกิด ประสิทธิภาพดวย เชน อาจกําหนดให สสว. เปนหนวยงานภายใตการกํากับดูแลของสํานักนายกรัฐมนตรี แทนที่จะเปนการกํากับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรมดังเชนในปจจุบัน ซึ่งจะชวยให สสว. มีความเปน อิสระและมีความคลองตัวในการเปนตัวกลางระหวางหนวยงานทั้งภาครัฐและเอกชนอื่นๆ ไดมากกวาที่ จะต อ งดํ า เนิ น การโดยอาศั ย ตั ว ชี้ วั ด ประสิ ท ธิ ภ าพและประสิ ท ธิ ผลในการดํ า เนิ น งานภายใต ก ระทรวง อุ ต สาหกรรม แต วิ ธี ก ารแก ป ญ หาดั ง กล า วก็ อ าจมี ผ ลกระทบด า นอื่ น ตามมาด ว ย เนื่ อ งจากสํ า นั ก นายกรั ฐ มนตรี เ ป น หน ว ยงานที่ มี ค วามเกี่ ย วข อ งสั ม พั น ธ กั บ การส ง เสริ ม SMEs

น อ ยกว า กระทรวง

อุตสาหกรรม เปนอาทิ อนึ่ ง เมื่ อ เปรี ย บเที ย บกั บ คณะกรรมการที่ มี อํ า นาจหน า ที่ อ ย า งเดี ย วกั น หรื อ ใกล เ คี ย งกั น ใน ตางประเทศ เชน คณะกรรมการ SPRING Singapore เปนตน คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอมของประเทศไทยในปจจุบัน ถือไดวาเปนคณะกรรมการฯ ตามกฎหมายที่มีจํานวนสมาชิกมากที่สุด คณะกรรมการหนึ่ง กลาวคือ ประกอบไปดวยสมาชิกโดยตําแหนงที่เปนหัวหนาของกระทรวง ทั้งที่เปน ขาราชการการเมืองและขาราชการประจํา โดยมีหัวหนาฝายบริหารคือนายกรัฐมนตรีเปนประธานกรรมการ และมีอํานาจหนาที่ตามที่กฎหมายกําหนด กระนั้น แมการมีคณะกรรมการฯ ที่มาจากหลายๆ ภาคสวนและ ประกอบไปดวยกรรมการจํานวนมากจะทําใหสามารถทําการพิจารณาดานนโยบายตางๆ และประเด็นตางๆ ไดอยางครอบคลุมทุกสวน แตเมื่อพิจารณาถึงอํานาจหนาที่ของคณะกรรมการฯ ที่กําหนดไวในกฎหมายแลว อาจตั้งขอสงสัยวาการกําหนดจํานวนองคประกอบของคณะกรรมการฯ ดังกลาว เปนสิ่งจําเปนหรือไม

301 อํานาจหนาที่ของคณะกรรมการฯ จะเปนการใหความเห็นชอบหรือดําเนินการตามเรื่องที่เสนอมา โดยสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และใหความเห็น คําแนะนํา นําเสนอนโยบายและ แผนปฏิบัติการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมใหคณะรัฐมนตรีพิจารณาใหความเห็นชอบ ซึ่ง การมีคณะกรรมการจํานวนมากอาจไมมีความจําเปนแตอยางใด อีกทั้งการที่กําหนดใหผูที่เปนกรรมการโดย ตําแหนงเปนบุคคลทีม่ ีตําแหนงสําคัญทางราชการหรือทางการเมือง ยอมทําใหคณะกรรมการฯ ไมสามารถที่ จะทําการประชุมของคณะกรรมการฯ ไดบอยครั้ง เพื่อพิจารณาเรื่องที่จําเปนตองดําเนินการ เชน การให ความเห็ น ชอบให กู ยื ม ที่ เ กิ น วงเงิ น ตามอํ า นาจของสํ า นั ก งานคณะกรรมการฯ ตามมาตรา 17 แห ง พระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม เปนตน ซึ่งการใหความชวยเหลือดังกลาวอาจ ตองดํ าเนินการโดยเรง ดวน เพื่อให สามารถประกอบธุรกิ จได โดยเร็ว แต เมื่ อคณะกรรมการฯ ปจจุบั นมี การประชุมนอยครั้งซึ่งทําใหไมสามารถพิจารณาใหความเห็นชอบไดอยางรวดเร็วเทาที่ควรจะเปน ประกอบ กั บ คณะกรรมการโดยตํ า แหน ง ซึ่ ง เป น หั ว หน า กระทรวงและหั ว หน า ส ว นราชการ อาจมี ภ าระหน า ที่ รับผิดชอบตามตําแหนงหนาที่อยูแลว ซึ่งอาจสงผลตอการเขาทําหนาที่ในคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย อม โดยอาจจะไม ส ามารถเข า มาทํ า หน า ที่ ไ ด อ ย า งเต็ ม ที่ แ ละในรายละเอี ย ดใน ทุกๆ สวน แมบุคคลดังกลาวอาจมอบหมายใหผูแทนเขารวมประชุมคณะกรรมการฯ แทนไดก็ตาม จากการสัมภาษณผูที่เปนกรรมการหลายทาน ซึ่งแตละทานตางมีความเห็นที่แตกตางกันออกไป แต โดยรวมแลวเห็ นวาองคประกอบของคณะกรรมการฯ ปจจุบั นมีความเหมาะสมแลว อยา งไรก็ตาม เมื่ อ พิจารณาในแงที่วา หากประสงคจะใหคณะกรรมการฯ มีบทบาทอยางแทจริงในการสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอม โดยไมเป นแตเพี ยงองค กรของฝายบริหารที่มีหนา ที่ในการกํา หนดนโยบายเทานั้น การจัดรูปแบบองคกรใหมเปนสิ่งที่จําเปน ซึ่งอาจใหคณะกรรมการฯ กลายเปนคณะกรรมการในรูปแบบอื่น ที่แตกตางออกไป กระนั้ น ภายใต ร ะบบกฎหมายของประเทศไทยในป จ จุ บั น การปรั บ เปลี่ ย นรู ป แบบของ คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมยังอาจไมสามารถกระทําไดโดยงายนัก เพราะ จําตองแกไขกฎหมายและแนวคิดเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะกรรมการที่มีอํานาจหนาที่ในลักษณะเดียวกันที่ กําหนดไวในกฎหมายอื่นๆ ทั้งระบบ แตก็เปนประเด็นสําคัญที่จําตองมีการนํามาพิจารณา ทั้งนี้ เพื่อที่จะให คณะกรรมการฯ ไดมีบทบาทอยางแทจริงในการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมในประเทศไทย มิใชเปนเพียงแตองคกรกําหนดนโยบายใหหนวยงานของรัฐนําไปปฏิบัติเทานั้น

302 สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมที่มีคณะกรรมการบริหารสํานักงาน เปนองคกร ฝายบริหารภายใน เปนองคกรที่มีบทบาทสําคัญอยางมากในการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม ในประเทศไทย ตามที่กําหนดไวในพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม กฎหมาย กํ า หนดให สํ า นั ก งานมี ส ภาพเหมื อนนิ ติบุ ค คลที่ส ามารถดํา เนินการไดเกือบทุก ประการเพื่อใหหนา ที่ ที่ กฎหมายกําหนดบรรลุตามวัตถุประสงค คณะกรรมการบริหารของ สสว. จะประกอบไปดวยตัวแทนจากสวนราชการและผูทรงคุณวุฒิตางๆ โดยมีผูอํานวยการสํานักงานเปนกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอม โดยสถานะทางกฎหมายแลวถือวาเปนหนวยงานของรัฐประเภทหนวยงานอื่นของรัฐ ตามคํานิยามที่กําหนดไวในมาตรา 3 แหงพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 โดยมีอํานาจตามกฎหมายในการออกคําสั่งทางปกครองที่มีผลกระทบตอสิทธิและหนาที่ของบุคคล เชน การออกคําสั่งเกีย่ วกับการบริหารงานบุคคลของ สสว. และมีอํานาจออกระเบียบกําหนดกฎเกณฑตางๆ ในการใหกูยืมเงินหรือการใหความชวยเหลือจากกองทุนสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม ทั้งนี้ ตามที่กําหนดไวในมาตรา 20 แหงพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2443 องคประกอบของคณะกรรมการบริหารสํานักงานในปจจุบันที่ประกอบไปดวยผูที่เปนกรรมการโดย ตําแหนง และกรรมการผูทรงคุณวุฒิ นั้น ยังมีขอสงสัยอยูวาเปนผูท่ีมีความเหมาะสมในการเขามาทําหนาที่ ด า นการส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ มหรื อ ไม โดยเฉพาะอย า งยิ่ ง องค ป ระกอบของ คณะกรรมการโดยตําแหนงที่เปนขาราชการประจําที่ไมไดมีหนาที่โดยตรงในการใหการสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอม ซึ่งเปนภาพสะทอนถึงการจัดตั้งองคกรที่มีหนาที่สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอมของประเทศไทย ที่มุงจะใหเปนองคกรประสานงาน กําหนดนโยบายดานการสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอม ไปใหแกหนวยงานราชการอื่นๆ นําไปปฏิบัติมากกวาที่จะเปนองคกรที่ทําหนาที่ โดยตรงในการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม โดยเขาไปเปนหนวยงานปฏิบัติการโดยตรง หรือ ติดตอมีปฏิสัมพันธกับผูประกอบการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมโดยตรง เมื่อพิจารณาถึงโครงสรางองคกรของ สสว. แลวจะเห็นไดวา การแบงโครงสรางองคกรในปจจุบัน ที่แบงออกเปน 4 กลุม ทั้งกลุมที่ทําหนาที่ดานการใหความชวยเหลือแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (กลุมเครือขายความรวมมือและกลุมความชวยเหลือสนับสนุน) และกลุมที่ทําหนาที่ในการบริหารจัดการ

303 องค ก รภายในด า นธุ ร การ (กลุ ม บริ ห ารจั ดการ) ส ว นกลุ ม ที่ ส นับ สนุ น ในเรื่อ งนโยบายและแผน (กลุ ม ยุทธศาสตร) มีการดําเนินการวางยุทธศาสตรทั้งภายในและภายนอกองคกรคาบเกี่ยวกัน ผูเขียนเห็นวาควรมี ความชัดเจนในการกําหนดรายละเอียดขอบเขตอํานาจหนาที่ของแตละกลุม ตลอดจนใหความสําคัญกับการ บริหารจัดการทรัพยากรทั้งดานบุคลากร งบประมาณ และเทคโนโลยี เพื่อการสงเสริม SMEs ใหมากกวา การบริหารจัดการองคกรภายใน รวมถึงมีการประชาสัมพันธใหทั้งบุคลากรภายในและภายนอกองคกรทราบ ถึ ง ขอบเขตอํ า นาจหน า ที่ ใ นแต ล ะกลุ ม เพื่ อนํ า ไปสู ก ารปฏิ บั ติง านที่ เกิ ด ประสิ ท ธิ ผ ลในการตอบสนอง ความต องการของผู ป ระกอบการ SMEs และสัง คมปจ จุบั น ซึ่ ง เมื่ อเปรี ย บเที ย บกั บ องค ก ร SPRING Singapore แล ว องค ก รของสิ ง คโปร ไ ด แ บ ง โครงสร า งองค ก รส ว นใหญ เ กื อ บทั้ ง หมดเพื่ อ มุ ง ที่ จ ะให ความชวยเหลือแกวสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดยอมหรือเพื่อปฏิบัติตามภารกิจหนาที่ที่ไดรับมอบหมายตาม กฎหมายเป นหลัก ส วนการดํ าเนินงานภายในขององคก รจะเปนสวนย อยซึ่ง แมจะมีค วามสําคั ญแตก็ ไ ม เทียบเทางานตามภารกิจหลัก นอกจากนี้ หากพิเคราะหพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 แลว จะพบวา กฎหมายไดกําหนดจัดตั้งกองทุนสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมเพื่อใหวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอมสามารถขอความชวยเหลือทางการเงินจากกองทุนดังกลาว แตกฎหมายกลับกําหนดให สวนราชการ หน วยงานของรั ฐอื่ นๆ สามารถที่ จะขอรั บ งบประมาณจากกองทุ นเพื่อนํ า ไปใชใ นการให การสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมได ซึ่งทําใหเห็นวา สสว. ไมไดเปนหนวยงานหลักที่ทําหนาที่ ดานการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม แตเปนเพียงหนวยงานบริหารกองทุนสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอม และเปนฝายปฏิบัติงานของคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอมเทานั้น ซึ่งหากจะทําให สสว. มีบทบาทในการสงเสริม SMEs มากยิ่งขึ้นดั งเชนองคกรภาครัฐใน ตางประเทศ เชน SMRJ ของประเทศญี่ปุน และ SMBA ของสาธารณรัฐเกาหลีใต ก็มีความจําเปนที่จะตองมี การแกไ ขทบทวนกฎหมายที่เกี่ ยวของเพื่อให สสว. กลายเปนหนวยงานที่มีอํานาจอย างแทจริ งและเป น หนวยงานหลักที่เขาไปมีนิติสัมพันธกับผูประกอบการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมโดยตรง เปน หนวยงานฝายปฏิบัติการในการสงเสริมชวยเหลือแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมไดโดยตรง อนึ่งการที่จะให สสว. สามารถดําเนินการไดนั้น นอกจากจะตองแกไขกฎหมายจัดตั้ง สสว. ซึ่งเปน กฎหมายสําคัญระดับพระราชบัญญัติแลว ยังจําตองมีงบประมาณสนับสนุนและมีทรัพยากรที่จําเปนเพียงพอ ซึ่ ง จากการสั ม ภาษณ บุ ค คลผู ที่ เกี่ ย วข องพบว า สสว. ยั ง ขาดงบประมาณในการดํ า เนิ น การ ดั ง นั้ น จึ ง มี ความจําเปนที่จะตองมีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณที่จําเปนมาใหแก สสว. ใชในการปรับปรุงโครงสราง

304 และสรรหาบุคลากรและทรัพยากรที่จําเปน เพื่อที่จะให สสว. กลายเปนองคกรฝายปฏิบัติการอยางเต็มที่ ทั้งนี้ จําตองมีการแกไขกฎหมายที่เกี่ยวของให สสว. เปนองคกรหลักที่มีอํานาจและจัดสรรงบประมาณให เพียงพอ เพื่อการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม การแกไขกฎหมายดังกลาวตองเปนไปเพื่อวัตถุประสงคที่สําคัญคือการใหมีหนวยงาน หรือองคกร เดียวที่ ทํา หน า ที่ใ นการส ง เสริม ชวยเหลือแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย อม โดยเปนหนวยงานเชิ ง ปฏิ บั ติการหลัก ที่ มี ปฏิ สั ม พันธ กั บผู ป ระกอบการโดยตรง และสามารถใหค วามชวยเหลือดา นต างๆ แก ผูประกอบการโดยตรง นอกเหนือจากการใหความชวยเหลือดานการใหขอมูล อันจะแตกตางจากระบบที่ กําหนดไวในพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 ที่เปนอยูในปจจุบัน กระนั้น การแกไขกฎหมายดังกลาวคงไมอาจดําเนินการไดหากขาดเจตจํานง ความตั้งใจจากภาคการเมือง และสวนราชการที่เกี่ยวของ สสว. จึงจําตองชี้แจงขอดอยของระบบปจจุบันอันเปนอุปสรรคตอการให ความชวยเหลือแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมใหแกผูที่เกี่ยวของไดรับรู เขาใจอยางชัดแจง เพื่อที่จะ ไดมีการแกไขปญหา อุปสรรคเหลานั้นตอไป นอกจากนี้ สสว. จําเปนตองเสนอแนะใหมีการปรับปรุงกฎหมายที่มุงใหคณะกรรมการฯ เปนองคกร ที่มีอํานาจในการควบคุมสินคา และบริการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมดวย เพราะการสงเสริม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดยอมยอมไมก อใหเกิดผลสําเร็ จไดอยางยั่ง ยืน หากคุณภาพของสินคาและ บริการที่มาจากวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมไมไดมาตรฐานในระดับที่เปนที่ยอมรับของสากล การที่ ให สสว. มีอํานาจหนาที่ดังกลาวอาจจําตองมีการรวมหนาที่รับผิดชอบดานการควบคุมคุณภาพของสินคา และบริการของหนวยงานอื่นในปจจุบันมารวมอยูในอํานาจของ สสว. ซึ่งสามารถกระทําไดโดยการออก กฎหมายอีกเชนกัน และตองมีการจัดสรรงบประมาณใหเพียงพอกับการดําเนินการดังกลาวดวย ขอมูลที่ไดรับจากการสัมภาษณชี้วางบประมาณในการดําเนินการของ สสว. ในการใหการสนับสนุน สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมในปจจุบัน ยังไมเพียงพอและมีอยูอยางจํากัด ซึ่งปญหาดังกลาว อาจแก ไ ขได บ างส ว นโดยให สสว. มี อํ า นาจในการแสวงหากํ า ไร หรื อ ผลประโยชน ต อบแทนจาก การใหบริการ (เชน การใหกูยืมโดยคิดดอกเบี้ยในอัตราต่ํา หรือคาธรรมเนียม คาเชา เปนตน) ซึ่งอาจนําเอา รายไดสวนนั้นมาเปนเงินทุนในการสงเสริมวิสาหกิจได อันเปนเงินทุนเพิ่มเติมจากที่ไดรับจัดสรรมาจาก งบประมาณภาครัฐ แต ปญหาที่ อาจเกิ ดขึ้นตามมาคือ สสว. มีบุคลากรหรื อมีท รัพ ยากร ความพรอมที่จะ

305 ปฏิ บั ติก ารดั งกล า วหรื อไม ซึ่ ง ท า ยสุ ดอาจจะตองมีก ารแกไ ขกฎหมายที่กํา หนดบัง คับ ใหรัฐตองจัดสรร งบประมาณใหเพียงพอ และในจํานวนที่เพิ่มมากขึ้น สสว. จําตองทําการประกาศโฆษณาเกี่ยวกับภารกิจของตนใหมากยิ่งขึ้น โดยอาศัยสื่อตางๆ ไมวาจะ เปนทางสื่อวิทยุโทรทัศน หรือสื่อสิ่งพิมพตางๆ ซึ่งในปจจุบันอาจถือไดวาเปนภารกิจที่จําเปนของหนวยงาน ที่ มี หน า ที่ ใ นการให บ ริ ก ารแก ป ระชาชน แม วา ป จจุ บัน สสว. คงมีวิธีก ารในการใหค วามชวยเหลือแก ผูประกอบการที่คอนขางจํากัดก็ตาม ทั้งนี้ เพื่อให สสว. เปนหนวยงานภาครัฐแหงแรกที่ผูประกอบการที่เปน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมจะนึกถึงหากตองการความชวยเหลือหรือตองการพัฒนาในทางธุรกิจของ ตน สําหรับอีกแนวทางเลือกหนึ่งสําหรับการดําเนินการสงเสริม SMEs ของ สสว. ตามที่พระราชบัญญัติ สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 ไดกําหนดไวให สสว. เปนหนวยงานที่มีภารกิจหลัก ในการกําหนดนโยบายและแผนการสงเสริม SMEs เพื่อใหหนวยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนรับไปปฏิบัติ ตามนั้ น สามารถเปรี ย บเที ย บได กั บ หน ว ยงาน SMEA ของประเทศญี่ ปุ น เป น อาทิ ซึ่ ง หากทิ ศ ทาง การปฏิบัติงานของ สสว. จะดําเนินการตามกฎหมายที่ใชบังคับอยูในปจจุบัน คณะผูวิจัยไดวิเคราะหจากบท สัมภาษณ และการวิจัยเอกสารแลวเห็นวา สสว. จะตองเรงทําความเขาใจและสรางวัฒนธรรมองคกรรวมกัน ภายในองคกรใหชัดเจนถึงบทบาทของ สสว. ที่มิใชหนวยงานปฏิบัติ หากแตเปนหนวยงานกําหนดนโยบาย และแผน โดยอาจเปรียบเทียบการดําเนินการของ สสว. ไดกับสํานักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจ และสังคมแหงชาติที่มีบทบาทในการวางแผนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทั้งประเทศ ในขณะที่ สสว. จะเปนผูวางแผนนโยบายใหแกการสงเสริม SMEs ทั้งประเทศเชนกัน ทั้งนี้ การดําเนินการตามภารกิจ หลั ก ดัง กลา ว อาจอาศัย งบประมาณจํ า นวนไมม ากนั กจากภาครั ฐเมื่อเปรี ยบเทีย บกับ การที่ สสว. จะผั น บทบาทของตนเองเปนหนวยปฏิบัติการในการสงเสริม SMEs 6.2 หนวยงานกํากับดูแลการทํางานดานการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม การกํากับดูแลเกี่ยวกับการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมอาจแบงพิจารณาไดเปน 2 สวน คือ การกํากับดูแลองคกรที่ทําหนาที่ในการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และการกํากับ ดูแล (รวมทั้งการตรวจสอบ) การใหความชวยเหลือ สงเสริม สนับสนุนแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม

306 ในสวนแรกที่เกี่ยวกับการกํากับดูแลองคกร ปจจุบันนี้ คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดยอม ไมอยูภายใตการกํากับดูแลขององคกรใด เพราะเปนหนวยงานของรัฐที่มีความเปนอิสระอันมี นายกรัฐมนตรีซึ่งเปนผูนําสูงสุดของฝายบริหารเปนประธานคณะกรรมการ แตในทางการเมืองอาจตอง รับผิดชอบตอคณะรัฐมนตรีซึ่งเปนผูใหความเห็นชอบนโยบายและแผนปฏิบัติการในการสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดยอม แตจะเห็นไดวา ในตางประเทศองคกรที่มีหนาที่อยางเดียวกันกับคณะกรรมการฯ ของประเทศไทย จะอยูภายใตการกํากับดูแลของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง เนื่องจากคณะกรรมการฯ ใน ตางประเทศจะเป นหนวยงานในสัง กัดของกระทรวง (สิงคโปร) อยู ภายใต การกํา กับ ดูแลของกระทรวง ตนสังกัด หรือเปนธนาคารของรัฐ (ฝรั่งเศส) ซึ่งแตกตางจากระบบและรูปแบบการเปนคณะกรรมการฯ ของ ประเทศไทย ในสวนนี้ ผูทําการวิจัยคงไมอาจที่จะเสนอแนะใหมีการดําเนินการปรับปรุงระบบการกํากับ ดูแลคณะกรรมการไดฯ หากไมมีการแกไขกฎหมายในการจัดรูปแบบของคณะกรรมการฯ เสียกอน การกํากับดูแลสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม ซึ่งปจจุบันอยูภายใตการกํากับ ดูแลของคณะกรรมการฯ นั้น โดยหลักแลวยอมไมอาจที่จะเปลี่ยนแปลงไปใหองคกรอื่นทําการกํากับดูแล การทํางานของสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจ (สสว.) ได เพราะ สสว. เปนองคกรที่มีภารกิจหนาที่ที่ผูกพันและ ยึดแนนกับคณะกรรมการฯ ลักษณะการกํากับดูแลเชนนี้เปนวิธีการปกติที่ใชอยูใ นตางประเทศ ในการใหความชวยเหลือสงเสริม สนับสนุนแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม ปจจุบัน สสว. ยัง ไมมีความชัดเจนการติดตามตรวจสอบความโปรงใสในการขอรับความชวยเหลือดานเงินทุน และหนวยงาน ของรัฐตางๆ ที่ยื่นคําขอรับเงินทุนจากกองทุนสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมเองก็อาจไมได ติดตามตรวจสอบอยางเครงครัด ชัดเจนมากนัก ขอมูลที่ไดรับจากการสัมภาษณ ไดแสดงใหเห็นถึงปญหา ดังกลาว ซึ่งทําใหเกิดความไมโปรงใสในการใชเงินกองทุน และการใหความชวยเหลือแกวิสาหกิจตางๆ ปญหาดังกลาวนี้ ไมสามารถแกไขใหหมดสิ้นลงไปไดหากไมมีการออกกฎหมายหรือกฎเกณฑที่กําหนดขอ ปฏิบั ติ หรือใหอํานาจแก สสว. ในการตรวจสอบและลงโทษอย างเคร งครั ด จึงมี ความจํ าเป นที่ จะต องมี การดําเนินการแกไขกฎหมายในสวนนี้ใหชัดแจง และตองมีการจัดการให สสว. มีศักยภาพในการทําการ ตรวจสอบไดอยางมีประสิทธิภาพ ถูกตอง เปนธรรมแกทุกฝาย 6.3 การจัดใหมีเครือขายในสวนภูมิภาค การให ค วามช ว ยเหลื อ หรื อ สนั บ สนุ น แก วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ มจํ า เป น ต อ งอาศั ย ความร วมมือจากหลายๆ ฝ า ย ทั้ ง จากหนวยงานภาครั ฐ และภาคเอกชน ผูป ระกอบการต างๆ การสร า ง

307 เครือขายการใหความชวยเหลือตองถือวาเปนหนาที่หลักสําคัญที่คณะกรรมการฯ และ สสว. จําตองสรางให เกิดขึ้น โดยอาจเปนเครือขายระหวางภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวของ โดยให สสว. เปนหนวยงานกลาง สํ า หรั บ การเชื่ อ มโยงเครื อข า ยเหล า นั้ น ทั้ ง นี้ เพื่ อไปสู จุดมุ ง หมายที่ เป นการเอื้ อ ประโยชน และอํ า นวย ความสะดวกแกผูประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมใหไดสูงสุด โดยมุงไปสูการเปนจุดติดตอ เพียงจุดเดียวที่ผูประกอบการตองทําการติดตอกับภาครัฐในการขอรับความชวยเหลือดานธุรกิจจากภาครัฐ (One-Stop Service Center) การใชเครื่องมือและวิธีการติดตอยื่นคําขอโดยผานเครือขายอินเตอรเน็ต โดยที่ ผูประกอบการไมจํา ตองมาติดต อด วยตนเองกั บ สสว. อี ก ถื อเปนวิ ธีการที่ สสว. ควรตองดํา เนิ นการใน ทายที่สุด การจัดใหมีเครือขายในสวนภูมิภาค มีความจําเปนเปนอยางยิ่ง เพื่อใหเกิดการพัฒนาที่สมดุลของ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมทั่วประเทศ อยางไรก็ตาม ในภาวะกฎหมายปจจุบัน ที่ สสว. ยังไมไดเปน หนวยงานปฏิบัติการในการใหความชวยเหลือแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมอยางแทจริงนั้น การมี เครื อ ข า ยของ สสว. ในส ว นภู มิ ภ าคอาจจะยั ง คงไม มี ค วามจํ า เป น มากนั ก เพราะแม ป ระชาชนซึ่ ง เป น ผูประกอบการจะมาติดตอขอความชวยเหลือในดานตางๆ กับ สสว. ในสวนภูมิภาค แต สสว. มีทรัพยากรที่ จํากัดในการใหความชวยเหลือ หรือยังมีอํานาจจํากัดในการใหความชวยเหลือ เชน หากผูประการประสงคที่ จะไดรับการสนับสนุนดานแรงงาน หรือภาษี ซึ่งปจจุบัน ผูประกอบการตองติดตอกระทรวงแรงงานหรือ กรมสรรพากร การมาติดตอกับ สสว. ก็เปนเพียงหนวยงานที่ใหขอมูลเทานั้น ซึ่งเปนการสูญเสียเวลาโดยใช เหตุ แตเมื่อมีการแกไขกฎหมายให สสว. เปนหนวยงานที่ทําหนาที่และมีอํานาจอยางแทจริงในการให ความชวยเหลือ สนับสนุนแกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมแลว ในกรณีนี้ หนวยงานของ สสว. ในสวน ของภูมิภาคจะมีความสําคัญและมีสวนเปนอยางมาก และเปนสิ่งที่จําเปนในการที่จะทําใหเกิดการพัฒนา และการเกิดขึ้นของวิสากิจขนาดกลางและขนาดยอมในสวนภูมิภาค 6.4 มาตรการติดตามตรวจสอบการสงเสริมและสนับสนุน SMES คณะผูวิจัยมีขอเสนอแนะในการปรับปรุงแกไขกฎหมายในประเด็นเรื่อง มาตรการติดตามตรวจสอบ การสงเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (SMEs) ซึ่งเปนประเด็นที่สําคัญยิ่ง เนื่องจาก แนวคิดของการส ง เสริ มและสนั บสนุ น SMEs ที่ดีนั้น สมควรเปนไปในลัก ษณะที่ยั่ง ยืน (Sustainable) ในลักษณะของการเปนพี่เลี้ยงใหความชวยเหลือ และคําปรึกษาแก SMEs ทั้งการชวยเริ่มตนกิจการ การให ความชวยเหลือระหวางดําเนินกิจการ ตลอดจนการชวยเหลือใหกิจการขยายตัวและเกิดความกาวหนาอีกดวย

308 ดังนั้ น การติ ดตามตรวจสอบ SMEs ที่ม าขอรับ การช วยเหลือ สมควรเปนไปอยา งมี ประสิท ธิภาพและ ครบวงจร คงไมใชเปนเพียงการชวยเหลือแคในครั้งแรกเริ่มเทานัน้ จากการศึ ก ษาพบว า ป จจุ บั นนี้ก ารส ง เสริม และสนั บ สนุ น SMEs ทํ า ผ า นการดํ า เนิ นงานของ สํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) ซึ่งเปนองคกรหลักที่มีหนาที่ความรับผิดชอบ โดยตรงตอ SMEs ในประเทศไทย ปรากฏวา สสว. ยังไมมีมาตรการตรวจสอบผลของการดําเนินการสงเสริม SMEs เชนวานั้นอยางชัดเจน กลาวคือ ไมมีมาตรการในลักษณะที่จะเขามาคอยเฝาติดตามวา SME รายใด ที่ไดรับความชวยเหลือจาก กองทุนสงเสริม SMEs หรือความชวยเหลืออื่นใดตามแผนปฏิบัติการสงเสริม SMEs ของ สสว. ไปแลว จะสามารถดูแลกิจการตนเองไดอยางตอเนื่องและยั่งยืนหรือไม หรือจะประสบ ผลสําเร็จในกิจการหรือไม หรือมีความจําเปนตองกลับมาขอรับการชวยเหลือเพิ่มเติมอีกหรือไม ประเด็น คํา ถามเหล า นี้ยั ง ไม มี ค วามชัดเจนมากนั ก อีก ทั้ ง ตามแผนปฏิ บั ติก ารส งเสริ ม SMEs ที่ดํา เนินการผา น หนวยงานภาครัฐอื่นก็ไมไดระบุวิธีการติดตามตรวจสอบเชนวานั้น อย า งไรก็ ดี เ มื่ อ ตรวจสอบมาตรการเกี่ ย วกั บ การดํ า เนิ น การติ ด ตามตรวจสอบการส ง เสริ ม และ สนับสนุน SMEs ตามพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 พบว า กฎหมายฉบับ นี้ กํา หนดมาตรการที่ อาจมี ลักษณะใกล เคี ย งกับการติ ดตามตรวจสอบผลการสง เสริ มและ สนับสนุน SMEs เอาไว โดยจําแนกเปน 2 กรณี ไดแก กรณี ที่ หนึ่ ง ตามมาตรา 39 ซึ่ ง กํา หนดใหสวนราชการ หนวยงานของรัฐ หรือรัฐวิส าหกิจที่มี หน า ที่ดํา เนินการตามแผนปฏิ บั ติก ารสง เสริม SMEs ตองรายงานผลการดํา เนิ นงานตอคณะกรรมการ สงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม อยางนอยปละ 1 ครั้ง 1 และมาตรา 40 เพื่อประโยชนใน 0

การประเมินผลการดําเนินงานตามแผนปฏิบัติการ กฎหมายกําหนดใหสวนราชการ หนวยงานของรัฐ หรือ รัฐวิสาหกิจที่ มีหนาที่ดําเนิ นการตามแผนปฏิบัติการฯ มีหนา ที่จัดทํ าขอมูล เชิงสถิติออกเผยแพร 2 กรณี 1

ดังกลาวนี้ คณะผูวิจัยเห็นวาเปนเพียงการเผยแพรขอมูลผลการชวยเหลือสงเสริม SMEs ตอสาธารณะเทานั้น ไมมีความเกี่ยวเนื่ องกับการติดตามหรือตรวจสอบ SME รายที่ ไดรับความชวยเหลือ วา SME รายนั้ น ยังคงดําเนินกิจการอยูหรือไม หรือประสบปญหาเกี่ยวกับการดําเนินกิจการเพิ่มเติมในเรื่องอื่นใดหรือไม อีกทั้ง การรายงานผลต อคณะกรรมการส งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม หรื อการจัดทํา ขอมูล 1

มาตรา 39 แหงพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543

2

มาตรา 40 แหงพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543

309 เชิ ง สถิ ติ อ อกเผยแพร ก็ ไ ม ไ ด กํ า หนดรายละเอี ย ดเพิ่ ม เติ ม ว า จะนํ า ผลของรายงาน หรื อ ข อ มู ล เชิ ง สถิ ติ ดั ง กลา วไปดํ า เนิ นการอย า งไรต อไป จึ ง เปรีย บเสมื อนการแจ ง ให ค ณะกรรมการฯทราบ เพื่ออาจนํ า ไป ปรับปรุงแผนปฏิบัติการสงเสริม SMEs ในปถัดไปเทานั้น ดังนั้น SMEs ที่ไดรับการชวยเหลือหรือสงเสริม ไปแลวจึงไมไดถูกติดตามอยางเปนระบบและชัดเจน กรณีที่สอง เปนกรณีตามมาตรา 45 ซึ่งวาดวยการเพิกถอนการชวยเหลือผูประกอบการ SMEs ที่ กระทํ า การโดยไม สุ จ ริ ต เพื่ อ ให SME ของตนมี สิ ท ธิ ไ ด รับ การช วยเหลื อ 3 โดยกฎหมายกําหนดให 2

คณะกรรมการฯมีอํานาจเพิกถอนการชวยเหลือแก SME รายใดที่กระทํ าการไมสุจริ ต ซึ่ง มีการติดตาม ตรวจสอบในแงของพฤติกรรมของผูประกอบการ SMEs วา SMEs ที่ขอรับการชวยเหลือ รวมถึงรายที่ ไดรับการชวยเหลือไปแลวและอาจรองขอความชวยเหลือเพิ่มเติม ไดกระทําการใดๆที่ไมสุจริต อันกอใหเกิด สิทธิในการไดรับความชวยเหลือหรือไม ซึ่งคณะผูวิจัยเห็นวาการติดตามตรวจสอบในลักษณะนี้ เปนเพียง การติดตามเพื่อคนหาความไมสุจริตของผูประกอบการ SMEs เทานั้น ไมใชการติดตามผลวา SMEs ที่ไดรับ ความชวยเหลือไปแลวจะสามารถดูแลกิจการตัวเองตอไปไดอยางยั่งยืนหรือไม หรือจะประสบผลสําเร็จ ในกิจการหรือไม หรือมีความจําเปนตองกลับมาขอรับการชวยเหลือเพิ่มเติมอีกหรือไม นอกจากนี้ คณะผู วิ จั ย ยั ง พบว า ไม มี ก ารบั ญ ญั ติ ก ฎหมายลํ า ดั บ รอง ไม ว า จะเป น กฎกระทรวง ประกาศ หรือขอบังคับอื่นใด เกี่ยวกับวิธีการติดตามตรวจสอบผลของการสงเสริมและสนับสนุน SMEs ภายใต พระราชบัญญั ติสงเสริ มวิ สาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 เลย อีกทั้ง เมื่อพิจารณา โครงสรางองคกรของ สํานักงานสงเสริมและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมแลว พบวาภายใต กลุม งานยุท ธศาสตร แม สสว. ได มี ก ารจั ดตั้ง สํ า นัก ติด ตามและประเมิ นผลโครงการ แตอยา งไรก็ตาม การดําเนินการติดตามของสํานักติดตามและประเมินผล เปนเพียงการติดตามตรวจสอบวา SMEs ที่เขามา ขอรั บ การส ง เสริ ม นั้ น ได ดํ า เนิ น การตามแผนที่ เ สนอแก สสว. อย า งถู ก ต อ งหรื อ ไม เ ท า นั้ น ไม ไ ด เ ป น การติดตามตรวจสอบถึงความเปนไปในการดําเนินกิจการของ SMEs ภายหลังที่ไดรับการชวยเหลือไปแลว ในลักษณะของการเปนพี่เลี้ยงแตอยางใด ประเด็นดังกลาวคณะผูวิจัยเห็นวา พระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 ไมไดปดโอกาสในการสรางมาตรการติดตามตรวจสอบผลการดําเนินการสงเสริมและสนับสนุน SMEs

3

มาตรา 45 แหงพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543

310 แตอยางใด และเมื่อพิจารณาจาก มาตรา 11 (7) แหงพระราชบัญญัติฯดังกลาว ที่กําหนดใหคณะกรรมการ ส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ มมี อํ า นาจในการเสนอแนะมาตรการด า นการเงิ น การคลั ง การภาษี อ ากร หรื อ มาตรการด า นอื่ น เพื่ อ ส ง เสริ ม การปฏิ บั ติ ก ารตามนโยบาย และแผนส ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย อ ม แก ห น ว ยงานที่ เ กี่ ย วข อ ง 4 3

ด ว ยเหตุ นี้ คณะกรรมการส ง เสริ ม

วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมสามารถอาศัยกลไกตาม มาตรา 11 นี้ ในกําหนดวิธีการ หรือมาตรการ สําหรับการติดตามผลการปฏิบัติการตามแผนสงเสริม SMEs พรอมกับแผนปฏิบัติการเพื่อขอความเห็นชอบ จากคณะรัฐมนตรีได คณะผูวิจัยขอเสนอแนะใหคณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมดําเนินการ กําหนดประเด็นเรื่อง การติดตามตรวจสอบผลการดําเนินการสงเสริมและสนับสนุน SMEs ไวในนโยบาย และแผนการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม และเพื่อใหเกิดความสอดคลองในการปฏิบัติการ ตามนโยบาย และแผนการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมดังกลาว สสว. โดยผานคณะกรรมการ บริหาร สสว. ตองรับเอาประเด็นเรื่องการติดตามตรวจสอบผลการดําเนินการสงเสริมและสนับสนุน SMEs เชนวานั้น มากําหนดรายละเอียดไวในแผนปฏิบัติการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม 6.5 การใหความชวยเหลือดานการเงินแก SMEs จากการศึกษาพบวา ปจจุบันนี้การใหความชวยเหลือดานการเงินแก SMEs ซึ่งถือเปนหัวใจหลักของ การดําเนินงานสงเสริม SMEs โดยสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (สสว.) สามารถ จําแนกไดเปน 2 ชองทาง ไดแก 1) การเขามาขอรับการสนับสนุนโดยตรงจาก สสว. และ 2) การไดรับ การสนับสนุนผานหนวยงานอื่นตามแผนปฏิบัติการสงเสริม SMEs ที่ สสว. ไดจัดทําขึ้นทุกป เมื่อพิจารณา ชองทางการใหความชวยเหลือโดยตรงจาก สสว. พบวาไดมีการจัดตั้งขึ้นเปน “กองทุนสงเสริมวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย อ ม” โดยมี ก ารกํ า หนดคุ ณ สมบั ติ ข อง SMEs

หรื อ องค ก รเอกชนที่ จ ะขอรั บ

การชวยเหลืออุดหนุนจากกองทุน รวมถึงหลักเกณฑในการขอรับการชวยเหลือดังกลาวดวย โดยระบุอยู ภายใตกฎกระทรวงอุตสาหกรรม การขอและการใหความชวยเหลือ การสงเสริม หรือการสนับสนุน และ คุณสมบัติของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม กลุมวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดยอม หรือองคการ เอกชนที่มีสิทธิขอความชวยเหลือ สงเสริม หรือการสนับสนุน จากกองทุนสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ 4

มาตรา 11 (7) แหงพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543

311 ขนาดยอม พ.ศ. 2556 ออกโดยอาศัยอํานาจของพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 สวนการไดรับการสนับสนุนผานหนวยงานอื่นตามแผนปฏิบัติการสงเสริม SMEs เปนกรณีที่ สสว. ไดจัดทําแผนขึ้นเพื่อขอความรวมมือกับหนวยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวของ ในการจัดทํา โครงการสนั บ สนุ น SMEs

ในรู ป แบบต า งๆไม ว า จะเป น ด า นเงิ น ทุ น กู ยื ม การพั ฒ นาฝ มื อ แรงงาน

การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เปนตน จากการศึกษาและเก็บรวบรวมขอมูล คณะผูวิจัยพบวามาตรการใหความชวยเหลือดานการเงินแก SMEs โดย สสว. ยังมีความไมเหมาะสมและไมมีประสิทธิภาพเทาที่ควร เนื่องจาก SMEs ที่รองขอรับ การชวยเหลืออุดหนุนจาก สสว. มีจํานวนมาก แตยังไมมีความชัดเจนในตัวผูประกอบการเองวา ตองการเงิน ชวยเหลือเพื่อใชในวัตถุประสงคใด ซึ่งจําเปนตองใหความรูความเขาใจแกผูประกอบการ SMEs ถึงชอง ทางการบริ ห ารจั ด การเงิ น ที่ ไ ด รั บ ความช ว ยเหลื อ 5 อี ก ทั้ ง คณะผู วิ จั ย ยั ง พบว า อํ า นาจของ สสว. ด า น การพิจารณาเรื่องการใหเงินชวยเหลือจากกองทุนสงเสริม SMEs มีความกวางเกินขอบความจําเปน กลาวคือ การใหความชวยเหลือโดยผานกองทุนสงเสริม SMEs สมควรเปนการชวยเหลือเฉพาะในกรณีที่จําเปนอยาง ยิ่งเทานั้น 6 เมื่อพิจารณาถึงจํานวนเงินงบประมาณที่กองทุนสงเสริม SMEs ไดรับการจัดสรรมาจากภาครัฐ เปรียบเทียบกับความตองการไดรับความชวยเหลือของ SMEs ทั้งประเทศ ประกอบกับการที่มีหนวยงานทั้ง ภาครัฐและภาคเอกชนที่ทําหนาที่ชวยเหลือเงินทุนแก SMEs หลายหนวยงานดวยกัน ทั้งนี้ โดยหลักแลว กฎกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2556 วาดวยหลักเกณฑในการใหความชวยเหลือ แก SMEs จะกําหนดหลักเกณฑในการใหความชวยเหลือเอาไวในลักษณะทั่วๆ ไป เชน เพื่อการดําเนินการ กอตั้ง ปรับปรุง หรือเพิ่มขีดความสามารถของกิจการ SMEs เพื่อการวิจัยและพัฒนา เปนตน โดยประเด็นที่ นาสังเกต คือ การใหชวยเหลือในลักษณะดังกลาวนี้ กฎหมายไดกําหนดถอยความไวใหตีความไดกวางขวาง มาก จนขาดความชัดเจนถึงการชั่งน้ําหนักความจําเปนที่จะตองอาศัยงบประมาณจากกองทุนสงเสริม SMEs ดังเชนที่มีถอยความในกฎกระทรวงดังกลาวกําหนดใหมีการใหความชวยเหลือ สงเสริม หรือสนับสนุน SMEs ในรู ป แบบอื่ น ซึ่ ง มิ ไ ด ระบุ ไ ว ถึ ง ตั วอย า งรู ป แบบอื่ นๆ ที่ก ฎหมายประสงค จะให ตีค วามไปได ครอบคลุมถึง จึงมีความจําเปนเปนอยางยิ่งที่จะตองมีการแกไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการใชเงินกองทุน 5

นายธานินทร ผะเอม รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ ผูแทนกรรมการในคณะกรรมการสงเสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม (SMEs) สัมภาษณวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 6

นายอาทิตย วุฒิคะโร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการในคณะกรรมการบริหารสํานักงานสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ยอม สัมภาษณวนั ที่ 30 ตุลาคม 2556

312 โดยระบุถึงตัวอยางการสงเสริมสนับสนุน SMEs ในรูปแบบอื่นๆ เชน การใหความชวยเหลือดานลดหยอน ภาษีแก SMEs การใหเงินสนับสนุนในเหตุฉุกเฉินอันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติ เปนตน และให สสว. และ คณะกรรมการสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม เปนหนวยงานหลักที่ใชเงินกองทุนเพื่อสนับสนุน แกวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมโดยตรงและในทุกๆ สวนมากที่สุดเทาที่จะเปนไปได โดยมิตองให สวนราชการหรือหนวยงานของรัฐอื่นๆ มีสิทธิใชเงินกองทุนดังกลาวอีก อันอาจจะเปนการทําใหงบประมาณ ในการดําเนินการใหการสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมที่ สสว. สามารถนํามาใชไดเองคง เหลืออยูในจํานวนที่เพียงพอได ดังนั้น จึงควรมีการแกไขปรับปรุงกฎหมายในสวนเกี่ยวกับการใชเงินกองทุน เพื่อให สสว. เปนผูใช เงินกองทุนในการใหความชวยเหลือแกวิสาหกิจที่อยูในหลักเกณฑ ดวยวิธีการตางๆ ที่ไมจํากัดเพียงการให กูยืม โดยตรงเทา นั้น และ สสว. เป นหน วยงานที่มีอํานาจตรวจสอบการใชเงินกองทุน ติดตามผลการใช เงิ น กองทุ น และมี อํ า นาจในการออกคํ า สั่ ง ลงโทษการฝ า ฝ น บทบั ญญั ติ ข องกฎหมายด ว ย อั น จะทํ า ให การจัดการกองทุนเปนไปอยางมีประสิทธิภาพและมีประโยชนตอวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอมของ ประเทศไทยอยางแทจริง อนึ่ ง นอกจากการปรั บ ปรุ ง กฎหมายและอนุ บั ญ ญั ติ ที่ เ กี่ ย วข อ งแล ว มี ข อ สั ง เกตจากความตาม พระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดยอม พ.ศ. 2543 ที่คณะผูวิจัยเห็นวาเปนประเด็นสําคัญ ยิ่งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและบริหารจัดการกองทุนสงเสริม SMEs ใหเหมาะสม กลาวคือ ใน มาตรา 30 แหงพระราชบัญญัตินี้ ไดกําหนดให สสว. มีวันสิ้นปบัญชีตามปปฏิทินไดแกวันที่ 31 ธันวาคมของ ทุ ก ป ซึ่ ง แตกต า งจากหน ว ยงานภาครั ฐ หลายๆ หน ว ยงาน ทํ า ให สสว. จํ า เป น ต อ งสร า งนโยบาย การดําเนินงานใหสอดคลองกับระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด โดย สสว. สามารถอาศัยชองทางการสะสม เงินกองทุนไว เพื่อใชจายใหถูกตองตามกฎหมายและทันตอสถานการณการแกไขปญหาเพื่อสงเสริม SMEs เปนสําคัญ โดยสรุป มีความจําเปนที่จะตองแกไขปรับปรุงพระราชบัญญัติสงเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดยอม ในเกือบทุกๆ สวน โดยเฉพาะอยางยิ่งการทําใหคณะกรรมการฯ และ สสว. กลายเปนหนวยงานที่ มี อํ า นาจในการดํ า เนิ น การอย า งครอบคลุ ม มี ง บประมาณ ทรั พ ยากร บุ ค ลากรที่ เ พี ย งพอ ในการให การสงเสริม สนับสนุน ชวยเหลือ และมีอาํ นาจในการติดตามตรวจสอบการใหความชวยเหลือวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดยอมดวย

บทสัมภาษณ์ งานวิจัยภาคสนาม คําชีแจงแบบสัมภาษณ์ แบบสัมภาษณ์แบ่งออกเป็ น 3 ชุดแบบสัมภาษณ์ โดยแบบสัมภาษณ์ชุดที 1 นํามาใช้ในการสัมภาษณ์ ตัวแทนในคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (คณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs) และ คณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (คณะกรรมการบริ หาร สสว.) แบบ สัมภาษณ์ชุดที 2 นํามาใช้ในการสัมภาษณ์ผูอ้ าํ นวยการสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงานส่ งเสริ มวิ สาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่ม ยุทธศาสตร์ , รองผูอ้ าํ นวยการ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มเครื อข่ายความร่ วมมือ, รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงาน ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มความช่วยเหลื อสนับสนุ น, หรื อรองผูอ้ าํ นวยการสํานักงาน ส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มบริ หารจัดการ รวมทังตัวแทนเจ้าหน้าทีทีปฏิบตั ิงานทีเกียวข้อง กับ ประเด็ น การศึ ก ษาวิ จ ัย และแบบสั ม ภาษณ์ ชุ ด ที 3 นํา มาใช้ใ นการสั ม ภาษณ์ ผู ้ที มี ส่ ว นเกี ยวข้อ งจาก กรุ งเทพมหานคร (ส่ ว นกลาง) คื อ ผู ้ป ระกอบการวิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่ อ ม (SMEs) จาก กรุ งเทพมหานคร (ส่ วนกลาง) ผูท้ ีมีส่วนเกี ยวข้องจากส่ วนภูมิภาค จํานวน 5 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคเหนื อ ภาค ตะวันออกเฉี ยงเหนื อ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคกลาง โดยแต่ละภูมิภาคประกอบด้วยประธานหอการค้า จังหวัดหรื อผูแ้ ทน จํานวน 1

ท่าน ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดหรื อผูแ้ ทน จํานวน 1

ท่าน และ

ผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จํานวนไม่นอ้ ยกว่า 4 ท่าน ตัวอย่างคําถามต่อไปนี เป็ นแนวทางในการสัมภาษณ์ เกี ยวกับกฎหมายการจัดตังองค์กรภาครั ฐที ทํา หน้าที ส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของประเทศไทย โครงสร้ างของคณะกรรมการบริ หาร อํานาจหน้า ที ผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. นโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐต่อธุ รกิ จ SMEs และ กองทุ น ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs ทังนี ประเด็น ในการสัม ภาษณ์ อ าจปรั บ เปลี ยนตามตํา แหน่ ง หน้า ที และ ความรับผิดชอบ ซึ งผูท้ าํ การสัมภาษณ์จะใช้ดุลพินิจในการตังประเด็นคําถาม เพือให้ได้ขอ้ มูลทีเป็ นประโยชน์ต่อ งานวิจยั มากทีสุ ด

2 ผูท้ าํ การสัมภาษณ์ ได้แก่ ผูช้ ่วยศาสตราจารย์ ดร.วริ ยา ลําเลิศ ดร.ดวงทิพย์ บุญปลูก ดร.ไกลกังวล บุญปลูก อาจารย์ธนาชัย สุ นทรอนันตชัย อาจารย์พีรพล เจตโรจนานนท์ นางสาวภัทรพร เย็นบุตร ประเด็นคําถามชุดทีหนึง 1. ท่านคิดว่าโครงสร้างของคณะกรรมการบริ หาร สสว. ทีท่านเป็ นองค์ประกอบอยูม่ ีความเหมาะสมใน แง่ของสัดส่วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ และกรรมการโดยตําแหน่งหรื อไม่ อย่างไร 2. ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มี แตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร 3. ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการทีท่านเป็ นองค์ประกอบตามทีกําหนดไว้ในกฎหมายจัดตัง มีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร 4. ท่านคิดว่าบทบาทของสสว.ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไ ขปั ญ หาและอุ ป สรรคอย่า งไร เช่ น ประเด็น การทํางานเป็ นที ม และการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่ างๆ ภายในองค์ก ร ระบบการจัด การความรู ้ การนํานวัต กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัย ใหม่ ม าใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บ ตั ิ งาน การทํา งานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น 5.

ท่ านคิ ดว่าในปั จ จุ บนั ปั จจัยใดที เป็ นอุป สรรคต่ อการทํางานของคณะกรรมการฯ ที ท่านเป็ น

องค์ประกอบอยู่ หรื อการทํางานของ สสว.

3 6. ท่านคิดว่า การบริ หารจัดการกองทุนของ สสว. ทีมีการให้หน่วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิบตั ิการขึนมา ให้ สสว. พิจารณาให้เงินสนับสนุนมีความเหมาะสมหรื อไม่ เมือเปรี ยบเทียบกับการที สสว. เป็ นผูร้ ิ เริ มโครงการ ให้เงินสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว 7. ท่านคิดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุนในการให้ ความช่วยเหลือแก่ผปู ้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ กสัดส่ วน การใช้จ่ายเงิ นกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนิ นการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน 8. ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนินงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs มีประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมีกลยุทธ์หรื อนโยบายสร้างแรงจูงใจให้ผรู ้ ับบริ การ เข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร 9. ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร โดย ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs

ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้

ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร 10.ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และ สสว. มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 11. ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่งเสริ มสนับสนุนควรเป็ น อย่างไร 12. ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

4 ประเด็นคําถามชุดทีสอง 1. ท่านคิดว่าโครงสร้างของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปั จจุบนั มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร 2. ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ทีกฎหมายจัดตังกําหนดไว้มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร 3. ท่านคิดว่านโยบาย และการดําเนิ นงานตามอํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. มีส่วนส่ งเสริ มสนับสนุ น หรื อมีผลกระทบต่อการทํางาน หรื อการตัดสิ นใจของท่านหรื อไม่มากน้อยเพียงใด อย่างไร 4. ท่านคิดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไขปั ญหาและอุ ปสรรคอย่างไร เช่ น ประเด็นการทํางานเป็ นที มและการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัยใหม่มาใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บตั ิ งาน การทํางานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น 5. ท่านคิดว่าปัจจัยใดทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ในปั จจุบนั 6. ท่านคิดว่าโครงสร้างการบริ หารงานภายในองค์กรทีแบ่งออกเป็ น 4 กลุ่มงาน ได้แก่ กลุ่มยุทธศาสตร์ กลุ่มเครื อข่ายความร่ วมมือ กลุ่มความช่วยเหลือสนับสนุน และกลุ่มบริ หารจัดการนัน มีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร 7. ท่านคิดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุนในการให้ ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ กสัดส่ วน การใช้จ่ายเงิ นกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนิ นการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน

5 หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน 8. ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนินงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs มีประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมีกลยุทธ์หรื อนโยบายสร้างแรงจูงใจให้ผรู ้ ับบริ การ เข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร 9. ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร ทัง ยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร 10. ในการประสานงานเพือส่งเสริ มสนับสนุน SMEs ในส่ วนภูมิภาคท่านประสานงานกับหน่วยงานใด 11.

ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บนั ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี

ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 12. ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่งเสริ มสนับสนุนควรเป็ น อย่างไร 13. ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ประเด็นคําถามชุดทีสาม 1. ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด 2. ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง 3. ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs

6 4. ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด 5. ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ใน การประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิ น สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน 6. ในการทําธุ รกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ 7. ท่านคิดว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร 8. ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

7 รายชือผู้ให้ สัมภาษณ์ 1) นายพยุงศักดิ ชาติสุทธิผล

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กรรมการในคณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม 2) นายกริชชัย อรุ ณวงษ์ ณ อยุธยา

กรรมการในคณะกรรมการส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 3) นายธานินทร์ ผะเอม

รองเลขาธิ การคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผูแ้ ทนกรรมการในคณะกรรมการ ส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 4) นายอัคคพล เสนาณรงค์

ผูอ้ าํ นวยการสถาบันวิจยั เกษตรวิศวกรรม สถาบันวิจยั เกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการเกษตร กรรมการ โดยตําแหน่งในคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 5) นายอาทิตย์ วุฒิคะโร

รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการในคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาด กลางและขนาดย่อม 6) นายปิ ยะชนก ลิมปะพันธุ์

ทีปรึ กษารัฐมนตรี ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการในคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 7) นายชัยพร ชยานุรักษ์

รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 8) นางวิมลกานต์ โกสุ มาศ

รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 9) นางสาวปณิตา ชินวัตร

รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

8 10) นายกุญณจักษณ์ ภู่สาร

ผูป้ ฏิบตั ิงานของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 11) นายนิมติ ร วงศ์ จันทร์

ผูป้ ฏิบตั ิงานของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 12) นายอนิรุทธ์ โซ๊ ะประสิ ทธิ

นักวิชาการศึกษา คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ศูนย์การศึกษาชลบุรี 13) นางสาวณัฐธิดา สุ ภาพงษ์

เจ้าของกิจการร้านอาหาร อําเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี 14) นายเกียรติคุณ แบบประเสิ ริฐ

ผูจ้ ดั การ Invictus Sport Club จังหวัดชลบุรี 15) นายประจิน ดวงรัศมี

เจ้าของกิจการดวงรัศมี กะลามะพร้าว จังหวัดระยอง 16) นายสุ มติ ร เขียวขจี

ประธานหอการค้าจังหวัดตราด 17) นายอภิชาติ วิสุทธิเสรีวงศ์

ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดจันทบุรี 18) นางสาวสายใจ ชัยศิขริน

เจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรสปาเพือความงาม กลุ่มบ้านสวนสมุนไพรชัยศิขริ น จังหวัดลําพูน 19) นางสมศรี พิทกั ษ์

ประธานผลิตภัณฑ์ขนมทําจากงา “ขนมงา” กลุ่มงานเพือสุขภาพ บ้านทุ่งกองมู จังหวัดแม่ฮ่องสอน 20) นายอนันต์ จันทรพันธุ์

เจ้าของธุรกิจสาเปเปอร์ จํากัด จังหวัดลําปาง 21) นางดรุ ณี แวเด็ง

เจ้าของธุรกิจร้านดรุ ณีผา้ ฝ้ าย จังหวัดเชียงใหม่

9 22) นายกิจชัย กิจภิญโญ

ประธานหอการค้าจังหวัดแพร่ 23) นายอนุวตั ร ภูวเศรษฐ

ประธานหอการค้าจังหวัดลําปาง 24) นางสาวเขมินทรา รุ วริ จินดานวกุล

เจ้าของกิจการร้านขายของ ทีเพลินวาน จังหวัดเพชรบุรี 25) นายอรรธพล หมานสนิท

พนักงานในกิจการการผลิตและจัดจําหน่าย อําเภอเทพา จังหวัดสงขลา 26) นายวิชาญ จินตฤทัย

เจ้าของธุรกิจ ร้านบางกอกประดับยนต์ จังหวัดภูเก็ต 27) นายบุญธรรม มะโนเพ็ชร

เจ้าของธุรกิจกะลามะพร้าวบ้านหน้าถํา จังหวัดสงขลา 28) นายมานิตย์ กวีรัตน์

ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสตูล 29) นายสุ ทศั น์ เลิศมโนรัตน์

ประธานหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ ธานี 30) นางสาวจําปา ปื นโก

พนักงานร้านสยามเนสคอฟฟี กาแฟสด หน้าแม็คโครลาดพร้าว 31) นางปราณี ถิรวงศ์ ชัยพันธุ์

เจ้าของกิจการ ในอาคารพันธ์ทิพย์พลาซ่า ถนนเพชรบุรี จังหวัดกรุ งเทพฯ 32) นางสาวเสฏฐินี กองศุข

เจ้าของกิจการ Step 1 Cafe หมู่บา้ นสหกรณ์ จังหวัดกรุ งเทพฯ 33) นางสาวสุ ภาวดี รุ หะสิ ริ

เจ้าของกิจการร้านขายอาหาร หมู่บา้ นสหกรณ์ จังหวัดกรุ งเทพฯ

10 34) นายธนัญ (ไม่ อนุญาตให้ ระบุนามสกุล)

กรรมการสภาอุตสาหกรรม จังหวัดกรุ งเทพฯ 35) นางสาวจันทร์ จรั ส ตังเทียนชัย

เจ้าของกิจการห้างหุน้ ส่ วนจํากัด สหกิจแทรคอิควิปเมนท์ ถนนรองเมือง 5 จังหวัดกรุ งเทพฯ 36) นางสาวขนิษฐา เจตโรจนานนท์

เจ้าของกิจการร้านขายเสื อผ้า OVILA ซอยรองเมือง 5 จังหวัดกรุ งเทพฯ 37) นางอรพรรณ วงศ์ พสิ ุ ทธิไพศาล

เจ้าของธุรกิจบริ ษทั A.O.P วงศ์ จํากัด 38) นายกรกวิน นิธิพงษ์ โกวิท

หุน้ ส่ วนบรษัทไอดีล บิลเดอร์ จํากัด จังหวัดกรุ งเทพฯ 39) นายสุ รนาม พานิชการ

เจ้าของธุรกิจบริ ษทั โทฟุซงั จํากัด จังหวัดกรุ งเทพฯ 40) นายธนพันธ์ วงศ์ ชินศรี

กรรมการผูจ้ ดั การบริ ษทั ทัชพ้อยท์ พาวเวอร์ จํากัด 41) นางทองศิริ ปุกแก้ ว

ผลิตภัณฑ์ผา้ ทอ กลุ่มสตรี ทอผ้าชุมชนที 2 จังหวัดสกลนคร 42) นางกฤษณี สนันทอง

หัวหน้ากลุ่มวิสาหกิจและเจ้าของกิจการเสื อผ้าเครื องแต่งกายสามมุข จังหวัดชลบุรี 43) นายดรงค์ อภิชนตระกูล

หุน้ ส่ วนผูจ้ ดั การ หจกใขอนแก่นศรัณย์ จังหวัดขอนแก่น 44) นายบุญมี สุ ระโคตร

หัวหน้ากลุ่มศูนย์ขา้ วกล้องงอกชุมชน จังหวัดศรี สะเกษ 45) นายสาโรช คํารัตน์

เจ้าของธุรกิจยาสี ฟันสมุนไพรไชโย จังหวัดอุบลราชธานี

11 46) นายสมพร สี หาวงษ์

ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดอํานาจเจริ ญ 47) นายสวาท ธีระรั ตนนุกลู ชัย

ประธานหอการค้า จังหวัดอุดรธานี 48) นายวสั นต์ แก้ วศิริบณ ั ฑิต

ประธานหอการค้า จังหวัดเลย 49) ไม่ อนุญาตให้ ระบุชือผู้ให้ สัมภาษณ์

กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จังหวัดนครปฐม 50) นางกมลชนก สุ ขยานี

เจ้าของกิจการฟาร์ มไก่และบ่อปลา อําเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี 51) นางอังคณา ถิตตยานุรักษ์

เจ้าของกิจการและพนักงานร้านขายของ ตลาดนําอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 52) นายวิวชิ ชัย เชียวชาญ

เจ้าของธุรกิจ บริ ษทั บ้านชมนาดสมุนไพรสด สปา แอนด์ อโรมา จังหวัดนนทบุรี 53) นายพะเยาว์ กรุ่ นทอง

ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดสิ งห์บุรี 54) นายสิ ทธิพงษ์ เจียมศรีพงษ์

ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดพิจิตร 55) นายกุณฑล ปูรณวัฒนกุล

รองเลขาธิการหอการค้า จังหวัดราชบุรี 56) นายสุ พจน์ ประสงค์ สุขสั นต์

ประธานหอการค้า จังหวัดสิ ห์บุรี

12 บทสั มภาษณ์ ที 1 นายพยุงศั กดิ ชาติสุทธิ ผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย กรรมการในคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม (ตอบแบบสั มภาษณ์ โดยตัวแทนของสภาอุตสาหกรรมแห่ งประเทศไทย) สั มภาษณ์ วนั ที 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้างของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ทีท่านเป็ นองค์ประกอบอยูม่ ีความเหมาะสมใน แง่ของสัดส่วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ และกรรมการโดยตําแหน่งหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่มีความเหมาะสม ทางสภาอุตสาหกรรมฯ เห็นว่า สัดส่ วนผูแ้ ทนของภาคเอกชนยังน้อยไป เมือเปรี ยบเทียบกับกิจกรรมของ สสว. ทีมีการดําเนิ นงานกับภาคเอกชนเป็ นหลัก จึ งมีความคิดเห็นว่าควรเพิม สัดส่ วนของภาคเอกชนในคณะกรรมการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มี ความแตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : แตกต่างกันดังตารางเปรี ยบเทียบต่อไปนี คณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs

คณะกรรมการบริ หาร สสว.

1. กําหนดนโยบายและแผนการส่ งเสริ ม SME เพือเสนอขอ 1. พิจารณาอนุ มตั ิ การดําเนิ นการของสํานักงาน เพือเสนอให้ ความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

คณะกรรมการพิจารณา

2. กําหนดลักษณะของกิ จการอืนตามมาตรา 3 เสนอต่อ 2. เสนอแนะและให้ความเห็นต่อคณะกรรมการและรัฐมนตรี รัฐมนตรี เพือดําเนินการประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ในเรื องทีเกียวกับ SMEs

3. กําหนดลักษณะของ SMEs ตามมาตรา 4 เสนอต่อรัฐมนตรี 3. อนุ มตั ิแผนการดําเนิ นงาน แผนการเงินและงบประมาณที ในการออกกฎกระทรวง

สํานักงานจะดําเนินการในแต่ละปี

4. เสนอรายงานเกียวกับสถานการณ์ของ SMEs ของประเทศ 4. กําหนดนโยบายและควบคุ ม ดูแ ลการบริ ห ารกองทุ นของ ต่อคณะรัฐมนตรี และจัดให้มีการเผยแพร่ รายงานดังกล่าวต่อ สํานักงาน สาธารณะชนอย่างน้อยปี ละหนึงครัง

5. พิจารณาจัดสรรเงินกองทุนเพือใช้ในกิจการทีได้กาํ หนดไว้

5. พิจารณาให้ความเห็นชอบแผนปฏิ บตั ิของ SMEs ตาม 6. ออกข้อบังคับเกียวกับการบัญชี และการเงินของสํานักงาน

13 คณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs มาตรา 37

คณะกรรมการบริ หาร สสว. 7.ออกข้อบังคับว่าด้วยการจัดแบ่งส่ วนงาน การบริ หาร และ

6. ให้คาํ แนะนําแก่ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ การปฏิบตั ิงานของสํานักงาน หรื อองค์การเอกชนทีเกียวข้องในการปฏิ บตั ิตามแผนปฏิ บตั ิ 8. กํา หนดจํา นวน ตํา แหน่ ง ระยะเวลาจ้า ง อัต ราเงิ น เดื อ น ของ SMEs ตามมาตรา 37 มาตรา 38 และมาตรา 39

ค่าจ้าง และเงินอืนของพนักงานและลูกจ้าง

7. เสนอแนะมาตราการด้านการเงิน การคลัง การภาษีอากร 9. ออกข้อ บัง คับ ว่ า ด้ว ยการบรรจุ การแต่ ง ตัง การกํา หนด หรื อด้านอืนเพือส่ งเสริ มการปฏิบตั ิตามนโยบายและแผนการ ตํา แหน่ ง การกํา หนดอัต ราเงิ น เดื อ นหรื อ ค่ า จ้า ง การเลื อน SMEs ต่อส่ วนราชการ หน่ วยงานของรัฐ หรื อรัฐวิสาหกิจที เงิ นเดื อนหรื อค่าจ้าง การออกจากงาน วินัย การลงโทษ และ เกียวข้อง

การอุทธณ์การลงโทษทางวินยั การร้องทุกข์ของพนักงานและ

8. เสนอให้ ม กฎหมาย หรื อให้ มี ก ารแก้ ไ ขเพิ มเติ ม หรื อ ลูกจ้าง รวมทังการบริ หารงานบุคคลโดยทัวไป ปรั บ ปรุ ง กฎหมายเกี ยวกับ การ

SMEs ต่ อ ส่ ว นราชการ 10. อ อ ก ข้ อ บั ง คั ย ว่ า ด้ ว ย ก า ร คั ด เ ลื อ ก ผู ้ อ ํ า น ว ย ก า ร การปฏิบตั ิงานของผูอ้ าํ นวยการ และการมอบให้ผอู ้ ืนรักษาการ

หน่วยงานของรัฐหรื อรัฐวิสาหกิจทีเกียวข้อง

9. กํ า หนดมาตรการเพื อเสริ มสร้ า งความร่ วมมื อ และ แทนหรื อปฏิบตั ิการแทนผูอ้ าํ นวยการ ประสานงานระหว่ า งส่ วนราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ 11. ออกข้อบังคับว่าด้วยสวัสดี การหรื อการสงเคราะห์อืนแก่ รัฐวิสาหกิจ องค์การเอกชนทังในและต่างประเทศ และองค์กร พนักงานและลูกจ้าง ระหว่า งประเทศในการส่ งเสริ ม SMEs

ในประเทศและ 12. วางระเบี ยบกําหนดหลักเกณฑ์ เงื อนไข และวิธีก ารกูย้ ืม

ต่างประเทศ

เงินและการให้กยู้ มื เงิน รวมทังการลงทุนการให้ความอุดหนุน

10. กํากับการดําเนินงานของคณะกรรมการบริ หาร

13. วางระเบียบเกี ยวกับอํานาจหน้าทีและวิธีการบริ หารหรื อ

11. ปฏิ บ ัติ ก ารอื นใดตามที กฎหมายกํา หนดให้ เ ป็ นอํา นาจ จัดการกองทุนของผูจ้ ดั การกองทุน หน้าทีของคณะกรรมการ

14. วางระเบียบการรับและเบิกจ่ายเงินของกองทุน 15. จัดทํารายงานการรับและการจ่ายเงินของกองทุนเพือเสนอ ต่อคระกรรมการ

ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการทีท่านเป็ นองค์ประกอบตามทีกําหนดไว้ในกฎหมาย จัดตังมีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สําหรับคณะกรรมการส่ งเสริ มฯ อํานาจหน้าทีเหมาะสมอยูแ่ ล้ว ส่ วนคณะกรรมการบริ หารสสว. นัน ในทางปฏิบตั ิผแู ้ ทนสภาอุตสาหกรรมฯ จะทําหน้าทีในลักษณะเป็ นทีปรึ กษา ซึ งเป็ นตําแหน่งทีไม่มีการนับ คะแนนเสี ยงในการลงมติของทีประชุม ทางสภาอุตสาหกรรมฯ เห็นว่าแผนการดําเนิ นงานต่างๆ ทีออกมาเป็ น

14 เรื องเกียวเนื องกับภาคเอกชนเป็ นหลัก ดังนันในฐานะตัวแทนของภาคเอกชน จึงควรมีอาํ นาจทีจะสามารถออก เสี ยงในทีประชุมได้ดว้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของสสว.ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไ ขปั ญ หาและอุ ป สรรคอย่า งไร เช่ น ประเด็น การทํางานเป็ นที ม และการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัยใหม่มาใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บตั ิ งาน การทํางานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ประการทีหนึ ง หลักเกณฑ์ กฎระเบียบต่างๆ ขาดความยืดหยุน่ อาทิ การจัดทําข้อเสนอโครงการ ภายใต้แผนปฏิ บตั ิ การฯ ของ สสว. รายละเอียดจะต้องอยู่ในยุทธศาสตร์ และแผนงาน ของ สสว. เท่านัน ไม่ สามารถกําหนดข้อความหรื อกิจกรรมทีแตกต่างออกไปได้เลย ซึ งบางครังไม่ได้ตรงกับความต้องการทีแท้จริ ง ของผูป้ ระกอบการ แต่หน่วยงานร่ วมก็จาํ เป็ นต้องปรับให้ตรงกับหลักเกณฑ์ของ สสว. เป็ นหลัก เพือโครงการ จะได้รับการพิ จารณา ประการที สอง สสว. จะมี การแจ้งเรื องมายังหน่ วยร่ วมเพื อให้ดาํ เนิ นงานนันๆ ด้ว ย ระยะเวลาทีกระชันชิ ดมาก ในเกื อบจะทุกเรื อง ทังการนัดหมายประชุม, การขอข้อมูล หรื อการนําส่ งข้อเสนอ โครงการ ประการทีสาม สสว. ขาดการเผยแพร่ ขอ้ มูลข่าวสารทีได้ทาํ การวิจยั และศึกษา ไปยัง SMEs เพือนํา ข้อมูลไปก่อให้เกิ ดประโยชน์ต่อไป

อาทิ ความรู ้ ในการทําโครงการต่างๆ ซึ งเป็ นลิ ขสิ ทธิ ของ สสว. หรื อ

คู่มือต่างๆ ทีให้หน่ วยร่ วมจัดทํา เมือนําส่ งไปยัง สสว. แล้วข้อมูลก็จะไม่ปรากฏให้ทราบโดยทัวกัน ทังทีเป็ น ข้อมูลทีมีประโยชน์ จึงอยากให้นาํ ออกมาเผยแพร่ ประการทีสี เงือนไข กฎระเบียบ และหลักเกณฑ์ในการขอรับ ข้อมูล มีความยุง่ ยากและซับซ้อน ทําให้ผทู้ ีต้องการศึกษาข้อมูล ได้รับข้อมูลมาไม่ทนั ต่อสถานการณ์ ประการที ห้า การติดต่อประสานงานกับ สสว. ยากลําบาก เจ้าหน้าทีหรื อคณะทํางานพร้อมเบอร์ โทรศัพท์เปลียนแปลงบ่อย จนการประสานงานไม่สะดวกต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปัจจุบนั ปัจจัยใดทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของคณะกรรมการฯ ทีท่านเป็ น องค์ประกอบอยู่ หรื อการทํางานของ สสว.

15 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : การเปลียนแปลงผูบ้ ริ หารและนโยบายบ่อย

ทําให้ระดับการปฏิ บตั ิ งานไม่ต่อเนื อง อีกทัง

กลุ่มเป้ าหมายทีจะให้ความช่วยเหลือไม่ชดั เจนและไม่ต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การบริ หารจัดการกองทุนของ สสว. ทีมี การให้หน่ วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิ บตั ิการ ขึ นมาให้ สสว. พิ จ ารณาให้เ งิ น สนับ สนุ น มี ค วามเหมาะสมหรื อไม่ เมื อเปรี ย บเที ย บกับ การที สสว. เป็ น ผูร้ ิ เริ มโครงการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่า สสว. ควรดําเนินการในสองลักษณะคือ Top Down Strategic Planning และ Bottom Up Strategic Planning ซึ งเป็ นการทํางานทัง 2 ทาง เพือให้การจัดทํากรอบยุทธศาสตร์ และแผนการทํางาน สอดคล้องกันทังระดับนโยบายของ สสว. และความต้องการทีแท้จริ งของผูป้ ระกอบการ เพราะทีผ่านมา สสว. จัด ทํา กรอบยุ ท ธศาสตร์ แ ละแนวทางการดํา เนิ น งานพร้ อ มกลุ่ ม เป้ าหมายเอง โดยไม่ ไ ด้ส อบถามจาก ผูป้ ระกอบการ หรื อหากมีการจัดประชุมเพือขอความเห็น แต่ในทางปฏิบตั ิกไ็ ม่ได้ครอบคลุมเนื อหาทังหมดทีจัด ประชุ ม หรื อข้อมูลที ผูป้ ระกอบการเสนอไปบางข้อมู ลก็ไม่ ได้ถูก บรรจุ ไว้ในยุทธศาสตร์ ของ สสว. ดังนัน การดําเนิ น งานทัง 2

ทางควบคู่ ก ัน จะทํา ให้ก ารทํา งานมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพมากขึ นและเกิ ด ประโยชน์ ต่ อ

ผูป้ ระกอบการสูงสุด ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า ในปั จ จุ บ ัน กองทุ น ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs สามารถส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น ใน ํ ก การให้ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั สัดส่ วนการใช้จ่ายเงินกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนินการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : การกํา หนดสั ด ส่ ว นการใช้จ่ า ยเงิ น กองทุ น ในประเด็ น ดัง กล่ า วควรให้เ ป็ นดุ ล ยพิ นิ จ ของ คณะกรรมการ

16 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ทาง สสว. จะต้องมีการประชาสัมพันธ์การขอใช้เงินกองทุนให้ภาคเอกชน หรื อผูป้ ระกอบการให้ ทราบให้มากกว่านี ซึ งปั จจุบนั ทางหน่วยร่ วมหรื อผูป้ ระกอบการ จะรอยืนโครงการเพือขอใช้งบประมาณตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs ประจําปี ซึ งสามารถยืนได้ปีละ 1 ครังเท่านัน และนอกเหนื อจากวิธีการดังกล่าว ทางหน่ วยร่ วมหรื อผูป้ ระกอบการ ก็ไม่ทราบว่า วิธีการจะขอเงิ นใช้เงิ นกองทุน ต้องยืนอย่างไร แบบฟอร์ ม เอกสารเป็ นอย่างไร อีกทัง สสว. ควรจัดทําแนวทางของการใช้งบกองทุนอย่างชัดเจน ให้รับทราบทัวกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร โดย ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ควรประสานงานร่ วมมือกับสถาบันวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอุตสาหกรรมการ ผลิต (SMI) ซึ งเป็ นหน่วยงานภายใต้สภาอุตสาหกรรมฯ ทีมีหน้าทีดูแลผูป้ ระกอบการ SMEs ทีเป็ นสมาชิกของ สภาอุตสาหกรรม โดยมีแนวทางส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMES ใน 5 ด้าน ดังนี - Productivity - Marketing - Finance - Innovation - ปั จจัยเอืออืนๆ

17

โดยมีแผนงานคร่ าวๆ ดังนี แนวทางการส่ งเสริมของ

แผนงาน

SMI 1.Productivity

1.1 โครงการพัฒนาเครื องจักรไทย ทดแทนการนําเข้า 1.2 ยกระดับผูป้ ระกอบการภาคการผลิต ในพืนทีจังหวัดชายแดนใต้ เพือ สร้างสันติสุขกลับคืนสู่ ภูมิภาค (ไม้ยางพารา และอาหารฮาลาล) 1.3 โครงการเพิมขีดความสามารถการแข่งขันเรื องรู ปแบบเครื องหนัง เพือสร้าง ภาพลักษณ์และมูลค่าตราสิ นค้า ของผูป้ ระกอบการ SMEs ไทยสู่ ตลาดโลก 1.4 โครงการเพิมประสิ ทธิภาพในการดําเนินธุรกิจด้านสต็อกสิ นค้า OTOP ประเภทผลิตภัณฑ์ ของใช้และของทีระลึกในประเทศไทยสู่ AEC โดยการใช้มาตรฐานสากล GS1 1.5 โครงการ Workshop สัญจร ให้ความรู ้และปรับปรุ งโลจิสติกส์ภายในองค์กร

2. Marketing

2.1 โครงการมหกรรมสิ นค้าอาหารฮาลาลของจังหวัดชายแดนใต้

3. Finance

3.1 โครงการพัฒนาความรู ้ดา้ นการบริ หารการเงิน ในภาวะวิกฤต และการเข้าถึงแหล่งทุนของ SMEs

4. Innovation

4.1 โครงการคูปองนวัตกรรม

5. ปัจจัยเอืออืนๆ

5.1 โครงการสร้างและพัฒนาวิทยากรและผูเ้ ชียวชาญภาคอุตสาหกรรม 5.2 โครงการให้ความรู ้เกียวกับ HS Code กับการใช้สิทธิประโยชน์ทางการค้า และการนําเข้า ส่ งออกสิ นค้า สําหรับ AEC 5.3 โครงการส่ งเสริ มผูป้ ระกอบการ SMEs สร้างความเป็ นมิตรต่อสิ งแวดล้อม 5.4 โครงการร่ วมมือสร้างซัพพลายเชนสําหรับอุตสาหกรรมต่อเรื อและซ่อมเรื อไทย

18 ทังนี นอกจากแผนงานดังกล่าว ทางสถาบัน SMI ได้มีการจัด CEO Forum กับผูป้ ระกอบการในจังหวัดต่างๆ เพือรับฟังปั ญหาและอุปสรรคของการดําเนินธุรกิจ เพือนํามาจัดทําแผนงานช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ เป็ นอาทิ ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ตามที สภาอุตสาหกรรมฯ ทราบ ทาง สสว. มี ยุทธศาสตร์ ในการส่ งเสริ ม SMEs

ที จะใช้

ประโยชน์จากการเปิ ด AEC โดยการจัดประชุม อบรม สัมมนาต่างๆ เกียวกับ AEC รวมถึงเป็ นผูแ้ ทนประเทศ ไทยเข้าไปประชุมในคณะกรรมการคณะต่างๆ ของ AEC

ด้วย แต่ทงนี ั ผลการจากเข้าร่ วมประชุม ไม่ได้มี

การเผยแพร่ หรื อถ่ายทอดข้อมูลให้กบั บุคคลทัวไปทราบ จึงไม่ทราบข้อมูลผลการประชุมในแต่ละคราว หรื อ ความคืบหน้าต่างๆ ว่าเป็ นอย่างไรบ้างแล้ว รวมถึงหัวข้ออบรมสัมมนาให้ความรู ้ค่อนข้างจะซําเดิม หรื อการเก็บ ข้อมูล ทํา Focus Group เพือเก็บข้อมูลผลกระทบจากผูป้ ระกอบการจัดทําบ่อยครังพอสมควร แต่ยงั ไม่มีรายงาน หรื อสรุ ปผลให้ผปู้ ระกอบการรับทราบ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มสนับสนุนควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรจัดทําแนวทางการส่ งเสริ มอย่างชัดเจน ทังแผนระยะสันและระยะยาว ซึ งไม่ใช่ เพียงแค่ ยุทธศาสตร์ แต่ตอ้ งมีแผนงานออกมาอย่างเป็ นรู ปธรรม เพือทางหน่วยร่ วมหรื อผูป้ ระกอบการ จะได้เตรี ยมตัวได้ ถูกต้อง ทังนี การส่ งสริ มและสนับสนุน SMEs สภาอุตสาหกรรมฯ เห็นว่า ภาครัฐควรจะดูแลผูป้ ระกอบการ SMEs ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ไม่ใช่เลือกเพียงอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ งทีมีผลทางเศรษฐกิจเท่านัน ทัง ภาคการผลิต ภาคการค้า และบริ การ ตลอดจนควรสนับสนุนและพัฒนา SMEs ในเชิงคลัสเตอร์ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความเห็น

19 บทสั มภาษณ์ ที 2 นายกริชชัย อรุ ณวงษ์ ณ อยุธยา กรรมการในคณะกรรมการส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม สั มภาษณ์ วนั ที 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ :

ท่ านคิ ดว่าโครงสร้ างของคณะกรรมการส่ งเสริ ม

SMEs

ที ท่านเป็ นองค์ประกอบอยู่มี

ความเหมาะสมในแง่ของสัดส่ วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ และกรรมการโดยตําแหน่งหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมดีแล้ว เนืองจากคณะกรรมการดังกล่าวมีนายกรัฐมนตรี เป็ นประธาน ซึงในทาง ปฏิ บตั ิ นายกรั ฐมนตรี ก็ได้มอบหมายให้รองนายกรั ฐมนตรี ทีเกี ยวข้องโดยตรงกับการส่ งเสริ ม SMEs เป็ น ผูเ้ ข้าร่ วมประชุม มี กรรมการโดยตําแหน่ งที ประกอบไปด้วยรัฐมนตรี และปลัดกระทรวงทีเกี ยวข้องโดยตรง ตลอดจนผูบ้ ริ หารสูงสุ ดของหน่วยงานทีช่วยส่ งเสริ ม SMEs ส่ วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิกม็ าจากการรับรองโดย องค์กรทีเกียวข้องเป็ นกลุ่ม SMEs ส่งมาเป็ นตัวแทน เช่น สมาคมก่อสร้าง เป็ นต้น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มี ความแตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ :

แตกต่ างกัน โดยคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs

ทําหน้าทีวางนโยบายและกํากับ ดูแล

คณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมอี กที หนึ ง ขณะนี ในการประชุ ม คณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ก็มีการบูรณาการองค์ความรู ้ ความเชี ยวชาญกันมากยิงขึน เช่น กรณี การวาง นโยบายแก้ไขปั ญหาการขึ นค่าแรงขันตํา 300 บาท ในส่ วนภูมิภาค ซึ งก่ อให้เกิ ดผลเสี ยหายต่อองค์กรธุ รกิ จ มากมาย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการทีท่านเป็ นองค์ประกอบตามทีกําหนดไว้ในกฎหมาย จัดตังมีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมดีแล้ว

20 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของสสว.ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไ ขปั ญ หาและอุ ป สรรคอย่า งไร เช่ น ประเด็น การทํางานเป็ นที ม และการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่ างๆ ภายในองค์ก ร ระบบการจัด การความรู ้ การนํานวัต กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัย ใหม่ ม าใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บ ตั ิ งาน การทํา งานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ยังคงมี บทบาทน้อย ซึ งมี ปัญหาและอุปสรรคคืองบประมาณสนับสนุ นจากภาครั ฐน้อย เกิ นไป และยังไม่สามารถบูรณาการหน่ วยงานทีเกี ยวข้องจากกระทรวงทบวงกรมต่างๆ ให้ทาํ งานประสาน ความร่ วมมือกันได้เท่าทีควร ผู้สัมภาษณ์ :

ท่านคิ ดว่าในปั จจุ บนั ปั จจัยใดที เป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของคณะกรรมการฯ ที ท่านเป็ น

องค์ประกอบอยู่ หรื อการทํางานของ สสว. ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจัยทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ได้แก่ การจัดสรรงบประมาณของหน่วยงาน และ การนัดประชุมคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ซึ งขณะนี สามารถจัดประชุมได้เพียงประมาณปี ละ 2 ครัง จึงอาจ กํากับดูแล สสว. ได้ไม่ทนั ต่อสถานการณ์ ควรมีการจัดประชุมอย่างน้อย 2 เดือนครัง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การบริ หารจัดการกองทุนของ สสว. ที มี การให้หน่ วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิ บตั ิการ ขึ นมาให้ สสว. พิ จ ารณาให้เ งิ น สนับ สนุ น มี ค วามเหมาะสมหรื อไม่ เมื อเปรี ย บเที ย บกับ การที สสว. เป็ น ผูร้ ิ เริ มโครงการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นประโยชน์ต่อการส่ งเสริ ม SMEs ทังสองวิธีการ กล่าวคือ สสว. ควรเป็ นทังผูก้ าํ หนดทิศทาง ให้หน่วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิบตั ิการขอรับเงินสนับสนุน และหากมีประเด็นทีสําคัญซึ ง สสว. คาดการณ์ได้วา่ เหมาะสมในการส่ งเสริ ม SMEs สสว. ก็ควรเป็ นผูร้ ิ เริ มการให้เงินสนับสนุนในประเด็นนัน ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า ในปั จ จุ บ ัน กองทุ น ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs สามารถส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น ใน การให้ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ ก

21 สัดส่ วนการใช้จ่ายเงินกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนินการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ให้ความช่วยเหลือแก่ผปู ้ ระกอบการ SMEs ได้นอ้ ย เนืองจากยังไม่มีงบประมาณมาสนับสนุนอย่างเพียงพอ จึงยังไม่เห็นผลงานเป็ นรู ปธรรมมากนัก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : เป็ นอํา นาจหน้า ที ของคณะกรรมการบริ ห าร สสว. ที จะพิ จ ารณารายละเอี ย ดการกํา หนด หลักเกณฑ์ต่างๆ ซึ งหากมีกรณี ทีไม่โปร่ งใส คณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ก็จะเข้ามากํากับดูแลด้วยการแต่งตัง คณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริ ง อีกทังคณะกรรมการส่งเสริ ม SMEs ยังได้พยายามหากลยุทธ์เป็ นนโยบาย สร้างแรงจูงใจให้คณะกรรมการบริ หารฯ และ สสว. เองไปปฏิบตั ิดว้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร โดย ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คณะกรรมการส่งเสริ ม SMEs เพียงให้กรอบนโยบายเพือให้คณะกรรมการบริ หาร สสว. นําไป ทําให้มีผลบังคับใช้

22 ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายภาครัฐดังกล่าวทําให้ สสว. มีภาระหน้าทีมากยิงขึน เช่น ขณะนี สสว. อยูร่ ะหว่างเจรจา ให้ความช่ วยเหลื อการคําประกันงานในธุ รกิ จก่ อสร้ าง ซึ งจะช่ วยสร้ างความเข้มแข็งให้แก่ ผูป้ ระกอบการใน การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน เป็ นต้น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มสนับสนุนควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรจะต้องมี การส่ งเสริ ม SMEs มากกว่านี เพราะเป็ นหน่ วยธุ รกิ จที มีจาํ นวนมากทีสุ ดของ ประเทศ แต่จะทําได้เป็ นผลดีก็ตอ้ งอาศัยงบประมาณทีมากกว่านีด้วยเช่นกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความเห็น

บทสั มภาษณ์ ที 3 นายธานินทร์ ผะเอม รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติ ตัวแทนกรรมการใน คณะกรรมการส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ :

ท่ านคิ ดว่าโครงสร้ างของคณะกรรมการส่ งเสริ ม

SMEs

ที ท่านเป็ นองค์ประกอบอยู่มี

ความเหมาะสมในแง่ของสัดส่ วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ และกรรมการโดยตําแหน่งหรื อไม่ อย่างไร

23 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมดี แล้ว เนื องจากตนเองเห็นว่าไม่จาํ เป็ นต้องมีสัดส่ วนของกรรมการประเภท ผูท้ รงคุณวุฒิมากกว่ากรรมการโดยตําแหน่ง หากแต่กรรมการผูท้ รงคุณวุฒิจะต้องมีคุณสมบัติเป็ นผูเ้ ชียวชาญใน สาขาทีเกียวข้องกับการส่ งเสริ ม SMEs อย่างแท้จริ ง และสามารถให้ความเห็น วินิจฉัยเหตุผลในการวางนโยบาย ต่างๆ เสนอทีประชุมได้ เช่น ควรมีผแู ้ ทนจากภาคอุตสาหกรรม ภาคการท่องเทียวและบริ การ ภาคเทคโนโลยี การผลิต การออกแบบผลิตภัณฑ์ลายผ้าและเครื องแต่งกาย เป็ นอาทิ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มี ความแตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : แตกต่างกัน โดยคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs ทําหน้าทีกําหนดทิศทางและวิธีการดําเนิ นงาน โดยกว้าง เพือให้คณะกรรมการบริ หาร สสว. ทําหน้าทีประสานงานควบคุมกํากับดูแลตัวสํานักงานอีกทีหนึ ง และคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs อาจมีการประชุมไม่บ่อยครั ง แต่การจัดเตรี ยมวาระการประชุมจะต้องมี ประสิ ทธิ ภาพ ส่ วนคณะกรรมการบริ หาร สสว. จําเป็ นต้องมีการประชุมทุกเดือน เพือพิจารณาในรายละเอียด มากขึน ทังนี ประสิ ทธิ ผลของอํานาจหน้าทีดังกล่าวย่อมเกิดจากความน่าเชื อถือในตัวองค์กรด้วย เปรี ยบเทียบ กับการทํางานของสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีหน้าทีเสนอนโยบายให้รัฐบาลนําไปดําเนิ นการ ให้เกิ ด ผลสัม ฤทธิ แต่ เป็ นการทํา งานคนละระดับ กัน และสภาพัฒ นาการเศรษฐกิ จ และสัง คมแห่ ง ชาติ ก็มี สํานักงานประเมินผลของการวางนโยบายไว้อย่างชัดเจน ในขณะทีการประเมินผลการวางนโยบายของ สสว. ยัง ไม่ชดั เจน และหากคณะกรรมการบริ หาร สสว. มีมติให้เพิมทุนส่ งเสริ ม SMEs ในประเด็นใด โดยไม่มีการขอ อนุ ม ัติ ป ระเด็น นันต่ อ คณะกรรมการส่ ง เสริ ม SMEs

ก็ย่อ มเป็ นมติ ที ไม่ ช อบด้ว ยกฎหมาย และทํา ให้

ความน่าเชือถือขององค์กรลดน้อยลง เป็ นต้น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการทีท่านเป็ นองค์ประกอบตามทีกําหนดไว้ในกฎหมาย จัดตังมีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมดีแล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไ ขปั ญ หาและอุ ป สรรคอย่า งไร เช่ น ประเด็น การทํางานเป็ นที ม และการประสานงานระหว่า ง

24 หน่ วยงานต่ างๆ ภายในองค์ก ร ระบบการจัด การความรู ้ การนํานวัต กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัย ใหม่ ม าใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บ ตั ิ งาน การทํา งานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั ญหาเรื องความโปร่ งใสและวินยั ความเชื อมโยงกับเครื อข่ายอย่างมี ประสิ ทธิ ภาพ ตลอดจน การติดตามประเมินผล ซึ งแม้ สสว. จะไม่ใช่หน่วยปฏิบตั ิ แต่ก็สามารถจัดทําในลักษณะโครงการนําร่ องทีช่วย ส่ งเสริ ม SMEs ได้ โดยจะต้องทํางานประสานความร่ วมมือกับทังภาครัฐและเอกชนมากกว่านี ผู้สัมภาษณ์ :

ท่านคิ ดว่าในปั จจุ บนั ปั จจัยใดที เป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของคณะกรรมการฯ ที ท่านเป็ น

องค์ประกอบอยู่ หรื อการทํางานของ สสว. ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ฝ่ ายเลขานุ ก ารของคณะกรรมการจะต้อ งเสนอวาระที ตรงประเด็น ซึ งหลายเรื องต้อ งการ ความชัดเจนและพิจารณาลําดับความสําคัญอย่างแท้จริ ง สําหรับปั จจัยทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. เห็ นว่า เนื องจากแต่ ล ะองค์ก รที ทําหน้าที ส่ ง เสริ มสนับ สนุ นธุ ร กิ จควรมี ก ลุ่ มลู กค้า ที แตกต่ างกัน แต่ ขณะนี การส่ งเสริ ม SMEs มีทงที ั เป็ นลักษณะของหนึ งตําบลหนึงผลิตภัณฑ์ (OTOP) วิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs อืนๆ ซึ งการส่ งเสริ มจะอยูใ่ นอํานาจหน้าทีหน่วยงานภาครัฐต่างๆ อันจะต้องร่ วมมือกันจัดทําฐานข้อมูลไว้ให้ชดั เจน และต้องศึกษาให้รู้แน่ชดั ว่าธุ รกิจลักษณะใด ควรให้ความช่วยเหลืออย่างไร อีกทังยังต้องให้ความช่วยเหลือทัน ต่อสถานการณ์ดว้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การบริ หารจัดการกองทุนของ สสว. ที มี การให้หน่ วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิ บตั ิการ ขึ นมาให้ สสว. พิ จ ารณาให้เ งิ น สนับ สนุ น มี ค วามเหมาะสมหรื อไม่ เมื อเปรี ย บเที ย บกับ การที สสว. เป็ น ผูร้ ิ เริ มโครงการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ความเหมาะสมขึนอยู่กบั ความโปร่ งใสในการพิจารณาให้ทุนสนับสนุ น โดยแผนการส่ งเสริ ม SMEs จะต้องบอกได้วา่ จะใช้กองทุนดังกล่าวเป็ นเครื องมืออย่างไร เพือให้ สสว. ดําเนินการประสานข้อมูลกับ ผูร้ ับบริ การให้เข้าใจว่าจะมาทํางานร่ วมกันประการใดบ้าง และการให้เงินช่วยเหลือนัน สสว. หรื อหน่วยงานร่ วม ให้เงินช่วยเหลือจะยอมรับความเสี ยงทีอาจเกิดขึนได้มากน้อยเพียงใด

25 ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า ในปั จ จุ บ ัน กองทุ น ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs สามารถส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น ใน การให้ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ ก สัดส่ วนการใช้จ่ายเงินกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนินการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ปั จ จุ บ ัน กองทุ น ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs

ยัง ไม่ ค่ อ ยได้น ํา มาใช้ป ระโยชน์ ใ นการให้

ความช่วยเหลือแก่ผปู ้ ระกอบการ SMEs ทังนี ผูร้ ับบริ การทีต้องการความช่วยเหลือจาก สสว. มีจาํ นวนมาก แต่ สสว. จะต้อ งทราบแน่ ชัด ว่ า ผู ้รั บ บริ การเหล่ า นั นต้อ งการเงิ น ช่ ว ยเหลื อ เพื อใช้ ใ นวัต ถุ ป ระสงค์ ใ ด ซึ ง ตัวผูป้ ระกอบการ SMEs เองอาจไม่ทราบถึงช่องทางการบริ หารจัดการเงินทีได้รับความช่วยเหลือ สสว. ก็ควร ประสานความร่ วมมื อให้สมาคมส่ งเสริ มผูป้ ระกอบการวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ งประเทศไทย (สสวท.) ช่ วยอบรมช่ องทางการบริ หารจัดการดังกล่าวด้วย ตลอดจน สสว. ควรอาศัยแผนยุทธศาสตร์ เป็ น เครื องมือในการทํางานประสานความร่ วมมือให้เงินช่วยเหลือผ่านช่องทางของธนาคารพาณิ ชย์ โดยที สสว. เป็ น ผูป้ รับปรุ งนโยบายอย่างต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิงประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนิ นการ ร่ วม กิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนเกียวกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs ซึ ง สสว. ไม่ ควรดําเนินการให้ความช่วยเหลือเงินอุดหนุนเองโดยตรง สสว. ควรไปประสานความร่ วมมือกับเครื อข่ายต่างๆ แล้วคอยติดตามประเมินผลการดําเนินงานของหน่วยงานเครื อข่ายนันๆ ส่ วนประเด็นการสร้างแรงจูงใจ จะเห็น ได้ว่าในทางปฏิ บตั ิผูร้ ั บบริ การอยากมารับบริ การจาก สสว. อยู่แล้ว เพียงแต่ สสว. จะต้องพิจารณาว่าตนควร

26 อํานวยความสะดวกให้พวกเขาอย่างไร เช่น สสว. ควรประสานงานกับหน่ วยงานอืนๆ เพือให้หน่วยงานนันๆ เป็ นพีเลียงให้กบั SMEs เป็ นอาทิ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร โดย ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อาศัยยุทธศาสตร์ ต่างๆ เป็ นเครื องมือประสานเครื อข่ายในการทํางานส่ งเสริ ม SMEs ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และ สสว. มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นไปโดยสอดคล้องกับนโยบายของประเทศ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มสนับสนุนควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : จะต้องมี การลดอุปสรรคในการประกอบธุ รกิ จมากขึ น โดย สสว. ควรสนับสนุ นเรื องข้อมูล ข่าวสารสําหรับผูป้ ระกอบธุรกิจ มีการส่งเสริ มการค้าชายแดนมากยิงขึน และ สสว. จะต้องพัฒนาศักยภาพของ ตนเองอย่างสมําเสมอ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่สนับสนุนให้มีการแก้ไขกฎหมาย หากแต่ควรพิจารณาอย่างถ่องแท้วา่ กฎหมายจัดตัง สสว. ให้ อํานาจ สสว. มาเพือวัตถุประสงค์ใด แล้วบริ หารจัดการอํานาจหน้าทีนันอย่างเหมาะสม

27 บทสั มภาษณ์ ที 4 นายอัคคพล เสนาณรงค์ ผู้อํานวยการสถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม สถาบันวิจัยเกษตรวิศวกรรม กรมวิชาการ เกษตร กรรมการโดยตําแหน่ งในคณะกรรมการบริหารสํ านักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม สั มภาษณ์ วนั ที 24 ตุลาคม 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้างของคณะกรรมการบริ หาร สสว. ทีท่านเป็ นองค์ประกอบอยูม่ ีความเหมาะสม ในแง่ของสัดส่ วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ และกรรมการโดยตําแหน่งหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เนื องจากการวินิจฉัยและมีมติทีประชุ มจะอาศัยเหตุผลชี แจงสนับสนุ นเป็ นสําคัญมากกว่าใช้ วิธีการลงคะแนนเสี ยง ดังนันสัดส่ วนของกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิและกรรมการโดยตําแหน่งทีเป็ นอยูใ่ นปั จจุบนั จึงไม่มีผลกระทบต่อการดําเนินงาน แต่ความเชียวชาญของผูแ้ ทนหน่วยงานซึ งเป็ นกรรมการโดยตําแหน่ง หรื อ กรรมการผูท้ รงคุณวุฒิจะมีผลมากกว่า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มี ความแตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : แตกต่ า งกัน โดยเป็ นเหมื อ นระบบราชการ คณะกรรมการบริ หารฯ เที ย บได้ก ับ ระดับ ปลัด กระทรวง ส่ ว นคณะกรรมการส่ ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อ ม เที ย บได้ก ับ รั ฐ มนตรี ใน บางเรื องคณะกรรมการบริ หารฯ ไม่ ส ามารถตัด สิ น ใจได้เ อง ก็ ค วรให้ ค ณะกรรมการส่ ง เสริ มฯ เป็ น ผูต้ ัด สิ น ใจ จะตัด คณะใดคณะหนึ งไปไม่ ไ ด้ เพราะคณะกรรมการส่ ง เสริ ม ฯ จะต้อ งมี ผูช้ ่ ว ยกลันกรองคื อ คณะกรรมการบริ หารฯ จะใช้อาํ นาจโดยตรงมาจากผูอ้ าํ นวยการ สสว. เลยไม่ได้ และคณะกรรมการส่ งเสริ มฯ จะมีอาํ นาจหน้าทีพิจารณาเรื องทีสําคัญมากเท่านันบางเรื องอาจทําให้ล่าช้าบ้าง เช่น เรื องการแต่งตังผูอ้ าํ นวยการ สสว. หรื อการบริ หารจัดการงบประมาณซึงเกินอํานาจทีผูบ้ ริ หาร สสว. จะตัดสิ นใจเอง การแก้ปัญหาก็ควรปรับ หลักเกณฑ์กาํ หนดวงเงินทีคณะกรรมการบริ หารมีอาํ นาจอนุมตั ิให้กว้างขวางมากขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการทีท่านเป็ นองค์ประกอบตามทีกําหนดไว้ในกฎหมาย จัดตังมีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร

28 ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : อํา นาจหน้ า ที เกื อ บจะซําซ้ อ นกัน ระหว่ า งคณะกรรมการส่ ง เสริ มฯ กับ คณะกรรมการ บริ ห ารฯ แต่ บ างเรื องมี ค วามจํา เป็ นที จะต้อ งส่ ง ให้ค ณะกรรมการส่ ง เสริ ม ฯ พิ จ ารณาด้ว ย หลัง จากที ผ่า น การพิจารณาของคณะกรรมการบริ หารฯ แล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไ ขปั ญ หาและอุ ป สรรคอย่า งไร เช่ น ประเด็น การทํางานเป็ นที ม และการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่ างๆ ภายในองค์ก ร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัต กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัย ใหม่ ม าใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บ ตั ิ งาน การทํา งานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : บทบาทของ สสว. ยังไม่ค่อยเหมาะสมนัก เนื องจาก สสว. ควรเป็ นเสมือนผูก้ าํ หนดนโยบาย เสนอรั ฐบาล เป็ นผูน้ าํ ในเชิ งนโยบายดังเช่ นในอดี ตที สภาพัฒนาการเศรษฐกิ จและสังคมแห่ งชาติ เป็ นผูว้ าง นโยบายให้กบั รั ฐบาล แต่ ทีผ่านมาเมื อพิ จารณาจากงบประมาณและผลการดําเนิ นงาน สสว. ยังปฏิ บตั ิ งาน ดังกล่ า วไม่ มากนัก ทิ ศ ทางไม่ ชัดเจน แต่ ข ณะนี สสว. ได้พ ยายามปฏิ บ ัติ ง านในการวางนโยบายและแผน ยุทธศาสตร์ มากยิงขึน ซึ งต้องอาศัยระยะเวลาในการปรับปรุ งการปฏิบตั ิงาน สสว. ควรส่ งเสริ ม SMEs ใน ภาพรวมของประเทศโดยเสนอนโยบายใหญ่ๆ ไม่ใช่เป็ นผูส้ ่ งเสริ ม SMEs โดยตรง ทังนี การที สสว. สังกัด กระทรวงอุตสาหกรรมก็ไม่ได้มีผลให้การปฏิบตั ิงานของ สสว. ขาดประสิ ทธิ ภาพ หรื อหากจะย้ายหน่ วยงาน ต้นสังกัดก็ไม่ได้ทาํ ให้ สสว. ปฏิบตั ิงานได้มีประสิ ทธิ ภาพมากขึน ผู้สัมภาษณ์ :

ท่านคิ ดว่าในปั จจุ บนั ปั จจัยใดที เป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของคณะกรรมการฯ ที ท่านเป็ น

องค์ประกอบอยู่ หรื อการทํางานของ สสว. ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจัยทีเป็ นอุปสรรคของคณะกรรมการบริ หารฯ คือความต่อเนื องของกรรมการแต่ละท่าน ซึ ง ต้องเปลียนตามแต่ละช่วงเวลาและดุลยพินิจของผูบ้ งั คับบัญชาทีจะเห็นว่าผูใ้ ดเหมาะสมเป็ นผูแ้ ทนหน่ วยงาน เพือให้มาดํารงตําแหน่งในคณะกรรมการ และการสรรหาผูอ้ าํ นวยการ สสว. ยังทําได้ยาก เนื องจากงบประมาณ เงินเดือนผูอ้ าํ นวยการ สสว. มีให้จาํ นวนไม่มาก ในขณะทีคุณสมบัติของบุคคลทีมีสิทธิ สมัครมีขอ้ จํากัดมากทัง การกําหนดอายุของผูส้ มัคร และประสบการณ์การทํางานของผูส้ มัคร

29 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การบริ หารจัดการกองทุนของ สสว. ทีมีการให้หน่ วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิบตั ิการ ขึ นมาให้ สสว. พิ จ ารณาให้เ งิ น สนับ สนุ น มี ค วามเหมาะสมหรื อไม่ เมื อเปรี ย บเที ย บกับ การที สสว. เป็ น ผูร้ ิ เริ มโครงการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ประเด็นการให้เงินทุนซึ งจะเป็ นกรณี ที สสว. เป็ นผูร้ ิ เริ มโครงการหรื อไม่กต็ าม ไม่ใช่หน้าทีหลัก ของ สสว. เพียงแต่จาํ เป็ นต้องมีไว้เป็ นเรื องเสริ มในระบบราชการ สสว. ไม่สามารถให้เงินทุนแก่ SMEs ได้ทงั ประเทศ เพราะเงินกองทุนของ สสว. มีนอ้ ยมาก และ สสว. ควรเป็ นหน่วยงานวิจยั ทําแผนยุทธศาสตร์ มากกว่า ควรใช้เงินกองทุนไปในกรณี ทีเหมาะสมทีสุ ด เช่น กรณี สนับสนุน SMEs ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ใน โครงการตามพระราชดําริ การส่งเสริ มการท่องเทียวซึ งมีหน่วยงานอืนร้องขอมา เป็ นอาทิ ผู้สัมภาษณ์ :

ท่านคิ ดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุ นใน

การให้ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ ก สัดส่ วนการใช้จ่ายเงินกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนินการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เงินกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถช่วยเหลือ SMEs ได้เพียงเฉพาะกลุ่ม เพราะมี จํานวนน้อยมาก ดังนัน เงินกองทุนจึงควรใช้ไปเพือให้เกิดนโยบายเสนอรัฐบาลให้สนับสนุน SMEs โดยผ่าน งบประมาณภาครั ฐตามปกติ ทีไม่เกี ยวข้องกับกองทุนนี เลย และเพือให้รัฐบาลนํานโยบายนันไปดําเนิ นการ นโยบายของ สสว. จะต้องมีประสิ ทธิ ภาพและสามารถนํามาซึ งประสิ ทธิ ผลได้ เช่น จะมีการปรับปรุ งหลักเกณฑ์ การเสี ยภาษีอย่างไร จะช่วยเหลื อเยียวยาผูป้ ระกอบการอันเนื องมาจากการขึนค่าแรงขันตําอย่างไร การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน รัฐบาลควรช่วยเหลือ SMEs ในการปรับตัวอย่างไร โดย สสว. จะต้องเร่ งดําเนิ นการ เสนอนโยบายให้ทนั ต่อสถานการณ์และเป็ นผูน้ าํ ในการปรับปรุ งเปลียนแปลง โดยทีขณะนี สสว. ได้ประสาน ขอความร่ วมมือกับ World Bank ให้ช่วยเหลือการจัดทําแผนยุทธศาสตร์ ฉบับต่อไปด้วย

30 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่จาํ เป็ นต้องไปสร้างแรงจูงใจ เนื องจากการให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือ SMEs ไม่ควรเป็ น หน้าทีหลักของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร โดย ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs

ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้

ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : พยายามทําให้แผนยุทธศาสตร์ มีประสิ ทธิ ภาพปฏิบตั ิได้จริ งมากทีสุ ด ให้ผรู้ ับผิดชอบของ สสว. จัดทําโครงการทีจะนํามาซึ งนโยบายทีเหมาะสม เพือให้รัฐบาลนําไปกระจายนโยบายให้หน่ วยงานภาครั ฐที เกี ยวข้องปฏิบตั ิตาม การมี สสว. เป็ นเรื องทีดี เพราะ สสว. มีคณะกรรมการส่ งเสริ มฯ ทีมีนายกรัฐมนตรี เป็ น ประธาน และมีกระทรวงต่างๆ เข้ามาร่ วมตัดสิ นใจในนโยบายการส่ งเสริ ม SMEs ด้วย แต่ควรลดการให้ทุน สนับสนุนต่างๆ เพราะอาจไปขัดผลประโยชน์กบั หน่วยงานภาครัฐอืนๆ แม้กระทังการพิจารณาแทนหน่วยงาน ภาครัฐอืนๆ ในการให้ทุนสนับสนุ นก็ไม่เหมาะสม และ สสว. ควรมีศูนย์ขอ้ มูลในส่ วนภูมิภาค เพือไม่ให้ถูก บิดเบือนข้อมูล ไม่ใช่เน้นการลงทุนในแต่ละจังหวัด แต่จะต้องดําเนิ นการศึกษาวิจยั ให้ได้ขอ้ มูลมาแก้ไขปั ญหา การส่ งเสริ ม SMEs ได้สอดคล้องกับสภาพสังคมแต่ละท้องถินตามความเป็ นจริ ง ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายภาครัฐในปั จจุบนั ทีมองว่า สสว. ควรเป็ นผูเ้ สนอนโยบายในการส่ งเสริ ม SMEs นัน ถูกต้องเหมาะสมดีแล้ว ส่ วนกรณี การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน สสว. ก็ได้ประสานกับ World Bank เพือ จัดทําแผนยุทธศาสตร์ ในอีกห้าปี ข้างหน้าให้เหมาะสมยิงขึน

31 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่งเสริ มสนับสนุนควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : การส่ งเสริ ม SMEs ในปั จจุบนั และอนาคตจะต้องมีการแยกนิ ยาม SMEs ให้ชดั เจนก่อนเป็ น อันดับแรก แล้วจึงควรวางนโยบายการส่ งเสริ ม SMEs ให้ชดั เจนในแต่ละกลุ่ม เช่น กลุ่มการท่องเทียว กลุ่ม บริ การด้านการแพทย์ เป็ นอาทิ การส่ งเสริ ม SMEs อาจไม่จาํ เป็ นต้องแยกประเภทเป็ นกิจการผลิต ค้าปลีก ค้าส่ ง หรื อบริ การ เพราะหนึงกิจการอาจทําได้หลายกิจกรรมการดําเนินงาน โดยศึกษาเปรี ยบเทียบกับหลักการกําหนด นิ ยาม SMEs ของต่างประเทศเป็ นสําคัญ และขณะนี สสว. ก็ได้ศึกษาวิจยั โดยให้มหาวิทยาลัยท้องถินเป็ น หน่วยงานร่ วม ในการหาวิธีการส่ งเสริ ม SMEs ทีเหมาะสมในแต่ละท้องถิน และจะต้องเสนอด้วยว่าหน่วยงาน ภาครัฐใดควรเป็ นผูล้ งมือปฏิบตั ิให้สอดคล้องกับนโยบาย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : กฎหมายจัดตัง สสว. ไม่ค่อยมีประเด็นในการแก้ไขเพิมเติมมากนัก แต่อยูท่ ีการบังคับใช้กฎหมาย มากกว่าทังการสรรหาคณะกรรมการ และผูอ้ าํ นวยการ

บทสั มภาษณ์ ที 5 นายอาทิตย์ วุฒิคะโร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการในคณะกรรมการบริหารสํ านักงานส่ งเสริม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 30 ตุลาคม 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้ างของคณะกรรมการ ทีท่านเป็ นองค์ประกอบอยู่มีความเหมาะสมในแง่ของ สัดส่ วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ และกรรมการโดยตําแหน่งหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เดิมกรมส่ งเสริ มอุตสาหกรรมเป็ นผูส้ ่ งเสริ ม SMIs (Small and Medium Industries) ต่อมาได้ เปลียนเป็ นคําว่า SMEs (Small and Medium Enterprises) และได้มีการจัดตัง สสว. ขึน โดยตัวผูใ้ ห้สมั ภาษณ์เอง

32 ก็เป็ นผูร้ ่ วมยกร่ างพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 อันเป็ นกฎหมายจัดตัง สสว. เนื องจากมีหน่ วยงานทังภาครั ฐและภาคเอกชนที ช่ วยส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs

ซึ งบางส่ วนก็มี

ความซําซ้อนกัน หรื อไม่มีอาํ นาจหน้าทีอย่างแท้จริ งแต่มาดําเนินการส่ งเสริ ม SMEs สสว. จึงมีวตั ถุประสงค์ใน การจัดตังคล้ายเป็ นสภาพัฒนาเศรษฐกิ จและสังคมของ SMEs

เป็ นผูเ้ สนอนโยบาย แผนงานโครงการใน

การส่ งเสริ ม SMEs ให้หน่วยงานอืนๆ ทังภาครัฐและเอกชนทีเกียวข้องนําไปปฏิบตั ิ ตลอดจนเป็ นหน่วยงานเชิง กํากับ แต่หากเห็นว่าการส่ งเสริ ม SMEs มีประเด็นทีสําคัญและจําเป็ นอย่างยิง โดยเฉพาะในช่วงระยะเวลาทีเกิด วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจดังเช่นในช่วงปี พ.ศ. 2540 และสึ นามิในประเทศไทย เป็ นต้น แต่หน่ วยงานนันๆ ยัง ขาดงบประมาณ สสว. ก็มีกองทุนส่ งเสริ ม SMEs คอยให้เงินช่วยเหลือเติมเต็มงบประมาณทีขาดไป ซึ งไม่ใช่ หน้าทีหลัก และในพระราชบัญญัติดงั กล่าวก็ได้กาํ หนดโครงสร้างของคณะกรรมการไว้สองคณะกรรมการ คือ คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมมี จํานวนมากเกินไป ควรมีการกําหนดรายละเอียดคุณสมบัติของกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิทงสองคณะกรรมการไว้ ั ในกฎหมายให้ชดั เจน ครอบคลุมความเชียวชาญหลากหลายสาขาทีเกียวข้องกับ SMEs อย่างแท้จริ ง เช่น ภาค การค้า บริ การ การท่องเทียว ฯลฯ มีความเป็ นอิสระปราศจากการแทรกแซงทางการเมืองและข้าราชการประจํา ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มี ความแตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ต่างกันโดยคณะกรรมการบริ หาร สสว. จะเป็ นผูก้ ลันกรองเสนอคณะกรรมการพิจารณานโยบาย ในภาพรวม ซึ งจําเป็ นต้องมีคณะกรรมการทังสองชุด เพือการพิจารณาวาระต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ในปั จจุบนั ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการทีท่านเป็ นองค์ประกอบตามที กําหนดไว้ในกฎหมาย จัดตังมีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่เหมาะสม อยากให้มีการจํากัดอํานาจในการพิจารณาเรื องการให้เงินช่วยเหลือจากกองทุน ส่ งเสริ ม SMEs คือต้องให้การช่วยเหลือเฉพาะในกรณี ทีจําเป็ นอย่างยิงเท่านัน ส่ วนการจัดทํานโยบายส่ งเสริ ม SMEs คณะกรรมการควรมุ่งพิจารณาให้เป็ นอํานาจหน้าทีหลัก

33 ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า บทบาทของสสว.ในปั จ จุ บ ัน เป็ นอย่า งไร มี ปั ญ หาและอุ ป สรรคใดบ้า ง และควรมี แนวทางการแก้ไขปั ญหาและอุปสรรคอย่างไร เช่ น ประเด็นการทํางานเป็ นทีมและการประสานงานระหว่าง หน่ วยงานต่ างๆ ภายในองค์ก ร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัต กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัย ใหม่ ม าใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บ ตั ิ งาน การทํา งานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรปรับปรุ งระบบบริ หารงานภายในหน่วยงาน สสว. ให้เข้มแข็งมากขึน เพือดําเนิ นการจัดทํา นโยบายส่งเสริ ม SMEs ทีมีประสิ ทธิ ภาพจนทําให้หน่วยงานต่างๆ ยอมรับและปฏิบตั ิตามนโยบายนันๆ ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า ในปั จ จุ บ ัน ปั จ จัย ใดที เป็ นอุ ป สรรคต่ อ การทํา งานของคณะกรรมการฯ ที ท่ า นเป็ น องค์ประกอบอยู่ หรื อการทํางานของ สสว. ผู้ให้ สัมภาษณ์ : โครงสร้างองค์ประกอบของคณะกรรมการบริ หาร สสว. ยังไม่สมดุล เนืองจากตัวแทนกรรมการ ผูท้ รงคุณวุฒิยงั ไม่หลากหลายเท่าทีควร ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การบริ หารจัดการกองทุนของ สสว. ที มี การให้หน่ วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิ บตั ิการ ขึ นมาให้ สสว. พิ จ ารณาให้เ งิ น สนับ สนุ น มี ค วามเหมาะสมหรื อไม่ เมื อเปรี ย บเที ย บกับ การที สสว. เป็ น ผูร้ ิ เริ มโครงการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ทีผ่านมากองทุนส่ งเสริ ม SMEs ดําเนินการในลักษณะตังรับมาโดยตลอด ด้วยการให้ประชาชน ยืนเสนอแผนหรื อโครงการเข้ามาขอรับความช่วยเหลือ ซึ งยังไม่เหมาะสม ควรจะเปลียนเป็ นการทํางานเชิงรุ ก และบูรณาการความร่ วมมือกับหลายหน่วยงานทีเกียวข้อง โดย สสว. จะชีนําโครงการเพือให้หน่วยงานปฏิบตั ิ มาขอรับเงินสนับสนุนตามโครงการที สสว. ได้วเิ คราะห์ขอ้ มูลแล้วว่าสามารถนําเงินสนับสนุนไปดําเนินการให้ เกิดประโยชน์อย่างเหมาะสม ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า ในปั จ จุ บ ัน กองทุ น ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs สามารถส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น ใน ํ ก การให้ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั สัดส่ วนการใช้จ่ายเงินกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนินการก่อตัง

34 ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : สสว. จะไม่ ใ ช้ปี งบประมาณเป็ นเกณฑ์ก ารจัด สรรงบประมาณ แต่ ใ ช้ปี ปฏิ ทิ น เนื องจาก วัตถุ ประสงค์ของการจัดตังหน่ วยงานไม่ได้ประสงค์จ ะให้ สสว. เป็ นผูจ้ ดั สรรงบประมาณให้เงิ นช่ วยเหลื อ ประชาชนโดยตรง หากแต่จะให้เงิ นอุดหนุ นเฉพาะกรณี ทีหน่ วยงานต่างๆ ได้รับงบประมาณไม่เพียงพอและ จําเป็ นต้องขอรั บความสนับสนุ นจาก สสว. และระยะเวลาในการให้ความช่วยเหลือก็จะต้องรอให้หน่ วยงาน ต่างๆ ดําเนินการโดยตนเองก่อน หากขาดเหลือจึงจะมาขอจาก สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่จาํ เป็ นต้องไปสร้างแรงจูงใจ เนื องจากการให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือ SMEs ไม่ควรเป็ น หน้าทีหลักของ สสว. ส่วนหน้าทีหลักของ สสว. คือการกําหนดนโยบายและแผนเพือการส่ งเสริ ม SMEs โดยที นโยบายต่างๆ ควรเน้นการให้ความช่วยเหลือวิสาหกิจขนาดย่อมมากทีสุ ด เพือให้เติบโตเป็ นวิสาหกิจขนาดกลาง ซึ งประเทศไทยยังมีอยูเ่ ป็ นจํานวนน้อย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร โดย ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มาตรการตามแผนยุทธศาสตร์ ดงั กล่าว ควรเป็ นไปโดยคํานึ งถึงทรัพยากรของ สสว. เองทีมีอยู่ อย่างจํากัด ทังด้านบุคลากร ผูเ้ ชียวชาญ งบประมาณต่างๆ งานทีไม่เหมาะสมทีจะดําเนินการด้วยตนเองก็ควรจ้าง

35 ผูม้ ีส่วนเกียวข้องภายนอกองค์กร โดย สสว. จะต้องเขียนข้อกําหนดการจ้าง (TOR) ให้เหมาะสมสอดคล้องกับ ความจําเป็ นในแต่ละสถานการณ์ ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และ สสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เหมาะสมมาก แต่จะต้องมีโครงการในลักษณะบูรณาการแต่ละหน่วยงานมาร่ วมมือกันเป็ นคู่ๆ เพือไม่ให้การส่งเสริ ม SMEs มีความซําซ้อน แต่จะต้องต่อยอดนโยบายร่ วมกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครั ฐในการส่ งเสริ มสนับสนุ นควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายภาครัฐควรสามารถนํามาดําเนิ นการให้เป็ นรู ปธรรมชัดเจน มี ตวั ชี วัดทีดี ทําให้ GDP ของประเทศเพิมสูงขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ประเด็นทีหนึ งอํานาจหน้าทีของ สสว. โดยเฉพาะเรื องกองทุนส่ งเสริ ม SMEs ให้การให้เงินกู้ การจัดตังกิ จการ ร่ วมทุน ต้องมี ขอบเขตช่ วยเหลื อเฉพาะโครงการที เป็ นการส่ งเสริ ม นวัตกรรมใหม่ๆ และ บูร ณาการความร่ วมมื อกับ หลายหน่ ว ยธุ ร กิ จ และพิ จารณาจัด สรรโครงการในเชิ งรุ กมากกว่ากึ งหนึ งของ โครงการในลักษณะตังรับ ต้องเชิญชวนหน่วยงานทีเกียวข้องเข้ามาร่ วมมือกัน ไม่ใช่ให้หน่วยงานต่างๆ เสนอ โครงการเข้ามา แต่ สสว. จะต้องชี นํานโยบายโครงการที จะให้ความช่ วยเหลื ออย่างเหมาะสม บูรณาการ ไม่ ซํ าซ้ อ นกับ หน่ ว ยงานอื นๆ ที ช่ ว ยส่ ง เสริ มสนับ สนุ น SMEs และการกํา หนดคุ ณ สมบัติ ก ารสรรหา คณะกรรมการส่ งเสริ ม SMES และคณะกรรมการบริ หาร สสว. ประเภทกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ

36 บทสั มภาษณ์ ที 6 นายปิ ยะชนก ลิมปะพันธุ์ ทีปรึ กษารัฐมนตรี ว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการในคณะกรรมการบริ หาร สํ านักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 14 พฤศจิกายน 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้ างของคณะกรรมการ ทีท่านเป็ นองค์ประกอบอยู่มีความเหมาะสมในแง่ของ สัดส่ วนกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ และกรรมการโดยตําแหน่งหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมดี เพราะคณะกรรมการบริ หาร สสว. จะไม่ค่อยพิจารณาโดยการออกเสี ยงลงมติ แต่จะนําเสนอเหตุผล และชี แจงไปในภาพเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เนื องจากพันธกิจของ สสว. จะเกี ยวข้องกับ การส่ งเสริ ม SMEs ทุกภาคส่ วน ทังภาคการผลิต การค้า และการบริ การ อีกทังยังทํางานควบคู่ไปกับกรมส่ งเสริ ม อุตสาหกรรมด้วย จึงควรมีบุคลากรจากกระทรวงอุตสาหกรรม และสภาหอการค้าหรื อผูท้ ีเกียวข้องโดยตรงกับ สภาหอการค้าเข้าร่ วมเป็ นกรรมการมากขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มี ความแตกต่างกันหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ต่างกัน โดยคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs จะเป็ นผูข้ บั เคลือน SMEs ของประเทศในภาพรวมที ใหญ่มาก ในขณะทีคณะกรรมการบริ หาร สสว. จะทําหน้าทีขับเคลือน สสว. เพือการส่ งเสริ ม SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการทีท่านเป็ นองค์ประกอบตามที กําหนดไว้ในกฎหมาย จัดตังมีความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีวตั ถุประสงค์ในการจัดตังให้เป็ นองค์กรทีมีความเป็ นอิสระในการบริ หาร อํานาจหน้าที ในปั จจุบนั ของคณะกรรมการบริ หาร สสว. จึงมีความเหมาะสมแล้ว แต่เนืองจากสถานการณ์การดําเนินธุรกิจมี ความเปลียนแปลงอยูเ่ สมอ และ สสว. ได้รับงบประมาณสนับสนุนการส่งเสริ ม SMEs น้อย ทําให้คณะกรรมการ ทังสองคณะกรรมการจะต้องดําเนิ นการอย่างรวดเร็ วยิงขึน ซึ งขณะนี คณะกรรมการบริ หาร สสว. ก็ได้พยายาม แต่งตังคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจมาช่วยดําเนินการด้วย

37 ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า บทบาทของสสว.ในปั จ จุ บ ัน เป็ นอย่า งไร มี ปั ญ หาและอุ ป สรรคใดบ้า ง และควรมี แนวทางการแก้ไขปั ญหาและอุปสรรคอย่างไร เช่ น ประเด็นการทํางานเป็ นทีมและการประสานงานระหว่าง หน่ วยงานต่ างๆ ภายในองค์ก ร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัต กรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัย ใหม่ ม าใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บ ตั ิ งาน การทํา งานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : การประสานระหว่างหน่วยงานภายในองค์กรยังไม่ดีเท่าทีควร มีความขัดแย้งกันภายในองค์กร ทําให้ระบบการทํางานล่าช้ากว่าภาคราชการปกติ เพราะขาดความไว้วางใจกันภายในองค์กร อีกทังการกระจาย อัตรากําลังตามขอบข่ายหน้าทียังไม่เหมาะสม บางหน่วยงานมีบุคลากรมากเกินความจําเป็ น บางหน่วยงานมีนอ้ ย เกินกว่าจะบริ หารจัดการงานได้ รวมถึงการมีอนุบญั ญัติทีไม่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบนั ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า ในปั จ จุ บ ัน ปั จ จัย ใดที เป็ นอุ ป สรรคต่ อ การทํา งานของคณะกรรมการฯ ที ท่ า นเป็ น องค์ประกอบอยู่ หรื อการทํางานของ สสว. ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ประเด็ น ที หนึ งคื อ การกํา หนดให้ สสว. ดํา เนิ น การตามปี ปฏิ ทิ น มิ ใ ช่ ปี งบประมาณอย่า ง หน่ วยงานภาครั ฐอื นๆ ทําให้โครงการที ทําร่ วมกับหน่ วยงานภาครั ฐอืนๆ บริ หารจัดการงบประมาณได้ยาก ประเด็นที สองคื อ บุ คลากรของ สสว. ยังไม่ มีวฒ ั นธรรมองค์กรร่ วมกันและยังมี ความเข้าใจที คลาดเคลื อน เกียวกับทิศทางการปฏิบตั ิหน้าทีทีส่ งเสริ ม SMEs

ประเด็นทีสามคือ สสว. ยังไม่เป็ นทีรู้ จกั ของประชาชน

เนืองจากผลการดําเนินงานทีผ่านมา เพือแก้ปัญหาดังกล่าว สสว. จึงควรมีหน่วยงานส่ วนภูมิภาคอย่างน้อย 4 ภาค และกรุ งเทพฯ อีกหนึงแห่ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การบริ หารจัดการกองทุนของ สสว. ที มี การให้หน่ วยงานอืนๆ เสนอแผนปฏิ บตั ิการ ขึ นมาให้ สสว. พิ จ ารณาให้เ งิ น สนับ สนุ น มี ค วามเหมาะสมหรื อไม่ เมื อเปรี ย บเที ย บกับ การที สสว. เป็ น ผูร้ ิ เริ มโครงการให้เงินสนับสนุนจากกองทุนดังกล่าว ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ควรเป็ นผูร้ ิ เริ มโครงการต่างๆ ด้วยตนเอง เพราะหากรอให้มีผูเ้ สนอ การส่ งเสริ ม SMEs อาจล่าช้าเกินไป

38 ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า ในปั จ จุ บ ัน กองทุ น ส่ ง เสริ ม สนับ สนุ น SMEs สามารถส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น ใน การให้ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ ก สัดส่ วนการใช้จ่ายเงินกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนินการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ขณะนี รั ฐบาลยังคงอนุ มตั ิ งบประมาณในแต่ละปี ให้แก่ กองทุนน้อยมาก เมื อเปรี ยบเที ยบกับ เหตุผลและความจําเป็ นในการส่ งเสริ ม SMEs สสว. จึ งจําเป็ นต้องนําไปใช้เพียงบางประเด็นในการพัฒนา องค์ความรู ้และให้คาํ แนะนําแก่ผปู ้ ระกอบการ ทังนี สสว. ควรเร่ งพัฒนาความร่ วมมือกับทังภาครัฐและเอกชน เพืออาศัยงบประมาณจากภายนอก สสว. มาช่วยส่ งเสริ ม SMEs ด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ยังไม่ เ หมาะสม เนื องจากยังขาดกฎหมายหรื ออนุ บ ญ ั ญัติ เ กี ยวกับ การติ ด ตามตรวจสอบผล การให้เงินช่วยเหลือแก่ SMEs และในกรณี การร่ วมกิจการ หรื อร่ วมทุน กับภาคเอกชน ยังกําหนดหลักเกณฑ์ การใช้เ งิ นคื นไว้ไม่ ชัด เจน ทําให้ไม่ สามารถปฏิ บตั ิ งานได้อย่างถู กต้องเหมาะสม ส่ วนกลยุทธ์ ทีสํา คัญ ใน การสร้ างแรงจู งใจให้ผูร้ ั บบริ การเข้ามาขอเงิ นช่ วยเหลื อจากกองทุนคื อ สสว. จะต้องเร่ งประชาสัมพันธ์ให้ ประชาชนรู ้จกั และสร้างภาพลักษณ์ทีดีให้กบั องค์กรโดยเร็ วทีสุด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร โดย ครอบคลุมยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs

ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้

ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือ ระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร

39 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ขณะนี ยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กรเป็ นเรื องทีสําคัญทีสุ ด ส่ วนยุทธศาสตร์ อืนๆ ก็มีความสําคัญในลําดับรองลงมา ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และ สสว. มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายภาครัฐปั จจุบนั ควรให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs ทีพึงเริ มกิจการเป็ นสําคัญ สําหรับกรณี การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนนัน เห็นว่าโดยศักยภาพของผูป้ ระกอบการไทยมีขีดความสามารถเพียงพอ อยูแ่ ล้ว แต่ควรส่ งเสริ มเรื องความซื อสัตย์ของผูป้ ระกอบการ และการลดต้นทุนการผลิตด้านโลจิสติกด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครั ฐในการส่ งเสริ มสนับสนุ นควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายภาครัฐในอนาคตไม่ควรต้องให้เงินสนับสนุนแก่ผปู ้ ระกอบการมากนัก เพราะควรเป็ น หน้าทีโดยตรงของธนาคารพาณิ ชย์ทงหลาย ั แต่ควรบริ หารจัดการระบบต่างๆ ของภาครัฐให้เอือประโยชน์ต่อ การประกอบกิจการ SMEs มากทีสุด เช่น ปรับปรุ งกฎหมายและระเบียบต่างๆ ให้เหมาะสม ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : กฎหมายในการจัดตัง สสว. ควรมีเอกภาพ ปฏิบตั ิได้จริ ง สอดคล้องกับสถานการณ์ในปั จจุบนั

บทสั มภาษณ์ ที 7 รองผู้อาํ นวยการสํ านักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556

40 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้างของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปั จจุบนั มี ความเหมาะสมหรื อไม่อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เนื องจากโครงสร้างของ สสว. มีการเปลียนแปลงไปตามนโยบายของผูบ้ ริ หารองค์กรในแต่ละ วาระการดํา รงตํา แหน่ ง จึ ง ไม่ เ หมาะสมเท่ า ที ควร ควรจะต้อ งกํา หนดโครงสร้ า งตามหน้า ที องค์ก รใน พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ซึ งเป็ นกฎหมายทีจัดตัง สสว. ไว้ให้ ชัดเจนและเหมาะสมยิงขึน ประกอบกับกรณี นโยบายของรัฐทีจะให้ สสว. เป็ นศูนย์ขอ้ มูลแห่งชาติ แต่การจัดรู ป องค์กรได้มีการแบ่งแยกหน่วยงานทีทําหน้าทีเกียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศออกเป็ นหลายหน่วยงาน เช่น สํานัก ข้อมูลและวิจยั งานบริ การผูป้ ระกอบการในการจัดทําข้อมูลสมาชิกและให้บริ การสมาชิกทีเป็ นผูป้ ระกอบการ SMEs

เป็ นต้น ในขณะที ส่ วนงานที ทําหน้าที เผยแพร่ ขอ้ มูลข่าวสารประชาสัมพันธ์กลับมี อตั รากําลังของ

ผูป้ ฏิ บตั ิ งานน้อย หรื อกรณี การบริ หารจัดการกองทุนตามมาตรา 34 (2)

และ (3) ได้กาํ หนดให้อยู่ภายใต้

การบริ หารงานของสํานักสนับสนุนการเงินเพียงหน่วยงานเดียว ซึ งมีขอบเขตภาระหน้าทีกว้างขวางมาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ทีกฎหมายจัดตังกําหนดไว้มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่มีการกําหนดอํานาจหน้าที ของรองผูอ้ าํ นวยการไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม และควรมี การกระจายอํานาจการบริ หารหน่ ว ยงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ปั จจุบนั ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย และการดําเนิ นงานตามอํานาจหน้าที ของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ท่านอืน มีส่วนส่ งเสริ มสนับสนุน หรื อมีผลกระทบต่อการทํางาน หรื อการตัดสิ นใจของท่านหรื อไม่ มาก น้อยเพียงใด อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบเรื องความเป็ นอิสระทางด้านการบริ หารงาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิ ดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุ บนั เป็ นอย่างไร มี ปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมี แนวทางการแก้ไขปั ญหาและอุปสรรคอย่างไร เช่น ประเด็นการทํางานเป็ นทีมและการประสานงานระหว่าง หน่ วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัยใหม่มาใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บตั ิ งาน การทํางานซําซ้อนและขาดการประสาน

41 ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : บทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั ควรมีการดําเนินการตามแผนการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม มากยิงขึน โดยการประสานงานกับหน่วยงานอืนๆ ทังภายในและภายนอกองค์กร ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าปัจจัยใดทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ในปั จจุบนั ผู้ให้ สัมภาษณ์ : กฎหมายจัดตัง สสว. โดยเฉพาะการทีกฎหมายดังกล่าวได้กาํ หนดให้ สสว. เป็ นหน่ วยงานใน กํากับของกระทรวงอุตสาหกรรม เพราะ SMEs มีทงส่ ั วนภาคการผลิต ภาคการค้าและการบริ การ เทคโนโลยี และนวัตกรรม เป็ นต้น ซึ งหน่วยงานภาครัฐหลายหน่วยงานต่างก็เกียวข้องกับการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ด้ว ยทังสิ น จึ ง ควรให้ สสว. เป็ นหน่ ว ยงานในกํา กับ ของสํ า นั ก นายกรั ฐ มนตรี เพื อความคล่ อ งตัว ใน การบริ หารงานและการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐอืนๆ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิ ดว่าโครงสร้ างการบริ หารงานภายในองค์กรที แบ่ ง ออกเป็ น 4

กลุ่ มงาน ได้แก่ กลุ่ ม

ยุ ท ธศาสตร์ กลุ่ ม เครื อข่ า ยความร่ ว มมื อ กลุ่ ม ความช่ ว ยเหลื อ สนั บ สนุ น และกลุ่ ม บริ หารจัด การนั น มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่เหมาะสมเท่าทีควร โดยเฉพาะโครงสร้างการบริ หารภายในแต่ละกลุ่ม ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุนในการให้ ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ กสัดส่ วน การใช้จ่ายเงิ นกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนิ นการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ขณะนี ยังไม่มีนโยบายภาครั ฐทีกําหนดให้ สสว. สามารถดําเนิ นการตาม (1) ได้ เนื องจาก ภายหลังการจัดตัง สสว. ก็ได้มีการจัดตังธนาคารพัฒนาวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ขึนมาทําหน้าที นี

42 โดยตรง ส่ วน (3) เนื องจากเรื องการให้หน่วยงานภาครัฐร่ วมกิจการ หรื อร่ วมทุน กับเอกชน ยังเป็ นกรณี ทีต้อง อาศัยความรู ้ ความเชี ยวชาญเฉพาะด้าน ซึ ง สสว. เคยประสบปั ญหาข้อพิพาทจากการดังกล่าว จึ งต้องอาศัย ระยะเวลาพัฒนาบุคลากรให้มีความรู ้ความเชียวชาญอย่างแท้จริ ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่เหมาะสม เพราะ สสว. ยังไม่สามารถดําเนิ นการให้ครบถ้วนตามอํานาจหน้าทีทีกฎหมาย จัดตังหน่วยงานกําหนดไว้ได้ และมีความเห็นว่าควรจะเร่ งพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้มีความเชียวชาญใน การให้บริ การตามมาตรา 34 (1) (2) และ (3) ก่อนทีจะมีการสร้างแรงจูงใจให้ผรู ้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือ จากกองทุน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร ทัง ยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ให้ความสําคัญกับการส่ งเสริ ม SMEs เพือเป็ นกลไกหลักในการเสริ มสร้างความก้าวหน้าทาง เศรษฐกิจ สร้างรายได้ให้แก่ประเทศ เป็ นแหล่งการจ้างงานทีสําคัญ อีกทังยังเป็ นกลไกในการแก้ไขปั ญหา ความยากจนของประเทศ โดยการมุ่งจัดทําแผนการส่ งเสริ ม SMEs เชือมโยงสอดรับกับแผนต่างๆ ทีเกียวข้อง กับทัง 4 ยุทธศาสตร์ หลัก อันได้แก่ (1) ยุทธศาสตร์ สนับสนุนปั จจัยแวดล้อมให้เอือต่อการดําเนิ นธุ รกิจวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อมของไทย (2) ยุทธศาสตร์ เสริ มสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อมของไทย (3) ยุทธศาสตร์ ส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทยให้เติบโตอย่าง สมดุลตามศักยภาพของพืนที และ (4) ยุทธศาสตร์ เสริ มสร้างศักยภาพของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ของไทยให้เชือมโยงกับเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ผู้สัมภาษณ์ : ในการประสานงานเพือส่งเสริ มสนับสนุน SMEs ในส่ วนภูมิภาคท่านประสานงานกับหน่วยงานใด

43 ผู้ ใ ห้ สั มภาษณ์ : มหาวิ ท ยาลัย ในส่ ว นภู มิ ภ าค อุ ต สาหกรรมและพานิ ช ย์ จัง หวัด แต่ เ ห็ น ว่า สสว. เองควรมี การจัดตังหน่วยงานสาขาในส่ วนภูมิภาคด้วย ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เรื องนโยบายภาครัฐในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน ปั จจุบนั ยังไม่เห็นเป็ นรู ปธรรมมาก นักในประเทศไทย แต่ สสว. ได้เตรี ยมโครงการต่างๆ ไว้ เช่น AEC Ready เป็ นการเตรี ยมความพร้อมให้กบั SMEs ทียังไม่มีขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีอาเซี ยนเลย ตลอดจน SMEs ทีมีขีดความสามารถบ้างแล้ว ให้มีการเพิมขีดความสามารถมากขึน เช่น การอบรมความรู ้ดา้ นกฎหมาย และการลงทุน และการเข้าถึง AEC High Impact factor ด้วยการผลักดันให้มีการจดทะเบียนผูป้ ระกอบการมากขึน เพือจะได้ส่งเสริ ม SMEs อย่าง เป็ นระบบ และช่วยให้พฒั นา SMEs จากขนาดย่อม เป็ นขนาดกลาง เป็ นอาทิ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มสนับสนุ นควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : การผลักดัน GDP ของประเทศ ด้วยการส่งเสริ ม SMEs ในทุกระดับตามแผนการส่งเสริ ม SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ในประเด็นความเป็ นอิสระของหน่วยงาน กฎหมายลําดับรองเกียวกับหลักเกณฑ์การร่ วมกิจการ ร่ วมทุนตามมาตรา 34 (3) โดยควรกําหนดข้อยกเว้นความรับผิดของหน่วยงานของรัฐในการสนับสนุนตาม มาตรานี หากการบริ หารกิ จการประสบปั ญหาขาดทุน รวมถึ งการกําหนดองค์ประกอบของคณะกรรมการ ส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. ให้เหมาะสม

44 บทสั มภาษณ์ ที 8 รองผู้อาํ นวยการสํ านักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 17 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้างของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปั จจุบนั มีความเหมาะสมหรื อไม่อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ในการพิจารณาถึงโครงสร้างของ สสว. นัน แยกได้เป็ น 2 กรณี คือ 1. โครงสร้างโดยภาพรวม ของการบริ หารจัดการภาครัฐ เห็นว่า สสว. จะแตกต่างจากประเทศทีประสบความสําเร็ จในการส่ งเสริ ม SMEs เช่น ประเทศสหรัฐอเมริ กา สาธารณรัฐเกาหลีใต้ มาเลเซี ย ซึ งบางประเทศจะให้สาํ นักงานทีทําหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ขึนตรงกับนายกรัฐมนตรี หรื อประธานาธิ บดีโดยตรง เพราะการส่ งเสริ ม SMEs เป็ นเรื องสําคัญและ จําเป็ นต้องประสานงานข้ามหน่ วยงาน ทังด้านการเงิ นการธนาคาร การวิจยั และการพัฒนา ข้อมูลข่าวสาร (Information) ตลอดจนการพัฒนาผูป้ ระกอบการ (Entrepreneurship development) การพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Product Development) โดยทีผูป้ ระกอบการนันอาจเป็ นผูผ้ ลิต หรื อผูบ้ ริ การ หรื อผูค้ า้ ก็ได้ จึงไม่เหมาะสมที สสว. จะสังกัดกระทรวงใดกระทรวงหนึ ง 2. ในส่ วนโครงสร้างภายในองค์กร เห็นว่า สสว. เป็ นองค์กรทีมี ขนาดเล็กเกิ นไปสําหรับการบริ หารบุคลากร เพือให้ดาํ เนิ นการตามโครงการต่างๆ ทีต้องกระจายการส่ งเสริ ม SMEs ไปทัวทังประเทศไทยและประสานงานกับต่างประเทศด้วย แต่กลับไม่มี สสว. ศูนย์ภูมิภาคเลย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ทีกฎหมายจัดตังกําหนดไว้มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ผูบ้ ริ หารองค์กรส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศทีประสบความสําเร็ จในการส่ งเสริ ม SMEs มักมี สถานะเทียบเท่ารัฐมนตรี หรื ออยูใ่ นคณะรัฐมนตรี ในขณะทีผูอ้ าํ นวยการ สสว. ขณะนี ยังขาดความเป็ นอิสระ ในการบริ หารงานเนื องจากอยู่ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม แต่หากจะย้ายไปอยู่ภายใต้การกํากับดูแลของ กระทรวงพาณิ ชย์ก็ยงั ไม่เหมาะสม เนื องจากตัวชีวัดของกระทรวงพาณิ ยช์เป็ นเรื องการตลาดเป็ นส่ วนใหญ่ แต่ การพัฒนา SMEs ในปั จจุบนั จะต้องพัฒนาความเป็ นผูป้ ระกอบการทีประสบความสําเร็ จยังยืน ซึ งครอบคลุม ขอบเขตมากกว่าเรื องการตลาด

45 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย และการดําเนิ นงานตามอํานาจหน้าที ของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ท่านอืน มีส่วนส่ งเสริ มสนับสนุน หรื อมีผลกระทบต่อการทํางาน หรื อการตัดสิ นใจของท่านหรื อไม่ มาก น้อยเพียงใด อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ในสถานการณ์ปัจจุบนั ผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. มีความจําเป็ นอย่างยิงทีจะต้องมี วิสัยทัศน์ระยะยาว และสามารถจัดให้มีการร่ วมมื อประสานงานกันในแต่ละหน่ วยงาน และประสานเป็ น ขันตอนตามสายการบังคับบัญชา จากผูอ้ าํ นวยการ ผ่านรองผูอ้ าํ นวยการ ก่อนทีจะไปถึงสํานักงานต่างๆ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไขปั ญหาและอุ ปสรรคอย่างไร เช่ น ประเด็นการทํางานเป็ นที มและการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัยใหม่มาใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บตั ิ งาน การทํางานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจุบนั บทบาทของ สสว. ยังทํางานได้ไม่เต็มที ส่ วนหนึ งมาจากการบริ หารงานทีจะต้องผ่าน คณะกรรมการถึงสองชุด ซึ งเห็นว่าหากมีคณะกรรมการบริ หารเพียงคณะกรรมการเดียว และคณะกรรมการนัน มีการประชุมอย่างสมําเสมอบ่อยครังน่าจะทําให้การทํางานคล่องตัวและรวดเร็ วกว่า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าปัจจัยใดทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ในปั จจุบนั ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : เรื องเทคโนโลยี ส ารสนเทศ อัต รากํา ลัง และขนาดขององค์ก รที เล็ก เกิ น กว่ า ภาระหน้า ที การจัดสรรงบประมาณในแต่ละปี เป็ นอาทิ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิ ดว่าโครงสร้ างการบริ หารงานภายในองค์กรที แบ่ ง ออกเป็ น 4

กลุ่ มงาน ได้แก่ กลุ่ ม

ยุ ท ธศาสตร์ กลุ่ ม เครื อข่ า ยความร่ วมมื อ กลุ่ ม ความช่ ว ยเหลื อ สนั บ สนุ น และกลุ่ ม บริ หารจัด การนั นมี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เหมาะสมแล้ว แต่จะต้องจัดสรรงบประมาณให้แต่ละกลุ่มสามารถปฏิบตั ิงานได้ตามเป้ าหมาย ด้วย

46 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุนในการให้ ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ กสัดส่ วน การใช้จ่ายเงิ นกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนิ นการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปี งบประมาณ 2557 สสว. ได้มีแผนที จะดําเนิ นการตาม (3) ในการให้เงิ นอุดหนุ นช่ วยเหลื อ ภาคเอกชนที ประสงค์จ ะปรั บ ปรุ ง เครื องจัก ร แต่ ไ ม่ ใ ช่ ก รณี ก ารร่ ว มกิ จ การหรื อร่ ว มทุ น ซึ งในเรื องของ งบประมาณการช่ ว ยเหลื อ ผูป้ ระกอบการนัน เนื องจากจะต้อ งได้รั บ ความเห็ น ชอบในการจัด สรรจากทัง คณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. ทําให้กว่าจะสามารถใช้เงินงบประมาณได้กเ็ ป็ น ระยะเวลาครึ งปี หลังของปี งบประมาณแล้ว โครงการระยะยาวจึงไม่สามารถทําได้ โครงการต่างๆ ส่ วนใหญ่จึง เป็ นเรื องการอบรมให้ความรู ้แก่ผปู ้ ระกอบการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ในอดีตทีผ่านมามีผูป้ ระกอบการส่ งโครงการเข้ามาขอความช่วยเหลือจํานวนมากมาโดยตลอด แต่ สสว. ยังไม่ ได้รั บงบประมาณจากรั ฐบาลมาสนับ สนุ นเท่า ที ควร จึ งยังไม่ สามารถอนุ มตั ิ โ ครงการของ ผูป้ ระกอบการได้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร ทัง ยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร

47 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : แผนแม่บทและแผนปฏิบตั ิการรายปี จะเน้นการสร้างเครื อข่ายรวมกลุ่มผูป้ ระกอบการ เนื องจาก เดิ ม จะหาตัว ผู ้ป ระกอบการรายเล็ ก ๆ ได้ย ากมาก หากมี ก ลุ่ ม ผู้ป ระกอบการ ก็ จ ะทํา ให้ พ บปั ญ หาของ ผูป้ ระกอบการและให้ความช่วยเหลือได้ถึงตัวผูป้ ระกอบการแต่ละหน่วยธุรกิจด้วย รวมถึงสามารถรวมกลุ่มกัน ออกไปแข่งขันภายนอกประเทศได้ ผู้สัมภาษณ์ : ในการประสานงานเพือส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ในส่วนภูมิภาคท่านประสานงานกับหน่วยงานใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ขึนอยูก่ บั ประเด็นทีจะต้องประสานงาน แต่โดยหลักแล้วจะประสานผ่านอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด หอการค้าชายแดน มหาวิทยาลัยต่างๆ ในส่ วนภูมิภาค เป็ นต้น ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ได้ประสานงานระหว่างประเทศกับ Asian SMEs Working Group เพือจัดทํา AEC Blue Print สําหรับการส่ งเสริ ม SMEs โดยเฉพาะ และมีการจัดทํา Asian SMEs Policy Index ในประเด็นต่างๆ ร้อยกว่าประเด็นเพือเปรี ยบเทียบกันภายในสิ บประเทศ เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน การแปลงทรัพย์สินให้เป็ น ทุน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มสนับสนุ นควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : การส่ งเสริ ม SMEs น่าจะเป็ นไปโดยสอดคล้องกับบางประเทศทีบังคับให้ SMEs ต้องรวมกลุ่ม กันเป็ นสมาคม ภาครัฐถึงจะให้การสนับสนุ น เช่น ลดภาษี หรื อการทําแบบฟอร์ ม การก่อตังทีสะดวกรวดเร็ ว การเข้าถึงแหล่งเงินทุนควรมีการแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ให้สะดวกต่อการรับบริ การ นอกจากนีประเทศไทยยังมี ปั ญหามากในการพัฒนากิจการขนาดย่อมให้กลายเป็ นขนาดกลาง จําเป็ นต้องเร่ งพัฒนา ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ในประเด็นหน่ วยงานต้นสังกัด สสว. ไม่ควรอยู่ภายใต้กระทรวงใดกระทรวงหนึ ง และควรมี โครงสร้างทีจะสามารถประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐอืนๆ ได้สะดวก

48 บทสั มภาษณ์ ที 9 รองผู้อาํ นวยการสํ านักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้างของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปั จจุบนั มีความเหมาะสมหรื อไม่อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : องค์ประกอบและอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่งเสริ มฯ มีความเหมาะสมแล้ว อํานาจหน้าที ของคณะกรรมการบริ หาร สสว. มีความเหมาะสมแล้ว ส่ วนองค์ประกอบของคณะกรรมการบริ หาร สสว. เห็น ว่าควรเปลียนแปลงโดยให้องค์ประกอบของเจ้าหน้าทีภาครัฐมีสดั ส่ วนไม่เกิน 1 ใน 3 ของคณะกรรมการบริ หาร สสว. เนื องจากคณะกรรมการบริ หาร สสว. มีหน้าทีนํานโยบายและแผนการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมทีคณะกรรมการส่ งเสริ มฯ กําหนดมาปฏิบตั ิ รวมถึงการวางนโยบายบริ หารงาน ควบคุม กํากับดูแล กิจการโดยทัวไปและรับผิดชอบซึ งกิจการของ สสว. จึงควรให้ภาคเอกชนซึ งมีความเข้าใจในเชิ งการประกอบ กิ จการของ SMEs ได้ดีกว่าภาครัฐ อี กทังกรรมการที มาจากภาครั ฐจะมี แนวคิดป้ องกันส่ วนได้เสี ยของตน มากกว่าการพัฒนา SMEs อันถือเป็ นอุปสรรคในการนํานโยบายและแผนการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมทีคณะกรรมการส่ งเสริ มฯ กําหนดมาปฏิบตั ิ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ทีกฎหมายจัดตังกําหนดไว้มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมแล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย และการดําเนิ นงานตามอํานาจหน้าที ของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ท่านอืน มีส่วนส่ งเสริ มสนับสนุน หรื อมีผลกระทบต่อการทํางาน หรื อการตัดสิ นใจของท่านหรื อไม่ มาก น้อยเพียงใด อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบต่อการทํางาน และการตัดสิ นใจมาก เนื องจาก ผูอ้ าํ นวยการ สสว. เป็ นผูแ้ ทนของ สสว. ซึงมีอาํ นาจหน้าทีนํานโยบายของคณะกรรมการส่งเสริ มฯ และคณะกรรมการบริ หาร สสว. มาปฏิบตั ิ และ

49 บริ หารกิ จการของ สสว. ซึ งในการปฏิ บตั ิ งาน ผูอ้ าํ นวยการ สสว. อาจมอบหมายให้รองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ปฏิบตั ิการแทนได้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไขปั ญหาและอุ ปสรรคอย่างไร เช่ น ประเด็นการทํางานเป็ นที มและการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัยใหม่มาใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บตั ิ งาน การทํางานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : บทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นเพียงเครื องมือหนึ งในการช่วยเหลือส่ งเสริ ม SMEs ซึ งไม่ แตกต่างกับส่ วนราชการ องค์กรของรัฐ และรัฐวิสาหกิจทีมีหน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ส่ วนปั ญหาและอุปสรรค คือ สสว. ยังไม่สามารถดําเนิ นงานให้เป็ นไปตามเจตนารมณ์ของ พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม พ.ศ.2543 โดยเฉพาะการให้ สสว. เป็ นศูนย์กลางประสานระบบการทํางานของส่ วนราชการ องค์กร ของรั ฐ หรื อรั ฐวิสาหกิ จที มี หน้าที ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมเพือให้เกิ ดความต่ อเนื องและ สอดคล้องในทิ ศทางเดี ยวกัน แนวทางการแก้ไขปั ญหาและอุปสรรค ก็ควรรายงานบทบาทของ สสว. ใน ปั จจุบนั และข้อปั ญหาและอุปสรรคให้คณะกรรมการบริ หาร สสว. และคณะกรรมการส่ งเสริ มฯ ทราบ เพือให้ คณะกรรมการส่ งเสริ มฯ นําเสนอเข้าคณะรั ฐมนตรี เพือให้คณะรั ฐมนตรี กาํ หนดมาตรการให้ส่วนราชการ องค์กรของรัฐ หรื อรัฐวิสาหกิจทีมีหน้าทีส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมปฏิบตั ิตามพระราชบัญญัติ ส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 ทังนี เพือให้การส่ งเสริ ม SMEs เกิดความต่อเนื องและ สอดคล้องในทิศทางเดียวกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าปัจจัยใดทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ในปั จจุบนั ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจัยทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ในปั จจุบนั เช่น งบประมาณมีจาํ กัด, นโยบายของ คณะกรรมการบริ หาร สสว. ไม่ชดั เจน, บุคลากรขาดความรู ้ความสามารถในบางเรื อง, ขาดการประสานงานทีดี กับส่ วนราชการ องค์กรของรัฐ หรื อรัฐวิสาหกิจทีมีหน้าทีส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็ นต้น

50 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิ ดว่าโครงสร้ างการบริ หารงานภายในองค์กรที แบ่ ง ออกเป็ น 4

กลุ่ มงาน ได้แก่ กลุ่ ม

ยุ ท ธศาสตร์ กลุ่ ม เครื อข่ า ยความร่ ว มมื อ กลุ่ ม ความช่ ว ยเหลื อ สนั บ สนุ น และกลุ่ ม บริ หารจัด การนั น มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น แต่สามารถขอทราบข้อมูลเพิมเติมได้จากหน่วยงานภายในของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุนในการให้ ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ กสัดส่ วน การใช้จ่ายเงิ นกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนิ นการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น แต่สามารถขอทราบข้อมูลเพิมเติมได้จากหน่วยงานภายในของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น แต่สามารถขอทราบข้อมูลเพิมเติมได้จากหน่วยงานภายในของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร ทัง ยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น แต่สามารถขอทราบข้อมูลเพิมเติมได้จากหน่วยงานภายในของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ในการประสานงานเพือส่งเสริ มสนับสนุน SMEs ในส่ วนภูมิภาคท่านประสานงานกับหน่วยงานใด

51 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น แต่สามารถขอทราบข้อมูลเพิมเติมได้จากหน่วยงานภายในของ สสว. ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และ สสว. มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น แต่สามารถขอทราบข้อมูลเพิมเติมได้จากหน่วยงานภายในของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่งเสริ มสนับสนุนควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น แต่สามารถขอทราบข้อมูลเพิมเติมได้จากหน่วยงานภายในของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรปรับปรุ งองค์ประกอบของคณะกรรมการบริ หาร สสว. โดยให้กรรมการในสัดส่ วนของ เจ้าหน้าทีภาครัฐมีไม่เกิน 1 ใน 3 ของคณะกรรมการบริ หาร สสว.

บทสั มภาษณ์ ที 10 นายกุญณจักษณ์ ภู่สาร ผู้ปฏิบัติงานของสํ านักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้างของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปั จจุบนั มี ความเหมาะสมหรื อไม่อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ทีกฎหมายจัดตังกําหนดไว้มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร

52 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย และการดําเนิ นงานตามอํานาจหน้าที ของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ท่านอืน มีส่วนส่ งเสริ มสนับสนุน หรื อมีผลกระทบต่อการทํางาน หรื อการตัดสิ นใจของท่านหรื อไม่ มาก น้อยเพียงใด อย่างไร ผู้ ใ ห้ สั มภาษณ์ : ต้องมี ผ ลกระทบต่ อการทํางานอย่างมาก เนื องจากการดําเนิ น การใด ๆ จะต้องเป็ นไปตาม นโยบายของผูบ้ ริ หารระดับสูง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไขปั ญหาและอุ ปสรรคอย่างไร เช่ น ประเด็นการทํางานเป็ นที มและการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัยใหม่มาใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บตั ิ งาน การทํางานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. เป็ นหน่วยงานหลักในการกําหนดนโนบายส่ งเสริ มและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม ปั ญหาและอุปสรรคคือ การดําเนินงานยังขาดความต่อเนืองและไม่แน่นอน เช่น การดําเนินการต่าง ๆ ในแต่ละปี อาจจะได้รับการจัดสรรงบประมาณดําเนิ นการไม่เท่ากัน หรื อ บางปี ได้รับจัดสรรงบประมาณให้ ดําเนิ นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่ในปี ถัดไปอาจจะไม่ได้รับจัดสรรงบประมาณหรื อได้รับจัดสรรเพือดําเนิ นการ อย่างอืน ทําให้ขาดความต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าปัจจัยใดทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ในปั จจุบนั ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : การประสานงานหรื อการติ ด ต่ อสื อสารภายในองค์ก รยัง ไม่ มี ป ระสิ ทธิ ภ าพ เจ้าหน้าที หรื อ พนักงานบางส่ วนยังไม่มีความรู ้ความเข้าใจในกระบวนการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs อย่าง จริ งจัง การดําเนิ นกิ จกรรม หรื องานต่าง ๆ ยังขาดความเอื ออาทรต่ อกัน ต่ างคนต่างคิ ด ต่ างคนต่างทํา ไม่ มี การประสานประโยชน์ร่วมกัน

53 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิ ดว่าโครงสร้ างการบริ หารงานภายในองค์กรที แบ่ ง ออกเป็ น 4

กลุ่ มงาน ได้แก่ กลุ่ ม

ยุ ท ธศาสตร์ กลุ่ ม เครื อข่ า ยความร่ ว มมื อ กลุ่ ม ความช่ ว ยเหลื อ สนั บ สนุ น และกลุ่ ม บริ หารจัด การนั น มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุนในการให้ ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ กสัดส่ วน การใช้จ่ายเงิ นกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนิ นการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการ ถือว่าน้อย เมือเทียบกับจํานวน SMEs ทีมีมากกว่า 2 ล้านราย ทัวประเทศ และมีนาหนั ํ กสัดส่ วนการใช้จ่ายเงินกองทุนแบ่งเป็ น (1) สัดส่ วน 0% (2) สัดส่ วน 40% (3) สัดส่ วน 35% และ (4) สัดส่ วน 25%) ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจุบนั แม้จะมีการเปิ ดให้หน่วยงานตาม ม.34(2) ขอรับการสนับสนุนเงินเพือนําไปดําเนิ นงาน ตามแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม แต่ในทางปฎิบตั ิหน่ วยงานต่าง ๆ ไม่ได้รับเงิน สนับสนุน เนืองจากการดําเนินโครงการต่าง ๆ นัน สสว. มีนโยบายให้ดาํ เนินการโดยการจัดซื อจัดจ้างเท่านัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร ทัง ยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ความช่วยเหลือ

54 อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ในการประสานงานเพือส่งเสริ มสนับสนุน SMEs ในส่ วนภูมิภาคท่านประสานงานกับหน่วยงานใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ส่ วนใหญ่จะดําเนินการผ่านสถาบันอุดมศึกษาของรัฐในท้องถิน ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมและสนับสนุนการทํางานของ สสว. เป็ นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิง สสว.ได้มี การจัดให้มีการเสริ มสร้ างองค์ความรู ้ แก่ผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านต่าง ๆ ทังเรื องลักษณะภูมิประเทศ ภูมิอากาศ กฎหมาย ลักษณะนิ สัย หรื อความต้องการของผูบ้ ริ โภคในภูมิภาคอาเซี ยน ฯลฯ เพือให้มีความพร้อม และสามารถมองเห็นโอกาสในการปรับตัว หรื อเตรี ยมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มสนับสนุ นควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรเป็ นการมุ่งเน้นเสริ มสร้ างองค์ความรู ้ ในด้านต่าง ๆ ให้แก่ผูป้ ระกอบการ พร้ อมทังสร้ าง เครื อข่ายความร่ วมมือทางธุรกิจให้เติบโตและยังยืนต่อไปในอนาคต ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น

55 บทสั มภาษณ์ ที 11 นายนิมติ วงศ์ จันทร์ ผู้ปฏิบตั ิงานของสํ านักงานส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม สั มภาษณ์ วนั ที 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าโครงสร้างของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปั จจุบนั มีความเหมาะสมหรื อไม่อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่เหมาะสม เนื องจากการมีคณะกรรมการถึงสองคณะกรรมการ คือ คณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และคณะกรรมการบริ หาร สสว. ทําให้การนําเสนอแก้ไขปั ญหาต่างๆ ไม่ทนั ต่อสถานการณ์ และการนัดหมายประชุมทําได้ยาก เนืองจากคณะกรรมการทังสองมาจากหลายหน่วยงาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ทีกฎหมายจัดตังกําหนดไว้มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสมดีแล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย และการดําเนิ นงานตามอํานาจหน้าที ของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ท่านอืน มีส่วนส่ งเสริ มสนับสนุน หรื อมีผลกระทบต่อการทํางาน หรื อการตัดสิ นใจของท่านหรื อไม่ มาก น้อยเพียงใด อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบมาก เพราะผูอ้ าํ นวยการและรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. ต้องตัดสิ นใจบนพืนฐานของ ข้อเท็จจริ ง เพือให้เกิดนโยบายทีสามารถนําไปปฏิบตั ิงานได้จริ ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าบทบาทของ สสว. ในปั จจุบนั เป็ นอย่างไร มีปัญหาและอุปสรรคใดบ้าง และควรมีแนว ทางการแก้ไขปั ญหาและอุ ปสรรคอย่างไร เช่ น ประเด็นการทํางานเป็ นที มและการประสานงานระหว่า ง หน่ วยงานต่างๆ ภายในองค์กร ระบบการจัดการความรู ้ การนํานวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื อสารสมัยใหม่มาใช้อาํ นวยความสะดวกในการปฏิ บตั ิ งาน การทํางานซําซ้อนและขาดการประสาน ประโยชน์ระหว่างหน่ วยงานภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ความไม่ครอบคลุมและเอือต่อ การปฏิบตั ิงานของกฎระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ เป็ นต้น

56 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : บรรลุเป้ าหมายประมาณร้อยละ 80 เช่น กฎหมายได้กาํ หนดให้ สสว. มีอาํ นาจให้กยู้ ืมเงินได้ แต่ ในทางปฏิ บตั ิยงั ไม่สามารถดําเนิ นการได้จริ ง ส่ วนการร่ วมลงทุนยังอยู่ระหว่างยกร่ างอนุ บญ ั ญัติ สสว. ยังมี ปั ญหาเรื องการบริ หารและการขับเคลื อนองค์กร การทํางานเป็ นที ม เนื องจากบุคลากรมาจากต่ างองค์กร มี วัฒนธรรมองค์กรเดิมทีแตกต่างกัน ปั ญหาเกียวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น website ของ สสว. ข้อมูลทีแสดง ไว้ยงั ไม่ทนั สมัย ระบบสารสนเทศที ใช้สือสารภายในองค์กรไม่สามารถใช้การได้อยู่เสมอ ปั ญหาการทํางาน ซําซ้ อ นและขาดการประสานประโยชน์ ร ะหว่ า งหน่ ว ยงาน และปั ญ หาเกี ยวกับ อนุ บ ัญ ญัติ ต่ า งๆ ซึ ง คณะกรรมการควรจะกําหนดหลักเกณฑ์ไว้ในอนุบญั ญัติทงหลายให้ ั ทนั ต่อสถานการณ์ มีกรอบเวลาการทํางาน ยกร่ างทีชัดเจน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าปัจจัยใดทีเป็ นอุปสรรคต่อการทํางานของ สสว. ในปั จจุบนั ผู้ให้ สัมภาษณ์ : โครงสร้ างองค์กร นโยบายภาครัฐ ผูบ้ ริ หารองค์กร ผูป้ ฏิบตั ิงานขององค์กรทีขาดวัฒนธรรม องค์กรร่ วมกันและขาดประสบการณ์การทํางาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิ ดว่าโครงสร้ างการบริ หารงานภายในองค์กรที แบ่ ง ออกเป็ น 4

กลุ่ มงาน ได้แก่ กลุ่ ม

ยุ ท ธศาสตร์ กลุ่ ม เครื อข่ า ยความร่ ว มมื อ กลุ่ ม ความช่ ว ยเหลื อ สนั บ สนุ น และกลุ่ ม บริ หารจัด การนั น มี ความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีความเหมาะสม แต่กค็ วรกําหนดโครงสร้างของแต่ละกลุ่มให้เชือมโยงการทํางานซึ งกันและกัน ด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า ในปั จจุบนั กองทุนส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs สามารถส่ งเสริ มและสนับสนุนในการให้ ความช่วยเหลือแก่ผปู้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้มากน้อยเพียงใด และมีนาหนั ํ กสัดส่ วน การใช้จ่ายเงิ นกองทุนอย่างไร ใน 4 ประเด็น ได้แก่ (1) ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนิ นการก่อตัง ปรั บ ปรุ ง และพัฒ นากิ จ การของตนให้มี ป ระสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น (2) ประเด็ น การให้ ความช่ ว ยเหลื อ ส่ ว นราชการ หน่ ว ยงานของรั ฐ รั ฐ วิ ส าหกิ จ หรื อ องค์ก รเอกชน เพื อใช้ด าํ เนิ น งานตาม แผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs (3) ประเด็นการให้ความช่วยเหลืออุดหนุนการดําเนินการ ร่ วมกิจการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนทีเกียวข้องกับการก่อตัง การขยายกิจการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs และ (4) ประเด็นใช้ เป็ นค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานของ สสว. และการบริ หารกองทุน

57 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น้อย ประเด็นการให้ SMEs กูย้ ืมเพือดําเนินการก่อตัง ปรับปรุ ง และพัฒนากิจการของตนให้มี ประสิ ท ธิ ภ าพและขี ด ความสามารถเพิ มขึ น สสว. ยัง ไม่ ส ามารถดํา เนิ น การได้ และประเด็ น การให้ ความช่ วยเหลื ออุดหนุ นการดําเนิ นการ ร่ วมกิ จการ ร่ วมทุน หรื อลงทุนเกี ยวกับการก่ อตัง การขยายกิ จการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs ขณะนีไม่ได้ดาํ เนินการ แต่ในอดีตเคยดําเนินการให้ความช่วยเหลือดังกล่าว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าในปั จจุบนั หลักเกณฑ์และขันตอนวิธีการดําเนิ นงานของกองทุนส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs มี ประสิ ทธิ ภาพและความเหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร และควรมี กลยุทธ์หรื อนโยบายสร้ างแรงจูงใจให้ ผูร้ ับบริ การเข้ามาขอเงินช่วยเหลือจากกองทุนเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่เหมาะสม ต้องแสดงให้เห็นถึงความชัดเจนว่าผูร้ ับบริ การจะได้รับสิ ทธิ ประโยชน์อย่างไร บ้าง มีการให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื อง โดยทีจะต้องเพิมการประชาสัมพันธ์และการสื อสารให้ผรู ้ ับบริ การ เข้าใจได้ง่ายด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านมีมาตรการในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ตามแผนยุทธศาสตร์ ปี 2555 - 2559 อย่างไร ทัง ยุทธศาสตร์ ที 1 การวางแผนและจัดทํายุทธศาสตร์ การส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 2 การให้ความช่วยเหลือ อุดหนุน สนับสนุนและส่ งเสริ ม SMEs ยุทธศาสตร์ ที 3 การเสริ มสร้างเครื อข่ายความร่ วมมือระหว่างประเทศ และยุทธศาสตร์ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เน้นยุทธศาสตร์ ที 4 การเสริ มสร้างศักยภาพการบริ หารจัดการองค์กร โดยการปรับปรุ งองค์กรให้ ทันต่อการเปลียนแปลง เช่น ไม่ยดึ ติดกับระบบราชการเดิมมาก จนทําให้งานล่าช้า ผู้สัมภาษณ์ : ในการประสานงานเพือส่งเสริ มสนับสนุน SMEs ในส่ วนภูมิภาคท่านประสานงานกับหน่วยงานใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สภาหอการค้าจังหวัด และสถาบันการศึกษาต่างๆ ผู้ สั ม ภาษณ์ : ท่ า นคิ ด ว่ า นโยบายภาครั ฐ ปั จ จุ บ ัน ซึ งรวมถึ ง เรื องการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย นมี ความเหมาะสมต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุนการทํางานของ สสว. มากน้อยเพียงใด และสสว.มีการเตรี ยมการ อย่างไรในการส่ งเสริ มและสนับสนุนในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ให้ความรู้ กบั ผูป้ ระกอบการ ซึ งขณะนี สสว. ก็มีโครงการที เกียวข้องกับประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ยนหลายโครงการ

58 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าอนาคตทิศทางการเติบโตของ SMEs กับนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มสนับสนุ นควร เป็ นอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายการส่งเสริ ม SMEs ควรมีความต่อเนือง รวมถึงมีการจัดสรรงบประมาณทีเหมาะสมด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ ให้ สัมภาษณ์ : ควรมี คณะกรรมการเพียงคณะกรรมการเดี ยว และมี คณะอนุ กรรมการย่อยในแต่ ละด้านที เกียวข้อง สายงานกํากับดูแลควรอยูใ่ นสังกัดของสํานักนายกรัฐมนตรี เพือจะได้ขอความร่ วมมือกับหน่วยงาน ภาครัฐอืนๆ ได้สะดวกขึน

บทสั มภาษณ์ ที 12 นายอนิรุทธ์ โซ๊ ะประสิ ทธิ (นักวิชาการศึกษา คณะรัฐประศาสนศาสตร์ ศูนย์การศึกษาชลบุรี) สั มภาษณ์ วนั ที 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อยากให้เป็ นวิสาหกิจชุมชน เพราะจะได้สนับสนุนการมีส่วนร่ วมในชุมชนมากกว่า SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ความรู้ในการพัฒนานวัตกรรม และส่ งเสริ มด้านการตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น้อย หากจะมีผลกระทบอยูบ่ า้ งจะเป็ นด้านการเงินการลงทุน โดยเฉพาะการกูเ้ งินเพือมาลงทุน หรื อขยายกิจการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด

59 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น้อย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคย ส่ วนใหญ่เงิ นทุนทีใช้ในการประกอบธุ รกิจคือเงินทุนส่ วนตัว การขอยืมจากคนใกล้ชิด เงินกูน้ อกระบบ และบัตรกดเงินสด ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุ รกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่าน คิดว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ไม่ ท ราบว่า ต้อ งติ ด ต่ อ ผ่ า นหน่ ว ยงานใด แต่ คิ ด ว่ า มี ค วามจํา เป็ นที สสว. ควรมี ห น่ ว ยงาน ศูนย์ภูมิภาค ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ค่อยมีผลกระทบ แต่เห็นว่า สสว. ควรให้ความรู้ สู่ ชุมชนในการจัดอบรม สัมมนาอย่างน้อย เดือนละครังเพือให้เกิดความต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 13 นางสาวณัฐธิดา สุ ภาพงษ์ (เจ้าของกิจการร้านอาหาร อําเภอพานทอง จังหวัดชลบุรี) สั มภาษณ์ วนั ที 25 กันยายน พ.ศ. 2556

60 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อยากให้เป็ นวิสาหกิจSMES เพราะยังไม่คิดอยากรวมกลุ่ม ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เรื องเงินทุน อยากให้มีนโยบายส่ งเสริ มให้สามารถกูย้ มื โดยไม่ตอ้ งใช้หลักฐานทีทําให้ผขู ้ อกูย้ ืม พบความยุ่งยาก, ช่ วยส่ งเสริ มมาตรฐานสิ นค้าทีขายตามไล่ถนนหรื อข้างทางให้มีคุณภาพและมี มาตรฐาน สุ ขอนามัย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น้อย หากจะมีผลกระทบอยูบ่ า้ งจะป็ นด้านการเงินการลงทุน โดยเฉพาะการกูเ้ งินเพือมาลงทุน หรื อขยายกิจการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น้อย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคย ส่ วนใหญ่เงินทุนทีใช้ในการประกอบธุรกิจคือเงินทุนส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ติ ด ต่ อ ผ่ า นหน่ ว ยงานย่ อ ยที มี ค วามสั ม พัน ธ์ แ ละรู ้ จัก ชุ ม ชนเป็ นอย่ า งดี และเห็ น ด้ว ยว่ า มี ความจําเป็ นที สสว. ควรมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เพราะผูป้ ระกอบการและบุคคลทัวไปทีเกียวข้องกับ SMEs ยังไม่ค่อยรู ้จกั สสว.

61 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ค่อยมีผลกระทบ และไม่ได้คิดเตรี ยมกลยุทธ์เพือมาใช้ในการปรับตัวเพราะธุ รกิจร้านอาหารที ทําอยูไ่ ม่ได้เกียวข้องกับการทีประเทศไทยจะเข้าสู่ AEC ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการปรับแก้คาํ นิยาม เพือให้รวมธุ รกิจขนาดจิวอยูใ่ นประเภทของธุรกิจ SMEs ทีสสว. ให้ การส่ งเสริ มอยูใ่ นขณะนีด้วย นอกจากนีการเพิมคํานิยามดังกล่าวจะช่วยทําให้การส่งเสริ มธุรกิจขนาดจิวแตกต่าง จากธุรกิจ SMEs อันจะทําให้ไม่เกิดความเหลือมลําในการส่งเสริ มและสนับสนุนธุรกิจประเภทนี

บทสั มภาษณ์ ที 14 นายเกียรติคุณ แบบประเสิ ริฐ (ผูจ้ ดั การ Invictus Sport Club จังหวัดชลบุรี) สั มภาษณ์ วนั ที 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อยากให้เป็ นวิสาหกิจSMES เพราะเป็ นธุรกิจในครอบครัวมีไม่ได้เกิดจากการรวมกลุ่มของชุมชน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ประการแรก เงินทุน รัฐควรจัดหาแหล่งเงินทุนทีมีประสิ ทธิ ภาพพอทีจะแข่งขันกับภาคเอกชน ได้แก่ธนาคารพาณิ ชย์ และเงินกูน้ อกระบบให้ผปู ้ ระกอบการเข้าถึงได้ คําว่าประสิ ทธิ ภาพหมายถึงติดต่อได้ง่าย ใช้ระยะเวลาในการพิ จารณาสัน อัตราดอกเบี ยอยู่ในระดับที แข่งขันกับภาคเอกชนได้ มี ขนตอนในการขอ ั ความช่วยเหลือไม่ยงุ่ ยาก

62 ประการทีสอง ความรู ้ การจัดตังหน่วยธุ รกิจ นอกจากแหล่งเงินทุนแล้ว ผูป้ ระกอบการยังต้องคํานึ งถึงเรื องอืนๆ เช่น จะจัดตังในรู ปของบุคคลธรรมดาหรื อนิติบุคคล ฐานภาษีทีเกียวข้องกับการจัดตังในรู ปแบบต่างๆ กฎหมาย ทีบังคับเมือมีการจัดตังหน่วยธุ รกิจ เช่น กฎหมายคุม้ ครองผูบ้ ริ โภค กฎหมายแรงงาน กฎหมายเกียวกับโรงงาน กฎหมายสิ งแวดล้อม กฎหมายประกันสังคม กฎหมายภาษีอากร การบัญชี ซึ งเรื องเหล่านี มี หน่ วยงานต่างๆ ทีรับผิดชอบโดยเฉพาะอยู่แล้ว แต่การติดต่อแต่ละหน่วยงานแยกจากกันเป็ นเรื องยาก และเสี ยเวลามาก อีกทัง เอกชนทีไม่มีความรู ้พืนฐานอาจไม่สามารถติดต่อและปฏิบตั ิตามกฎระเบียบต่างๆได้ครบ ความยุง่ ยากดังกล่าว ทําให้ตน้ ทุนในการจัดตังหน่วยธุรกิจของประเทศไทยสู ง รัฐน่าจะสามารถจัดตัง One stop service ในแต่ละ จังหวัดเพือให้ขอ้ มูล และดําเนินเรื องทีเกียวข้องกับ SMEsได้ โดยใช้หน่วยงานของรัฐทีมีอยูแ่ ล้ว การที สสว. ไม่ สามารถแข่งขันกับ SME Bank ในการให้สินเชือแก่เอกชนได้ สสว.ก็ไม่ควรแข่งขันต่อไป แต่ควรผันตนเอง ออกเป็ นผูใ้ ห้ขอ้ มูล และเป็ นหน่วยงานทีทําหน้าทีประสานงานแทน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจุบนั ลูกจ้างชาวไทยมักหลีกเลียงงานหนัก และหันไปทํางานภาคบริ การมากกว่าภาคการผลิต เอกชนจึงมักต้องจ้างแรงงานต่างด้าวเข้ามาทํางานเนืองจากทํางานหนัก และค่าแรงตํากว่า แต่มกั มีปัญหาเกียวกับ การใช้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย ซึ งภาครัฐควรเข้ามาแก้ปัญหาให้การขึนทะเบียนแรงงานต่างด้าวสามารถทํา ได้ง่ายขึนและปั ญหาทีมักพบเจอหลังจากขึนทะเบียนแรงงานคือลูกจ้างลาออกไปทํางานอืนทีให้ค่าแรงสู งกว่า ทําให้นายจ้างไม่อยากขึนทะบียนแรงงาน ซึ งภาครัฐควรพิจารณาปั ญหานีด้วย เช่น กําหนดให้ทะเบียนแรงงาน สามารถใช้ได้เมือทํางานกับนายจ้างคนปั จจุบนั เท่านัน เมือเปลียนงานใหม่จะต้องแจ้งขึนทะเบียนใหม่ทุกครัง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น้อยมาก เนืองจากภาคเอกชนไม่รู้ถึงการมีอยูข่ อง สสว.

63 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคย ส่ วนใหญ่เงินทุนทีใช้ในการประกอบธุรกิจคือเงินทุนส่ วนตัว ไม่สามารถตอบคําถามใน ส่ วนของการเปรี ยบเทียบได้ เนืองจากไม่เคยใช่บริ การสนับสนุนทางการเงินของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติดต่อสสว.โดยตรง ในด้านความจําเป็ นจะต้องมีหน่วยงานภูมิภาคขึนอยูก่ บั อัตราการใช้บริ การ ของประชาชน และขอบอํานาจหน้าทีของ สสว. ในกรณี ทีไม่มีประชาชนใช้บริ การ การจัดตังศูนย์ภูมิภาคก็ไม่มี ความจํา เป็ น แต่ ห ากเป็ นกรณี ด ัง ที แนะนํา เบื องต้น ถ้า สสว.ผัน ตัว เองเป็ นศู น ย์ข ้อ มู ล ข่ า วสาร คอยให้ ความช่ ว ยเหลื อ และเป็ นพี เลี ยงให้กับ เอกชนที จัด ตังใหม่ เป็ นกรณี ที สมควรจัด ตังศู น ย์ภู มิ ภ าคกระจายใน ทุกจังหวัด เพือให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริ การได้ง่ายขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบน้อย เพราะเป็ นธุรกิจภาคบริ การทีมีพนที ื ให้บริ การจํากัด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : กฎหมายจัดตังกําหนดอํานาจหน้าทีของ สสว. ไว้ซาซ้ ํ อนกับหน่วยงานอืน เช่น SME Bank ควรมี การพิจารณาขอบเขตอํานาจหน้าทีของ สสว. อีกครัง และแก้ไขไปพร้อมกับการแก้ไขกฎหมายอืนทีเกียวข้อง

บทสั มภาษณ์ ที 15 นายประจิน ดวงรัศมี (เจ้าของกิจการดวงรัศมี กะลามะพร้าว จังหวัดระยอง) สั มภาษณ์ วนั ที 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556

64 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ต้องการขยายธุ รกิ จเพือให้สังคมได้มาร่ วมกิ จกรรมด้วย ตอนนี เป็ นนิ ติบุคคลแต่จะทําเป็ น วิสาหกิจชุมชน ต้องการขยายให้เป็ นธุ รกิจ SMEs โดยแรงบันดาลใจคือ ได้ผลิตสิ นค้าหลายๆ ตัวแล้วตรงกับ ความต้องการของผูบ้ ริ โภค ซึ งขณะนี ผลิ ตและจําหน่ ายนาฬิ ก า และรองเท้าส้นสู งของสุ ภาพสตรี ซึ งกําลัง ประสบปั ญหาขาดแคลนแรงงาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่กล้าขยายช่องทางการจําหน่ายผ่านทางเว็บไซต์ เนื องจากในขณะนี ไม่สามารถทีจะผลิต สิ นค้าในปริ มาณมากๆ ได้ ช่วงนีจึงได้มีการรับเป็ นวิทยากรเกียวกับการผลิต สร้างสรรค์ และจําหน่ายผลิตภัณฑ์ ทีทําจากมะพร้าวโดยตรง สิ งทีต้องการให้ภาครัฐช่วยคือ เรื องกําลังการผลิต แรงงานและสถานที ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ด้านธุรกิจในการทําธุรกรรมกับธนาคาร นโยบายของธนาคารทีส่ งเสริ มมีเพียงเล็กน้อยทําให้ไม่ สามารถทําธุ รกรรมได้ และไม่สามารถต่อยอดได้ ประสบในด้านปั ญหาขาดแคลนแรงงานเนื องจากค่าแรงที สูงขึน นโยบายส่งเสริ มด้าน บรรจุภณั ฑ์และการจัดจําหน่าย เนืองจากผลิตภัณฑ์มีหลายขนาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. เคยให้รูปแบบการดี ไซน์ต่างๆ แต่ไม่มีการติดตามผล โดยทางผูป้ ระกอบการเองได้มี การจัดทํารายงานส่ งให้ทาง สสว. แต่ไม่มีการตอบกลับจากทาง สสว. ผูป้ ระกอบการต้องการทราบข้อมูลที ทันสมัยเพือส่ งแสริ มธุ รกิ จให้เป็ นที รู ้ จกั และการขยายช่ องทางการตลาด เช่ น ข้อมูลการประกวดของสิ นค้า OTOP เพือทีจะได้ทาํ การส่งเข้าประกวด

65 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยได้รับ ส่ วนใหญ่เงินทุนทีใช้ในการประกอบธุ รกิจคือเงินทุนส่ วนตัว ผูป้ ระกอบการเองไม่ ต้องการการสนับสนุนด้านเงินทุน แต่อยากให้มีการเปิ ดอบรมแรงงาน โดยติดต่อประสานงานผ่านกรมส่ งเสริ ม อุตสาหกรรม ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : หาก สสว. มี หน่ วยงานศูนย์ภูมิภาคก็จะเป็ นการดี เพราะเป็ นการสะดวกในการทําธุ รกรรม เนืองจากเดินทางเข้ากรุ งเทพลําบาก อยากให้สสว. สนบสนุนด้านการจ้างแรงงานต่างด้าว เพือสามารถเพิมกําลัง ผลิตและขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะผลผลิตนันมี รูปแบบต่างกัน แต่ขณะนี ก็มีการหากลยุทธ์ทาง การตลาดรองรับอยู่ ซึ งขณะนี ประสบปั ญหาขาดแคลนแรงงาน และเรื องทุนทรัพย์เล็กน้อย ต้องการให้ภาครัฐ หรื อ สสว. เข้ามาช่วย อยากให้ สสว. ช่วยส่ งเสริ มเรื องแรงงาน การหาทุน การเปิ ดอบรม การหาพนักงานเพือ เป็ นทรัพยากรบุคคลของการประกอบธุรกิจ และเรื องการส่งออก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

66 บทสั มภาษณ์ ที 16 นายสุ มติ ร เขียวขจี (ประธานหอการค้าจังหวัดตราด) สั มภาษณ์ วนั ที 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุ รกิจ SMEs เพราะเป็ นธุ รกิจส่ วนตัว โดยส่ วนตัวเห็นว่า SMEs สามารถไปแข่งขันใน ระดับประเทศได้ง่ายกว่า ในขณะทีการเป็ นวิสาหกิจชุมชนทําได้ยากต่อการจัดการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนทุกด้าน โดยเฉพาะด้านการตลาดซึ งจะช่วยให้ผปู ้ ระกอบการสามารถแข่งขันได้ มากยิงขีน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายหรื อมาตรการภาครัฐทีเกียวกับการนําสิ นค้าจากต่างประเทศเข้ามาขายในประเทศ ทําให้ สิ นค้าภายในได้รับผลกระทบ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ช่วยได้เล็กน้อย และไม่มีการสนับสนุ นให้ครบทุกด้านซึ งผูป้ ระกอบการ SMEsนันมี จํานวนมาก และโดยเฉพาะปั ญหาด้านเอกสารต่างๆ ควรจัดอบรมผูป้ ระกอบการโดยให้ความรู ้เบืองต้นเกียวกับ การทําธุรกิจ และช่วยเหลือในเรื องการขอเงินลงทุนให้ง่ายกว่านี

67 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ครังหนึ งเพือไปดูงานทีคุนหมิน นอกจากนันเป็ นการกูย้ ืม เงินจากธนาคารพาณิ ชย์ ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เคยประสานงานด้วย แต่มีความเห็นว่าไม่ประสานงานด้วยน่าจะดีกว่า เพราะเมือประสานงานไป แล้วกลับไม่ได้ผลทีดีเท่าใด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีทงผลดี ั และผลเสี ย ทําให้มีโอกาสเพิมมากขึน แต่ในขณะเดียวกันก็มีผทู ้ ีแข่งขันมากขึนด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 17 นายอภิชาติ วิสุทธิเสรีวงศ์ (ประธานอุตสาหกรรมจังหวัดจันทบุรี) สั มภาษณ์ วนั ที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด

68 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพราะเป็ นธุรกิจส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนด้านต้นทุนการผลิต ต้นทุนแรงงาน และด้านการตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300 บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครั ฐไม่ควรทีจะออกกฎหมายทีไม่เอื อต่อการสนับสนุ นธุ รกิจ SMEs กฎหมายต่างๆออก มาแล้วจะเป็ นการทําลาย SMEs เช่น กรณี ทีกฎหมายกําหนดให้คนงาน 200 คน ต้องมีการจ้างผูพ้ ิการ 1คน ภายหลังก็มาแก้ไขกฎหมายตาม ILO เป็ นคนงาน 100 คน ต้องมีการจ้างผูพ้ ิการ 1 คน ซึ งแบบนี เป็ นปั ญหา แน่นอน เพราะไม่สามารถทีจะจ้างผูพ้ ิการจริ งๆได้ ต้องใช้วิธีไปเช่าชือของผูพ้ ิการแทนเพือป้ องกันไม่ให้ถูกปรับ ตามกฎหมาย เนื องจากค่าปรับนันสู งมาก อย่างในกรณี ประเทศจีน ไม่ได้ปฏิบตั ิตาม ILO ซึ ง SMEs ในจี นก็ สามารถอยูไ่ ด้ โดยเฉพาะค่าแรงวันละ 300 บาท กระเทบอย่างมาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีโครงการช่วยหลายอย่างแต่ไม่มีคนทราบ จึงประสบความสําเร็ จน้อย ผูป้ ระกอบการเข้าไม่ค่อย ถึง และถึงแม้จะเข้าถึงก็มีความยุง่ ยากมาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่งเสริ มกองทุน SMEs แต่เคยขอสิ นเชืออุตสาหกรรมจากสถาบันการเงิน ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่

69 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยประสานงานด้วย แต่มีความเห็นว่าควรจะมีหน่ วยงานศูนย์ภูมิภาค โดยให้ธนาคาร SME เป็ นหน่วยงานของสสว. หรื อให้มีเจ้าหน้าทีของ สสว. ทํางานอยูท่ ีธนาคาร SME หรื ออาจะยุบ สสว. รวมเข้ากับ SME Bank เผือจะได้ผลทีดีขึน เช่นเดียวกับธนาคารทหารไทย สสว.ไม่ควรจะมีหน่วยงานยิบย่อยซําซ้อนกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่ามีผลดี มากกว่าผลเสี ย เพราะในทางพฤติ นัยนันเข้าสู่ อาเซี ยนนานแล้ว แต่เพิงจะทําให้ เกิดผลทางนิตินยั เท่านัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 18 นางสาวสายใจ ชัยศิขริน (เจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์สมุนไพรสปาเพือความงาม กลุ่มบ้านสวนสมุนไพรชัยศิขริ น จังหวัดลําพูน) สั มภาษณ์ วนั ที 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพราะว่าจะสามารถปรับตัวในเรื องการแข่งขันได้ง่าย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนด้านการผลิต การวิจยั และด้านการตลาด

70 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายทีมีอยู่ก็ค่อนข้างดี แต่เห็นควรว่าน่าจะมีแผนดําเนิ นการทีชัดเจน บางนโยบายก็ควรมี การปรั บ เปลี ยน และควรให้ผูป้ ระกอบการสามารถร่ ว มเสนอแนวคิ ด ในการสร้ า งนโยบายก็จ ะเป็ นการดี กฎหมายทีมีตอนนีเป็ นเรื องการควบคุมมาตรฐาน แต่ภาครัฐไม่ได้ลงมาช่วยในเรื องของการสร้างมาตรฐานตรงนี อย่างเพียงพอ ทําให้เหมือนกับว่าออกกฎหมายมาแล้ว แต่ไม่สามารถส่ งเสริ มให้ผปู ้ ระกอบการสามารถเข้าไป แข่งขันได้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. เป็ นหน่วยงานทีมีความคล่องตัว ในเรื องของการช่วยเหลือได้ตรงจุด เพราะเน้นในเรื องของ การตลาด และช่องทางการออกตลาดทังในและต่างประเทศ สสว.น่ าจะมี การจัดกลุ่มผูป้ ระกอบการทีชัดเจน เพราะบางปี ก็ได้เข้าร่ วง บางปี ก็ไม่ได้เข้าร่ วม ทําให้ไม่ทราบสาเหตุวา่ เป็ นเพราะเหตุใด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ เคยขอรั บการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ดําเนิ นธุ ร กิ จโดยใช้เงิ นส่ วนตัว และมี ก ารกูยืมจาก สถาบันการเงิน ธนาคารกสิ กร เนืองจากเป็ นลูกค้ามานาน และเดินทางสะดวก ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติ ดต่อประสานผ่านทางอีเมลและผ่านทางหอการค้า แต่มีความเห็นว่าควรจะมี หน่ วยงาน ศูนย์ภูมิภาค โดยการขยายมายังจัหวัดใหญ่ๆ หรื อระดับภูมิภาคก็ได้ ไม่จาํ เป็ นต้องทุกจังหวัด เพือจะได้เป็ น ประโยชน์ในเรื องของการรับฟังปั ญหา และได้รู้ขอ้ มูลข่าวสารและอํานาจหน้าทีของสสว.

71 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่ามีผลมาก ทังการแข่งขันเราสามารถส่ งออกได้มากขึน และจะมีคู่แข่งเข้ามามากขึน ต้องมี การเตรี ยมความพร้ อม โดยมี ก ารติ ดต่ อคู่ ค า้ แทบอาเซี ย น ว่ามี กฎเกณฑ์อะไรบ้างเพื อที จะได้ปรั บตัวให้ได้ มาตรฐานโรงงานและองค์กร สามารถเตรี ยมรับข้อจํากัดต่างๆได้ รวมถึงด้ารเทคโนโลยี มาตรฐานการผลิต และ การตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 19 นางสมศรี พิทกั ษ์ (ประธานผลิตภัณฑ์ขนมทําจากงา “ขนมงา” กลุ่มงานเพือสุขภาพ บ้านทุ่งกองมู จังหวัด แม่ฮ่องสอน) สั มภาษณ์ วนั ที 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นวิสาหกิจชุมชน เพราะตังกลุ่ม และรวมกลุ่มกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนด้านการผลิต บรรจุภณ ั ฑ์ (package) และด้านฉลากบนผลิตภัณฑ์

72 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายทีมีอยูก่ ค็ ่อนข้างดีอยูแ่ ล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. เป็ นหน่วยงานทีดีมาก ช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ แต่อยากให้ช่วยส่ งเสริ มช่องทางการจัด จําหน่ายสิ นค้าชุมชนให้มากขึน เช่นการสนับสนุนพืนทีจัดจําหน่ายในเมืองทอง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ไม่ เ คยขอรั บ การส่ ง เสริ ม กองทุ น SMEs มี เ พี ย งการได้รั บ ความช่ ว ยเหลื อ ด้า นการอบรม การออกแบบบรรจุภณั ฑ์ ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากการกูย้ มื จากกองทุนวิสาหกิจ และธนาคารพาณิ ชย์ ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติดต่อประสานผ่านทางเจ้าหน้าทีโดยตรง แต่มีความเห็นว่าควรจะมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เพราะ หน่วยงานมีการสนันบสนุนดีอยูแ่ ล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีผลกระทบ ในด้านกลยุทธ์ ได้มีการปรับตัวทางธุ รกิจอย่างต่อเนืองอยูแ่ ล้ว แต่อยากให้ สสว. สนับสนุนด้านบรรจุภณ ั ์ และ ฉลากบนผลิตภัณฑ์ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

73 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 20 นายอนันต์ จันทรพันธุ์ (เจ้าของธุรกิจสาเปเปอร์ จํากัด จังหวัดลําปาง) สั มภาษณ์ วนั ที 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นวิสาหกิจชุมชน เนื องจากธุ รกิจนี มีการพัฒนาโดยมีกลุ่มแม่บา้ นมาช่วยกันทํา จึงทําห็ธุรกิจ เติบโตและขยายตัวในทิศทางทีดี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนด้านการจัดประชาสัมพันธ์ แนะนําสิ นค้าชุมชน (OTOP) จัด event ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีปัญหาเยอะ ไม่ค่อยยุติธรรมกับธุ รกิ จแบบครอบครัว เช่น บริ ษทั ต่างชาติได้มีการยกเว้นภาษี นิ ติบุคคล 8 ปี แต่ในขณะทีบริ ษทั ทีร่ วมกันทํากับชาวบ้าน และมีการจ้างแรงงานชาวบ้านในชุมชนต้องจ่ายภาษี ให้รัฐ โดยไม่ได้มีการได้รับข้อยกเว้นใดๆ เลย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เท่าทีทํากับสสว. ไม่ค่อยเห็นผลงาน ส่ วนใหญ่สสว. จะมีแต่การอบรมและทําการบรรยายโดย อาจารย์จากมหาวิทยาลัย แต่ในขณะทีการเข้าร่ วมกิจกรรมกับ OTOP กลับได้รับประโยชน์มากกว่า

74 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินส่ วนตัว เคยกูย้ ืมจาก ธนาคารพาณิ ชย์เมือนานมาแล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ส่ วนใหญ่ไม่ค่อยได้ติดต่อกับ สสว. แต่ทาง สสว. จะส่ งอีเมลเกียวกับข้อมูลโครงการต่างๆเพือ เชิญชวนให้เข้าร่ วม ทางด้านบรรจุภณั ฑ์ สสว. ก็ไม่สามารถให้ความรู ้ทางด้านนีได้ ในด้านความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่นนั ขึนอยูท่ ีว่า สสว.จะมีนโยบายในลักษณะไหน นโยบายแบบเดิมทีให้ การอบรมหรื อการศึกษาเพียงอย่างเดียวก็ไม่เห็นควรว่าจะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เพราะอาจเป็ นการเปลือง งบประมาณของรั ฐ แต่หากมี นโยบายในแบบเดี ยวกับ

OTOP

คื อมี การลงไปติ ดต่ อประสานและให้

ความช่วยเหลือผูป้ ระกอบการแต่ละราย ก็เห็นด้วยว่าต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เพือจะสนับสนุนให้มีผอู ้ ยาก เข้าไปขอคําปรึ กษาเป็ นจํานวนมาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น่าจะได้เปรี ยบ ซึงต้นทุนของธุรกิจทีทําอยูน่ ี มีอย่างเดียวคือเรื องการขนส่ ง ( logistic) ถ้าหากค่า ขนส่งราคาถูก ก็สามารถจําหน่ายในพืนทีทีกว้างขึน ในด้านบรรจุภณ ั ฑ์ (Package) ถ้ามีการส่ งออกนอกประเทศ จะมีการทํารู ปแบบ Pack คือทําให้อยูใ่ นลักษณะทีแบน พอถึงมือลูกค้า ลูกค้าก็สามารถประกอบเองได้โดยไม่ ต้องมีกาว ในขณะนีกลยุทธ์ทีทําอยูค่ ือพยายามรุ กตลาดต่างประเทศ ทังนี ต้องศึกษาว่าแต่ละประเทศชอบ บรรจุ ภัณฑ์ (Package) รู ปแบบใด เช่นสนใจในผ้าใหม หรื อกระดาษ โดยส่ วนมากจะปรับตัวโดยอัตโนมัติอยูแ่ ล้วจาก การรั บรู ้ข่าวสารของต่างประเทศ อย่างไรก็ดี เห็นว่า สสว. ควรปรับตัวด้วยเพือสามารถทําหน้าทีในการเปิ ด

75 อบรมภาษาต่างประเทศแก่ผปู ้ ระกอบการ และมีการใช้พืนทีในต่างประเทศเพือเปิ ดช่ องทางการสื อสารให้แก่ ผูป้ ระกอบการทีมีศกั ยภาพ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 21 นางดรุ ณี แวเด็ง (เจ้าของธุรกิจร้านดรุ ณีผา้ ฝ้ าย จังหวัดเชียงใหม่) สั มภาษณ์ วนั ที 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อยากให้เป็ นวิสาหกิจชุมชนมากกว่า เนืองจากธุ รกิจนีเป็ นธุรกิจทีผลิตสิ นค้าทีเป็ นงานทําด้วยมือ แต่ปัจจุ บนั ธุ รกิ จนี เป็ น SMEs แล้ว เติ บโตขึนมาก แต่ก็ยงั เป็ นธุ รกิ จทีผูกพันกับชาวบ้านและชมชนอยู่เพราะ เติบโตมาด้วยกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนด้านการตลาดอย่างจริ งจัง ทังตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ ซึ งเห็นได้ว่า ด้านนี หน่ วยงานรั ฐช่วยเหลื อเป็ นครั งคราว ไม่มีประสิ ทธิ ภาพ อยากให้รัฐเชิ ญผูม้ ีประสบการณ์ ตรงนอกจาก นักวิชาการที ที เพียงทฤษฎี และขาดการลงมื ออย่างจริ งจังมาให้ความรู ้ แก่ ชาวบ้าน หรื อให้ผูป้ ระกอบการที ประสบความสําเร็ จในธุรกิจของตนมาให้ความรู ้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300 บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs

76 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : พอรัฐใกล้จะปิ ดปี งบประมาณ ก็จะเร่ งรัดผูป้ ระกอบการทุกอย่าง บางครังผูป้ ระกอบการไม่ทนั ตังตัว อยากให้วางแผนก่อน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ดีมาก เพราะธุ รกิจทีทําอยู่ก็อยู่ในโครงการของ สสว. ตัวผูป้ ระกอบการเองก็ประสบ ความสําเร็ จเพราะได้รับการอบรมจากสสว. รวมทังการเข้า workshop ถ้าให้คะแนน สสว. ทีส่งเสริ มธุรกิจ SMEs ก็จะได้ถึงร้อยละ 80 เลย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินส่ วนตัว เพราะพอมี กําลังในการประกอบธุรกิจของตนเอง ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อยากให้ สสว. สนับสนุนผูป้ ระกอบการไทยในต่างประเทศ ติดต่อหน่วยงานพัฒนาผลิตภัณฑ์ เห็นด้วยว่า สสว. ควรต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เพราะ สสว. ช่วยชาวบ้านได้มากและตรงความต้องการ อยาก ให้ช่วยอย่างต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่กระทบต่อธุ รกิ จ เพราะได้วางแผนไว้เรี ยบร้ อยแล้ว โดยมีกลยุทธ์คือ สิ นค้าที ผลิตจะต้องมี ความโดดเด่นและแตกต่างอย่างชัดเจน ไม่เหมือนใคร รักษาสิ งแวดล้อม มีการหาฐานลูกค้าใหม่โดยใช้ฐานลูกค้า เดิ ม จะผลิตสิ นค้าใหม่โดยใช้ลูกค้าเก่าเปิ ดตัวสิ นค้า อาจเป็ นเรื องของการบอกต่อ อยากให้ สสว.

อํานวย

77 ความสะดวกในด้านการออกงานต่างประเทศ รวมถึงให้ สสว. ตรวจสอบคุณภาพสิ นค้าของผูป้ ระกอบการ รวมถึงการให้การันตีในสิ นค้า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 22 นายกิจชัย กิจภิญโญ (ประธานหอการค้าจังหวัดแพร่ ) สั มภาษณ์ วนั ที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุรกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นวิสาหกิจ SMEs เนืองจากธุรกิจนีเป็ นธุรกิจทีดําเนินกิการมาตังแต่สมัยร่ นคุณพ่อคุณแม่ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการให้ความรู ้เกียวกับการประกอบธุรกิจ โดยฌฉพาะตังแต่จุดเริ มต้น เช่น การจดทะเบียน การค้าเพือเสี ยภาษี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300 บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายหรื อมาตรการภาครัฐในปั จจุบนั มีเยอะมากเกิ นไป และไม่มีความชัดเจน เป็ นปั ญหา ตังแต่ผงั เมือง การคมนาคม ความปลอดภัย และควรจะวางแผนรับมือเชิงรับบ้าง ไม่ใช่เพียงแค่ใช้นโยบายเชิงรุ ก เพียงอย่างเดียวเท่านัน ซึ งทําให้มีมุมมองทีไม่ครบทุกมิติ

78 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ธุรกิจเล็กๆ เข้าไมถึง ส่วนใหญ่เป็ นการจัดสัมมนา ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินส่ วนตัว ในอดีตเคย กูย้ มื เงินธนาคารพาณิ ชย์ แต่ปัจจุบนั ไม่ได้กยู้ มื แล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : โดยส่ วนตัวไม่มีการประสานงานกับสสว. แต่ถา้ เป็ นด้วยตําแหน่ งหน้าทีก็มีบา้ ง ซึ งเห็นว่า หน่ ว ยงานสสว.

ควรที จะมี บ ทบาทมากกว่า นี ซึ งการมี หน่ ว ยงานศูน ย์ภู มิ ภ าคอาจจะมี ส่ ว นช่ ว ยเหลื อ

ผูป้ ระกอบการมากยิงขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่กระทบต่อธุรกิจ เพราะเป็ นธุรกิจท้องถินภูมิภาค ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

79 บทสั มภาษณ์ ที 23 นายอนุวตั ร ภูวเศรษฐ (ประธานหอการค้าจังหวัดลําปาง) สั มภาษณ์ วนั ที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นSMES เพราะเป็ นธุรกิจส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนด้านสภาพคล่องทางการเงิน และการตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300 บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายหรื อมาตรการภาครัฐ แม้จะไม่เป็ นปั ญหาหรื ออุปสรรคโดยตรง แต่กม็ ีผลบ้าง เช่น นโยบายค่าแรง 300 บาท หรื อการลอยตัวพลังงาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ไม่ค่อยมีบทบาทเท่าทีควร มีเพียงการกระตุน้ SMEs แต่กไ็ ม่ประสบผลสําเร็ จเท่าไร ไม่ค่อย มีโครงการทีดีออกมาจากหน่วยงาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน

80 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุนSMES เงิ นทุนที ใช้ในการประกอบธุ รกิ จเป็ นการกูม้ าจาก ธนาคารพาณิ ชย์ ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ :

โดยส่ วนตัวไม่เคยติ ดต่ อกับ สสว.

เลย แต่เห็นว่าหากมี สสว.ประจําจังหวัดจะทําให้

ผูป้ ระกอบการเข้าถึงหน่วยงานได้มากยิงขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีทงผลดี ั และผลเสี ย แต่ธุรกิจทีทําอยูไ่ ด้มีการเตรี ยมความพร้อมเพือเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจ อาเซี ยนไว้บา้ งแล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 24 นางสาวเขมินทรา รุ วริ จินดานวกุล (เจ้าของกิจการร้างขายของ ทีเพลินวาน จังหวัดเพชรบุรี) สั มภาษณ์ วนั ที 14 กันยายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นวิสาหกิจ SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง

81 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการให้การส่งเสริ มทางด้านการจดทะเบียนเครื องหมายการค้า การสร้างแบรนด์ เพือให้เพืม ศักยภาพในการแข่งขัน สามารถเป็ นแรงกระตุน้ ให้เกิดการพัฒนาสูตรและผลิตภัณฑ์เป็ นของตนเองมากขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายทีส่ งเสริ มการจัดโครงการให้ชาวต่างชาติเข้ามาท่องเทียวทีเมืองไทยและแวะชมและซื อ สิ นค้าและผลิ ตภัณฑ์ของไทยให้มากขึน มี นโยบายด้านการประชาสัมพันธ์ จัดบูธ ส่ งเสริ มการท่องเที ยวใน ชุมชนเพือให้เกิดเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนีควรมีนโยบายด้านภาษีป้ายและภาษีโรงเรื อนทีไม่เป็ นอุปสรรคต่อ การค้าการลงทุน มีนโยบายในการส่ งเสริ มด้านการจดทะเบียนเครื องหมายรับรองมาตรฐานสิ นค้าและผลิตภัณฑ์ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ไม่มีการประชาสัมพันธ์ถึงอํานาจหน้าทีและความรับผิดชอบรวมถึงนโยบายทีส่ งเสริ ม SMEs มากนัก จึงยังไม่ค่อยเป็ นทีรู ้จกั ควรมีการประชาสัมพันธ์องค์กรให้มากขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากการกูย้ ืมเงินจากธนาคาร เอกชน ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่าจําเป็ นที สสว. จะมีหน่ วยงานศูนย์ภูมิภาคเพราะอาจมี ส่วนช่วยเหลื อผูป้ ระกอบการ ท้องถินมากยิงขึน

82 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คู่แข่งจากต่างชาติเยอะขึน จําเป็ นต้องมีกลยุทธ์เพือรองรับ เช่น การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ สิ นค้าและเครื องหมายการค้า ยีห้อ โดยเน้นที ความเป็ นไทย ผลิ ตโดยฝี มื อคนไทยเป็ นสิ นค้าที มี เอกลักษณ์ ความเป็ นไทย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรแก้ไขกฎหมาย เพือให้ขนตอนในการขอความช่ ั วยเหลือไม่ยงุ่ ยาก และลดภาระและค่าใช้จ่าย ของผูป้ ระกอบการ

บทสั มภาษณ์ ที 25 นายอรรธพล หมานสนิท (พนักงานบริ ษทั อําเภอเทพา จังหวัดสงขลา) สั มภาษณ์ วนั ที 25 กันยายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นวิสาหกิจ SMEs โดยเมือเริ มก่อตังมีความตังใจให้เป็ น SMEs แต่เมือก่อตังมาแล้วระยะหนึง พบปั ญหาในชุมชนเรื องการว่างงาน เนื องจากคนในชุมชนมีคดีติดตัวไม่สามารถไปประกอบอาชีพได้หรื อไม่ ได้รับโอกาส จึงคิดอยากช่วยสนับสนุน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการส่งเสริ มโครงการจัดหาวัตถุดิบระยะยาว เพราะเป็ นธุรกิจ SMEs ภาคการเกษตร

83 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : บริ ษทั ผูใ้ ห้สัมภาษณ์ยงั ไม่ได้รับความช่วยเหลือหรื อการสนับสนุ นจากภาครัฐ เห็นว่านโยบาย ภาครัฐเป็ นนโยบายประชานิ ยม โดยเฉพาะการขึนค่าแรงขันตํา ผูป้ ระกอบการได้รับผลกระทบมาก ดังนันใน ประเด็นเห็นควรว่าภาครัฐควรลดภาษีให้แก่ผปู ้ ระกอบการทีต้องรับภาระการขึนค่าแรงลูกจ้าง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั จจุบนั เหมือนผูป้ ระกอบการหลายคนไม่รู้จกั ว่าธุ รกิจของตนเป็ น SMEs อยากให้ สสว. เชิ ญ ผูเ้ ชี ยวชาญในแต่ละประเภทธุ รกิจไปให้ความรู้ความเข้าใจแก่ผปู ้ ระกอบการ ซึ งอาจกล่าวได้ว่าปั จจุบนั เหมือน ผูป้ ระกอบการต้องเข้าไปหา สสว. มากกว่าที สสว.จะติดต่อช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินทุนส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่าจําเป็ นที สสว. จะมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคเพราะสามารถให้ความช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ ได้โดยตรงและรวดเร็ ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบปานกลาง โดยมีกลยุทธ์ทีใช้คือการใช้สญ ั ญาซือขายสิ นค้าเกษตรล่วงหน้า ทาง สสว. ควรมีมาตรการช่วยเหลือโดยทําเป็ นขันบันได ไม่ควรปล่อยเสรี ทงหมดในทั ั นที ให้มีโควต้าการค้าเสรี

84 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ควรแก้ ไ ขกฎหมาย เพื อให้ เ กิ ด ความชัด เจนในการบัง คับ ใช้ กรอบอํา นาจหน้ า ที ของ คณะกรรมการ ในด้านมาตรการระยะสันทังหลายที ช่ วยเหลื อ เช่ น มาตรการช่ วยเหลื อผูป้ ระกอบการSMEs ในช่ ว งภาวะวิ ก ฤต โดยการลดต้น ทุ น การผลิ ต ไม่ ค วรนํา มากํา หนดไว้ใ นกฎหมาย และการที กฎหมายมี บทบัญญัติให้ความช่วยเหลือผูป้ ระกอบการในภาวะวิกฤต ควรระบุไว้ดว้ ยว่ามีกรณี ใดบ้างโดยอาจระบุไว้ใน กฎหมายลําดับรอง ในกรณี มีนโยบายภาครั ฐที เป็ นเหตุให้

SMEs ต้องรั บภาระมากขึ น ก็ควรลดภาษี ให้

ผูป้ ระกอบการ SMEs ในช่วงเริ มต้นของการบังคับใช้นโยบายนันๆ ด้วย

บทสั มภาษณ์ ที 26 นายวิชาญ จินตฤทัย (เจ้าของธุรกิจ ร้านบางกอกประดับยนต์ จังหวัดภูเก็ต) สั มภาษณ์ วนั ที 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุรกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุ รกิ จ SMEs โดยรวมกลุ่มของสมาชิ กหลายคน เพือช่วยลดความเสี ยงของการลงทุนใน สภาวะเศรษฐกิจตกตํา และยังเป็ นการเพิมรายได้ให้กบั กลุ่มสมาชิก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการส่ งเสริ มในด้านการตลาด การจัดจําหน่าย การประชาสัมพันธ์และโฆษณาให้กบั สิ นค้า เพือเพิมรายได้ให้กบั ธุรกิจ SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs

85 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีปัญหาทางด้านสวัสดิการของลูกจ้าง ค่อนข้างทีจะติดขัด นอกจากนี ด้วยนโยบายค่าแรงขันตํา ซึ งอาจเป็ นปั ญหากับการทีผูป้ ระกอบการต้องจ่ายค่าจ้างให้กบั แรงงานบางรายทีมีความรู้และความสามารถไม่ เพียงพอหรื อเหมาะสมทีจะได้รับค่าแรงในปริ มาณขนาดนัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ทราบ เนืองจากไม่เคยติดต่อกับหน่วยงานนี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินทุนส่ วนตัวและจาก การกูย้ มื เงินจากธนาคาร ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยติดต่อกับหน่วยงานนี แต่เห็นว่าหากหน่วยงานนี สามารถให้ความช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ ได้จริ ง ก็ควรมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คิดว่าน่ าจะมีผลกระทบ การทีมีธุรกิ จทีพร้ อมเข้าสู่ การเปิ ดเสรี การค้าในอาเซี ยน ทําให้มีคู่แข่ง เพิมขึ น อาจต้องมี การฝึ กเรื องภาษาเพิ มขึ นเพื อการติ ดต่ อสื อสาร สสว. ควรให้ความช่ วยเหลื อด้านแรงงาน เนื องจากการเปิ ดเสรี อาเซี ยน ทําให้มีฐานลูกค้าเพิมขึน ซึ งปั จจุบนั ประสบภาวะขาดแคลนแรงงานอยู่ จึ งคิดว่า น่าจะเป็ นปั ญหาในอนาคต ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

86 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 27 นายบุญธรรม มะโนเพ็ชร (เจ้าของธุรกิจกะลามะพร้าวบ้านหน้าถํา จังหวัดสงขลา) สั มภาษณ์ วนั ที 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุรกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพือจะได้มีศกั ยภาพเหมือนกลุ่ม SMEs คือสร้างความเชือมันให้กบั ลูกค้า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการส่ งเสริ มในด้านการตลาด กับด้านเงินทุน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐน้อยมาก ได้เพียงประมาณ ร้อยละ 2-5 นโยบายของภาครัฐเป็ น อุปสรรคในเรื องการโฆษณา หรื อการทําบรรจุภณ ั ฑ์ การกําหนดราคากลาง หรื อราคาทีเป็ นธรรม เนืองจากใน ส่ ว นของราคาสิ น ค้าในแต่ ล ะพืนที จะไม่ เหมื อนกัน โดยพื นที ที ทําธุ ร กิ จ อยู่นี ตังอยู่ไ กลจากการขนส่ งและ ประชาสัมพันธ์ รวมถึงการช่วยเหลือ แต่ใกล้กบั 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทําให้ได้รับการสนับสนุนน้อยมาก เนืองจากกลุ่มอาชีพห่างไกลกับตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ในพื นที นี ควรได้รั บ การสนั บ สนุ น มากกว่ า นี เนื องจากเป็ นพื นที ห่ า งไกลและได้ รั บ ความช่วยเหลือน้อยมาก ซึงอาจเรี ยกได้วา่ เป็ นพืนทีทีถูกมองข้าม

87 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากการกูย้ ืมเงินจากธนาคาร เพือการเกษตร โดยมีการใช้เงินส่ วนตัวในอัตราส่ วนทีน้อยมาก ในการผลิตได้ผลกําไรน้อยแต่มีตน้ ทุนการผลิตที สู ง เหตุผลทีเลือกกูย้ ืมเงินจากธนาคารออมสิ น และธกส. เนื องจากขันตอนการกูย้ ืมมีความสะดวก ง่าย แต่ถา้ กู้ จากกองทุนส่งเสริ ม SMEs นันมีขนตอนที ั ยุง่ ยาก เพราะธุรกิจทีทําอยูน่ ียังไม่เป็ นนิติบุคคล ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ทราบว่าต้องติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านช่องทางใดถึงจะได้รับความเมตตา เนืองจากทุกวันนี ธุรกิจในพืนทียังเป็ นทีมองข้ามและไม่ได้รับความสนใจเข้ามาดูแล แต่เห็นว่าเป็ นการดีทีมีการกระจายหน่วยงาน ในส่ วนภูมิภาค แต่โดยพืนฐานแล้วหน่ วยงานนี จะมีศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ หรื อตังอยู่ทีใด ไม่ถือเป็ นเรื องสําคัญ หากที สําคัญคื อความอนุ เคราะห์ในการพิ จารณาว่าจะให้ความช่ วยเหลื อและส่ งเสริ มในแต่ละพื นที หรื อไม่ อย่างไร โดยฉพาะในท้องทีนี ควรพิจารณาศักยภาพของผูป้ ระกอบการและธุ รกิ จ ไม่ใช่ให้ความสําคัญแต่กบั บุคลากรทีเพิงจบการศึกษา เนืองจากบางรายยังไม่มีประสบการณ์ในการทํางานเลยแต่ใช้วิธีซือของมาขายต่อ แต่ ได้รับการส่ งเสริ มจาก สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบ ทังนีขึนอยูก่ บั ว่าในอนาคตธุรกิจทีทําอยูจ่ ะตรงกับการประกอบการของต่างประเทศ หรื อไม่ หากเป็ นเช่นนัน กลุ่มอาชีพของเมืองไทยนันอาจประสบปั ญหาเรื องต้นทุนและแรงงานอันเนื องมาจาก ค่าแรงขันตํา ส่ วนกลยุทธ์ ทีคิ ดไว้นันคื อ อย่าเป็ นฝ่ ายตังรั บ หรื อยําอยู่กบั ที ควรหาแนวทางใหม่ๆ เพือเพื ม ศักยภาพการแข่งขัน เช่น การเน้นการบริ การและการท่องเทียว ทําแบบเศรษฐกิจพอเพียงโดยมุ่งเน้นการจําหน่าย ในตลาดในประเทศ เรื องทีอยากให้ สสว. ให้ความสําคัญคือ เรื องของการทําบรรจุภณ ั ฑ์ ทีจะใช้วิธีผสมผสาน

88 อยากให้ สสว. สนับสนุนในด้านของเงินลงทุนและการอบรม เนืองจากได้ออกบรรจุภณ ั ฑ์เองแล้ว และนํามาใช้ กับสิ นค้าเพือเพิมมูลค่าให้กบั สิ นค้า แต่ถา้ ได้การสนับสนุ นเรื องนี จาก สสว. ก็จะช่วยลดต้นทุนได้ โดย สสว. อาจพิจารณากลุ่มอาชีพ ความเป็ นมา ระยะเวลาทีประกอบกิจการ ลักษณะพืนทีหรื อชุมชนทีทํา SMEs ว่าสมควร ได้รับการผลักดันให้ไปแข่งขันหรื อขยายตลาดใหม่ๆ หรื อไม่ ควรพิจารณาและให้ความอนุเคราะห์แก่ธุรกิจใน พืนทีนีด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 28 นายมานิตย์ กวีรัตน์ (ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดสตูล) สั มภาษณ์ วนั ที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุรกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพราะเป็ นธุรกิจส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการส่ งเสริ มในด้านการตลาด กับด้านแหล่งเงินทุน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายหลายๆ ด้านดีอยูแ่ ล้ว แต่ทีเกียวกับการกูย้ มื เงินควรปรับปรุ งเพือให้ผปู ้ ระกอบการเข้าถึง แหล่งเงินทุนได้ง่ายกว่านี

89 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ก็มีส่วนช่วยเหลือดีในระดับหนึง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เคยขอรับการส่งเสริ มกองทุน SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยประสานงานกับ สสว. แต่เห็นควรที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค ซึงการติดต่อ หน่วยงานศูนย์ภมู ิภาคโดยตรงในภูมิภาคทีธุรกิจตังอยูจ่ ะทําได้ง่ายและสะดวกกว่า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อาจจะมีผลกระทบในบางส่ วน เนื องจากประกอบธุ รกิ จหลายประเภท หากได้มีการเตรี ยมตัว เอาไว้อยูแ่ ล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 29 นายสุ ทศั น์ เลิศมโนรัตน์ (ประธานหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี) สั มภาษณ์ วนั ที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

90 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพราะเป็ นธุรกิจส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการสนับสนุนและให้ความรู ้ในด้านการเพิมประสิ ทธิ ภาพในการผลิต การลดต้นทุน และ ในด้านการตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั ก็ดีอยูแ่ ล้ว แต่ผลทีได้จากการปฏิบตั ิตาม นโยบายหรื อมาตรการดังกล่าวยังไม่ประสบความสําเร็ จ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. น่าจะมีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้เพียงเล็กน้อย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินทุนส่วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ :

โดยส่ ว นตัวไม่เคยประสานงานกับ สสว. แต่ ถา้ โดยตําแหน่ งหน้าที ที ต้องรั บผิดชอบก็มี

การประสานงานกับ สสว. อยู่บ ้า ง ซึ งเห็ น ว่ า หน่ ว ยงาน สสว. ควรที จะต้อ งมี บ ทบาทมากกว่า นี ซึ งการมี หน่วยงานส่ วนภูมิภาคอาจจะมีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้มากขึน

91 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คิดว่าไม่มีผลกระทบ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่รู้จกั กฎหมายฉบับนีเลย

บทสั มภาษณ์ ที 30 นางสาวจําปา ปื นโก (พนักงานร้านสยามเนสคอฟฟี กาแฟสด หน้าแม็คโครลาดพร้าว) สั มภาษณ์ วนั ที 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SME เพราะบริ หารธุรกิจได้สะดวกมากกว่า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรมีการสนับสนุนในด้านการลงทุนและเงินทุน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐ มีอุปสรรคต่อการทําธุรกิจมาก โดยเฉพาะนโยบาย ค่าแรงขันตํา ทําให้เศรษฐกิจแย่ลง การเงินขาดสภาพคล่อง เพราะกําลังซื อลดน้อยลง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด

92 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้นอ้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินทุนส่ วนตัว แต่อยาก ให้กองทุน SMEs ของสสว. ช่วยเหลือในด้านเงินทุนในธุรกิจทีเพิงเริ มก่อตัง ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติดต่อประสานงานกับ สสว. โดยตรง และเห็นว่าหน่วยงาน สสว. ควรมีหน่วยงานส่ วนภูมิภาค เพือให้ผปู ้ ระกอบการในภูมิภาคสามารถติดต่อกับ สสว. ได้โดยตรง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ ใ ห้ สั มภาษณ์ : คิ ด ว่า มี ผ ลกระทบมาก แต่ เป็ นด้านดี ม ากว่า ด้า นเสี ย มี ลูก ค้า ต่ างชาติ มากขึ น สสว. ควรตรา กฎหมายให้รัดกุม เพือควบคุมการประกอบอาชี พของคนต่างด้าว รวมถึงกําหนดหลักเกณฑ์การให้เงินทุนของ ผูป้ ระกอบการทังของไทยและต่างประเทศให้ชดั เจน เพิมทักษะความรู้ดา้ นภาษา ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ควรแก้ไขให้บทบัญญัติแห่ งกฎหมายให้สอดคล้องกับนโยบายของประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ยน

93 บทสั มภาษณ์ ที 31 นางปราณี ถิรวงศ์ ชัยพันธุ์ (เจ้าของกิจการ ในอาคารพันธ์ทิพย์พลาซ่า ถนนเพชรบุรี จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 30 กันยายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (วิสาหกิจชุมชน คือธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่นกรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพราะเป็ นธุรกิจส่ วนตัว และหากมีโอกาสก็จะขยายธุรกิจ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : โดยปกติไม่เคยพึงพาหรื อขอความช่วยเหลือจากภาครัฐเลย ดําเนินธุรกิจด้วยตนเองทังหมด ทัง ด้านการหาตลาด การนําเข้า-ส่ งออก และการปรั บปรุ งสิ นค้า คิดว่าอยากให้ภาครั ฐช่ วยสนับสนุ นด้านข้อมูล สิ นค้า แหล่งผลิต และเครื อข่าย SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เป็ นอุปสรรค เนืองจากไม่เคยพึงพาหรื อขอความช่วยเหลือจากภาครัฐเลย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ทราบข้อมูลแน่ชดั ว่าหน้าทีของ สสว. คืออะไร จึงตอบไม่ได้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินทุนส่ วนตัว

94 ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ :

เห็นด้วยเป็ นอย่างยิงที จะกระจายหน่ วยงาน สสว. ไปแต่ละจังหวัด และสสว.ไม่ ควรให้

ความช่วยเหลือผ่านหน่วยงานท้องถิน แต่ควรไปตังสํานักงานเองโดยตรงเพือช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้มากขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คิดว่าไม่มีผลกระทบ เพราะสิ นค้าทีจําหน่ ายอยูน่ นเป็ ั นสิ นค้าทีประเทศในอาซี ยนยังต้องนําเข้า จากประเทศไทยอยู่ จึ งไม่คิดว่าจะมีปัญหาด้านการแข่งขันหรื อการแย่งชิ งตลาด แต่อย่างไรก็ดี เห็นว่าต้องมี การปรับตัวถ้าเข้า AEC เพราะอาจเกิดการแข่งขันตามมาเมือเปิ ดเสรี การค้า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คณะกรรมการควรตรากฎหมายทีมีบทบัญญัติดา้ นการจัดทําฐานข้อมูลในด้านธุรกิจ SMEs เพือ เป็ นประโยชน์กบั ผูป้ ระกอบการ

บทสั มภาษณ์ ที 32 นางสาวเสฏฐินี กองศุข (เจ้าของกิจการ Step 1 Cafe หมู่บา้ นสหกรณ์ จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 2 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพราะบริ หารงานได้ง่ายกว่า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง

95 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คิดว่าภาครัฐไม่น่าจะเข้ามาช่วย SMEs ได้มากนัก และไม่ตอ้ งการความช่วยเหลือจากภาครัฐใน กิจการทีทําอยู่ แต่เห็นว่าภาครัฐควรส่ งเสริ มด้านการลดต้นทุน วัตถุดิบ และด้านอาหารจะเป็ นการดีมาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น้อย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้นอ้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินทุนส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติดต่อทีสํานักงานสสว.ทีกรุ งเทพโดยตรง แต่เห็นด้วยว่าหน่วยงานสสว. ควรมีหน่วยงานส่ วน ภูมิภาคอาจจะมีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้มากขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คิดว่ามีผลกระทบเล็กน้อย โดยอาจจะกระทบด้านวัตถุดิบ แต่เป็ นในด้านดี เพราะวัตถุดิบราคาถูก ลง ทําให้ได้ผลกําไรมากขึน โดยส่วนตัวไม่ทราบว่าสสว.ควรมีบทบาทช่วยเหลืออย่างไร ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

96 ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : ไม่ มี ความคิ ด เห็ น ในประเด็นนี เนื องจากไม่ รู้จ ัก กฎหมายฉบับนี เลย จึ งอยากให้ สสว.ช่ ว ย ประชาสัมพันธ์ วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าทีของตนเองให้ชดั เจนกว่านี

บทสั มภาษณ์ ที 33 นางสาวสุ ภาวดี รุ หะสิริ (เจ้าของกิจการร้านอาหาร หมู่บา้ นสหกรณ์ จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นวิสาหกิจชุมชน เพราะจะได้ช่วยเหลือกัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรสนับสนุนด้านการอบรม เงินทุนกูย้ มื และการลดภาษี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ ใ ห้ สั ม ภาษณ์ : มี ปัญ หาและอุป สรรคมาก เพราะติ ด ต่ อ ภาครั ฐยากมาก ต้องมี หลักฐานครบถ้วนเพือจะขอ ความช่วยเหลือซึ งเป็ นเรื องทียุง่ ยาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้บา้ ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากเงินทุนส่ วนตัว

97 ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุ รกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่าน คิดว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติดต่อผ่านสํานักงานเขต แต่เห็นด้วยว่าหน่วยงานสสว. ควรมีหน่วยงานส่ วนภูมิภาคอาจจะมีส่วน ช่วยเหลือผูป้ ระกอบการ SMEsได้ทวถึ ั ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : คิดว่ามีผลกระทบ โดยอาจจะกระทบด้านการแย่งชิงตลาด การแข่งขันการจําหน่ายสิ นค้า ดังนัน สสว. ควรจัดอบรมให้ความรู้ เพือให้ผปู ้ ระกอบการได้พฒั นาด้านภาษาและการสื อสาร ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว.ควรประชาสัมพันธ์ วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าที ของตนเองให้เป็ นทีรู ้ จกั ของประชาชน มากกว่านี และกฎหมายทีออกควรเอือประโยชน์แก่ผปู ้ ระกอบการทังธุรกิจ SMEs และธุรกิจขนาดจิว

บทสั มภาษณ์ ที 34 นายธนัญ ไม่ ระบุนามสกุล (กรรมการสภาอุตสาหกรรม จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs เพราะเป็ นการดําเนินธุรกิจต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรสนับสนุ นด้าน ข้อมูลสารสนเทศ (Information Technology) แหล่งเงินทุน และ การวิจยั และพัฒนา

98 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีปัญหาและอุปสรรคมาก เพราะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐเก่าไป ไม่ทนั สมัย ไม่เอือต่อผูป้ ระกอบการอย่างแท้จริ ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว.มีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้พอสมควร หากแต่มีโครงการกระจัดกระจายเกินไป ควร ร่ วมมือกับสภาอุตสาหกรรม เพือเป็ น one-stop service ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรั บการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงิ นลงทุนส่ วนใหญ่มาจากการกูย้ ืมจากธนาคาร เอกชน ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ควรต้องประสานงานและร่ วมมือกับสภาอุตสาหกรรม และไม่จาํ เป็ นจะต้องมีหน่วยงาน ศูนย์ภูมิภาค ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่คิดว่ามีผลกระทบ เห็นว่า สสว. ควรทําโครงการส่ งเสริ มธุรกิจ SMEs ใหญ่ๆ แบบครบวงจร โดยมีระยะเวลาของโครงการนานพอสมควรและเป็ นการให้ความช่วยเหลือแบบยังยืน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

99 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 35 นางสาวจันทร์ จรัส ตังเทียนชัย (เจ้าของกิจการห้างหุน้ ส่ วนจํากัด สหกิจแทรคอิควิปเมนท์ ถนนรองเมือง 5 จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ธุรกิจ SMEs ทีเป็ นธุรกิจทีสามารถจุนเจือครอบครัวและเป็ นพืนฐานให้ลูกหลาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรให้การส่ งเสริ มด้านการตลาดและช่องทางการกระจายสิ นค้า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน

100 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรั บการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงิ นลงทุนส่ วนใหญ่มาจากการกูย้ ืมจากธนาคาร เอกชน ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มี ผลกระทบ อาจมี การแข่งขันสู งขึน ต้องปรั บตัวในแง่ของการตลาดและการหาช่ องทางลด ต้นทุนเพือแข่งกับสิ นค้าจากต่างประเทศทีหลังไหลเข้ามา ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 36 นางสาวขนิษฐา เจตโรจนานนท์ (เจ้าของกิจการร้านขายเสื อผ้า OVILA ซอยรองเมือง5 จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะอยากมีกิจการเป็ นของตัวเอง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง

101 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรช่วยเหลือและมีการสนับสนุนด้านการตลาด โดยเฉพาะช่องทางขยายตลาดไปสู่ตลาด AEC ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปัจจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ด้านเงินลงทุนส่ วนใหญ่มาจากการใช้เงินทุนส่ วนตัวมา โดยตลอด ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบในด้านดี เนื องจากมีโอกาสในการขยายตลาดให้ใหญ่ขึน เห็นว่า สสว. ควรให้ ความช่วยเหลือในเรื องการให้ความรู ้และความเข้าใจในการเตรี ยมความพร้อมเพือเข้าสู่ การเปิ ดเสรี ทางการค้า และการลงทุน รวมทังการพัฒนาฝี มือแรงงาน

102 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่ทราบข้อมูลหรื อรู ้จกั กฎหมายดังกล่าว

บทสั มภาษณ์ ที 37 นางอรพรรณ วงศ์ พสิ ุ ทธิไพศาล (เจ้าของธุรกิจบริ ษทั A.O.P วงศ์ จํากัด) สั มภาษณ์ วนั ที 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่าธุรกิจทีทําอยูเ่ ป็ นธุ รกิจ OTOP เพราะสิ นค้า OTOP เป็ นสิ นค้าทีมีราคาไม่สูงและมีคุณภาพ สามารถนําส่ งไปขายในต่ างประเทศได้และยังนําภูมิปัญญาท้องถิ นของคนในพืนที ท้องถิ นหรื อชุ มชนที มี ความสามารถมาผลิตเป็ นสิ นค้า และทําให้สินค้าเป็ นเอกลักษณ์ของคนท้องถินนันๆ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรช่วยเหลือด้านการลงทุน เพราะธุรกิจจะเกิดขึนได้ตอ้ งมีเงินทุนเป็ นปัจจัยในการก่อตัง ธุรกิจและดําเนินธุรกิจให้เป็ นไป ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่านโยบายหรื อกฎหมายนันมีผลกระทบต่อธุ รกิจมาก เช่น เรื องแรงงานต่างด้าวในการทํา บัตรต้องใช้เงินเป็ นจํานวนมากและบางทีแรงงานต่างด้าว ก็ได้สิทธิ ในทางกฎหมายมาก โดยทีรัฐบาลมีการออก กฎหมายเอือประโยชน์ให้แก่แรงงานต่างด้าวและเรื องค่าแรงขันตําที รัฐบาลได้ก็มีการออกเป็ นกฎหมายซึ งมี ผลกระทบต่อเจ้าของกิจการ เพราะบางทีแรงงานก็มีการหยุดงานและมีการทํางานทีไม่เต็มวันแต่ตอ้ งจ่ายค่าแรง ไม่นอ้ ยกว่า 300 บาท จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อเจ้าของธุรกิจ

103 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยเหลือผูป้ ระกอบการได้นอ้ ย เพราะการประชาสัมพันธ์ การเข้าถึงของหน่วยงาน นันไม่ทวถึ ั งแก่เจ้าของธุรกิจหรื อผูป้ ระกอบการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs เงินลงทุนส่วนใหญ่มาจากการใช้เงินทุนส่ วนตัวมาโดย ตลอด ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : จําเป็ นต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เพราะประชาชนรวมถึงเจ้าของธุรกิจมีมาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีผลกระทบต่อการส่ งออก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เนืองจากไม่ทราบข้อมูลหรื อรู ้จกั กฎหมายดังกล่าว

104 บทสั มภาษณ์ ที 38 นายกรกวิน นิธิพงษ์ โกวิท (หุน้ ส่ วนบรษัทไอดีล บิลเดอร์ จํากัด จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่าธุรกิจทีทําอยูเ่ ป็ นธุรกิจกึงระหว่างวิสาหกิจชุมชนกับ SMEs เป็ นธุรกิจขนาดย่อย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรจะให้ความช่วยเหลือในทุกเรื อง โดยเฉพาะควรจะให้ความรู้ เกี ยวกับเรื อง SMEs ให้กบั เรื องนี ให้เยอะมากขึน ภาครัฐน่าจะเปิ ดโอกาสช่องทางช่วยสนับสนุนด้านเงินทุน ช่องทางการจัดจําหน่าย และการติดต่อธุรกิจ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ในความเป็ นจริ งแล้ว ภาครัฐไม่ได้ให้ความช่วยเหลืออะไรเลย ส่ วนใหญ่ปรากฏเพียงคําพูดแต่ใน ส่ วนของการกระทํายังไม่มีความชัดเจนเลย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีการสนับสนุนน้อยมากจนแทบไม่มีเลย ธุรกิจทีทําอยูค่ ือการดําเนินการด้วยตนเอง ช่วยเหลือตนเอง ไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานใดเลย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน

105 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับความช่วยเหลืยจากเงินกองทุนของ สสว. เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบธุรกิจ และการลงทุนมาจากเงินทุนส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยติดต่อกับสสว. แต่เห็นด้วยหากสสว.จะมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เพราะจะได้ให้คาํ ปรึ กษา และช่วยเหลืเจ้าของกิจการได้มากขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบในด้านการใช้ภาษาติดต่อกับต่างชาติเมือเปิ ดเสรี อาเซี ยน จึงอยากให้ สสว. จัดอบรม เกียวกับภาษาในด้านการติดต่อทางธุรกิจ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ทราบข้อมูลและไม่รู้จกั เกียวกับกฎหมายฉบับนี จึงไม่สามารถให้ความคิดเห็นในข้อนีได้

บทสั มภาษณ์ ที 39 นายสุ รนาม พานิชการ (เจ้าของธุรกิจบริ ษทั โทฟุซงั จํากัด จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ตอ้ งการให้เป็ นวิสาหกิจชุมชน เป้ าหมายในการเริ มธุรกิจเพียงต้องการให้เป็ นการก่อให้เกิดผล กําไร (generate profit) เท่านัน

106 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : โดยส่ วนตัวเชื อว่าเงือนไขของ SMEs ขึนอยูก่ บั ผูป้ ระกอบการโดยปกติธุรกิจทีทําอยู่ขณะนี เกียวกับเรื องอาหาร เช่น การต้มนํานมถัวเหลืองให้สุกนัน โดยปราศจากเชือต้องมี condition 1-10 คนทีอยากจะ เริ มผลิตนําเต้าหูก้ ็อาจไม่มีความรู ้ความเข้าใจว่าจะต้องทําอย่างไร จึงอยากให้ภาครัฐตังหน่วยงานเพือช่วยเหลือ และส่งเสริ มตรงจุดนี เหมือเป็ น one stop service ซึ งจะสามารถช่วยให้บุคคลทัวไปสามารถเริ มต้นประกอบการ ธุรกิจของตนได้ง่ายขึน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ค่าแรงขันตํานันเป็ นปั ญหาอยูแ่ ล้วในขณะนี แต่โดยส่วนตัวสามารถทีจะจ่ายค่าแรงขันตําได้และ สามารถจ่ายได้มากกว่านัน แต่ในผูป้ ระกอบการรายอืนทีเพิงเริ มกิจการ อาจไม่มีทุนทรัพย์มากพอทีจะจ่ายได้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มี ส่วนช่ วยในการให้ความรู ้ แก่ ผูป้ ระกอบการในระดับหนึ ง แต่ คิดว่าเป็ นหน่ วยงานที ค่อนข้างเข้าถึงยากในเชิงปฏิบตั ิ จึงไม่มีความมันใจว่าหน่วยงานนีจะให้ความช่วยเหลือได้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับความช่วยเหลือจากเงินกองทุนของ สสว. เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบธุ รกิจ และการลงทุนมาจากเงินทุนส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่

107 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่คิดว่า สสว. จําเป็ นต้องมีหน่วยงานภูมิภาค เพราะสุ ดท้ายแล้วในระดับภูมิภาคไม่ได้ช่วยให้ สสว. ทํางานได้ดีขึน แต่หากมีการพัฒนาองค์กรเป็ น one stop service เพือมาช่วยเหลือและรองรับความต้องการ ของผู ้ป ระกอบการจะเป็ นผลดี ม ากกว่ า และควรปรั บ ปรุ ง องค์ก รให้มี ค วามคล่ อ งตัว และสามารถเข้า ถึ ง ความช่วยเหลือได้ง่ายและสะดวกขึนจะดีมากกว่านี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบทังด้านบวกและลบ โดยส่ วนตัวเข้าใจว่าคนต่างชาติจะสามารถเข้ามาทําธุ รกรรม หรื อติดต่อกับเราได้มากขึน และเราเองก็สามารถเข้ามาทําธุ รกรรมหรื อติ ดต่อกับพวกเขาได้มากขึนในหลาย ช่ องทางเช่ นกัน ซึ งผูส้ ัมภาษณ์ เองก็ได้เตรี ยมนําวัตถุดิบบางอย่างจากคนอื นซึ งมี ราคาถูกและมี คุณภาพ แล้ว เตรี ยมส่งออกสิ นค้าของเราไปขายให้แก่คนอืน ดังนัน สสว. ควรทําให้ SMEs ของเราแข็งแรงก่อน โดยสามารถ ช่วยในเรื องการประมวลข้อมูลหรื อประมวลหาช่องทางทีเหมาะสมในต่างประเทศก็สามารถช่วยได้มาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรแก้ไขให้กฎหมายสามารถช่วย SMEs ได้จริ ง ทําให้ภาคเอกชนมีส่วนร่ วมมากกว่านี และควร มีนโยบายว่าจะทําอย่างไรในการให้การสนับสนุน SMEs ของภาครัฐไปในแนวทางเดียวกัน ไม่เกิดความซําซ้อน กันหรื อไปคนละทิศทางระหว่างหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน บทสั มภาษณ์ ที 40 นายธนพันธ์ วงศ์ ชินศรี (กรรมการผูจ้ ดั การบริ ษทั ทัชพ้อยท์ พาวเวอร์ จํากัด จังหวัดกรุ งเทพฯ) สั มภาษณ์ วนั ที 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะทางบริ ษทั ไม่ได้มีแหล่งผลิตจากชุมชน หรื อกลุ่มใดๆ

108 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มด้านเงินทุนในช่วงเริ มต้นกิจการ เนืองจากผูป้ ระกอบการรุ่ น ใหม่ ทีมี วิสัยทัศน์ และไอเดี ย ที ดี อาจไม่ มีหลัก ทรั พ ย์ หรื อเครดิ ตที ดี พอที จะไปกู้เงิ นทุ นจากธนาคารเอกชน ทําให้อาจจะปิ ดโอกาสในการเกิดธุรกิจใหม่ทีน่าสนใจ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีแต่ไม่เยอะ เนื องจากทางบริ ษทั ไม่ได้มีพนักงานในระดับค่าแรงขันตํา และ ฐานเงินเดือนของ บริ ษทั อยูใ่ นเกณฑ์ทีสูงกว่ามาตรฐานอยูแ่ ล้ว อาจจะมีผลเรื องภาษีนาํ เข้า สําหรับสิ นค้าบางประเทศอยูบ่ า้ ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยในการให้ความรู ้แก่ผูป้ ระกอบการในระดับทียังน้อยอยู่ เพราะหน่ วยงานขาด การประชาสัมพันธ์ทีเพียงพอ ทําให้ผปู ้ ระกอบการขาดการเข้าถึงข้อมูลทีเพียงพอ และไม่รู้จกั ตัวองค์กร ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับความช่วยเหลืยจากเงินกองทุนของ สสว. เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบธุรกิจ และการลงทุนมาจากเงินทุนส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยติดต่อกับสสว. แต่เห็นว่ามีความจําเป็ น หากต้องการให้หน่วยงานสามารถประสานงานกับ SMEs ทีอยูใ่ นภูมิภาคได้

109 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ ให้ สัมภาษณ์ : มี ผลกระทบพอสมควร ต้องเตรี ยมปรั บองค์กรให้มีความคล่องตัวมากขึ น เนื องจากต้นทุ น การผลิตและบริ การในไทย ยังสูงกว่าบางประเทศเพือนบ้าน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 41 นางทองศิริ ปุกแก้ว (ผลิตภัณฑ์ผา้ ทอ กลุ่มสตรี ทอผ้าชุมชนที 2 จังหวัดสกลนคร) สั มภาษณ์ วนั ที 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นวิสาหกิจชุมชน ค่อย ๆ พัฒนาก้าวไปทีละขึน แต่เราเน้นความมันคง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่ งเสริ มเงินทุนด้วย การตลาด อยากให้ช่วยออกแบบผลิตภัณฑ์ รู ปแบบใหม่ๆ พัฒนาสู่สากล แล้วก็อยากพัฒนาตรงนีด้วย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300 บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs

110 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐบางอย่างก็มีส่วนดี บางอย่างก็ไม่มีส่วนดี เช่น ทาง ภาครัฐโครงการส่ งเสริ มทีดี อยากให้ส่งเสริ มเงินทุน อยากให้พฒั นาผลิตภัณฑ์ให้ขายได้มากกว่านี ส่ วนทีเป็ น อุปสรรค คือเงินทุนไม่เพียงพอ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการดีมาก มีโอกาสได้ไปดูงานในหลายๆที ไป ดู OTOP หลายๆทีเพือมาปรับปรุ งของตนเอง แต่บางทีไปดูแล้ว ปัจจัยเราไม่เพียงพอ ก็ไม่สามารถนํามาปรับ ใช้ได้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับความช่วยเหลือจากเงินกองทุนของ สสว. เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบธุ รกิจ และการลงทุนขันแรกมาจากสมาชิกในกลุ่มรวมทุนกัน ต่อมาก็ได้กยู้ ืมจาก ธกส. ตอนนี ก็ยงั ชําระหนี ไม่หมด กู้ ธกส. เพราะ ยังไม่รู้แหล่งทีมาเงินทุน แต่ ธกส.ได้มาเสนอเงินทุนให้ ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ในตอนแรกติดต่อผ่านเจ้าหน้าทีทีรู ้จกั กัน เฉพาะในเวลาราชการ แต่เห็นว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้อ งมี ห น่ ว ยงานศู น ย์ภู มิ ภ าค เพราะว่ า เมื อก่ อ นไม่ รู้ จ ัก ว่ า สสว. เป็ นหน่ ว ยงานเกี ยวกับ อะไร และมี ผูป้ ระกอบการอี กหลายรายที ไม่ รู้จ ัก สสว. แต่ ตอ้ งการความช่ ว ยเหลื อจากหน่ วยงานภาครั ฐที ทําหน้าที ใน การส่ งเสริ ม SMEs ซึง สสว. เป็ นหน่วยงานโดยตรงทีทําหน้าทีนี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร

111 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบ มี ในเรื องของภาษา แต่ได้สนับสนุ นให้ลูกไปเรี ยนในเรื องของภาษาแล้ว คาดว่า น่ า จะช่ ว ยได้ กลยุท ธคื อ ตอนนี ดู หลายๆอย่า ง รวมทังทางโซเชี ย ล เน็ ตเวิ ร์ ค และอยากพัฒ นาและแปรรู ป ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยากให้ทาง สสว. ช่วยในทางด้านของเงินทุน และการอบรม เพือช่วยให้ปรับตัวเข้าสู่อาเซียน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 42 นางกฤษณี สนันทอง (หัวหน้ากลุ่มวิสาหกิจและเจ้าของกิจการเสื อผ้าเครื องแต่งกายสามมุข จังหวัดชลบุรี) สั มภาษณ์ วนั ที 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เดิมหน่วยธุ รกิจต้องเริ มต้นมาจากการเป็ นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนก่อน แล้วก็พฒั นามาเป็ น SMEs ตามลําดับ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐมีส่วนช่วยในการส่ งเสริ มและสนับสนุ นมาก ตังแต่เริ มต้น SMEs เล็กๆ ทุนเริ มต้น ประกอบการประมาณ 2 ล้านบาท ซือเครื องจักรและยานพาหนะก็แทบจะหมดแล้ว เริ มต้นครังแรกนันจะยังไม่รู้ ทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ กลยุทธ์ในการตลาด แต่ทางรัฐได้ให้ความรู ้มากมาย ทังในเรื องการดีไซน์ การทํา บรรจุภณั ฑ์ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs

112 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เมือรัฐบาลก่อนธุ รกิ จของผูใ้ ห้สัมภาษณ์ ประสบภาวะขาดทุน ทังด้านการตลาด และนโยบาย การส่ งเสริ มด้านต่าง ๆ นันไม่ประสบความสําเร็ จ แต่ในขณะนีจําหน่ายได้เยอะมาก ทังเขตภูมิภาคโดยให้โอกาส ทีจะนําสิ นค้าไปจําหน่ายตามทีต่าง ๆ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการดีมาก เมือก่อนนีได้สนับสนุน ได้มีการให้ ความรู ้และต่อยอดทางการตลาด จัดเตรี ยมข้อมูลทีเป็ นประโยชน์และทันสมัยแก่ผปู ้ ระกอบการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับความช่วยเหลืยจากเงิ นกองทุนของสสว.เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบธุ รกิ จ และการลงทุนมาจากเงินทุนส่ วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ประสานงานกับ สสว. โดยติดต่อผ่านหน่วยงานทีให้การอบรม และเห็นว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เนื องจากคนต่างจังหวัดมีปัญหาไม่สามารถเดินทางไปขอคําปรึ กษาได้ควรจะมี ในส่ วนภูมิภาคใหญ่ ๆ 4 ภาค เหมือนกับศูนย์ส่งเสริ มอุตสาหกรรม ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : กระทบมาก มีการเตรี ยมตัวมาสองถึงสามปี แล้ว ได้นาํ สิ นค้าของตนเองไปทดสอบ จําหน่ายใน หลาย ๆ ประเทศ โดยได้ข ้อ สรุ ป ว่า ประเทศไหนมี ผ ลตอบรั บ ที ดี ไ ด้ร าคาสู ง โดยศึ ก ษาลัก ษณะนิ สัย และ

113 ความพึงพอใจ โครงสร้างร่ างกาย เช่น รู ปแบบเสื อผ้าและขนาด สสว. ควรมีการช่วยเหลือในเรื องของการตลาด ซึ งต้องการเป็ นอย่างมาก โดย สสว. อาจช่วยใน ปริ มาณ 60% แล้วทางผูป้ ระกอบการเอง 40% ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 43 นายดรงค์ อภิชนตระกูล (หุน้ ส่ วนผูจ้ ดั การ หจก.ขอนแก่นศรัณย์ จังหวัดขอนแก่น) สั มภาษณ์ วนั ที 13 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (คือ ธุรกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ เป็ น SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs ไม่ได้เป็ นวิสาหกิจชุมชน เป็ นธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรส่ งเสริ มการให้ความรู ้ในด้านต่างๆ เช่น การเงิน การบัญชี การจัดการภาษี การจัดหา แรงงาน และพนักงานทีมีความสามารถ การสนับสนุนในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆในประเทศ หรื อนําเข้า จากต่างประเทศเพือพัฒนาความสามารถในการผลิตสิ นค้าต่างๆ ทีเหมาะสมกับ SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีปัญหาและอุปสรรค โดยเฉพาะนโยบายค่าแรง 300 บาท ทําให้ตน้ ทุนสูงขึน ลดหย่อนภาษี ช่วย ให้ได้กาํ ไรสุ ทธิ มากขึน นอกนันไม่ค่อยมีผล นอกจากนี อยากให้ภาครัฐยกเลิกมาตรการเกียวกับการใช้เช็ค คือ มี การกําหนดมาตรการการจ่ายเงินของผูร้ ับเหมาถ้าจะจ่ายเกินกว่า 3 หมืน ให้จ่ายเป็ นเช็คเท่านัน เพือทําให้รายการ

114 ใช้จ่ายมีความโปร่ งใส สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการจ่ายให้เท่าไหร่ มีเงินไปทีใคร สังไปทีใคร ทุกการใช้จ่ายที ทําการภาครัฐ หรื อซื อของจากเอกชน เพือมาใช้ในกิจการของภาครัฐ ประเด็นปั ญหาคือถ้าเช็คเป็ นของธนาคาร ในกทม. เราจะเอาไปซื อของต่างจังหวัด ก็ไม่มีใครอยากรับ และโดนหักเงินด้วย มาตรการนี ก็ซกั สองปี แล้วทีมี การบังคับใช้ ก็ยงั เป็ นปัญหาอยู่ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่รู้จกั เลย สสว. ทีรู ้จกั ก็คือ การได้รับการสนับสนุนจากธนาคารเอกชนต่างๆ เช่น เคยเข้าอบรม ของธนาคารกสิ กรไทย KSME

ซึ งเค้าจะกระจายออกไปตามภูมิภาค แล้วจัดอบรมคล้ายๆ กันเกี ยวกับ

การประกอบธุรกิจ SMEs ดึงวิทยากรทีเป็ นนักธุรกิจ คือ ธนาคารเค้าก็อยากรักษาลูกค้า ส่ วนเราสมัครเข้าไป เรา ก็ได้ประโยชน์ เพราะผลทีเกิดขึนเป็ นนักธุรกิจรุ่ นเด็กๆ คือเป็ นพวกทีช่วยทํางานทีบ้าน คือ ไม่ใช่รุ่นใหญ่ เราก็ จะมีเพือนทีรู ้จกั มีเครื อข่ายทียังไม่มีอายุเยอะมาก ส่ วนอบรมของธนาคารกรุ งไทย คือ MMS จะจัดทีส่ วนกลาง จัดใหญ่เลย ก็อบรมคล้ายๆ กัน แต่จะคัด พวกลูกค้าชันดี ส่ วนใหญ่จะมีธุรกิจขนาดกลาง มีโรงงานใหญ่ เราก็ได้เครื อข่ายเพิมขึน นอกจากนัน ก็จะมีสมาคมส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สสวท.) ทีจะมีการจัดอบรม โครงการพัฒนาผูป้ ระกอบการธุ รกิจอุตสาหกรรม (คพอ.) ทุกปี โดยมีหลักสู ตรอบรมเหมือน mini MBA ด้าน บัญชี การเงิ น การลงทุ น เศรษฐศาสตร์ อิ นโนเนเวชัน การทําแผนธุ ร กิ จด้วย ใช้เวลาประมาณหนึ งอาทิ ตย์ ติดต่อกัน ก็จะมีการจัดของแต่ละภาค แล้วก็วนจังหวัดไปเรื อยๆ รุ่ นนึ งประมาณ 40 คน พอจบการอบรมก็จะมี งานเลี ยง สัม มนาพอรุ่ นใหม่ เรี ย นจบ ก็จ ะมาทําความรู ้ จักกัน กับ รุ่ น เก่ า ๆ แล้ว ก็จะมี ก ารแนะนําอาจารย์ใ น มหาวิทยาลัยทีมาเป็ นวิทยากรให้รู้จกั เราก็สามารถไปขอรับความช่วยเหลือจากอาจารย์หลังจากอบรมได้ สํานักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่ งชาติ

(สวทช.) ก็จะมี การอบรมสไตล์เดี ยวกัน

เจ้าหน้าทีจัดอบรมก็กลุ่มเดียวกันกับ สสวท. เป็ นการอบรมทุกเสาร์อาทิตย์ ใช้เวลาเกือบสองเดือน

115 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่รู้จกั ไม่เคยขอรับความช่วยเหลืยจากเงินกองทุนของ สสว. เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบ ธุรกิจและการลงทุนมาจากเงินทุนส่ วนตัว - เงินทุนช่วงแรกๆ มาจากการกูย้ มื จากธนาคาร คือ ใช้ในช่วงเริ มต้น ใช้เป็ นวงเงิน เช่น พอประมูลงาน ภาครั ฐได้ ก็เอาสัญญาไปกู้กบั แบงค์ แล้วโปรเจคที ได้เป็ นโปรเจคของภาครั ฐ จึ งสามารถเบิ กเงิ นส่ วนหนึ ง ล่วงหน้าจากแบงค์ได้ พอได้รับเงินค่าจ้างภาครัฐ ก็จะเอาเข้าธนาคาร ธนาคารก็จะหักเงินต้น หักดอกเบียก่อน เหลือเท่าไหร่ ผูป้ ระกอบการก็ได้เงินในส่ วนนัน ธนาคารทีใช้ก็คือธนาคารกรุ งไทย เพราะค่าธรรมเนี ยมและ ดอกเบี ยถูก การอนุ มตั ิ เร็ ว แล้วกรุ งไทยก็เชี ยวชาญพวกเอกสารที เกี ยวกับภาครั ฐ แต่ถา้ เป็ นแบงค์อืนจะไม่รู้ ระเบียบภาครัฐ ทํางานกับภาครัฐดีตรงทีมันมีความแน่นอนในการทีจะจ่าย งานเสร็ จ ก็รับเงิน แต่พอตอนหลังมี เงินทุน ก็ไม่จาํ เป็ นต้องกูจ้ ากธนาคารอีกแล้ว ก็ใช้เงินทุนตัวเอง ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่รู้จกั สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : น่าจะมีผลกระทบด้านแรงงาน แต่ก็อาจจะไม่มากนัก คือ ลูกจ้างส่ วนใหญ่ของธุ รกิจทีทําอยู่ มา เป็ นกลุ่มและ ไม่ได้อยูป่ ระจํา คือ ถ้าต้องการเพิมคน ก็ประกาศรับสมัครมา ก็มีคนมาทํา ไม่ใช้ลูกจ้างประจําเยอะ เป็ นเหมื อนพนักงานพาร์ ทไทม์ เมื อสิ นสุ ดโครงการก็จ ะเลิ กจ้าง เราจะมี หัวหน้าที มคนไทย แล้วเค้าก็จะคิ ด ค่าใช้จ่ายเหมา แล้ว เค้าก็จะหาคนมาทํางานให้ เราก็จ่ายเหมาไป แล้วเค้าก็ไปเฉลี ยค่าแรงจ่ ายกันเอง ตอนนี

116 แรงงานก็ยงั หาได้ไม่ยาก แต่ถา้ ต่อไปคนลงทุนฝังลาวมากขึน ก็อาจมีปัญหาแรงงานต่างด้าวกลับประเทศ แล้ว แรงงานคนไทยก็ไม่ชอบงานทีใช้แรงงาน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 44 นายบุญมี สุ ระโคตร (หัวหน้ากลุ่มศูนย์ขา้ วกล้องงอกชุมชน จังหวัดศรี สะเกษ) สั มภาษณ์ วันที 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน (คือ ธุรกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อ เป็ น SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อยากให้เป็ นวิสาหกิจชุมชนมากกว่าเพราะอยากสร้างรายได้ให้กบั ชุมชน เพราะกิจการทีทําอยู่ เป็ นกลุ่มเกษตรกรอีกทังผูใ้ ห้สมั ภาษณ์อยากจะพัฒนาชุมชนให้เข้มแข็งเสี ยก่อน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรส่ งเสริ มและช่วยเหลือในเรื องข้อมูลการวิจยั องค์ความรู ้ต่างๆ การประสานงาน และ ทุนสํารองซึ งอาจจะเป็ นไปได้ยาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs

117 ผู้ ให้ สัมภาษณ์ : มี ปัญหาและอุปสรรคกระทบโดยตรงในด้านการประกอบอาชี พ เพราะโดยส่ วนใหญ่ แล้ว เกษตรกรเป็ นพวกชาวไร่ ชาวนา ถ้ากระทบในเรื องสัน ๆ ก็อาจจะไม่เป็ นไรแต่ถา้ กระทบในเรื องทีส่ งผลในระยะ ยาวอาจทําให้ธุรกิจเติบโตช้าลงไปอีก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีส่วนช่วยอยูบ่ า้ งแต่กข็ ึนอยูก่ บั แต่ละกลุ่มว่าจะให้ความสําคัญแก่ สสว. มากน้อยเพียงใด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับความช่วยเหลืยจากเงิ นกองทุนของสสว.เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบธุ รกิ จ และการลงทุนมาจากกู้ยืมจากธนาคารเพือการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตร เพราะดอกเบียตํา รวดเร็ วกว่า หน่วยงานอืน ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : จําเป็ นทีจะขยายหน่วยงานไปทัวภูมิภาค เพราะการทํางานของหน่วยงานราชการค่อนข้างล่าช้า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบชัดเจน ในเรื องของแรงงาน รู ปแบบผลิตภัณฑ์ และภาษา ราคาสิ นค้า มีการอบรม ด้านภาษา เตรี ยมการพัฒนาด้านคุณภาพของสิ นค้าให้เป็ นสากลมากขึน เช่น ปรับจากเกษตรทัวไปเป็ นเกษตร อินทรี ย ์ ทําให้สินค้ามีความต่างอย่างชัดเจน เพือทีจะต่อสู้กบั ต่างชาติได้ อยากให้ สสว. ช่วยในด้านการขนส่ ง มากขึน เมือเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยน

118 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 45 คุณสาโรช คํารัตน์ (เจ้าของธุรกิจยาสี ฟันสมุนไพรไชโย จังหวัดอุบลราชธานี) สั มภาษณ์ วันที 24 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs ผสมผสานกับ OTOP ในระดับ 4 ดาว โดยมีเป้ าหมายคืออยากจะให้คนไทยได้ ใช้ยาสี ฟันสมุนไพรไทยมากทีสุ ด เพราะช่วยได้ตรงกับความต้องการของคนไทยอยูแ่ ล้ว เนื องจากมีคุณภาพและ สรรพคุณทีดี ใช้แล้วฟันแข็งแรง ไม่มีหินปูนเกาะฟัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ทีภาครัฐทํามาดี อยู่แล้ว แต่อย่างไรก็ดีอยากให้ภาครั ฐส่ งเสริ มเรื องการตลาดและสิ นค้าที มี คุณภาพจริ ง ๆ ทีสามารถนํามาจัดจําหน่ายในตลาด ภาครัฐควรจะสนับสนุนรวมถึงมีการทดสอบและทดลองใช้ สิ นค้า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เป็ นปั ญหาต่อการทําธุรกิจ ภาครัฐสนับสนุนดีอยูแ่ ล้วเพียงแต่ตลาดนันยังแคบ ควรจัดการเรื อง OTOP ทียังกระจายไม่ได้ทวทุ ั กภูมิภาค

119 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการมาก สิ นค้าทีผลิตอยู่เป็ นทีรู ้จกั ในตลาด มากขึนเพราะ สสว. ช่วยด้านการตลาด ด้านบรรจุภณั ฑ์ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับความช่วยเหลือจากเงินกองทุนของ สสว. เลย เงินลงทุนทีใช้ในการประกอบธุ รกิจ และการลงทุนมาจากเงินทุนส่ วนตัว แต่ สสว. ได้เสนอให้แต่ก็ไม่ได้ทาํ การกูย้ ืม เพราะอายุมากแล้ว จึงอยากใช้ ทุนของตัวเองประกอบกับเงินเก็บทีสะสมไว้จากการทํางานในอดีต นอกจากนี โรงงานก็ไม่ได้ขยายใหญ่โตมาก เน้นทําแบบพอเพียง ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติดต่อทาง สสว. โดยตรงทางโทรศัพท์ เห็นว่ามีความเหมาะสมมากในการขยายหน่วยงานของ สสว.ไปตามภูมิภาคต่าง ๆ เป็ นหน่วยงานทีชาวบ้านและผูป้ ระกอบการให้ความเชือถือ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่กระทบเลย เป็ นสิ งทีดีทาํ ให้ต่างประเทศรู ้จกั ยาสี ฟันทีใช้สมุนไพรได้ดีมากขึน เพราะสิ นค้าเรา มีความโดดเด่นในตัวเองอยูแ่ ล้วเนืองจากเป็ นสมุนไพรไทยซึ งแตกต่างจากสมุนไพรยีห้ออืน ๆ ใช้แล้วได้ผลจริ ง ไม่ตอ้ งรอนาน ส่ วนกลยุทธ์ นัน ผูใ้ ห้สมั ภาษณ์มีเป้ าหมายทีจะขยายโรงงานให้ใหญ่ขึนเพือผลิตสิ นค้าให้ทนั กับ ความต้องการของผูบ้ ริ โภคภายในประเทศ รวมถึงการส่งออกไปนอกประเทศ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

120 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 46 นายสมพร สี หาวงษ์ (ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดอํานาจเจริ ญ) สั มภาษณ์ วันที 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะว่าเป็ นธุรกิจส่วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน อัตราดอกเบีย การตลาด นอกจากจะสนับสนุนแล้วควร หาช่องทางการจําหน่ายให้ดว้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว.มีส่วนช่วยส่งเสริ มบ้าง เช่น การเชิญนักลงทุนและผูป้ ระกอบการมาสัมมนา แต่กม็ ีขอ้ ติดขัด ในหลายๆ เรื อง

121 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เคยได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนของ สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : โดยส่ วนตัวไม่มีการประสานงานกับ สสว. และเห็นว่าควรจะมีหน่วยงาน สสว. ส่ วนภูมิภาค เพราะจะทําให้ผูป้ ระกอบการนันเข้าถึงได้ง่ายกว่าปั จจุบนั โดยเฉพาะอย่างยิงการทําหน้าทีในเชิ งรุ ก เนื องจาก ผูป้ ระกอบการในต่างจังหวัด หรื อจังหวัดเล็กๆ ไม่สะดวกในการเข้ามาขอความช่วยเหลือจาก สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่กระทบ เพราะธุ รกิ จทีทําอยู่นีไม่ได้เข้าแข่งขันกับต่างประเทศ หากแต่ในระยะยาวนันยังไม่ แน่ใจ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 47 นายสวาท ธีระรัตนนุกลู ชัย (ประธานหอการค้า จังหวัดอุดรธานี) สั มภาษณ์ วันที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556

122 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะว่าเป็ นธุรกิจส่วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรให้การสนับสนุนด้านแหล่งเงินทุน การพัฒนาสิ นค้าหรื อบริ การ และโดยเฉพาะอย่าง ยิงทางด้านการตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบายหรื อมาตรการภาครั ฐส่ วนใหญ่เป็ นการกําหนดขอบเขตและหน้าทีที จะทําขึ นมา แต่ ในทางปฏิบตั ิกลับไม่สามารถทําได้ตามนโยบายหรื อมาตรการทีได้ตงขึ ั นจริ ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีส่วนช่วยผูป้ ระกอบการได้ในระดับหนึงเท่านัน และซึ งก็ไม่ได้เกิดประสิ ทธิ ผลเท่าใด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มจากกองทุน SMEs เลย เงินทุนทีใช้ในการประกอบธุรกิจเป็ นการกูย้ มื มา จากธนาคารพาณิ ชย์ ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่

123 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เห็นว่าสมควรอย่างยิงทีจะต้องมีการตังหน่วยงาน สสว. ในส่ วนภูมิภาค เพราะจะได้สะดวกต่อ ผูป้ ระกอบการในการเข้าถึงหน่วยงาน สสว. โดยตรงในภูมิภาค ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีผลกระทบใดๆ แต่มีผลดีทาํ ให้เกิ ดการขยายตลาดให้มากยิงขึน ซึ งธุ รกิจทีทําอยู่นีได้มีการ เตรี ยมความพร้อมเพือเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนแล้ว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขอออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 48 นายวสั นต์ แก้ วศิริบณ ั ฑิต (ประธานหอการค้า จังหวัดเลย) สั มภาษณ์ วันที 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : “หอการค้า” เป็ นองค์กรภาคเอกชน ก่อตังขึนตาม พระราชบัญญัติ พ.ศ. 2509 เป็ นการรวมตัว ของภาคธุรกิจ SMEs ภายในจังหวัดเลย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรมีส่วนร่ วมในการผลักดัน สนุบสนุนSMEs ในพืนทีให้มีความเข้มแข็ง โดยการให้ ข้อมูลกฎระเบียบ ในส่ วนทีเกียวข้องของแต่ละหน่วยงาน

124 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงขันตํา 300บาท, มาตรการด้านภาษี, การควบคุมมาตรฐานด้าน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ประเด็นปั ญหาอุปสรรค คือ หน่ วยงานของภาครัฐขาดการประสานงานกันระหว่างหน่วยงาน รวมถึงข้อกฎหมายมีความซําซ้อน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าที ของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. เป็ นหน่ วยงานที ให้ความช่วยเหลื อกับ SMEs ได้มาก โดยเฉพาะการมี ส่วนร่ วมด้าน การพัฒนา ส่งเสริ มวิสาหกิจให้มีความเข้มแข็ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่ งเสริ มจากกองทุน SMEs เลย ผูป้ ระกอบการส่ วนใหญ่ ยังใช้แหล่งทุนจาก สถาบันการเงิน เนืองจากมีความคุน้ เคย ความใกล้ชิด ส่ วนแหล่งทุนจาก สสว. มีขอ้ จํากัดหลายด้าน ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. มีขอ้ จํากัดในเรื องการติดต่อ เนืองจากมีสาํ นักงานสาขาในประเทศไม่กีแห่ง อนาคตควรมี สํานักงานประจําพืนทีทุกจังหวัด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุ รกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร

125 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบ AEC เป็ นเรื องใหม่สาํ หรับผูป้ ระกอบการ SMEs มีประเด็นเรื องของข้อกฎหมาย ระหว่างประเทศ ทียังไม่ชดั เจน ภาครัฐต้องให้ขอ้ มูล ข้อเท็จจริ ง รวมถึงการสงวนไว้บางประเภทธุรกิจ สําหรับ SMEs ไทย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีและไม่ทราบข้อมูล ไม่ขออกความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 49 ไม่ อนุญาตให้ ระบุชือผู้ให้ สัมภาษณ์ (กรรมการสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จังหวัดนครปฐม) สั มภาษณ์ วันที 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : SMEs เพราะมีความคล่องตัวในการบริ หารจัดการมากกว่า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ด้านนวัตกรรม เครื องจักร อุปกรณ์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และการถ่ายทอดเทคโนโลยีต่างๆ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีปัญหาและอุปสรรคมาก ภาครัฐให้ความช่วยเหลือได้นอ้ ย ไม่ตรงต่อความต้องการทีแท้จริ ง และล่าช้า ไม่ทนั ต่อสถานการณ์ เช่น เรื องการขึนอัตราค่าแรงขันตํา เป็ นต้น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด

126 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ช่วยได้นอ้ ย เนืองจากข้อมูลข่าวสารต่างๆ ยังกระจายไปไม่ทวถึ ั งผูป้ ระกอบการ โดยเฉพาะอย่าง ยิงในกลุ่ม SMEs ขนาดจิว (Micro Enterprise) ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคย เนืองจากใช้เงินทุนส่วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ขณะนียังไม่ได้ติดต่อกับ สสว. และคิดว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค เนืองจากผูป้ ระกอบการในต่างจังหวัดค่อนข้างเสี ยเปรี ยบในด้านการแข่งขัน ดังเช่นการขึนอัตราค่าแรงขันตําที เท่ า กัน ทัวทังประเทศ ในขณะที ปั จ จุ บ ัน ยัง ไม่ ค่ อ ยมี ภ าครั ฐ จากส่ ว นกลางไปช่ ว ยให้ ข ้อ มู ล ข่ า วสารแก่ ผูป้ ระกอบการส่ วนภูมิภาค ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนยังไม่ค่อยมีผลกระทบต่อธุ รกิ จทีทําอยู่ และเห็นว่าธุ รกิจ การส่ งออกไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก หาก สสว. จะให้ความช่วยเหลือควรให้ขอ้ มูลการศึกษาตลาดใน อาเซี ยน เช่น ตลาดวัตถุดิบต่างๆ สสว. ควรเป็ นพีเลียงหรื อทีปรึ กษาให้หน่ วยธุ รกิ จ ตลอดจนปรับหลักเกณฑ์ ความช่วยเหลือให้ทนั ต่อสถานการณ์ดว้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ขอแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี

127 บทสั มภาษณ์ ที 50 นางกมลชนก สุ ขยานี (เจ้าของกิจการฟาร์ มไก่และบ่อปลา อําเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี) สั มภาษณ์ วันที 25 กันยายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : SMEs เพราะมีการบริ หารกิจการทีง่ายกว่า ด้วยว่ามีความเป็ นเอกเทศ ไม่ตอ้ งบริ หารจัดการผ่าน องค์กรอืนใด และเข้าใจว่าภาครัฐให้การสนับสนุน SMEs มากกว่า ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เงินลงทุน การให้คาํ ปรึ กษา และการตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ :

ภาครัฐยังดูแลไม่ได้ทวถึ ั ง ทังปั ญหาด้านการจัดเก็บภาษีอากร นโยบายการบริ หารจัดการ

สิ งแวดล้อม และการตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุ ขอนามัย ตลอดจนกฎระเบียบต่างๆ ทีเกียวข้อง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปัจจุบนั มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ยังไม่รู้จกั สสว. แต่เห็นว่า สสว. ควรต้องเร่ งให้ความรู ้ความเข้าใจแก่ประชาชนในโครงการต่างๆ ก่อน เพือให้ประชาชนได้รู้จกั สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคย เนื องจากใช้เงินทุนส่ วนตัว และกูย้ ืมจากธนาคารเพือการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสหกรณ์ออมทรัพย์ ซึ งให้ดอกเบียตํา และมีการกําหนดระยะเวลาให้ผอ่ นชําระได้อย่างเหมาะสม

128 ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ทราบว่าจะต้องติดต่อผ่านหน่วยงานใด แต่เห็นว่า สสว. จําเป็ นต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคด้วย ซึ งอาจเป็ นการดําเนิ นการร่ วมกันกับธนาคารเพือการเกษตรและสหกรณ์ การเกษตรก็ได้ เพราะเป็ นหน่ วยงานที เข้าถึงผูป้ ระกอบการในส่ วนภูมิภาคได้จาํ นวนมาก ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบปานกลาง ส่ วนกลยุทธ์ในการปรับตัวของธุรกิจของผูใ้ ห้สัมภาษณ์คือ จะอาศัยการ รั กษามาตรฐานการผลิ ต ไม่ให้ต่างชาติ เข้ามาตี ตลาดได้ ซึ งเห็ นว่า สสว. เองก็ควรเข้ามาให้คาํ ปรึ กษาและ ประชาสัมพันธ์ การให้ความช่ วยเหลื อต่างๆ แก่ ผูป้ ระกอบการก่อนจะมี การเปิ ดประตูสู่ ประชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ยนอย่างเต็มรู ปแบบ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. ควรมีการปรับปรุ งแก้ไขกฎหมายหรื ออนุบญั ญัติทีเกียวข้องในการสนับสนุนธุรกิจขนาดเล็ก มากๆ ให้พฒั นาและเติบโตไปได้อย่างยังยืนเป็ นสําคัญ

บทสั มภาษณ์ ที 51 นางอังคณา ถิตตยานุรักษ์ (เจ้าของกิจการและพนักงานร้านขายของ ตลาดนําอัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม) สั มภาษณ์ วันที 13 กันยายน พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายการก่อตังหน่วยธุรกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจชุมชน หรื อ SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ นธุรกิจ SMEs

129 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ให้การสนับสนุนทางด้านการแนะนําการท่องเทียวในชุมชนและด้านการตลาด ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด อย่างไร โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีอุปสรรคมาก โดยเฉพาะนโยบานด้านภาษีเป็ นอุปสรรค เช่นภาษีป้ายโฆษณา ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปัจจุบนั มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีเลย อยากให้สสว.มีหน่วยงานส่ วนภูมิภาคกระจายตามจังหวัดต่างๆ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อไม่ หากไม่เคย เงินทุนทีท่านใช้ ในการประกอบธุ รกิจมาจากแหล่งใดบ้าง หากเคย ท่านคิดว่าหลักเกณฑ์และระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิน สนับสนุนจากกองทุนส่งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยได้รับการสนับสนุนจากเงินกองทุนส่ งเสริ มSMEs เงินทุนทีนํามาใช้ดาํ เนิ นธุ รกิจเป็ นเงิน ส่ วนตัว และการสนับสนุนจากกองทุนหมู่บา้ นเพือช่วยการทําธุรกิจของชุมชน ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับ สสว. ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิด ว่ามีความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ติดต่อผ่านทางเทศบาล เห็นด้วยว่ามีความจําเป็ นทีสสว.จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมาก น้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่าน คิดว่า สสว. ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มีผลกระทบน้อยทังในแง่บวกและลบ อยากให้สสว.ช่วยส่ งเสริ มการท่องเทียว และด้านภาษา ต่างชาติ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร

130 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เพราะไม่ทราบข้อมูลเกียวกับกฎหมายของสสว.เลย

บทสั มภาษณ์ ที 52 นายวิวิชชัย เชียวชาญ (เจ้าของธุรกิจ บริ ษทั บ้านชมนาดสมุนไพรสด สปา แอนด์ อโรมา จังหวัดนนทบุรี) สั มภาษณ์ วันที 23 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายของการก่อตังหน่วยธุ รกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจ ชุมชน (คือ ธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อเป็ น SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะเราไม่ได้หยุดอยูแ่ ค่วิสาหกิจชุมชน เราหวังไกลกว่านัน เราจะขยับเป้ าหมาย ไปสู่ AEC ถ้าอยูแ่ ค่อุตสาหกรรมชุมชน รายได้หรื อสิ งตอบแทนไม่เพียงพอ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุนและส่งเสริ มผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เรื องเทคนิคต่าง ๆ ในธุ รกิจที SMEs นัน ๆ เป็ น ถ้าเกียวกับเครื องสําอาง อย่างน้อยคือเรื องของที ปรึ กษาทางด้านการผลิต เช่นครี มทีผลิตแล้วตรงตามเป้ าหมาย ในด้านของบรรจุภณ ั ฑ์ หาแหล่งผลิต แนะนําการ ผลิต รวมทังเรื องกฎหมาย ข้อห้ามต่าง ๆ ทีเป็ นการเฉพาะ ให้เหมือน one stop service ไม่ตอ้ งวิงไปตาม กระทรวงต่ าง ๆ ตามที เป็ นอยู่ ทําให้ผูป้ ระกอบการไม่ตอ้ งการจะไปและต้องช่ วยเหลื อตัวเอง แต่ถา้ ภาครั ฐ อยากจะช่วยก็ตอ้ งจัดหน่วย one stop service สําหรับ SMEs โดยตรง สําหรับพวกธุ รกิจ SMEs ทีต้องการจะไป ปรึ กษาในเรื องใด ๆ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงงานขันตํา 300 บาท , มาตรการด้านภาษี , การควบคุมมาตรฐาน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั ญหาทีพบแต่ละลักษณะธุรกิจใน SMEs มีลกั ษณะการทําธุรกิจหลายประเภท ในเฉพาะเรื องที เกี ยวกับสปา ปั ญหาจริ ง ๆ คือเจ้าหน้าที ที เป็ นคนควบคุมดูแลกฎระเบียบ ข้อบังคับ ยกตัวอย่างเช่ น อย. ไม่มี

131 ความเข้าใจอย่างแท้จริ งทีจะช่วยส่ งเสริ มช่วยทําเรื องยากให้เป็ นเรื องง่าย ยังไม่มีความเข้าใจ แต่ยงั มีอีกหลายแง่ที ต้องเกียวข้องกับกระทรวงต่าง ๆ บางหน่วยงานของรัฐซึงบางหน่วยงานก็มีการทํางานทีดี เช่น กระทรวงพาณิ ชย์ ั า นความรู้ ค วามเข้า ใจในขอบเขตหน้า ที กรมส่ ง เสริ ม การส่ ง ออก แต่ บางหน่ ว ยงานก็ย งั ปฏิ บตั ิ ไ ม่ ดี ทงในด้ รับผิดชอบ และโครงสร้างการบริ หารงานในองค์กร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ใน ปั จจุบนั มีส่วนช่วยส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ :

ความจริ งก็มีการดําเนิ นงานที ดี แต่ ผูป้ ระกอบการไม่ ตอ้ งการจะไปพบเพื อขอคําปรึ กษา

ภาพลักษณ์ของหน่วยงานยังดูห่างกับผูท้ าํ ธุรกิจจริ ง ๆ ถ้าไม่ห่างจะทําให้ผปู ้ ระกอบการอยากขอคําปรึ กษาเมือมี ปั ญหา ณ จุดไหน แต่ส่วนใหญ่นกั ธุรกิจไม่เคยนึกถึงเนืองจากเสี ยเวลากว่าจะได้ทาํ ตามเป้ าหมาย จึงทําให้รู้สึกไม่ อยากเข้าไป ต้องสร้างภาพลักษณ์ให้ดูใกล้ชิดกับนักธุ รกิจมาก โดยให้ทาํ งานเชิงรุ กไม่ใช่ทาํ งานเชิงรับ ขณะนี มี การประชาสัมพันธ์ ส่ งเสริ ม แต่เมือถึงเวลาจริ ง การทํางานไม่ได้คล่องอย่างทีประชาสัมพันธ์ไว้ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรื อไม่ หากไม่ เ คยเงิ น ทุ น ที ท่ า นใช้ใ นการประกอบธุ ร กิ จ มาจากแหล่ ง ใดบ้า ง หากเคย ท่ า นคิ ด ว่า หลัก เกณฑ์แ ละ ระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิ นสนับสนุ นจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม เหมาะสม หรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคย โดยส่วนตัวยึดถือแนวคิด เสื อผืนหมอนใบ ทําธุรกิจไปสะสมไป ไม่ใช้แหล่งเงินกู้ ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (สสว.) ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิดว่ามีความจําเป็ นทีสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : จําเป็ น ควรจะต้องมากกว่าภูมิภาค โดยน่าจะมีทุกจังหวัด เพราะประชาชานจะได้เข้าถึงได้อย่าง สะดวกสบายมากยิงขึน

132 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่านคิดว่าสํานักงานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่ตอ้ งปรับตัวเราทําของเราให้ดีทีสุด ประเทศไทยถือว่าเป็ นชันแนวหน้าอยูแ่ ล้ว โดยใช้หลักการ ที ทําธุ รกิ จในเมื องไทยอย่างเต็มที พร้ อมที จะบุ กประเทศที มี ประสิ ทธิ ภาพด้อยกว่าเราซึ งมี จาํ นวนมากกว่า ประเทศทีมีประสิ ทธิ ภาพสู งกว่าเรา โดยเลือกทีจะหาประโยชน์จากประเทศทีด้อยกว่า ซึ งง่ายกว่าด้วยการปรับ เรื องภาษาซึ งเป็ นจุดอ่อนของนักธุ รกิ จที เป็ น SMEs

ทังหมด จะต้องใช้ความพร้ อมมาก ๆ คิ ดได้พูดได้แต่

หน่วยงานของรัฐนันมีงบประมาณจํากัด เนื องจากหน่ วยงานนี ไม่ใช่หน่วยงานทีได้รับความสําคัญมากมาย ใน การช่วยเหลือควรจะครบทุกด้าน มันเป็ นเรื องของการบริ หารจัดการให้ถว้ นถี ในทุกๆ จังหวัด การบริ หารจัดการ ระหว่างประเทศ กฎกติกามารยาทของแต่ละประเทศ ข้อห้ามของแต่ละประเทศ ภาษาของแต่ละประเทศต้องมี การอบรมอย่างต่อเนือง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มี ประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เพราะไม่ทราบข้อมูลเกียวกับกฎหมายของสสว.เลย

บทสั มภาษณ์ ที 53 นายพะเยาว์ กรุ่ นทอง (ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดสิ งห์บุรี) สั มภาษณ์ วันที 29 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายของการก่อตังหน่วยธุ รกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจ ชุมชน (คือ ธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อเป็ น SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะว่าเป็ นธุรกิจส่วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุนและส่งเสริ มผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง

133 ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรสนับสนุนด้านเงินทุน เทคโนโลยี และการตลาด ควรจัดให้หน่วยงานเข้ามาช่วยเหลือ โดย หน่วยงานภาครัฐต้องเข้ามาเยียวยาดูแล จําเป็ นทีจะต้องมีคนให้ความรู ้แก่ผปู ้ ระกอบการ แม้กระทังลูกเถ้าแก่ยงั มี ปั ญหาทังทางด้านการเงิน และการจัดการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงงานขันตํา 300 บาท , มาตรการด้านภาษี , การควบคุมมาตรฐาน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบาย มาตรการ ค่าแรงวันละ 300 บาท และอัตราดอกเบียนเงินกู้ เงือนไขการปล่อยกูค้ วรจะ ยืดหยุน่ กว่านี และควรพิจารณาเป็ นรายๆ ไป ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปัจจุบนั มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เคยเข้าร่ วมประชุมสัมนา แต่ไม่เคยให้ความช่วยเหลือด้านอืน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรื อไม่ หากไม่ เ คยเงิ น ทุ น ที ท่ า นใช้ใ นการประกอบธุ ร กิ จ มาจากแหล่ ง ใดบ้า ง หากเคย ท่ า นคิ ด ว่า หลัก เกณฑ์แ ละ ระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิ นสนับสนุ นจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม เหมาะสม หรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่งเสริ มกองทุน SMEs แต่เคยกูเ้ งินจากสถาบันการเงินทีมีสินเชือสําหรับ SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (สสว.) ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิดว่ามีความจําเป็ นทีสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยประสานงานด้วย แต่ควรทีจะต้องมีศูนย์ภูมิภาค เพราะ SMEs ต้องการความช่วยหลือ แน่นอน ภาครัฐควรทีจะต้องเร่ งเข้ามาช่วยเหลือก่อนที SMEs รายย่อยจะเลิกกิจการไปหมด

134 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่านคิดว่าสํานักงานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : มี แน่ นอนเพราะว่าเทคโนโลยีของเราสู ้ต่างประเทศไม่ได้ อาจโดนแย่งชิ งการตลาด และมี อุปสรรคทางด้านภาษา การรับมือยังไม่ดีพอ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มี ประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี เพราะไม่ทราบข้อมูลเกียวกับกฎหมายของสสว.เลย

บทสั มภาษณ์ ที 54 นายสิ ทธิพงษ์ เจียมศรีพงษ์ (ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดพิจิตร) สั มภาษณ์ วันที 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายของการก่อตังหน่วยธุ รกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจ ชุมชน (คือ ธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อเป็ น SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะว่าเป็ นธุรกิจส่วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุนและส่งเสริ มผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุนและส่งเสริ มผูป้ ระกอบการ SMEs ใน 3 ด้านหลัก ได้แก่ ข้อ1 ส่ งเสริ มธุ รกิจท้องถินไม่ให้ต่างชาติเข้ามาแข่งขัน เช่นการค้าข้าวในจังหวัดพิจิตรมีการนําข้าวจาก ต่างประเทศเข้ามาแข่งขันด้วย ข้อ2 การปรับราคาข้าวน่ าจะค่อยๆปรับ การรับจํานํา ตันละ 15,000 บาทจากเดิ ม 5,000 บาทนันก้าว กระโดดเกินไป ทําให้ SMEs ทีมีเงินทุนน้อยปิ ดกิจการไปหลายเจ้า

135 ข้อ3 การให้การสนับสนุนเงินทุนแก่ SMEs รายใหม่ ในต่างประเทศนันมอง SMEs เป็ นฐานล่างของระบบเศรษฐกิจ เลยมีการสนับสนุนและทําให้ SMEs เข้มแข็ง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงงานขันตํา 300 บาท , มาตรการด้านภาษี , การควบคุมมาตรฐาน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : นโยบาย มาตรการ ในหลายๆเรื องเป็ นทังอุปสรรคและปั ญหา ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปัจจุบนั มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว. เป็ นหน่ วยงานทีไม่มีมาตรฐาน ไม่มีระบบการจัดการทีดี แม้จะมีการสนับสนุ นแต่ก็มี เงือนไขทียุง่ ยากมาก ไม่มีบุคลากรทํางานทีชัดเจน ลักษณะการทํางานเป็ นเหมือนพนักงานส่ งเอกสารเท่านัน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรื อไม่ หากไม่ เ คยเงิ น ทุ น ที ท่ า นใช้ใ นการประกอบธุ ร กิ จ มาจากแหล่ ง ใดบ้า ง หากเคย ท่ า นคิ ด ว่า หลัก เกณฑ์แ ละ ระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิ นสนับสนุ นจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม เหมาะสม หรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่งเสริ มกองทุน SMEs เพราะเงือนไขยุง่ ยากจนเกินไป ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (สสว.) ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิดว่ามีความจําเป็ นทีสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เคยประสานงานด้วย แต่เห็นว่าทํางานไม่เกิดประสิ ทธิ ผลและซําซ้อนกับหน่วยงานอืนเสนอให้ ยุบ สสว.

136 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่านคิดว่าสํานักงานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : อาจมีผลกระทบบ้าง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มี ประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

บทสั มภาษณ์ ที 55 นายกุณฑล ปูรณวัฒนกุล (รองเลขาธิ การหอการค้า จังหวัดราชบุรี) สั มภาษณ์ วันที 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายของการก่อตังหน่วยธุ รกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจ ชุมชน (คือ ธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อเป็ น SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : หน่วยงานของเราเป็ นองค์กรภาคเอกชนของจังหวัดราชบุรี ทีมีส่วนให้การส่ งเสริ มและสนับสนุน ภาคราชการ ในเรื องของเศรษฐกิจทุกระดับทุกภาคส่ วนของผูป้ ระกอบการทังหมด จึงมีเป้ าหมายทีจะส่ งเสริ มให้ ผูป้ ระกอบการรายย่อยได้มีโอกาสได้รับการส่ งเสริ มและสนับสนุนจากภาครัฐ เพือให้ผปู ้ ระกอบการได้มีโอกาส เข้าถึงแหล่งเงินทุน อย่างถูกต้องและถูกวิธี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุนและส่งเสริ มผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุ นและส่ งเสริ มผูป้ ระกอบการ ในเรื องการส่ งเสริ มและ สนับสนุ นผูป้ ระกอบการ SMEs นัน ทางเราคิดว่าควรให้ความรู ้ ในด้านการประกอบธุ รกิ จอย่างเป็ นระบบ

137 การเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพือการต่อยอดธุรกิจ ส่งเสริ มให้มีการขยายตลาดทังในและนอกประเทศ แต่ควรทีจะลด ขันตอนการดําเนินการลงเพือให้สะดวกต่อการเข้าถึงโครงการของผูป้ ระกอบการ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงงานขันตํา 300 บาท , มาตรการด้านภาษี , การควบคุมมาตรฐาน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ปั ญหาและอุปสรรคทีเกิดขึนกับผูป้ ระกอบการ การทีผูป้ ระกอบการจะได้การส่ งเสริ มจากทาง หน่ วยงานภาครั ฐ เป็ นเรื องของรายละเอียดขันตอนทีมีมากจนทําให้ผูป้ ระการไม่อยากเข้าร่ วมโครงการต่างๆ ทีภาครัฐจัดขึน เช่นการขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ ถ้าผูป้ ระกอบการมีเงินทุนหมุนเวียนทีดีกค็ งไม่ตอ้ งการที จะขอรับการสนับสนุน แต่ผปู ้ ระการบางรายส่ วนใหญ่มกั จะมีปัญหาเรื องความมันคงทางการเงินมาก่อน เมือมา ทําธุ รกิจ ต้องการเงินทุนแต่กลับติดปั ญหาในเรื องของการเดินบัญชี เชื อว่าผูป้ ระกอบการเองก็คงไม่ได้ตงใจให้ ั เกิดปั ญหาดังกล่าวแต่บางครังการทําธุรกิจเพือความอยูร่ อดต้องทําทุกวิถีทางเพือให้ธุรกิจคงอยูต่ ่อไปได้ เช่นเมือ ตรวจสอบพบเรื องเครดิ ตบูโร ซึ งเมือเทียบกับธุ รกิ จหรื อหลักทรัพย์ทีผูป้ ระกอบการมีอยู่ ซึ งมีจาํ นวนมากกว่า ปั ญหาทีเกิดขึนแต่เมือไปขอรับการสนับสนุน ก็จะไม่สามารถทําได้ หรื อการทีภาครัฐมีนโยบายส่ งเสริ มให้ไป แสดงสิ นค้ายังต่างประเทศ ข้อกําหนดต่างๆมี หลายขันตอนมากจนทําให้ผูป้ ระกอบการไม่ได้ให้ความสนใจ เท่าทีควร ทังนีภาครัฐควรตะหนักถึงความเป็ นได้แห่งความเป็ นจริ งมากกว่าอิงทีเอกสารและข้อกําหนดเป็ นหลัก ซึ งเชือได้วา่ หากภาครัฐได้ผอ่ นผันข้อกําหนดต่างๆ ลงบ้างบางประการก็จะทําให้ธุรกิจ SMEs ทีมีอยูไ่ ด้มีโอกาส เติบโตอย่างมันคงแน่นอน ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปัจจุบนั มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : กิจกรรมและมาตรการต่างๆทีสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้มี นโยบายสู่ ผูป้ ระกอบการ มีส่วนช่วยเป็ นอย่างมาก อย่างน้อยก็ทาํ ให้ผูป้ ระกอบการทราบว่ายังมีอีกหน่ วยงาน หนึ งคอยให้ ค าํ ปรึ ก ษาในการประกอบธุ ร กิ จ โดยเฉพาะการส่ ง เสริ ม ให้ค วามรู ้ สู่ ผูป้ ระกอบการในพื นที ต่างจังหวัด

138 ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรื อไม่ หากไม่ เ คยเงิ น ทุ น ที ท่ า นใช้ใ นการประกอบธุ ร กิ จ มาจากแหล่ ง ใดบ้า ง หากเคย ท่ า นคิ ด ว่า หลัก เกณฑ์แ ละ ระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิ นสนับสนุ นจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม เหมาะสม หรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่เคยขอรับการส่งเสริ มกองทุน SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (สสว.) ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิดว่ามีความจําเป็ นทีสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ควรทีจะมีศนู ย์ประสานงานประจําภูมิภาคเพือสะดวกในการติดต่อสําหรับผูท้ ีอยูต่ ่างจังหวัดนี ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่านคิดว่าสํานักงานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : วันนี ทุกคน ทุกหน่วยงานได้มีการพูดถึง การเข้าสู่ AEC ถามว่าวันนี ใครหรื อหน่วยงานไหนเป็ น ผูร้ ับผิดชอบเรื องดังกล่าวโดยตรง หากมีขอ้ สงสัยเรื องราวต่างๆ เกิดปั ญหาข้นมาต้องปรึ กษาใคร ไม่มีใครตอบ ได้ แต่ถามว่าผูป้ ระกอบการต้องทําอย่างไร เราเองคงตอบแทนไม่ได้ แต่เชือว่าผูป้ ระกอบการเองก็ตอ้ งหาวิธีการ ดําเนิ นการเพือให้ธุรกิจอยูร่ อด แต่จะอยูร่ อดอย่างไรนันเป็ นอีกเรื อง แต่ในสิ งทีเราควรตระหนักคือการวางจุด ยุทธศาสตร์ ของทุกหน่วยงานควรให้เป็ นในทางเดียวกัน ลดขันตอนในการติดต่อประสานงานให้รวดเร็ วขึน เกิด ความเชือมันระหว่างผูป้ ระกอบการกับหน่วยงานของรัฐ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มี ประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

139 บทสั มภาษณ์ ที 56 นายสุ พจน์ ประสงค์ สุขสั นต์ (ประธานหอการค้า จังหวัดสิ งห์บุรี) สั มภาษณ์ วันที 22 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ผู้สัมภาษณ์ : ในเป้ าหมายของการก่อตังหน่วยธุ รกิจของท่าน ท่านต้องการให้หน่วยธุรกิจของท่านเป็ นวิสาหกิจ ชุมชน (คือ ธุ รกิจทีเกิดจากชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง เช่น กรณี กลุ่มแม่บา้ น หรื อสิ นค้า OTOP เป็ นต้น) หรื อเป็ น SMEs เพราะเหตุใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เป็ น SMEs เพราะว่าเป็ นธุรกิจส่วนตัว ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุนและส่งเสริ มผูป้ ระกอบการ SMEs ในด้านใดบ้าง ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ภาครัฐควรมีส่วนช่วยในการสนับสนุ นและส่ งเสริ มผูป้ ระกอบการด้านแหล่งเงิ นทุน อัตรา ดอกเบีย การตลาด นอกจากจะสนับสนุนแล้วควรหาช่องทางการจําหน่ายให้ดว้ ย ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่านโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั มีปัญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด (เช่น กรณี ค่าแรงงานขันตํา 300 บาท , มาตรการด้านภาษี , การควบคุมมาตรฐาน สิ นค้า เป็ นต้น) โดยเฉพาะนโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายทีเกียวข้องกับ SMEs ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความเห็น ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในปัจจุบนั มีส่วนช่วยส่งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากน้อยเพียงใด ผู้ให้ สัมภาษณ์ : สสว.มีส่วนช่วยส่งเสริ มบ้าง เช่นการเชิญนักลงทุนและผูป้ ระกอบการมาสัมมนา แต่ก็มีการติดขัด ในหลายๆ เรื อง ผู้สัมภาษณ์ : ท่านเคยได้ขอรับการสนับสนุนเงินจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรื อไม่ หากไม่ เ คยเงิ น ทุ น ที ท่ า นใช้ใ นการประกอบธุ ร กิ จ มาจากแหล่ ง ใดบ้า ง หากเคย ท่ า นคิ ด ว่า หลัก เกณฑ์แ ละ

140 ระยะเวลาในการพิจารณาให้เงิ นสนับสนุ นจากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม เหมาะสม หรื อไม่ อย่างไร หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน ผู้ให้ สัมภาษณ์ : เคยขอรับการส่ งเสริ มกองทุน SMEs ผู้สัมภาษณ์ : ในการทําธุรกิจของท่าน ถ้าจะต้องประสานงานกับสํานักงานส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (สสว.) ท่านติดต่อผ่านหน่วยงานใด และท่านคิดว่ามีความจําเป็ นทีสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลาง และขนาดย่อม (สสว.) จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาคหรื อไม่ ผู้ให้ สัมภาษณ์ : โดยส่ วนตัวไม่มีการประสานงานกับสสว. และเห็นสมควรว่าควรจะมีหน่วยงาน สสว. ส่ วน ภูมิภาค เพราะจะทําให้ผปู ้ ระกอบการนันเข้าถึงได้ง่ายกว่าปั จจุบนั โดยเฉพาะอย่างยิงการทําหน้าทีในเชิงรุ ก เนืองจากผูป้ ระกอบการในต่างจังหวัด หรื อจังหวัดเล็กๆ ไม่สะดวกในการเข้ามาขอความช่วยเหลือจาก สสว. ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่าการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนจะมีผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจของท่านมากน้อยเพียงใด และท่านจะมีกลยุทธ์ในการปรับตัวในการเข้าสู่ประชาคมอาเซี ยนอย่างไร ตลอดจนท่านคิดว่าสํานักงานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ควรมีบทบาทช่วยเหลือท่านในด้านนีอย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่กระทบ เพราะธุ รกิจทีทําอยูน่ ี ไม่ได้เข้าแข่งขันกับต่างประเทศ หากแต่ในระยะยาวนันยังไม่ แน่ใจ ผู้สัมภาษณ์ : ท่านคิดว่ากฎหมายในการจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มี ประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติมหรื อไม่ อย่างไร ผู้ให้ สัมภาษณ์ : ไม่มีความคิดเห็นในประเด็นนี

การนําเสนอให้กบั สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ของประเทศไทย ตุลาคม

ภาพรวมของ SPRING กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม สิ งคโปร์

SPRING : หน่ วยงานสังกัดกระทรวงการค้ าและอุตสาหกรรม ส่ งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้ างงาน เพือนําไปสู่ การมีมาตรฐานการใช้ ชีวติ ทีสู งยิงกว่าสําหรับทุกคน พัฒนาด้านอุตสาหกรรมและดึงดูดการลงทุน จากต่างประเทศ

หน่วยงานตลาด พลังงาน

คณะกรรมการการ พัฒนาทางเศรษฐกิจ

(EDB)

ส่ งเสริ มอุตสาหกรรม พลังงานทังด้านการมี ศักยภาพในการแข่งขันและ การความเชือถือได้

รับรองเรื องวัสดุโรงงานและพืนที สําหรับอุตสาหกรรม

เอ สตาร์ (A*STAR)

เจทีซี

ส่ งเสริ มและพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจเกาะ Sentosa

SPRING Singapore

คณะกรรมการการ ท่องเทียวสิงคโปร์

ส่ งเสริ มและพัฒนา อุตสาหกรรมการ ท่องเทียว

พัฒนาความสามารถในการค้นคว้าวิจยั ของประเทศสิ งคโปร์ ส่ งเสริ มการพัฒนาวิสาหกิจ คุณภาพ และมาตรฐาน

2

Sentosa

ส่งเสริ มการค้าระหว่าง ประเทศและการไปสู่ระดับ โลกของวิสาหกิจทีมีฐาน ทีตังในสิ งคโปร์

ไออี สิ งคโปร์ (ie Singapore)

คณะกรรมาธิการ การแข่งขัน สิ งคโปร์

กํากับดูแลกิจกรรมทีขัด ต่อการแข่งขัน

ภาพรวมของ SPRING SPRING : วิสัยทัศน์ และหน้ าทีรับผิดชอบ

วิสัยทัศน์

วิสาหกิจสิงค์โปรสู่ ระดับโลก

หน้ าทีรับผิดชอบ

ช่ วยเหลือวิสาหกิจสิ งคโปร์ เติบโต และสร้ างความเชือมันในสินค้ าและบริการสิ งคโปร์

วัตถุประสงค์ ทางยุทธศาสตร์

3

การเป็ นทีหนึ งในภูมิภาคในด้านที มีความสําคัญ

กระตุน้ ภาค SMEs

สร้างความสามารถ และความ เชือมันในโครงสร้างพืนฐานด้าน คุณภาพและมาตรฐาน

ภาพรวมของ SPRING ภูมภิ าพของวิสาหกิจในสิ งคโปร์

ขนาดใหญ่

ล้านเหรียญ

,

วิสาหกิจ ( %)

ขนาดกลาง ล้ านเหรียญ

ขนาดย่อม

,

วิสาหกิจ ( %)

,

วิสาหกิจ ( %)

ล้านเหรีญ

ขนาดเล็ก

4

ภาพรวมของ SPRING SMEs ในระบบเศรษฐกิจของสิ งคโปร์ จํานวนวิสาหกิจ

จํานวนคนทํางาน SMEs 99 % 170,300

99 % วิสาหกิจขนาดใหญ่

มูลค่ าเพิม SMEs % . ล้าน

SMEs % พันล้านเหรี ยญสิ งคโปร์

%

7 ใน %

ของจํานวนวิสาหกิจทังหมดในสิ งคโปร์ เป็ นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม

วิสาหกิจขนาดใหญ่

%

ของคนทํางานเป็ นการจ้างงานโดย SMEs

วิสาหกิจขนาดใหญ่

ของจํานวนรวมมูลค่าเพิ มมาจาก SMEs

ทีมา : Dos 2012 เป็ นการประมาณการซึงรวมหลายๆ ภาคอุตสาหกรรม ทังอุตสาหกรรมการผลิต การก่อสร้าง การเกษตร และบริ การต่างๆ หมายเหตุ หมายรวมถึงทีเป็ นเจ้าของโดยตรงเท่านัน ไม่รวมผูท้ าํ งานเพือตนเอง (เช่น คนขับรถแทกซี คนขายของหาบเร่ ) และคนต่างด่าวทีทํางานในประเทศ ยังไม่รวมถึงบริ ษทั ทีไม่มีกิจกรรม และบริ ษทั ทียังไม่เริ มประกอบกิจกรรม

5

%

ภาพรวมของ SPRING ยุทธศาสตร์ การพัฒนาวิสาหกิจ

เสริ มสร้างภาวะแวดล้อมให้ แข็งแกร่ งเพือการพัฒนาวิสาหกิจ

ปลูกฝัง และเกือกูลการริ เริ ม นวัตกรรม

พัฒนากลุ่มทีมีศกั ยภาพการ แข่งขัน

โดยร่ วมมือกับภาคส่ วนอืนๆ

6

การเจริ ญเติบโตของวิสาหกิจที เป็ นไปโดยการเตรี ยมพร้อม

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม

การขยายสู่ ภายนอก

ขยายความรู ้

ทําให้เกิดการตืนตัว

โดยการจัดสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบตั ิการ การบรรยายย่อย

โดยผ่านการประกาศโฆษณาและจัดรายการ ส่ งเสริ ม

ชักจูง SMEs ให้เพิ มมากขึน

7

ให้บริ การการให้คาํ ปรึ กษาแนะนํา

เข้าผูกพัน

โดยผ่านทางศูนย์ SME

ผ่านทางเจ้าหน้าทีของ SPRING

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม

การเข้ าถึงข้ อมูล : เครือข่ าย EnterpriseOne

สายด่วน โทร.

SMEs เซ็นเตอร์ บริ การให้คาํ ปรึ กษาทางธุ รกิจ ให้ คําปรึ กษาเกียวกับแผนการสนับสนุนและ กฎระเบียบของรัฐบาล การฝึ กอบรมเพิ ม ศักยภาพ

8

อินเตอร์เนท www.enterpriesOne.gov.sg  ข้อมูลจากภาครัฐสู่ภาคธุรกิจ (G2B)  บริ การให้อนุญาตทางธุรกิจ ออนไลน์

ศูนย์ขอ้ มูล อีเมล์  [email protected][email protected]

แอฟริ เคชัน ของอุปกรณ์เคลือนที ข้อมูลธุรกิจออนไลน์ แลกการให้บริ การ ของรัฐผ่านระบบออนไลน์

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม

เข้ าถึงแหล่ งการเงิน และแผนการให้ การสนับสนุน

ชุดคู่มือ คู่มือการบริ การลูกค้า คู่มือการจัดการด้านการเงิน คู่มือการตลาด คู่มือด้านทรัพยากรมนุษย์

เอกสารใบสําคัญจ่าย เอกสารใบสําคัญจ่าย เกียวกับนวัตกรรมและ ความสามารถ

การกูย้ ืม

เงินช่วยเหลือ

การคืนภาษี

โครงการกูย้ ืมรายย่อย (Micro Loan Programme - MLP)

เงินช่วยเหลือพัฒนา ความสามารถและเพือการ พัฒนา (Capacity & Development Grant – CDG)

การคืนภาษีดา้ นศักยภาพการ ผลิตและนวัตกรรม (Productivity & Innovation Credit)

แผนส่ งเสริ มกองทุน วิสาหกิจท้องถิ น (Local Enterprise Fund Scheme - LEFS) แผนงานประกันการกูย้ ืม (Loan Insurance Scheme - LIS)

9

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม เข้าถึงแหล่งการเงิน และแผนการให้การสนับสนุน : คู่มือสําหรับวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม ชุดคู่มือ

คู่มอื การบริการลูกค้ า กรอบการทํางานอย่างง่ายเพือพัฒนาการบริ การสู่ความเป็ นเลิศ คู่มอื การจัดการด้ านการเงิน ให้เครื องมือในการวิเคราะห์ และสิ งทีจําเป็ นในการดําเนิ นการ เกียวกับการเงิน คู่มอื การตลาด ปรั บ ปรุ งศั ก ยภาพการทํ า การตลาด ด้ ว ยเท คนิ คต้ น ทุ น ประสิ ทธิภาพโดยดําเนินการด้วยตนเอง คู่มอื ด้ านงานทรัพยากรมนุษย์ ให้เคล็ดลับ เครื องมือ รู ปแบบในด้านการบริ หารงานบุคคล

10

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม เข้าถึงแหล่งการเงิน และแผนการให้การสนับสนุน : เอกสารใบสําคัญจ่ายเกียวกับนวัตกรรมและความสามารถ (Innovation & Capacity Voucher- ICV)

การเพิมผล ผลผลิต

นวัตกรรม

SMEs สามารถขอรับเอกสารใบสําคัญการจ่าย ICV ได้ ทางออนไลน์ ซึ งมีมลู ค่า , เหรี ยญสิ งคโปร์



การจัดการด้าน การเงิน

ทรัพยากรบุคคล

เข้าถึงความเชียวชาญและการสนับสนุนทีมีคุณภาพได้ง่าย ยิงขึน

 ครอบคลุมค่าใช้จ่ายสําหรับการให้คาํ ปรึ กษาหรื อบริ การ ทีมาจากองค์กรทีเข้าร่ วม

เปิ ดให้ บริการสมัครเอกสาร ICV ออนไลน์แล้ว ปรับปรุ งกระบวนการยืนใบสมัครรับบริ การจากการใช้ เอกสารมาสู่การบริ การด้วยระบบออนไลน์ การสมัครรับบริ การสามารถดําเนินการแล้วเสร็จภายใน นาที

11

-รู ปหน้าเวบไซท์-

เอกสารใบสําคัญ การจ่าย

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม เข้าถึงแหล่งการเงิน และแผนการให้การสนับสนุน : บทบาทของ SPRING ในการให้เงินทุน การกูย้ มื

SPRING Singapore

คําประกันส่ วนความเสี ยงในการผิดนัด ของ SMEs

สถาบันการเงินทีเข้าร่ วมในแผนงาน ธนาคารดีบีเอส (DBS) ธนาคารเอชเอสบีซี (HSBC) บริษัท เงินทุน ฮงเหลียง (Hong Leong Finance) ธนาคาร เมย์ แบงค์ (MayBank) ธนาคาร โอซีบีซี (OCBC Bank) ธนาคารแสตนดาร์ ด ซาร์ เตอร์ (Standard Charted) บีอเี อ (BEA) ธนาคารยูโอบี (UOB)

.

SMEs

12

SMEs

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม เข้าถึงแหล่งการเงิน และแผนการให้การสนับสนุน : การกูย้ มื

การกูย้ มื

1 แผนงานประกันการกู้ยมื (Loan Insurance Scheme - LIS) รับประกันเงินกูส้ าํ หรับเงินทุนในการดําเนินการและเงินทุนการค้า

2 แผนส่ งเสริมกองทุนวิสาหกิจท้ องถิน (Local Enterprise Fund Scheme - LEFS) ให้กยู้ มื วงเงินถึง ล้านเหรี ยญสิ งคโปร์ สําหรับการนําไปจัดซืออุปกรณ์และสิ นทรัพย์

3 โครงการกู้ยมื รายย่ อย (Micro Loan Programme - MLP) การกู้ยมื ทุนสําหรับดําเนินงาน วงเงินถึง น้อยกว่านัน

13

,

เหรี ยญสิ งคโปร์ให้กบั ธุรกิจขนาดเล็กทีมีลกู จ้าง คนหรื อ

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม เข้าถึงแหล่งการเงิน และแผนการให้ การสนับสนุน : เงินช่วยเหลือพัฒนาความสามารถและเพือการพัฒนา (Capacity & Development Grant –CDG) เงินช่วยเหลือเพือช่วยออกเป็ นค่าใช้จ่ายให้แก่ SMEs เป็ นจํานวนถึงร้อยละ (จนกระทังปี การเงิน ) ให้เป็ นค่าใช้จ่ายโครงการปรับปรุ ง ในการยกระดับความสามารถด้านการผลิตและพัฒนา ความสามารถทางธุ รกิจ

การพัฒนายุทธศาสตร์ ธุรกิจ

การพัฒนาต้นทุนมนุษย์

การจัดการด้านการเงิน

การพัฒนาตราสิ นค้า

ปรับปรุ งคุณภาพ และ มาตรฐาน

ความเป็ นเลิศทางการ บริ การ

14

เงิน ช่วยเหลือ

นวัตกรรมทางธุรกิจ และ การออกแบบ

นวัตกรรมทางเทคโนโลยี

ทรัพย์สินทางปัญญา และ การให้สิทธิ จาํ หน่าย

การปรับปรุ งศักยภาพ ทางการผลิต

การเสริ มสร้างความแข็งแกร่ งของสภาวะแวดล้อม

ยุทธศาสตร์ การประกอบการ : Action Community for Entrepreneurship (ACE) ความร่ วมมือระหว่าง SPRING และภาคเอกชน ทีมุ่งจะสร้างสิงคโปร์ให้เป็ นประเทศแห่งการประกอบการให้มากยิงขึน

การพัฒนาต้นทุนมนุษย์

การให้การศึกษา การเป็ นผูป้ ระกอบการ ACE

   

อนุกรรมการการสร้างเครื อข่าย ACE อนุกรรมการการสือสาร ACE การจัดงาน Blusky งานสัปดาห์ Global Entrepreneurship Week (GEW)

เงินทุนสําหรับการเริ มกิจการ

 เงินช่วยเหลือในการเริ มกิจการ ACE

15

 คณะทํางานการศึกษาเกียวกับการเป็ นผูป้ ระกอบการ  โรงเรี ยน ACE

การมุ่งเน้นการพัฒนาของการเริ มกิจการ

 อนุกรรมการตรวจสอบ ACE  อนุกรรมการด้านต่างประเทศ ACE

SPRING Singapore

การพัฒนากลุ่มกิจกรรม

มุ่งเน้ นกลุ่มทีมีความสําคัญ กลุ่ม โดยร่ วมมือกับ IE Singapore, EDB & STB

อุตสาหกรรมการผลิต & วิศวกรรม

รู ปแบบการใช้ ชีวิต

การบริการ & ชีวการแพทย์

การพิมพ์

บริ การอาหารและเครื องดืม

การขนส่ งสิ นค้า

การบรรจุหบี ห่ อ

อุตสาหกรรมการผลิตอาหาร

บริ การการศึกษา

วิศวกรรมการขนส่ง

เฟอร์นิเจอร์

บริ การด้านสุขภาพ

วิศวกรรมความเทียงตรง

เครื องนุ่งห่ม สิ งทอ และแฟชัน

บริ การวิชาชีพ

อีเลคทรอนิกส์

ค้าปลีก

บริ การชีวการแพทย์

เคมีภณั ฑ์ บริ การเทคโนโลยีสะอาดและวิศวกรรม

16

การพัฒนากลุ่มกิจกรรม

ยุทธศาสตร์ การพัฒนากลุ่มกิจกรรม แนวทางเฉพาะของอุตสาหกรรมเพือพัฒนา SMEs และให้กลุ่มกิจกรรมเติบโต

ดําเนินการโดยผ่านพันธมิตร

 ศูนย์นวัตกรรม (Centres of Innovation –COI)  โครงการพัฒนาวิสาหกิจ ท้องถิ นและสมาคม (Local Enterprise & Association Development Programme – LEAD)

17

ผลักดันความสามารถเฉพาะ ทางอุตสาหกรรมของธุ รกิจ

 ความร่ วมมือเพือการเปลียนแปลง ความสามารถ (Partnership for Capacity Transformation –PACT)

สร้างความสามารถของ ต้นทุนมนุษย์

 โครงการผูบ้ ริ หารหลัก (Core Executive Programme – CEP)  แหล่งรวมงานพิเศษ (Part time pool)

 ความร่ วมมือทางอุตสาหกรรม หลายฝ่ าย (Collaborative Industry Partnership – CIP)

 โครงการคนเก่ง SMEs (SME Talent Programme)

ทําตลาดใหม่ให้เติบโต

 ภารกิจธุรกิจต่างประเทศ  การส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อมของสิ งคโปร์ให้มีส่วน สําคัญในตลาดระหว่างประเทศ

การพัฒนากลุ่มกิจกรรม

ศูนย์นวัตกรรม (Centres of Innovation –COI) ให้ คาํ ปรึกษาและคําแนะนําด้ านเทคโนโลยี ดําเนินการโดยผ่านพันธมิตร

ศูนย์เทคโนโลยีสิ งแวดล้อมและนํา ณ วิทยาลัย งี แอน โพลีเทคนิ ค

ศูนย์การจัดการสายโซ่อุปทาน ณ วิทยาลัย รี พลับบลิก โพลีเทคนิค

ศูนย์วิศวกรรมเทียงตรง ณ เอ สตาร์ ซิ มเทค

Marine & Offshore Tech COI

Enviro & Water Tech COI

Electronics COI

ศูนย์ COI ทัง ศูนย์ Supply Chain Management COI Precision Engineering COI

18

ศูนย์เทคโนโลยีทางทะเลและชายฝั ง @ วิทยาลัย งี แอน โพลีเทคนิ ค

Food Innovation & Resource Centre

ศูนย์อีเลคทรอนิ กส์ ณ วิทยาลัยนานยาง โพลีเทคนิ ค

ศูนย์ทรั พ ยากรและนวัตกรรมอาหาร ณ วิทยาลัย สิ งคโปร์ โพลีเทคนิค

การพัฒนากลุ่มกิจกรรม

โครงการพัฒนาวิสาหกิจท้ องถินและสมาคม (Local Enterprise & Association Development Programme – LEAD) โดยร่ วมมือกับ สมาคมการค้ า และหอการค้ า (Trade Associations & Chambers -TAC)  ดําเนิ นการร่ วมกันโดยหลายหน่วยงาน เพือปรับปรุ ง ยกระดับความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมและการประกอบการ โดย ผ่านทางสมาคมการค้าและหอการค้า  TAC เป็ นผูข้ บั เคลือนความริ เริ มในการยกระดับความสามารถ และเป็ นผูน้ าํ ในการดําเนินการมุ่งสู่ในระดับระหว่างประเทศ TAC องค์กร (มีสมาชิ กทีเป็ น SMEs กว่า , ราย) ได้รับผลประโยชน์จากโครงการพัฒนาวิสาหกิจท้องถิ นและสมาคมจํานวน โครงการ ด้วยเงินช่วยเหลือทีได้รับจนถึงปั จจุบนั เป็ นจํานวน ล้านเหรี ยญสิ งคโปร์

สมาคมผู้ค้าอัญมณี สิงคโปร์ (Singapore Jewelers Association)

Singapore Precision Engineering and Tooling Association (SPETA)

19

Waste Management and Recycling Association of Singapore (WMRAS)

The Association of Singapore Marine Industries (ASMI)

Singapore Food Manufacturers' Association (SFMA)

Association of Process Industry (ASPRI)

The Textile and Fashion Federation (TaFf)

การพัฒนากลุ่มกิจกรรม

สร้ างต้ นทุนมนุษย์ พัฒนาผูน้ าํ SMEs ดําเนินการโดยผ่านพันธมิตร

การจัดการทรัพยากรมนุษย์ และการ พัฒนา

นํามาตรการเกียวกับทรัพยากรบุคคลทีมี ประสิ ทธิภาพมาใช้ เพือสนับสนุนยุทธศาสตร์ การเติบโตของ SMEs

20

การดึงดูดผู้มีความสามารถ

การพัฒนาความเป็ นผู้นํา

นําผูท้ ีมีความรู้ความสามารถเข้าสู่ SMEs พัฒนาความสามารถทางด้านการจัดการ และ เพือให้เกิดการเติบโตและความยังยืนของ เสริ มสร้างความเป็ นผูน้ าํ ในบรรดาผูบ้ ริ การ ธุรกิจ อาวุโส

การพัฒนากลุ่มกิจกรรม

สร้ างโอกาสในต่ างประเทศให้ แก่ SMEs ทีอยู่ในสิ งคโปร์ โดยร่ วมมือกับ IE Singapore และ EDB    

21

จัดทําภารกิจการศึกษาและการพัฒนาธุรกิจในต่างประเทศ เป็ นเจ้าภาพจัดกิจกรรมทีมาจากบริ ษทั ข้ามชาติ สร้างเครื อข่ายโอกาส เป็ นตัวกลางความร่ วมมือระหว่างบริ ษทั ในสิ งคโปร์และบริ ษทั ต่างด้าว

การพัฒนาธุรกิจโดยผ่ าน MEDICA

งานแสดงธุรกิจเยอรมัน-สิ งคโปร์

 จัดตังโอกาศทางธุรกิจสําหรับบริ ษทั สิ งคโปร์ โดยการจัด แสดงสิ นค้าและบริ การ  ฝึ กอบรมผูป้ ฏิบตั ิงานข้ามชาติ โดยการผลักดันนวัตกรรม ทางการแพทย์

 มีผเู้ ข้าร่ วมในงานมากกว่า 150 ราย  ภารกิจทางธุรกิจทีประสบความสําเร็จสู่อินโดนิเซีย สําหรับผูเ้ ข้าร่ วม ราย และได้รับการสนับสนุนที ดีจากบริ ษทั สิ งคโปร์ในการจัดแสดงกิจกรรมของ บริ ษทั

แบบสอบถาม โครงการศึกษาวิจัยกฎหมายการจัดตังองค์กรภาครัฐทีทําหน้ าทีส่ งเสริมและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทย เปรียบเทียบกับต่ างประเทศ คําชีแจง แบบสอบถามนี เป็ นส่ วนหนึ งของโครงการศึ กษาวิจัย กฎหมายการจัด ตังองค์กรภาครั ฐที ทําหน้า ที ส่ งเสริ มและสนับ สนุ น SMEs ของประเทศไทย เปรี ย บเที ย บกับต่ างประเทศ ซึ งเป็ นโครงการวิจัย ที ได้รับ ทุ น สนับสนุนการศึกษาวิจยั จากสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยแบบสอบถามฉบับนี มี วตั ถุ ป ระสงค์เพื อรวบรวมข้อมู ลความคิ ดเห็ น ตลอดจนข้อเสนอแนะของผูท้ ี เกี ยวข้องในการนํามาปรั บ ปรุ ง การแก้ไขกฎหมายจัดตังสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) โดยเฉพาะพระราชบัญญัติ ส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบนั อันจะ เป็ นประโยชน์ต่อการส่ งเสริ มและสนับสนุ นการประกอบธุ รกิจของผูป้ ระกอบการวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่อม โดยเฉพาะเมือเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยนต่อไป คําตอบของท่านมีคุณค่าอย่างยิ งต่อการวิจยั ผูว้ ิจยั จะเก็บ ข้อมูลทีได้รับจากท่านเป็ นความลับ โดยจะนํามาใช้เพือสรุ ปผลการวิจยั ในภาพรวมเท่านัน ข้อมูลทีตรงกับความเป็ น จริ งและสมบูรณ์จะช่วยให้การวิจยั ดําเนินไปด้วยความถูกต้อง ผูว้ ิจยั จึงใคร่ ขอความอนุ เคราะห์จากท่าน โปรดตอบ แบบสอบถามตามความคิดเห็นของท่านอย่างรอบคอบให้ครบทุกข้อ แบบสอบถามฉบับนี แบ่ งออกเป็ น 4 ส่ วน จํานวน 5 หน้ า (รวมหน้ าปก) ส่ วนที 1 ข้อมูลทัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ส่ วนที 2 ความรู ้ทวไปเกี ั ยวกับการส่ งเสริ มสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่ วนที 3 บทบาทและอํานาจหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ส่ วนที 4 ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพิ มเติมเกียวกับการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ผู้ตอบแบบสอบถาม คือ ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม ขอขอบพระคุณอย่างสู งในความอนุเคราะห์การตอบแบบสอบถามนี ปัจจุบนั สํานักส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ตังอยูเ่ ลขที 21 อาคารทีเอสที ทาวเวอร์ ชัน G, 17, 18, 23 ถนนวิภาวดีรังสิ ต แขวงจอมพล เขตจตุจกั ร กรุ งเทพมหานคร 10900 โทรศัพท์ : 02 278 8800 โทรสาร : 02 273 8850 Website : http://www.sme.go.th e-mail :

กรุณาทําเครืองหมาย  ในช่ อง  ทีท่ านต้องการเลือก หรือเติมข้ อความลงบนเครืองหมาย ......... ส่ วนที ข้ อมูลทัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม 1. ประเภทกิจการของท่ าน  กิจการผลิตสินค้า

 กิจการค้าส่ง

 กิจการค้าปลีก

 กิจการบริ การ

2. จํานวนสิ นทรัพย์รวมของธุรกิจ  ไม่เกิน 30 ล้าน

 เกิน 30 ล้าน – 50 ล้าน

 เกิน 50 ล้าน – 60 ล้าน

 เกิน 60 – 100 ล้าน

 เกิน 100 ล้าน – 200 ล้าน

 200 ล้านขึนไป

3. จํานวนการจ้ างงาน  ไม่เกิน 15 คน

 16 – 25 คน

 51 - 200 คน

 เกิน 200 คน

 26 – 30 คน

 31 – 50 คน

4. ระยะเวลาในการประกอบกิจการ ………. ปี 5. วุฒกิ ารศึกษา  ตํากว่าปริ ญญาตรี

 ปริ ญญาตรี

 สู งกว่าปริ ญญาตรี

 ไม่เกิน 30 ปี

 31- 40 ปี

 41 – 50 ปี

6. อายุ  51 ปี ขึนไป

7. สถานะของท่ านในกิจการ (ตอบได้ มากกว่าหนึงข้อ)  เจ้าของกิจการ

 ผูบ้ ริ หาร

 ผูป้ ฏิบตั ิงาน

8. กิจการของท่ านในปัจจุบนั ได้ รับเงินทุนจากแหล่ งใด  เงินส่ วนตัว

 กูย้ มื จาก……………………………………………………................................

ส่ วนที 2 ความรู้ ทัวไปเกียวกับการส่ งเสริมสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) 1. ท่ านมีความรู้ เกียวกับกิจการ SMEs มากน้ อยเพียงใด  มากทีสุ ด

 มาก

 ปานกลาง

 น้อย

 น้อยทีสุด

2. ท่ านรู้ จักองค์ กรภาครัฐใดบ้างทีส่ งเสริมสนับสนุน SMEs (ตอบได้ มากกว่าหนึงข้ อ)  สํานักส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)  คณะกรรมการส่ งเสริ มการลงทุน (Board of Investment : BOI)  ธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าแห่ งประเทศไทย (Export-Import bank of Thailand : EXIM Bank)  ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Bank)  บรรษัทประกันสิ นเชืออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.)  อืนๆ (โปรดระบุ) …………………………………………………………………………………...  ไม่รู้จกั 3. ท่ านเคยได้รับการส่ งเสริมสนับสนุนเกียวกับกิจการ SMEs หรือไม่  เคย ในด้าน (ตอบได้มากกว่าหนึงข้อ)  การให้คาํ ปรึ กษา

 แหล่งเงินทุน

 การวิจยั และการพัฒนา

 การภาษี

 การเชือมโยงและประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน

 อืนๆ (โปรดระบุ).....................................................................................................................................  ไม่เคย 4. ท่ านเคยผ่านการอบรมเกียวกับการส่ งเสริมสนับสนุน SMEs หรือไม่  เคย ในด้าน (ตอบได้มากกว่าหนึงข้อ)  การจัดการความรู ้ (Knowledge Management : KM)

 กฎระเบียบต่างๆ

 ความรับผิดชอบต่อสังคม (Corporate Social Responsibility : CSR)  เงินทุน  การบริ หารความเสียง

 การตลาด

 การบริ หารงานบุคคล

 เทคโนโลยีและนวัตกรรม

 ทรัพย์สินทางปัญญา

 อืนๆ (โปรดระบุ).................................................................................................

 ไม่เคย 5. ท่ านมีความเชือมันในการส่ งเสริมสนับสนุน SMEs ขององค์ กรภาครัฐเพียงใด  มากทีสุ ด

 มาก

 ปานกลาง

 น้อย

 น้อยทีสุด

ส่ วนที 3 บทบาท และอํานาจหน้ าทีของสํ านักส่ งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม (สสว.) มากทีสุ ด (5)

มาก (4)

ปานกลาง (3)

น้ อย (2)

1. ท่านรู ้จกั บทบาทและหน้าทีของ สสว. มากน้อยเพียงใด 2. กิจการของท่านได้รับประโยชน์จากการดําเนินงานส่งเสริ มสนับสนุนของ สสว. ในประเด็นดังต่อไปนีมากน้อยเพียงใด 2.1 การดําเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ การส่ งเสริม SMEs 2.1.1 การจัดสรรสิ งอํานวยความสะดวกและโครงสร้างพืนฐานเพือให้ เอือต่อการดําเนินกิจการ SMEs เช่น กฎหมาย กฎระเบียบ การเงิน ฐานข้อมูล วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี การตลาด 2.1.2 การสนับสนุนให้ SMEs ปรับปรุ งประสิ ทธิภาพการดําเนิน กิจการและพัฒนาการรวมกลุ่มเป็ นเครื อข่ายทีเข้มแข็ง 2.1.3 การส่ งเสริ มให้ SMEs ใช้ประโยชน์จากวัฒนธรรม ภูมิปัญญา ท้องถิ น และทรัพย์สินทางปัญญา รวมถึงสนับสนุนให้มีหรื อใช้ประโยชน์ จากการวิจยั และพัฒนาทังในประเทศและต่างประเทศ เพือให้เกิดนวัตกรรม สร้างมูลค่าเพิมแก่สินค้าหรื อบริ การ 2.1.4 การสร้างความรู ้ความเข้าใจเกียวกับสถานการณ์การค้าระหว่าง ประเทศทีเกียวข้องกับ SMEs โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน 2.1.5 การสร้างและพัฒนาผูใ้ ห้บริ การ SMEs ในฐานะพีเลียง หรื อที ปรึ กษา หรื อสร้างแรงจูงใจให้ SMEs ใช้บริ การดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิง SMEs ทีมีแนวโน้มเลิกกิจการ หรื อผูป้ ระกอบการใหม่ 2.1.6 การสร้างแรงจูงใจให้ SMEs ปฏิบตั ิตามข้อกําหนดการดําเนิน ธุรกิจภายใต้ความรับผิดชอบต่อสังคม อุตสาหกรรมสี เขียว และระบบ ธรรมาภิบาล เช่น สนับสนุนเงินทุน ให้ความรู ้ความเข้าใจ ให้ประกาศเกียรติคุณ 2.2 การให้ ความช่ วยเหลือ อุดหนุน และส่ งเสริมสนับสนุน SMEs 2.2.1 การอบรมหรื อสัมมนา 2.2.2 หลักเกณฑ์การให้เงินช่วยเหลือ หรื อให้บริ การเกียวกับกองทุน ส่งเสริ ม SMES 2.2.3 การให้คาํ ปรึ กษา 2.2.4 การตลาด 2.2.5 การติดตามและประเมินผลโครงการส่งเสริ มสนับสนุน SMEs 2.3 การสร้ างเครือข่ ายของ สสว. เพือความร่ วมมือภายในและต่างประเทศ 2.3.1 ส่งเสริ มสนับสนุนให้เกิดเครื อข่ายกับหน่วยงานทีเกียวข้อง กับองค์กรสนับสนุน SMEs อืนๆ 2.3.2 สร้างเครื อข่ายความร่ วมมือเพือส่งเสริ มการลงทุนกับต่างประเทศ

น้ อยทีสุ ด (1)

ส่ วนที 4 ข้ อคิดเห็น และข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ท่านคิดว่าภาครัฐควรมีนโยบาย มาตรการ และกฎหมายในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs เพิ มเติมอย่างไร (เช่น เพิ มบทบาท และหน้าทีของ สสว. ให้ชดั เจนครอบคลุมในกฎหมายจัดตัง สสว. เป็ นต้น)

เอกสารประกอบการประชุมระดมความคิดเห็น โครงการศึกษาวิจยั กฎหมายการจัดตังองค์กรภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของประเทศ ไทย เปรี ยบเทียบกับต่างประเทศ เสนอต่อ : สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ในการประชุมเมือวันที 13 ธันวาคม 2556 เวลา 9.00 – 12.00 น. ณ ห้องประชุม 8-149 มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ 1. ความเป็ นมา จากสถานการณ์ในอดีตของประเทศไทย ทีเคยประสบปั ญหาวิกฤตเศรษฐกิ จ “ต้มยํากุง้ ” ในช่ วง พ.ศ. 2540 เพือแก้ไขปั ญหาสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศดังกล่าว ประเทศไทยจําเป็ นต้องส่ งเสริ ม การขับเคลือนเศรษฐกิจโดยการให้ความสําคัญกับวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ งมีจาํ นวน มากถึ งร้ อยละ 99.8 ของวิสาหกิ จทังหมดของไทย เพราะเป็ นหน่ วยธุ รกิ จที ประเทศไทยมี ศกั ยภาพใน การแข่ ง ขัน มากกว่ า หน่ ว ยธุ ร กิ จ ขนาดใหญ่ และการส่ ง เสริ ม ดัง กล่ า วจะต้อ งเปิ ดเสรี ท างการลงทุ น การบริ การ และการค้า ให้มากยิงขึน โดยทีการเปิ ดเสรี นีย่อมส่ งผลให้ SMEs ประสบภาวะทีต้องแข่งขันกับ กิ จการค้าทํานองเดี ยวกันมากยิงขึ น ทังระดับภายในประเทศและระดับนานาชาติ ดังนัน เพือเพิมขี ด ความสามารถการแข่งขันดังกล่าวจึงได้มีการยกร่ างพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม พ.ศ. 2543 ขึนเป็ นกฎหมายทีกําหนดมาตรการช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม และสนับสนุ น รวมถึงมาตรการ เกียวกับการให้สิทธิประโยชน์ทงหลายแก่ ั วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พระราชบัญ ญัติ ส่ ง เสริ ม วิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ. 2543 ได้ก าํ หนดโครงสร้ า ง หน่วยงานภาครัฐทีรับผิดชอบเกียวกับการส่ งเสริ ม SMEs เป็ น 2 ส่ วน คือ ส่ วนทีอยูใ่ นความรับผิดชอบของ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ซึ งเป็ นหน่ วยงานทีรั บผิดชอบเรื องนี โดยตรง และส่ วนทีอยูใ่ นความรับผิดชอบของส่ วนราชการ หรื อหน่วยงานของรัฐอืน ๆ โดยทีพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ได้กาํ หนดให้จดั ตัง สสว. ขึนเป็ นหน่ วยงานของรัฐทีไม่เป็ นส่ วนราชการหรื อรัฐวิสาหกิจซึ งมีฐานะเป็ นนิ ติบุคคล และมีภารกิจ ในการเป็ นศูนย์กลางการประสานระบบการทํางานของส่ วนราชการ องค์กรของรัฐ หรื อรัฐวิสาหกิจ ทีมี หน้าทีส่ งเสริ ม SMEs เพือให้เกิดความต่อเนืองและสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน โดยมีวตั ถุประสงค์ใน

2   

การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs หลายประการ อีกทังในมาตรา 16 (5) แห่ งพระราชบัญญัติดงั กล่าวได้ บัญญัติไว้เป็ นสาระสําคัญให้ สสว. เป็ นผูเ้ สนอแนะต่อคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อมเพือปรับปรุ งพระราชบัญญัตินี รวมทังเพือดําเนิ นการให้มีกฎหมายใหม่ และการแก้ไขเพิมเติมหรื อ การปรับปรุ งกฎหมายเกียวกับการส่ งเสริ ม SMEs อืนๆ อีกด้วย ดังนัน เพือให้การดําเนินงานส่ งเสริ ม SMEs มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปั จจุบนั จึง ควรมี ก ารศึ ก ษากฎหมายจัด ตังองค์ก รภาครั ฐ ของไทยที มี ห น้า ที ในการส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น SMEs เปรี ยบเทียบกับกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐของต่างประเทศทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs และ ทําให้ธุรกิจ SMEs ของประเทศนันๆ ประสบผลสําเร็ จในการดําเนิ นการ 5 ประเทศ ได้แก่ ฝรังเศส ญีปุ่ น เกาหลี สิ งคโปร์ และออสเตรเลีย โดยศึกษาเปรี ยบเทียบทังด้านโครงสร้างองค์กร โครงสร้างการบริ หาร วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าที งบประมาณสนับสนุ นจากรัฐในการดําเนิ นงานขององค์กร การส่ งเสริ มและ สนับสนุนของรัฐสําหรับ SMEs และการเพิกถอนการส่ งเสริ มและการสนับสนุนของรัฐ เพือให้ได้ขอ้ มูล รอบด้าน อันจะทําให้ทราบถึงองค์กรภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ในแต่ละประเทศว่า โครงสร้ างขององค์ก รและการดํา เนิ นการมี ลกั ษณะอย่า งไร มี ว ตั ถุ ประสงค์ในการดําเนิ นการอย่า งไร มีอาํ นาจหน้าทีกระทําการอย่างไร รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุนของรัฐมีลกั ษณะอย่างไร และสามารถ ดําเนิ นการประสบผลสําเร็ จมากน้อยเพียงใด ทังนี ย่อมเป็ นการสมควรที สสว. ในฐานะทีเป็ นหน่ วยงาน กลางของการประสานงานและการส่ งเสริ มและสนับสนุ น

SMEs และเป็ นหน่ วยงานที รั บผิดชอบ

การดําเนินงานตามกฎหมายจะได้มีการศึกษาวิจยั ถึงสาระสําคัญของพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 กฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐอืนๆ ทีเกียวข้องกับการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs และนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ทังทีดําเนินการผ่าน สสว. และหน่วยงาน ภาครัฐอืนๆ เพือเปรี ยบเทียบกับกฎหมายของต่างประเทศไม่นอ้ ยกว่า 5 ประเทศของกลุ่มประเทศเป้ าหมาย ข้างต้น เพือนําผลการศึ กษาวิจยั ดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการเสนอแนะให้มีการปรั บปรุ งหรื อแก้ไข พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 หรื อกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐอืน ทีเกี ยวข้อง และเสนอแนะเกี ยวกับการกําหนดนโยบายภาครัฐในการปรับปรุ งองค์กรภาครัฐของไทยใน การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ให้มีความเหมาะสมตามภารกิจต่อไป

3   

2. วัตถุประสงค์ 2.1 เพือทราบและเข้าใจถึงโครงสร้างขององค์กร โครงสร้างการบริ หาร วัตถุประสงค์ อํานาจ หน้าที งบประมาณสนับสนุนจากภาครัฐ การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของ สสว. ตามพระราชบัญญัติ ส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 องค์กรภาครัฐอืนๆ ทีเกียวข้องกับการส่ งเสริ มและ สนับสนุน SMEs และนโยบายภาครัฐในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs โดยผ่านทางหน่วยงานภาครัฐ อืน ๆ 2.2 เพื อวิ เ คราะห์ ก ฎหมายจัด ตังองค์ภ าครั ฐ ของต่ า งประเทศที ทํา หน้า ที เกี ยวกับ การส่ ง เสริ ม สนับสนุ นและพัฒนา SMEs ให้เข้มแข็งและประสบความสําเร็ จโดยศึกษาเปรี ยบเทียบกับกฎหมายจัดตัง สสว. และองค์กรภาครัฐของไทย ทังนี การศึกษาเปรี ยบเทียบดังกล่าวทําให้ทราบและเข้าใจถึงหลักสําคัญ ของกฎหมายจัด ตังองค์ก รภาครั ฐ และขอบเขตของลัก ษณะโครงสร้ า งองค์ก ร โครงสร้ า งการบริ ห าร วัตถุประสงค์ อํานาจหน้าที งบประมาณสนับสนุ นจากภาครัฐ รู ปแบบการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs และการดําเนินการทีประสบผลสําเร็ จ 2.3 เพือศึกษาวิจยั กฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543

ได้แก่

เพือนําไปสู่ การเสนอแนะแก้ไข

เพิมเติมหรื อปรับปรุ งกฎหมายนีให้มีความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบนั 2.4 เพื อทราบและเข้า ใจถึ ง โอกาสและผลกระทบของการเข้า สู่ ป ระชาคมเศรษฐกิ จ อาเซี ย น ต่อ SMEs ไทย เพือให้ สสว. สามารถสนับสนุ นให้ผปู ้ ระกอบการ SMEs รวมทังองค์กรภาครัฐและ ภาคเอกชนทีเกียวข้องสามารถเพิมขีดความสามารถในการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 3. สรุปผลการวิจัย (ข้ อมูลเอกสาร) 3.1 องค์กรภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทย สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ถูกจัดตังขึนโดยอาศัยอํานาจตาม พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 โดยกฎหมายฉบับนี ยังได้กาํ หนด โครงสร้างการบริ หาร โครงสร้างองค์กร ตลอดจนอํานาจหน้าทีของ สสว. เอาไว้อย่างชัดเจน นอกจากนี การบริ หารงานยังสามารถจําแนกเป็ น • คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม • คณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม • สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

4   

สสว. ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ และได้บริ หารจัดการ เพือจัดตังเป็ น “กองทุน” สําหรับส่ งเสริ ม SMEs ทีขอเข้ารับการช่วยเหลือ ตามขอบเขตและวัตถุประสงค์เฉพาะ โดยกฎหมายกําหนดให้มีการพิจารณา จาก 1) ขอบเขตของการช่วยเหลือ • การให้ กู้ ยื ม เงิ น สํ า หรั บ ดํ า เนิ นการก่ อ ตั งปรั บ ปรุ ง พั ฒ นากิ จ การ SMEs ให้มีประสิ ทธิภาพ • การให้เงินช่วยเหลืออุดหนุ นเพือนําไปใช้ดาํ เนิ นงานตามแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs • การให้เงิ นช่ วยเหลืออุดหนุ น ดําเนิ นการ ร่ วมกิ จการ ร่ วมทุน ลงทุนใดเกี ยวกับ การก่ อตัง ขยายกิ จการ การวิจยั พัฒนา และส่ งเสริ ม SMEs ให้มีประสิ ทธิ ภ าพ เพิมขึน • การให้ความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม สนับสนุนรู ปแบบอืนๆ 2) ข้อคํานึงในการให้ความช่วยเหลือ • ความเป็ นไปได้และความจําเป็ นของแผนการดําเนิ นงานและแผนการใช้จ่ายเงินที ต้องสอดคล้องกับแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs • สถานะการเงิน การลงทุน และเงินทุนหมุนเวียน • ความเป็ นธุ ร กิ จ ที ก่ อให้เ กิ ด การจ้า งงาน รายได้ หรื อ ก่ อ ให้เ กิ ด ความเชื อมโยง ระหว่างธุรกิจ • การดําเนิ นธุ รกิจตามระบบธรรมาภิบาททีมีความรับผิดชอบต่อสังคม และไม่ก่อ ผลกระทบต่อสิ งแวดล้อม นอกจากนี สสว. ยังมีการดําเนิ นการตามแผนส่ งเสริ ม SMEs โดยการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs โดยผ่านหน่วยงานอืน เช่น • การส่ งเสริ มการร่ วมลงทุนใน SMEs ของภาคเอกชน โดยการยกเว้นภาษีสาํ หรับนิ ติบุคคล ทีร่ วมลงทุนกับ SMEs • การสนับสนุนด้านการวิจยั และพัฒนา (R&D) เช่น โครงการให้กยู้ ืมดอกเบียตํา โครงการ ด้านการช่วยลดหย่อนภาษี • การสนับสนุนด้านแรงงาน เช่น การให้กยู้ มื เงินกองทุนเพือพัฒนาฝี มือแรงงาน 3.2 องค์กรภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของต่างประเทศ โดยคณะผูว้ ิจยั ได้ทาํ การศึกษาหน่ วยงานทีมีหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ในประเทศทีมีความโดดเด่ นและประสบ ความส◌าํ เร็ จ ได้แก่

5   

ประเทศเกาหลีใต้ คือ Small and Medium Business Administration (SMBA) ซึ งมีมาตรการส่ งเสริ ม SMEs ทีโดดเด่น เช่น • มาตรการเกียวกับการประกอบกิจการ SMEs เช่น โปรแกรมให้ความรู ้ตงแต่ ั ระดับมหาวิทยาลัย การให้คาํ ปรึ กษาด้านธุรกิจแบบ One Stop Service • มาตรการเกียวกับนวัตกรรม SMEs เช่น โปรแกรมส่ งเสริ มวิจยั ด้านเทคโนโลยี โปรแกรม Innobiz • มาตรการผลักดันสู่ ระดับสากล เช่น โครงการ 300 Global Star Program ผ่านความร่ วมมือกับ Korean Exim Bank ประเทศญีปุ่ น คือ Small and Medium Enterprise Agency (SMEA) ซึงมีมาตรการส่ งเสริ ม SMEs ทีโดดเด่น เช่น • มาตรการด้านการจัดการ เช่ น การเริ มต้นช่วยวางแผนกิจการ การสร้างความร่ วมมือระหว่าง SMEs ด้วยกัน การฝึ กอบรมบุคคลากร การจัดหาเงินทุนการจัดการด้านภาษีเพือสร้างนวัตกรรม ทางธุรกิจ • มาตรการด้านการเงิน เช่น การประกันความปลอดภัยจากการถูกคุกคามภายนอก การให้สินเชือ ทีปลอดภัย • มาตรการด้านงบประมาณ เช่น การให้คาํ แนะนําเกียวกับภาษี บัญชี การสื บทอดทางธุรกิจ • มาตรการด้านการค้าการสนับสนุนในระดับภูมิภาค ประเทศออสเตรเลีย คือ AusIndustry ซึงมีมาตรการส่ งเสริ ม SMEs ทีโดดเด่น เช่น • มาตรการปรับปรุ งระบบการจดทะเบียนให้มีประสิ ทธิภาพ เช่น การปรับปรุ งระบบรายงาน • มาตรการเพิมช่องทางการเงินแก่ธุรกิจขนาดเล็ก เช่น การจัดให้มีกองทุนประเภทต่างๆ • มาตรการปรับปรุ งประสิ ทธิ ภาพของ SMEs เช่น โครงการสนับสนุ นเทคโนโลยี โครงการให้ คําปรึ กษาด้านธุรกิจ • มาตรการสนับสนุนการส่ งออกของธุรกิจขนาดเล็ก • มาตรการส่ งเสริ มการวิจยั และพัฒนา (R&D) • มาตรการส่ งเสริ มการเริ มต้นธุรกิจใหม่ ประเทศสิ งคโปร์ คือ SPRING Singapore ซึงมีมาตรการส่ งเสริ ม SMEs ทีโดดเด่น เช่น

6   

• มาตรการช่ วยเหลื อด้านการเงิ นบางส่ วน เช่ น การให้หนังสื อรั บรองจ่ าย เข้าไปรั บประกัน ความเสี ยง หรื อร่ วมแบกรับความเสี ยงของโครงการพัฒนาศักยภาพของวิสาหกิ จ การช่ วย แสวงหาแหล่งเงินกู้ ประเทศฝรังเศส คือ APCE และ BPI-Groupe ซึงมีมาตรการส่ งเสริ ม SMEs ทีโดดเด่น เช่น • มาตรการสนับสนุนด้านการเงินทีหลากหลาย การคําประกันการกูย้ มื แก่ SMEs • มาตรการให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูลแก่ SMEs ผ่านสื ออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ • มาตรการจัดฝึ กอบรมให้แก่ผทู ้ ีสนใจในการเริ มต้นประกอบกิจการ SMEs ทังนี สามารถสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐทีส่ งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทย ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ 1. การกําหนดนิยาม 1.1 ข้ อดี :

1.1 ข้ อดี :

1.1 ข้ อดี :

1.1 ข้ อดี :

1.1 ข้ อดี : ออสเตรเลีย

การส่ งเสริ ม SMEs

มีพฒั นาการส่ งเสริ ม

ความเป็ นมาและ

สํานักงานวิสาหกิจ

การส่ งเสริ ม SMEs

กฎหมายของ

หลักการสํ าคัญของ

ขนาดกลางและ

มาจากนโยบายที

ประเทศเกาหลีใต้ ในประเทศฝรังเศส

กฎหมายจัดตัง

ขนาดย่อม (SMEA) สนับสนุนการลงทุน คือ Framework

องค์ กรภาครัฐ

ของประเทศญีปุ่ น

จากต่างชาติ และ

Act on Small and ภาครัฐหลายองค์กร ภาษีทีเอือต่อภาค

เกิดขึนเพือแก้ไข

การประกอบธุรกิจ

ั กรใน Medium Enterprises มีทงองค์

ปัญหาการผูกขาด

ของผูเ้ ข้ามาอาศัยใน มีรายละเอียด

ระดับท้องถินและ

ทีมีความยืดหยุด่

ทางการตลาดของ

ดินแดนและรวมทัง ชัดเจนเพือจะ

ระดับชาติ สําหรับ

และเป็ นแรงงานทีมี

จะผ่านองค์กร

SMEs โดยอาศัย มาตรการจัดเก็บ ธุรกิจ มีตลาดแรงงาน

กลุ่มทุนธุรกิจขนาด พลเมืองสิ งคโปร์

ส่ งเสริ ม SMEs

องค์กรในระดับ

ทักษะสูง มีระบบ

ใหญ่ ทําให้ทิศ

ซึ งธุรกิจส่ วนใหญ่

ในแต่ละประเภท

ท้องถินทีให้ความ

เศรษฐกิจแบบเปิ ด

ทางการส่ งเสริ ม

จะเป็ น SMEs

ให้สอดคล้องกับ

ช่วยเหลือ SMEs คือ หรื อแบบเสรี นิยมที

SMEs ของประเทศ

ดังนันรัฐบาลสิ งคโปร์ สภาพและฐานะ

องค์กรปกครอง

เน้นปฏิรูปโครงสร้าง

ญีปุ่ นมีความชัดเจน จึงมุ่งส่ งเสริ มพัฒนา ทางเศรษฐกิจของ ส่ วนท้องถินซึ งมี

การดําเนินงานเพือ

มากกว่าประเทศ

SMEs ไปสู่ธุรกิจ

ตน และทําให้ตรง อํานาจตามกฎหมาย พัฒนาขีด

ไทย ซึ งมีการจัดตัง

ขนาดใหญ่อย่าง

ความต้องการของ ทีจะช่วยเหลือ

องค์กรภาครัฐทีทํา

มันคงและยังยืน ซึ ง SMEs แต่ละประเภท SMEs ทีตังอยูใ่ น

หน้าทีส่ งเสริ ม

แตกต่างจาก

เทียบได้กบั การที

เขตพืนที ทังนี เป็ น

ตลาดโลกและสร้าง

สนับสนุน SMEs

ความเป็ นมาของไทย

ประเทศไทยมี

การจัดรู ปองค์กรที

โอกาสการพัฒนา

กฎหมายเฉพาะ

แตกต่างจาก สสว.

SMEs ทังนี

เพือแก้ไขปัญหา

ความสามารถใน การแข่งขันใน

7   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

วิกฤตการณ์ทาง

คือพระราชบัญญัติ ของประเทศไทย ที

ประเทศไทยไม่ได้มี

เศรษฐกิจทีจําเป็ น

ส่ งเสริ มวิสาหกิจ

มิใช่ทงหน่ ั วยงาน

การสร้างมาตรการ

ต้องอาศัยทางแก้ไข

ขนาดกลางและ

ราชการ และมิใช่

ส่ งเสริ ม SMEs ที

ปัญหาจากเหตุปัจจัย

ขนาดย่อม พ.ศ.

รัฐวิสาหกิจ

โดดเด่นอย่าง

หลายประการ ทังนี

2543

เปรี ยบเทียบ

ออสเตรเลียก่อนมี

SMEA เทียบได้กบั

กฎหมายจัดตัง

สสว.

สสว. 1.2 ข้ อเสี ย :

1.2 ข้ อเสี ย : จาก

1.2 ข้ อเสี ย : ไม่มี

ปัญหาการผูกขาด

การบัญญัติกฎหมาย ภายใต้กฎหมาย

ทางการตลาดของ

ทีนํามาปรับใช้

1.2 ข้ อเสี ย :

1.2 ข้ อเสี ย : ไม่มี

ปัจจุบนั ยังไม่มี

กฎหมายเฉพาะที

การจัดตังองค์กรที

ส่ งเสริ ม SMEs หรื อ

เป็ นองค์กรรัฐโดย

องค์กรทีทําหน้าที

Medium

แท้ เพือทําหน้าที

ในการส่ งเสริ ม

ของการจัดตังSMEA การให้คาํ จํากัด

Enterprises ได้

ส่ งเสริ ม SMEs เป็ น SMEs โดยตรงอย่าง

ทําให้ทิศทาง

ความอย่างเป็ น

กําหนดนิยาม

การเฉพาะและมี

กฎหมายไทย ดังนัน

การส่ งเสริ ม SMEs

ทางการโดยกฎหมาย

SMEs โดย

หน้าทีใน

การส่ งเสริ ม SMEs

ของญีปุ่ นเป็ นไป

ของ SMEs และ

พิจารณาจาก

ระดับประเทศใน

จึงเป็ นลักษณะ

จํานวนพนักงาน

ลักษณะทัวไปแต่

การสร้างโครงการ

Framework Act

กลุ่มทุนธุรกิจขนาด เฉพาะในการส่ งเสริ ม on Small and ใหญ่ จนเป็ นทีมา

SMEs จึงไม่มี

เพือป้ องกันปัญหานี คํานิยามของ SMEs และทําให้วธิ ีการ

ทีคณะกรรมการ

และมูลค่าสิ นทรัพย์ อย่างใด อีกทังไม่มี โดยตัวหน่วยงานที

ส่ งเสริ ม SMEs ของ SPRING นํามาใช้นี หรื อมูลค่าการขาย กฎหมายเฉพาะที

ให้บริ การด้านต่างๆ

ประเทศญีปุ่ นเน้น

ไม่ได้เป็ นคํานิยาม

ซึ งอาจส่ งผลเสี ย

การรวมกลุ่ม SMEs

อย่างเป็ นทางการ

ต่อพฤติกรรมของ SMEs ไว้ดว้ ย มี

ไม่มีการกําหนด

จนอาจไม่ยดื หยุน่

ของ SMEs แต่เป็ น

SMEs โดยพบว่า

นิยามไว้ตาม

ในการวางนโยบาย

การกําหนดขึนมา

SME แต่ละรายจะ ค.ศ. 2008 เท่านัน

ไปสู่อนาคต

เพือใช้เป็ นหลักเกณฑ์ ไม่พยายามเพิม

กําหนดนิยามของ เพียงกฎหมายปี ทีได้กล่าวถึง SMEs

เบืองต้นระบุถึง

จํานวนพนักงาน

เอาไว้ ส่ วนคํานิยาม

ผูป้ ระกอบการที

หรื อเพิมมูลค่า

ที หน่วยงานที

สามารถขอรับ

การขาย เนืองจาก ส่ งเสริ ม SMEs คือ

การช่วยเหลือตาม

ต้องการคง

BPI-Groupe

แผนงานสนับสนุน

สถานะการเป็ น

นํามาใช้นีเป็ นนิยาม

แก่ภาคธุรกิจ และ

กฎหมายด้วย

8   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ SMEs ทีคณะกรรมการ SME เพือรอรับ SPRING จัดทําขึน

การส่ งเสริ มจาก

เท่านัน

ภาครัฐเพียงอย่าง

ตามกฎหมายยุโรป

เดียว ทังนี ไทยได้ อาศัยกฎหมาย ลําดับรองใน การกําหนดนิยาม SMEs จึงมี ความยืดหยุน่ ดีกว่า 2. ขอบเขตลักษณะ

2.1 ข้ อดี : แยก

2.1 ข้ อดี : กฎหมาย

2.1 ข้ อดี :

2.1 ข้ อดี : มีธนาคาร 2.1 ข้ อดี : มี

โครงสร้ างองค์ กร

หน่วยงานทีทํา

ให้อิสระแก่องค์กร

โครงสร้างด้าน

BPI ของประเทศ

หน่วยงานภาครัฐที

โครงสร้ างการ

หน้าทีส่ งเสริ มและ

SPRING กําหนด

นโยบายใน

ฝรังเศสทีมี

สําคัญในการส่ งเสริ ม

รู ปแบบและวิธีการ

การส่ งเสริ มและ

วัตถุประสงค์เพือ

SMEs คือ AusIndustry

ทําหน้าทีภายใต้ขอบ สนับสนุน SMEs

ช่วยเหลือทางด้าน

และ Productivity

ระดับปฏิบตั ิ คือ

อํานาจแห่งกฎหมาย

มีความเป็ นระบบ

การเงินแก่ SMEs

Commission ซึ ง

สํานักงานวิสาหกิจ

จึงมีอาํ นาจหน้าที

มาก เพราะมี

และมีวสิ าหกิจทีมี

AusIndustry มี

ขนาดกลางและ

ครบวงจรและ

กฎหมายทีวาง

รู ปแบบการดําเนินการ บทบาทสําคัญใน

ขนาดย่อม (SMEA) กว้างขวาง รวมถึง

โครงสร้าง

ขนาดค่อนข้างใหญ่ การบริ หารจัดการ

เป็ นผูว้ างนโยบาย

ไม่ได้จาํ กัดให้

การส่ งเสริ ม

โดยเป็ นส่ วนหนึ ง

และกําหนดรู ปแบบ

ระดับชาติดา้ น

สมาชิกของ

SMEs อย่างเป็ น

ของรัฐวิสาหกิจ

มาตรการต่างๆ ของ

SMEs ซึ งอยูภ่ ายใต้

คณะกรรมการ

ภาพรวมออกมา

BPI-Groupe ที

ภาครัฐเพือช่วยเหลือ

การกํากับดูแลของ

SPRING ต้องเป็ น

ก่อนคือ

ให้บริ การสนับสนุน ภาคอุตสาหกรรม

รัฐมนตรี กระทรวง

สมาชิกโดยตําแหน่ง Framework Act

เศรษฐกิจ การค้า

ดังนัน กรรมการใน

บริหาร และอํานาจ สนับสนุนระดับ หน้ าทีขององค์ กร นโยบาย ออกจาก

on Small and

การสร้างนวัตกรรม และมีบทบาทสําคัญ และการส่ งออก

และการอุตสาหกรรม คณะกรรมการจะมา Medium Enterprises โดยเป็ นองค์กรที โดยระบุให้จดั ตัง

(METI) และมี

จากทังภาคเอกชน

คณะกรรมการใน

และภาครัฐเช่นเดียว SMBA ขึนเป็ น

สภาให้คาํ ปรึ กษาใน กับประเทศไทยก็มี

องค์กรหลักที

ในการส่ งเสริ ม ธุรกิจ ได้แก่

สามารถให้บริ การ

การเป็ นแหล่งข้อมูล

ได้ง่ายเนืองจากมี

ทีสําคัญสามารถ

สํานักงานทีตังอยู่

อ้างอิงได้ในทุก

9   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย ประเภทธุรกิจ ทังนี

เปรี ยบเทียบ ด้านนโยบาย

กรรมการส่ งเสริ ม

ส่ งเสริ ม SMEs ซึ ง ทุกๆ มณฑลหรื อ

เกียวกับวิสาหกิจ

SMEs และ

กําหนดนโยบาย

ทุกแคว้นในฝรังเศส AusIndustry จะ

ขนาดกลางและ

กรรมการบริ หาร

ภาพรวม คือ

ซึ งแตกต่างจาก

ขนาดย่อม

สสว. มาจากทัง

Policy Direction

ประเทศไทยทียังไม่ ภาคส่ วนของ

(The Small and

ภาครัฐและเอกชน

of the Year เป็ น

มีศนู ย์ภมู ิภาคของ

รัฐบาลและการเข้า

Medium Enterprise แต่จะระบุตาํ แหน่ง

การวางแผนปี ต่อ

สสว.อีกทังฝรังเศส

ถึงแม้ในพืนทีห่าง

Policy-Making

ของกรรมการจาก

ปี ตามสภาพ

ยังมีสมาคม APCE

ไกลมากทีสุ ด

Council) และเป็ น

ภาครัฐไว้ดว้ ย

เศรษฐกิจและ

ซึ งเกิดจากความริ เริ ม

ในขณะที

ผูแ้ นะนํารวมทัง

สังคมซึ งนโยบาย

ของภาครัฐและรัฐมี Productivity

ถ่ายทอดนโยบายสู่

ย่อยทีนํานโยบาย

บทบาทสําคัญใน

Commission (PC)

หน่วยงานปฏิบตั ิ

ภาพรวมมาทําให้

การจัดตังและ

ก็จะผลักดัน

ซึ งไทยยังไม่ชดั เจน

เกิดผลเป็ นรู ปธรรม การบริ หารสมาคม

นโยบายเศรษฐกิจ

ว่า สสว. ปัจจุบนั

เฉพาะเจาะจงไปที โดยมีวตั ถุประสงค์

ของประเทศ

เป็ นหน่วยงานวาง

การส่ งเสริ มSMEs หลักคือให้

นโยบายหรื อหน่วย

ในเรื องต่างๆ จึง

ความช่วยเหลือใน

ปฏิบตั ิ

เห็นได้วา่ SMBA

การจัดตัง และการ

คล้ายคลึงกับ

พัฒนาวิสาหกิจ

สสว.

ต่างๆ

ทํางานร่ วมกับทุก

2.2 ข้ อเสี ย : การที

2.2 ข้ อเสี ย :

2.2 ข้ อเสี ย :

2.2 ข้ อเสี ย :

2.2 ข้ อเสี ย :

ญีปุ่ นกําหนด

รัฐมนตรี วา่ การ

บุคคลผูด้ าํ รง

รัฐวิสาหกิจ BPI-

โครงสร้างทัวไป

จํานวนกรรมการ

กระทรวงการค้า

ตําแหน่งผูบ้ ริ หาร

Groupe ไม่ได้เป็ น

ของ Productivity

ประเภทผูท้ รงคุณวุฒิ และอุตสาหกรรมมี

ระดับสูง

องค์กรหลักใน

Commission ไม่ได้มี

ไว้ไม่เกิน 30คน ใน บทบาทสําคัญใน

(Administrator)

การส่ งเสริ ม SMEs การกําหนดไว้อย่าง

คณะกรรมการทีมี

การจัดตังและควบคุม และผูบ้ ริ หารทีมา

หน้าทีให้คาํ แนะนํา

การทํางานของ

แก่รัฐมนตรี กระทรวง คณะกรรมการ

เพราะหน้าทีใน

ชัดเจน มีแต่กาํ หนด

จากผูแ้ ทนรัฐสภา

การส่ งเสริ ม SMEs บทบาทว่าเป็ น

(Deputy-

ในประเทศฝรังเศส หน่วยบริ หารอิสระ

SPRING Singapore Administrator)

ไม่ได้เป็ นหน้าที

ทีมีหน้าทีศึกษาและ

และการอุตสาหกรรม โดยกฎหมายให้

ของ SMBA คือ

ของหน่วยงานที

เสนอแนะการกําหนด

ซึ งเป็ นคณะกรรมการ อํานาจรัฐมนตรี ฯ

ผูช้ ่วยรัฐมนตรี

จัดตังขึนมาเป็ น

นโยบายทาง

เศรษฐกิจ การค้า

10   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ ระดับวางนโยบาย

เป็ นผูแ้ ต่งตังและ

และผูแ้ ทนจาก

การเฉพาะ แต่เป็ น

อาจไม่เหมาะสมกับ

ถอดถอน

รัฐสภาซึ งมาจาก

หน้าทีของหน่วยงาน ออกกฎระเบียบ เพือ

ข้าราชการฝ่ าย

รัฐโดยแท้ทงราชการ ั เป็ นแนวทางแก่ผทู้ าํ

ประเทศไทย เนืองจาก คณะกรรมการ คณะกรรมการมี

SPRING Singapore การเมือง ดํารง

ขนาดใหญ่ อาจทําให้ ทังคณะ (ยกเว้น

เศรษฐกิจและการ

ส่ วนกลาง (รัฐ)

หน้าทีกําหนด

ตําแหน่งอยูใ่ น

และการปกครอง

นโยบายและออก กฎ อํานาจหน้าทีใน

การนัดประชุมและ

ผูอ้ าํ นวยการฝ่ าย

วาระครังละ 4 ปี

ส่ วนท้องถิน

พิจารณานโยบาย

บริ หาร) ซึ งไทยไม่

อาจทําให้มติหรื อ

(แคว้นหรื อมลฑล) การส่ งเสริ ม SMEs

ต่างๆ ไม่ทนั ต่อ

ควรกําหนดให้

นโยบายของ SMBA กฎหมายจัดตัง

สถานการณ์

อํานาจเจ้ากระทรวง อยูภ่ ายใต้อิทธิ พล

รัฐวิสาหกิจ BPI-

ใดกระทรวงหนึ ง

ทางการเมืองฝ่ าย

Groupe จึงได้

ควบคุมการทํางาน

รัฐบาลมากเกินไป กําหนดให้เป็ น

ตลอดจนแต่งตัง

ซึ งกรณี นีแก้ไขได้

องค์กรทีเข้ามาทํา

และถอดถอน

โดยปรับปรุ ง

หน้าทีเสริ มหรื อ

คณะกรรมการ

โครงสร้างให้มี

สนับสนุนการทํา

ส่ งเสริ ม SMEs

ฝ่ ายเอกชนหรื อ

หน้าทีของ

เพราะอาจทําให้

ข้าราชการฝ่ าย

หน่วยงานรัฐ

สสว. ประสาน

ประจําเข้ามามี

เท่านัน ซึ ง สสว.

ความร่ วมมือกับ

ส่ วนร่ วมบริ หาร

เป็ นหน่วยงานของ

หน่วยงานอืนๆ ได้

องค์กร ซึ ง

รัฐทีมีอาํ นาจหน้าที

ยาก

โครงสร้าง

ส่ งเสริ ม SMEs

คณะกรรมการ

โดยตรงมากกว่า

ส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการ บริ หาร สสว. ของ ไทยก็มีขา้ ราชการ ประจําและรัฐมนตรี ว่าการกระทรวง ต่างๆ รวมถึง ภาคเอกชนด้วย

โดยตรงจึงยังไม่ ชัดเจนเท่า สสว.

11   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

-

3.1 ข้ อดี : ภาครัฐได้

เปรี ยบเทียบ 3.1 ข้ อดี :

3. งบประมาณและ

3.1 ข้ อดี : การจัดสรร

3.1 ข้ อดี : การที

การสนับสนุนจาก

งบประมาณเพือ

ประเทศสิ งคโปร์ให้ การจัดสรร

สนับสนุนด้าน

ภาครัฐ

ส่ งเสริ มสนับสนุน

หน่วยงาน SPRING งบประมาณเพือ

การเงินแก่ Business

SMEs ของประเทศ

Singapore เป็ นผูท้ าํ

ส่ งเสริ ม SMEs จะ

Enterprise Centres

ให้แก่ SMBA

ซึ งมีจาํ นวนทังสิ น

เพียงองค์กรเดียว

36 ศูนย์ทวประเทศ ั

และการอุตสาหกรรม เป็ นลดการจัดตัง

ทําให้ไม่ก่อให้เกิด

ซึ งไทยไม่มีศนู ย์

(METI) และ

หน่วยงานรัฐอืน

ความสับสน และ

ดังกล่าว โดยให้เงิน

สํานักงานวิสาหกิจ

ขึนมา และลดการ

เป็ นเอกภาพ

ช่วยเหลือแก่ศนู ย์ไม่

ขนาดกลางและ

ทํางานซําซ้อนกัน

ในขณะทีไทย

เกิน 100,000

ขนาดย่อม (SMEA) ลดการขาดความ

จัดสรรงบประมาณ

ดอลลาร์ออสเตรเลีย

เป็ นองค์กรหลักที

เป็ นเอกภาพของ

ให้หลายองค์กร

ต่อปี (ประมาณ

ช่วยดําเนินการใน

หน่วยงานรัฐ ทําให้ และได้จดั ตัง

ระดับนโยบาย

การจัดสรร

กองทุนส่ งเสริ ม

เพือช่วยเหลือธุรกิจ

ส่ งผ่านให้องค์กร

งบประมาณทีต้อง

SMEs ทังด้าน

ขนาดย่อมใน

ปฏิบตั ิต่างๆ ที

ใช้ในการจัดตัง

เทคโนโลยี

การเข้าถึงแหล่ง

เกียวข้อง ในขณะที

หน่วยงานมีความ

การวิจยั และพัฒนา

ข้อมูล และให้เงิน

ประเทศไทยจัดสรร เหมาะสม ซึ งเห็น

หรื อจัดตังกองทุน

อุดหนุนแก่

ญีปุ่ นจะมีกระทรวง หน้าทีหลายๆ ด้าน เศรษฐกิจ การค้า

ในแนวเดียวกัน จึง

3,100,000 บาท)

งบประมาณให้

ได้วา่ แตกต่างจาก

เพือส่ งเสริ ม

ผูป้ ระกอบการทีเข้า

หลายองค์กร

การกระจาย

ความร่ วมมือ

ร่ วมโครงการ

งบประมาณจึง

งบประมาณส่ งเสริ ม ระหว่างธุรกิจ

กระจายขาดเอกภาพ SMEs ไปตาม

ขนาดใหญ่กบั SMEs เป็ นต้น ซึ ง

และผูป้ ระกอบการ

หน่วยงานภาครัฐ

SMEs ยังต้องเสี ย

หลายหน่วยงานของ ส่ งผลให้กิจการ

เวลาติดต่อหลาย

ประเทศไทย

หน่วยงานอีกด้วย

SMEs ทีเกิดขึน มาแล้วไม่ถกู ทอดทิงโดยจะ ช่วยเหลือจน สามารถเลียง

12   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

เปรี ยบเทียบ ตัวเองได้ อีกทัง SMBA ยังสร้าง แรงจูงใจให้ พัฒนาการแข่งขัน ด้านคุณภาพ สิ นค้าและบริ การ อย่างเป็ นระบบ ครบวงจร ซึ งSMBA จะคอยติดตามผล การช่วยเหลือSMEs เพือจะได้ฟืนฟู แก้ไขในกรณี ที พบว่า SME ราย ใดมีแนวโน้มไม่ ประสบความสําเร็จ และการช่วยเหลือ SMEs ที SMBA ไม่มีความชํานาญ เพียงพอ SMBA จะไม่ดาํ เนินการ ด้วยตนเอง แต่จะ ประสานให้ หน่วยงานที เกียวข้องและ ชํานาญในเรื อง นันๆ เข้าร่ วม ดําเนินการ จึงเป็ น การใช้งบประมาณ อย่างคุม้ ค่า ทังนี

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

13   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ ไทยยังขาดระบบ ติดตามตรวจสอบ ผลการช่วยเหลือ SMEs อย่างเป็ น ระบบอย่างเกาหลี ใต้ -

-

3.1 ข้ อเสี ย :

3.2 ข้ อเสี ย : ไม่มี

การจัดสรร

รัฐวิสาหกิจ BPI-

นโยบายให้

งบประมาณให้แก่

Groupe ซึ งมีสถานะ ความช่วยเหลือ

SPRING Singapore

เป็ นธนาคารไม่อาจ

ทางด้านการเงินใน

จะกําหนดเป็ น

ใช้งบประมาณ

รู ปของธนาคาร

นโยบายประจําปี

สนับสนุนจาก

SMEs จะมีเพียง

งบประมาณจึงเป็ น

ภาครัฐโดยตรงใน

การลงทุนในรู ป

ตัวกําหนดนโยบาย

การประกอบกิจการ ธุรกิจเงินร่ วมลงทุน

ซึ งแตกต่างจาก

โดยการสนับสนุน

(Venture Capital)

กฎหมายไทยที

SMEs ของตนได้

และรัฐบาลเข้ามามี

ยืดหยุน่ ให้

งบประมาณของ

บทบาทเพียงการไป

คณะกรรมการ

รัฐวิสาหกิจ BPI-

เข้าร่ วมทุนกับ

ส่ งเสริ ม SMEs เป็ น

Groupe จึงมาจาก

Venture Capital

ผูก้ าํ หนดนโยบายใน

เงินทุนค่าหุน้ และ

ของเอกชนแล้ว

การให้การสนับสนุน

รายได้จากการให้

ปล่อยให้เอกชน

SMEs โดยไม่ผกู ติด

บริ การทีเรี ยกเก็บมา ดําเนินการโดย

กับการจัดสรร

ได้เป็ นสําคัญ ซึ ง

อิสระ และรัฐบาล

งบประมาณ

แตกต่างจาก

จะช่วยลดต้นทุนค่า

งบประมาณของ

ลงทุน (Capital

3.2 ข้ อเสี ย :

สสว.ทีรัฐจัดสรรให้ Cost) บางส่ วน ให้กบั เอกชนเท่านัน

14   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ 4. รูปแบบการ

4.1 ข้ อดี : SMEA

4.1 ข้ อดี :

4.1 ข้ อดี : มี

4.1 ข้ อดี : การที

4.1 ข้ อดี : มีการจัดตัง

ส่ งเสริมสนับสนุน

เป็ นหน่วยงานของ

การกําหนดชือ

การจัดทํากฎหมาย

รัฐวิสาหกิจ BPI-

โครงการกองทุนร่ วม

SMEs และ

รัฐทีเป็ นอิสระ ทํา

กฎหมายในลักษณะ ในลักษณะ

Groupe มีสถานะ

พัฒนา (Pooled

การดําเนินการที

ให้มีความคล่องตัว

ทีนําเอาชือ

“กฎหมายชุด

เป็ นธนาคาร จึงมี

Development

ประสบผลสํ าเร็จ

และมีอิสระใน

คณะกรรมการตาม

(SME Law Kit)”

อํานาจโดยกฎหมาย Funds : PDFs) ขึน

การบริ หารงาน

กฎหมายมาเป็ นชือ

ทีกล่าวถึง

ทีจะดําเนินการ

เพือให้การส่ งเสริ ม

ให้บริ การด้าน

และสนับสนุนทาง

มากกว่าการเป็ นส่ วน ของกฎหมายเป็ นสิ ง การส่ งเสริ ม

SMEs เฉพาะเรื อง การเงิน โดยอาจ

ราชการ อีกทังยังมี

ทีบ่งบอกถึง

สภาทีให้คาํ ปรึ กษา

วัตถุประสงค์สาํ คัญ โดยตราขึน 9

ในด้านนโยบาย

ของกฎหมายและ

เกียวกับวิสาหกิจ

การเงินในรู ปแบบ

เสนอความ

ของทุนเรื อนหุน้ แก่

ฉบับ และเอา

ช่วยเหลือการเงิน

SMEs และจุดเด่น

แนวคิดในการจัดทํา

หลักการส่ งเสริ ม

ให้แก่วสิ าหกิจ และ ของออสเตรเลียนัน

ขนาดกลางและ

กฎหมาย รวมทัง

SMEs ทีกล่าวถึง

SMEs เกือบทุก

อยูท่ ีนโยบายที

ขนาดย่อม (The

แนวคิดในการจัดตัง ใน Framework

รู ปแบบโดย

เกียวกับการพัฒนา

Small and Medium

หน่วยงานของรัฐ

Enterprise Policy-

เพือให้มีหน้าทีอย่าง Medium Enterprises วัตถุประสงค์ที

Making Council)

ใดอย่างหนึง ซึ ง

มาสร้างเป็ น

สําคัญในการจัดตัง

ให้มีการค้นคว้า

ในรู ปแบบ

การกําหนดชือ

มาตรการทีให้

วิสาหกิจ BPI-

สิ งประดิษฐ์ใหม่ๆ

คณะกรรมการโดย

กฎหมายของ

เกิดผลในทาง

Groupe ขึนมาทํา

และการร่ วมมือ

มีหน้าทีให้คาํ แนะนํา สิ งคโปร์จะให้

ปฏิบตั ิอย่างเป็ น

หน้าทีสนับสนุน

ระหว่างรัฐบาล

แก่รัฐมนตรี กระทรวง ความสําคัญกับ

รู ปธรรมด้วย

ด้านการเงินแก่

เอกชน และสถาบัน

เศรษฐกิจ การค้า

ได้แก่ Promotion

SMEs นัน คือ

การศึกษา ซึ งเป็ น

และการอุตสาหกรรม ทําหน้าทีส่ งเสริ ม

of Small and

การทีจะให้ SMEs

นโยบายทีประสบ

เปรี ยบเทียบได้กบั

SMEs ขึนมาก่อน

Medium Enterprises สามารถเข้าถึงแหล่ง ความสําเร็ จ ซึ ง

คณะกรรมการ

ส่ วนหน้าทีด้าน

and Encouragement

ทางการเงินได้

ประเทศไทยก็ควร

ส่ งเสริ ม SMEs

ต่างๆ จะกําหนดไว้

of Purchase of

โดยง่าย แต่การที

เร่ งพัฒนา

ทําหน้าทีกําหนด

ในรายละเอียดใน

Their Products

ประเทศไทยมี

การส่ งเสริ ม SMEs

นโยบายและ

เนือหาของกฎหมาย Act, Act on the

ธนาคารพัฒนา

ด้าน R&D และ

แผนการส่ งเสริ ม

ทีเกียวข้อง

SMEs เพือเสนอ

การจัดตังองค์กรที

Act on Small and ภาพรวมแล้ว

ด้านเทคโนโลยี R&D และการส่ งเสริ ม

Protection of the

วิสาหกิจขนาดกลาง ประสาน

Business Sphere

และขนาดย่อมทํา

ความร่ วมมือ

15   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ คณะรัฐมนตรี อนุมตั ิ

of Small and

หน้าทีช่วยเหลือ

เครื อข่ายทังภาครัฐ

Medium Enterprises ด้านการเงินของ

เอกชนและ

and Promotion of SMEs จึงทําให้

สถาบันการศึกษา

their Cooperation, บทบาทของ สสว.

ในส่ วนกลางและ

Act on Special

ในการบริ หาร

ส่ วนภูมิภาคด้วย

Measures for

จัดการกองทุน

เช่นกัน

Small Enterprise

ส่ งเสริ ม SMEs ลด

Support, Act on

น้อยลง สสว. จึง

the Promotion of

ควรเร่ งประสาน

Technology

ผ่านนโยบายที

Innovation of

เหมาะสมทันต่อ

Small and Medium สถานการณ์มายัง Enterprise,

ธนาคารพัฒนา

Special Act on

วิสาหกิจขนาดกลาง

Support for

และขนาดย่อม เพือ

Human Resources ลดงานซําซ้อน และ of Small and

ได้อาศัยผูเ้ ชียวชาญ

Medium Enterprise, จากธนาคารโดยตรง Promotion of

ในการส่ งเสริ ม

Disabled Persons’ การลงทุนของ Enterprise Activities Act, Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise, Small and Medium Enterprise

SMEs

16   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ Cooperatives Act และ Act on Support for Female-owned Businesses จึงมี ความเป็ นระบบ ในการทํา ความเข้าใจและ เลือกปรับใช้ กฎหมาย แต่ใน ประเทศไทย ไม่ได้จดั ทําใน ลักษณะนี 4.2 ข้ อเสี ย : พัฒนาการด้าน กฎหมายส่ งเสริ ม SMEs มีมายาวนาน กว่าประเทศไทย จึง มีกฎหมายที เกียวข้องเป็ น จํานวนมาก ซึ งบาง ฉบับอาจไม่เหมาะ กับบริ บทพัฒนาการ การส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย

-

4.2 ข้ อเสี ย :

4.2 ข้ อเสี ย :

การกําหนด

การสนับสนุน

อํานาจหน้าทีของ

SMEs ของ

SMBA ปรากฏอยู่ รัฐวิสาหกิจ BPIในกฎหมายที

Groupe ซึ งเป็ นทัง

เกียวข้องกับ

ธนาคารและ

การส่ งเสริ ม

หน่วยงานส่ งเสริ ม

SMEs หลายฉบับ พัฒนานวัตกรรม อาจเกิดความยุง่ ยาก เป็ นการให้บริ การ ในการนํามาใช้

สาธารณะด้าน

และทําให้เกิด

พาณิ ชยกรรมและ

ความสับสนได้

อุตสาหกรรม และ

และกฎหมาย

เป็ นรัฐวิสาหกิจ จึง

เหล่านี ก็มิได้

แสวงหากําไรโดย

กําหนดรายละเอียด คิดค่าบริ การใน ของอํานาจหน้าที

การให้บริ การ

4.2 ข้ อเสี ย : เนืองด้วยลักษณะ การปกครองของ ประเทศออสเตรเลีย เป็ นการปกครอง แบบสหพันธรัฐ (Federal State) อันมีรัฐต่างๆ ประกอบกันขึนเป็ น เครื อจักรภพ ออสเตรเลีย (Commonwealth of Australia) ทําให้ ระบบบริ หาร ราชการและการจัด รู ปองค์กรภาครัฐมี

17   

ประเด็นที

ประเทศญีปุ่ น

ประเทศสิ งคโปร์

ประเทศเกาหลีใต้

ประเทศฝรังเศส

ประเทศออสเตรเลีย

เปรี ยบเทียบ ในเชิงลึกให้แก่

ส่ งเสริ ม หรื อ

โครงสร้างภายใน

SMBA แต่อย่าง

สนับสนุน SMEs

สองระดับ ได้แก่

ใด

ซึ งแตกต่างจาก

ระดับสหพันธรัฐ

สํานักงานส่ งเสริ ม

และระดับมลรัฐ

วิสาหกิจขนาดกลาง โดยทีการกํากับดูแล และขนาดย่อมของ

และส่ งเสริ ม SMEs

ไทย

ของรัฐบาล ออสเตรเลียก็จะต้อง กําหนดเป็ น มาตรการที เหมาะสมทังสอง ระดับด้วย

4. สรุ ปผลการวิจัย (ข้ อมูลภาคสนาม) ผูว้ ิจยั ได้กาํ หนดประเด็นสัมภาษณ์โดยแบ่งแบบสัมภาษณ์ออกเป็ น 3 ชุดแบบสัมภาษณ์ ชุดที 1 นํามาใช้ในการสัมภาษณ์ตวั แทนในคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม และคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผูว้ ิจยั ได้สรุ ปประเด็นหัวข้อในการสัมภาษณ์ทงหมด ั 5 ประเด็น ดังนี 1. องค์ประกอบของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (คณะกรรมการ ส่ งเสริ ม SMEs) และคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาด ย่อม (คณะกรรมการบริ หาร สสว.) 2. อํานาจหน้าทีของคณะกรรมการส่ งเสริ ม SMEs และคณะกรรมการบริ หาร สสว. 3. บทบาท ปั ญหาและอุปสรรค กองทุนส่ งเสริ ม SMEs 4. และแนวทางแก้ไขปัญหาของ สสว. ในปัจจุบนั 5. ทิศทางการกําหนดยุทธศาสตร์การส่ งเสริ ม SMEs และการแก้ไขปรับปรุ งกฎหมายจัดตัง สสว. ชุดที 2 นํามาใช้ในการสัมภาษณ์ผอู ้ าํ นวยการสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม รองผูอ้ าํ นวยการสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ผูว้ ิจยั ได้สรุ ปประเด็นหัวข้อในการสัมภาษณ์ทงหมด ั 5 ประเด็น ดังนี

18   

1. โครงสร้างของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) 2. อํานาจหน้าทีของผูอ้ าํ นวยการ และรองผูอ้ าํ นวยการ สสว. 3. บทบาท ปั ญหาและอุปสรรค และแนวทางแก้ไขปั ญหาของ สสว. ในปั จจุบนั 4. กองทุนส่ งเสริ ม SMEs 5. ทิศทางการกําหนดยุทธศาสตร์การส่ งเสริ ม SMEs และการแก้ไขปรับปรุ งกฎหมายจัดตัง สสว. ชุดที 3 นํามาใช้ในการสัมภาษณ์ผทู ้ ีมีส่วนเกียวข้องจากกรุ งเทพมหานคร (ส่ วนกลาง) คือ ผูป้ ระกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) จากกรุ งเทพมหานคร (ส่ วนกลาง) ผูท้ ีมีส่วน เกียวข้องจากส่ วนภูมิภาค จํานวน 5 ภูมิภาค ผูว้ ิจยั ได้สรุ ปประเด็นหัวข้อในการสัมภาษณ์ทงหมด ั 8 ประเด็น 1. ประเภทหน่วยธุรกิจ และเหตุผลในการเลือกประกอบธุรกิจดังกล่าว 2. ความต้องการทีอยากให้ภาครัฐมีส่วนช่วยในการส่ งเสริ มและสนับสนุนผูป้ ระกอบการ SMEs 3. นโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐในปั จจุบนั ทีเป็ นปั ญหาและอุปสรรคต่อการทํา ธุรกิจ 4. ความคิดเห็นของผูป้ ระกอบการต่อการทําหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม (สสว.) 5. แหล่ ง เงิ น ทุ น ที ใช้ใ นการประกอบธุ รกิ จ หลัก เกณฑ์แ ละระยะเวลาในการพิ จ ารณาให้เ งิ น สนับสนุนจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs เหมาะสมหรื อไม่ หากเปรี ยบเทียบกับแหล่งเงินทุนอืน 6. การประสานงานกับ สสว. เพือขอความช่ วยเหลือในการทําธุ รกิ จ และความจําเป็ นที สสว. จะต้องมีหน่วยงานศูนย์ภูมิภาค 7. ผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจเมือเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน กลยุทธ์ในการปรับตัวใน การเข้าสู่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และบทบาทของสสว. ในการให้ความช่วยเหลือ 8. กฎหมายในการจัดตัง สสว. มีประเด็นใดทีควรแก้ไขเพิมเติม ผลการวิเคราะห์ ข้อมูลจากแบบสอบถามแบ่ งออกเป็ น 5 ส่ วนคือ ส่ วนที 1 ข้อมูลทัวไปของผูต้ อบแบบสอบถาม ส่ วนที 2 ความรู ้ทวไปเกี ั ยวกับการส่ งเสริ มสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ส่ วนที 3 บทบาทและอํานาจหน้าทีของสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

19   

ส่ วนที 4 ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ทีรวบรวมได้ จากแบบสอบถาม ส่ วนที 5 ความสัมพันธ์ของตัวแปร • ประเภทกิจการของผูต้ อบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบว่า เป็ นกิจการค้าปลีกมากทีสุ ด • สถานะในกิจการของผูต้ อบแบบสอบถาม พบว่า เป็ นเจ้าของกิจการ มากทีสุ ด • แหล่งเงินทุนของกิจการในปั จจุบนั ของผูต้ อบแบบสอบถาม พบว่า ใช้เงินส่ วนตัวมากทีสุ ด • ระดับความรู ้เกียวกับกิจการ SMEs ของผูต้ อบแบบสอบถาม พบว่า อยูใ่ นระดับปานกลาง • พิจารณาเฉพาะผูท้ ีรู ้จกั องค์กรภาครัฐทีส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs จํานวน 438 คน พบว่า รู ้จกั ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่ งประเทศไทย (SME Bank) มากทีสุ ด รองลงมาคือ รู ้จกั สํานักส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) คณะกรรมการ ส่ งเสริ มการลงทุน (Board of Investment : BOI) ธนาคารเพือการส่ งออกและนําเข้าแห่งประเทศ ไทย (Export-Import bank of Thailand : EXIM Bank) และบรรษัทประกันสิ นเชืออุตสาหกรรม ขนาดย่อม (บสย.) • พิจารณาเฉพาะผูท้ ีเคยได้รับการส่ งเสริ มสนับสนุนเกียวกับกิจการ SMEs จํานวน 164 คน พบว่า เคยได้รับการส่ งเสริ มสนับสนุนเกียวกับกิจการ SMEs ในด้านการให้คาํ ปรึ กษา มากทีสุ ด • ระดับความเชือมันในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ขององค์กรภาครัฐของผูต้ อบแบบสอบถาม จํานวน 595 คน พบว่า ความเชือมันในการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ขององค์กรภาครัฐอยูใ่ น ระดับปานกลาง รายงานสรุ ปประเด็นจากการสั มมนาครังที 1 กรุ งเทพฯและส่ วนกลาง ประเด็นในการสั มมนา 1. ความเข้าใจเกียวกับ SMEs หรื อ วิสาหกิจขนาดกลางขนาดย่อมของผูเ้ ข้าร่ วมสัมมนา 2. บทบาทและหน้าทีของหน่วยงาน สสว. 3. แหล่งเงินลงทุน 4. การขาดหน่วยงานทีดูแลและส่ งเสริ ม SMEs ในส่ วนท้องถินและภูมิภาค 5. นโยบาย มาตรการ หรื อกฎหมายของภาครัฐมีปัญหาและอุปสรรคต่อการทําธุรกิจ 6. ปั ญหาในการเริ มต้นประกอบธุรกิจ และผลกระทบทีจะเข้าสู่ AEC

20   

รายงานสรุปประเด็นจากการสั มมนาครังที 2 ส่ วนภูมิภาค ประเด็นในการสั มมนา 1. บทบาทและหน้าทีของหน่วยงาน สสว มีอย่างไร 2. ความมีประสิ ทธิภาพของกฎหมายในการจัดตังสสว. 3. งบประมาณและแหล่งเงินทุน 5. ข้ อเสนอแนะ จากการศึกษาโครงสร้าง อํานาจหน้าที และการดําเนิ นงานของหน่ วยงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาด กลางและขนาดย่อมของประเทศไทย โดยเมือเปรี ยบเทียบกับหน่ วยงานทีมีหน้าทีในลักษณะเดียวกันใน ต่างประเทศ จะพบว่าการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศไทยโดยองค์กรภาครัฐที ดําเนินการอยูใ่ นปั จจุบนั มีประเด็นทีควรจะนํามาแก้ไขปรับปรุ งดังนี 5.1 ข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริมสนับสนุน SMEs ด้ านข้ อกฎหมายและนโยบาย พบว่า รัฐควรมีนโยบายส่ งเสริ ม SME อย่างชัดเจน สร้างจุดยืนทีมันคงให้ SMEs มีวิธีการและมาตรการทีสามารถ ปฏิบตั ิได้จริ ง มีการเขียนอธิบายให้ทราบหน้าทีรับผิดชอบอย่างชัดเจน เพราะการดําเนินงานในปัจจุบนั ไม่ ชัดเจน มีหน้าทีทับซ้อนกับหน่วยงานอืน 5.2 ข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ด้ านงบประมาณทีจัดสรรมาเพือ ประโยชน์ SMEs พบว่า ต้องการโครงการทีสามารถช่วยเหลือ SME ได้จริ งไม่ใช่การนํางบประมาณมาใช้ อย่างเปล่าประโยชน์ โดยให้เพิมงบประมาณ SMEs กําหนดวงเงินกูใ้ ห้มากขึนและให้ขอ้ มูลเกียวกับแหล่ง เงินกูเ้ พิมเติม ทังนี เพือเป็ นการกระจายงบประมาณให้ทุกจังหวัดมี SME มากขึน สนับสนุนให้ SME ขนาด เล็กเข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่ งเสริ มให้มีนักลงทุน SME หน้าใหม่เพิมมากขึน มีการจัดงบประมาณ หรื อ โครงการพัฒนาผูป้ ระกอบการ 5.3 ข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ด้ านการให้ บริ การและบุคลากรที ให้ บริ การ คือ มีกระบวนการติดต่อ ยุง่ ยาก ซับซ้อนเกินไป ใช้เวลานาน ต้องลดขันตอนการดําเนิ นงาน เปลียนเป็ น one stop service มีการประสานงานกับทางจังหวัด เพือแก้ปัญหาการเข้าถึงบริ การยาก 5.4 ข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริมสนับสนุน SMEs ด้ านการประชาสั มพันธ์ คือ ต้องมี การประชาสัมพันธ์เพิมขึน เพิมสื อ และช่องทางการเรี ยนรู ้ จัดทํารายการสนับสนุน SME คล้ายกับรายการ

21   

SME ของกสิ กรไท โดยเน้นสื อทีเข้าถึงผูป้ ระกอบการได้โดยตรง เพือให้สามารถรับทราบข้อมูลเพิมเติม เกียวกับการลงทุนอย่างชัดเจน 5.5 ข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริ มสนับสนุน SMEs ด้ านการตลาด คือ ต้องการให้ การส่ งเสริ มธุ รกิจทีมีความเป็ นไปได้ พิจารณา การเติบโตของธุรกิจ ความนิยมในสิ นค้า ความเชือมันใน สิ นค้า ส่ งเสริ มให้มีงานจัดแสดงสิ นค้า เพือเปิ ดตลาดได้มากขึน 5.6 ข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริ มสนับสนุ น SMEs ด้ านความรู้ และการพัฒนา ผลิตภัณฑ์ คือ สนับสนุนให้จดั ตังกลุ่ม SME ส่ งเสริ มและผลักดันให้ SME สามารถแข่งขันกับบริ ษทั ใหญ่ ๆ ได้ เพิมเติมการส่ งเสริ มศักยภาพในการแข่งขันระหว่างประเทศ ให้ความรู ้ ความเข้าใจเกี ยวกับ SME ประโยชน์ของ SME ความเสี ยงต่าง ๆ ทีจะเกิดขึนในอนาคต ให้ความรู ้เกียวกับสิ ทธิ ของผูป้ ระกอบการและ ผูบ้ ริ โภคมากขึน 5.7 ข้ อเสนอแนะเพิมเติมเกียวกับการส่ งเสริมสนับสนุน SMEs ด้ านการติดตามผลการปฏิบัติงาน คือ ให้ทบทวนในบางโครงการทีเป็ นประโยชน์ แต่ขาดความต่อเนื องในการส่ งเสริ มสนับสนุ นจึงควรมีพี เลียง ทีปรึ กษาทางธุรกิจให้ SME และมีการติดตามผลอย่างต่อเนือง และควรมีการติดตามประเมินผล SME ทีได้รับเงินกูย้ ืมไป เพราะปั จจุบนั การติดตามผลยังไม่เป็ นรู ปธรรม ไม่สามารถสรุ ปผลได้ชดั เจน ทําให้ไม่ มันใจทีจะใช้บริ การ สสว. เพราะการดําเนินงานไม่น่าเชือถือในเรื องการให้ความเป็ นธรรมในการพิจารณา เงินทุน ติดตาม และประเมินผล

รู ปจัดประชุมระดมความคิดเห็นส่ วนกลาง

รู ปจัดประชุมระดมความคิดเห็นส่ วนภูมิภาค

รู ปศึกษาดูงานต่างประเทศ

รู ปจัดประชุมนําเสนอผลงานวิจยั และรับฟังข้อเสนอแนะ

ึ ษาวิจ ัยกฎหมายการจ ัดตงั โครงการศก องค์กรภาคร ัฐ ่ เสริม ทีท ี า ํ หน้า้ ทีส ี ง SME ิ และสน ัับสนุน SMEs ของประเทศไทยเปรียบเทียบก ับ ต่างประเทศ

บทสรุปผูบ ้ ริหาร

บทสรุปผู้บริ หาร เพือให้การดําเนินงานส่ งเสริ ม SMEs มีการพัฒนาให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปั จจุบนั สสว. ใน ฐานะทีเป็ นหน่วยงานกลางของการประสานงานและการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs และเป็ นหน่วยงานที รับผิดชอบการดําเนิ นงานตามกฎหมายจึงได้จดั ให้มีการศึ กษาวิจยั กฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐของไทยทีมี หน้าทีในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs เปรี ยบเทียบกับกฎหมายจัดตังองค์กรภาครัฐของต่างประเทศที ทําหน้า ที ส่ งเสริ ม และสนับ สนุ น SMEs และทําให้ ธุรกิ จ SMEs ของประเทศนันๆ ประสบผลสําเร็ จใน การดําเนินการ 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศญีปุ่ น สาธารณรัฐสิ งคโปร์ สาธารณรัฐ เกาหลี สาธารณรัฐ ฝรั งเศส และเครื อรัฐออสเตรเลีย โดยโครงการดังกล่ าวมี วตั ถุประสงค์ เพื อศึ ก ษาถึ งโครงสร้ างขององค์ก ร โครงสร้ างการบริ หาร วัตถุ ประสงค์ อํานาจหน้าที งบประมาณสนับ สนุ น จากภาครั ฐ การส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของ สสว. และนโยบายภาครั ฐ ในการส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ น SMEs โดยผ่ านทางหน่ วยงานภาครั ฐ อื น ๆ มีก ารวิเคราะห์ กฎหมายจัดตังองค์ภ าครั ฐ ของต่างประเทศที ทํา หน้าที เกี ยวกับการส่ งเสริ มสนับสนุ นและ พัฒนา SMEs ให้เข้มแข็งและประสบความสําเร็ จโดยศึกษาเปรี ยบเทียบกับกฎหมายจัดตัง สสว. และองค์กร ภาครัฐของไทยในหัวข้อ ดังกล่าว เพือนําไปสู่ การเสนอแนะแก้ ไขเพิ มเติมหรื อ ปรับปรุ งกฎหมายนีให้มี ความเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ ปัจจุบนั ตลอดจนโอกาสและผลกระทบของการเข้าสู่ ประชาคม เศรษฐกิจอาเซี ยน ต่อ SMEs ไทย เพือให้ สสว. สามารถสนับสนุนให้ผปู ้ ระกอบการ SMEs รวมทังองค์ก ร ภาครัฐและภาคเอกชนทีเกียวข้องสามารถเพิมขีดความสามารถในการแข่งขันในประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน คณะผูว้ จิ ยั ได้สรุ ปผลการวิจยั ดังนี 1. องค์ กรภาครั ฐทีทําหน้ าทีส่ งเสริมและสนับสนุน SMEs ของประเทศไทย สํ า นัก งานส่ งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (สสว.) จัด ตังขึ นโดยอาศัย อํานาจตาม พระราชบัญญัติ ส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ. 2543 โดยกฎหมายฉบับนี ได้ก ําหนด โครงสร้ างการบริ หาร โครงสร้างองค์ก ร ตลอดจนอํานาจหน้าที ของ สสว. เอาไว้อย่างชัด เจน นอกจากนี การบริ หารงานยังสามารถจําแนกเป็ น  คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  คณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม  สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.)

2

สสว. ได้รับงบประมาณจากภาครัฐ และได้บริ หารจัดการเพือจัดตังเป็ น “กองทุน” สําหรั บส่ งเสริ ม SMEs ทีขอเข้ารับการช่วยเหลือ ตามขอบเขตและวัตถุประสงค์เฉพาะ โดยกฎหมายกําหนดให้มีการพิจารณา ดังนี 1) ขอบเขตของการช่ วยเหลือ • การให้ กู้ ยื ม เงิ น สํ า หรั บ ดํ า เนิ น การก่ อตั งปรั บ ปรุ ง พั ฒ นากิ จ การ SMEs ให้มีประสิ ทธิ ภาพ • การให้เงิ นช่ วยเหลืออุดหนุ นเพือนําไปใช้ดาํ เนิ นงานตามแผนปฏิ บตั ิ การส่ งเสริ ม SMEs • การให้เงิน ช่ วยเหลือ อุดหนุ น ดําเนิ น การ ร่ วมกิ จการ ร่ วมทุ น ลงทุ นใดเกี ยวกับ การก่ อ ตัง ขยายกิ จการ การวิจยั พัฒ นา และส่ งเสริ ม SMEs ให้มี ประสิ ทธิ ภ าพ เพิ มขึน • การให้ความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม สนับสนุนรู ปแบบอืนๆ 2) ข้อคํานึงในการให้ความช่วยเหลือ • ความเป็ นไปได้และความจําเป็ นของแผนการดําเนินงานและแผนการใช้จ่ายเงินที ต้องสอดคล้องกับแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs • สถานะการเงิน การลงทุน และเงินทุนหมุนเวียน • ความเป็ นธุ ร กิ จที ก่ อ ให้ เกิ ด การจ้างงาน รายได้ หรื อ ก่ อ ให้เ กิ ด ความเชื อมโยง ระหว่างธุ รกิจ • การดําเนิ นธุ รกิ จตามระบบธรรมาภิบาลทีมี ความรับ ผิดชอบต่อ สังคม และไม่ก่อ ผลกระทบต่อสิ งแวดล้อม น อ ก จ าก นี ส ส ว . ยั ง มี ภ า ร กิ จ ใ น ก า ร ดํ า เนิ น ก า ร ต า ม แ ผ น ส่ ง เ ส ริ ม SMEs โดยการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs โดยผ่านหน่วยงานอืน เช่ น • การส่ งเสริ มการร่ วมลงทุนใน SMEs ของภาคเอกชน โดยการยกเว้นภาษีสําหรั บนิติบุคคล ทีร่ วมลงทุนกับ SMEs • การสนับสนุนด้านการวิจยั และพัฒนา (R&D) เช่ น โครงการให้กู้ยืมดอกเบียตํา โครงการ ด้านการช่ วยลดหย่อนภาษี • การสนับสนุนด้านแรงงาน เช่ น การให้กยู้ ืมเงินกองทุนเพือพัฒนาฝี มือแรงงาน

3

2. องค์ กรภาครั ฐทีทํ าหน้ าที ส่ งเสริ มและสนั บสนุ น SMEs ของต่ างประเทศ โดยคณะผู ้วจิ ยั ได้ทาํ การศึ ก ษาหน่ วยงานที มี หน้า ที ส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs ในประเทศทีมี ค วามโดดเด่ น และประสบ ความสําเร็ จ สามารถสรุ ปข้อดี-ข้อเสี ยของกฎหมายจัดตังองค์ก รภาครั ฐทีส่ งเสริ ม SMEs ของต่างประเทศ จํานวน 5 ประเทศ เปรี ยบเทียบกับประเทศไทยได้ดงั ต่อไปนี 2.1 ประเทศญีปุ่ น ข้ อดี 1. ในการจัดตังสํ านัก งานวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อ ม ((The Small and Medium Enterprise Agency: SMEA) ของประเทศญีปุ่ น เกิดขึนจากเจตนารมณ์จะให้มีหน่วยงานภาครัฐเพือช่วยเหลือ SMEs จากปั ญหาการผูกขาดทางการตลาดของกลุ่มทุ นธุ รกิจขนาดใหญ่ จนทําให้ SMEs ไม่สามารถดําเนิ น ธุรกิจได้ท่ามกลางปั ญหาวิกฤตทางเศรษฐกิ จ นํามาซึ งนโยบายและมาตรการต่างๆ ทีจะแก้ไขปั ญหาดังกล่าว ดังนัน ทิศทางการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่นจึงมี ความชัดเจนตังแต่อดีตจนถึ งปั จจุบนั แต่ประเทศ ไทยไม่ได้นาํ ประเด็นปั ญหาการผูกขาดทางการตลาดมาเป็ นประเด็นสําคัญสําหรับเหตุผลในการจัดตัง สสว. ดังเช่ นประเทศญีปุ่น 2. SMEA ของประเทศญี ปุ่ นเป็ นหน่ วยงานภาครั ฐ ที เป็ นอิ ส ระ จึงมี ความคล่อ งตัวเรื อง การบริ หารงานมากกว่าการเป็ นส่ วนราชการ ซึ งกฎหมายจัดตัง สสว. ก็ได้ก ําหนดให้ สสว. เป็ น หน่วยงาน ของรัฐทีมิใช่ส่วนราชการ และมิใช่รัฐ วิสาหกิ จ เพือความเป็ นอิสระและความคล่องตัวในการบริ หารจัดการ เช่ นเดียวกัน 3. ประเทศญีปุ่ นมี สภาทีให้คาํ ปรึ ก ษาในด้านนโยบายเกี ยวกับวิส าหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อ ม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) ในรู ปแบบคณะกรรมการโดยมี หน้ าที ให้ ค ํา แนะนําแก่ รั ฐ มนตรี ก ระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุ ต สาหกรรม เปรี ยบเที ย บได้ก ับ คณะกรรมการส่ ง เสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ งคณะกรรมการดังกล่าวของประเทศญีปุ่ นมี จํานวนกรรมการประเภทผู้ทรงคุ ณ วุฒิ ได้ไม่ เกิ น 30 คน โดยกฎหมายญีปุ่ นมิ ได้กาํ หนดให้ สัดส่ วนและ องค์ประกอบของคณะกรรมการจะต้องมาจากภาครัฐจํานวนเท่าใด จึงทําให้ภาคเอกชนสามารถมีส่ วนร่ วม ได้อย่างเต็มที และมีความยืดหยุ่นในการแต่งตังคณะกรรมการ แตกต่างกับกรณี ของคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย ทีกําหนดให้กรรมการโดยตําแหน่งมาจากภาครัฐหลาย ตําแหน่ง

4

4. ประเทศญีปุ่นจะแยกหน่วยงานทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุ นในระดับนโยบายออก จากระดับปฏิ บ ัติ โดยที สํ า นัก งานวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม (SMEA) จะเป็ นผู ้วางนโยบาย ระดั บ ชาติ ด้ า น SMEs ซึ งอยู่ ภ ายใต้ ก ารกํ า กั บ ดู แ ลของรั ฐ มนตรี กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้ า และ การอุตสาหกรรม (Ministry of Economy, Trade and Tndustry: METI) และมี ค ณะกรรมการในสภาทีให้ คําปรึ กษาในด้านนโยบายเกี ยวกับวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council) เป็ น ผูใ้ ห้คาํ แนะนํา และถ่ายทอดนโยบายเข้าสู่ หน่วยงานปฏิบตั ิ เช่ น องค์การเพือ วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มและนวัตกรรมในระดับภูมิ ภ าคแห่ ง ประเทศญีปุ่ น (Organization for SMEs and Regional Innovation, Japan : SMRJ) สถาบันทางการเงินระดับนโยบาย และองค์ก รธุ รกิ จทีให้ หลัก ประกันสิ น เชื อ ทังนี SMEA, SMRJ และ The Small and Medium Enterprise Policy-Making Council ได้อาศัยกฎหมายในการจัดตังองค์กรทีแตกต่างกัน ในขณะทีประเทศไทยมี สสว. เป็ นองค์กรหลัก องค์ก ร เดียวทีทําหน้าทีในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs และยังไม่ ชดั เจนว่าจะทําหน้าทีในระดับนโยบายเพียง อย่างเดียวหรื อรวมระดับปฏิบตั ดิ ว้ ย นอกจากนี ประเทศญีปุ่นยังได้จดั ให้มีเครื อข่ายภายใต้ SMRJ ทีเรี ยกว่า SME Universities การดําเนิ นงานระดับปฏิ บตั ิการส่ งเสริ ม SMEs ในส่ วนภูมิภาคด้วย แต่ประเทศไทยยังไม่ มีหน่ วยงานศูนย์ภูมิภาคของ สสว. 5. การจัด สรรงบประมาณเพื อส่ ง เสริ ม และสนั บสนุ น SMEs ของประเทศญี ปุ่ นจะมี กระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และการอุตสาหกรรม (METI) และสํานักงานวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEA) เป็ นองค์ก รหลัก ทีช่ วยดําเนิ น การจัดสรรงบประมาณในระดับนโยบาย ส่ งผ่ านให้ อ งค์กรปฏิ บตั ิ ต่างๆ ทีเกี ยวข้อ งทังในระดับชาติแ ละระดับภู มิภาค ในขณะทีประเทศไทยจัดสรรงบประมาณให้แต่ล ะ องค์กรทีสังกัดกระทรวงต่ างๆ ซึ งการกระจายงบประมาณอยู่ในหลายองค์กรหลายกระทรวงของประเทศ ไทยทํา ให้ขาดเอกภาพ และทําให้ผู ้ประกอบการ SMEs ต้อ งเสี ยเวลาติดต่อ ประสานไปยังหน่ วยงานอื นๆ นอกจาก สสว. 6. งบประมาณของกระทรวงเศรษฐกิ จ การค้า และการอุ ต สาหกรรม (METI) จะมี การจัด สรรให้แ ก่ ก ารส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs ไว้เ ป็ นการเฉพาะ และในงบประมาณปี 2013 ยังตัง งบประมาณเฉพาะกิ จเพือช่ วยเหลือ SMEs ในเขตพืนทีภัยพิ บตั ิทีประสบภัยสึ นามิ ซึ งเป็ นการแสดงให้เห็ น ถึงการให้ความสําคัญในการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศ 7. ประเทศญีปุ่ นมี กฎหมาย และมาตรการภาครัฐ ทีบังคับใช้ ได้อ ย่า งมี ประสิ ทธิ ภ าพใน การส่ งเสริ ม SMEs

5

ข้ อเสีย 1. จากปั ญ หาการผู ก ขาดทางการตลาดของกลุ่ม ทุ น ธุ รกิ จขนาดใหญ่ จนเป็ นที มาของ การจัดตัง SMEA ทําให้ทิศทางการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่ นเป็ นไปเพือป้ องกันปั ญหาดังกล่าว และ ทําให้วธิ ี การส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่ นเน้นการรวมกลุ่ม SMEs จนอาจก่อให้เกิดความไม่ยืดหยุน่ ของ การวางนโยบายอย่างต่อเนืองไปสู่ อนาคตภายหน้า 2. การกําหนดจํานวนกรรมการประเภทผูท้ รงคุณวุฒิ ได้ไม่เกิ น 30 คน ในคณะกรรมการที มี ห น้ า ที ให้ ค ํา แนะนํ า แก่ รั ฐ มนตรี กระทรวงเศรษฐกิ จ การค้ า และการอุ ต สาหกรรม กล่ าวคื อ เป็ น คณะกรรมการระดับวางนโยบายส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศญีปุ่น อาจไม่เหมาะสมกับบริ บทของประเทศ ไทย เนื องจากเป็ นรู ปแบบของคณะกรรมการขนาดใหญ่ อาจทําให้การนัดประชุ มและพิ จารณานโยบาย ต่างๆ ไม่ทนั ต่อสถานการณ์ได้ 3. ในประเทศญี ปุ่ นมี พฒ ั นาการด้านกฎหมายส่ งเสริ ม SMEs มายาวนานกว่าในประเทศ ไทย จึงมีก ฎหมายทีเกี ยวข้อ งเป็ นจํานวนมาก ซึ งบางฉบับอาจไม่ เหมาะกับบริ บทพัฒนาการการส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย 2.2 สาธารณรั ฐสิงคโปร์ ข้ อดี 1. รั ฐ บาลของสิ ง คโปร์ มี น โยบายสนั บ สนุ น การลงทุ น อย่ า งเต็ ม ที จากต่ างชาติ แ ละ สนับสนุ น ให้มีการประกอบธุ รกิ จทุก ประเภท ทังนี ไม่ว่า ผูป้ ระกอบธุ รกิ จนันจะเป็ นพลเมือ งหรื อ ผูเ้ ข้ามา อาศัยในดินแดนก็ตาม และการประกอบธุรกิจของผูเ้ ข้ามาอาศัยในดินแดนและรวมทังพลเมืองสิ งคโปร์ ส่วน ใหญ่จะเป็ นการประกอบธุ รกิจในลักษณะทีเป็ น SMEs ดังนัน รัฐบาลสิ งคโปร์จึงให้การสนับสนุนวิสาหกิ จ ดังกล่าวนีให้พฒ ั นาไปสู่ การเป็ นธุรกิจขนาดใหญ่ได้อย่างมันคงและยังยืน 2. กฎหมายจัดตังหน่วยงาน SPRING ของประเทศสิ งคโปร์ มีความคล้ายคลึงกับกฎหมาย จัดตังหน่ วยงานสนับสนุ นและส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทยเป็ นอย่างมาก เพราะได้กําหนดให้จดั ตัง หน่ วยงานรั บผิดชอบด้านการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง และหน่ วยงานดังกล่ าวของทังสองประเทศต่างเป็ น หน่ วยงานของรัฐ ซึ งคณะกรรมการ SPRING เป็ น หน่ วยงานหลักทีสําคัญ ที ทําหน้าทีในการส่ งเสริ มและ สนับสนุ น SMEs ในประเทศสิ งคโปร์ โดยมี หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการฯ ทําหน้าทีเป็ น ฝ่ าย ปฏิบตั ิการและฝ่ ายธุ รการของคณะกรรมการฯ

6

3. การกําหนดชือกฎหมายในลักษณะทีนําเอาชือคณะกรรมการตามกฎหมายมาเป็ นชือของ กฎหมายเป็ นสิ งทีบ่ งบอกถึ งวัตถุ ประสงค์สําคัญของกฎหมายและแนวคิดในการจัดทํากฎหมาย รวมทัง แนวคิดในการจัดตังหน่วยงานของรัฐเพือให้มีหน้าทีอย่างใดอย่างหนึงของประเทศสิ งคโปร์ โดยสิ งคโปร์ ให้ความสําคัญกับการจัดตังองค์กรหนึ งขึนมาก่ อน ส่ วนหน้าทีด้านต่ างๆ จะกําหนดไว้ในรายละเอี ยดใน เนือหาของกฎหมายทีเกี ยวข้อง 4. กฎหมายจัด ตังองค์ก รของสิ ง คโปร์ จะเป็ นกฎหมายที มีเ นื อหากล่ าวถึงองค์ประกอบ อํานาจหน้าทีการดําเนิ นการของคณะกรรมการ รวมทังเรื องเกี ยวกับทรั พย์สิน ต่างๆ ของคณะกรรมการ เท่านัน จึงเป็ นกฎหมายทีว่าด้วยการจัดตังองค์กรโดยตรง โดยมิได้มีบทบัญญัติทีกําหนดขึนเพือให้น ําไปใช้ เป็ น กฎหมายแม่บทในการส่ งเสริ มหรื อสนับสนุ น SMEs เหมื อนดังทีบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ของประเทศไทย 5. กฎหมายจัดตังองค์ก รทีทํา หน้าทีส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศสิ งคโปร์ ได้ให้อิสระแก่ องค์กรทีจัดตังขึนทีจะไปกําหนดรู ปแบบ วิธีการในการทําหน้าทีภายใต้ขอบอํานาจกฎหมายทีกําหนดจัดตัง องค์กรกําหนดไว้ 6. กฎหมายจัดตัง SPRING Singapore ไม่ได้กาํ หนดให้สมาชิกของคณะกรรมการต้องเป็ น สมาชิ ก โดยตําแหน่ ง ซึ งแตกต่ างจากกฎหมายไทยทีกําหนดให้องค์ประกอบของคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมส่ วนหนึ งเป็ นกรรมการโดยตําแหน่ง หากแต่สมาชิ กของคณะกรรมการ SPRING จะมาจากหลายภาคส่ วน ทังจากภาคเอกชนและจากภาครัฐ 7. สมาชิกคณะกรรมการ SPRING Singapore เกื อบทังหมด ยกเว้นผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร จะมาจากการแต่งตังโดยรั ฐมนตรี ว่าการกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม ซึ งเป็ นหัวหน้าของกระทรวง ผูก้ าํ กับดูแลการทํางานของคณะกรรมการ SPRING Singapore 8. จากอํานาจหน้าทีทีกฎหมายกําหนดไว้ของคณะกรรมการ SPRING Singapore จะเห็ น ได้ ว่า คณะกรรมการฯ มี อ ํา นาจหน้ า ที อย่ างครบวงจรและกว้างขวาง ตลอดจนมี ห น้ า ที ด้ า นอื นๆ ที นอกเหนือจากหน้าทีในการสนับสนุน SMEs อาทิ . เมือเปรี ยบเทียบกับหน่วยงานทีมีหน้าทีในการส่ งเสริ ม สนับสนุ น SMEs ของประเทศไทยแล้วจะเห็นว่า สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมของ ประเทศไทยมี ห น้า ที เฉพาะการส่ งเสริ ม SMEs เท่ า นัน . กฎหมายของประเทศไทยไม่ ไ ด้ก ํา หนดให้ สํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมีหน้าทีในด้านอืนๆ อีก

7

9. สิ งคโปร์ ก ํ า หนดให้ ค ณะกรรมการ SPRING Singapore เป็ นผู ้ ที มี อ ํานาจในเรื อง การรับรองมาตรฐานโดยให้บ ริ การแบบครบวงจรแก่ SMEs ในทุก ๆ ด้านไปพร้ อมๆ กัน เพื อมิให้ SMEs หรื อวิสาหกิจต่างๆ ต้องไปติดต่อกับหน่วยงานหลายๆ แห่ ง อันเป็ นการลดภาระและค่าใช้จ่ายให้กบั วิสาหกิ จ ไปในขณะเดียวกัน และยังทําให้การดําเนิ นงานเพือรับรองมาตรฐานและการให้การสนับสนุนเป็ นไปอย่าง สอดคล้องกันด้วย 10. การทีประเทศสิ งคโปร์ ให้หน่วยงาน SPRING Singapore เป็ นผูท้ าํ หน้าทีหลายๆ ด้าน ซึ งเป็ นหน้าทีทีมุ่งหมายไปในแนวเดี ยวกัน จึงเป็ นลดการจัดตังหน่ วยงานรัฐหลายๆ หน่วยงาน ซึ งทําให้ลด การทํางานทีทับซ้อนกัน ลดการขาดความเป็ นเอกภาพของหน่วยงานรัฐ รวมทัง ในแง่งบประมาณทีต้องใช้ ในการจัดตังหน่วยงานขึนหลายๆ หน่วยงานเพือให้ทาํ หน้าทีใกล้เคียงกัน ข้ อเสีย 1. SMEs ในสิ งคโปร์ เป็ นรู ปแบบของการประกอบธุ รกิ จอย่ างหนึ งทีไม่ ไ ด้มีก ฎหมาย กําหนดสถานะไว้เป็ นการเฉพาะ ดังนัน จึงอาจอยูใ่ นรู ปแบบการดําเนินธุ รกิจประเภทใดประเภทหนึ งก็ไ ด้ กล่ าวคื อ อาจอยู่ในรู ป แบบการดําเนิ น ธุ รกิ จโดยบุ ค คลคนเดี ยว (Individual Proprietorship) กิ จการห้ า ง หุ ้น ส่ ว น(Partnership) หรื อ บริ ษ ทั จํากัด (Limited Company) ด้วยเหตุ ทีประเทศสิ งคโปร์ ไม่มี การบัญ ญัติ กฎหมายทีนํามาปรั บใช้แ ก่ กรณี การส่ งเสริ ม SMEs โดยตรงเป็ นการเฉพาะ ดังนัน จึงไม่มีการให้คาํ จํากัด ความอย่างเป็ นทางการโดยกฎหมายของ SMEs แต่อย่างใด 2. คํานิ ยามของ SMEs ที คณะกรรมการ SPRING นํามาใช้นีไม่ได้เป็ นคํานิ ยามอย่างเป็ น ทางการของ SMEs แต่ อ ย่างใด แต่ เป็ นการกําหนดขึ นมาเพี ยงเพื อใช้ เป็ นหลัก เกณฑ์เบืองต้นในการระบุ ผูป้ ระกอบการทีสามารถขอรับการช่วยเหลือตามแผนงานสนับสนุน SMEs ทีคณะกรรมการ SPRING จัดทํา ขึนเท่านัน 3. กฎหมายจัดตังองค์ก รของสิ งคโปร์ ได้กาํ หนดให้จดั ตังคณะกรรมการเพี ย งอย่างเดีย ว โดยไม่ ได้กาํ หนดอย่างชัดเจนให้จดั ตังหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารขึนมาแต่ อ ย่างใด จึงแตกต่ างจากการจัดตัง องค์กรทีกําหนดไว้ในพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของประเทศไทย พ.ศ.2543 ซึ งกําหนดให้จดั ตังทังคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม และสํานัก งานส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เป็ นหน่วยงานบริ หารขึนมาพร้อมๆ กัน 4. รั ฐ มนตรี วา่ การกระทรวงการค้าและอุ ตสาหกรรมของสิ งคโปร์ มี บทบาทสํ าคัญ ใน การจัดตังและควบคุมการดําเนินงานของคณะกรรมการ SPRING Singapore โดยกฎหมายได้กําหนดอํานาจ

8

รั ฐ มนตรี ฯ ไว้อ ย่า งกว้า งขวางให้ รั ฐ มนตรี ฯ เป็ นผู ้ที มี อาํ นาจทังในเรื องการแต่ ง ตังและการถอดถอน คณะกรรมการ SPRING Singapore ทังคณะ (ยกเว้น ผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร) ตามที รัฐมนตรี เห็น สมควร โดยเฉพาะอย่างยิ ง รั ฐมนตรี ฯ มีอาํ นาจให้คณะกรรมการคนใดคนหนึงพ้นจากตําแหน่ งได้ โดยไม่ ตอ้ งให้ เหตุผลในการให้พน้ จากตําแหน่งดังกล่าว 5. กฎหมายจัด ตังคณะกรรมการ SPRING Singapore ไม่ ไ ด้ ก ํา หนดโดยชั ด แจ้ง ให้ มี การจัดตังหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารของคณะกรรมการขึน แต่ ได้กาํ หนดให้คณะกรรมการ SPRING Singapore แต่ งตังผูอ้ าํ นวยการฝ่ ายบริ หาร (Chief executive) โดยความเห็น ชอบจากรั ฐมนตรี วา่ การกระทรวงการค้า และอุตสาหกรรม การแต่ งตังผูอ้ าํ นวยการบริ หารจึงทําให้เกิ ดหน่ วยงานฝ่ ายบริ หารขึนโดยปริ ยาย ซึ งทําให้ เกิ ด ความไม่ ชัด เจนในการกํา หนดการจัด ตังหน่ วยงานฝ่ ายบริ หาร ดัง นันหน่ วยงานฝ่ ายบริ ห ารของ คณะกรรมการ SPRING Singapore จึงไม่ได้มีรูปแบบโครงสร้ างและการบริ หารงานที เคร่ งครั ดเหมือ นกับ หน่ วยงานรั ฐอื นทัวไป และไม่มีอาํ นาจตามกฎหมายทีจะดําเนิ นการใดๆ ได้ด ว้ ยตนเอง โดยทําหน้าทีเป็ น หน่วยงานฝ่ ายธุ รการและฝ่ ายปฏิ บตั ิการของคณะกรรมการฯ เท่านัน อํานาจในการดําเนิ นการส่ งเสริ มและ สนับสนุน SMEs จึงเป็ นของคณะกรรมการฯแต่เพียงผูเ้ ดียว 6. กฎหมายจัดตังของคณะกรรมการ SPRING Singapore ได้ก ําหนดแต่ เพี ยงอํานาจและ หน้าทีของคณะกรรมการ SPRING Singapore เท่านัน โดยไม่ได้กล่าวถึงอํานาจหน้าทีหรื อวัตถุประสงค์ของ หน่ วยงานฝ่ ายบริ หารหรื อ สํ านัก งานผู ้อ ํานวยการฝ่ ายบริ หาร (ที มี ผู ้อ าํ นวยการฝ่ ายบริ ห ารเป็ นหัวหน้า หน่วยงาน) แยกออกจากอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการ SPRING Singapore แต่อย่างใด 7. การจัดสรรงบประมาณให้แก่ SPRING Singapore จะมีการกําหนดนโยบายประจําปี ให้ ต้อ งดําเนิ น การไว้ด้ วย งบประมาณจึ ง เป็ นตัวกําหนดนโยบายของ SPRING Singapore ซึ งแตกต่ างจาก กฎหมายไทยทีให้คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเป็ นผูก้ าํ หนดนโยบายในการให้ การสนับสนุน SMEs ในประเทศไทยโดยไม่ผูกติดกับการจัดสรรงบประมาณ 2.3 สาธารณรั ฐเกาหลี ข้ อดี 1. กฎหมายของสาธารณรัฐ เกาหลีมีรายละเอียดทีชัดเจนอย่างยิง เช่น การกําหนดนิ ยามคํา ว่า SMEs ยัง จํา แนกย่ อ ยเป็ น 3 ประเภทตามขนาดกิ จการ ได้แ ก่ ประเภทที 1 คื อ Small and Medium Enterprises ประเภทที 2 คื อ Small Businesses และประเภทที 3 คื อ Micro-Enterprises โดยสาเหตุ ที มี

9

การจํา แนก SMEs ให้ย่ อยลงมาอี ก เป็ น 3 ประเภทดังกล่ าว เป็ นความละเอี ยดที ต้อ งการจะส่ งเสริ มและ สนั บ สนุ น SMEs ในแต่ ล ะประเภทให้ ส อดคล้ อ งกั บ สภาพและฐานะทางเศรษฐกิ จ ตลอดจน การตอบสนองต่ อความต้องการของ SMEs แต่ ละประเภทได้อ ย่างตรงต่อความต้อ งการและเหมาะสมแก่ ขนาดของกิ จการอย่างแท้จริ ง 2. เกณฑ์การนิยาม SMEs ตามกฎหมายสาธารณรัฐเกาหลียงั เป็ นเกณฑ์ทีค่อนข้างเปิ ดกว้าง ซึ งหากพิจารณาจากประเภทธุ รกิ จแล้ว พบว่า ธุ รกิ จเกื อบทุ กประเภทสามารถเป็ น SMEs ได้ท งสิ ั น โดย มุ่งเน้น ไปที จํานวนพนัก งาน และมูล ค่ าสิ นทรั พย์หรื อมู ล ค่าการขายเป็ นหลัก ในการพิ จารณา ซึ งกรณี นี คล้ายคลึงกับการพิจารณาประเภทธุ รกิ จ SMEs ของประเทศไทย ตามพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาด กลางและขนาดย่อ ม ซึ งได้พิจารณาจากการจ้างงานและมู ลค่าสิ น ทรั พย์เช่ นเดียวกัน หากแต่สาธารณรั ฐ เกาหลีได้กาํ หนดให้มีรายละเอียดปลีก ย่อ ยมากกว่าประเทศไทย โดยให้มีก ารพิจารณามูลค่าการขายแทน มูลค่าสิ นทรัพย์ในธุ รกิจบางประเภทด้วย จึงเห็นได้วา่ หลักเกณฑ์มีความยืดหยุ่นพอสมควรในการกําหนดคํา จํากัดความของ SMEs 3. โครงสร้ างด้านนโยบายในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ของสาธารณรั ฐเกาหลีมี ความเป็ นระบบอย่า งมาก เนื องจากได้ตรากฎหมายที วางโครงสร้ า งของการส่ งเสริ ม SMEs อย่างเป็ น ภาพรวมออกมาก่ อ นเป็ นฉบับแรก คื อ Framework Act on Small and Medium Enterprises ทีตราขึนในปี 1995 เป็ นกฎหมายทีวางกฎเกณฑ์อย่างกว้างสรุ ปภาพรวมสําหรั บส่ งเสริ ม SMEs ในประเทศ โดยระบุให้ จัดตัง (Small and Medium Business Administration: SMBA) ขึนเป็ นองค์ก รหลักทีมีวตั ถุประสงค์ในการ ส่ ง เสริ ม SMEs ทําหน้าทีกํ าหนดนโยบายออกมา 2 ประเภท ได้ แ ก่ นโยบายที เป็ นภาพรวม คื อ Policy Direction of the Year ซึ งจะวางแผนปี ต่อปี ตามสภาพเศรษฐกิ จและสังคมทีเปลี ยนแปลงไป เสมือนเข็มทิศ หรื อหางเสื อเรื อทีจะพา SMEs ของประเทศเดินไปในทิศทางใดและนโยบายย่อยทีออกมาเพือนํานโยบายที เป็ น ภาพรวมมาทําให้เกิ ดผลเป็ นรู ปธรรม ได้แก่ SME Policies ซึ งจะมีความเฉพาะเจาะจงไปทีการส่ งเสริ ม SMEs ในเรื องต่างๆ ถึง 7 ด้าน เช่ น ด้านเทคโนโลยี ด้านบุคลากร ด้านการวิจยั ด้านการสร้ างเครื อข่าย เป็ นต้น 4. ในส่ วนของมาตรการทางกฎหมายในการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของสาธารณรัฐ เกาหลี ที นอกเหนื อ จาก Framework Act on Small and Medium Enterprises ที กล่ าวมาแล้ว สาธารณรั ฐ เกาหลีได้จดั ทํากฎหมายในลักษณะ “กฎหมายชุด (SME Law Kit)” ทีกล่าวถึงการส่ งเสริ ม SMEs เฉพาะเรื อง ตราขึนในภายหลัง อี ก 9 ฉบับ โดยทัง 9 ฉบับเป็ นการดึ งเอาหลัก การส่ งเสริ ม SMEs ทีถู ก กล่ า วถึ งใน Framework Act on Small and Medium Enterprises มาสร้ างเป็ นมาตรการทีให้เกิดผลในทางปฏิบตั ิอย่างเป็ น

10

รู ป ธรรมด้วย โดยทัง 9 ฉบับ ได้แ ก่ Promotion of Small and Medium Enterprises and Encouragement of Purchase of Their Products Act, Act on the Protection of the Business Sphere of Small and Medium Enterprises and Promotion of their Cooperation, Act on Special Measures for Small Enterprise Support, Act on the Promotion of Technology Innovation of Small and Medium Enterprise, Special Act on Support for Human Resources of Small and Medium Enterprise, Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act, Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise, Small and Medium Enterprise Cooperatives Act แ ล ะ Act on Support for Female-owned Businesses จึ ง ก่อให้เกิ ดข้อดีในแง่ความเป็ นระบบระเบียบในการทําความเข้าใจและเลือกปรับใช้ก ฎหมาย แต่ในประเทศ ไทยไม่ ได้จดั ทําในลักษณะกฎหมายชุ ด ดังเช่ นสาธารณรัฐ เกาหลี ซึ งประเทศไทยได้ตราพระราชบัญญัติ ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ.2543 ขึนเป็ นกฎหมายหลัก และเนือหาของพระราชบัญญัติ จะเน้นไปในด้านการจัดตังองค์กร คือ สํ านักงานส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อ สสว. ตลอดจนกําหนดอํานาจหน้าทีของ สสว. ส่ วนมาตรการทางกฎหมายเกียวกับการส่ งเสริ ม SMEs ของไทยยัง กระจัดกระจายสอดแทรกอยู่ตามพระราชบัญญัติอืนๆ ทังทีพระราชบัญญัติเหล่านันอาจไม่ได้มีเนือหาหลัก ในการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง อัน ก่อให้เ กิดการขาดเอกภาพและเกิดความสับสนในการปรับใช้กฎหมาย 5. ปั จจุบนั นีโครงสร้ างของ SMBA ประกอบไปด้วยผูบ้ ริ หารระดับสู ง (Administrator) ซึ ง มีระดับเป็ นผูช้ ่ วยรัฐมนตรี ผูบ้ ริ หารที มาจากผูแ้ ทนจากรัฐสภา (Deputy-Administrator) และเจ้าหน้าทีซึ ง ทํางานอยู่ใน 7 สํ านัก (Bureau) และ

แผนก (Division) อี ก ทัง SMBA ยังมี การบริ หารจัดการในภูมิภาค

รวม 11 แห่ งทัวประเทศอีกด้วย จะเห็นได้ชดั เจนว่าโครงสร้างของ SMBA ไม่มีความสลับซับซ้อน การรวม ศูนย์อาํ นาจการตัดสิ นใจทังส่ วนกลางและภูมิภาค สามารถเกิดขึนโดยตัวผูบ้ ริ หารระดับสู งเพียงคนเดียว ซึ ง ผูบ้ ริ หารระดับสู งอาศัยสํานักงานย่อยทีมีอยู่ 7 สํานัก (Bureau) และ แผนก (Division) เป็ นเสมือนแขนขา ในการปฏิบตั ิการส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs กรณี ดงั กล่าวอาจก่ อให้เกิดความเป็ นเอกภาพ และรวดเร็ วใน การตัดสิ นใจ และไม่มีขนตอนที ั ซับซ้อนยุ่งยากมากนักในการดําเนินงาน 6. การจัดสรรงบประมาณเพือส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ของสาธารณรัฐเกาหลีจะจัดสรร แก่ SMBA ซึ งเป็ นองค์กรหลักเพียงองค์กรเดียวทีช่ วยดําเนิ นการทังในระดับนโยบาย และกําหนดมาตรการ ระดับปฏิบตั ิการ ด้วยเหตุนี การจัดสรรงบประมาณแก่ SMBA องค์กรหลักเพียงองค์กรเดียวจึงไม่ก่อให้เกิ ด ความสั บสนและเป็ นเอกภาพ ในขณะที ประเทศไทยจัดสรรงบประมาณให้หลายองค์กร งบประมาณจึง กระจายขาดเอกภาพ และทําให้ผูป้ ระกอบการ SMEs ต้องเสี ยเวลาติดต่อหลายหน่ วยงาน

11

7. มาตรการในการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ที กําหนดโดย SMBA มี ค วามเด่ น ชัด อย่างยิง สามารถมองเห็นทิศทางหรื อสิ งทีสาธารณรัฐเกาหลีมุ่งเน้นอย่างชัดเจน กล่าวคือ สาธารณรัฐเกาหลี กําหนดให้มีการส่ งเสริ มวงจรชี วติ ของธุ รกิจ SMEs ในลักษณะทีครบวงจร โดยเริ มต้นตังแต่ก ารช่วยเริ มต้น กิจการ SMEs ไปจนถึงผลักดันกิ จการ SMEs สู่ ก ารแข่งขันระดับนานาชาติ สามารถสังเกตได้จากมาตรการ เกี ยวกับการประกอบกิจการ ซึ งมุ่งพัฒนา สร้ างแรงจูงใจแก่ บุคลากรผู้ทีสนใจประกอบธุ รกิจ SMEs ตังแต่ ระดับอุดมศึ กษา การจัดหาเครื องมื อการให้คาํ ปรึ กษาว่าจะเริ มต้นกิ จการอย่างไร หลังจากนัน SMBA ยังมี มาตรการเพือรองรับเกี ยวกับการประกอบกิ จการอีก ชันหนึ ง โดยการส่ งเสริ มให้มีกองทุน ประเภทต่างๆ มากมาย เช่ น ด้านเทคโนโลยี ด้านการวิจยั และพัฒนา หรื อกองทุนทีเป็ นการส่ งเสริ มความร่ วมมือระหว่าง ธุรกิจขนาดใหญ่และ SMEs ด้วย เป็ นต้น ซึ งส่ งผลให้กิจการ SMEs ทีเกิ ดขึนมาแล้วไม่ถูกทอดทิ ง และได้รับ การช่ วยเหลือให้สามารถเลียงตัวเองได้ ประกอบกับ SMBA ได้สร้ างแรงจูงใจให้มีการแข่งขัน กันระหว่าง SMEs เพือพัฒนาคุณภาพสิ น ค้า การบริ การของตนเองอี กด้วย จึงเห็นได้วา่ สาธารณรัฐเกาหลีมีการส่ งเสริ ม ธุรกิจ SMEs อย่างเป็ นระบบและครบวงจร มิใช่ เป็ นเพียงแค่การให้เงินอุดหนุนแก่ SMEs เท่านัน แต่ SMBA ได้ติดตามผลสื บเนืองจากการช่วยเหลือนันด้วย ซึงพร้อมทีจะเข้าไปช่วยฟื นฟูแก้ไขได้ทนั ท่วงที หากพบว่ามี SME รายใดทีมีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถอยู่รอด นอกจากนี ในเรื องการส่ งเสริ ม SME เรื องใดที SMBA ไม่ มี ค วามรู ้ ห รื อ ความชํา นาญเพี ย งพอ SMBA จะไม่ ด ําเนิ น การด้วยตนเอง แต่ จ ะติ ด ต่ อ ประสานงานกับ หน่ วยงานที เกี ยวข้อ งและมี ความชํานาญในเรื องนันๆ เพื อให้หน่ วยงานเข้ามาร่ วมดําเนิ น การ ซึ งจะเกิ ด ประโยชน์สูงสุ ดแก่ SMEs ข้ อเสีย 1. การกําหนดนิยามลักษณะของกิจการทีเป็ น SMEs ซึ งพิจารณาจากจํานวนพนักงาน และ มูล ค่าสิ นทรั พย์ หรื อมู ลค่าการขาย ภายใต้กฎหมาย Framework Act on Small and Medium Enterprises นัน อาจส่ งผลเสี ยต่อพฤติกรรมของ SMEs โดยมีการตรวจสอบพบว่า SME แต่ละรายจะไม่พยายามเพิ มจํานวน พนักงาน หรื อเพิ มมูลค่าการขาย เนืองจากต้องการคงสถานะของการเป็ น SMEs เพือรอรับการส่ งเสริ มและ สนับสนุนจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว 2. บุคคลผู ้ดาํ รงตําแหน่ งผูบ้ ริ หารระดับสู ง (Administrator) และผู ้บริ หารทีมาจากผู ้แทน รัฐสภา (Deputy-Administrator) ของ SMBA คือ ผูช้ ่ วยรัฐมนตรี และผูแ้ ทนจากรัฐสภา ซึ งมาจากข้าราชการ ฝ่ ายการเมืองดํารงตําแหน่งอยู่ในวาระครังละ 4 ปี เป็ นทีน่าสังเกตว่า มติหรื อนโยบายของ SMBA อาจไม่ได้ เป็ นไปในทางทีเหมาะสมได้ เนืองจากอยู่ภายใต้อทิ ธิ พลทางการเมืองของฝ่ ายรัฐบาลมากเกิ นไป ข้อสังเกตนี

12

สามารถแก้ไขได้ดว้ ยการปรับปรุ งโครงสร้างให้มีฝ่ายเอกชน หรื อข้าราชการฝ่ ายประจําเข้ามามีส่วนร่ วมใน การบริ หารองค์กร 3. สาธารณรั ฐเกาหลี ได้ก ําหนดอํานาจหน้าที ของ SMBA โดยปรากฏอยู่ในกฎหมายที เกี ยวข้องกับการส่ งเสริ ม SMEs หลายฉบับ กรณี นีอาจก่ อให้เกิ ดความยุ่งยากในการนํามาใช้ และทําให้เกิ ด ความสั บสนได้ ทังนี กฎหมายที มี ก ารกําหนดอํา นาจหน้าที ของ SMBA ได้แ ก่ Promotion of Small and Medium Enterprises and Encouragement of Purchase of Their Products Act, Act on the Protection of the Business Sphere of Small and Medium Enterprises and Promotion of their Cooperation, Act on Special Measures for Small Enterprise Support, Act on the Promotion of Technology Innovation of Small and Medium Enterprise, Special Act on Support for Human Resources of Small and Medium Enterprise, Promotion of Disabled Persons’ Enterprise Activities Act, Special Act on the Promotion of Business Conversion in Small and Medium Enterprise, Small and Medium Enterprise Cooperatives Act, Act on Support for Female-owned Businesses ซึ งกฎหมายเหล่านีก็มิได้กําหนดรายละเอียดของอํานาจหน้าทีในเชิง ลึก ให้แ ก่ SMBA แต่ อย่ างใด หากแต่ ก ําหนดอํานาจหน้าทีอย่างกว้างๆ เท่านัน เช่ น กําหนดให้ SMBA มี อํานาจในการส่ งเสริ มธุ รกิจทีอาจมีความเสี ยงสู ง แต่ไม่ได้ระบุว่าจะส่ งเสริ มในลักษณะเช่นใด ด้วยวิธีการใด เป็ นต้น ผูว้ ิจยั เห็นว่ามีความเป็ นไปได้สูงทีการกําหนดอํานาจหน้าทีอย่างกว้างๆ นัน เพือให้ SMBA สามารถ ดําเนิ น การส่ ง เสริ ม SMEs ได้อ ย่างยืดหยุ่น อย่างไรก็ ตาม อํานาจหน้าทีสําคัญ บางประการก็ไ ม่ได้อ ยู่ใน ขอบเขตของ SMBA เช่ น อํานาจหน้าทีในการกําหนดลัก ษณะ ประเภท และขนาดของ SME ซึ งรั ฐ บาล สาธารณรัฐ เกาหลีจะเป็ นผู ้มีอ ํานาจกําหนด โดยอาศัยอํานาจของ Framework Act on Small and Medium Enterprises 2.4 สาธารณรั ฐฝรั งเศส ข้ อดี 1. การส่ งเสริ ม SMEs ในสาธารณรัฐฝรั งเศสจะดําเนินการโดยองค์กรหลายองค์กรด้วยกัน ซึ งแต่ ละองค์กรจะให้การส่ งเสริ ม SMEs ในรู ปแบบทีแตกต่างกัน ออกไป โดยมีทงองค์ ั กรของรั ฐในระดับ ท้องถิ นและองค์กรในระดับชาติ สําหรับองค์กรในระดับท้องถิ นทีให้ความช่วยเหลือแก่ SMEs คือ องค์กร ปกครองส่ วนท้องถิ นต่างๆ ทีมีอาํ นาจตามกฎหมายทีจะให้ความช่ วยเหลือ และส่ งเสริ มการประกอบกิจการ

13

ของ SMEs ทีตังอยูใ่ นพืนทีขององค์กรปกครองส่ วนท้องถินเหล่านัน ทังนี องค์กรปกครองส่ วนท้องถิ นของ ฝรั งเศสดังกล่าวเป็ นหน่วยงานรัฐโดยแท้หรื อเป็ นหน่วยงานฝ่ ายปกครอง 2. ภาครัฐของสาธารณรัฐฝรั งเศส ได้ให้ความสําคัญแก่การให้การส่ งเสริ ม SMEs โดยได้มี การออกกฎหมายหลายฉบับเพือส่ งเสริ ม SMEs เริ มตังแต่ก ารส่ งเสริ มให้มีก ารจัด ตังธุ รกิ จ หรื อ การออก กฎหมายเพื อเอือผลประโยชน์ ท างด้านภาษี และการให้ ค วามช่ วยเหลื อ ด้า นการเงิน ต่ างๆ ซึ งการออก กฎหมายให้การสนับสนุ น SMEs ก็เพือนําเอานโยบายในด้านการส่ งเสริ ม SMEs มาปฏิ บตั ิให้เป็ นรู ปธรรม และหน่ วยงานรัฐทีอยู่ภายใต้อาํ นาจบังคับบัญชาของรัฐบาลก็จะเป็ นผูน้ าํ เอากฎหมายทีเกียวกับการส่ งเสริ ม SMEs นันไปบังคับใช้ 3. ตามเป้ าหมายทีกําหนดไว้ ธนาคาร BPI ของสาธารณรัฐฝรั งเศสมีวตั ถุประสงค์สําคัญคือ การให้ความช่ วยเหลือ ทางด้านการเงิน ทุก ประเภทให้ แ ก่ SMEs และวิสาหกิ จที มีข นาดค่อ นข้างใหญ่ด้วย ทังนี จะเป็ นไปโดยเคารพต่อกฎเกณฑ์ของสหภาพยุโรป นอกจากนี ธนาคาร BPI ซึ งเป็ น ส่ วนหนึ งของ รัฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe ยังให้บริ การสนับสนุ น ส่ งเสริ มด้านการสร้างนวัตกรรมและการส่ งออกด้วย โดย เป็ นองค์ก รที สามารถใช้ บ ริ การได้ง่ ายเนื องจากมี สํ านั ก งานที ตังอยู่ ในทุ ก ๆ มณฑลหรื อ ทุ ก แคว้น ใน สาธารณรั ฐ ฝรั งเศส สมาคม APCE ของสาธารณรั ฐ ฝรั งเศสนันเกิ ดจากความริ เริ มของภาครั ฐ ซึ งรั ฐ มี บทบาทสําคัญในการจัดตังและการบริ หารของสมาคมโดยมีวตั ถุประสงค์หลักคือการให้ความช่ วยเหลือใน การจัด ตัง และการพัฒ นาวิส าหกิ จต่า งๆ การที APCE มี วตั ถุ ป ระสงค์สํ าคัญ คื อ การดําเนิ น การที เป็ น ประโยชน์ ส่ วนรวม ทํา ให้ภ าครั ฐ โดยกระทรวงที มี หน้าที เกี ยวข้อ งกับ การให้ก ารสนับ สนุ น วิสาหกิ จ (กระทรวงฟื นฟู ศ ั ก ยภาพการผลิ ต ) จะเข้ า มามี บ ทบาทในการแต่ ง ตังคณะกรรมการเกื อ บทังคณ ะ คณะกรรมการของ APCE จึ งมี ความเกี ยวโยงกับภาครั ฐ เป็ นอย่ างมากเพราะทังคณะเป็ นตัวแทนมาจาก หน่ วยงานรั ฐ หรื อได้รับการแต่งตังจากรัฐมนตรี ทีรับผิดชอบด้านการสนับสนุน SMEs เมือคณะกรรมการ APCE เกื อ บทังหมดมาจากภาครัฐหรื อเกี ยวข้องเป็ น ตัวแทนจากภาครั ฐ การดําเนิ นงานและนโยบายด้าน ยุทธศาสตร์ ของ APCE จึงเกียวข้องโดยตรงหรื อเป็ นไปตามนโยบายภาครัฐ แต่ขอ้ ได้เปรี ยบของการทีไม่ได้ เป็ นหน่ วยงานรัฐและไม่ได้เป็ นองค์กรที มุ่งแสวงหาผลกําไรคือการทีสามารถจะดําเนินการต่างๆ ได้อย่าง รวดเร็ ว สามารถทําการตัดสิ น ใจในเรื องต่างๆ ได้อ ย่างรวดเร็ วมากกว่าหน่ วยงานรั ฐ เมื อเปรี ยบเที ยบกับ ประเทศไทยแล้ว จะเห็ นว่ามี วฒั นธรรมการมีส่วนร่ วมขององค์กรภาคเอกชนทีแตกต่างกันเป็ น อย่า งมาก ภาครัฐของประเทศไทยแทบจะไม่ มีบทบาทในการส่ งเสริ มให้มีการจัดตังสมาคมเลย เพียงแต่ จะทําหน้าที ผูค้ วบคุมตรวจสอบเท่านัน แต่ส มาคมในสาธารณรัฐฝรั งเศส โดยเฉพาะ APCE นัน รัฐมีบทบาทสําคัญใน

14

การจัดตังและการบริ หารของสมาคม ซึ งเป็ นสิ งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างด้านแนวคิดการสร้ างสังคม ทีสําคัญอย่างหนึงของทังสองประเทศ 4. การที รั ฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe มี ส ถานะเป็ นธนาคาร จึ ง มี อ ํานาจโดยกฎหมายที จะ ดําเนิ นการให้บริ การด้า นการเงิ น โดยอาจเสนอความช่ วยเหลือการเงินให้แก่ วสิ าหกิ จ และ SMEs เกื อ บทุก รู ปแบบโดยภาพรวมแล้ว วัตถุประสงค์ทีสําคัญในการจัดตังวิสาหกิ จ BPI-Groupe ขึนมาทําหน้าทีในการให้ การสนับสนุนด้านการเงินแก่ SMEs นัน คือการทีจะให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งทางการเงินได้โดยง่าย 5. การเป็ นธนาคารของรั ฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe ทําให้รูปแบบของการให้การสนับสนุ น ส่ ง เสริ มSMEs มี ค วามหลากหลายไม่ ม ากนัก รั ฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe จึ งมุ่ งให้ ก ารสนั บสนุ น ทางด้า น การเงินแก่ SMEs เป็ นหลัก แต่การให้การสนับสนุน ทางด้านการเงินดังกล่าวอาจมีรูปแบบทีหลากหลายและ อาจเป็ นไปเพือวัตถุประสงค์ทีแตกต่างกันออกไป 6. APCE จะมีการติดตามการให้ความช่วยเหลือโดยผ่านเครื อข่ายอินเตอร์ เน็ท ทางเว็บไซต์ ของ APCE ข้ อเสีย 1. การส่ งเสริ ม SMEs ของสาธารณรัฐฝรั งเศสนันในปั จจุบนั ยังไม่มีการจัดตังองค์กรทีเป็ น องค์ กรรั ฐโดยแท้ เพือทําหน้าที ในการให้การสนับสนุ น ส่ งเสริ ม หรื อให้ค วามช่ วยเหลื อแก่ SMEs เป็ น การเฉพาะและมีหน้าทีในระดับประเทศในลักษณะทัวไปแต่อย่างใด 2. กฎหมายของสาธารณรัฐฝรั งเศสไม่ได้มีกฎหมายเฉพาะทีกําหนดคํานิยามของ SMEs ไว้ แต่ อย่ างใด มี แต่เ พี ยงกฎหมายปี ค.ศ. 2008 เท่ า นัน ที ได้ก ล่าวถึ ง SMEs เอาไว้แ ต่ ค าํ นิ ยามที BPI-Groupe นํามาใช้นี เป็ นคํานิยามตามกฎหมายยุโรป 3. กฎหมายจัด ตังรั ฐ วิ ส าหกิ จ BPI-Groupe ของสาธารณรั ฐ ฝรั งเศสไม่ ไ ด้ก ํ า หนด รายละเอี ยดหรื อ วิธี ก ารในการให้ ก ารสนับ สนุ น SMEs ไว้แ ต่ อ ย่ า งไร เพี ยงแต่ ไ ด้ร ะบุ ว่า เป็ นการให้ การสนับสนุนทางด้านการเงินทุกประเภทเท่านัน 4. รั ฐ วิส าหกิจ BPI-Groupe ไม่ ไ ด้เป็ นองค์ก รหลักที ทําหน้าที ในการส่ งเสริ ม SMEs ใน สาธารณรัฐ ฝรั งเศสแต่อย่างใด เพราะหน้าทีในการส่ งเสริ ม SMEs ในสาธารณรัฐฝรั งเศสไม่ ได้เป็ นหน้าที ของหน่วยงานทีจัดตังขึนมาเป็ นการเฉพาะ แต่เป็ นหน้าทีของหน่วยงานรัฐโดยแท้ ทังราชการส่ วนกลาง (รัฐ) และการปกครองส่ วนท้องถิ น (แคว้น หรื อมลฑล) ซึ งเป็ นหน้าทีทีเป็ นไปตามกฎหมายทีรั ฐได้ก ําหนดขึน

15

กฎหมายจัดตังรัฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe จึงได้กาํ หนดให้เป็ น องค์กรทีเข้ามาทําหน้าทีเสริ มหรื อ สนับสนุ น การทําหน้าทีของหน่วยงานรัฐเท่านัน 5. APCE เป็ นองค์ก รที ไม่ อาจนํามาเปรี ย บเที ยบกับองค์ก รทีมีห น้าทีส่ งเสริ ม SMEs ใน ประเทศไทยได้มากนัก แต่อ าจกล่าวได้วา่ โดยแท้จริ งแล้วการดําเนิ น การของ APCE (การให้บริ การด้าน ข้อมูลแก่ วสิ าหกิจ) เป็ น เพียงหน้าทีด้านหนึงของหน่วยงานของไทยทีจัดตังขึนตามพระราชบัญญัติส่งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 เท่านัน ถึงแม้วา่ APCE ไม่มีค วามแตกต่างจากหน่วยงานรัฐ มากนัก แต่ กระนัน APCE ก็ไม่ได้มีอาํ นาจเช่ นหน่ วยงานรัฐ ทัวไป ซึ งเป็ นข้อ แตกต่างทีสําคัญอีกประการ หนึงกับหน่วยงานส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย 6. APCE ไม่ มีอ ํา นาจโดยกฎหมายใดที จะสั งการหรื อ ดําเนิน การอย่ างใดอย่า งหนึ งใน ลักษณะของการใช้อาํ นาจรัฐ หรื อมีงบประมาณอย่างเพียงพอทีจะนําไปจัดสรรช่ วยเหลือด้านการเงินให้แก่ SMEs หรื อ วิส าหกิ จต่ างๆ ซึ งส่ งผลให้ ก ารให้ก ารสนับสนุ น SMEs ของ APCE นัน กระทําได้เฉพาะแต่ หน้าทีด้านการให้ขอ้ มูล คําแนะนําและความช่วยเหลือด้านทะเบียน (ช่วยเหลือในการดําเนินการจดทะเบียน ต่างๆ เป็ นต้น) เท่านัน 7. การให้ก ารสนับสนุ น แก่ SMEs ของรัฐวิสาหกิ จ BPI-Groupe ซึ งเป็ นทังธนาคารและ หน่ วยงานส่ งเสริ มพัฒนานวัตกรรมนันเป็ นการให้บริ การสาธารณะด้านพาณิ ช ยกรรมและอุตสาหกรรม รัฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึงจะให้บ ริ การโดยคิดค่าบริ การในการให้บริ การส่ งเสริ ม หรื อ สนับสนุ น SMEs ซึ งเป็ นข้อแตกต่างทีสํ าคัญในการให้การส่ งเสริ ม SMEs ของสํานัก งานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อมของประเทศไทย ประกอบกับสถานะขององค์ก รรั ฐวิส าหกิ จนันโดยสภาพเป็ นองค์ก รที อาจ แสวงหาผลกําไรได้อ ยู่แ ล้ว จึงทําให้ห น้าทีในการสนับสนุ น SMEs ของรัฐ วิส าหกิ จ BPI-Groupe จึงเป็ น การประกอบกิ จการมากกว่าการให้บริ การสาธารณะ 8. รั ฐ วิ ส าหกิ จ BPI-Groupe ซึ งมี ส ถานะเป็ นธนาคาร ไม่ อ าจนํ า เอางบประมาณ การสนับสนุนมาจากภาครัฐ มาใช้เป็ นงบประมาณในการประกอบกิ จการโดยการสนับสนุ น SMEs ของตน ได้ งบประมาณของรั ฐวิสาหกิจ BPI-Groupe จึงไม่ได้มาจากการสนับสนุ นจากรัฐโดยตรงแต่มาจากเงินทุน ค่าหุน้ และรายได้จากการให้บริ การทีเรี ยกเก็บมาได้

16

2.5 เครือรัฐออสเตรเลีย ข้ อดี 1. เครื อ รัฐ ออสเตรเลี ยมี ม าตรการจัด เก็ บ ภาษี ที เอื อต่ อ ภาคธุ ร กิ จ มี ต ลาดแรงงานที มี ความยืดหยุ่นและเป็ นแรงงานทีมีทกั ษะสู ง 2. เครื อรัฐออสเตรเลียมีระบบเศรษฐกิจแบบเปิ ด หรื อแนวนโยบายเศรษฐกิ จแบบเสรี นิยม ซึ งเน้ น การบริ ห ารจัด การอย่ า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพจากทังภาครั ฐ และเอกชนโดยการปฏิ รู ปโครงสร้ า ง การดําเนิ นงานทีช่วยพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลกรวมถึ งการสร้ างโอกาสการพัฒนา ศักยภาพของ SMEs ด้วย 3. เครื อ รั ฐ ออสเตรเลี ย ไม่ มี ค ํา จํา กั ด ความของ SMEs ที เป็ นมาตรฐานเดี ย วกั น ใน ระดับประเทศอย่างในประเทศไทย โดยคําจํา กัดความของ SMEs จะขึนอยู่กบั หน่ วยงานและกฎเกณฑ์ที กําหนดขึนสําหรับ SMEs วิสาหกิ จขนาดย่อมทีพบในออสเตรเลี ยมักจะมีลกั ษณะเป็ นเจ้าของเพียงคนเดียว หรื อมีหุ้นส่ วนจํานวนน้อย มีการควบคุ มบริ หารโดยเจ้าของในลักษณะบุคคลมากกว่าโครงสร้ างการบริ หาร แบบทางการทีมีลาํ ดับชัน และมีการดําเนินธุ รกิ จทีเป็ นอิสระไม่สังกัดกลุ่มธุ รกิจขนาดใหญ่ จากนิยามจะเห็น ได้วา่ ออสเตรเลียได้กาํ หนดลักษณะองค์กรธุ รกิ จโดยพิจารณาจากจํานวนการจ้างงาน และจํานวนรายได้ ซึ ง แตกต่างจากประเทศไทยทีใช้เกณฑ์จาํ นวนการจ้างงาน และมูลค่าของสิ นทรัพย์ถาวร 4. เครื อ รั ฐ ออสเตรเลี ยมี น โยบายการส่ งเสริ ม SMEs ทีเน้ น การพัฒ นาธุ รกิ จขนาดเล็ ก เนื องจากเป็ นหน่ วยธุ รกิ จที ส่ วนใหญ่ ประสบปั ญหาในการติ ดต่อ ราชการ การปฏิ บ ัติตามกฎหมาย และ อนุ บญ ั ญัติต่างๆ ของภาครั ฐ การเสี ยภาษี ตลอดจนการขอความช่วยเหลือ อืนๆ และประเด็น การส่ งเสริ ม SMEs นัน จะเน้น การวิจยั และพัฒนา (R&D) การส่ งเสริ มการนําเทคโนโลยีส มัยใหม่มาใช้ประโยชน์เชิ ง พาณิ ชย์มากขึ น โดยเฉพาะเทคโนโลยีดา้ นสารสนเทศและเทคโนโลยี ชีวภาพ และการส่ งเสริ มการส่ งออก เป็ นสําคัญ 5. เครื อรัฐออสเตรเลี ยมีน โยบายสนับสนุ นการลงทุน จากต่างประเทศ โดยเฉพาะธุ รกิ จ ขนาดย่อ ม ซึ งมีมูล ค่าการลงทุ น น้อยกว่า 10 ล้านเหรี ยญออสเตรเลี ย ให้ส ามารถเข้า มาลงทุน ได้โดยไม่ จําเป็ นต้อ งขออนุ ญ าตก่ อน อย่างไรก็ดี มี ธุ รกิ จบางประเภทที ได้ก ําหนดเงือนไขพิเศษสํ าหรั บนักลงทุ น ต่างชาติ และต้องยืนเสนอขออนุญาตรัฐบาลออสเตรเลียก่อน เช่นธุรกิจทีมีผลกระทบต่อความมันคงของชาติ ทังนีขึนอยู่กบั ดุลยพินิจของรัฐมนตรี วา่ การกระทรวงการคลัง

17

6. รัฐ บาลของเครื อรัฐออสเตรเลียได้ตงคณะทํ ั างานการลดการกํากับดูแลธุ ร กิจขนาดเล็ก (Small Business Deregulation Task Force) เพื อศึ ก ษาภาระของ SMEs ในการปฏิ บ ัติ ต ามกฎหมาย โดย คณะทํางานได้เสนอแนะวิธี การลดภาระของกฎระเบียบทีมีต่อ SMEs ซึ งในปั จจุบนั ข้อเสนอแนะส่ วนใหญ่ ได้นาํ ไปกําหนดเป็ นมาตรการและได้รับการปฏิบตั ิแล้ว 7. เครื อรัฐออสเตรเลี ยได้มีมาตรการทางกฎหมายอืนๆ เพือนํามาบังคับใช้ในการส่ งเสริ ม ธุ รกิ จ SMEs เช่ น การจัดทําเว็บไซต์เพื อให้บริ การแบบครบวงจรในการจดทะเบี ยนบริ ษทั และเลิก บริ ษทั รวมถึงได้จดั เตรี ยมเอกสารตัวอย่างทีเกี ยวข้อ งกับการจดทะเบี ยนไว้ให้แก่ SMEs ซึ งช่วยให้กระบวนการจด ทะเบี ย นตังบริ ษ ัท หรื อ เลิ ก บริ ษ ั ท มี ค วามสะดวก รวมทังมี ก ารจัด ตังศู น ย์บ ริ ก ารครบวงจรในการขอ ใบอนุ ญาตต่ างๆ ที เกี ยวข้อ งกับการตังโรงงานในทุ ก มลรั ฐ โดยสามารถยืนขอใบอนุ ญาตเหล่ า นันทาง อินเทอร์ เน็ตได้ นอกจากนี ยังมีการจัดทําคู่มือการขอตังโรงงานในแต่ละประเภทอุตสาหกรรมอย่างละเอีย ด และเข้าใจง่าย ซึ งทําให้SMEs สามารถตังโรงงานได้อย่างสะดวก 8. คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้าและการคุม้ ครองผู้บริ โภคของเครื อรัฐออสเตรเลีย ได้จดั ทําคู่ มือ กฎหมายแข่ งขันทางการค้าสําหรั บธุ ร กิ จขนาดเล็กโดยเฉพาะ ซึ งช่ วยให้ธุร กิ จ ขนาดเล็ก มี ความเข้ า ใจต่ อ กฎหมายดัง กล่ า วได้ และได้ เพิ มบทบัญ ญั ติ พิ เ ศษในเรื องพฤติ ก รรมที ขาดสํ า นึ ก (unconscionable conduct) ซึ งช่ วยป้ องกัน ธุ รกิ จขนาดเล็ก จากการเอาเปรี ยบจากผู ้ประกอบการทีมี อาํ นาจ ต่อรองสู งกว่า นอกจากนีกระบวนการพิจารณาข้อร้ องเรี ยนยังได้จดั ทําเป็ นลายลักษณ์อ กั ษรและเผยแพร่ ต่อ สื อมวลชนทุกขันตอน 9. หน่วยงานภาครัฐ ทีสําคัญในการส่ งเสริ ม SMEs ในเครื อรัฐออสเตรเลียคือ AusIndustry และ Productivity Commission ซึ ง AusIndustry เป็ นหน่ ว ยงานภาครั ฐ สั ง กัด Department of Innovation, Industry, Science and Research ของรัฐ บาลออสเตรเลียทีมีบทบาทสําคัญในการบริ หารจัดการและกําหนด รู ปแบบมาตรการต่างๆ ของภาครัฐในการให้ความช่ วยเหลือแก่ ภาคอุ ตสาหกรรม โดยบทบาททีสําคัญของ AusIndustry ในการส่ งเสริ มธุ รกิจ ได้แ ก่ การเป็ นแหล่งข้อมูล ทีสําคัญอัน สามารถ อ้างอิงได้ในทุ กประเภท ของธุ รกิ จ ทังนี AusIndustry จะทํางานร่ วมกันกับทุกระดับและภาคส่ วนของรั ฐบาลและการเข้าถึงแม้ใน พืนที ห่ างไกลมากที สุ ดของออสเตรเลี ย ในขณะที Productivity Commission (PC) ก็ มี บทบาทสํ าคัญใน การผลัก ดัน ให้เกิ ดการเปลียนแปลงทางนโยบายเศรษฐกิจของเครื อรัฐออสเตรเลี ย และการตัดสิ นใจด้าน นโยบายของรัฐบาลออสเตรเลีย

18

10. โครงสร้ างทัวไปของ Productivity Commission ไม่ได้มีการกําหนดไว้อย่างชัดเจน มี แต่ เพี ยงการกํา หนดบทบาทว่า เป็ นหน่ วยบริ ห ารอิส ระที มี ห น้า ที ศึ ก ษาและให้ ข ้อ เสนอแนะเกี ยวกับ การกําหนดนโยบายในทางเศรษฐกิจและการออกกฎระเบียบ เพือเป็ นแนวทางแก่ผทู ้ าํ หน้าทีกําหนดนโยบาย และออกกฎ ซึ งหมายถึ ง ทังฝ่ ายบริ หารผู ้ ก ํ า หนดนโยบายและเจ้า หน้ าที ของรั ฐ ที จะใช้ น โยบายใน การตัดสิ นใจเมือจะต้องออกกฎ และมีการจัดทําข้อเสนอแนะนันเป็ นเอกสารทีเปิ ดเผยต่อสาธารณชน 11. เครื อ รั ฐ ออสเตรเลี ย ได้มี ก ารจัด ตังสมาคมวิส าหกิ จขนาดกลางขนาดเล็ ก แห่ ง ออสเตรเลี ย (The SME Association of Australia) ซึ งเป็ นหน่ วยงานที ดูแ ลเกี ยวกับธุ รกิ จขนาดกลางและ ขนาดเล็กซึงรู ปแบบการดําเนินงานของสมาคมนีมีลกั ษณะเป็ นองค์กรทีไม่แสวงหาผลกําไรเพือให้บริ การแก่ สมาชิ กของสมาคมในการเชือมโยงและส่ งเสริ มธุ รกิ จขนาดกลางและขนาดเล็ก ในขณะเดียวกันก็ ทาํ หน้าที ในการเป็ นผู ้นาํ สําหรั บการดําเนินการธุ รกิ จขนาดกลางและขนาดเล็กและอุตสาหกรรม ซึ งการเป็ นสมาชิ ก เปิ ดให้กบั ประชาชน ธุ รกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก อุตสาหกรรม ธุ รกิจอืน ๆ และสมาคมแห่งรัฐบาล 12. ภาครัฐของเครื อรั ฐออสเตรเลี ยยังได้ส นับสนุ น ด้านการเงิ นแก่ Business Enterprise Centres ซึงมีจาํ นวนทังสิ น 36 ศู นย์ท วประเทศ ั ซึ งไทยไม่มีศูนย์ดงั กล่าว โดยให้เงินช่วยเหลือแก่ศูนย์ไม่เกิ น 100,000 ดอลลาร์ อ อสเตรเลีย ต่อ ปี (ประมาณ 3,100,000 บาท) เพื อให้ความช่ วยเหลือ ธุ รกิ จขนาดย่ อมใน การเข้าถึงแหล่งข้อมูล และให้เงินอุดหนุ นผูป้ ระกอบการทีเข้าร่ วมโครงการ 13. เครื อ รัฐออสเตรเลี ยมี การส่ งเสริ มความเข้าใจของสาธารณชนในเรื องทีเกี ยวข้อ งกับ อุต สาหกรรมและความสามารถในการผลิ ตในเรื องการส่ ง เสริ มความเข้า ใจของสาธารณชนในเรื องที เกี ยวข้องกับอุตสาหกรรมและความสามารถในการผลิตนัน ในขณะทีประเทศไทยไม่ได้มีการกําหนดไว้ใน หน้าทีของ สสว. อย่างชัดเจน หากแต่ มีนโยบายแยกออกมาต่ างหากซึ งจะปรากฎอยู่ในแผนการส่ งเสริ ม SMEs ประจําปี ของ สสว. 14. เครื อรัฐ ออสเตรเลียได้มีการจัดตังโครงการกองทุนร่ วมพัฒนา (Pooled Development Funds : PDFs) ขึนเพือให้การส่ งเสริ มและสนับสนุนทางด้านการเงินในรู ปแบบของทุน เรื อนหุน้ แก่ SMEs 15. จุดเด่ นของเครื อ รั ฐออสเตรเลียนันอยู่ทีนโยบายทีเกียวกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยี วิจยั และพัฒนา (R&D) และการส่ งเสริ มให้มีการค้นคว้าสิ งประดิษฐ์ใหม่ ๆ และการร่ วมมือระหว่าง รั ฐบาล เอกชน และสถาบันการศึกษา ซึ งเป็ นนโยบายทีประสบความสําเร็ จ 16. สําหรั บกรอบนโยบายทีสําคัญยิ งในระดับสหพันธรัฐ ของเครื อ รัฐออสเตรเลียได้แก่ การปรั บ ปรุ ง สภาพแวดล้อ มและการวางเงื อนไขทางเศรษฐกิ จ มหภาคให้ เ อื อประโยชน์ ต่ อ ธุ ร กิ จ

19

ภายในประเทศ ทังการรักษาอัตราเงิ นเฟ้ อและอัตราดอกเบียในระดับตํา การสร้ างระบบภาษีทีช่ วยส่ งเสริ ม ขี ด ความสามารถทางการแข่ ง ขั น ในธุ ร กิ จ ระหว่ า งประเทศ การลดภาระด้ า นกฎหมายของ SMEs การช่วยเหลือด้านการพัฒนาทักษะการบริ หารกิจการของธุ รกิจขนาดเล็ก การช่วยเหลือด้านการสร้ างสรรค์ นวัตกรรม และการเปิ ดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กได้เข้าร่ วมกระบวนการจัดซือจัดจ้างภาครัฐ ข้ อเสีย 1. ถึ ง แม้ ว่ า เครื อรั ฐ ออสเตรเลี ย จะมี น โยบายส่ งเสริ ม ธุ ร กิ จ SMEs หากแต่ เครื อ รั ฐ ออสเตรเลียก็ไม่มีกฎหมายเฉพาะทีช่วยส่ งเสริ ม SMEs หรื อองค์กรทีทําหน้าทีในการส่ งเสริ ม SMEs โดยตรง ดังนัน การส่ งเสริ ม SMEs ของเครื อ รั ฐออสเตรเลียจึงเป็ นลักษณะการสร้ างโครงการโดยตัวหน่ วยงานที ให้บริ การด้านต่างๆ แก่ ภาคธุ รกิ จ เน้นการให้ค าํ ปรึ กษา การให้บริ การสารสนเทศ และการให้เ งินอุดหนุ น เพื อช่ วยเหลือ ในการว่าจ้างที ปรึ ก ษาเข้ามาวางแผนธุ รกิ จ ซึ งมาตรการเหล่านี อาจไม่ ได้อ าศัยอํานาจตาม กฎหมายเฉพาะก็ ได้ ทําให้ไม่มีส ภาพบังคับให้ต้อ งสร้ างและดํา เนิ น การตามมาตรการต่ างๆ แต่ สํ าหรั บ โครงการทีเกี ยวข้อ งกับการส่ งเสริ ม SMEs ในเครื อรัฐออสเตรเลี ยทีมีก ฎหมายรองรับ คือ โครงการจัดตัง กองทุนร่ วมพัฒนา ตามกฎหมายกองทุนร่ วมพัฒนา ค.ศ. 1992 ซึ งมีวตั ถุ ประสงค์ในการส่ งเสริ มการจัดตัง กองทุนเพือสนับสนุ นทางการเงินในรู ปของทุนเรื อนหุ ้นแก่ SMEs โดยผูถ้ ือ หุ ้นในกองทุ นและกองทุนจะ ได้รับแรงจูงใจในรู ปของการลดหย่อนภาษี 2. ระบบการปกครองของเครื อ รั ฐออสเตรเลียแบ่ งเป็ น 2 ระดับ คือ รั ฐ บาลสหพัน ธรั ฐ (Federal Government) และรั ฐบาลแห่ งรั ฐ (State Government) ซึ งรัฐ บาลทัง 2 ระดับ มีอ ํานาจในการออก กฎหมายและระเบี ยบต่ างๆ ส่ งผลให้ก ฎระเบี ยบทางการค้า ในแต่ ล ะท้อ งถิ นอาจมี ค วามแตกต่ างกัน ได้ ถึงแม้วา่ ปั จจุบนั รัฐบาลพยายามปรับปรุ งกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ให้เป็ นมาตรฐานเดียวกันมากขึนแต่ ยงั ไม่สามารถ ทําได้ครบถ้วน แต่ อย่างไรก็ดี มาตรการส่ งเสริ มธุ รกิ จขนาดเล็ก ของรัฐบาลมลรัฐจะคล้ายกับมาตรการของ รัฐบาลสหพันธ์ รฐั คือ เน้นการให้คาํ ปรึ กษา บริ การสารสนเทศ และเงินอุดหนุ นเพือช่วยเหลือในการว่าจ้างที ปรึ กษาเข้ามาช่วยวางแผนธุ รกิจ วิเคราะห์การตลาด ลู่ทางการส่ งออก การวิจยั และพัฒนา เป็ นต้น 3. เครื อรัฐออสเตรเลียไม่มีหน่ วยงานภาครั ฐที จัดตังขึนเพือดูแลและส่ งเสริ มธุ รกิ จ SMEs เป็ นการเฉพาะเหมือนในประเทศไทย 4. แม้เครื อรัฐออสเตรเลียจะมีหน่วยงาน Productivity Commission ช่ วยส่ งเสริ ม SMEs แต่ ลัก ษณะโครงสร้ า งทั วไปของ Productivity Commission ไม่ ไ ด้มี ก ารกํ าหนดไว้อ ย่ างชัด เจน มีแ ต่ เพี ย ง

20

การกําหนดบทบาทว่าเป็ นหน่ วยบริ หารอิส ระที มี หน้าที ศึ ก ษาและให้ข้อ เสนอแนะเกี ยวกับการกําหนด นโยบายในทางเศรษฐกิจและการออกกฎระเบียบ เพือเป็ นแนวทางแก่ผูท้ าํ หน้าทีกําหนดนโยบายและออกกฎ 5. ประเทศไทยและเครื อรัฐออสเตรเลีย มีลกั ษณะการบริ หารเงินกองทุนทีแตกต่างกัน โดย ประเทศไทยมีค ณะกรรมการส่ ง เสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ งจะกําหนดแผนการส่ งเสริ ม SMEs แล้วจากแผนนี คณะกรรมการบริ หาร สสว. จะนําไปออกแผนปฏิ บตั ิ ก ารให้ส อดคล้อ งกัน จาก แผนปฏิบตั ิการ จะนําไปสู่ การใช้เงิน ในขณะทีการบริ หารเงินทุนและการจัดสรรในออสเตรเลียนัน สําหรั บ กองทุนร่ วมพัฒนาทีได้จดั ตังขึนแล้ว ได้มีเงือนไขการระดมทุนเฉพาะการออกหุ้นสามัญเท่านัน โดยกองทุน อาจส่ งทีปรึ กษาเข้าไปร่ วมให้ความช่ วยเหลือและให้คาํ ปรึ กษาแนะนําด้านการบริ หารเงินลงทุน 6. ในด้า นงบประมาณสนั บ สนุ นจากภาครั ฐ ในการส่ งเสริ ม ธุ รกิ จ SMEs เครื อ รั ฐ ออสเตรเลียถือเป็ นหนึงในไม่กี ประเทศทียังไม่ได้เ ปิ ดตัวโครงการคําประกันสิ นเชื อเพือธุ รกิ จขนาดเล็กแม้ ในช่ วงวิก ฤตการณ์ เงิ น โลก (Global Financial Crisis: GFC) เมื อธุ รกิ จประสบข้อ จํากัด เครดิต รุ น แรง แต่ อย่างไรก็ดี รั ฐบาลออสเตรเลียได้ให้ความช่ วยเหลือทางการเงิ นโดยตรงเพือส่ งเสริ มธุ รกิ จ SMEs ซึ งเป็ น การให้ความช่วยเหลือสําเร็ จรู ปทางการเงิน ทังเงินอุดหนุนและสิ ทธิ ประโยชน์ภาษีในระดับรัฐบาลกลางรัฐ และมลรัฐ ท้องถิ น และระดับชาติ ทีได้รั บประโยชน์ทางภาษีเช่ นส่ วนลดภาษีแ ละการลดเงิ นซึ งถือว่าเป็ น นโยบายทีมีบทบาทสําคัญในการช่ วยเหลือผูป้ ระกอบการ SMEs 7. เครื อรัฐออสเตรเลี ยไม่มีนโยบายให้ความช่ วยเหลือทางด้านการเงิน ในรู ปของธนาคาร SMEs จะมีเพียงการลงทุนในรู ปของธุ รกิจเงินร่ วมลงทุน (Venture Capital) และรัฐบาลเข้ามามีบทบาทเพียง การไปเข้าร่ วมทุนกับ Venture Capital ของเอกชนแล้วปล่อยให้เอกชนดําเนินการโดยอิสระ ซึ งการเข้าร่ วม ใน Venture Capital ของรัฐบาลนันเป็ นเพียงเพือลดต้น ทุนค่า ลงทุ น (Capital Cost ) บางส่ วนให้กบั เอกชน เท่านัน 8. เนืองด้วยลักษณะการปกครองของเครื อรัฐออสเตรเลียเป็ นการปกครองแบบสหพันธรัฐ (Federal State) อัน มีรัฐต่างๆ ประกอบกันขึนเป็ นเครื อจักรภพออสเตรเลี ย (Commonwealth of Australia) ทํา ให้ร ะบบบริ ห ารราชการและการจัด รู ป องค์ก รภาครั ฐ มี โ ครงสร้ า งภายในสองระดับ ได้แ ก่ ระดับ สหพันธรัฐและระดับมลรัฐ โดยทีการกํากับดูแลและส่ งเสริ ม SMEs ของรัฐบาลออสเตรเลียก็จะต้องกําหนด เป็ นมาตรการทีเหมาะสมทังสองระดับด้วย

21

3. ข้ อเสนอแนะเกียวกั บ นโยบายและกฎหมายทีเกี ยวข้ องกับ การจั ดตั งองค์ กรภาครั ฐที ทําหน้ า ที ส่ งเสริมและสนับสนุน SMEs จากการศึ กษาโครงสร้ าง อํานาจหน้าที และการดําเนิ นงานของหน่วยงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาด กลางและขนาดย่อ มของประเทศไทย เปรี ยบเทียบกับหน่วยงานทีมีหน้าทีในลักษณะเดียวกันในต่างประเทศ ทังการวิจยั เอกสาร และการวิจยั ภาคสนาม พบว่ามีขอ้ เสนอแนะเกียวกับนโยบายและกฎหมายทีเกี ยวข้องกับ การจัดตังองค์กรภาครัฐทีทําหน้าทีส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ดังนี 3. โครงสร้ างองค์ กรและอํานาจหน้ าที คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อมซึ งมีคณะกรรมการบริ หารสํานักงานเป็ นองค์กรฝ่ ายบริ หารภายใน เป็ นองค์กรที จัดตังขึ นโดยกฎหมายทีได้กํา หนดองค์ ประกอบขององค์ ก รไว้อ ย่ างชัดเจน ซึ งการที กฎหมายกําหนด องค์ประกอบหรื อโครงสร้ างขององค์ก รไว้มีท งส่ ั วนทีเป็ นข้อดี คือ ความชัด เจนในการจัดตังหรื อแต่งตัง บุคคลเข้ามาทําหน้าที แต่อาจทําให้ข าดความยึดหยุ่นในการดําเนิ นการหรื อมีก ารปฏิ บตั ิหน้าทีทีซําซ้อ นได้ เมือพิจารณาองค์ประกอบของคณะกรรมการทีมีนายกรัฐมนตรี เป็ น ประธานของคณะกรรมการฯ แล้ว พบ ข้อเสนอแนะจากการรวบรวมผลการศึ กษาวิจยั ในสองความเห็น ดังนี ความเห็นทีหนึงเห็น ว่า นายกรัฐมนตรี ซึงเป็ นประธานคณะกรรมการฯ ต้องนําเอานโยบาย และแผนการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมเข้าสู่ คณะรั ฐ มนตรี เพือขอความเห็นชอบอี ก เมือ นายกรั ฐมนตรี ในฐานะทีเป็ นประธานคณะกรรมการฯ ได้เสนอนโยบายและแผนดังกล่ าวแก่คณะรัฐมนตรี แล้วในทางปฏิ บตั ิคณะรั ฐมนตรี ก็ตอ้ งให้ความเห็น ชอบอยู่เสมอตามทีนายกรัฐ มนตรี ซึ งเป็ นหัวหน้าของ คณะรัฐ มนตรี ได้เสนอมา ลักษณะเช่นนีจึงทําให้การตรวจสอบถ่วงดุลทีคณะรั ฐมนตรี อาจพึงกระทําได้ไม่ เกิ ดเป็ นจริ งขึน ส่ งผลให้ก ารดําเนิ นการดังกล่าวกลายเป็ น เพียงขันตอนที เป็ นการปฏิ บตั งิ านทีซําซ้อน และ ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์มากนัก ทังยังอาจทําให้เกิดปั ญหาการขัดกันของผลประโยชน์ขึนได้ ดังนัน จึงมีความจําเป็ นทีจะกําหนดองค์ประกอบหรื อรู ปแบบของคณะกรรมการฯ เสี ยใหม่ โดยมิตอ้ งให้นายกรัฐมนตรี ซึงเป็ นหัวหน้าของฝ่ ายบริ หารมาทําหน้าทีเป็ นประธานคณะกรรมการฯ ซึ งไม่มี ความจําเป็ นหรื อ ให้ค ณะกรรมการประกอบไปด้วยผูท้ ี มีค วามรู ้ ค วามเชี ยวชาญและมีประสบการณ์ ดา้ น การประกอบธุ รกิ จ SMEs อย่างแท้จริ ง โดยมิตอ้ งให้หวั หน้าของส่ วนราชการหรื อกระทรวงต่างๆ เข้ามาเป็ น องค์ประกอบของคณะกรรมการฯ

22

ส่ วนในอีก ความเห็นหนึงเห็นว่า ในการทีจะเปลียนแปลงมิให้นายกรัฐมนตรี ทาํ หน้า ทีเป็ น ประธานคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมนัน อาจก่อให้เกิ ดปั ญหาในทางปฏิ บตั ิ กรณี ค วามคล่ อ งตัวในการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทังภาครั ฐและภาคเอกชน เพือประสาน ประโยชน์ ร่วมมื อ ในการส่ งเสริ ม และสนับ สนุ น SMEs ได้ เพราะขาดผู ้น ําสู งสุ ด ของฝ่ ายบริ ห ารเป็ น ผู ้รั บ ทราบและร่ วมตัด สิ น ใจในองค์ ก รวางนโยบายและแผนการส่ ง เสริ ม SMEs ดังนัน หากจะเลื อ ก แนวทางแก้ไขปั ญหาโดยการเปลี ยนแปลงองค์ประกอบคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อมดังกล่าว ก็จาํ เป็ นต้อ งหากลไกอืนเพื อเชื อมโยงบูรณาการการปฏิ บตั ิงานและการประสานงาน ภายนอก สสว. ให้เกิดประสิ ทธิ ภาพด้วย เช่น อาจกําหนดให้ สสว. เป็ นหน่ วยงานภายใต้การกํากับดูแลของ สํานักนายกรัฐมนตรี แทนทีจะเป็ นการกํากับดูแลของกระทรวงอุตสาหกรรมดังเช่นในปั จจุบนั ซึ งจะช่วย ให้ สสว. มีความเป็ นอิส ระและมี ความคล่ องตัวในการเป็ นตัวกลางระหว่างหน่ วยงานทังภาครัฐและเอกชน อืนๆ แต่วธิ ี การแก้ปัญหาดังกล่ าวก็ อาจมีผลกระทบด้านอืนตามมาด้วย เนืองจากสํานัก นายกรั ฐมนตรี เป็ น หน่วยงานทีมีความเกี ยวข้องสัมพันธ์ กบั การส่ งเสริ ม SMEs น้อยกว่ากระทรวงอุตสาหกรรม เป็ นต้น อนึ ง เมือเปรี ยบเทียบกับคณะกรรมการทีมีอาํ นาจหน้าที อย่างเดียวกันหรื อใกล้เคียงกันใน ต่างประเทศ เช่ น คณะกรรมการ SPRING Singapore เป็ นต้น คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลาง และขนาดย่อมของประเทศไทยในปั จจุบนั ถือได้วา่ เป็ นคณะกรรมการฯ ตามกฎหมายทีมีจาํ นวนสมาชิกมาก ทีสุ ดคณะกรรมการหนึง กล่าวคือ ประกอบไปด้วยสมาชิกโดยตําแหน่ งทีเป็ นหัวหน้าของกระทรวง ทังที เป็ นข้าราชการการเมือ งและข้าราชการประจํา โดยมี หัวหน้ าฝ่ ายบริ หารคือนายกรั ฐ มนตรี เป็ นประธาน กรรมการ และมีอ าํ นาจหน้าทีตามทีกฎหมายกําหนด ซึ งการมีค ณะกรรมการฯ ที มาจากหลายๆ ภาคส่ วน และประกอบไปด้วยกรรมการจํานวนมากย่อมช่วยให้สามารถพิจารณาด้านนโยบายต่างๆ และประเด็นต่างๆ ได้อย่างครอบคลุมทุกส่ วน แต่เมือพิจารณาถึงอํานาจหน้าทีของคณะกรรมการฯ ทีกําหนดไว้ในกฎหมายแล้ว อาจมีขอ้ สงสัยว่าการกําหนดจํานวนองค์ประกอบของคณะกรรมการฯ ดังกล่าว เป็ นสิ งจําเป็ นหรื อไม่ เมื อพิ จารณาถึ ง อํา นาจหน้ า ที ของคณะกรรมการฯ จะเป็ นการให้ค วามเห็ น ชอบหรื อ ดําเนิ นการตามเรื องทีเสนอมาโดยสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และให้ความเห็ น คําแนะนํา นําเสนอนโยบายและแผนปฏิ บตั ิการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมให้คณะรัฐมนตรี พิจารณาให้ความเห็นชอบ ซึ งการมีคณะกรรมการจํานวนมากอาจไม่มีความจําเป็ นแต่อ ย่างใด อีกทังการที กําหนดให้ผูท้ ีเป็ นกรรมการโดยตําแหน่ งเป็ นบุค คลทีมี ตาํ แหน่ งสํ าคัญทางราชการหรื อทางการเมื องย่อม ทําให้คณะกรรมการฯ ไม่สามารถประชุ มของคณะกรรมการฯ ได้บ่อยครัง เพือพิ จารณาเรื องที จําเป็ นต้อ ง

23

ดําเนินการ ประกอบกับคณะกรรมการโดยตําแหน่งซึงเป็ นหัวหน้ากระทรวงและหัวหน้าส่ วนราชการ อาจมี ภาระหน้า ที รับ ผิ ดชอบตามตําแหน่ ง หน้าที อยู่ แ ล้ว ซึ งอาจส่ งผลต่ อ การเข้า ทําหน้า ที ในคณะกรรมการ ส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อม โดยอาจจะไม่ ส ามารถเข้ามาทําหน้าที ได้อย่างเต็มที และใน รายละเอียดในทุกๆ ส่ วน แม้บุคคลดังกล่าวอาจมอบหมายให้ผู้แทนเข้าร่ วมประชุมคณะกรรมการฯ แทนได้ ก็ตาม สําหรั บสํ านักงานส่ งเสริ มวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) มี ค ณะกรรมการ บริ หารสํานักงาน เป็ นองค์กรฝ่ ายบริ หารภายใน ซึ งคณะกรรมการบริ หาร สสว. จะประกอบไปด้วยตัวแทน จากส่ วนราชการและผู ้ท รงคุ ณ วุฒิ ต่ า งๆ โดยมี ผู ้อ ํา นวยการสํ า นัก งานเป็ นกรรมการและเลขานุ ก าร คณะกรรมการ เมือพิจารณาถึงองค์ประกอบของคณะกรรมการบริ หารสํานักงานในปั จจุบนั ทีประกอบไป ด้วยผูท้ ีเป็ นกรรมการโดยตําแหน่ง และกรรมการผูท้ รงคุณวุฒิ นัน มีขอ้ สังเกตว่าเป็ นผูท้ ีมีความเหมาะสมใน การเข้ ามาทําหน้ า ที ด้า นการส่ ง เสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มหรื อ ไม่ โดยเฉพาะอย่ างยิ ง องค์ประกอบของคณะกรรมการโดยตําแหน่ งทีเป็ นข้าราชการประจําทีไม่ได้มีหน้าทีโดยตรงในการส่ งเสริ ม SMEs ซึ งเป็ น ภาพสะท้อนถึงการจัดตังองค์กรทีมีหน้าที ส่ งเสริ ม SMEs ของประเทศไทย ที มุ่งจะให้เป็ น องค์กรประสานงาน กําหนดนโยบายด้านการส่ งเสริ ม SMEs ไปให้แก่หน่วยงานราชการอืนๆ นําไปปฏิบตั ิ มากกว่าที จะเป็ นองค์ก รที ทําหน้าที โดยตรงในการส่ งเสริ ม SMEs โดยเข้าไปเป็ นหน่ วยงานปฏิ บตั ิ ก าร โดยตรง หรื อติดต่อมีปฏิสัมพันธ์กบั ผูป้ ระกอบการ SMEsโดยตรง ส่ วนประเด็นโครงสร้างองค์กรของ สสว. เห็นได้วา่ การแบ่งโครงสร้ างองค์กรในปั จจุบนั ทีแบ่งออกเป็ น กลุ่ม ทังกลุ่ มทีทําหน้าทีด้านการให้ความช่วยเหลือแก่ วสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (กลุ่มเครื อข่ายความร่ วมมื อและกลุ่มความช่ วยเหลือ สนับสนุ น) และกลุ่มที ทําหน้าทีในการบริ หารจัดการ องค์ กรภายในด้านธุ รการ (กลุ่ ม บริ ห ารจัด การ) ส่ วนกลุ่ มที สนับสนุ น ในเรื องนโยบายและแผน (กลุ่ ม ยุทธศาสตร์ ) มีการดําเนินการวางยุทธศาสตร์ ทงภายในและภายนอกองค์ ั กรคาบเกียวกัน ผูเ้ ขียนเห็นว่าควรมี ความชัดเจนในการกําหนดรายละเอียดขอบเขตอํานาจหน้าที ของแต่ ละกลุ่ ม ตลอดจนให้ความสําคัญกับ การบริ หารจัดการทรัพยากรทังด้านบุคลากร งบประมาณ และเทคโนโลยี เพือการส่ งเสริ ม SMEs ให้มากกว่า การบริ หารจัดการองค์กรภายใน รวมถึงมีก ารประชาสั มพัน ธ์ ให้ทงบุ ั คลากรภายในและภายนอกองค์ก ร ทราบถึงขอบเขตอํานาจหน้าทีในแต่ละกลุ่ม เพือนําไปสู่ ก ารปฏิ บตั ิงานทีเกิดประสิ ทธิ ผลในการตอบสนอง ความต้ อ งการของผู ้ป ระกอบการ SMEs และสั ง คมปั จจุ บัน ซึ งเมื อเปรี ยบเที ย บกับ องค์ ก ร SPRING Singapore แล้ว องค์ ก รของสิ งคโปร์ ไ ด้แ บ่ งโครงสร้ า งองค์ ก รส่ ว นใหญ่ เกื อ บทังหมดเพื อมุ่ ง ที จะให้

24

ความช่ วยเหลื อแก่ SMEs หรื อเพื อปฏิ บตั ิตามภารกิ จหน้าที ทีได้รับมอบหมายตามกฎหมายเป็ นหลัก ส่ วน การดําเนินงานภายในขององค์กรจะเป็ นส่ วนย่อยซึ งแม้จะมีความสําคัญแต่ก็ไม่เทียบเท่างานตามภารกิ จหลัก นอกจากนี พระราชบัญ ญัติ ส่ งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม พ.ศ.

ยัง

กําหนดให้จดั ตังกองทุ น ส่ งเสริ ม SMEs เพือให้ SMEs สามารถขอความช่ วยเหลื อ ทางการเงิ นจากกองทุ น ดังกล่าว แต่กฎหมายกลับกําหนดให้ส่วนราชการ หน่ วยงานของรัฐอืนๆ สามารถทีจะขอรับงบประมาณจาก กองทุนเพือนําไปใช้ในการให้การส่ งเสริ ม SMEs ได้ ซึ งทํา ให้เห็นว่า สสว. ไม่ได้เป็ นหน่ วยงานหลักทีทํา หน้าทีด้านการส่ งเสริ ม SMEs แต่เป็ นเพียงหน่วยงานบริ หารกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาด ย่อม และเป็ นฝ่ ายปฏิ บตั ิงานของคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มเท่ านัน ซึ งหาก จะทําให้ สสว. มี บทบาทในการส่ งเสริ ม SMEs มากยิ งขึนดังเช่ นองค์กรภาครัฐในต่างประเทศ เช่ น SMRJ ของประเทศญีปุ่ น และ SMBA ของสาธารณรัฐเกาหลี ก็จาํ เป็ นต้องแก้ไขทบทวนกฎหมายทีเกียวข้องเพือให้ สสว. กลายเป็ นหน่ วยงานที มี อ ํา นาจอย่างแท้จ ริ งและเป็ นหน่ วยงานหลัก ที เข้า ไปมี นิ ติ สั มพั น ธ์ กั บ ผูป้ ระกอบการของวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมโดยตรง เป็ นหน่ วยงานฝ่ ายปฏิบตั ิการในการส่ งเสริ ม ช่วยเหลือแก่ SMEs ได้โดยตรง อนึ งการทีจะให้ สสว. สามารถดําเนินการได้โดยสะดวกนัน นอกจากจะต้องแก้ไขกฎหมาย จัดตัง สสว. ซึ งเป็ นกฎหมายสํ าคัญ ระดับ พระราชบัญ ญัติแ ล้ว ยัง จํา ต้องมี งบประมาณสนับสนุ น และมี ทรั พยากรที จําเป็ นเพียงพอ ซึ งจากการสัมภาษณ์ บุคคลผู ้ทีเกี ยวข้องพบว่า สสว. ยังขาดงบประมาณในการ ดําเนิ นการ ดังนัน จึงมีความจําเป็ นทีจะต้องมีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณทีจําเป็ น มาให้แก่ สสว. ใช้ใน การปรับปรุ งโครงสร้ าง และสรรหาบุคลากรและทรัพยากรทีจําเป็ น เพือที จะให้ สสว. กลายเป็ นองค์กรฝ่ าย ปฏิบตั ิการอย่างเต็มที ทังนี จําต้องมีการแก้ไขกฎหมายทีเกียวข้องให้ สสว. เป็ นองค์กรหลักทีมีอาํ นาจและ จัดสรรงบประมาณให้เพียงพอ เพือการส่ งเสริ ม SMEs นอกจากนี สสว. จําเป็ นต้องเสนอแนะให้มีการปรับปรุ งกฎหมายทีมุ่งให้คณะกรรมการฯ เป็ นองค์ก รทีมี อ าํ นาจในการควบคุมสิ นค้า และบริ การของวิส าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมด้วย เพราะ การส่ งเสริ ม SMEs จะไม่ ก่ อ ให้เกิ ด ผลสํ า เร็ จได้อ ย่างยังยื น หากคุ ณ ภาพของสิ น ค้าและบริ ก ารที มาจาก วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มไม่ได้ม าตรฐานในระดับทีเป็ นที ยอมรั บของสากล การทีให้ สสว. มี อํานาจหน้าทีดังกล่าวอาจจําต้องมี การรวมหน้าทีรั บผิดชอบด้านการควบคุมคุณภาพของสิ นค้าและบริ การ ของหน่ วยงานอืนในปั จจุบนั มารวมอยู่ในอํานาจของ สสว. ซึ งสามารถกระทําได้โดยการออกกฎหมายอี ก เช่ นกัน และต้องมีการจัดสรรงบประมาณให้เพียงพอกับการดําเนินการดังกล่าวด้วย

25

ทังนี ข้อ มู ลที ได้รั บจากการสั มภาษณ์ ชี ว่างบประมาณในการดํา เนิ น การของ สสว. ใน การให้การสนับสนุ นส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มในปั จจุบนั ยังไม่ เพียงพอและมี อยู่อย่าง จํากัด ซึ งปั ญหาดังกล่าวอาจแก้ไขได้บางส่ วนโดยให้ สสว. มีอาํ นาจในการแสวงหากําไร หรื อผลประโยชน์ ตอบแทนจากการให้บริ การ (เช่น การให้กู้ยืมโดยคิดดอกเบียในอัตราตํา หรื อค่าธรรมเนียม ค่าเช่ า เป็ นต้น) ซึ งอาจนําเอารายได้ส่วนนันมาเป็ นเงิน ทุนในการส่ งเสริ มวิส าหกิ จได้ อัน เป็ นเงินทุน เพิ มเติมจากที ได้รับ จัดสรรมาจากงบประมาณภาครั ฐ แต่ ปัญ หาทีต้อ งพิ จารณาตามมาคือ สสว. มี บุค ลากรหรื อ มี ท รัพยากร ความพร้ อมทีจะปฏิบตั ิการดังกล่าวหรื อไม่ สสว. จําต้องทําการประกาศโฆษณาเกียวกับภารกิ จของตนให้มากยิ งขึน โดยอาศัยสื อต่างๆ ไม่ว่าจะเป็ นทางสื อวิทยุโทรทัศน์ หรื อสื อสิ งพิมพ์ต่างๆ ซึ งในปั จจุบนั อาจถือได้วา่ เป็ นภารกิจทีจําเป็ นของ หน่ วยงานทีมี หน้าทีในการให้บริ ก ารแก่ ประชาชน แม้วา่ ปั จจุบ ัน สสว. คงมี วธิ ี การให้ค วามช่วยเหลือ แก่ ผูป้ ระกอบการทีค่อนข้างจํากัดก็ตาม ทังนี เพือให้ สสว. เป็ นหน่ วยงานภาครั ฐแห่ งแรกทีผู ้ประกอบการที เป็ นวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมจะนึกถึงหากต้องการความช่วยเหลือหรื อต้องการพัฒนาในทางธุ รกิจ ของตน สํ า หรั บ อี ก แนวทางเลื อ กหนึ งในการดํา เนิ น การส่ งเสริ ม SMEs ของ สสว. ตามที พระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ได้กาํ หนดไว้ให้ สสว. เป็ นหน่วยงาน ทีมี ภารกิ จหลัก ในการกําหนดนโยบายและแผนการส่ งเสริ ม SMEs เพือให้หน่ วยงานอืนๆ ทังภาครัฐและ เอกชนรับไปปฏิ บตั ติ ามนัน สามารถเปรี ยบเทียบได้กบั หน่วยงาน SMEA ของประเทศญีปุ่ นเป็ นต้น ซึ งหาก ทิศทางการปฏิ บตั ิงานของ สสว. จะดําเนินการตามกฎหมายทีใช้บงั คับอยูใ่ นปั จจุบนั คณะผูว้ จิ ยั ได้วเิ คราะห์ จากบทสัมภาษณ์ และการวิจยั เอกสารแล้วเห็นว่า สสว. จะต้องเร่ งทําความเข้าใจและสร้างวัฒนธรรมองค์ก ร ร่ วมกันภายในองค์กรให้ชดั เจนถึงบทบาทของ สสว. ทีมิใช่หน่วยงานปฏิ บตั ิ หากแต่เป็ นหน่ วยงานกําหนด นโยบายและแผน โดยอาจเปรี ยบเทียบการดําเนินการของ สสว. ได้กบั สํ านักงานคณะกรรมการพัฒนาการ เศรษฐกิจและสังคมแห่ งชาติทีมีบทบาทในการวางแผนนโยบายพัฒนาเศรษฐกิ จและสังคมของทังประเทศ ในขณะที สสว. จะเป็ นผูว้ างแผนนโยบายให้แก่การส่ งเสริ ม SMEs ทังประเทศเช่ นกัน ทังนี การดําเนินการ ตามภารกิ จหลักดังกล่าว อาจอาศัยงบประมาณจํานวนไม่มากนักจากภาครั ฐเมือเปรี ยบเทียบกับการที สสว. จะผันบทบาทของตนเองเป็ นหน่วยปฏิบตั ิการในการส่ งเสริ ม SMEs

26

3. หน่ วยงานกํากับดูแลการทํางานด้ านการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่ อม การกํากับดูแลเกี ยวกับการส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมอาจแบ่งพิจารณาได้ เป็ น ส่ วน คื อ การกํากับดู แลองค์ก รทีทําหน้าทีในการส่ งเสริ ม SMEs และการกํากับดู แ ล (รวมทังการ ตรวจสอบ) การให้ความช่ วยเหลือ ส่ งเสริ มและสนับสนุนแก่ SMEs ในส่ วนแรกที เกี ยวกับการกํากับดูแ ลองค์กร ปั จจุ บนั นี คณะกรรมการส่ งเสริ มวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อ ม ไม่ อ ยู่ ภ ายใต้ ก ารกํา กับ ดู แ ลขององค์ ก รใด เพราะเป็ นหน่ วยงานของรั ฐ ที มี ความเป็ นอิสระอันมีนายกรัฐมนตรี ซึงเป็ นผูน้ าํ สู งสุ ดของฝ่ ายบริ หารเป็ นประธานคณะกรรมการ แต่ในทาง การเมื อ งอาจต้อ งรั บผิด ชอบต่อ คณะรั ฐ มนตรี ซึ งเป็ น ผูใ้ ห้ค วามเห็ นชอบนโยบายและแผนปฏิ บตั ิก ารใน การส่ งเสริ ม SMEs แต่ จะเห็นได้วา่ ในต่ างประเทศองค์ก รทีมี หน้าทีอย่างเดียวกัน กับคณะกรรมการฯ ของ ประเทศไทย จะอยู่ภ ายใต้ก ารกํากับดูแ ลของกระทรวงใดกระทรวงหนึ ง เนื องจากคณะกรรมการฯ ใน ต่างประเทศจะเป็ นหน่วยงานในสังกัดของกระทรวง (สิ งคโปร์ ) อยู่ภายใต้ก ารกํากับดู แ ลของกระทรวงต้น สังกัด หรื อเป็ นธนาคารของรัฐ (ฝรั งเศส) ซึ งแตกต่ า งจากระบบและรู ปแบบการเป็ นคณะกรรมการฯ ของ ประเทศไทย ในส่ วนนี ผูท้ าํ การวิจยั คงไม่อาจทีจะเสนอแนะให้มีการดําเนิ นการปรั บปรุ งระบบการกํากับ ดูแลคณะกรรมการได้ฯ หากไม่มีการแก้ไขกฎหมายในการจัดรู ปแบบของคณะกรรมการฯ เสี ยก่อน การกํากับดูแลสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม ซึ งปั จจุบนั อยู่ภายใต้ การกํากับดูแ ลของคณะกรรมการฯ นัน โดยหลักแล้วย่อมไม่อาจทีจะเปลี ยนแปลงไปให้องค์ก รอื นกํากับ ดูแ ลการทํางานของสํา นัก งานส่ ง เสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ได้ เพราะ สสว. เป็ น องค์กรทีมีภารกิ จหน้าทีทีผู กพันและยึดแน่ น กับคณะกรรมการฯ ลักษณะการกํากับดูแลเช่ นนี เป็ น วิธี การ ปกติทีใช้อยูใ่ นต่างประเทศ ในการให้ความช่ วยเหลือส่ งเสริ ม สนับสนุน แก่ SMEs ปั จจุบนั สสว. ยังไม่มีความชัดเจน การติดตามตรวจสอบความโปร่ งใสในการขอรับความช่ วยเหลือด้านเงินทุน และหน่วยงานของรัฐต่างๆ ที ยืนคําขอรับเงินทุนจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs เองก็อาจไม่ได้ติดตามตรวจสอบอย่างเคร่ งครัด ชัดเจนมากนัก ข้อ มูลที ได้รับจากการสัมภาษณ์ ได้แสดงให้เห็นถึงปั ญหาดังกล่ าว ซึ งทําให้เกิดความไม่โปร่ งใสในการใช้ เงินกองทุน และการให้ความช่ วยเหลือแก่วิสาหกิ จต่างๆ ปั ญหาดัง กล่าวนี ไม่สามารถแก้ไขให้หมดสิ นลง ไปได้หากไม่มกี ารออกกฎหมายหรื อกฎเกณฑ์ทีกําหนดข้อปฏิ บตั ิ หรื อให้อาํ นาจแก่ สสว. ในการตรวจสอบ และลงโทษอย่างเคร่ งครัด จึงมีความจําเป็ นทีจะต้องมีการดําเนิ นการแก้ไขกฎหมายในส่ วนนีให้ชดั แจ้ง

27

3.3 การจัดให้ มีเครือข่ ายในส่ วนภูมิภาค การให้ความช่ วยเหลือ หรื อ สนับสนุ น แก่ วสิ าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมจําเป็ นต้อ ง อาศัยความร่ วมมือจากหลายๆ ฝ่ าย ทังจากหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชน ผู ้ประกอบการต่างๆ การสร้าง เครื อข่ายการให้ความช่วยเหลือต้องถือว่าเป็ นหน้าทีหลักสําคัญทีคณะกรรมการฯ และ สสว. จําต้องสร้ างให้ เกิ ดขึน โดยอาจเป็ น เครื อข่ายระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนทีเกียวข้อง โดยให้ สสว. เป็ นหน่ วยงานกลาง สํ าหรับ การเชื อมโยงเครื อ ข่ ายเหล่ า นัน ทังนี เพื อไปสู่ จุด มุ่ งหมายที เป็ นการเอือประโยชน์ แ ละอํานวย ความสะดวกแก่ ผู ้ ป ระกอบการ SMEs ให้ ไ ด้ สู งสุ ด โดยมุ่ งไปสู่ การเป็ นจุ ด ติ ด ต่ อ เพี ย งจุ ด เดี ย วที ผูป้ ระกอบการต้องทําการติ ดต่ อ กับภาครัฐ ในการขอรั บความช่ วยเหลื อด้านธุ รกิ จจากภาครั ฐ (One-Stop Service Center) การใช้ เ ครื องมื อ และวิ ธี ก ารติ ด ต่ อ ยื นคํา ขอโดยผ่ า นเครื อ ข่ า ยอิ น เตอร์ เ น็ ต โดยที ผูป้ ระกอบการไม่ จาํ ต้อ งมาติดต่ อ ด้วยตนเองกับ สสว. อี ก ถื อ เป็ นวิธีก ารที สสว. ควรต้อ งดําเนิ น การใน ท้ายทีสุ ด การจัด ให้มีเ ครื อ ข่า ยในส่ วนภู มิภ าค มีค วามจํา เป็ นเป็ นอย่า งยิ ง เพื อให้เกิ ดการพัฒ นาที สมดุลของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อ มทัวประเทศ อย่างไรก็ตาม ในภาวะกฎหมายปั จจุบนั ที สสว. ยังไม่ได้เป็ น หน่ วยงานปฏิ บตั ิการในการให้ค วามช่วยเหลือ แก่ SMEs อย่างแท้จริ งนัน การมีเครื อข่ายของ สสว. ในส่ วนภูมิภาคอาจจะยังคงไม่มีความจําเป็ น มากนัก เพราะแม้ประชาชนซึ งเป็ นผูป้ ระกอบการจะมา ติดต่ อ ขอความช่ วยเหลื อ ในด้านต่างๆ กับ สสว. ในส่ วนภู มิภ าค แต่ สสว. มี ทรัพยากรที จํากัดในการให้ ความช่ วยเหลื อ หรื อ ยังมี อาํ นาจจํากัดในการให้ความช่วยเหลือ แต่เมื อมีการแก้ไขกฎหมายให้ สสว. เป็ น หน่วยงานทีทําหน้าทีและมีอาํ นาจอย่างแท้จริ งในการให้ความช่วยเหลือ สนับสนุ นแก่ SMEs แล้ว ในกรณี นี หน่ วยงานของ สสว. ในส่ วนของภูมิภาคจะมีความสําคัญและมีส่วนเป็ นอย่างมาก และเป็ น สิ งทีจําเป็ นใน การทีจะทําให้เกิดการพัฒนา และการเกิดขึนของ SMEs ในส่ วนภูมิภาค 3.4 มาตรการติดตามตรวจสอบการส่ งเสริมและสนั บสนุน SMEs คณะผูว้ ิจยั มีข ้อเสนอแนะในการปรับปรุ งแก้ไขกฎหมายในประเด็นเรื อง มาตรการติดตาม ตรวจสอบการส่ งเสริ มและสนับสนุ นวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ งเป็ นประเด็นทีสําคัญยิ ง เนื องจากแนวคิ ด ของการส่ งเสริ มและสนั บ สนุ น SMEs ที ดี น ัน สมควรเป็ นไปในลัก ษณะที ยั งยื น (Sustainable) ในลักษณะของการเป็ นพีเลียงให้ความช่วยเหลือ และคําปรึ กษาแก่ SMEs ทังการช่วยในระยะ

28

เริ มต้นกิจการ การให้ความช่วยเหลือระหว่างดําเนินกิจการ ตลอดจนการช่วยเหลือให้กิจการขยายตัวและเกิด ความก้ าวหน้ า อี ก ด้ว ย ดัง นัน การติ ด ตามตรวจสอบ SMEs ที มาขอรั บ การช่ วยเหลื อ สมควรเป็ นไป อย่างมีประสิ ทธิ ภาพและครบวงจร คงไม่ใช่เป็ นเพียงการช่ วยเหลือแค่ในครังแรกเริ มเท่านัน จากการศึกษาพบว่า ปั จจุบนั นี การส่ งเสริ มและสนับสนุน SMEs ทําผ่านการดําเนินงานของ สสว. ซึ งเป็ นองค์ก รหลัก ที มี ห น้ าที ความรั บ ผิ ดชอบโดยตรงต่ อ SMEs ในประเทศไทย ปรากฏว่า สสว. ยังไม่ มีมาตรการตรวจสอบผลของการดํา เนิ น การส่ ง เสริ ม SMEs เช่ น ว่านันอย่ างชัด เจน กล่ าวคื อ ไม่ มี มาตรการในลักษณะที จะเข้ามาคอยเฝ้ าติดตามว่า SME รายใดทีได้รั บความช่ วยเหลื อจาก กองทุนส่ งเสริ ม SMEs หรื อ ความช่ วยเหลื อ อืนใดตามแผนปฏิ บตั ิ ก ารส่ ง เสริ ม SMEs ของ สสว. ไปแล้ว จะสามารถดู แ ล กิ จการตนเองได้ อ ย่ างต่ อ เนื องและยั งยื น หรื อไม่ หรื อ จะประสบผลสํ า เร็ จในกิ จ การหรื อ ไม่ หรื อ มี ความจําเป็ นต้องกลับมาขอรับการช่ วยเหลื อเพิ มเติ มอีกหรื อ ไม่ อีกทังตามแผนปฏิ บตั ิก ารส่ งเสริ ม SMEs ทีดําเนินการผ่านหน่วยงานภาครัฐอืนก็ไม่ได้ระบุวธิ ีการติดตามตรวจสอบเช่นว่านัน อย่างไรก็ดีเมือตรวจสอบมาตรการเกี ยวกับการดําเนิ นการติดตามตรวจสอบการส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs ตามพระราชบัญ ญัติ ส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 พบว่า กฎหมายฉบับนี กําหนดมาตรการที อาจมี ลกั ษณะใกล้เคียงกับการติ ดตามตรวจสอบผลการส่ งเสริ มและ สนับสนุน SMEs เอาไว้ โดยจําแนกเป็ น 2 กรณี ได้แก่ กรณี ทีหนึ ง ตามมาตรา 39 ซึ งกําหนดให้ส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ หรื อ รั ฐวิสาหกิ จ ทีมี หน้าทีดําเนิ นการตามแผนปฏิ บตั ิก ารส่ งเสริ ม SMEs ต้องรายงานผลการดําเนิ น งานต่อคณะกรรมการ ส่ ง เสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม อย่ างน้ อ ยปี ละ 1 ครั ง 1 และมาตรา 40 เพื อประโยชน์ ใน การประเมินผลการดําเนินงานตามแผนปฏิบตั ิ การ กฎหมายกําหนดให้ส่วนราชการ หน่ วยงานของรัฐ หรื อ รั ฐ วิส าหกิ จที มีหน้าที ดําเนิ น การตามแผนปฏิ บ ัติก ารฯ มี หน้าที จัดทําข้อ มูล เชิ งสถิ ติอ อกเผยแพร่ 2 กรณี ดังกล่าวนี คณะผูว้ จิ ยั เห็นว่าเป็ นเพียงการเผยแพร่ ขอ้ มูลผลการช่วยเหลือส่ งเสริ ม SMEs ต่อสาธารณะเท่านัน ไม่ มี ค วามเกี ยวเนื องกับ การติ ด ตามหรื อ ตรวจสอบ SME รายที ได้รับ ความช่ วยเหลื อ ว่า SME รายนัน ยังคงดําเนิ นกิ จการอยู่หรื อไม่ หรื อประสบปั ญหาเกียวกับการดําเนิ นกิ จการเพิ มเติมในเรื องอื นใดหรื อไม่ อีก ทังการรายงานผลต่ อ คณะกรรมการส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม หรื อ การจัดทําข้อ มู ล เชิ ง สถิติ อ อกเผยแพร่ ก็ ไม่ ไ ด้ก ํา หนดรายละเอี ย ดเพิ มเติ มว่าจะนําผลของรายงาน หรื อ ข้ อมูล เชิ ง สถิ ติ 1

มาตรา 39 แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543

2

มาตรา 40 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543

29

ดัง กล่าวไปดําเนิ น การอย่ างไรต่ อไป จึงเปรี ย บเสมื อ นการแจ้งให้ค ณะกรรมการฯทราบ เพื ออาจนําไป ปรับปรุ งแผนปฏิบตั ิการส่ งเสริ ม SMEs ในปี ถัดไปเท่านัน ดังนัน SMEs ทีได้รับการช่วยเหลือหรื อส่ งเสริ ม ไปแล้วจึงไม่ได้ถูกติดตามอย่างเป็ นระบบและชัดเจน กรณี ทีสอง เป็ นกรณี ตามมาตรา 45 ซึ งว่าด้วยการเพิก ถอนการช่ วยเหลื อ ผู ้ประกอบการ SMEs ทีกระทําการโดยไม่สุจริ ต เพือให้ SME ของตนมีสิทธิได้รับการช่วยเหลือ3 โดยกฎหมายกํา หนดให้ คณะกรรมการฯมี อ ํา นาจเพิ ก ถอนการช่ วยเหลื อ แก่ SME รายใดที กระทํา การไม่ สุ จริ ต ซึ งมี ก ารติ ดตาม ตรวจสอบในแง่ ข องพฤติ ก รรมของผูป้ ระกอบการ SMEs ว่า SMEs ที ขอรั บการช่ วยเหลือ รวมถึ งรายที ได้ รั บ การช่ วยเหลื อ ไปแล้ วและอาจร้ อ งขอความช่ ว ยเหลื อ เพิ มเติ ม ได้ก ระทํา การใดๆ ที ไม่ สุ จริ ต อันก่อให้เกิดสิ ทธิในการได้รับความช่วยเหลือหรื อไม่ซึงคณะผูว้ จิ ยั เห็นว่าการติดตามตรวจสอบในลักษณะนี เป็ นเพียงการติดตามเพือค้นหาความไม่สุจริ ตของผูป้ ระกอบการ SMEs เท่านัน ไม่ใช่การติดตามผลว่า SMEs ทีได้รับความช่วยเหลือไปแล้วจะสามารถดูแลกิจการตัวเองต่อไปได้อย่างยังยืนหรื อไม่ นอกจากนี คณะผูว้ ิจยั ยังพบว่า ไม่มีการบัญญัติกฎหมายลําดับรองเกี ยวกับวิธีก ารติดตาม ตรวจสอบผลของการส่ งเสริ มและสนับ สนุ น SMEs ภายใต้พระราชบัญ ญัติส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลาง และขนาดย่ อ ม พ.ศ . 2543 เลย อี ก ทั ง เมื อพิ จ ารณ าโครงสร้ างองค์ ก รของสํ านั ก งานส่ งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ มแล้ว พบว่า ภายใต้ก ลุ่ ม งานยุท ธศาสตร์ แม้ สสว. ได้จดั ตังสํ า นัก ติด ตามและประเมิ น ผลโครงการ แต่ก ารดําเนิ น การติด ตามของสํ านั กติ ดตามและประเมิ น ผลเป็ นเพี ยง การติดตามตรวจสอบว่า SMEs ทีเข้ามาขอรับการส่ งเสริ มนันได้ดาํ เนินการตามแผนทีเสนอแก่ สสว. อย่าง ถูก ต้อ งหรื อ ไม่เ ท่ านัน ไม่ ได้เ ป็ นการติดตามตรวจสอบถึ งความเป็ นไปในการดํา เนิ น กิ จการของ SMEs ภายหลังทีได้รับการช่วยเหลือไปแล้ว ในลักษณะของการเป็ นพีเลียงแต่อย่างใด ประเด็น ดังกล่ า วคณะผู ้วิจ ยั เห็ น ว่า พระราชบัญ ญัติ ส่ งเสริ ม วิส าหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ไม่ได้ปิดโอกาสในการสร้ างมาตรการติดตามตรวจสอบผลการดําเนิน การส่ งเสริ ม และสนับสนุ น SMEs แต่ อ ย่ างใด และเมื อพิ จารณาจาก มาตรา 11 (7) แห่ ง พระราชบัญ ญัติฯ ดังกล่ า ว ทีกําหนดให้คณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อ มมี อาํ นาจในการเสนอแนะมาตรการ ด้า นการเงิ น การคลัง การภาษี อ ากร หรื อ มาตรการด้า นอื นเพื อส่ ง เสริ ม การปฏิ บ ัติ ก ารตามนโยบาย และแผนส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม แก่ หน่ วยงานทีเกี ยวข้อง4 ด้วยเหตุนี คณะกรรมการ 3 4

มาตรา 45 แห่ งพระราชบัญญัติส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 มาตรา (7) แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543

30

ส่ งเสริ มวิ ส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่ อ มสามารถอาศั ยกลไกตาม มาตรา 11 นี กํ า หนดวิ ธี การ หรื อมาตรการสําหรั บการติดตามผลการปฏิ บตั ิการตามแผนส่ งเสริ ม SMEs พร้ อ มกับแผนปฏิบตั ิการเพื อ ขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ได้ คณะผู ้วิจยั ขอเสนอแนะให้ค ณะกรรมการส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อ ม ดําเนิ นการกําหนดประเด็นเรื อง การติดตามตรวจสอบผลการดําเนิ นการส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs ไว้ ในนโยบาย และแผนการส่ งเสริ ม วิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อม และเพื อให้เกิ ดความสอดคล้อ ง ในการปฏิ บตั ิ การตามนโยบาย และแผนการส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่ อมดังกล่ าว สสว. โดยผ่ านคณะกรรมการบริ ห าร สสว. ต้อ งรับ เอาประเด็น เรื องการติ ดตามตรวจสอบผลการดําเนิ นการ ส่ งเสริ มและสนับสนุ น SMEs เช่ น ว่านันมากํา หนดรายละเอี ย ดไว้ในแผนปฏิ บตั ิ ก ารส่ งเสริ มวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อม .5 การให้ ความช่ วยเหลือด้ านการเงินแก่ SMEs จากการศึกษาพบว่า ปั จจุบนั นี การให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ SMEs ซึ งถือเป็ นหัวใจ หลักของการดําเนินงานส่ งเสริ ม SMEs โดยสํานักงานส่ งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สามารถจํา แนกได้ เ ป็ น ช่ อ งทาง ได้ แ ก่ 1) การเข้ ามาขอรั บ การสนั บ สนุ น โดยตรงจาก สสว. และ 2) การได้รับการสนับสนุนผ่านหน่วยงานอืนตามแผนปฏิ บตั ิการส่ งเสริ ม SMEs ที สสว. ได้จดั ทําขึนทุกปี เมื อพิ จารณาช่ อ งทางการให้ ค วามช่ วยเหลื อโดยตรงจาก สสว. พบว่า ได้มี ก ารจัด ตังขึ นเป็ น “กองทุ น ส่ งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อม” โดยมีการกําหนดคุณสมบัติของ SMEs หรื อองค์กรเอกชนทีจะ ขอรับการช่ วยเหลื ออุดหนุนจากกองทุนรวมถึงหลักเกณฑ์ในการขอรับการช่ วยเหลือดังกล่าวด้วย โดยระบุ อยู่ภ ายใต้ก ฎกระทรวงอุ ตสาหกรรม การขอและการให้ค วามช่ วยเหลื อ การส่ งเสริ มหรื อ การสนับสนุ น และคุณสมบัติของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรื อองค์การ เอกชนทีมีสิทธิ ขอความช่วยเหลือ ส่ งเสริ ม หรื อการสนับสนุน จากกองทุนส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อ ม พ.ศ. 2556 ออกโดยอาศัยอํานาจของพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม พ.ศ. 2543 ส่ วนการได้รับการสนับสนุ น ผ่านหน่ วยงานอื นตามแผนปฏิ บตั ิการส่ งเสริ ม SMEs เป็ น กรณี ที สสว. ได้จดั ทําแผนขึนเพือขอความร่ วมมือ กับหน่วยงานทังภาครั ฐและภาคเอกชนที เกียวข้อ ง ในการจัดทํา โครงการสนับสนุน SMEs ในรู ปแบบต่างๆ

31

จากการศึ กษาและเก็ บรวบรวมข้อมูล คณะผู ้วจิ ยั พบว่า มาตรการให้ความช่ วยเหลื อด้าน การเงิ นแก่ SMEs โดย สสว. ยังมีค วามไม่เหมาะสมและไม่มีประสิ ทธิ ภาพเท่าทีควร เนื องจาก SMEs ทีร้ อ ง ขอรับการช่ วยเหลื ออุ ด หนุ น จาก สสว. มี จาํ นวนมาก แต่ ย งั ไม่ มีค วามชัด เจนในตัวผู้ประกอบการเองว่า ต้องการเงินช่วยเหลือเพือใช้ในวัตถุประสงค์ใด ซึ งจําเป็ นต้องให้ความรู ้ ความเข้าใจแก่ผปู ้ ระกอบการ SMEs ถึงช่อ งทางการบริ หารจัดการเงิ นทีได้รับความช่ วยเหลือ 5 อี กทังคณะผูว้ ิจยั ยังพบว่า อํานาจของ สสว. ด้าน การพิจารณาเรื องการให้เงินช่วยเหลือจากกองทุนส่ งเสริ ม SMEs มีความกว้างเกินความจําเป็ น กล่าวคือ การ ให้ความช่วยเหลือ โดยผ่านกองทุนส่ งเสริ ม SMEs สมควรเป็ นการช่ วยเหลือ เฉพาะในกรณี ทีจําเป็ นอย่างยิ ง เท่านัน 6 เมื อพิจารณาถึงจํา นวนเงินงบประมาณทีกองทุน ส่ งเสริ ม SMEs ได้รับการจัดสรรมาจากภาครัฐ เปรี ยบเทียบกับความต้องการได้รับความช่วยเหลือของ SMEs ทังประเทศ ประกอบกับการทีมีหน่วยงานทัง ภาครัฐและภาคเอกชนทีทําหน้าทีช่วยเหลือเงินทุนแก่ SMEs หลายหน่วยงานด้วยกัน ทังนี โดยหลัก แล้ว กฎกระทรวงอุ ตสาหกรรม พ.ศ. 2556 ว่าด้วยหลัก เกณฑ์ในการให้ ความช่วยเหลือแก่ SMEs จะกําหนดหลักเกณฑ์ในการให้ความช่ วยเหลือเอาไว้ในลักษณะทัวๆ ไป เช่น เพือ การดําเนิ นการก่อตัง ปรับปรุ ง หรื อเพิ มขีดความสามารถของกิ จการ SMEs เพือการวิจยั และพัฒนา เป็ นต้น โดยประเด็ นที น่ าสั งเกต คื อ การให้ช่ วยเหลื อในลัก ษณะดังกล่าวนี กฎหมายได้กาํ หนดถ้อ ยความไว้ให้ ตีค วามได้ก ว้างขวางมาก จนขาดความชัดเจนถึงการชังนําหนักความจําเป็ นทีจะต้อ งอาศัยงบประมาณจาก กองทุน ส่ งเสริ ม SMEs ดังเช่ นที มี ถ้อ ยความในกฎกระทรวงดังกล่ าวกําหนดให้มีการให้ค วามช่ วยเหลื อ ส่ งเสริ ม หรื อสนับสนุน SMEs ในรู ปแบบอืน ซึงมิได้ระบุไว้ถึงตัวอย่างรู ปแบบอืนๆ ทีกฎหมายประสงค์จะ ให้ตีค วามไปได้ครอบคลุมถึง จึงมีความจําเป็ นเป็ นอย่างยิ งทีจะต้อ งมี การแก้ไขปรับปรุ งกฎหมายเกี ยวกับ การใช้ เงิ น กองทุ น โดยระบุ ถึ ง ตัวอย่ างการส่ ง เสริ ม สนั บ สนุ น SMEs ในรู ป แบบอื นๆ เช่ น การให้ ความช่วยเหลือด้านลดหย่อนภาษีแก่ SMEs การให้เงินสนับสนุนในเหตุฉุ กเฉิ นอันเนืองมาจากภัยธรรมชาติ เป็ น ต้น และให้ สสว. และคณะกรรมการส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็ น หน่ วยงานหลักที ใช้เงินกองทุนเพือสนับสนุนแก่ วสิ าหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมโดยตรงและในทุกๆ ส่ วนมากทีสุ ดเท่าที จะเป็ นไปได้ โดยมิ ตอ้ งให้ส่ วนราชการหรื อ หน่ วยงานของรัฐ อืนๆ มีสิ ทธิ ใช้เงินกองทุ นดังกล่าวอีก ซึ ง 5

นายธานิ น ทร์ ผะเอม รองเลขาธิ การคณะกรรมการพัฒ นาการเศรษฐกิจและสั งคมแห่ งชาติ ผูแ้ ทนกรรมการในคณะกรรมการส่ งเสริ ม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) สัมภาษณ์วนั ที 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 6 นายอาทิตย์ วุฒิคะโร รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กรรมการในคณะกรรมการบริ หารสํานักงานส่ งเสริ มวิสาหกิจขนาดกลางและ ขนาดย่อม สัมภาษณ์วนั ที 30 ตุลาคม 2556

32

อาจจะเป็ นการทําให้งบประมาณในการดําเนิ นการให้การสนับสนุ นวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อมที สสว. สามารถนํามาใช้ได้เองคงเหลืออยู่ในจํานวนทีเพียงพอได้ ดังนัน จึงควรมีการแก้ไขปรับปรุ งกฎหมายในส่ วนเกี ยวกับการใช้เงินกองทุน เพือให้ สสว. เป็ นผูใ้ ช้เงินกองทุนในการให้ความช่วยเหลือแก่วสิ าหกิ จทีอยู่ในหลักเกณฑ์ ด้วยวิธีการต่างๆ ทีไม่จาํ กัดเพียง การให้กยู้ ืมโดยตรงเท่านัน และ สสว. เป็ นหน่ วยงานทีมีอาํ นาจตรวจสอบการใช้เงินกองทุน ติดตามผลการ ใช้เงิ นกองทุน และมี อาํ นาจในการออกคําสั งลงโทษการฝ่ าฝื นบทบัญญัติของกฎหมายด้วย อัน จะทําให้ การจัดการกองทุนเป็ นไปอย่างมีประสิ ทธิ ภาพและมีประโยชน์ต่อวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ มของ ประเทศไทยอย่างแท้จริ ง อนึ ง นอกจากการปรับปรุ งกฎหมายและอนุ บญ ั ญัติทีเกี ยวข้อ งแล้ว มีข้อ สังเกตจากความ ตามพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิสาหกิ จขนาดกลางและขนาดย่อ ม พ.ศ. 2543 ทีคณะผู ้วจิ ยั เห็นว่าเป็ นประเด็น สําคัญยิ งในการพิจารณาจัดสรรงบประมาณและบริ หารจัดการกองทุนส่ งเสริ ม SMEs ให้เหมาะสม กล่าวคื อ ในมาตรา 30 แห่ งพระราชบัญญัตินี ได้กาํ หนดให้ สสว. มีวนั สิ นปี บัญชีตามปี ปฏิทินได้แก่ วนั ที 31 ธันวาคม ของทุ ก ปี ซึ งแตกต่ า งจากส่ วนราชการและหน่ ว ยงานภาครั ฐ หลายๆ หน่ วยงานที จะต้อ งใช้ จ่า ยเงิ น งบประมาณที ได้รั บการจัดสรรตามรอบบัญ ชี ข องการของบประมาณ จึงทําให้ สสว. จําเป็ นต้อ งสร้ า ง นโยบายการดําเนิน งานให้สอดคล้องกับระยะเวลาทีกฎหมายกําหนด โดย สสว. สามารถอาศัยช่องทางการ สะสมเงินกองทุนไว้ เพือใช้จา่ ยให้ถูกต้องตามกฎหมายและทันต่อสถานการณ์การแก้ไขปั ญหาเพือส่ งเสริ ม SMEs เป็ น สําคัญ โดยสรุ ป มีค วามจําเป็ นทีจะต้องแก้ไขปรับปรุ งพระราชบัญญัติส่งเสริ มวิส าหกิ จขนาดกลางและ ขนาดย่อม ในเกือบทุกๆ ส่ วน โดยเฉพาะอย่างยิ งการทําให้คณะกรรมการฯ และ สสว. กลายเป็ นหน่วยงานที มี อ ํา นาจในการดําเนิ น การอย่ า งครอบคลุ ม มี ง บประมาณ ทรั พ ยากร บุ ค ลากรที เพี ยงพอ ในการให้ การส่ งเสริ ม สนับสนุน ช่ วยเหลือ และมี อาํ นาจในการติ ดตามตรวจสอบการให้ ความช่ วยเหลือวิส าหกิ จ ขนาดกลางและขนาดย่อมด้วย